คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : 001 ความกังวล
หลังจากสงครามการต่อสู้ของ เอเดน และเดมอส จบลงโดยการถอนทัพของจ้าวเอวิเดส แห่งเดมอสในการพักรบเป็นระยะเวลาครึ่งเดือนเพื่อเห็นแก่มหาบุรุษแห่งเอเดน ไฮคิงแห่งบารามอส ที่ยอมสละพลังเวทของตัวเองให้เกิดสายฝนสีทอง จึงทำให้ร่างกายที่แก่ชราอยู่แล้วยิ่งอ่อนแอลงไปอีก ทำให้มีการระดมผู้ที่มีไข่มุกแสงจันทร์จากเหล่ากษัตริย์และเจ้าชายที่อยู่ในสงครามที่หยุดพักชั่วคราวนี้ ซึ่งจากการรวบรวมนั้นได้ทั้งสิ้น สี่สิบเก้าเม็ดซึ่งเท่ากับจำนวน สี่สิบเก้าวันที่ไฮคิงสามารถอยู่ได้
“ห้าสิบนั้นก็ย่อมดีกว่าสี่สิบเก้า”
เสียงดังขึ้นมาพร้อมกับม่านของกระโจนที่ถูกผลักออก ตามด้วยใครคนหนึ่งที่เดินเข้ามาภายในกระโจนแห่งนี้ ทำให้เหล่ากษัตริย์และเหล่าเจ้าชายแทบที่จะหยุดลมหายใจของตัวเองไป ใครคนหนึ่งที่น่าจะตายไปแล้วโดยดาบปราบมารของคิงบาโร
“เฟลิโอน่า”
หญิงสาวเจ้าของชื่อได้เพียงแค่ยิ้มแหะๆเท่านั้น ทั้งๆที่ใบหน้ายังคงซีดเซียวเหมือนกับว่าพึ่งฟื้นได้ไม่นาน
“ที่หม่อมฉันมาที่นี้ก็เพื่อ ที่จะนำไข่มุกแสงจันทร์ของท่านแม่ เจ้าหญิงอลิเซีย ฟาโรเวลมาร่วมในการช่วยชีวิตของพระเจ้าตาไฮคิงเท่านั้น ไม่ได้มีจุดประสงค์อื่นแต่อย่างไร”เฟรินกล่าวออกมาพร้อมกับยื่นไข่มุกเม็ดน้อยให้แก่คิงบาโรเพื่อเป็นการพิสูจน์ว่าเป็นของจริงหรือไม่ คิงบาโรรับไข่มุกไว้ส่งต่อให้กับคาโล ผู้เป็นพระโอรสของตนที่ตอนนี้ยืนจ้องเฟรินไม่กะพริบตา
“ตกลงว่าห้าสิบเม็ดลงมือปรุงโอสถ”
“เรานะไหวไหม”ลุงหมอเทวดาหันมาถามเจ้าหญิงตัวปัญหา
“ไหวอยู่แล้วนะลุง ฉันมันแข็งแรงอยู่แล้ว”เฟรินตอบและยิ้มออกมาเป็นการยืนยันทั้งๆที่หน้าซีดเซียวอยู่ ลุงหมอจึงดันเครื่องบดยาให้เห็น เจ้าตัวปัญหาจึงเดินไปหาเครื่องบดยา ขณะที่เดินก็มีอาการเดินโซเซออกมาให้เห็นอย่างชัดเจนจนลุงหมอซักไม่แน่ใจแล้วว่าคนตรงหน้านี้จะไหวจริงๆ ส่วนคนเดินไปแต่ยิ้มแห้งๆออกมาอย่างช่วยไม่ได้กับการเดินของตัวเองรีบเดินไปหาเครื่องบดยาทันที แล้วหาที่นั่งสำหรับเริ่มการบดยา
“ต้องบดอย่างไงละลุงหมอ”เฟรินถามทันทีไม่รอช้าเพราะไม่เคยบดยามาก่อน
“เริ่มต้นด้วย เม็ดที่ใหญ่ที่สุดก่อนค่อยเม็ดเล็กลงมาเลื่อยๆจนถึงเม็ดที่เล็กที่สุด สิ่งที่ลืมไม่ได้เป็นอันขาดคือความตั้งใจจำได้”เฟรินพยักหน้ารับแล้วเริ่มลงมือบดไข่มุกแสงจันทร์ทันที ความเงียบก่อตัวอยู่ภายในกระโจนที่ตอนนี้ได้เหลือเพียงคิงบาโร เฟริน หมอเทวดาและคาโลเท่านั้น เสียงของเครื่องบดยาดังทั่วกระโจนไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมา
“ที่เรามาอยู่ที่นี้นะ เอวิเดสอยู่รึเปล่า”คิงบาโรถามขึ้นมา ทำให้คนถูกถามเงยหน้าขึ้นมามองเท่านั้นส่วนมือยังคงทำหน้าที่ของมันต่อไป
“ตอนแรกก็ไม่ยอมให้มาหรอก เลยลองใช้คำอ้อนผสมกับบีบน้ำตาอีกเล็กน้อยนะฮะ ต่อให้พ่อจะเก่งกาจขนาดไหนเจออย่างนี้เข้าก็เรียบร้อยทุกราย แล้วถ้าคิงบาโรเจอบ้างละฮะจะเป็นแบบพ่อเอวิเดสไหมละ”เจ้าตัวปัญหาตอบคำถามให้ฟังทำให้รอยยิ้มที่หาได้ยากยิ่งได้ปรากฎขึ้นมาบนใบหน้าของคิงบาโร
“ข้าคงตอบให้ไม่ได้ เพราะข้ามีเพียงลูกชายเท่านั้น”คิงบาโรตอบคำถามให้พร้อมกับคำถามอีกคำถามที่อยู่ในใจที่เกิดขึ้นจากการปรากฎตัวของธิดาแห่งความมืดที่น่าจะจบชีวิตลงด้วยเพลงดาบของตน
“ทำไมตอนนั้นที่ข้าลงดาบใส่เอวิเดส เจ้าถึงได้เข้ามารับดาบแทน ตอบข้ามาได้ไหม”เมื่อได้ยินคำถามนี้เข้า เฟรินหยุดมือทำทันที ใบหน้าก็หันมาสบตากับใบหน้าที่มีรอยแผลเป็นเวลาหลายนาที
“ถึงแม้ว่าความผูกพันอาจจะยังไม่ลึกซึ้ง แม้สายสัมพันอาจไม่สัมผัสมากมาย แต่ความรักในใจที่มีแด่คนที่เป็นพ่อนั้น ก็ได้กำลังลงรากและหยั่งลึกลงไปซะแล้ว”เฟรินบอกได้เพียงแค่นั้นและยิ้มออกมา ทำให้คิงบาโรได้เห็นใครบ้างคนที่เขารักอย่างสุดหัวใจเมื่อครั้งอดีตปรากฎทับกับหญิงสาวตรงหน้า ทำให้อดไม่ได้ที่จะขยับมือไปจับใบหน้านั้น
“มีใครเคยบอกไหมว่า หน้าของเจ้าจะคล้ายอลิเซียแม่ของเจ้ามาก”พอได้ยินคำบอกอย่างนี้เข้ารอยยิ้มที่มีก็ยิ้มกว้างขึ้นกว่าเดิม
“ผมจำไม่ได้เลยแฮะว่ามีใครเห็นทักอย่างนี้บ้างไหม”เจ้าตัวตอบซื่อๆ แล้วลุกขึ้นมาทำให้เจ้าตัวมองเห็นภาพเริ่มหมุนขึ้นมา มือบางรีบใช้มือยันโต๊ะไวไม่ให้ตัวเองล้มลง พร้อมกับมีมือของเจ้าชายคาโลที่อยู่ในกระโจนด้วยนั้นจับแขนไว้อีกแรงหนึ่ง
“ให้ลุงหมอตรวจดูหน่อยดีไหม”คาโลถามขึ้นอย่างอดเป็นห่วงไม่ได้ โดยลืมไปว่าพ่อของตัวเองก็อยู่ในกระโจน
“ไม่เป็นอะไรมากน่า ไอ้ น เจ้าชายคาโล”เฟรินรีบเปลี่ยนนามเรียกจากความคุ้นเคยในโรงเรียนเป็นตำแหน่งเจ้าชายที่คนตรงหน้าเป็นอยู่ ทำให้คาโลรู้สึกไม่ชอบใจมากที่ถูกตอบแสดงความห่างเหินอย่างนี้ จนลืมไปว่าในหระโจนนี้ไม่ได้มีเพียงแค่ทั้งสองคนกับผีอีกหนึ่งตนอยู่ แต่มีกษัตริย์แห่งคาโนวาลอยู่ด้วย ส่วนทางคิงบาโรที่มองเห็นใบหน้าความเป็นห่วงของลูกชายที่แสดงออกมารวมทั้งความรู้สึกที่ลูกชายมีต่อธิดาแห่งความมืดก็ทำให้รู้ว่าลูกชายของตนนั้นรักธิดาแห่งความมืดอย่างแน่นอน
“กระหม่อนอยู่นานมากแล้ว ขอตัวกลับเดมอสก่อน”เฟรินรีบย่อตัวลาทันทีไม่รอช้าก่อนที่จะเป็นอะไรไปจริงๆ เจ้าชายคาโลทำท่าเหมือนที่จะไปส่งแล้วก็ไม่สามารถที่จะทำให้ ใช่แล้วตอนนี้เขาไม่สามารถทำได้เพราะเขาและเธอต่างเป็นคนของคนละดินแดน เขาคือคนของเอเดน ส่วนเธอนั้นเป็นคนของเดมอส ทำให้ไม่อาจอสดงความเป็นห่วงได้เหมือนเดิมอีกแล้ว
“คาโลเดินไปส่งเจ้าหญิงเฟลิโอน่าที่มังกรของเธอที อย่างให้มีคนคิดว่าเจ้าหญิงแห่งเดมอสไม่มีเกียรติพอที่จำเป็นต้องเดินไปส่ง”คิงบาโรเอ่ยขึ้นมา ทำให้เจ้าชายคาโลรีบโค้งตัวขอบคุณผู้เป็นพ่อทันที ไม่รอช้าก็จับมือของหญิงสาวเดินออกไปที่กระโจน เหลือเพียงคิงบาโรและหมอเทวดา
“ช่างเป็นพ่อที่ดีจริงๆที่ครับ”หมอเทวดาบอกซึ่งถ้าหมอเทวดาเป็นคิงบาโร ก็จะพูดแบบนั้นเหมือนกัน เพราะรู้ดีว่าลูกชายรู้สึกอย่างไรจึงพูดอย่างนั้นเพื่อเป็นการเปิดทางให้เท่านั้นส่วนเจ้าชายคาโลจะทำอย่างไรต่อนั้นก็ขึ้นอยู่กับเจ้าตัว
ทางด้านคาโลและเฟรินนั้น ไม่มีการพูดอะไรกันมีเพียงแค่คาโลจับมือของเฟรินไว้แน่นไม่ปล่อย จนเฟรินซักทนไม่ไว้กับความเงียบแบบนี้ สุดท้ายก็เป็นคนเอ่ยปากพูดขึ้นมา
“จะจับมือฉันไปถึงไหนกัน ไอ้น้ำแข็งเดินได้”คำเรียกเก่าเริ่มกลับมาทำให้คาโลยอมปล่อยมือในที่สุดแต่ก็ไม่ยอมมองหน้า ทำเอาเฟรินเริ่มแปลกใจจึงลองสำรวจตัวเองดูว่ามีอะไรแปลกไหมแต่ก็ไม่พบอะไร
“ทำไมไม่มองหน้าฉันว่ะ”เฟรินถามเจ้าคนไม่ยอมมอง แล้วคนตรงหน้าก็ไม่ยอมตอบอะไรกลับมาอีก จนเฟรินต้องนึกถึงเหตุผลขึ้นมาเอง
“เอ หรือว่าที่ฉันพูดออกมาที่กระโจนเมื่อกี้ ทำให้นายโกรธ”เฟรินลองบอกสันนิฐานออกมา
“ใช่”เพียงแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น คาโลบอกตัวเองต่อในใจ
“น่า น่า ก็มันช่วยไม่ได้นี้หน่า คิงบาโรพ่อนายก็อยู่ในกระโจนด้วย เอ้ามองหน้ากัน”เฟรินบอกแล้วยืนมือทั้งสองมือไปที่ใบหน้าที่หันหลังให้กับตน แต่ถูกปัดมือออกทำเอาอารมณ์ของตัวเองเริ่มปูดขึ้นมาจนอยากเตะตนตรงหน้าให้หงาย
“มาพูดกันให้รู้เรื่องกันก่อน”เฟรินดึงแขนคาโลให้เข้ามาในกระโจนหนึ่งที่คิดว่าน่าจะไม่มีคนอยู่ข้างใน เมื่อมองดูแล้วนั้นไม่มีใครอยู่ เฟรินเรียกคฑาพิชิตโลกันตร์ออกมา แล้วร่ายเวทอาณาเขตขึ้นมา เพื่อไม่ให้ใครเข้ามาหรือได้ยินเด็ดขาด ทำให้คาโลอึ่งที่เห็นหญิงสาวสามารถใช้เวทระดับนี้ได้ จึงไม่ทันสังเกตุเห็นใบหน้าที่ซีดอยู่แล้วนั้น ซีดลงกว่าเดิม
“จะบอกเหตุผลที่แท้จริงได้ยัง”เฟรินถาม ขณะที่พยายามระงับอารมณ์ไม่ให้ทำอะไรคนตรงหน้าไปก่อน เพราะเธอรู้สึกว่ายังมีเหตุผลอื่นอีกที่ไม่ยอมมองหน้าอย่างนี้ “หรือว่านายกลัวว่าคนตรงหน้านายไม่ใช่ฉันหรือไงกัน”
“ไม่ใช่ ที่กลัวนะ เพราะไม่อยากที่จะเห็นภาพที่เธอเอาตัวเข้ารับดาบที่ท่านพ่อลงดาบไปแล้ว ตอนนั้นฉันก็อยู่ที่นั้นด้วย นายเข้าใจความรู้สึกไหมละ”คาโลตะโกนออกมาเพื่อระบายความอึกอัดที่อยู่ในใจตลอดออกมา
กลัว กลัวที่จะต้องเสียคนตรงหน้าไปอย่างไม่กลับมาอีกแล้ว ตอนนั้นเขาเห็นภาพที่เกิดขึ้นมาอย่างชัดเจน เหมือนภาพที่เห็นนั้นเป็นภาพช้าๆที่ต้องการให้เห็นทุกรายละเอียด ทำให้เขาปวดร้าวอย่างที่สุดหัวใจเหมือนถูกกีดออกจากกันเป็นชิ้นๆ เขาอยากกะโจนเข้าไปรักษาทันทีไม่สนใจอะไรทั้งสิ้นแต่กลับไม่มีร่างนั้นอยู่เลย นั้นยิ่งทำให้ความกลัวยิ่งมากขึ้นไปอีก ไม่มีคืนไหนเลยที่เขาจะนอนหลับได้สนิด แค่หลับตาลงภาพนั้นก็จะปรากฎขึ้นมาทันที
“ไม่ตอนกลัวแล้วน่า ฉันอยู่ที่นี้แล้วไงเพื่อให้นายไม่จำเป็นที่ต้องกังวลอะไรอีกแล้ว ฉันจะอยู่ข้างๆนายตลอดไม่ต้องห่วง ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ตาม”เฟรินบอก หน้าผากของตนนั้นวางสัมผัสกับหน้าผากของคาโล มือทั้งสองก็จับไว้เป็นการยืนยันว่าตัวเองอยู่ตรงนี้ ไม่ได้ไปไหน ซึ่งก็หน้าแปลกที่ความกลัวภายในใจคาโลนั้นเริ่มหายไปอย่างไม่น่าเหลือ
“เอาละฉันกลับละ ฝากบอกกับพวกนั้นด้วย ว่าไว้เจอกันที่ป้อมอัศวิน”เฟรินเลื่อนหน้าผากของตนออก แล้วฝากขอความไปในเพื่อนๆที่ป้อมอัศวิน คาโลเห็นเหมือนกับว่าตัวเฟรินจางหายไปขึ้นมาเพียงเสี้ยววินาที เมื่อเขากระพริบตาคนตรงหน้าก็กำลังที่จะออกจากกระโจนแล้ว
“นายจะกลับไปที่ป้อมอัศวินจริงใช่ไหม”คาโลถามเพื่อยืนยัน เฟรินเพียงแค่พยักหน้าเท่านั้นแล้วโบกมือลาทันที เพื่อกลับไปที่มังกรที่โกโดมกำลังรออยู่
“เจ้าหญิงทำไมถึงนานอย่างนี้ละพะยะค่ะ”โกโดมหรือคนแคระเขากวางถามอย่างเป็นห่วงเจ้านายของตน เพราะที่แห่งนี้เป็นค่ายของเอเดน เฟรินไม่ตอบขึ้นเจ้ามังกรทันทีทำให้โกโดมต้องรีบตามขึ้นไปแล้วนำมังกรบินขึ้นมาบนท้องฟ้าเพื่อกลับเมืองหลวง “โกโดม”
“พะยะค่ะ เจ้าหญิง”โกโดมหันหน้าไปหานายหญิงของตน
“ไม่ต้องรีบกลับไป เราอยากรับลม ถึงเมืองหลวงแล้วปลุกเราด้วยละ”เฟรินบอกแล้วเปลือกตาค่อยๆปิดลงเพื่อเป็นการพัก โกโดมทำตามที่สั่งบังคับให้มังกรบินช้าๆไปจนถึงเมืองหลวง เฟรินที่หลับไปนั้นก็นึกถึงคำพูดที่บอกคาโลไป
ฉันจะอยู่ข้างๆนายตลอดไม่ต้องห่วง ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ตาม
ความคิดเห็น