ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ II ทางเลือกของผู้กล้า ( Parts of Destiny )
         
          \" ไม่.......!!!!!!!\"
          เสียงตะโกนลั่นก้อง ปลุกเจ้าของร่างสะดุ้งตื่น เหงื่อกาฬท่วมตัว หายใจอย่างแรงอยู่ชั่วครู่ก่อนที่สติจะหวนกลับคืน
          \"ความฝัน...!? มันเป็นแค่ฝัน !\" เจ้าของแววตาสีสนิมเปรยวาจาเรียกความรู้สึกของตัวเอง ก่อนที่จะค่อยเริ่มกวาดสายตา...ผ่านเงาสลัว
            ... เก้าอี้ไม้ตัวโปรดยังคงวางอยู่ที่มุมห้องเล็กๆ อันปกคลุมด้วยหลังคาฟาง กลิ่นไอชื้นลอยจากกำแพงดิน... ตะเกียงไฟซึ่งมอดดับไปแล้วยังคงวางอยู่เหนือเตียง...ที่นอนทำมือบุนุ่นสีคล้ำเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่ออันเกิดจากเจ้าของ
     
            ท่ามกลางของสัพเพเหระทั้งหลาย บุรุษหนุ่มสะดุดตากับสิ่งหนึ่ง... คันธนูแห่งเนไมอาร์ ...วางนิ่งสนิทอยู่ข้างกายพร้อมซองบรรจุลูกศร เหมือนหนึ่งผู้รับใช้คนสนิทเฝ้าคอยเจ้านายในเงาราตรี
          อาร์รอนเอื้อมมือไปหยิบลูกศรเล่มหนึ่งขึ้นมาอย่างระมัดระวัง...
          ...ลักษณะของมันแลดูเหมือนเคยผ่านการใช้มาแล้ว สภาพเนื้อไม้เริ่มเปลี่ยนสี เช่นเดียวกันกับขนนกที่ปลายลูกศรซึ่งเริ่มหลุดร่วง ส่วนปลายด้านคมนั้นถูกหักออกไป มองภาพก็รู้ว่ามันถูกแยกออกจากแผลของผู้เคราะห์ร้ายสักคน...
          บุรุษหนุ่มเรือนผมสีนำตาล จ้องมองลูกธนูนั้นด้วยอากัปกิริยาเหมือนรำลึกถึงสิ่งใดบางอย่าง
          หัวใจในร่างกำยำเต้นช้าลง ในขณะที่พรายน้ำรอบกายเริ่มแห้งไป
          แอ๊ด.ดด..ดด..
        เสียงเลื่อนเปิดของประตูไม้บานเก่าดังขึ้น...
        \"เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า...อาร์รอน ? \" ร่างของชายวัยกลางคนในชุดชาวไร่ผู้หนึ่งปรากฏขึ้นพร้อมคำถาม
          ผู้ถูกถามนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ .... ก่อนกล่าวตอบว่า
       
          \"โอ้.... เปล่าขอรับท่านลุง ...ข้าแค่...........\"
        \"ฝันร้ายอีกแล้วรึ..?\" ชายวัยกลางคนกล่าวต่อพร้อมเลิกคิ้ว แน่นอนว่าเขามองท่าทีของหลานชายออก
          \"ข้าขออภัย...ที่ทำให้ท่านต้องตื่นในยามวิกาลเช่นนี้\" อาร์รอนตอบพลางผ่อนลมหายใจยาว ในขณะที่เก็บลูกธนูคืนสู่ที่ของมันอย่างเบามือ
          ผู้เป็นลุงมองดูท่าทีของหลานอยู่ครู่หนึ่ง... แล้วเบนสายตาเพ่งไปยังซองคันศร
          \"ไม่ต้องกังวลหรอก .....เพราะที่จริงตอนนี้ก็รุ่งสางแล้ว....ข้าว่าเจ้าลุกขึ้นไปอาบน้ำชำระล้างร่างกายซะก่อนเถอะ...ส่วนเรื่องอาหารวันนี้ปล่อยเป็นหน้าที่ของอย่างข้าบ้างก็แล้วกัน\" เคราสีน้ำตาลเข้มขยับตามรอยยิ้มเสมือนเป็นการปลอบใจ
          อาร์รอนพยักหน้าเป็นการตอบรับ เขารอจนท่านลุงผละไปแล้วจึงค่อยๆลุกลงจากเตียง ขยับพลางบิดกายช้าๆ เป็นการบริหารกาย ในขณะที่แสงตะวันยามรุ่งอรุณกำลังเริ่มทอแสงจับขอบฟ้าเป็นสัญญาณบอกว่าวันใหม่ได้เริ่มต้นขึ้นแล้วอีกครา
        ...................................................................................................................................................................
        ซ่า.............
        สายลมสงบเย็นเคลื่อนไหวผ่านกาย หลังจากน้ำถังสุดท้ายถูกเทลงเหนือร่าง
        ชายหนุ่มสะบัดหัวไปมา ปล่อยให้สายน้ำนำพาความสดชื่นมาเยือน ก่อนรินไหลลงสู่ผืนดินเบื้องล่าง
        เงยหน้าขึ้นมองขอบฟ้า.....เวลาแห่งความสุขชั่วขณะไหลผ่านไป
        ลืมอดีต.........ไร้อนาคต
        ชีวิตได้สดชื่นเช่นนี้ทุกวันก็น่าพอใจแล้วมิใช่หรือ...
        เสียงนกร้องดังขึ้นทำลายความเหม่อลอย ร่างกำยำสมส่วนดั่งบุรุษเคลื่อนไหวไปตามทางเดิน
        ....มันจะงามลงตัวกว่านี้หากปราศจาก สามสิ่ง...
        อาร์รอนก้าวเดินมาถึงห้องส่วนตัว พร้อมสำหรับทำสิ่งที่ติดเป็นกิจวัตร...
        การส่องกระจก...
        แท้จริงแล้วมันมิใช่ด้วยความหลงใหลในรูปกายดั่งเช่นผู้อื่นทำ แต่เนื่องด้วยเหตุผลบางอย่าง..
        แววตาสีสนิมกระทบเงาตัวเองในกระจก เพ่งมองไปยังจุดสองจุดที่สะดุดตายิ่งนัก
        บนร่างท่อนบนเปลือยเปล่าสีผิวเข้มนั้นปรากฏร่องรอยของแผลฉกรรจ์ แผลหนึ่งเป็นรอยบากลึกบนไหล่ขวา ส่วนอีกรอยเป็นวงสีคล้ำนูนขึ้นจากทรวงอก
        เหนือจุดวางหัวใจไปเพียงเสี้ยวเดียวเท่านั้น..
        ฝ่ามือหยาบกร้านคลำรอยแผลเหนือจุดตาย สายตาฉาบอารมณ์เศร้าโศก
        ร่างหยุดนิ่งสนิทไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง...ก่อนมีคำร่ำร้องขึ้นว่า
        \"ท่านแม่....ท่านพ่อ...เหตุใดต้องเป็นข้า...ข้าผิดต่อท่านหรือ... ข้าเคยทำสิ่งใดร้ายต่อพวกท่านหรือ...!?\"
        เสียงเบาแผ่วปานกระซิบ...
        \"ทำไมต้องมอบชีวิตแบบนี้ให้แก่ข้า....ทำไมพวกท่านต้องรักกัน...\"
        \"ความรักที่พวกท่านมีมันคุ้มค่ากับช่วงเวลานี้ รึ ...? \"
        รอยน้ำตาบางๆปรากฏที่ขอบตา โดยที่เจ้าตัวพยายามฝืนเอาไว้
        น้ำตาไม่ใช่สิ่งคู่ควรสำหรับบุรุษเพศ .... ความรู้สึกหนึ่งดังแทรกอยู่ในความคิดอันเศร้าหมอง
        \"ข้าไม่สามารถมีชีวิตดั่งปุถุชนได้...... แม้ความรักก็ตีจาก..ข้าถูกเบียดเบียน...ทอดทิ้ง...หักหาญน้ำใจ\"
        \"ข้าไม่เคยรู้ ว่าท่านแม่งดงามแค่ไหน ท่านพ่อองอาจเพียงใด\"
        \"สิ่งที่ถูกทิ้งไว้ก็แค่กระจกบานหนึ่ง กับอดีตบิดเบี้ยวของข้า.......\"
        \"ท่านทอดทิ้งข้ายังไม่พอใจรึ......... ตอนนี้ สิ่งที่พวกท่านทิ้งไว้ทำร้ายข้า........ เซรีนก็ไปจากข้า...พวกเอล์ฟก็เกลียดข้า....อีกทั้งความฝันบ้าๆ......กับ กับ .....สวนมันฝรั่ง ......แล้วไออาณาจักรกับตำนานบ้าบอพวกนั้น......\"
      \"ข้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองต้องทำอะไรต่อ..........ไม่เคย..ไม่เคยเข้าใจตัวเอง.....คนอื่นต่างหากที่ตัดสินข้า........บังคับให้ข้าเดิน...ให้ข้าเป็น...ให้ข้าทำก็เพราะ...ไอ.........\"
        บุรุษหนุ่มเว้นคำพร่ำเพ้อดั่งคนเสียสติ พลางมองไปยังจุดหนึ่ง
        .... บนร่างกายในเงากระจก เขาค่อยๆพลิกกายหันทางขวา....
        ....รอยปานสีแดงคล้ำ นูนขึ้นดั่งแผลเป็น มันปรากฏขึ้นเป็นลวดลายของสิ่งหนึ่งที่เป็นภาพลักษณ์...
        ....มันเป็นรอยปานแดงรูปมังกร...
        \"....ไอ้สิ่งนี้...\" อาร์รอนข่มน้ำเสียงเข้ม มองด้วยสายตาเย็นชา
        ...ผ่ามือเริ่มเคลื่อนไหวอีกหน สัมผัสเข้ากับวัตถุหนึ่ง ....
        นัยน์ตาสีสนิมเลื่อนมาจดจ่อยังวัตถุนั้น สีเงินเลื่อมพรายสะท้อนแสง ด้ามถูกขนาบด้วยไม้วอลนัทฝีมือปราณีต
        ความคมถูกตวัดผ่านอากาศ พุ่งเป้ามายังรอยสัญลักษณ์
      ลมหายใจถูกผ่อนยาว.............................................
             
      ยาว....................................................................
      \"แค่ออกแรงอีกนิด ความเจ็บปวดไม่ห่างไกล ไฉนจะไม่คุ้มค่า ก็แค่รอยขวางตา...\"  เสียงสำนึกร่ำร้อง
        ปึก..ก....!
        เสียงหนึ่งดังขึ้นพร้อมกับร่างที่กลับคืนสติ....   
        ...คมมีดเปลี่ยนมาปักอยู่บนโต๊ะไม้ ข้างบานกระจกขอบเงินสลักลายวิจิตร
        ...สองงานศิลป์ หนึ่งชิ้นของมนุษย์ หนึ่งชิ้นเป็นของชาวเอล์ฟ แม้นความงามทัดเทียมแต่วัตถุประสงค์แตกต่าง
        อาร์รอนจ้องมองสิ่งที่บุพการีทิ้งให้ไว้ชั่วครู่ ก่อนเผยรอยยิ้มสงบ
        \"ข้าขอโทษ ขอรับ....มันเป็นความอ่อนแอชั่วขณะของข้าเอง.....\"
          เขาผละจากกระจกเพื่อแต่งกายให้เรียบร้อยก่อนหวนกลับมาอีกครั้ง
          \"ข้ารักพวกท่านนะ...\"  บุรุษหนุ่มเปรยวาจาสุดท้ายพร้อมแตะบานกระจกด้วยสำนึกห่วงใย พลางเก็บมีดไว้กับตน แล้วก้าวเดินออกไปจากห้องตรงไปยังครัว
          ...................................................................................................................................................................
        กลิ่นคุกรุ่นของควันไฟผสานไปกับกลิ่นเครื่องปรุงที่กำลังเดือดพล่านอยู่ในหม้อ เสียงนกตัวน้อยยังคงดังแว่วผ่านทางช่องหน้าต่างไร้บานพับ แสงแดดยามสายทอประกายแวววาวจับเครื่องครัวเปล่งประกายอย่างน่าฉงน ราวกับว่าสิ่งของทั้งหมดถูกเนรมิตโดยเทพเจ้า ฤานี่คือมื้อทิพย์แห่งสวรรค์..
        สองเท้าในคู่หนังก้าวลงจากบันไดไม้ที่ถูกประดิษฐ์ขึ้นอย่างง่ายๆ ภายใต้เคหสถานอันคับแคบแต่บรรยากาศน่าอภิรมณ์ยิ่ง
        มนุษย์ต้องการที่อยู่เพียงเพื่อพักผ่อนอย่างอิ่มเอมเท่านั้นมิใช่หรือ กังวลไปไยกับความโอ่อ่าเลิศล้ำ การยึดติดในความงามบางครั้งหาใช่หนทางแห่งความสุขไม่... กระแสความคิดยามเช้าล่องลอยไปหลังจากผ่านวังวนแห่งความทุกข์มาชั่วระยะ
        อาร์รอนลงมายืนหลังโต๊ะอาหารสีเรียบ เลื่อนเก้าอี้ออกก่อนทอดกายลงนั่ง สายตาจับจ้องสิ่งที่อยู่บนโต๊ะ ในขณะที่จิตใจกำลังไขว่คว้าหาความสบายยามเช้า
 
        ... แต่เศษอีกส่วนหนึ่งก็รู้แก่ใจว่า มันเป็นแค่ความรู้สึกดีๆแค่ชั่วขณะเท่านั้น...
        \"ซุปมันฝรั่งบด กับขนมปังกรอบเข้ากันได้ดีนะ...หวังว่าเจ้าคงชอบ\" น้ำเสียงอบอุ่นพร้อมรอยยิ้ม ในขณะที่มือกำลังยื่นจานใส่ขนมปังมาให้  ชายเคราน้ำตาลเข้มในชุดชาวไร่ เสริมภาพลักษณ์คนครัวเล็กน้อยด้วยผืนผ้าผูกเอว ผมยาวประบ่าถูกรวบไว้อย่างเรียบร้อย ถ้าไม่มองมือที่ถือช้อนแกงนั่นแล้ว รูปร่างแบบนี้น่าจะใช่ขุนพลมากกว่าคนครัว
          หลานชายยิ้มตอบท่านลุง ก่อนก้มลงมองอาหารบนโต๊ะ 
        ขนมปังกรอบหลายแผ่นถูกจัดเรียงเรียบๆข้างก้อนชีส ...เส้นพาสต้าราดซอสชามเล็กๆสองชาม แถมท้ายด้วยนมแพะเหยือกโตกับผลไม้อีกนิดหน่อย โดยไม่มีวี่แววของเนื้อสัตว์เลยแม้แต่น้อย
        ที่อยู่อบอุ่น เสื้อผ้า ...กับอาหารเช้าดีๆแบบนี้  ชีวิตจะแสวงหาอะไรอีก..
        ผู้เป็นหลานนิ่งคิดอยู่ชั่วครู่........ก่อนเอ่ยปาก
        \"ท่าทางน่าอร่อยดีนะ...\"
        \"....อย่าตัดสินอะไรจากรูปลักษณ์สิอาร์รอน ชิมดูเสียก่อน\" เสียงเรียบๆ จากร่างหน้าเตาทำให้อาร์รอนต้องพยักหน้ายอมรับด้วยความรู้สึกเห็นด้วย
          เขาเลื่อนชามพาสต้าเข้ามาใกล้ตัวก่อนเอามือจิ้มซอสใส่ปาก
        ป๊อก...
        เสียงของแข็งกระทบศีรษะเบาๆ จนผู้โดนสะดุ้ง
         
        \"ตัวโตขนาดนี้แล้ว...ไม่มีคนสอนให้เจ้าใช้ช้อนหรอกรึ...?\" ผู้อาวุโสข่มเสียงเข้ม  ดั่งบิดาตักเตือนบุตร
        \"เอ่อ...โทษที..ท่านลุง\" อาร์รอนยิ้มแหยๆเป็นครั้งแรกของวัน เขาไม่ทันรู้ว่าท่านลุงผละจากเตามาตอนไหน
        \"หึๆ..\" ชายกลางคนหัวเราะเบาๆในลำคอ ก่อนที่จะเดินไปหลังครัว เพื่อหยิบตะกร้าผักสดมาล้างน้ำ
          \" รสชาติดีตามที่คาดไว้....\" หลานชายเอ่ย พลางหันไปมองท่านลุงยกตะกร้า... สีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย
        \"  โถ่...วันนี้ข้าลืมเรื่องเก็บผักไปเลย...ต้องให้ท่านทำแทนข้าเสียนี่.. แย่จริงๆ\"
        \"ไม่เป็นไรหรอก...คนเรามันก็ต้องมีวันที่ลืมกันบ้าง... ข้าเองบอกเจ้าแต่รุ่งสางแล้วว่าวันนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ข้า.....เออแล้วนี่...เจ้าสนใจสลัดผักฝีมือพ่อครัวอย่างข้าไหมล่ะ..?\" ชายวันกลางคนเอ่ยโดยไม่มีความกังวลใด
          อาร์รอนถอนใจยาว รู้สึกผิดเล็กๆ อันที่จริงตัวเขาไม่เคยบกพร่องในหน้าที่เลยตั้งแต่รับปากกับท่านลุง....สองชีวิตกับสวนผักในหมู่บ้านแพรี่ ( Parry village) ริมพรมแดนเนไมอาร์เมียร์ ถิ่นสุดท้ายของพวกมนุษย์ก่อนข้ามเข้าเขตแดนแห่งเอล์ฟ อาณาบริเวณโดยรอบเขียวขจีด้วยป่าและทุ่งหญ้ากว้าง ห่างไกลความเจริญแห่งมนุษย์ สงคราม และ ความวุ่นวาย... วิถีชีวิตเรียบง่ายกับชาวบ้านที่เป็นมิตรและผู้ดูแลที่โอบอ้อม
        ... สี่ฤดูฝนแล้ว นับจากเหตุการณ์บนภูผาไกห์ลา ...
        ... อาร์รอนไม่เคยพบหน้ากับพวกเอล์ฟอีก ...
        ... แน่หละ บางครั้งความตายของตัวตนและชื่อเสียงก็นำพาความสงบมาให้ ...
        ตาสีสนิมจ้องนิ่งบนเปลือกแอปเปิ้ล ก่อนเอื้อมมือไปจับใบหูตนเอง
        ... รอยแห่งอดีต สิ่งเดียวที่นำพาทั้งความสุขและความทุกข์มาให้
        ... ใบหูแห่งเอล์ฟ กรรมพันธุ์สืบทอด สิ่งเดียวของภาพลักษณ์แห่งมารดาถ่ายโอนสู่บุตร..
        ... สิ่งรำลึกแห่งอดีตบนร่างกายมนุษย์ ...
        ... สิ่งที่ทำให้นึกถึงมารดาผู้เป็นที่รัก แต่เป็นคำครหาสำหรับผู้เกลียดชัง
        ... ร่องรอยแห่งการผ่าเหล่า พวกลูกครึ่งน่ารังเกียจ ...
        ... เขาเป็นตัวประหลาดในหมู่เอล์ฟ และเป็นผู้แตกต่างในบรรดามนุษย์ โชคยังดีที่เซรีน ท่านไกห์ลา และมารดายังยอมรับ..
      .... พวกแหกกฏ  กำเนิดของหายนะในคำทำนาย...
      .... คำทำนายไร้เหตุ ที่แม้แต่ตัวผู้โดนกล่าวถึงยังไม่รู้เรื่องแม้สักนิด ...
     
      ... มันผิดด้วยหรือที่ต้องเกิดมาแบกรับชะตากรรมนี้ ...
     
      \" คิดอะไรอยู่รึ... ? อาร์รอน\" คำพูดของท่านลุงแทรกเข้ามาในความคิด
      บุรุษหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองตามเสียง พยายามทำสีหน้าให้ปกติ ก่อนตอบว่า
      \" เปล่า...ขอรับ..\"
        ชายวัยกลางคนส่งสายตาคมลึกมองหลานแวบหนึ่ง...มันเป็นสีน้ำตาลเข้มจนใกล้เคียงกับแววตาของอาร์รอน..ถ้าไม่มองตามอายุที่มากขึ้น บุรุษหนุ่มคงเห็นตัวเองสะท้อนอยู่ในภาพลักษณ์นั้น
        \" หืม....!? ข้าจะไม่คิดเช่นนั้นหรอกนะ...ถ้าข้าเป็นแอปเปิ้ลในมือของเจ้า...\"
        แววตาสีสนิมแปรเปลี่ยน ก่อนจ้องมองลงไปในฝ่ามือ
        ...รอยเล็บสามรอยถูกฝังลงไปในเนื้อผลไม้จนช้ำ...
        อาร์รอนรู้สึกไม่ดีนัก ก่อนวางแอปเปิ้ลกลับที่เดิม สายตาฉาบความกังวล ส่งต่อสู่ผู้ดูแล ทั้งที่ในใจรู้ดีว่าไม่สิ่งที่น่าแสดงออกนัก
        \"คิดถึง ลอเรีย ( Lauria ) .... รึ? \" ผู้ดูแลถามด้วยความห่วงใย มือทั้งสองถือชามซุปมันฝรั่ง นำมาวางบนโต๊ะ ในใจรู้ดีถึงความรู้สึกหลาน แต่สีหน้าเคร่งขรึมยังปรากฏ
        ผู้อ่อนวัยนั่งนิ่งมองชามอาหารคู่ใหม่....ก่อนทอดสายตามองออกไปนอกหน้าต่าง
      \"บุตรคิดถึง มารดาคงมิใช่เรื่องแปลก ...ใช่ไหม?\" ตาสีสนิมสะท้อนประกายแดด เฝ้ามองสายลมพัดหวลไป
      \"ไม่แปลกหรอก ... รู้ไหมทุกวันนี้ข้าก็ยังคิดถึงท่านย่าของเจ้าอยู่ทุกวัน..\" รอยยิ้มปรากฏบนเครางามอีกครั้ง ในขณะที่ร่างนั้นเดินกลับไปอยู่หน้าเตา
        \"ท่านย่าสวยไหมครับ ....?\" เสียงเรียกถาม สายตาอาลัย
        บุรุษอาวุโสนิ่งอึ้งไป ก่อนหันกลับมาตอบว่า
        \" แม่ทุกคนงดงามเสมอสำหรับลูกรัก..\" พูดจบก็หันกลับไปล้างผักต่อ
        อาร์รอนพอใจกับคำตอบนั้น เขายิ้มน้อยๆให้กับแสงแดด แล้วหันมาสนใจกับอาหารมื้อเช้าอีกครั้ง
      ...แต่แล้วเหตุการณ์หนึ่งก็เกิด ...
      \" อะ..แค่ก.กกกก...กๆๆๆ  ออค.ค.คคค.ค.. อั่ก \" 
      เสียงไออย่างรุนแรงดังขึ้นจากร่างหน้าเตาไฟ  มือหนึ่งกุมหน้าอกไว้ด้วยสีหน้าเจ็บปวด
        โครม..ม.ม..!
        ร่างกำยำนั้นเซถลาอย่างคนหมดแรง ร่วงลงไปกระแทกเก้าอี้ ล้มลงสิ้นท่า
        \" ท่านลุง..... !!! \" อาร์รอนร้องอย่างตกใจ ร่างกายแทบเหินจากที่นั่ง
        หน้าตาของผุ้อาวุโสเริ่มซีดเผือดลงอย่างเห็นได้ชัด ลมหายติดขัดอยู่ในลำคอดังโครกคราก ความทรมานเริ่มแผ่ซ่าน
        \" มะ..มะ....มัน กำเริบ...\"  เสียงครางตะกุกตะกัก พยายามสื่อสาร
        \" พิษมอร์กุน ...!? (Morgun posion) \" บุรุษหนุ่มรู้แจ้งชัดจากคำใบ้ ทำเอาหน้าถอดสี เปี่ยมล้ำไปด้วยความตระหนก
        \" ปะ....ปะ..ไป....ที่..ทะ..สวนกระถาง..\" เสียงจากร่างผู้อาวุโส คางเหลืองหน้าซีด เหงื่อผุดขึ้นเต็มใหน้า \"วะ..วะ..ว่านน้ำเงิน...ไป ถะ..ถอน...ว่านน้ำเงิน..มา\"
        ใจระส่ำร่ำไปด้วยความวิตก อาร์รอนแทบไม่อยากผละจากร่างของท่านลุงไปในยามนี้ แต่ด้วยคำเร่งเร้าบ่งบอกว่า นั่นคือหนทางแก้ไข
        เคลื่อนกายอย่างรีบเร่ง แต่รู้ว่าใจไปเร็วกว่า บุรุษหนุ่มรีบวิ่งดิ่งตรงไปยังสวนหลังบ้าน
        ...โชคยังเข้าข้าง...สวนกระถางเหล่านั้นคงอยู่ที่เดิม
        โดยไม่รอช้าอาร์รอนรีบจัดแจงแยกกระถางต้นไม้ออก กวาดตามองหาสิ่งที่ต้องการท่ามกลางเหล่าพืชต้นเล็ก ซึ่งยามนี้แลดูรกชัฎขัดตาไปหมด
        และแล้วแววตาสีสนิมก็สะดุดเข้ากับสิ่งหนึ่ง
        ...สุมนไพรลักษณะเด่น ใบสีน้ำเงินแวววาวดุจคริสตัล กิ่งก้านงอกงามชูช่อรับแสงแดด..
        ด้วยแรงฝ่ามือบุรุษ อาร์รอนกระชากถอนพืชต้นน้อยออกจากระถาง พลิกตัวหันกลับไปยังห้องครัว
        บัดนี้ร่างหน้าเตาไฟลุกขึ้นนั่งพิงกายได้แล้ว ทว่าวี่แววความเลวร้ายของสีหน้ายังคงปรากฏให้เห็นอยู่
        \" ระ...ระ..เร็ว..! ส่งมา...ให้ข้า\" อาร์รอนส่งสมุนไพรให้ท่านลุง ใจเต้นระรัวด้วยแรงกดดัน
       
        ผู้อาวุโสรับต้นพืชมาพลางล้วงหยิบซองกระดาษใบหนึ่งจากในเสื้อพร้อมด้วยกล่องไม้ใบเล็กขนาดฝ่ามือ
        \"ส่ง....มีดมา...\" ผู้เป็นหลานไม่แน่ใจในสิ่งที่ท่านลุงจะกระทำนัก แต่ด้วยแรงผลักบางอย่างเขาจึงได้แต่ทำตามคำบอก
        ชายวัยกลางคนรับมีดมาก่อนเฉือนใบของ ว่านน้ำเงิน ( Blue herb ) ออกเป็นใบหยาบๆ ใส่ไว้เหนือซองกระดาษซึ่งถูกคลี่ออกก่อนที่จะค่อยๆ เปิดกล่องไม้ใบเล็กออก ทั้งที่มือสั่นเทาและหายใจอย่างลำบากแต่ร่างนั้นยังคงฮึดสู้กับแรงกดดันภายใน
        ภายในกล่องนั้นบรรจุหลอดแก้วรูปร่างแปลกตาสองชิ้น ชิ้นหนึ่งกลวงปลายเรียวเล็กส่วนอีกชิ้นมีลักษณะเป็นแท่ง พร้อมเข็มแหลมเล็กสามเล่ม
      ผู้เป็นลุงเงยหน้าขึ้นสบตาหลานชายด้วยรอยยิ้มอ่อนแรง พลางเอ่ยว่า
      \"ข้าหละ...เกลียดตอนนี้ชะมัด....\" กล่าวด้วยเสียงระส่ำ ก่อนถลกแขนเสื้อขึ้น...
      ...มีดตวัดผ่านมายังที่หมาย
     
      \" ..........................!!? \" อาร์รอนพูดอะไรไม่ออก เหงื่อเม็ดโตผุดขึ้นเต็มใบหน้า
      ฟึด...ด...ด
      คมมีดแยกแผลออกเป็นรอยยาวลึกโดยไร้ความสะทกสะท้าน ก่อนที่ของเหลวกลุ่มหนึ่งจะทะลักออกมา  สีเข้มคล้ำราวกับไม่ใช่โลหิตมนุษย์
      \" บ้าชะมัด...! มันแพร่กระจายเร็วกว่าที่คิด\" ผู้อาวุโสร้องอย่างเจ็บใจ ดั่งเสียเชิงข้าศึก ในใจรู้ดีว่าอาการของตนเลวร้ายลงกว่าแต่ก่อน แต่ความเข้มแข็งยังคงเจืออยู่บนใบหน้าทนทุกข์นั้น
      อาร์รอนนั่งนิ่งเงียบจ้องกรรมวิธีของท่านลุงด้วยตาไม่กระพริบ ความกังวลก่อตัวขึ้นเรื่อยๆ ราวกับเงามืดที่เข้าครอบคลุมความคิด อยากช่วยแต่ทำอะไรไม่ถูก
      ...แต่แล้วเรื่องน่าประหลาดก็เกิดให้เห็นเมื่อท่านลุง ยกต้นแขนมีรอยแผลมาวางเหนือกระดาษที่เตรียมสมุนไพรไว้
      ... เมื่อเลือดสีคล้ำ หยดลงบนใบพืชสีฟ้า ก็เกิดการแปรสภาพกลายเป็นของเหลวสีทองแดง ในขณะที่ใบพืชเหล่านั้นห่อเหี่ยวลง
        แววตาสีสนิมฉาบไปด้วยความแปลกใจปนสงสัย แต่อาการนิ่งอึ้งยังคงมีอยู่
        และแล้วเมื่อได้ของเหลวจากหยดเลือดนั้นพอสมควร ผู้อาวุโสก็หยิบหลอดแก้วขึ้นจากล่องไม้ ก่อนใช้ปลายนิ้วอีกมือหยิบเข็มโลหะอันหนึ่งขึ้นใส่เข้าที่ปลายหลอด  จากนั้นจึงค่อยๆรินของเหลวจากกระดาษใส่แก้วน้ำ ก่อนจบท้ายด้วยการจุ่มปลายเข็มลงไป
        ...ของเหลวประหลาดวิ่งขึ้นตามแรงดันของอากาศเข้าไปบรรจุอยู่เต็มช่องว่าง เมื่อแท่งแก้วถูกดึงจากหลอด..
        บุรุษหนุ่มมองศาสตร์แห่งการรักษาด้วยใจระทึก เขาไม่เคยเห็นการยับยั้งโรคเช่นนี้มาก่อน
        \" ขอเทพเจ้า โปรดปราณี...\" เสียงหนึ่งจากท่านลุง
        ในที่สุดคมเข็มก็ปักลงเหนือหัวไหล่ของร่างอาวุโส ก่อนที่ของเหลวทั้งหมดจะถูกดันหายลงไปในผิวกาย ร่างนั้นนิ่งสงบอยู่ชั่วครู่ ก่อนเริ่มสำแดงอาการอีกหน
        \" ออค....อัค....คั่กๆ.. แค่ก..\" ร่างกายเริ่มกระตุกแต่เจ้าตัวพยายามฝืนเอาไว้ ความทุกข์แพร่กระจายเมื่อยารักษาและสิ่งภายในเข้าปะทะกัน เวลาผ่านพ้นไปซักพักก่อนที่ทุกสิ่งจะสงบลง
        ............................................................................................................................................................
     
        \" ท่านลุง......... \" อาร์รอนเรียกอย่างชื่นอก เมื่อเห็นผู้ดูแลมีอาการสงบลง
        สายตาสีน้ำตาลสบตาผู้เป็นหลานก่อนรอยขยับของเครางามจะมีขึ้นอีกครั้ง
        \" ข้า...ไม่เป็นไรแล้ว...\" เสียงตอบราบเรียบเป็นปกติ ใบหน้าซีดแต่แววตาคืนความสดใสดังเดิม
        บุรุษหนุ่มจ้องมองไปยังบาดแผลซึ่งบัดนี้เลือดเสียสีคล้ำ คืนสภาพเป็นสีปกติ ด้วยความโล่งใจจึงรีบเดินไปยังกล่องพยายาบาลเพื่อหยิบผ้าสะอาดมาเตรียมทำแผล
        \"ช้า....ก่อน\" มีเสียงทักท้วงจากผู้อาวุโส  \" เอาใบว่านที่เหลือไปต้ม... เอาน้ำมาล้างแผลก่อน ไม่งั้นแผลจะเลวลง...\" สายตาเพ่งมองไปที่กล่องยาก่อนกล่าวต่อว่า  \" อ้อ...แล้ว เอาหลอดแก้วนี้ไปฝังซะ ...เดี๋ยวข้าคงต้องไปหาหมอ เออร์ดิน เพื่อขออันใหม่เสียแล้ว..ดูแลความสะอาดด้วยนะ... \"
        .................................................................................................................................................................
 
        มื้อเช้าของวันก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง หลังจากอาร์รอนดูแลทุกอย่างตามคำสั่งท่านลุงเสร็จเรียบร้อย ใจจริงแล้วเขาหมดอารมณ์ที่จะกินมื้อเช้าแล้วแต่เนื่องด้วยท่านลุงเห็นว่า ทุกอย่างมีคุณค่าไม่ควรทิ้งขว้างให้เสียของ
        \"....................................\"  หลานชายตาสีสนิมยังคงนั่งนิ่งจ้องมองอาหารบนโต๊ะ ในขณะที่ท่านลุงกำลังจัดการทุกอย่างตามปกติ ในใจของอาร์รอนยังคงกังวลถึงเรื่องเมื่อครู่อยู่ในขณะมือถือช้อนคนซุปมันฝรั่งไปมา
        \"อาร์รอน..ข้าบอกเจ้าแล้วนะว่าไม่ต้องวิตกอะไร ....กินให้อิมก่อนเถอะ..\" ผู้อาวุโสเงยหน้าจากชามซุป มือที่พันผ้ากวัดแกว่งช้อนไปมาเป็นเชิงสั่งสอน ไม่เหลือวี่แววของสีหน้าดั่งแพ้พิษไข้เช่นเมื่อครู่
        \" ท่านไปเรียนวิชารักษาแบบนี้มาจากไหน ? \" 
      ผู้อาวุโสกลืนขนมปังลงท้อง แล้วเช็ดปลายนิ้ว ก่อนที่จะตอบว่า
        \" สี่สิบกว่าปีก่อน เมื่อสมัยที่อาณาจักรซากอนยังมีกองกำลังรบ เสนารักษ์ผู้หนึ่งสอนการแก้พิษให้กับข้า มันเป็นความรู้โบราณถูกถ่ายทอดจากสมาคมปัญญานุคุณเพื่อใช้ระงับอาการเลวร้ายบางอย่าง แต่บางโรคก็รักษาได้ด้วยวิธีคล้ายๆกันนี้ \"
      อาร์รอนนิ่งไปอีกครั้ง มันเป็นความรู้สึกที่ดีเมื่อท่านลุงเล่าถึงเรื่องในอดีตของตน สงคราม วิถีนักรบ อาณาจักรซากอน แล้วก็เรื่องของท่านพ่อ
      \" อาการนี้ มันไม่เคยเกิดมานานแล้ว อีกทั้งก็ไม่เคยรุนแรงเท่านี้...\"  สีหน้าเหนือชามว่างเปล่านั้นมีท่าทีเคร่งเครียดลงเหมือนมีความนัยอะไรบางอย่าง
        \" มีอะไรผิดแปลกรึ..ท่านลุง..?\" ผู้เป็นหลานรู้สึกถึงความนัยของท่าทีนั้น
        ชายวัยกลางคนถอนหายใจยาว เหมือนถ่ายเทความหนักอึ้ง สายตาจริงจังเพ่งมองมายังหลานชาย ในใจกำลังพินิจว่าสมควรเล่าเรื่องนี้ออกไปหรือไม่
      \" ข้ารู้ว่าเจ้าคงไม่ชอบใจแน่หากฟังเรื่องนี้ แต่ข้าคงต้องเล่า...เพราะ...ไม่รู้สิข้า....ข้าว่า...\" 
      \" เล่ามาเถิด...ข้าว่ารู้ไว้จะดีกว่า..\" อาร์รอนทำสีหน้าเป็นปกติ พยายามรับฟัง
      \" พิษมอร์กุล ไม่ใช่โรคธรรมดา อาร์รอน มันเป็นคำสาป .... คำสาปที่ถูกใช้เพื่อบ่อนทำลายผู้สืบทอด..\" ผู้อาวุโสเริ่มเล่า เน้นเสียงให้เนิบช้า
      \" ผู้สืบทอด...!!? \"
      ใบหน้ามีเคราผงกหัวตอบรับ ก่อนพูดต่อ \" .... ผู้สืบทอดพลังแห่งมังกร กลุ่มชนสุดท้ายที่ได้รับเลือดจากร่างของ
ราฟาเอลโล่ ( Raphaelo ) เพื่อใช้ในการพิทักษ์ดราก้อนโฮล์มจากเหล่าปีศาจ และพวกมนุษย์บ้าสงคราม พ่อของเจ้าเองก็เป็นหนึ่งในนั้น \"
      อาร์รอนต้องประหลาดใจ ไม่มีใครเคยเล่าเรื่องนี้ใหเขาฟังมาก่อนแม้แต่ตัวท่านลุงเอง
      \" หมายความว่าท่านพ่อ ...มิใช่คนธรรมดา..!\" ความรู้สึกหนึ่งแล่นไปทั่วร่าง เผยรอยยิ้มเล็กๆ กริ่มภาคภูมิ
      ความปิติปรากฏบนสีหน้าของท่านลุงก่อนตอบว่า \" พ่อเจ้าข้าเป็นนักรบผู้กล้าหาญ และทรงพลัง เขาเป็นผู้ยืนหยัด ปกป้อง มิดเดิ้ล ไชร์น ( Middle - Shrine ) ที่พักพิงสุดท้ายของมวลมนุษย์ จากพวก เทนทารอส (  Taintaros ) สิ่งมีชีวิตอุบาทว์ กับ พวกมนุษย์กระหายศึกแห่งไซเพิร์น ( The Army of Zypern ) ด้วยความมั่นคงในหน้าที่และอุดมการณ์ของผู้รับใช้มังกร......\"
      เรื่องเล่าต้องสะดุดลงด้วยความรู้สึกบางอย่าง
       
      \".........แต่แล้ว.......วีรกรรมของเอกบุรุษมักจบด้วยหายนะ \" น้ำเสียงสะท้อนความหดหู่  สายตาทอดตก \" เมื่อพิษมอร์กุลถูกค้นพบ มันนำพาความเลวร้ายมาสู่กองทัพ  คำสาปที่ถูกใช้ในลักษณะของอาวุธติดพิษ ทันทีที่ใครถูกทำร้ายด้วยอาวุธของพวก เทนทารอส จะพบกับความทุกทรมานจากการล้มเหลวของระบบเลือด มนุษย์ธรรมดาจะตายในช่วงเวลาไม่นาน ในขณะที่ผู้สืบทอดจะถูกบ่อนทำลายขุมพลังซึ่งเกิดจากเลือดมังกรในร่าง....\"
      ความปลาบปลื้มของอาร์รอยมีอันต้องดับวูบลง เรื่องราวลำดับต่อไปสามารถคาดเดาได้โดยไม่ต้องเล่า
      \" ในตอนนั้นข้าอายุเพียงยี่สิบสองปี เฝ้ามองร่างของน้องชายตนเอง สิ้นชีพอยู่เหนือซากร่างของความตาย เลือดสีคล้ำราวน้ำครำรินไหลออกจากดวงตาและริมฝีปาก แม้นศึกจะจบลงด้วยการพ่ายแพ้ของฝ่ายชั่ว แต่คำสาปนั้นได้ตามทำลายล้างผู้สืบทอดและคนธรรมดาเช่นตัวข้าเองก็ต้องทนทรมานกับโรคนี้........ \" แรงสะเทือนใจร่ำอยู่ในอก ใบหน้าเคร่งขรึมปรากฏแววหดหู่ปนแค้นเคือง
      \" ถ้าพวกเอล์ฟ คิดหนทางรักษาได้รวดเร็วกว่านี้ ชีวิตจำนวนมากก็จะยังอยู่ ผู้สืบทอดก็คงมีแนวทางรุ่งเรืองกว่าที่เป็น...\"
      เมื่อสดับฟังได้ดังนั้น อาร์รอนก็ได้แต่ถอดใจ ปล่อยความผิดหวังหมองเศร้า ไปในโลกแห่งความคิด ก่อนที่น้ำเสียงเครียดของอดีตนักรบ ดังขึ้นว่า
      \" อาร์รอน..เจ้าคือเศษซากแห่งความรุ่งโรจน์  พลังอำนาจสุดท้ายของอาร์คีเดียส ส่งผ่านสายเลือดตกทอดมาสู่เจ้า ... เจ้าคือบุตรแห่งผู้กล้า...ฉะนั้น ถึงเวลาแล้วที่เจ้าต้องรับรู้ภาระแห่งชะตากรรม...!\"  คำพูดจริงจัง ผสานพลังจากใบหน้า
      บุรษหนุ่มนิ่งอึ้ง ตกใจที่อยู่ท่านลุงก็ร่ำวาจาแปลกๆ สู่ตน
      \".... ภาระแห่งชะตากรรม .... อะไรของท่าน..ข้าไม่เข้าใจ \"
      \"ถึงเวลาแล้ว ที่เจ้าต้องไปจากที่นี่...... ไปจากหมู่บ้าน แสวงหาเส้นทาง.... \" ผู้อาวุโสเอ่ย
      บุรุษหนุ่มตกตะลึงกับคำพูดก่อนเอ่ยเสียงระล่ำสั่น \" อะไรของท่าน...จะให้ข้าไปไหน...ที่นี่บ้านข้านะ อยู่ที่นี่ก็มีความสุขดีแล้ว...ข้าไม่ไปไหนทั้งนั้น \"  ความจริงจังในดวงตาคู่นั้นทำใหอาร์รอนเริ่มสะท้อนใจ การออกไปเผชิญโลกอีกครั้งเป็นเรื่องน่าหวาดเกรงสำหรับเขา
      นัยน์ตาสีน้ำตาลทอดตรงมายังใบหน้าคมเข้ม รอยอบอุ่นบนเครางามเลือนหายไปกลายเป็นความแข็งขันจริงจัง ชายอาวุโสจ้องมองลึกราวกับจะล้วงเอาก้นบึ้งของจิตใจออกมาจากแววตาสีสนิมคู่นั้น ก่อนพูดว่า
      \" เมื่อคืน  เจ้าเห็นนิมิตแห่งมังกร ใช่ไหมอาร์รอน.... \"
      บุรุษหนุ่มงุนงงเป็นที่สุด เหตุใดท่านลุงถึงรู้ความฝันที่เขายังไม่ได้เล่า แต่แล้วก้ฉุกใจนึกขึ้นได้ว่าถ้าตอบรับตามความจริงก็เท่ากับส่งเสริมให้ตัวเองยอมรับภาระแห่งชะตากรรมตามที่ผู้ดูแลเอ่ย  ซึ่งเป็นการไล่ตัวเองออกจากที่อยู่อันอบอุ่นนี้
      \" เอ่อ..อะไร..ของท่าน เมื่อวานข้าแค่ฝันถึงเซรีน ...ก็ฝันร้ายอย่างที่ผ่านมา...ท่านก็บอกข้าเองว่ามันเป็นแค่เงาอดีตที่ฝังใจ\" 
     
      แววตาสีน้ำตาลเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าว ผู้อาวุโสเลื่อนตัวเองขึ้นกระแทกเก้าอี้ไม้จนกระเด็นถอยหลัง บอกหลานชายด้วยวาจาเคืองโกรธ
    \" อย่ามาโป้ปดกับข้านะ...! \"
    บุรุษหนุ่มสะดุ้งตัวเพราะคำเตือน ใจเต้นระทึก เขาไม่เคยเห็นท่านลุงโกรธแบบนี้มาก่อน
    \"...เจ้านึกว่าข้าเป็นคนแก่ ไร้ความคิดไง.... นึกว่าข้ารู้ไม่ทันเจ้าเรอะ... ถึงข้าเป็นแค่อดีตนักรบ... แต่ข้าก็หาใช่ทหารไร้สมองไม่...รู้ไว้ด้วย ! \" 
    อาร์รอนถึงกับหน้าเสีย มิอาจเอ่ยวาจาใดได้
    \"แต่..... \" เขาพยามหลังจากที่ถูกตวาดจนนั่งนิ่ง ทว่าผู้อาวุโสไม่เปิดโอกาสใด
    \" เจ้าไม่มีทางเลือกใด อาร์รอน นอกจากไปซะ ไปแสวงหาทางรอด ....... ก่อนที่จะไม่มีโอกาสเลือก ...เลือกที่จะมีชีวิต \"
      คำพูดลดทอนอารมณ์ขุ่นเคืองลงในช่วงหลัง สายตาจ้องมองมายังผู้เป็นหลาน
    \" การกำเริบของพิษมอร์กุลเป็นสัญญาณ ....อาร์รอน ...มันบอกให้รู้ว่า พลังมังกรกำลังจะตื่นขึ้นอีกครั้ง และแน่ใจได้เลยว่า การต่อสู้จะต้องอุบัติขึ้น....ตราบใดที่ความชั่วร้ายในพิภพยังไม่สงบ...มังกรจะไม่มีวันหลับสนิท\"
      ร่างนั้นก้าวทอดไปยังเตาผิงข้างโต๊ะอาหาร ก่อนเอื้อมมือไปหยิบสิ่งหนึ่งเหนือเปลวไฟ  ทอดตาพิจารณาดูสิ่งที่ถูกกาลเวลาทับถม
      \" เจ้าพักผ่อนมาพอแล้ว หลานชาย .... ถึงเวลาแล้วที่เจ้าต้องกลับมาเผชิญความจริง \"
      อาร์รอนเฝ้ามองอิริยาบทนั้น ด้วยความตั้งใจ
      \"เผชิญความจริง....!?\"
      \"ความจริงที่ว่า....มือของเจ้าไม่ได้คู่ควรกับจอบขุดดิน. อาร์รอน ........แต่.... \"
      ลมปากถูกเว้นจังหวะ พร้อมกับการเคลื่อนไหวฝ่ามือ
      \" มันคู่ควรกับสิ่งนี้........ \"
      ควับ....... ...หวุบบ.....ฟุบ
      วัตถุหนึ่งถูกกระชากออกจากฝักสลักลายฝุ่นจับ กวัดแกว่งผ่านอากาศ
        เมื่อสิ่งนั้นสะท้อนนัยน์ตาสีสนิมคมลึก ความรู้สึกหนึ่งก็แล่นผ่านร่าง
      ...ศาตราวุธแบบหนึ่งถูกประดิษฐ์ขึ้นจากไม้ขัดเงา ในรูปลักษณ์ของดาบตามอารยธรรมโบราณ ด้ามถูกทำขึ้นจากงาช้างสลักเป็นหัวมังกรแต่ไม่ทอดทิ้งคุณสมบัติของความเหมาะมือ ตัวดาบตรงกว้างปราศจากคม แต่เนื้อไม้สีเข้มถูกขัดเงาและสร้างรูปแบบได้ลงตัว แต่สิ่งที่โดดเด่นคงจะเป็นอัญมนีสีแดงเพลิงที่ปรากฎอยู่บนโคนดาบ
 
      \" กราเดี้ยน-อาร์ม ( Guardian-Arm )  ดาบผู้พิทักษ์  อาวุธแห่งสันติ สิ่งคู่กายบิดาเจ้าในสมรภูมิ\"
      อาร์รอนจ้องมองศาตราประหลาดในฝ่ามือกว้าง ในใจสงสัยว่า สิ่งนั้นสามารถใช้ในการรณยุทธ์ได้ด้วยหรือ
      \" แต่นี่มันดาบไม้......มิใช่หรือท่านลุง? \"
      \"  อย่าประเมินสิ่งใดจากภายนอก ....ข้าย้ำเจ้าอยู่เสมอ..... อาร์รอน จงรู้ไว้ว่า บิดาเจ้าไม่ได้ทำสงครามด้วยการประหัตประหารชีวิต ..... ชีวิตทุกผู้คือหน้าที่ของผู้พิทักษ์ที่จะต้องรักษา\" กล่าวพลางยื่นดาบคืนแก่ผู้สมควรรับ
      บุรุษหนุ่มรับอาวุธแห่งสันติมาไว้ในมือ ในความคิดอัดแน่นด้วยความรู้สึกประหลาด เหมือนมีสิ่งใดไหลวนจากดาบสู่ร่างกาย
      \" หน้าที่อันเคยเป็นของบิดาผู้ล่วงลับ บัดนี้ตกทอดสู่บุตรแล้ว ภาระยังไม่บรรลุ อาร์รอนเจ้ายังต้องสานต่อให้จบ...\" สีหน้าของชายกลางคนกลับเป็นปกติ
      \"ภาระแห่งชะตากรรม....!?\" อาร์รอนเว้นเสียง
      \" นั่นคือพิทักษ์ดราก้อนโฮล์ม ...... ทางเลือกของผู้กล้า สิ่งเดียวที่เราทั้งหลายสรรเสริญ สิ่งที่สร้างคุณค่าแก่ชีวิตบุรุษ .... บอกให้โลกรู้ว่าเรามิใช่สิ่งด้อยค่า...\"  ประโยคแห่งกำลังใจปลุกกระแสชีวา และพันธะของคุณธรรม
        บุรุษหนุ่มจ้องมองท่านลุงซึ่งบัดนี้เปลี่ยนจากคนครัวมาเป็นผู้สร้างแรงจูงใจ
        ... มิเสียแรงครั้งหนึ่งเคยเป็นทหารหาญ ...
        ... ทั้งท่านพ่อและท่านลุง สมควรแล้วกับความภาคภูมิที่ตัวเขามีให้..
        ... และบัดนี้คงถึงเวลาแล้วที่ตนเอง ควรสานต่อความภาคภูมินั้น ...
 
        ... ถึงแม้ความหวาดเกรงต่อประสบการณ์เลวร้าย และความไม่มั่นใจในเส้นทางของชีวิตยังคงมีอยู่ ...
      ... แต่ในหัวจิตมันร่ำร้องบอกอยู่ลึกๆว่า ...
      ... หนทางที่ ตัดสินใจก้าวเดินในตอนนี้ มีคุณค่าบางอย่างแฝงเร้นอยู่ ...
      ... มันคุ้มค่าที่จะเสี่ยงไหม ควรออกไปเผชิญความจริงหรือไม่...
      ...  ทางเลือกของผู้กล้า กับชีวิตธรรมดาในสวนผัก ...
      ... สิ่งใดมีความหมายต่อชีวิตมากกว่า ...
      ... ถึงเวลาที่ต้องตัดสินใจแล้ว ...
 
      \" ว่าไง อาร์รอน .... เจ้าจะเลือกเดินตามทางของบิดาเจ้าหรือไม่ .... \"  ร่างกำยำหันกลับมาถามหลังรวบทุกอย่างบนโต๊ะไปกองในถังน้ำ
      บุรุษนั่งคิดทบทวนอยู่ชั่วครู่ ก่อนสายลมแห่งฤดูฝนจะพัดเข้ามา
      \" ได้......ข้าจะลองดู \"
      \" ดี .....!  ถ้างั้นตามข้ามา.... เจ้าจะต้องเรียนรู้อะไรบางอย่างก่อนที่ เวลาจะไม่รอพวกเรา ...  \"
        เงาร่างองอาจเดินหายขึ้นไปยังชั้นบน หลังเสียงก้อง ปล่อยให้สายตาสีสนิมเฝ้ามองจนอิริยาบทสุดท้าย ก่อนที่จะลุกจากที่นั่งสาวเท้าตามขึ้นไป
        ภารกิจอันสำคัญเริ่มต้นขึ้นแล้ว ณ บัดนี้
       
      ปีศักราซซากอนที่ 496
      30 ปีหลังสงครามแห่งมิดเดิ้ล - ไซน์ เผ่าพันธ์มนุษย์ในอาณาเขตซากอนได้เป็นอยู่อย่างสงบสุข ภายหลังจากที่ต้องเผชิญการโจมตีทั้งจาก เทนทารอส  และเพื่อนร่วมเผ่าพันธ์ชาวไซเพิร์น เป็นเวลาเกินกว่าร้อยปีแล้วที่อารยธรรมมังกรล่มสลายไปพร้อมกับจักวรรดิ์เดิม ทำให้เผ่าพันธุ์มนุษย์ถูกแบ่งแยก ไร้ผู้ปกป้อง ชาวซากอนต้องยืนหยัดต่อสู้เพียงลำพังทั้งจากการประหัตประหารจากมนุษย์ด้วยกันเอง และการตามล่าจากเผ่าพันธุ์อื่นที่เป็นศัตรู  ผู้สืบทอดคือความหวังเดียวของชาวซากอนที่จะปกป้องพวกพ้องด้วยพลังที่ได้รับมาจากมังกร  แต่แล้วภายหลังการต่อกรกับ เทนทารอส ผู้มีสายเลือดหลายคนต้องจบชีวิตลง ทั้งด้วยอาถรรพ์จากพิษมอร์กุล และถูกตั้งค่าหัวจากมือสังหารชาวไซเพิร์น 
      จริงอยู่ที่บัดนี้ศึกสงครามสงบลงแล้ว แต่นักรบทั้งหลายคงไม่รู้ว่า .....นอกจากเทนทารอสแล้ว ยังมีอีกมีสิ่งหนึ่งที่น่าสะพรึงเสียยิ่งกว่าใบหน้าอัปลักษณ์ของปีศาจ ทรงพลังกว่านักรบชาวไซเพิร์น ..... มันเลวร้ายเสียจนแม้กระทั่ง มังกรผู้ทรงอำนาจยังต้องการปลุกตัวเองขึ้นจากนิททรา
        ประวัติศาสตร์แห่งเงามืดกำลังหวลกลับมา.....
       
   
       
     
 
         
     
     
     
     
     
             
       
     
     
     
   
     
     
       
     
     
     
       
 
       
         
   
       
         
       
     
       
           
         
     
       
       
       
     
   
         
       
       
       
       
   
       
       
         
         
       
       
         
       
         
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น