ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Dragon\'s Spirits : The Emperium of fire

    ลำดับตอนที่ #4 : บทที่ III ตำนานแห่งกรวดทราย ( The legend of sand)

    • อัปเดตล่าสุด 4 พ.ค. 49




                    เปลวแดดระยับเหนือดินกรวดอันร้อนระอุ สายลมและฝุ่นผงปลิวไสวดุจไอเพลิงของจ้าวโลกันต์ มันเป็นเวลาอันแสนทนทุกข์ระคนความลำบากของผู้อาศัยในอาณาบริเวณอันรายล้อมด้วยความแห้งแล้งแห่งนี้ โมไนโรว์  ปฐพีแห่งกรวดทราย เมืองหลวงแห่งอาณาจักรไซเพิร์น ( The Land of Zypern)



                    มันเป็นเวลายาวนานเกือบห้าร้อยปี นับย้อนไปยามที่ จักวรรดิ์ ( The Empire )  แตกออกเป็นเสี่ยงด้วยไฟแห่งมหาสงคราม เหล่าบรรพบุรุษได้ค้นพบความโหดร้ายของโชคชะตาเมื่อชีวาแห่งมังกรดับสูญลง มนุษย์ก็รู้ซึ้งว่าโลกมิได้ปราณีพวกเขา มันเป็นช่วงวิกฤตแห่งยุคสมัย เกิดความระส่ำระสายไปทั่วทั้งแผ่นดิน

                  

                   ฝูงอสูรร้ายที่เหลือรอดจากมหาสงครามออกอาละวาด สังหารกัดกินเหล่าผู้คน โดยที่เหล่านักสู้มิอาจต้านทานไหว ผู้คนต่างพากันอพยพหลบหนีกันหัวซุกหัวซุน ปรากการใหญ่ที่เคยแข็งแกร่งถูกละทิ้ง  บ้านเมืองถูกทำลายย่อยยับ ทรัพย์สินเงินทองกลายเป็นของไร้ค่า เสียงหวีดร้องของความกลัวและโรคระบาดแพร่สะพัดไปทั่วหนแห่ง ผู้กล้าที่อาจหาญยืนหยัดปกป้องอุดมการณ์ต้องเผชิญกับจุดจบอันน่าสยดสยอง เมื่อต้องสังเวยชีพให้กับศัตรูที่อุดมคติ วรยุทธ์ และหลักคุณธรรมแห่งปรมาจารย์มิอาจทำอะไรพวกมันได้

                  

                   ในช่วงเวลาแห่งความทุกข์นั้น เหล่ามนุษย์ผู้อ่อนด้อยได้มอบความหวังและชะตากรรมทั้งมวลไว้กับ ผู้เข้มแข็งกลุ่มสุดท้ายทั้งสี่คนอันได้แก่



                 ซากอน แชริออท ( Sagon Chariot )   ขุนศึกแห่งกองพันพิทักษ์จักรวรรดิ์ ผู้นำทางทหารคนสุดท้ายที่เหล่านักรบไว้วางใจ



                 ลอร์ด เอโกนอส   (  Lord Eagonos )   ผู้สืบทอดบัลลังก์จักรพรรดิ โอรสแห่ง เอโกเนียร์( Eagonear the Great )



                 มิโกะ อซึเมะ   ( Azume The Miko ) ปราชญ์แห่งญาณและการเรียนรู้ บุตรีบุญธรรมที่เอโกนอสรับเลี้ยงไว้ตั้งแต่แรกเกิด

                

                 และ ลอร์ด เอโกนิล ( Lord Eagoniel ) อนุชาของเอโกนอส บุรุษอันเป็นที่ยำเกรงของผองชน



                วันหนึ่งเมื่อยามละอองแห่งความหวังถูกริดรอนใกล้สิ้นสุด เหล่าผู้กล้าได้เข้าร่วมปรึกษาเป็นครั้งสุดท้าย เพื่อหาหนทางรอดพ้นจากวิบากกรรมอันเลวร้าย ภายใต้กำแพงและเสาหินอันแตกหัก ระคนก้องด้วยเสียงหวีดร้อง คร่ำครวญระทนทุกข์ กลิ่นสาบของคนตายเจือไปกับกลิ่นคาวเลือด ควันไฟ และเถ้าถ่าน นักรบกลุ่มสุดท้ายกำลังอ่อนล้าและเสียขวัญ ไม่เกินราตรีนี้ทุกชีวิตรู้ดีว่า หากผู้นำหาทางออกมิได้ เขาทั้งหลายคงเหลือเพียงซากร่างเหนือธุลีดิน



                ในที่สุด ....... ทางออกสุดท้ายก็ปรากฏแก่ผู้นำ



                ทว่า .............

                

               สิ่งที่ยุ่งยากก็คือ บรรดาผู้คนต้องเลือกว่าจะเดินตามใคร



               หลังจากฟาดฟันคารมและเหตุผลอันหนักหน่วงในสภาซ่อมซ่อ เหล่าผู้นำถูกแบ่งพรรคออกเป็นสองฝ่ายด้วยแนวคิดอันขัดแย้ง



              อนุชาแห่งผู้สืบทอดบัลลังก์ โอโกนิล ได้รับคำสั่งให้พาพวกพ้องเดินทางผ่านแนวเขาสูงทางเหนือไปยัง หุบผาเมฆา ( Valley of the wings ) ที่พำนักขอเหล่าวิหคเทพผู้แข็งแกร่ง เพื่อหวังขอความช่วยเหลือในจากปกป้องที่มั่นสุดท้ายของจักรวรรดิจากการรุกรานของอสูร  โดยที่เอโกนอสและกองกำลังรบจะต้านทานการโจมตีของอสูรไว้เพื่อประวิงเวลา



              ทว่า ซากอน ขุนศึกผู้ผ่านสงครามมาแล้วอย่าโชกโชน เห็นว่าการย่างก้าวผ่านไปทางภูเขานั้นเสี่ยงอันตรายมากอีกทั้ง หุบเหวลึกจะยังเป็นอุปสสรคต่อการถอยร่น พวกอสูรจะตามมาทันในไม่ช้า จึงเสนอความคิดให้นำกองพันพิทักษ์จักวรรดิ์ที่เหลือรอดละทิ้งปราการ ตีฝ่าวงล้อม ออกไปทางตะวันตก มุ่งหน้าสุ่ที่พำนักสุดท้ายแห่งราฟาเอลโล่ ด้วยความเชื่อมั่นในพลังมังกรว่าเป็นหนทางเดียวในการต่อกรกับพวกเหล่าอสูรที่ดุดันทั้งหลาย หากแต่การตีฝ่าออกไปนั้น มีข้อเสียชัดแจ้ง ต้องมีผู้เสียสละเพื่อให้ชนที่เหลืออยู่รอด ซึ่งน่าจะรอดไปได้เพียงน้อยนิด เด็กๆ คนชรา และคนเจ็บจำนวนมาก อาจต้องถูกทิ้งไว้ให้เป็นเหยื่อของพวกอสูร ซึ่งเป็นสิ่งที่ทายาทจักพรรดิมิอาจทำใจยอมรับได้



             ข้อยุติมิอาจตกลงได้ เมื่อแม่ทัพเห็นว่าผู้แข็งแกร่งคือทางรอดเดียวของเผ่าพันธ์ในยามวิกฤตนี้ หากแต่องค์รัชทยาทยึดติดในมโนธรรมและอุดมการณ์อันอ่อนด้อยที่หวังจะพาทุกชีวิตรอดไปด้วยกัน



             มิใช่ด้วยความชาชินกับความตายหรือไร้ความเห็นใจในเพื่อนมุนษย์ แต่ซากอนผู้เหี้ยมหาญพิจารณาเห็นแจ้งแล้วว่า



            .....วิธีนี้ดีที่สุด



            เมื่ออรุณรุ่งทางเลือกก็มาถึงจุดสิ้นสุด กำลังเสริมของอสูรร้ายกระหายเลือดจำนวนนับพัน ฝ่ากองทัพสุดท้ายที่วางแนวรบก่อนถึงปราการแห่ง ออบิเลียส(Orbilias) มาได้ คลื่นมรณะสีดำทะลักเข้าหลอมรวมกับฝูงสัตว์ร้ายกลุ่มแรกกลายเป็นกองกำลังขนาดมหึมาเตรียมพร้อมเพื่อจุดมุ่งหมายเดียว คือล้างผลาญทุกชีวิตภายใต้ปราการแห่งจักรวรรดิ์

            

            ทว่าความแข็งแกร่งของอสูรก็มิน่าวิตก เท่ากับความอ่อนแอของบรรดามนุษย์  รัชทายาทเอโกนอสยืนยันหนักแน่นที่จะรอคอยกำลังเสริมจากวิหคเทพเพื่อปกป้องทุกสิ่งที่ราชวงค์จักพรรดิจะพึงมีเหลือทั้งที่พระองค์น่าจะรู้อยู่เต็มอกว่าสิ้นหวังแล้ว ด้วยเหตุนี้ขุนพลซากอนจึงไม่รอฟั้งโองการจากจักรวรรดิ์อีกต่อไป เขารวบรวมอาสาสมัคร และบรรดาทหารร่วมรบผู้ภักดี เป็นกองกำลังพลย่อยๆจำนวนสามร้อย ตีฝ่าวงล้อมมุ่งหน้าสู่ตะวันออก ด้วยความกล้าหาญและความเป็นผู้นำที่เด็ดเดี่ยว ซากอนสามารถนำพาเพื่อนร่วมรบรอดพ้นจากคมเขี้ยวอสูรร้ายไปได้เป็นผลสัมฤทธิ์



            เมื่อกองกำลังแห่งผู้กล้าจากไป ปราการแห่งออบิเลียสก็มิต่างอะไรกับต้นไม้อันไร้รากแก้ว ผู้พิทักษ์กลุ่มสุดท้ายที่ปฏิญาณตนปกป้ององค์รัชทายาทต้องเจอกับศึกอันหนักหน่วง อีกทั้งเมื่อเอโกนิลละจากปราการมุ่งสู่หุบผาเมฆา เอโกนอสก็สดับรู้แล้วว่า ในฐานะผู้นำตนเองจักต้องยืนหยัดอยู่บนกำแพงของบรรพบุรุษตราบจนลมหายใจหมดไปจากร่าง



            ชะตากรรมชัดแจ้งดั่งรอยเลือดบนผืนผ้า.... เมื่อจุดแตกดับมาเยือนก็มิมีผู้ใดยับยั้งมันได้



           ปราการแห่งออบิเลียสแตกพ่ายหลังจากต้านทานฝูงอสูรร้ายนับพัน อยู่ได้สามคืนกับอีกหนึ่งวัน โดยเศษซากเดียวที่เหลืออยู่ของเอโกนอสคือศีรษะในหมวกเหล็ก



           ทางด้านอนุชา เอโกนิลกลับต้องพบกับความปวดร้าว เมื่อเผ่าพันธุ์วิหคมิตอบรับการขอความช่วยเหลือใดๆ จากมวลมนุษย์ ครั้นเมื่อเดินทางกลับมา ปราการแห่งจักรวรรดิ์กำลังจะวินาศ



           หลังจากนั้นไม่นานซากอนได้ย้อนกลับมาด้วยหวังจะช่วยเหลือ แต่ต้องพบเจอกับมนุษย์กลุ่มสุดท้ายที่สิ้นหวัง อนุชาแห่งรัชทายาทกำลังจะสิ้นใจด้วยสภาพร่างกายอันฉีกขาดสะบักสะบอม ในขณะที่พวกอสูรกำลังจะข้ามเนินเขาและตามพวกมนุษย์ทันในที่สุด



           ช่วงเวลาใกล้วิกฤตนั้นเอง ขุนศึกผู้กล้าได้มอบสิ่งล้ำค่าให้กับทายาทจักรพรรดิ์ อาวุธสุดท้ายที่สามารถหยุดยั้งกองทัพกระหายเลือดได้ แต่อานุภาพของมันรุนแรงเกินกว่าที่คนธรรมดาใช้มันแล้วจะรอดชีวิต



            สิ่งนั้นคือ ฤทธามังกร ( The Dragon's force ) พลังแห่งราฟาเอลโล อันถูกผนึกไว้ในวัตถุสีใสคล้ายอัญมณี ซึ่งซากอนได้รับเกียรติในการแยกออกมาจากร่างมีชีวิตของมังกร หลังจากที่โลหิตทุกหยดถูกถ่ายโอนให้ผู้สืบทอดแล้ว



           มิเคยปรากฏว่ามีการใช้ฤทธามังกรมาก่อนในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ หากแต่ผู้สืบทอดเคยได้ยินคำบอกเล่าจากพวกเอล์ฟอาวุโสว่า มันมีอำนาจในการแปรปรารถนาส่วนลึกของผู้ใช้ให้เป็นจริงได้ โดยแลกกับพลังมหาศาล



           สำหรับมนุษย์เดินดินธรรมดาแล้ว การจะดึงเอาฤทธามังกรออกมานั้นต้องใช้พลังงานชีวภาพ ซึ่งเป็นสิ่งที่มีอำนาจมากที่สุดอันร่างของมนุษย์พึงจะมีเป็นการแลก ซึ่งแน่นอนว่ามันหมายถึงชีวิต



            ซากอนทำหน้าที่สุดท้ายของผู้รับใช้จักรวรรดิ์โดยการเสนอทางออก ให้เอโกนิลผู้กำลังจะดับสูญ ฝูงอสูรจะถูกกำหราบหรือไม่ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเขา



            สำหรับเอโกนิลในยามนี้ จิตใจของเขามิต่างอะไรกับเด็กน้อยผู้สูญเสียบ้านให้กับสงคราม ความทนทุกข์ระงมก้องอยู่ในอก เขามิอาจปกป้องสิ่งใดได้แม้แต่ชีวิตของพี่ชาย ความหมายของชีวิตได้หมดสิ้นไปแล้ว



            มองรอบกายก็เหลือแต่สายตาของผู้คนที่หมดศรัทธา เสียงคร่ำครวญ และนักรบผู้อ่อนล้า หลายคนสวดมนต์ร่ำไม่เป็นภาษา ในขณะที่บางคนเดินเหม่อลอย หรือไม่ก็นั่งนิ่งไร้ความรู้สึก



           สิ่งเดียวที่มั่นคงสุดในยามนี้คงเป็น สายตาอันเด็ดเดี่ยวของซากอน บุรุษผู้ไม่ยอมจำนน



          แล้วตัวเขาเองละจะทำอะไรได้อีกในสภาพนี้ นอกจากนอนรอความตาย



           หรือไม่ก็............. ตัดสินใจ    



           เอโกนิลส่งสายตาอันมีเลศนัยไปยัง ขุนศึกผู้กำลังจะควบม้าจากไป  ก่อนที่เสียงฝีเท้าของกองทัพมืดกำลังจะมาถึง



           แววตาแห่งจักรวรรดิ์วาวโรจน์ เมื่อเงาทะมึนแห่งอสูรทะยานเข้าหาฝูงชนที่แตกตื่น ไม่มีใครจับต้นสายปลายเหตุถูก จนกระทั่งปรากฏแสงสีเพลิงขึ้นพันหุ้มห่อร่างของเอโกนิลไว้



           พวกอสูรหยุดชะงักด้วยความตกใจ ก่อนที่จะไหวตัวทัน พายุเพลิงมหากาฬก็ก่อตัวขึ้นรอบๆ ร่างของพวกมันแต่ละตน ความร้อนมหาศาลสลายร่างของทุกเงามืดเป็นธุลีผง เปลวไฟโบกสะบัดพัดด้วยแรงพิโรธแห่งมังกรและปราถนาอันแรงกล้าของเอโกนิล



            อนุชาแห่งรัชทายาทต้องการให้พวกมันทั้งมวลพินาศดับสูญไปเสีย



          เสียงกรีดร้องของความตายดังระงม เมื่อพายุเพลิงโหมกระหน่ำรุนแรงขึ้นในไม่ช้า เปลวไฟก็คลอบคลุมอาณาบริเวณ ทั้งหมดโดยไม่มีอะไรยับยั้งได้ เผาผลาญทุกอย่างที่ขวางทาง ไม่เว้น.......... ไม่มีการละเว้นใดๆ ไม่มีอะไรจะหยุดความเกรี้ยวกราดนี้ได้



          แรงปราถนาของเอโกนิลรุนแรงเกินว่าจะมอดดับ  ในไม่ช้าทุกสิ่งในรัศมีก็โดนทำลายย่อยยับไม่เหลือซาก



         รุ่งเช้าอีกสองวันถัดมา มีผู้รอดชีวิตจากเปลวเพลิงออกสำรวจพื้นที่โดยรอบหลังจากต้องลี้ภัยหนีลงไปยังถ้ำใต้ดิน



         และหนึ่งในนั้นคือขุนศึกผู้องอาจนาม ซากอน



         สิ่งเดียวที่ปรากฏต่อสายตาเขาคือพลังการทำลายล้างอันน่าผวา ไม่มีอะไรเหลือนอกจากผืนดินที่เป็นเถ้าถ่านอันกว้างไกลสุดสายตา      



         เขานำพาผู้รอดชีวิตย้อนกลับไปยังต้นกำเนิดพลัง



         และสิ่งที่เหลืออยู่คือร่างของเอโกนิล ท่ามกลางซากไหม้และเถ้าถ่าน โดยที่ร่างของเขายังคงสภาพเดิมดั่งก่อนสิ้นใจ



         ในมือของเขายังคงกุมผนึกวิญญาณไว้แน่น แต่ผลึกกลับเปลี่ยนจากสีขาวใสเป็นสีเหลืองทองสุกใสดั่งมณีทอง



         เหล่าบรรดามนุษย์ได้ประจักษ์แล้วว่าอานุภาพของฤทธามังกรมีมากยิ่งนัก



         ผนึกในมือของอนุชาผู้ทรงเกียรติ เอโกนิล ตัวแทนแห่งการเสียสละ



         ยิ่งเจตนากล้าแกร่งเท่าไหร่ อานุภาพแห่งพลังยิ่งมีมากเท่านั้น



         เสียดาย ที่ซากอน รู้ดีว่าหลังจากนี้ มนุษย์มิสมควรครอบครองพลังอันควบคุมได้ยากนี้อีก



         เขาจึงอัญเชิญผนึกไปเก็บไว้ยังที่ห่างไกลโดยลำพัง



         ไม่มีบรรพบุรุษคนใดแห่งมนุษย์ จะรู้ว่าผนึกนั้นอยู่ที่ไหน



          แม้กระทั่งชาวไซเพิร์นรุ่นหลังจะขวนขวายออกตามหา ไม่ว่าจะต้องแลกด้วย ชื่อเสียง สมบัติหรือชีวิต



          สิ่งเดียวที่สามารถขับไล่อสูรไปจากพิภพ



          และสิ่งเดียวกันที่เปลี่ยนปราการออบิเลียสเป็นปฐพีแห่งกรวดทราย และพลิกโฉมประวัติศาตร์ให้กับดราก้อนโฮล์ม



          ตำนานแห่งพลังมังกรอันดับสูญ และเกียรติประวัติสุดท้ายแห่งจักรวรรดิ์อันรุ่งโรจน์



          จ้าวแห่งอัญมณี ผู้ถูกขนานนามตามผู้ครอบครองคนสุดท้าย ....



           ... ดิเอ็มเพอร์เรี่ยม   อัญมณีจักรพรรดิ...



          



        







          

            



            



                



            







              



                

                    

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×