ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : บทที่ III ตำนานแห่งกรวดทราย ( The legend of sand)
เปลวแดดระยับเหนือดินกรวดอันร้อนระอุ สายลมและฝุ่นผงปลิวไสวดุจไอเพลิงของจ้าวโลกันต์ มันเป็นเวลาอันแสนทนทุกข์ระคนความลำบากของผู้อาศัยในอาณาบริเวณอันรายล้อมด้วยความแห้งแล้งแห่งนี้ โมไนโรว์ ปฐพีแห่งกรวดทราย เมืองหลวงแห่งอาณาจักรไซเพิร์น ( The Land of Zypern)
มันเป็นเวลายาวนานเกือบห้าร้อยปี นับย้อนไปยามที่ จักวรรดิ์ ( The Empire ) แตกออกเป็นเสี่ยงด้วยไฟแห่งมหาสงคราม เหล่าบรรพบุรุษได้ค้นพบความโหดร้ายของโชคชะตาเมื่อชีวาแห่งมังกรดับสูญลง มนุษย์ก็รู้ซึ้งว่าโลกมิได้ปราณีพวกเขา มันเป็นช่วงวิกฤตแห่งยุคสมัย เกิดความระส่ำระสายไปทั่วทั้งแผ่นดิน
ฝูงอสูรร้ายที่เหลือรอดจากมหาสงครามออกอาละวาด สังหารกัดกินเหล่าผู้คน โดยที่เหล่านักสู้มิอาจต้านทานไหว ผู้คนต่างพากันอพยพหลบหนีกันหัวซุกหัวซุน ปรากการใหญ่ที่เคยแข็งแกร่งถูกละทิ้ง บ้านเมืองถูกทำลายย่อยยับ ทรัพย์สินเงินทองกลายเป็นของไร้ค่า เสียงหวีดร้องของความกลัวและโรคระบาดแพร่สะพัดไปทั่วหนแห่ง ผู้กล้าที่อาจหาญยืนหยัดปกป้องอุดมการณ์ต้องเผชิญกับจุดจบอันน่าสยดสยอง เมื่อต้องสังเวยชีพให้กับศัตรูที่อุดมคติ วรยุทธ์ และหลักคุณธรรมแห่งปรมาจารย์มิอาจทำอะไรพวกมันได้
ในช่วงเวลาแห่งความทุกข์นั้น เหล่ามนุษย์ผู้อ่อนด้อยได้มอบความหวังและชะตากรรมทั้งมวลไว้กับ ผู้เข้มแข็งกลุ่มสุดท้ายทั้งสี่คนอันได้แก่
ซากอน แชริออท ( Sagon Chariot ) ขุนศึกแห่งกองพันพิทักษ์จักรวรรดิ์ ผู้นำทางทหารคนสุดท้ายที่เหล่านักรบไว้วางใจ
ลอร์ด เอโกนอส ( Lord Eagonos ) ผู้สืบทอดบัลลังก์จักรพรรดิ โอรสแห่ง เอโกเนียร์( Eagonear the Great )
มิโกะ อซึเมะ ( Azume The Miko ) ปราชญ์แห่งญาณและการเรียนรู้ บุตรีบุญธรรมที่เอโกนอสรับเลี้ยงไว้ตั้งแต่แรกเกิด
และ ลอร์ด เอโกนิล ( Lord Eagoniel ) อนุชาของเอโกนอส บุรุษอันเป็นที่ยำเกรงของผองชน
วันหนึ่งเมื่อยามละอองแห่งความหวังถูกริดรอนใกล้สิ้นสุด เหล่าผู้กล้าได้เข้าร่วมปรึกษาเป็นครั้งสุดท้าย เพื่อหาหนทางรอดพ้นจากวิบากกรรมอันเลวร้าย ภายใต้กำแพงและเสาหินอันแตกหัก ระคนก้องด้วยเสียงหวีดร้อง คร่ำครวญระทนทุกข์ กลิ่นสาบของคนตายเจือไปกับกลิ่นคาวเลือด ควันไฟ และเถ้าถ่าน นักรบกลุ่มสุดท้ายกำลังอ่อนล้าและเสียขวัญ ไม่เกินราตรีนี้ทุกชีวิตรู้ดีว่า หากผู้นำหาทางออกมิได้ เขาทั้งหลายคงเหลือเพียงซากร่างเหนือธุลีดิน
ในที่สุด ....... ทางออกสุดท้ายก็ปรากฏแก่ผู้นำ
ทว่า .............
สิ่งที่ยุ่งยากก็คือ บรรดาผู้คนต้องเลือกว่าจะเดินตามใคร
หลังจากฟาดฟันคารมและเหตุผลอันหนักหน่วงในสภาซ่อมซ่อ เหล่าผู้นำถูกแบ่งพรรคออกเป็นสองฝ่ายด้วยแนวคิดอันขัดแย้ง
อนุชาแห่งผู้สืบทอดบัลลังก์ โอโกนิล ได้รับคำสั่งให้พาพวกพ้องเดินทางผ่านแนวเขาสูงทางเหนือไปยัง หุบผาเมฆา ( Valley of the wings ) ที่พำนักขอเหล่าวิหคเทพผู้แข็งแกร่ง เพื่อหวังขอความช่วยเหลือในจากปกป้องที่มั่นสุดท้ายของจักรวรรดิจากการรุกรานของอสูร โดยที่เอโกนอสและกองกำลังรบจะต้านทานการโจมตีของอสูรไว้เพื่อประวิงเวลา
ทว่า ซากอน ขุนศึกผู้ผ่านสงครามมาแล้วอย่าโชกโชน เห็นว่าการย่างก้าวผ่านไปทางภูเขานั้นเสี่ยงอันตรายมากอีกทั้ง หุบเหวลึกจะยังเป็นอุปสสรคต่อการถอยร่น พวกอสูรจะตามมาทันในไม่ช้า จึงเสนอความคิดให้นำกองพันพิทักษ์จักวรรดิ์ที่เหลือรอดละทิ้งปราการ ตีฝ่าวงล้อม ออกไปทางตะวันตก มุ่งหน้าสุ่ที่พำนักสุดท้ายแห่งราฟาเอลโล่ ด้วยความเชื่อมั่นในพลังมังกรว่าเป็นหนทางเดียวในการต่อกรกับพวกเหล่าอสูรที่ดุดันทั้งหลาย หากแต่การตีฝ่าออกไปนั้น มีข้อเสียชัดแจ้ง ต้องมีผู้เสียสละเพื่อให้ชนที่เหลืออยู่รอด ซึ่งน่าจะรอดไปได้เพียงน้อยนิด เด็กๆ คนชรา และคนเจ็บจำนวนมาก อาจต้องถูกทิ้งไว้ให้เป็นเหยื่อของพวกอสูร ซึ่งเป็นสิ่งที่ทายาทจักพรรดิมิอาจทำใจยอมรับได้
ข้อยุติมิอาจตกลงได้ เมื่อแม่ทัพเห็นว่าผู้แข็งแกร่งคือทางรอดเดียวของเผ่าพันธ์ในยามวิกฤตนี้ หากแต่องค์รัชทยาทยึดติดในมโนธรรมและอุดมการณ์อันอ่อนด้อยที่หวังจะพาทุกชีวิตรอดไปด้วยกัน
มิใช่ด้วยความชาชินกับความตายหรือไร้ความเห็นใจในเพื่อนมุนษย์ แต่ซากอนผู้เหี้ยมหาญพิจารณาเห็นแจ้งแล้วว่า
.....วิธีนี้ดีที่สุด
เมื่ออรุณรุ่งทางเลือกก็มาถึงจุดสิ้นสุด กำลังเสริมของอสูรร้ายกระหายเลือดจำนวนนับพัน ฝ่ากองทัพสุดท้ายที่วางแนวรบก่อนถึงปราการแห่ง ออบิเลียส(Orbilias) มาได้ คลื่นมรณะสีดำทะลักเข้าหลอมรวมกับฝูงสัตว์ร้ายกลุ่มแรกกลายเป็นกองกำลังขนาดมหึมาเตรียมพร้อมเพื่อจุดมุ่งหมายเดียว คือล้างผลาญทุกชีวิตภายใต้ปราการแห่งจักรวรรดิ์
ทว่าความแข็งแกร่งของอสูรก็มิน่าวิตก เท่ากับความอ่อนแอของบรรดามนุษย์ รัชทายาทเอโกนอสยืนยันหนักแน่นที่จะรอคอยกำลังเสริมจากวิหคเทพเพื่อปกป้องทุกสิ่งที่ราชวงค์จักพรรดิจะพึงมีเหลือทั้งที่พระองค์น่าจะรู้อยู่เต็มอกว่าสิ้นหวังแล้ว ด้วยเหตุนี้ขุนพลซากอนจึงไม่รอฟั้งโองการจากจักรวรรดิ์อีกต่อไป เขารวบรวมอาสาสมัคร และบรรดาทหารร่วมรบผู้ภักดี เป็นกองกำลังพลย่อยๆจำนวนสามร้อย ตีฝ่าวงล้อมมุ่งหน้าสู่ตะวันออก ด้วยความกล้าหาญและความเป็นผู้นำที่เด็ดเดี่ยว ซากอนสามารถนำพาเพื่อนร่วมรบรอดพ้นจากคมเขี้ยวอสูรร้ายไปได้เป็นผลสัมฤทธิ์
เมื่อกองกำลังแห่งผู้กล้าจากไป ปราการแห่งออบิเลียสก็มิต่างอะไรกับต้นไม้อันไร้รากแก้ว ผู้พิทักษ์กลุ่มสุดท้ายที่ปฏิญาณตนปกป้ององค์รัชทายาทต้องเจอกับศึกอันหนักหน่วง อีกทั้งเมื่อเอโกนิลละจากปราการมุ่งสู่หุบผาเมฆา เอโกนอสก็สดับรู้แล้วว่า ในฐานะผู้นำตนเองจักต้องยืนหยัดอยู่บนกำแพงของบรรพบุรุษตราบจนลมหายใจหมดไปจากร่าง
ชะตากรรมชัดแจ้งดั่งรอยเลือดบนผืนผ้า.... เมื่อจุดแตกดับมาเยือนก็มิมีผู้ใดยับยั้งมันได้
ปราการแห่งออบิเลียสแตกพ่ายหลังจากต้านทานฝูงอสูรร้ายนับพัน อยู่ได้สามคืนกับอีกหนึ่งวัน โดยเศษซากเดียวที่เหลืออยู่ของเอโกนอสคือศีรษะในหมวกเหล็ก
ทางด้านอนุชา เอโกนิลกลับต้องพบกับความปวดร้าว เมื่อเผ่าพันธุ์วิหคมิตอบรับการขอความช่วยเหลือใดๆ จากมวลมนุษย์ ครั้นเมื่อเดินทางกลับมา ปราการแห่งจักรวรรดิ์กำลังจะวินาศ
หลังจากนั้นไม่นานซากอนได้ย้อนกลับมาด้วยหวังจะช่วยเหลือ แต่ต้องพบเจอกับมนุษย์กลุ่มสุดท้ายที่สิ้นหวัง อนุชาแห่งรัชทายาทกำลังจะสิ้นใจด้วยสภาพร่างกายอันฉีกขาดสะบักสะบอม ในขณะที่พวกอสูรกำลังจะข้ามเนินเขาและตามพวกมนุษย์ทันในที่สุด
ช่วงเวลาใกล้วิกฤตนั้นเอง ขุนศึกผู้กล้าได้มอบสิ่งล้ำค่าให้กับทายาทจักรพรรดิ์ อาวุธสุดท้ายที่สามารถหยุดยั้งกองทัพกระหายเลือดได้ แต่อานุภาพของมันรุนแรงเกินกว่าที่คนธรรมดาใช้มันแล้วจะรอดชีวิต
สิ่งนั้นคือ ฤทธามังกร ( The Dragon's force ) พลังแห่งราฟาเอลโล อันถูกผนึกไว้ในวัตถุสีใสคล้ายอัญมณี ซึ่งซากอนได้รับเกียรติในการแยกออกมาจากร่างมีชีวิตของมังกร หลังจากที่โลหิตทุกหยดถูกถ่ายโอนให้ผู้สืบทอดแล้ว
มิเคยปรากฏว่ามีการใช้ฤทธามังกรมาก่อนในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ หากแต่ผู้สืบทอดเคยได้ยินคำบอกเล่าจากพวกเอล์ฟอาวุโสว่า มันมีอำนาจในการแปรปรารถนาส่วนลึกของผู้ใช้ให้เป็นจริงได้ โดยแลกกับพลังมหาศาล
สำหรับมนุษย์เดินดินธรรมดาแล้ว การจะดึงเอาฤทธามังกรออกมานั้นต้องใช้พลังงานชีวภาพ ซึ่งเป็นสิ่งที่มีอำนาจมากที่สุดอันร่างของมนุษย์พึงจะมีเป็นการแลก ซึ่งแน่นอนว่ามันหมายถึงชีวิต
ซากอนทำหน้าที่สุดท้ายของผู้รับใช้จักรวรรดิ์โดยการเสนอทางออก ให้เอโกนิลผู้กำลังจะดับสูญ ฝูงอสูรจะถูกกำหราบหรือไม่ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเขา
สำหรับเอโกนิลในยามนี้ จิตใจของเขามิต่างอะไรกับเด็กน้อยผู้สูญเสียบ้านให้กับสงคราม ความทนทุกข์ระงมก้องอยู่ในอก เขามิอาจปกป้องสิ่งใดได้แม้แต่ชีวิตของพี่ชาย ความหมายของชีวิตได้หมดสิ้นไปแล้ว
มองรอบกายก็เหลือแต่สายตาของผู้คนที่หมดศรัทธา เสียงคร่ำครวญ และนักรบผู้อ่อนล้า หลายคนสวดมนต์ร่ำไม่เป็นภาษา ในขณะที่บางคนเดินเหม่อลอย หรือไม่ก็นั่งนิ่งไร้ความรู้สึก
สิ่งเดียวที่มั่นคงสุดในยามนี้คงเป็น สายตาอันเด็ดเดี่ยวของซากอน บุรุษผู้ไม่ยอมจำนน
แล้วตัวเขาเองละจะทำอะไรได้อีกในสภาพนี้ นอกจากนอนรอความตาย
หรือไม่ก็............. ตัดสินใจ
เอโกนิลส่งสายตาอันมีเลศนัยไปยัง ขุนศึกผู้กำลังจะควบม้าจากไป ก่อนที่เสียงฝีเท้าของกองทัพมืดกำลังจะมาถึง
แววตาแห่งจักรวรรดิ์วาวโรจน์ เมื่อเงาทะมึนแห่งอสูรทะยานเข้าหาฝูงชนที่แตกตื่น ไม่มีใครจับต้นสายปลายเหตุถูก จนกระทั่งปรากฏแสงสีเพลิงขึ้นพันหุ้มห่อร่างของเอโกนิลไว้
พวกอสูรหยุดชะงักด้วยความตกใจ ก่อนที่จะไหวตัวทัน พายุเพลิงมหากาฬก็ก่อตัวขึ้นรอบๆ ร่างของพวกมันแต่ละตน ความร้อนมหาศาลสลายร่างของทุกเงามืดเป็นธุลีผง เปลวไฟโบกสะบัดพัดด้วยแรงพิโรธแห่งมังกรและปราถนาอันแรงกล้าของเอโกนิล
อนุชาแห่งรัชทายาทต้องการให้พวกมันทั้งมวลพินาศดับสูญไปเสีย
เสียงกรีดร้องของความตายดังระงม เมื่อพายุเพลิงโหมกระหน่ำรุนแรงขึ้นในไม่ช้า เปลวไฟก็คลอบคลุมอาณาบริเวณ ทั้งหมดโดยไม่มีอะไรยับยั้งได้ เผาผลาญทุกอย่างที่ขวางทาง ไม่เว้น.......... ไม่มีการละเว้นใดๆ ไม่มีอะไรจะหยุดความเกรี้ยวกราดนี้ได้
แรงปราถนาของเอโกนิลรุนแรงเกินว่าจะมอดดับ ในไม่ช้าทุกสิ่งในรัศมีก็โดนทำลายย่อยยับไม่เหลือซาก
รุ่งเช้าอีกสองวันถัดมา มีผู้รอดชีวิตจากเปลวเพลิงออกสำรวจพื้นที่โดยรอบหลังจากต้องลี้ภัยหนีลงไปยังถ้ำใต้ดิน
และหนึ่งในนั้นคือขุนศึกผู้องอาจนาม ซากอน
สิ่งเดียวที่ปรากฏต่อสายตาเขาคือพลังการทำลายล้างอันน่าผวา ไม่มีอะไรเหลือนอกจากผืนดินที่เป็นเถ้าถ่านอันกว้างไกลสุดสายตา
เขานำพาผู้รอดชีวิตย้อนกลับไปยังต้นกำเนิดพลัง
และสิ่งที่เหลืออยู่คือร่างของเอโกนิล ท่ามกลางซากไหม้และเถ้าถ่าน โดยที่ร่างของเขายังคงสภาพเดิมดั่งก่อนสิ้นใจ
ในมือของเขายังคงกุมผนึกวิญญาณไว้แน่น แต่ผลึกกลับเปลี่ยนจากสีขาวใสเป็นสีเหลืองทองสุกใสดั่งมณีทอง
เหล่าบรรดามนุษย์ได้ประจักษ์แล้วว่าอานุภาพของฤทธามังกรมีมากยิ่งนัก
ผนึกในมือของอนุชาผู้ทรงเกียรติ เอโกนิล ตัวแทนแห่งการเสียสละ
ยิ่งเจตนากล้าแกร่งเท่าไหร่ อานุภาพแห่งพลังยิ่งมีมากเท่านั้น
เสียดาย ที่ซากอน รู้ดีว่าหลังจากนี้ มนุษย์มิสมควรครอบครองพลังอันควบคุมได้ยากนี้อีก
เขาจึงอัญเชิญผนึกไปเก็บไว้ยังที่ห่างไกลโดยลำพัง
ไม่มีบรรพบุรุษคนใดแห่งมนุษย์ จะรู้ว่าผนึกนั้นอยู่ที่ไหน
แม้กระทั่งชาวไซเพิร์นรุ่นหลังจะขวนขวายออกตามหา ไม่ว่าจะต้องแลกด้วย ชื่อเสียง สมบัติหรือชีวิต
สิ่งเดียวที่สามารถขับไล่อสูรไปจากพิภพ
และสิ่งเดียวกันที่เปลี่ยนปราการออบิเลียสเป็นปฐพีแห่งกรวดทราย และพลิกโฉมประวัติศาตร์ให้กับดราก้อนโฮล์ม
ตำนานแห่งพลังมังกรอันดับสูญ และเกียรติประวัติสุดท้ายแห่งจักรวรรดิ์อันรุ่งโรจน์
จ้าวแห่งอัญมณี ผู้ถูกขนานนามตามผู้ครอบครองคนสุดท้าย ....
... ดิเอ็มเพอร์เรี่ยม อัญมณีจักรพรรดิ...
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น