ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    บารามอส ตอน คุมตัวนักโทษแห่งเดมอส

    ลำดับตอนที่ #13 : 012 ผู้คุมทั้ง6

    • อัปเดตล่าสุด 18 มิ.ย. 55


     I'm comeback!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! หายไปยาวนานในช่วงปิดเทอม ในที่สุด writerก็กลับมาลงตอนใหม่ได้ซักที
    Writer ดีใจมากๆเลย มาเริ่มตอนใหม่กันเลย

    ===========================================================================

    หลังจากคณะเดินทางสองดินแดนได้รับความช่วยเหลือของผู้คุมด่านมิราจ ในการเดินทางไปยังด่านที่3นั้น ทำให้พวกเขารู้เรื่องหนึ่งว่ายิ่งลงไปด่านต่อไปนั้นพื้นที่ของการเดินทางก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น เวลาในการเดินทางก็จะเพิ่มมากขึ้นไปด้วย

    “จนกว่าจะถึงด่านที่ 7นี้ต้องใช้เวลากี่วัน”โรเวนถามดูเพราะอย่างน้อยเขาจะได้ประเมินเรื่องเวลาได้ถูกต้อง

    “ถ้าไม่มีอะไรมาขัดขวางการเดินทางละก็ น่าจะใช้เวลาประมาณ 1เดือนเป็นอย่างน้อย แต่ถ้ามีก็ 2เดือนเป็นอย่างมากครับ แต่เป็นไปได้ถ้าพวกเรามีผู้คุมด่านของแต่ละด่านร่วมเดินทางไปด้วยก็จะดีมากกว่านี้อีกครับ”

    “ผู้คุมนี้มีทั้งหมด 7คนใช่ไหม”โรมถามดูเพราะมันมีทั้งหมด 7ด่านก็ต้องมีผู้คุมเท่ากับด่านที่มี

    “ถ้าเป็นเมื่อ 17 ปี่ก่อนละก็นะครับ มีอยู่ 7แต่ต้องนี้เหลือเพียงแค่ 6คนเท่านั้น นั้นก็เพราะผู้คุมด่านที่ 7นั้นได้ลาออกไปบำเพ็ญตบะที่สโนว์แลนด์ตั้งแต่ที่ เขาคนนั้นได้มาอยู่ที่ด่านที่7”วิกเตอร์ตอบและบอกเรื่องนี้ให้ทุกคนฟัง เพราะเขารู้นี้ว่าการปิดบังเรื่องไว้ย่อมไม่อาจที่จะสร้างความเชื่อใจภายในหมู่คณะในการเดินทางครั้งนี้ได้ เมื่อไม่มีความเชื่อใจภารกิจที่ได้รับก็ไม่อาจสำเร็จได้เช่นกัน

    “ผู้คุมคนแรก ก็คนที่พวกเราเจอกันมา2ครั้งแล้ว นั้นก็คือ คุณทีซ่า เดอะ เดรก”

    “เดอะ เดรกนี้ นามสกุลเดียวกับ มิราจไม่ใช่หรอ”ทีช่าถามดู เพราะในตอนแรกยังไม่ได้สะกิตใจเรื่องที่ผู้คุมทั้ง2คนมีนามสกุลเหมือนกัน

    “ครับ คุณทีซ่ากับคุณมิราจเป็น”แทนที่วิกเตอร์จะพูด กลับชูนิ้วก้อยขึ้นมาแทน เพราะเรื่องนี้ไม่น่าที่จะเอามาพูดได้ ซึ่งดูเหมือนว่าทุกคนจะเข้าใจสิ่งที่วิกเตอร์ต้องการสื่อออกมา

    “ผมอธิบายต่อเลยนะครับ”

    “คุณทีซ่า เห็นสวยอย่างนั้นนะโหดเท่าๆกับคุณมิราจเ แถมเธอยังเป็นราชินีของพวกมังกรทุกสายพันธุ์ที่ทุกคนรู้จักรวมไปถึง.....นะครับ เรียกว่า ถ้ามีใครทำให้เธอไม่พอใจนี้ได้เจอนรกบนดินอย่างแน่นอน มังกรทั้งหมดจะคอยตามรังความไม่ให้มีที่ซุกหัวนอน”วิกเตอร์เว้นบางเรื่องไว้

    “รวมไปถึงอะไร”อาเธอร์ถาม ในตอนนี้คนที่จะถามก็คงมีเพียงแค่ เจ้าชายโรเวน เจ้าชายอาเธอร์ เจ้าชายโรม และเจ้าหญิงวีช่าเท่านั้น ส่วยคนอื่นก็เอาแค่นั่งฟังข้อมูลเท่านั้น ส่วยเรื่องที่จะเข้าใจมากน้อยแค่ไหนนั้นไม่ต้องถามถึง

    “เรื่องนี้ ผมพูดไม่ได้ครับ ไม่อย่างนั้นคุณมิราจฆ่าแน่”วิกเตอร์ตอบได้แค่นี้

    “คุณทีซ่าเป็นผู้ครอบครองพลังธาตุหลักทั้ง5 ได้แก่ ลม น้ำ ไฟ ไม้ โลหะ เพราะอย่างนี้เธอสามารถ ร่ายเวทที่เกี่ยวข้องกับาตุทั้ง5 ได้อย่างช่ำชอนที่สุด”

    “คุณมิราจ ก็อย่างที่ผมกับวูฟบอกไปก่อนหน้านี้แล้ว ถือว่าผมข้ามไปเลยนะครับ”

    “ผู้คุมด่านทะเลทรายมรณะ ซึ่งเป็นด่านที่3 คือ จีน ชินก้า เฟอจาร์ล เป็นเจ้าหญิงของอาณาจักรที่มีชื่อว่า ได้ครอบครองพลังแห่งพระอาทิตย์ นามสกุลเฟอจาร์ลมาจากชื่อของอาณาจักรของเธอครับ แต่ตอนนี้อาณาจักรของเธอนั้นได้ล่มสลายไปแล้ว ทำให้เธอเป็นเพียงแค่อดีตเจ้าหญิง”วิกเตอร์บอกอย่างอ่อนโยนในน้ำเสียง ทำเอาทั้งคณะสงสัยในความสัมพันของทั้งคู่

    “ผู้คุมด่านเปลวเพลิงความตาย ลีออน เบลมอส เป็นคนที่จริงจังมากขนาดที่ยอมหักไม่ยอมงอ อาวุธของเขาเป็นแส้ ที่ชื่อว่า ทิวาฆาต อย่ามีความคิดที่จะลองต่อสู้กับเขาเด็จขาด แส้ทิวาฆาตเป็นอาวุธที่หน้ากลัวมาก เรื่องคุณสมบัติของมัน”

    “ผู้คุมด่านน้ำแข็งนิรัน ชาโนอะ ผมขอเตือนเจ้าชายคาโลไว้นะครับว่า เมื่ออยู่ที่นั้นแล้วอย่าใช้เวทน้ำแข็งของสโนว์แลนด์ เพราะชาโนอะนั้นเกลียดพวกที่มีสายเลือดสโนว์แลนด์มากถึงแม้ว่าจะมีสายเลือดแค่ไหนก็ตาม”

    “ผู้คุมด่านนิรันกาล คือ วอลเทอ เบิร์นฮาร์ด เป็นอดีตราชาของเผ่าผม เขาเก่งมากๆเลยนะครับ แถมยังเป็นอาจารย์ที่สอนเรื่องการเป็นราชาให้กับราชาของผม เป็นคนที่เก่งที่เป็นประเภทซักพันปีที่มีซักคน ฝีมือก็เป็นรองราชาเกรเซอร์ ราชินีลูน่าและท่านจ้าวเอวิเดสเท่านั้น”พอทุกคนได้ฟังสิ่งที่วิกเตอร์อธิบายเกี่ยวกับผู้คุมทั้งหมดแล้วนี้ มันทำให้รู้สึกว่างานนี้ผู้คุมแต่ละคนนี้ชั่งมีฐานะที่ยิ่งใหญ่กันทั้งนั้น

    “ช ชัก ชักอยากกลับโรงเรียนแล้วอะ”เหล่าคนที่ฟังแรงใจเริ่มหมดลงกันไป จากการฟังเรื่องที่ไม่น่าจะฟังกันตั้งแต่แรก

    “ไม่เห็นเป็นไรเลย การมาครั้งนี้อย่างน้อยก็น่าจะได้อะไรกลับไปกันบ้าง หลังจากคุมตัวนักโทษกลับกันแล้ว เชื่อซิ”มิราจที่นั่งฟังด้วยนั้นพูดให้ทุกคนมีกำลังใจกันบ้าง

    “ได้ ความตายนะซิ”ลูซิน่าเอ่ยบอก ทำเอากำลังใจที่ได้เมื่อกี้นี้หายไปจนติดลบเสียด้วยซ่ำไป

    “ยัยบ้าจะไปพูดอย่างนี้ได้ไง ไม่ถึงตายหรอก อย่างมากก็แค่เกือบหรือไม่ก็พิการเท่านั้นละ”วูฟแก้อต่มันก็ทำให้แต่ละคนแย่ลงไปอีก มากกว่าเดิม

    “ผมต้องขอโทษแทน 2คนนี้ด้วยนะครับ”วิกเตอร์รีบขอโทษทันที งานนี้สงสัยเขาต้องมาคิดแผนการสร้างความมั่นใจให้ซะแล้วซึ่งถ้าไม่รีบทำมันละก็ ไม่อยากจะคิดเลย

    “คุณมิราจครับ อีกนานไหมครับ”วิกเตอร์หันไปถามผู้คุมด่าน

    “ถ้าไม่หยุดพัก พรุ่งนี้เช้าก็ถึงด่าน3 แล้วละ แต่ทุกคนจะทนไว้ไหมถ้าไม่ได้กินข้าวกันเลยนะ ค่ำนี้”มิราจบอก เพราะดูเหมือนว่าการไม่ได้กินข้าวเย็นนี้จะเป็นปัญหาของใครบางคนไหม (ทุกคนน่าจะรู้นะว่าใคร:Dra)

    “ให้พักเหอะ จะได้ยืดเส้นสายซะหน่อย”โรมบอก ให้นั่งกันตลอดมันไม่น่าจะใช่นิสัยของป้อมอัศวินทั้งหมดนี้แน่นอน

    “เข้าใจแล้ว”มิราจตบหัวของเสือขาวเบาๆ มันก็หยุดวิ่งทันทีเปลี่ยนมาเดินแทนจนมาหยุดที่ลำธารเล็กๆแห่งหนึ่งแล้วหมอบลงให้ทุกคนที่นั่งอยู่ลงมา ส่วนมันก็พักตัวมันเองโดยการไปกินน้ำในลำธารเป็นการเติมพลังของมัน

    “เมื่อยสุดๆเลย”ครี๊ดบิดขี้เกียจทันทีที่ทำได้ รวมไปถึงคนอื่นๆด้วย

    “หาอะไรกินกันเถอะ”อาชูร่าบอก ทุกคนเลยคิดว่าแบ่งจำนวนคนออกเป็นกลุ่มๆ ด้วยที่กลุ่มหนึ่งที่จะมุ่งหน้าเข้าไปหาของกินไปอยู่ในป่า ส่วนอีกกลุ่มก็เตรียมของไว้รอในการทำอาหาร โดยที่มีสายตาของมิราจเฝ้ามองอยู่ห่างๆ

    “เฮ้ พวกนาย”มิราจกวัดมือเรียกพวกวิกเตอร์ วูฟและลูซิน่าให้มาหาตัวเอง ทั้ง3คนก็เดินไปมาอย่างง่ายๆ

    “พวกนั้นยังไม่รู้เรื่องภารกิจอีกเรื่องใช่ไหม”มิราจถามขึ้นมาทันที เพราะย่างน้อยลูซิน่าก็วางเขตแดนปิดเสียงไว้แล้ว เพื่อกันไม่ให้ใครร็

    “ครับ ท่านจ้าวสั่งหายเอาไว้”

    “ลองให้รู้เรื่องสิ ไอ้พวกนั้นนะไม่ยอมหยุดพักแน่ ดีไม่ดีมีคนตายแน่นอน”

    “แต่จะไม่บอกเลยมันก็กะไรอยู่”มิราจบอก ถึงแม้ว่าเขาจะมีความเห็นที่เหมือนกับวูฟ บางครั้งเมื่อคนเรารู้ว่าสิ่งที่สำคัญกำลังจะหายไปก็ทำทุกวิธีทาง ให้อยู่ต่อโดยที่ตัวเองนั้นจะต้องบาดเจ็บมากมายเพียงเท่าไหร่

    “รู้ครับแต่ยังไม่ใช่ในตอนนี้ที่ พวกเขาไม่มีกำลังใจเหลือเลย”วิกเตอร์บอกเหมือนกับเป็นการเตือนใครให้รู้ถึงคำพูดของตัวเอง มิราจทำได้แค่ตบไหล่วิกเตอร์เบาๆ

    หลังจากที่รอพวกที่หาของในป่ากลับออกมาได้แล้วนั้น ทุกคนก็เริ่มช่วยกันทำอาหารทันทีซึ่งมันก็หน้าแปลกที่ไม่มีสัตว์อสูรมาปรากฎตัวให้เห็นกันเลยระหว่างที่กินข้าวกันอยู่มารู้ที่หลังว่า มิราจนั้นได้ร่ายเวทเขตลวงตาป้องกันไม่ให้สัตว์อสูรเห็น อย่างมากก็มีเพียงแค่กลิ่นอาหารเท่านั้นที่ไม่สามารถปิดบังได้ ล้วเมื่อเข้ามาในรัศมีของภาพลวงตา พวกมันก็หันหลังกลับไปอีกทางทันที

    การนอนในค่ำคืนนี้ก็ได้สร้างประสบการณ์ใหม่ให้แต่คนละมาก เพื่อที่จะไม่ให้เสียเวลามากไปนั้น มิราจดึงให้ทุกคนขึ้นมานอนบนหลังจากทีช่า ระหว่างที่กำลังจะออกเดินทางกันต่อไม่ให้เสียเวลาไปมากกว่านี้ ทำเอาแต่ละคนไม่กล้าที่จะนอนซักเท่าไหร่ถึงแม้ว่าจะมีตัวอย่างที่นอนไปก่อนแล้ว ก็อดที่จะเสียวไม่ได้สุดท้ายความง่วงนอนก็ชนะจนได้ ทุกคนจึงหาเชือกมามัดทุกคนเอาไว้

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×