ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : สู่ฟลอเดียร์
สู่ฟอลเดียร์
"ซากโบราณสถานใหม่หรอ... น่าสนุกดีนี่..."
"ซากโบราณสถานใหม่หรอ... น่าสนุกดีนี่..."
วันถัดมา ผมก็มายืนอยู่บนดาดฟ้าเรือบินเรียบร้อยแล้ว...
ผมไม่รู้ว่าตัวเองมาที่นี่ได้อย่างไรและมาทำไมเมื่อสิบนาทีก่อนเมื่อโงหัวออกมาจากที่นอนได้ แต่ตอนนี้สมองผมถูกแสงแดดอ่อนๆยามเช้าจูนแล้วและความทรงจำก็กลับมาเหมือนเดิม ขณะนี้เป็นเวลาหกโมงเช้าของวันใหม่ ผมจำได้ว่าเมื่อวานนี้ตอนเย็นนับจากที่ติดสินใจอย่างแน่วแน่ว่าจะไปตามหาเอสทรั่ลไทร่า แม่ก็ช่วยผมจัดกระเป๋าอย่างรวดเร็วโดยไม่ได้ทัดทานอะไร ศาสตราจารย์ก็เช่นกัน ท่านเพียงแค่ยิ้มแล้วก็ไปจัดการเรื่องการเดินทางให้แต่ก็ไม่ได้พูดกับผมหรือมาส่งผม จากนั้นผมก็มาที่ท่าอากาศยานของเพลนอาร์ค ขึ้นเรือบินชั้นหนึ่งสุดหรู แต่ได้นอนชั้นล่างสุด... ทว่ามันก็ไม่เลวร้าย แม้จะเป็นชั้นล่าง ซึ่งเป็นชั้นที่ถูกสุดสำหรับผู้ที่เพิ่งสำเร็จการศึกษาที่มีดีแค่ปัญญาไม่ได้ร่ำรวยแบบเจ้าชาร์ล (ผมฐานะปานกลางแต่เจ้าชาร์ลมันลูกมหาเศรษฐี) แต่ก็ยังหรูราวกับอยู่ในโรงแรมชั้นหนึ่ง มันทำให้ผมรู้สึกสยองนิดๆเมื่อลองนึกถึงห้องพักชั้นหนึ่งของเรือบินนี้ ว่ามันจะแพงเท่าใดกันนะสำหรับการเดินทางเพียงวันเดียว
ผมที่ชินแล้วกับการเดินทางคนเดียวโดยมีเพียงแซนด์เป็นเพื่อน บอกได้เต็มปากว่าไม่เหงา และรู้สึกดีเสียอีกที่ได้ออกจากเพลนอาร์ค เมืองแสนวุ่นวายที่ส่องสุ่มปัญหาของคนระดับรากหญ้าและสถานที่สำหรับการกดขี่ชนชั้นกรรมาชีพ เพื่อมุ่งหน้าเดินทางแสวงหาความสวยงามจากซากโบราณสถานต่างๆ และสิ่งแรกที่ออกมาตอนรับอิสระภาพเล็กๆของคนเมืองอย่างผมดังเช่นทุกครั้งก็คือสายลมและแสงแดดอ่อนๆยามเช้าจากฟากฟ้า
"อรุณสวัสดิ์ วันใหม่!" ผมพูดเสียงดังแล้วชูมือขึ้นสูงพร้อมกับแซนด์ที่หัวเรือ ก่อนจะบิดขี้เกียจคนละทีสองทีทั้งเจ้านายและสัตว์เลี้ยง ทำเอาเหล่าเศรษฐีไฮโซหันมามองแล้วหัวเราะคิกคักกันใหญ่ แต่ผมสนซะที่ไหนกันละ...
"โอ๊ย! เรือหรูไม่มีอะไรตื่นเต้นเลยโว้ย!!" ผมตะโกนต่อ คราวนี้ผู้โดยสารแถวนั้นหยุดยืนมองผมกันเป็นแถบ โดยเฉพาะพวกลูกเรือที่รีบดิ่งมาทางผมทันที
"เอ่อ... ขอโทษนะครับ กรุณาลดเสียงได้ไหมครับ เพราะว่า..."
"ขอโทษที เผอิญผมไม่เห็นคุณป้าเครื่องเพชรนอนอยู่ตรงนั้น เลยตะโกนไปน่ะ" ผมชิงพูดก่อนที่ลูกเรือคนนั้นจะทันได้พูดจบแล้วชี้ๆไปที่พื้นว่างเปล่าด้านหนังเขาถัดไปอีกห้าเมตร "อ้อๆ ผมแน่ใจด้วยว่าไม่เห็นคุณหนูลูกผู้ดีสี่คนที่น้นจิบชาตั้งแต่เช้ายันเย็นตรงนั้นด้วย" ผมสะบัดมือไปอีกทิศ ตั้งใจเอาแขนกระแทกลูกเรือคนนี้ แล้วแอบส่งยิ้มให้สาววัยรุ่นสี่ห้าคนที่ยืนหัวเราะคิกคักหลังลูกเรือ จากนั้นก็กลับมายิ้มกวนๆให้คู่สนทนาที่กำลังเดือดปุดๆ
"แต่ว่า คุณควรจะรักษามารยาทหน่อยนะครับ เพราะที่นี่ เรามีผู้โดยสารที่เป็นชนชั้น..."
ซ่า!!
แล้วเจ้าแซนด์ก็ระเบิดทรายเข้าหน้าลูกเรือคนนั้นกระเด็นกลิ้งลงไปนอนแผ่บนพื้นห่างไปเจ็ดเมตร ผมกับมันยิ้มกว้าง
"ขอโทษที ผมเป็นไพร่" ผมทิ้งท้าย ก่อนจะเดินโปรยยิ้มให้สาวๆที่แอบโบกไม้โบกมือให้กับความยียวนของผมกับแซนด์
แล้วชีวิตของผมบนเรือบินก็สนุกสนานขึ้นเยอะเลย
หลังจากวีรกรรมบนดาดฟ้าเรือถูกส่งไปปากต่อปากของเหล่าลูกเรือนับร้อย พนักงานทุกคนก็ดูเหมือนจะตั้งตัวเป็นปฏิปักษ์กับผม ยกตัวอย่างเช่นที่ในห้องอาหาร ที่ดูเหมือนว่าเหล่าพนักงานเสิร์ฟจะชอบมองเลยข้ามตัวเสียบ่อยๆเสียจนผมกับแซนด์ต้องเรียกด้วยวิธีสุภาพๆอย่างการระเบิดทรายเข้าหน้าและเรียกทรายหล่นทับจนตัวแบนติดพื้น หรือบนดาดฟ้าเรือ ที่เหล่าพนักงานทุกคนดูเหมือนจะเกิดโรคเข่าอ่อนพร้อมกันเมื่อเดินผ่านหน้าผม เป็นเหตุให้อะไรก็ตามบนมือที่ถือๆกันอยู่จะหล่นลงมาใส่ แต่ก็ไม่ได้กินผมหรอก
ว้ากกกก!!
โครม!!
"รายที่สิบเอ็ด" ผมขีดเส้นลงบนราวเหล็ก แล้วยกนิ้วให้กับแซนด์แนวร่วมปลิดชีพ
ทั้งหมดนี้ ทำให้ผมไม่แปลกใจเลยที่เหล่าลูกเรือและพนักงานทุกคนจะโบกมือบ๊าบบายผมให้อย่างพร้อมเพรียงเมื่อผมก้าวลงจากเรือ...
"หือ? ที่นี่..."
ผมหันมองรอบกาย รู้สึกไม่คุ้นกันสถานที่ ถ้าจำไม่ผิด ที่นี่จะต้องเป็นท่าอากาศยานของฟลอเดียร์ซึ่งเป็นท่าอากาศยานการท่องเที่ยวขนาดกลางที่การต้อนรับแสนจะอบอุ่น แต่ที่นี่กลับไม่ใช่ มันเป็นท่าอากาศยานเล็กๆ มีรันเวย์แค่หกเส้น กับโรงเก็บเรือบินอีกไม่กี่ยี่สิบโรง อาคารผู้โดยสารก็ค่อนข้างเล็ก ขนาดประมาณสนามกีฬาได้ และดูภายนอกเหมือนกับสร้างจากไม้ ทว่ามันก็ดูสวยไปอีกแบบ ผมเริ่มออกเดินอย่างเอ๋อๆไปที่อาคารผู้โดยสาร
"ยินดีต้อนรับครับ/ค่า"
เสียงต้อนรับแสบแก้วหูพุ่งปรี๊ดแทงหูทั้งสองข้างทะลุออกอีกข้าง ผมและแซนด์สะดุ้งสุดตัวอย่างไม่ตั้งใจ แล้วก่อนที่ผมจะได้ลืมตามองต้นเสียง พวงดอกไม้หอมดอกโตก็คล้องคอผมจนท่วมหัว ทำเอาผมเซเกือบล้ม แต่แล้วใครก็ไม่รู้เข้ามาประคองผมไว้ได้ทัน
"ขะ... ขอบคุณครับ" ผมรีบลุกขึ้นยืน ดึงพวงดอกไม้ออก แต่ยังไม่ทันที่มันจะพ้นหัว มือใครไม่รู้ก็ตบมันลงไปอย่างเดิม แรงนั้นทำเอาผมทรุดลงไปเลย
"อย่าเพิ่งเอาออกซี้ ใส่ไปหอมๆ" เสียงทุ้มๆแตกพร่าราวกล่องศึกดังขึ้น แล้วใบหน้าของชายผิวดำหัวโล้นท่าทางทะเล้นก็โผล่มา "ยินดีต้อนรับสู่ฟลอเดียร์ นายหนุ่ม" เขาทักทายอย่างร่าเริงตามประสาคนดำ แล้วจับมือผมเขย่า เป็นอีกครั้งที่ผมทรงตัวไม่อยู่
"ฮ่า ฮ่า นายนี้กระดูกอ่อนจังนะ ไม่เหมือนเพื่อนนายเลย ดูสิ" แล้วเขาก็ชี้ไปที่แซนด์ ซึ่งตอนนี้กำลังโดนพนักงานตอนรับสาวสามคนกอดอยู่
"ยินดีต้อนรับสู่ฟลอเดียร์นะจ๊ะ" สาวๆทั้งสามพูดเสียงหวาน ผลัดกันซุกพุงกลมๆของแซนด์คนละที เจ้าสกาเวนอ้วนร้องร่าอย่างมีความสุขจนคนรอบข้างอิจฉา ผมก็คนนึงละ!!
"เอาละ ฉันว่านายกำลังเหนื่อย และหิว ตามฉันมาเลยเพื่อน!" สิ้นคำ ผมก็โดนหิ้ววิ่งออกจากอาคารผู้โดยสาร มุ่งหน้าไปที่รถ แล้วก็โดนเหวี่ยงเข้ารถ (ส่วนแซนด์โดนสาวๆช้อนเข้ารถ...)
"ขอให้โชคดีเพื่อน หวังว่าเราจะได้เจอกันอีกเร็วๆนี้!" ชายผิวดำว่าแล้วโบกมือลา (โดยมีสาวๆโบกมือลาไอ้เจ้าแซนด์ข้างๆ!)
"มะ... มันอะไรกัน..." ผมที่ยังจับต้นชนปลายไม่ถูกโงหัวขึ้นมาจากที่นั่งด้านหลังช้าๆ มองไปทางท่าอากาศยานอย่างหวาดๆ
นี่เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกกลัวพนักงานตอนรับของอาณาจักรฟลอเดียร์...
---------- Fadalgia ----------
"อ้อ นั่นเป็นท่าอากาศยานใหม่ของฟลอเดียร์น่ะ" ศาสตราจารย์วอตันตอบผมอย่างสบายๆผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์ "เขาสร้างขึ้นเพื่อรองรับนักท่องเที่ยว เป็นไงบ้างละ เป็นกันเองดีไหม?"
"ช่ายครับ เป็นกันเองมากๆเลย..." ผมตอบไปอย่างเซ็งๆ สมองนึกถึงชายผิวดำล่ำส่ำคนนั้นขึ้นมาทันที
ตอนนี้ผมมาอยู่ที่ห้องพักของโรงแรมเรียบร้อยแล้ว แน่นอนว่ามันก็สวยงามพอๆกับห้องบนเรือนั่นแหละ แตกต่างอยู่อย่างเดียวว่าทรรศนีย์ภาพด้านนอกนั้นเป็นทิวป่าไม้สวยงาม ไม่ใช่ท้องฟ้าสดชื่นเหมือนอยู่บนเรือ แถมยังมีส่วนที่นอนหนานุ่มสำหรับสัตว์เลี้ยงด้วยซึ่งบนเรือบินไม่มี และตอนนี้เจ้าแซนด์ก็นอนกรนสบายไปเรียบร้อยแล้วหลังจากโดนเด็กๆและสาวๆขอไปกอดกันตลอดเวลาในห้องอาหาร (น่าอิจฉามันจริงๆ!!)
"แล้วไง คิดไว้แล้วหรอยังว่าจะไปที่ไหนก่อน" ศาสตราจารย์ถามต่อ ผมนิ่งคิด จริงด้วย ผมยังไม่ได้คิดไว้นี่น่าว่าจะไปที่ไหนก่อน
"ถ้าจะไม่ได้คิดไว้ ถ้างั้น..." ศาสตราจารย์เคาะแป้นคีย์บอร์ด สักพัก เมลของศาสตราจารย์ฉบับก็เข้ามา ผมคลิกเปิดดู ในนั้นเป็นแผนที่
"อะไรอ่ะครับ" ผมถาม มองแผนที่ที่ศาสตราจารย์ส่งมา
"คือว่า ตอนนี้มีซากโบราณสถานอยู่ที่หนึ่งเป็นสถานที่ที่เพิ่งพบไม่นานนี้ ลองไปดูสิ" ศาสตราจารย์บอก ผมมองมัน วิเคราะห์แผนที่ไปพลางๆ
"ถ้าเพิ่งพบไม่นาน มันก็ต้องมีนักสำรวจสำรวจอยู่สิครับ จะให้ผมไปรวมกับพวกนั้นหรอครับ" ผมถาม เพราะตามหลักเมื่อมีการค้นพบซากโบราณสถาน แกรนวิสดอมจะส่งนักสำรวจและนักธรณีวิทยา รวมทั้งนักเวทย์บางส่วนมาสำรวจก่อนเสมอๆ
"ไม่ต้องหรอก เพราะเขาส่งมาสำรวจกันไปเรียบร้อยแล้ว" ศาสตราจารย์บอก ผมนิ่วหน้าทันที
"แล้วจะให้ผมไปขุดอะไรละครับ ป่านนี้มันไม่พรุนไปหมดแล้วหรอ" ผมว่า เริ่มไม่เข้าใจความคิดของอาจารย์แล้ว
ทว่าศาสตราจารย์กลับยิ้ม
"ไม่หรอก เธอลองไปดูสิ แล้วจะรู้" ศาสตราจารย์พูดเป็นปริศนา
"เอาละ ฉันต้องไปนอนแล้วละ พรุ่งนี้ต้อไปจับผิดพวกเด็กปีหนึ่ง" ศาสตราจารย์พูดเร็วๆ ทำท่าจะปิด ผมรีบรั้งท่านไว้ทันที
"เดี๋ยวสิครับ ศาสตราจารย์หมายความว่ายังไง..."
แต่ช้าไปแล้ว เพราะศาสตราจารย์ตัดการติดต่อไปแล้ว...
ผมยังนั่งอยู่หน้าจอเหมือนเดิม นั่งมองแผนที่ที่ศาสตราจารย์ให้มา พลางนึกถึงสภาพของมันว่าจะทรุดโทรมแค่ไหน
และทำไมศาสตราจารย์ต้องพูดอะไรเป็นปริศนาเกี่ยวกับมันด้วย
ทั้งหมดนี้ทำให้ผมรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาอย่างน่าประหลาด เป็นความรู้สึกที่ไม่ค่อยได้เจอนักในตอนนี้ ผมยิ้ม วางศีรษะลงบนฝ่ามือที่ตั้งเป็นเชิงรองรับไว้พลางรำพึงกับตัวเองเบาๆ
"ซากโบราณสถานใหม่หรอ... น่าสนุกดีนี่..."
ผมหัวเราะน้อยๆกับคำพูดตัวเอง พลางลองจิตนาการนึกถึงปริศนาที่จะได้เจอที่นั่น...
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น