ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    บารามอส ตอน คุมตัวนักโทษแห่งเดมอส

    ลำดับตอนที่ #2 : 002 เมื่อไหร่นายจะกลับมา

    • อัปเดตล่าสุด 19 ม.ค. 55


     
     ก่อนลงขอบอกถึงความถี่ในการลงก่อนนะ

     อย่างต่ำ 1 ตอน / 1 สัปดาห์

     อย่างมาก 1 ตอน / 2 สัปดาห์

    *** ถ้ามากกว่า 2 สัปดาห์ หมายความว่า

     คนเขียนยุ่งอยู่นะ หรือไม่ก็ คิดเรื่องไม่ออก หรือ พิมช้าน้อย***

    ====================================================================================

    หลังจากนั้นสงครามก็ได้ยุติลง มีการเจรจากันระหว่างเอเดนและเดมอสซึ่งผลจากการเจรจานั้นจบลงด้วยดี สัญญาการสงบศึกได้ลงนามกันระหว่าง ไฮคิงและเจ้าปีศาจเอวิเดสโดยมีพยานในครั้งนี้ อันได้แก่ เหล่ากษัตริย์ทั้งยี่สิบสามประเทศแห่งเอเดน เหล่าผู้นำของเผ่าปีศาจต่างๆแห่งเดมอส ซึ่งน่าแปลกที่ในการลงนามไม่มีใครเห็นตัวธิดาแห่งความมืดเฟลิโอน่าซึ่งทางเจ้าปีศาจเอวิเดสบอกเพียงแค่ นางกำลังพักฟื้นตัวอยู่เท่านั้น ทำให้หลังจากนั้นไม่มีใครเห็นตัวธิดาแห่งความมืดเลยทางด้านเดมอสก็ไม่ได้มีการเคลื่อนไหวอะไร

                    ทางด้านโรงเรียนพระราชาหรือในอีกนาม โรงเรียนเอดิเบิรก์ ซึ่งตอนนี้กลับมาอยู่อย่างสงบเหมือนเดิม ป้อมอัศวินก็ยังมีความสนุกสนานในแบบป้อมอัศวิน แต่มีเพียงสิ่งเดียวที่ป้อมได้ขาดหายไปเสียงหัวเราะที่ได้สร้างความคึกครื้นให้แก่ป้อมแห่งนี้ตลอดเวลาที่มีได้ ทำให้เหล่านักเรียนในป้อมแห่งนี้ยังคงรอใครคนหนึ่งที่เป็นสมาชิก

     

    ห้องนั่งเล่น ป้อมอัศวิน

                    “อยากตาย อาจารย์วิงกี้สั่งการบ้านได้โหดเป็นบ้าเลย”เสียงบ่นดังโวยวายของมาจากนักรบตาเดียว ครี้ด ธันเดอร์รวมถึงเพื่อนๆคนอื่นก็คิดเหมือนกัน

    โป๊ก

                    “อย่างนายนะไม่ต้องมาพูดเลยนะ เพราะความคิดบ้าๆของนายแท้ๆป้อมเราถึงโดนตัดธงไปถึง ยี่สิบธง”เสียงคทาได้ฟาดลงไปยังที่หัวของครี้ดตามด้วยการพูดคาดโทษในสิ่งที่เกิดขึ้นจากปากของแองเจลีน่า โรมานอฟ แม่มดสาวที่ตอนนี้คทาของเธอได้มีเป้าหมายใหม่เป็นหัวของครี๊ดแทนเป้าหมายเดิมของหายตัวไป

                    สาเหตุของการที่ธงของป้อมอัศวินโดนตัดนั้นก็เพราะ เมื่อคาบเรียนที่แล้วเป็นวิชาเวทที่ อาจารย์วิงกี้ให้นักเรียนใช้เวทสร้างอะไรก็ได้ที่ชอบ ในช่วงแรกๆก็ดีอยู่แต่เมื่อถึงตาครี๊ดไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้เจ้าตัวคิด สิ่งที่สร้างออกมาเป็นสาวใส่ชุดทูพีชแถวยังมีท่าทางกำลังถอดชุดที่ใส่อยู่อีก ทำเอาเกือบทุกคนของห้องหน้าขึ้นสีแดง ส่วนซีบิลนั้นเลือดกำเดาไหลออกมาจากจมูกทันที คนที่ได้สติเป็นคนแรกก็อาจารย์รีบทำให้ภาพนั้นหายไปทันที พร้อมกับประกาศตัดธงป้อมทันทีอีกโดยไม่รอพร้อมสั่งการบ้านให้ทุกคนให้ชั้นทำอีกเป็นการลงโทษไป

                    “พูดงี้ไม่ได้นะ ฉันอุตสาเลือกสาวคนอื่นแทนที่จะเป็นเฟริน”คำเถียงของครี้ดเรียกเอาทุกคนของป้อมเงียบสะงัดลงในทันทีจากการทำอย่างอื่นเป็นการหันมองหัวหน้าป้อมอัศวินทันทีเพื่อดูท่าทีที่จะแสดงออกมา ส่วนคนพูดพึ่งจะรู้ตัวว่าได้พูดอะไรเอา

                    “คาโล ฉันขอโทษจริงๆ”

                    “ช่างมันเถอะ”คาโลตอบกลับไม่แสดงท่าทีอะไรออกมา แล้วลุกออกไปจากห้องนั่งเล่นทันที ทำให้ทุกคนหันไปมองเพื่อนร่วมห้องนอนของคาโล อย่างคิลทันที

                    “พวกนายไม่ต้องมามองเลย ไม่รู้จะทำอย่างไรกับมันดีแล้ว”คิลตอบให้ ทำเอาทุกคนในห้องนั่งเล่นไม่มีใครพูดอะไรออกมากัน

                    “หมอนั่นบอกเพียงแค่ว่า เฟรินสัญญาไว้แล้วว่าจะกลับมา”

    มันเริ่มเป็นอย่างนี้ก็ตั้งแต่ที่โรงเรียนเริ่มเปิดเรียนกันอีกครั้ง หลังจากการเขียนสัญญาสงบศึกในตอนนั้น ทุกคนในชั้นต่างกลับมารวมตัวกันอีกแต่กลับขาดเพียงแค่เฟรินเท่านั้นที่ยังไม่ได้กลับมา ตอนแรกๆนั้นทุกคนแต่คิดว่าเจ้าตัวปัญหาคงแค่มีเรื่องที่จะต้องทำที่เดมอสอยู่ แต่ผ่านไปได้อาทิตย์หนึ่งแล้วกับไม่มีข่าวสารหรือจดหมายส่งมาให้เพื่อนๆเลยทำให้บางคนในชั้นเริ่มเป็นห่วงว่าจะเป็นอะไรหรือเปล่า ขนาดโรที่รอบรู้ไปเกือบทุกคนก็ไม่สามารถบอกได้ เพราะไม่มีข่าวทางเดมอสมาเลย

    ถ้าจะถามว่าใครในที่นี้ที่เป็นหนักสุดก็คงเป็น คาโลที่น่าได้รับผลกระทบมากที่สุด จากที่ปรกติที่พูดน้อยอยู่แล้วยิ่งน้อยลงไปอีกเรียกได้ว่านับเป็นคำได้เลย ขนาดคิลเองก็หาทางให้คาโลหายกังวลแล้วก็ยังทำไม่ได้เลย เรียกได้ว่าน้ำแข็งจะเคยละลายจากดวงอาทิตย์นั้น เมื่อไม่มีดวงอาทิตย์แล้วน้ำแข็งนั้นก็เริ่มที่จะก่อตัวมันเองให้หนาขึ้นไปอีก ซึ่งดวงอาทิตย์ที่จะทำให้น้ำแข็งนั้นละลายได้ก็คงมีเพียงแค่เฟรินเท่านั้น

    “ฉันไม่ชอบประโยคนั้นเลย”มาทิลด้า สาวแกร่งของป้อมบอกออกมา ซึ่งทุกคนก็เห็นด้วยเพราะประโยคนั้นบอกแค่กลับมา แต่ไม่ได้บอกว่าเมื่อไหร่

    “แล้วเรน่อนเชื่อนะค่ะว่า คุณเฟรินจะต้องกลับมาอย่างแน่นอน”เรน่อนบอกอย่างเชื่อมั่น ทุกคนเองก็พยักหน้ารับเท่านั้น มาทิลด้าจึงเปลี่ยนเรื่องให้เป็นการบ้านที่จำเป็นจะต้องส่งอาจารย์วิงกี้

     

    ทางด้านคาโลที่เดินออกจากห้องนั่งเล่นของป้อมนั้น ก็เดินไปเลื่อยๆเพื่อที่จะไปห้องสมุดเพียงอย่างเดียวจนมาถึงห้องสมุดที่ตอนนี้มีนักเรียนอยู่เพียงแค่เล็กน้อยที่มานั่งอ่านหนังสือ คาโลเดินไปหาที่นั่งด้านในที่สุดที่ไม่มีคนอยู่เริ่มที่จะนั่งทำการบ้านที่ถูกสั่งมา เมื่อเริ่มเขียนไปได้ครึ่งหนึ่งแล้ว มือก็หยุดเขียนเปลี่ยนมาเป็นการนวดที่ขมับแทนไล่ความคิดบางอย่างออกไป ซึ่งเขารู้ดีว่าครี้ดไม่ได้ตั้งใจพูดชื่อเฟรินออกมาให้เขาไม่สบายใจ แต่ความไม่สบายใจนั้นก็ได้ก่อตัวขึ้นมาตั้งแต่ที่เขาเพียงเห็นว่าเฟรินเหมือนจะเลือนหายไปตอนนั้น ความกังวลก็ยิ่งมากขึ้นทุกวันยิ่งไม่มีจดหมายส่งมาเลย เขายิ่งอยากจะไปหาใจขาดแต่ไม่ทำเพราะคำสัญญาที่ได้ถูกสัญญาไว้นั้น เขาจึงเปลี่ยนเป็นการเขียนจดหมายเล่าเรื่องต่างๆที่เกิดขึ้นกับเพื่อนๆในป้อมในวันนั้นๆส่งไปให้รู้ ซึ่งนั้นก็เป็นเพียงแค่สิ่งที่เขาสามารถทำได้ในตอนนี้เท่านั้น

    คาโลเริ่มลงมือเขียนจดหมายเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ทันที่โดยไม่ลืมที่จะเขียนประโยคที่เขามักจะเขียนทุกครั้ง

    น้ำแข็งในป้อมยังคงรอ ดวงอาทิตย์ให้มาละลาย อย่าลืมสัญญาที่ให้ไว้

    จดหมายที่ถูกเขียนเสร็จเรียบร้อยดีแล้วได้พับอย่างเรียบร้อยใส่ลงไปยังซอง ตามด้วยเวทมนต์สายลมพัดพาจดหมายไปยังผู้รับให้ถึงมือ หลังจากที่จดหมายได้ส่งไปแล้วคาโลเริ่มเขียนการบ้านที่เหลืออยู่อีกครึ่งหนึ่งทันทีและขอภาวนาให้พรุ่งนี้มีเรื่องดีๆเกิดขึ้นมา

     

    ทางเดมอส ณ เมืองหลวง

    ซึ่งในยามค่ำคืนนั้นเมืองหลวงก็ยังคงครึกครื้นอยู่เหมือนในตอนกลางวันเพราะเหล่าปีศาจบางเผ่าที่จะปรากฎตัวในตอนกลางคืนนั้นก็มีเช่นกัน ทำให้เมืองหลวงจึงมีความคึกครืนเกือบตลอดทั้งกลางวันกลางคืน จากภายนอกเท่านั้นที่เห็นเป็นอย่างนั้น ผิดกับพระราชวังเดมอสที่นับตั้งแต่องค์หญิงของพวกเขากลับมาจากที่ชายแดนทุกคนต่างเคร่งเครียดกันไปหมด ไม่เว้นแม้กระทั้งหมอหลวงที่ได้รับความกดดันกับการที่คอจะหลุดจากบ่า เพราะไร้ความสามารถ ที่จ้าวเอวิเดสเรียกมาทุกราย

    ปัง

    เสียงทุบโต๊ะดังขึ้นทันทีที่หมอหลวงรายงานให้ทราบ ส่วนคนที่ทุบโต๊ะก็ไม่ใช่ใครที่ไหน จ้าวเอวิเดสนั้นเองที่เป็นคนทุบ ทำให้คนที่เป็นหมอหลวงเห็นลางความตายเข้ามาทันที พร้อมกับแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นทุกครั้งที่ได้รายงานให้ฟัง

    “ข้าว่า ท่านพี่น่าจะใจเย็นลงกว่านี้จะดีไหม”เสียงหวานเอ่ยขึ้นมาเป็นการเตือนก่อนที่หมอหลวงจะหมดไปจากเดมอส จ้าวเอวิเดสมองที่ยังน้องสาวของตนแล้วพยายามนับเลขในใจให้เย็นลงตามคำแนะนำ หลังจากที่เย็นลงมานิดหน่อยแล้วก็ไล่หมอหลวงออกไปจากห้อง ให้เหลือเพียงตนกับลูน่าเท่านั้น ความเงียบโรยตัวอีกครั้งหนึ่งเมื่อไม่มีใครเปิดการสนทนา

    “วันนั้น ข้าไม่น่าให้เฟลิโอน่าไปเลยลูน่า ไม่อย่างนั้นนางคงไม่เป็นอย่างนี้ มันความผิดของข้าแท้ๆ ถ้านางเป็นอะไรไป ข้าจะทำอย่างไรดีทั้งๆที่สัญญาไว้แล้วเชียว”เอวิเดสเปิดอกพูดขึ้นมา ทุกครั้งที่พบกับเธอหรือราชาแห่งแดนยักษ์เกรเซอร์ คำพูดที่มักจะเป็นอย่างนี้เสมอเป็นการโทษตัวเอง ไม่ใช่ว่านางไม่เข้าใจซึ่งนางต้องยอมรับว่าเป็นความผิดส่วนหนึ่งของนางที่ทำให้เกิดเรื่องอย่างนี้ เพราะอย่างนั้นนางจึงได้ค้นหาตำรารักษามากมายทั่วดินแดนไม่ว่าจะเป็น เดมอส เอเดนหรือแม้กระทั้งสโนว์แลนด์ เพื่อหาทางช่วยหลานสาวเพียงคนเดียว แต่ก็ไม่มีตำราใดสามารถช่วยได้เลยแม้เล่มเดียว

    ผู้ที่สามารถทำให้คนที่ใกล้ตายแล้วกลับมามีชีวิตอย่างเดิม

    ผู้ที่สามารถรักษาได้ทุกโรคร้าย ใช้เพียงแค่เลือดเพียงหยดเดียว

    ผู้ที่ไม่สนใจกฎเกณฑ์ทั้งปวงของความเป็น และความตาย

    นั้นละคือ ตัวตนของข้า

    คำพูดที่นางเคยได้ฟังมาเมื่อนานมามากแล้ว ใครคนหนึ่งที่ได้พูดไว้กับนางก่อนที่ตัวตนนั้นจะหายไปตลอดกาล คำพูดที่นางไม่น่าจะจำได้อีกแล้วแต่นางกลับจำได้อีกครั้ง ถ้าเป็นคนๆนั้นละก็ นางต้องลองเสี่ยงดู ใช่เสี่ยงดูกับความโกรธที่จะต้องเกิดขึ้นมาทันทีที่นางเอ่ยชื่อนี้ขึ้นมาเสนอให้ราชาปีศาจเอดิเวส เพราะนางรู้ดีว่าความโกรธที่พี่ชายนั้นมีให้กับเขาคนนั้นไม่เคยได้ลดลงมาเลยจากเหตุการณ์ในวันนั้น

    “ท่านพี่ ข้าว่าข้าพอจะเห็นทางช่วยหลานเฟลิโอน่าแล้ว”

    =============================================================================
    จบไปอีกตอนแล้ว T_T ตอนนี้เสียวคนอ่านเหอะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×