ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    บารามอส ตอน คุมตัวนักโทษแห่งเดมอส

    ลำดับตอนที่ #12 : 011 จอมลวงตา

    • อัปเดตล่าสุด 9 พ.ค. 55


    ขอโทษคนอ่านอย่างแรงที่มาอัพช้าขนาดนี้ แต่อยากให้เข้าใจด้วยว่า พอถึงช่วงปิดเทอมแล้ว มันเป็นช่วงที่จะได้เล่นเกมที่อดทนไม่เล่นในช่วงที่เปิดเทอมอยู่นานมาก บวกกับเป็นพวกที่ทำ 2อย่างพร้อมกับอย่างเรียนอยู่ เนื้อหาฟิคมันก็ดันเข้ามาเอง พอปิดเทอมแล้วเนื้อหาฟิคเลยไม่มีซะงั้น

    ===========================================================================

    หลังจากที่มิราจให้ทุกคนรีบพักผ่อนกันแล้ว ในคืนนั้นไม่จำเป็นที่จะต้องมีการวางคนเพื่อเฝ้ากองไฟไว้เพราะมีผู้คุมคอยดูแลให้ทำให้ทุกคนมีเวลาพักผ่อนมากขึ้น ส่วนไฟในตะเกียงนั้นมิราจขอดูแลตะเกียงนั้นจนกว่าจะถึงด่านที่3 เพื่อความปลอดภัยของตะเกียงทำให้คนที่ไม่รู้ว่าตะเกียงมีความสำคัญอย่างไรก็อยากถาม แต่ดูเหมือนว่าคงจะไม่มีใครคิดที่จะตอบเรื่องนี้ สุดท้ายจึงไม่มีใครถามเลยซักคน

    “ฟังให้ดีนะทุกคนสำหรับคนที่พึ่งมาที่นี้ครั้งแรก ขอบอกเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่ง ซึ่งมันก็คือความปลอดภัยของทุกคน เพื่อที่จะได้ดูแลทุกคนได้ครบให้ทุกคนผูกเชือกนี้ไว้”มิราจยื่นเชือกหลากเส็นให้ทุกคนหยิบคนละเส็นซึ่งมันพอดีกับจำนวนคนเดินทาง เมื่อเห็นว่าทุกคนมีเชือกกันแล้วจึงพูดต่อ

    “เชือกที่ทุกคนได้รับไปอย่าให้หายไประหว่างที่เดินทางกันโดยเด็จขาด ไม่อย่างนั้นสัตว์อสูรจะโจมตีใส่ทันที แค่นี้ละ”มิราจอธิบายแค่เล็กน้อยแล้วเปิดประตูของด่านตัวเองทันที ทุกคนเห็นดังนั้นจึงรีบเดินตามทันที สิ่งแรกที่เห็นก็คือบันไดเดินลงไปยังข้างล่างแถมข้างล่างยังมีเสียงร้องของสัตว์อสูรดังเป็นระยะอีก เมื่อทุกคนเดินลงไปกันนั้นเสียงร้องนั้นก็ยิ่งดังขึ้นเรื่อยๆจนแต่ละคนหูแทบแตกฃ

    “ยินดีต้อนรับ”มิราจเอ่ยขึ้นเมื่อมีเท้าขนาดใหญ่เดินผ่านพวกเขาตรงหน้าไปเมื่อเท้าเยียบพื้นของด่าน2เพียงก้าวเดียว

    “ตะ ตัว อะไร”ซีบิลถามขึ้นมาด้วยเสียงเบาๆเพื่อไม่ใช่เจ้าของเท้าขนาดใหญ่รู้ว่าพวกเขาอยู่ใกล้ๆ

    “ถือว่าพวกคุณนี้โชคนี้นะ ที่มาเจอเสือเคี้ยวดาบขาว”มิราจบอกทำให้ทุกคนเงยหน้าขึ้นไปมองตัวของสัตว์อสูรตรงหน้า เสือขนาดใหญ่ประมาณบ้าน 5ชั้นบริเวณร่างกายมีใบมีดโผล่ออกมา เคี้ยวยาวอยู่ประมาณอกของเสือ ขนสีขาวมีขีดสีดำอยู่ตรงหน้ากลาง ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้จ้องมองมายังที่คนตัวเล็กๆที่อยู่ด้านล่าง ตอนนี้ก็ไม่มีใครที่คิดจะสู้กันมันแล้ว

    “ชาตี้~”มิราจตะโกนเรียกชื่อของเสือเขี้ยวดาบ ทำให้เสือเคี้ยวดาบก้มหัวลงมามองหาคนที่เรียกเมื่อมันเห็นคนที่เรียกมันก็คำรามออกมาเสียงดัง มิราจกระโดดเพียงครั้งเดียวก็สามารถขึ้นไปอยู่ที่บนหัวของเสือเคี้ยวดาบได้ มือก็ลูบหัวเหมือนกับกำลังลูกลูกแมวอยู่

    “ขึ้นไปกันไว้แล้วละ”วูฟบอกเมื่อท่าทางของเสือเคี้ยวดาบดูเหมือนว่าจะชอบที่มีใครมาลูบหัวของมัน ลูซิน่ากระโดดตามไปเป็นคนแรกตามด้วยวิกเตอร์และวูฟ ส่วนคนอื่นๆก็ดูอยู่ว่าจะขึ้นไปอย่างไร จนมิราจกระซิบบอกอะไรกับเสือขาวทำให้มันก้มตัวลงนอนเพื่อให้คนที่ยังไม่ได้ขึ้นมาสามารถขึ้นได้อย่างสะดวก

    “สูงโว้ย”ครี๊ดอดที่จะตะโกนออกมาไม่มีเมื่อเห็นความสูงที่พวกเขาอยู่บนหัวของเสือเคี้ยวดาบรงมพร้อมบรรยากาศของด่าน2 ที่เป็นป่าขนาดใหญ่ปกคลุมกว้างจนมองไม่เห็นสุดปลายทาง

    “เสือตัวนี้เป็นสัตว์เลี้ยงของมิราจหรอ”กัสถามดูคนที่ตอบแทนกับเป็นเสือที่ร้องออกมาแทน

    “ไม่ใช่ไม่ใช่”ก่อนที่มิราจจะได้พูด บนท้องฟ้าก็มีบางสิ่งบินโฉบลงที่เสือเคี้ยวดาบทำให้ทุกคนต้องนอนหมอบกันแถบไม่ทันตามมาด้วยแรงกระชากไปข้างหน้าตามด้วยแรงสั่นสะเทือน สุดท้ายคือเสียงของบางสิ่งที่หล่นลงมา ทุกคนต่างหันกันไปมองสิ่งที่หล่นลงมา มันก็คือสัตว์ที่ดูเหมือนว่าจะเป็นนก เพียงแต่ว่ามันมีตาอยู่ที่กลางหน้าผากของมัน ร่างขาดเป็นสองส่วนเหมือนโดนอะไรฟันใส่ คมมีดอนหนึ่งของเสือเคี้ยวดาบชาตี้มีเลือดติดอยู่ซึ่งเจ้าของก็กำลังเลียทำความสะอาดคมมีดของตัวเอง

    “ตัวอะไร”อาเธอร์อดที่จะถามไม่ได้ มิราจหัวเราะออกมาเล็กน้อย

    “กาฟอด เป็นนกที่มีตาเดียว เล็บของมันถ้าโดนเข้าจะทำให้ตัวช้า หลังจากนี้ไม่ต้องบอกก็รู้นะ”คำอธิบายเพียงเท่านี้ก็เพียงพอที่ทุกคนจะเข้าใจได้

    “ชาตี้ ช่วยวิ่งเร็วให้หน่อยนะ”มิราจหันไปพูดกับเสือเคี้ยวดาบ

    “ว๊าก”เสียงร้องดังขึ้นทันทีที่เสือเคี้ยวดาบออกวิ่ง แต่ละคนจับขนกันไว้แน่นเพื่อไม่ให้กระเด็นไป ระหว่างนั้นก็คอยสังเกตบรรดาสัตว์อสูรแต่ก็ได้เห็นเพียงแค่เงาเท่านั้น

    “ช้าน้อย”วีช่าตะโกนบอกออกมาให้ได้ยินซึ่งทุกคนก็ต่างเห็นด้วย ดูเหมือนว่าทางเสือเองก็เข้าใจสิ่งที่ได้ยินจึงหยุดที่จะวิ่งมาเป็นเดินแทน

    ตอนนี้ผมของแต่ละคนกระเซิงกันไปจนไม่เหลือสภาพเดิมกัน แต่คนก็รีบจัดผมของตัวเองให้เข้าทีเข้าทางกันวุ่น มันทำให้ผู้คุมด่านนี้หัวเราะออกมา ขณะที่ทุกคนจัดผมกันอยู่บริเวณพื้นที่ก็มีพวกนักโทษในด่านนี้กำลังมองดูที่เสือกันอย่างหวาดกลัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเสียงหัวเราะของผู้คุมด่าน แต่ก็ไม่มีใครกล้าที่จะขยับตัวไม่อย่างนั้นร่างได้ถูกฟันขาดเป็นท่อนๆอย่างแน่นอน

    “ไอ้ผู้คุมบ้านี้ มันมาทำไมวะ”นักโทษถามนักโทษด้วยกันถึงเมื่อก่อนจะมีเรื่องให้ฆ่ากันให้ตาย แต่พอมาอยู่ที่ด่านอสูรแห่งนี้ เรื่องฆ่ากันเองหายไปจากจิตใจกันหมดสิ่งที่เหลือไว้ก็มีเพียงแค่การมีชีวิตให้รอดเท่านั้น

    “ทุกคนเรียบร้อยกันหรือยัง”มิราจถามขึ้นเมื่อเห็นว่ารอมานานแล้ว ซึ่งมีคนจัดทรงผมเรียบร้อยแล้วเป็นส่วนมาก ก่อนที่จะมีใครได้ตอบนั้นเสียงร้องขู่ของชาตี้ก็ดังขึ้นมาแทน พร้อมกับที่ตัวของชาตี้ย่อตัวต่ำลงเป็นการหยั่งเชิงศัตรู

    ฟ่อฟ่อ กรรกรร เสียงขู่ของสองสัตว์อสูรทำให้ทุกคนต้องหันไปมองด้วยความสนใจ เมื่อสัตว์อสูรที่กำลังจะเผชิญหน้าเป็นงูขนาดใหญ่พอๆกับชาตี้  เกร็ดของมันเรียงกันที่สวยงามมีสีม่วงใส

    “พอสชั่น สเน็ค”มิราจเอ่ยชื่อของสัตว์อสูรตรงหน้าของทุกคนออกมา

    “ทีช่าอยู่เฉยๆไว้”มิราจพูดทันทีซึ่งดูเหมือนว่าทางเสือเคี้ยวดาบก็ทำตามทันที พอสชั่นสเน็คเมื่อเห็นศัตรูนั้นไม่มีท่าทีจะต่อสู้ มันก็ไม่ยอมให้โอกาสโจมตีนั้นหายไป ร่างงูนั้นเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วเข้ามารัดตัวของเสือเคี้ยวดาบไว้อย่างหนาแน่น เสื้อเคี้ยวดาบพยายามที่จะสลัดตัวให้หลุดออกมาแต่ยิ่งดิ้นมากเท่าไหร่นั้นแรงรัดนั้นก็มากตามไปด้วย ไม่เพียงแค่นี้เกร็ดสีม่วงใสก็ยังเป็นเกร็ดที่มีพิษอยู่ในเกร็ดทำให้พิษได้เข้าไปในร่างของเสื้อเคี้ยวดาบอย่างช้าๆ ทำให้มันไม่สามารถขยับร่างกายได้อย่างใจจากที่ร่างกายเริ่มชาแล้ว ซึ่งเจ้างูก็พึ่งพอใจในผลงานของตัวเอง มันค่อยตัวอย่างช้าๆเข้าใกล้อาหารของมัน ปากของมันค่อยๆเปิดอ้าจนสุด เพื่อที่จะได้กินแต่แล้วเหยื่อของมันกลับกลายเป็นแก้วแทนส่วนตัวจริงนั้นยืนอยู่อีกจุดหนึ่งแทน

    ฟ่อ พอสชั่นสเน็คไม่พอใจมากที่มันมองเห็นเหยื่อนั้นรอดมาได้ มันจึงพุ่งเข้าไปรัดอีกแต่เมื่อรัดได้แปรบเดียวก็ไม่ใช่ตัวจริงอีก ไม่เพียงแค่นั้นมันยังเห็นเหยื่อที่มันหมายตาไว้นั้นมีอีกหลายตัวด้วยกัน มันพุ่งเข้าไปรัดเหยื่อทุกตัวที่มันมองเห็น

    “เจ้านั้นมันทำอะไร”ลูคัสถามดู เหมือนทุกคนเห็นว่างูพิษนั้น ตอนแรกพุ่งเข้ามาที่พวกเขาแต่แทนที่มันจะรัดเหยื่อกลับไปรัดต้นไม้ที่อยู่ข้างๆแทนแต่มันก็สามารถบอกไว้ว่า เกร็ดสีม่วงใสนั้นมีพิษที่รุนแรงเคลือบไว้ ส่วนของงูพิษนั้นเมื่อมันปล่อยจากการรัดต้นไม้แล้ว แทนที่จะพุ่งเป้าหมายมายังทางนี้ มันก็กลับพุ่งไปรัดต้นไม้อื่นแทนแล้วท่าทางที่งูพิษทำก็เหมือนก่อนหน้านี้ จึงไม่มีใครเข้าใจว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้นมา

    “ภาพลวงตา”ลูซิน่าบอกขึ้นมา แต่ดูเหมือนว่าคนอื่นจะยังไม่เข้าใจในสิ่งที่บอก วิกเตอร์เลยอธิบายให้ฟัง (แย่งหน้าที่ของห้องสมุดเคลื่อนที่เรียบร้อยงานนี้)

    “สิ่งที่พอสชั่นสเน็คกำลังทำอยู่นั้น เกิดขึ้นมาจากการที่มันมองเห็นภาพลวงตาโดยที่มันไม่ทันที่จะรู้ว่าโดนตอนไหน มันเป็นภาพลวงตาที่ คุณมิราจเป็นคนใช้ออกมา แต่พวกคุณก็ไม่มีใครรู้สึกตัวว่าภาพลวงตาถูกใช้ออกมา นั้นนะครับ ที่ทำให้คุณมิราจได้รับการตั้งฉายาว่า “จอมลวงตา” เมื่อเห็นอย่างนี้ก็ไม่อยากให้ใครไปมีเรื่องกับคุณมิราจเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นไว้โดนภาพลวงตาแล้วหลุดออกมาไม่ได้อย่างแน่นอน”

    “ยกตัวอย่างง่ายๆ อย่างป่าหลงลืมนั้นละ ในบรรดาทุกคนที่อยู่ที่นี้ ไม่สิทุกคนก็เคยผ่านป่าหลงลืมกันมาแล้วละน้า ที่ป่าหลงลืมมีชื่อนี้ขึ้นมาก็เพราะ มิราจเป็นคนที่ร่ายเวทลงไปในป่านั้นด้วยตัวเองเลย แถมหมอนั้นยังบอกว่า ให้พลังไปแค่ 1ใน 10ของทั้งหมด”วูฟบอกยกตัวอย่างขึ้นมา ยิ่งทำเอาไม่มีใครกล้าที่จะไปหาเรื่องกับผู้คุมด่าน2 อย่างแน่นอน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×