ตอนที่ 2 : ตอนที่ 2
เด็กชายที่เข้ามาหาเรื่องที่ถูกเรียกว่าคัตจังนั้นมีชื่อเต็มๆว่า บาคุโก คัตสึกิ โดยรวมๆแล้วสึนะบอกว่าอีกฝ่ายนั้นเหมือนกับโกคุเดระ ฮายาโตะ มือขวาของเขาเลย แถมยังมีอัตลักษณ์เป็นระเบิด ยิ่งเหมือนกับโกคุเดระเลยที่ชอบใช้ระเบิดเล่นงานเขาตอนพบเจอกันใหม่ๆ
ส่วนอีกคนที่สึนะรู้สึกสนใจเป็นพิเศษเลยนั้นคือ มิโดริยะ อิซุกุ เขาเป็นคนไร้อัตลักษณ์โดนเพื่อนช่วยชั้นแล้วก็เพื่อนสมัยเด็กอย่างบาคุโกนั้นรุมต่อว่าเรื่องที่อีกฝ่ายนั้นไม่มีอัตลักษณ์ จนถูกตั้งชื่อว่า เดกุ ที่มีความหมายว่าไร้ค่า ถึงจะโดนดูถูกมากแค่ไหนก็ไม่มีท่าทางว่าจะตอบโต้เลยแต่น้อย
มันทำให้สึนะมองเห็นตัวเองในอดีต สมัยที่ยังเป็น จอมห่วยสึนะ ที่จะทำอะไรนั้นก็ห่วยไปหมด ไม่ว่าจะการเรียน กีฬา หรืออะไรก็ตาม ทุกอย่างห่วยไม่หมด และต้องถูกเพื่อนๆร่วมชั้นต่างพากันดูถูกเขา แต่เพราะได้เจอกับครูพิเศษจอมป่วนของเขา รีบอร์นที่เป็นนักฆ่าทำให้เขานั้นสามารถพัฒนาตัวเองจนกลายเป็นบอสของมาเฟียถึงตอนแรกจะปฏิเสธเพราะกลัวก็เถอะ
“มิโดริยะ นายมาคุยกับฉันหน่อยได้ไหม” สึนะที่เฝ้ามองมิโดริยะมาหลายวันจึงตัดสินใจจะเข้าไปคุย
“อ-อะไรงั้นเหรอ ยางิคุง” มิโดริยะถามด้วยท่าทางกล้าๆกลัวๆ
“เอาเป็นว่ามีเรื่องส่วนตัวจะคุยด้วยนะ”
ถึงเด็กชายผมเขียวจะส่งสัยว่าจะคุยเรื่องอะไร ยังไงคงก็ต้องตามไปด้วย ในใจก็ดีใจเป็นอย่างมากที่มีคนเข้ามาคุยโดยที่ไม่มีแววตาดูถูก หรือถูกเรียกอย่างไร้ค่าแบบคนอื่น สถานที่ที่สึนะพามานั้นคือดาดฟ้าของโรงเรียน เป็นสถานที่ที่คุยได้อย่างอิสระที่สุดแล้ว
“นายคิดยังไงกับเพื่อนร่วมห้องของนาย” สึนะเปิดประเด็นถามเมื่อขึ้นมาถึง
“เอ๋ เอ่อ ก็เป็นเพื่อนร่วมห้องไงครับ” มิโดริยะตอบด้วยความงุนงง
“ถ้านายมีพลังจะเอาคืนกับสิ่งที่พวกนั้นทำกับนายรึเปล่า”
“…ไม่ครับ ผมนะ อยากจะเป็นฮีโร่เหมือนกับออลไมท์ อยากจะช่วยเหลือคนอื่นแม้ว่าตัวผมนั้นจะไม่มีพลังครับ!” มิโดริยะตอบแบบจริงจังมาก
“…”
“ฮ่าๆ มันคงเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วละครับ เพราะผมนะไร้อัตลักษณ์” มิโดริยะพูดแบบเศร้าๆ เหมือนกับรู้ตัวเองดี
“เห~ นึกว่าจะไม่ยึดติดกับอัตลักษณ์สักอีกนะ”
“ม-หมายความว่ายังไงครับ”
“ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็เจอแต่คนที่เอาแต่พูดเรื่องของอัตลักษณ์คนอื่น ไม่ได้พูดเกี่ยวกับตัวของคนๆนั้นเลย มันทำฉันหงุดหงิดไม่น้อยกับสังคมนี้” สึนะอธิบายพร้อมกับมองวิวไปด้วย
“คำพูดดูเป็นผู้ใหญ่จังนะครับ”
“ฮ่าๆๆๆๆ งั้นเหรอ…ถ้านายแข็งแกร่งขึ้นได้ นายอยากจะทำมันไหม” คราวนี้สึนะหันไปถามด้วยแววตาที่จริงจัง
“อยากครับ!”
“ตอบทันทีเลยแหะ งั้นขอถามก่อนว่า…หากวิลเลินกำลังวิ่งหนี แล้วมีประชาชนกำลังตกอยู่ในอันตราย นายเลือกอะไรระหว่างจับวิลเลินกับช่วยเหลือประชาชน”
“แน่นอนว่าต้องช่วยเหลือประชาชนสิครับ ฮีโร่นะต้องช่วยเหลือประชาชนเป็นอันดับแรกไม่ใช่รึไงครับ?” มิโดริยะกล่าวอย่างงุนงงรอบที่สอง สงสัยเกี่ยวกับคำถามนั้นเอามากๆ
“หึ อย่าลืมความคิดนั้นละ พรุ่งนี้ตอนเช้าฉันจะเข้าไปหานายในฐานะครูพิเศษของนาย บอกครอบครัวของนายเรื่องที่จะฝึกด้วยละ”
“เอ๋! เดี๋ยวสิครับ! ทำไมยางิคุงถึงช่วยผมละ”
“นายก็ตอบแทนฉันไปแล้วนิ คำถามเมื่อกี้นี้ไง”
คำตอบของสึนะทำให้มิโดริยะนั้นแน่นิ่งไป ตัวเขาเป็นคนตอบแทนไปแล้วเหรอ มิโดริยะนึกทบทวนสิ่งที่ตัวเองตอบไป นั้นทำให้เขาเริ่มเข้าใจขึ้นมา รอยยิ้มที่สดใสปรากฏขึ้นมาบนหน้าของเด็กผมเขียว สึนะที่เห็นแบบนั้นก็ยิ้มออกมาอย่างพอใจ ใบหน้าแบบนั้นสิถึงเหมาะกับการเป็นฮีโร่หน่อย
เรื่องเกี่ยวกับฮีโร่นะ สำหรับสึนะนั้นรู้สึกว่ามันไม่เหมาะกับเขาที่ฝึกฝนมาเพื่อที่จะเป็นมาเฟีย ออลไมท์เองก็อยากจะได้ผู้สืบทอดที่มีความคิดของฮีโร่ที่แท้จริงอยู่ จากที่สึนะมองรวมๆทั้งหมดแล้ว มิโดริยะถือว่าเป็นคนเดียวที่มีความคิดนั้นที่เขาเจอในตอนนี้
“รีบอร์น ฉันกำลังจะเป็นครูสอนพิเศษเหมือนนายแล้วนะ หวังว่าสิ่งที่นายเคยสอนฉันจะมาช่วยฉันสอนให้กับมิโดริยะได้นะ”
ระหว่างทางกลับไปที่ห้องเรียนสึนะยิ้มออกมาตลอดทางพร้อมกับนึกเรื่องราวสมัยก่อน นิสัยของเขาในตอนนี้ต่างจากตอนนั้นเอามากๆ ตอนนี้เขานั้นมีความเยือกเย็นมาก หากให้กลับไปคุยกับเพื่อนสมัยนั้นละก็ คงพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเขากับสึนะจอมห่วยเป็นคนละคนกันแน่นอน
วันรุ่งขึ้นสึนะได้ไปที่บ้านของมิโดริยะตั้งแต่ตี 4 ครึ่ง ส่วนที่ว่าทำไมเขาถึงรู้ที่อยู่ของมิโดริยะได้นั้น แน่นอนว่าไปถามอาจารย์มา ตอนที่สึนะได้มาถึงก็พบว่ายังไม่มีใครตื่น มันก็ช่วยไม่ได้ละนะ ไม่มีใครคาดคิดหรอกว่าจะมีคนมาหาก่อนที่พระอาทิตย์จะขึ้นซะอีก
“ห้าว…มาหาใครครับ” คนที่ออกมาต้อนรับนั้นคือมิโดริยะ
“อาบน้ำแต่งตัวซะ”
“เอ๋! ยางิคุง!”
“ฉันให้เวลา 10 นาที หากยังไม่เสร็จละก็ฉันจะยิงนายละนะ” สึนะกล่าวพร้อมกับหยิบปืนออกมา สึนะไม่ได้โหดเหมือนกับรีบอร์นมากหรอก ปืนที่เขาถือนั้นเป็นปืนกระสุนยาง หากถูกยิ่งไปก็เจ็บอยู่ ยังดีกว่ารีบอร์นที่เป็นกระสุนจริงละกัน
“ค-ครับ! จะไปเดี๋ยวนี้ละครับ!”
คำสั่งของสึนะทำให้มิโดริยะตาสว่างโดยทันที รีบวิ่งไปอาบน้ำแต่งตัวด้วยความรวดเร็ว ข้าวเช้าก็ยังไม่ได้กิน ต้องรีบมาตามคำสั่งของสึนะอีก เวลาผ่านไปประมาณ 9 นาทีแล้ว เหลืออีกไม่กี่วินาทีจะครบ สึนะมองเวลาพร้อมกับนับเวลาไปด้วย จะดูว่าจะช้าหรือเร็วแค่ไหน
“ส-เสร็จแล้วครับ!”
“ช้าไป 23 วินาที วันนี้เป็นวันแรกฉันยังให้อภัย หากวันต่อไปนายช้ากว่านี้ละก็ โดนลงโทษแน่”
“ครับ! จะไม่ช้าอีกแล้วครับ!”
“ดี ตามฉันมา”
จากนั้นสึนะก็พามิโดริยะไปที่หน้าบ้าน สึนะได้เตรียมยางรถยนต์มาหนึ่งเส้น วันนี้สึนะให้แค่เส้นเดียว ตัวเขาในสมัยก่อนก็ฝึกโดยใช้แค่เส้นเดียวมาก่อน เขาเริ่มยังไง มิโดริยะก็ควรเริ่มแบบเดียวกับเขา มิโดริยะที่เห็นยางรถยนต์ก็หน้าซีดออกมาอย่างช่วยไม่ได้
สำหรับเด็ก 10 ขวบแล้วการที่มาแบกหรือลากยางรถยนต์ถือว่าเป็นเรื่องที่ยากเอาการมากๆ แถมไม่น่าจะเคยออกกำลังกายมาก่อนยิ่งหนักขึ้นไปอีก ถึงอย่างนั้นสึนะก็ไม่อ่อนข้อให้ เขาเคยผ่านการฝึกนี้มาแล้ว ถึงจะเริ่มช้ากว่านี้ประมาณ 5-6 ปี แต่ของมิโดริยะดีกว่าเพราะได้ฝึกก่อนเขาอีก
“วันนี้นายต้องลากยางหนึ่งเส้นให้ได้ 10 กิโล”
“ส-สิบกิโล! ม-มันไม่หนักไปหน่อยเหรอครับ!”
“หนัก? ฉันขอบอกเลยว่านี้นะเบาที่สุดแล้วนะ มิโดริยะ”
ใบหน้าของสึนะนั้นปรากฏรอยยิ้มที่น่ากลัว ไม่เหมาะกับนภาที่อ่อนโยนเลยสักนิดเดียว มิโดริยะที่เห็นแบบนั้นก็ยิ่งหน้าซีดหนักกว่าเก่า พรางคิดในใจว่าเขานั้นไปทำสัญญากับปีศาจมารึไง ถึงได้เจอเรื่องแบบนี้ สึนะไม่รอให้มิโดริยะเตรียมมากกว่านี้ จับมิโดริยะมัดกับยางรถยนต์แล้วสั่งให้ลากไปทันที
มิโดริยะต้องยอมวิ่งทั้งที่ลากยางรถยนต์ไปด้วย เรี่ยวแรงของเด็ก 10 ขวบนั้นทำให้ไปได้อย่างเชื่องช้า สึนะไม่ได้ว่าอะไรก็แค่ใช้ไม้เรี่ยวฟาดไปที่ก้นของมิโดริยะเพื่อกระตุ้นมิโดริยะ พอเด็กผมเขียวหันมามองสึนะก็น้ำตาคลอออกมา ซึ่งสึนะไม่มีท่าทางว่าจะสนใจฟาดซ้ำลงไป
นั้นทำให้มิโดริยะไม่รู้จำทำยังไงต้องทนวิ่งออกตัวไปอย่างเต็มที่ สึนะที่เห็นแบบนั้นก็สั่งให้ช้าลงหากเร่งตั้งแต่แรกละก็เหนื่อยจนสลบตั้งแต่ 4 กิโลแรกแน่นอน มิโดริยะเองก็ต้องยอมรับคำสั่งแล้ววิ่งอย่างสม่ำเสมอ สึนะที่เห็นว่ามิโดริยะตั้งใจดี จึงปล่อยให้วิ่งอย่างสบายๆ
แต่นั้นนะ แค่ครึ่งทางแรกเท่านั้น เมื่อครบ 5 กิโลแล้วเป็นทางกลับบ้าน สึนะบอกให้มิโดริยะเร่งสปีดตัวเองให้ถึงที่สุด ตอนขากลับ มิโดริยะพยายามจะบอกห้าม แต่สึนะฟาดเข้าก้นรั่วๆเพื่อให้มิโดริยะรีบวิ่งไป ตลอดทาง 5 กิโลหลัง เสียงร้องของมิโดริยะดังออกมา ทำให้ชาวบ้านแถวนั้นต่างพากันสะดุ้งตื่นเพราะเสียงของมิโดริยะกันเลยที่เดียว
“แฮก….แฮก….”
“หมดแรงแล้วเหรอ” พอมาถึงหน้าบ้าน มิโดริยะก็ล้มตัวลงนอนทันที
“แฮก…ครับ…แฮก…นี่เบาสุดแล้วแน่เหรอครับ…แฮก…แฮก…”
“แน่นอน…มิโดริยะ แค่นี้ก็บอกได้แล้วนายนะไม่ได้พยายามอะไรเลย”
“เอ๋?” มิโดริยะได้ยินก็สงสัยว่าไม่ได้พยายามอะไร
“นายบอกว่าจะเป็นฮีโร่อย่างออลไมท์ แล้วนายคิดว่าฮีโร่อย่างออลไมท์ไม่ฝึกมาบ้างหรือไง หากนายไม่ฝึกละก็ นายก็จะไม่มีทางแข็งแกร่งขึ้นได้ แล้วนายก็ไม่สามารถที่จะเป็นฮีโร่แบบที่นายใฝ่ฝันได้หรอกนะ”
“ถ-ถ้างั้น หากผมแข็งแกร่งขึ้นแล้ว ผมก็สามารถต่อสู้โดยที่ไม่ต้องพึ่งอัตลักษณ์ได้สินะครับ!”
“ตอนที่ฉันจัดการบาคุโกนะ ฉันใช้อัตลักษณ์ยัง?”
“อ๊ะ จริงด้วย” มิโดริยะนึกย้อนกลับไป ทุกครั้งที่บาคุโกเข้าไปหาเรื่องสึนะ ก็โดนสึนะสวนกลับแบบเบาๆ(?) โดยที่ไม่ได้ใช้อัตลักษณ์อะไรเลย
“เอาละ เวลาพักหมดแล้ว ลุกขึ้นมาฝึกต่อได้แล้ว!”
“เอ๋! แต่ผมยังเหนื่อยอยู่เลยนะครับ!”
“อย่ามาพูดมากเร็ว!” สึนะไม่พูดอย่างเดียว ฟาดไปที่มิโดริยะทันที
เปี๊ยะ!
“แว้กกกกก!”
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

แค้น(จากรีบอร์น)สะสมแหละ นี่สึนะเทอเป็นนภานะ ตีส้ะเป็นทาสเลยลูก
รอน้าาาาา
สึนะ-โรค
อีกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกสนุกอะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะ
สนุกดี