ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Sobel The Flame of Dragon: เกิดใหม่เป็นมังกรเพลิงในตำนาน

    ลำดับตอนที่ #8 : ตอนที่ 7: โรงเรียนนักผจญภัย

    • อัปเดตล่าสุด 10 ก.ย. 66


    หลังจากที่กลุ่มโซเบลเดินทางมาถึงเมืองหลวง ทั้งสามคนก็ไม่รอช้าที่จะรีบมุ่งหน้าไปที่โรงเรียนเตรียมนักผจญภัยเพื่อที่จะให้โซเบลเป็นนักผจญภัยตามที่เธอตั้งใจไว้ 

    สเตลร่า: เอาล่ะ ตอนนี้พวกเรามาถึงเมืองหลวงแล้ว ที่เหลือก็แค่-...

    สเตลร่าหันไปมองโซเบลกับลอร่าซึ่งในตอนนี้โซเบลกำลังหันซ้าย มองขวาเพื่อสำรวจเมืองนี้ด้วยความตื่นเต้น

    โซเบล: โอ้โห นี่น่ะหรอเมืองหลวงของอาณาจักรเซซิลล่าร์ ใหญ่กว่าที่คิดอีกนะเนี่ย +0+ !

    สเตลร่า: เฮ้ออ ให้มันได้อย่างงี้สิ = = 

    แล้วสเตลร่าก็เดินเข้าไปหาโซเบลเพื่อบอกให้เขาหยุดสนใจสิ่งรอบข้าง และหันมาโฟกัสกับงานของตัวเอง

    สเตลร่า:เอาล่ะๆ ชมเมืองพอแค่นี้กันก่อน ตอนนี้เรามีงานที่ต้องทำนะโซ-...

    สเตลร่าเกือบเผลอหลุดปากเรียกชื่อที่แท้จริงของโซเบลต่อหน้าผู้คนที่เดินขวักไขว่ไปมา ทำให้โซเบลกับลอร่าต้องหันมาชูนิ้วชี้จุ๊ที่ปากเบาๆ

    ลอร่า: *ชู๊ววว~* คุณลอร่าอย่าเรียกคุณโซเบลด้วยชื่อจริงสิคะ ต้องเรียกเขาว่าเดวาลินสิ...

    สเตลร่า: อ...อ้อ....นั่นสินะ...งั้นเอาใหม่ ตอนนี้เรามีภารกิจที่ต้องไปทำนะ 'เดลวาลิน (โซเบล)'

    เดลวาลิน: อืม ว่าแต่เธอจะให้ฉันทำอะไรล่ะ 

    สเตลร่าเสกแผนที่ที่แสดงแผนผังของเมืองเดนิสขึ้นมา ก่อนจะชี้นิ้วลงบนแผนที่อันเป็นที่ตั้งพิกัดของโรงเรียนนักผจญภัย สถานที่ที่เธออยากจะให้โซเบลเดินทางไปที่นั่น

    เดลวาลิน: โรงเรียนเตรียมนักผจญภัยงั้นหรอ ถ้างั้นพวกเราก็ไปกัน

    แล้วเดลวาลินก็หันไปมองลอร่า

    เดลวาริน: แต่ก่อนอื่นพวกเราต้องพาเธอกลับไปหาเพื่อนๆของเธอก่อน 

    ลอร่า: เดี๋ยวก่อนสิคะคุณเดลวาลิน ทำไมต้องรีบร้อนขนาดนั้นด้วยล่ะคะ 0 0 ?!

    เดลวาลินเดินเข้ามาจับไหล่ของลอร่าก่อนจะพูดว่า

    เดลวาลิน: เธอมีความฝันที่เธออยากจะทำให้เป็นจริงอยู่ไม่ใข่หรอ มันคงไม่มีประโยชน์อะไรถ้าเธอจะติดสอยห้อยตามฉันกับสเตลร่าไปไหนมาไหนแบบนี้

    ลอร่า: แต่ว่า...ฉันอยากอยู่กับคุณเดลวาลินนี่นา...พอได้อยู่ด้วยกับคุณแล้ว มันทำให้ฉันรู้สึกว่า การมีคุณเดลวาลินอยู่ใกล้ตัวมันจะทำให้การทำหน้าที่ของฉันบรรลุไปได้ด้วยดีและไม่ต้องห่วงภัยอันตรายอะไรเพราะมีคุณเดลวาลินคอยปกป้อง

    แล้วลอร่าก็หน้าสงสารเพื่อขอความเห็นใจจากเดลวาลินให้เธออยู่ต่อ ทำให้สุดท้ายเดลวาลินก็ต้องยอมใจอ่อน

    เดลวาลิน: ก็ได้ ถ้างั้นเธออยู่กับพวกฉันต่อก็ได้จนกว่าจะเจอกลุ่มเพื่อนๆของเธอ

    ลอร่าถึงกับยิ้มร่าออกมาด้วยความดีใจก่อนจะเข้าไปกอดแขนเดลวาลินเพื่อขอบคุณเขาที่เข้าใจเธอ

     

    หลังจากนั้นทั้งสามคนก็เดินทางไปที่โรงเรียนเตรียมนักผจญภัยตามคำบอกเล่าของลอร่า และในตอนนี้พวกเขาก็มาถึงเขตที่ตั้งของโรงเรียนเตรียมนักผจญภัยที่ตั้งอยู่นอกเมืองทางทิศตะวันตก แต่ก็อยู่ห่างจากเมืองหลวงไม่กี่กิโลเมตร 

    โรงเรียนเตรียมนักผจญภัยเป็นโรงเรียนที่มีรั้วกำแพงเวทย์มนต์ล้อมรอบ มี อาคารหลัก ตั้งอยู่ด้านหน้าเป็นตึก 3 ชั้น มี หอพัก สำหรับนักเรียน 3 ตึกใหญ่ๆ 5 ชั้น มีอาคารเรียนใหญ่สูงหลายสิบชั้นเอาไว้สำหรับเรียนรู้ทางด้านข้อมูลเชิงทฤษฏีที่สามารถรองรับนักเรียนได้มากถึง 8000 คนพร้อมกัน ฃ มีอาคารสำหรับทำการทดสอบวัดค่าความสามารถในด้านต่างๆ มีลานกว้างสำหรับซ้อมยิงเป้า และวิ่งทางไกล โดยมี 'อาจารย์ใหญ่ อีลอน' เป็นผู้ดูแลสถานศึกษาแห่งนี้ 

    และในตอนนี้ทั้งสามก็เดินเข้ามาในตึกหลักที่มีนักเรียนมากหน้าหลายเดินเข้าออกไม่ขาดสาย เพื่อจะติดต่อกับครูที่รับผิดชอบงานด้านบัญชี ในการสมัครเข้าเป็นนักเรียนของเดลวาลิน

    เดลวาลิน: โอ้โห ที่นี่น่ะหรอโรงเรียนนักผจญภัยน่ะ

    ลอร่า: ใช่ค่ะ เป็นโรงเรียนที่ฉันเคยเรียนอยู่ที่นี่เองค่ะ

    เดลวาลิน: แสดงว่าเธอเรียนจบมาจากที่นี่สินะ

    ลอร่าพยักหน้าก่อนที่เธอจะพาเดลวาลินกับสเตลร่าไปยังโต๊ะเคาเตอร์อาจารย์ฝ่ายบัญชีเพื่อพาเดลวาลินสมัครเป็นนักเรียนนักผจญภัย แต่ทว่าสเตลร่าก็ห้ามเอาไว้ก่อน

    สเตลร่า: เดี๋ยวก่อน ฉันว่าทำแบบนี้มันจะเสียเวลาเปล่าๆนะ 

    ลอร่า: หมายความว่ายังไงหรอคะ ? 

    สเตลร่า: ถ้าจะให้เดลวาลินเป็นนักผจญภัยโดยการสมัครเข้าเรียนและเรียนรู้การเป็นนักผจญภัย มันต้องใช้อย่างต่ำถึงสี่ปีเลยนะ กว่าเขาจะได้รับการรับรองว่าเป็นนักผจญภัยอย่างเต็มตัว

    ลอร่า: แล้วคุณสเตลร่าจะทำยังไงหรอคะ คุณเดลวาลินถึงจะได้เป็นนักผจญภัยอย่างเต็มตัวโดยที่ไม่ต้องเข้าเรียนเหมือนคนปกติคนอื่นๆเขา ?

    สเตลร่า: ง่ายนิดเดียว รออยู่ตรงนี้ก่อนนะทั้งสองคน

    หลังจากนั้นสเตลร่าก็เดินเข้าไปหาอาจารย์ที่นั่งประจำอยู่ที่โต๊ะเคาเตอร์เพื่อพูดคุยอะไรบางอย่าง ปล่อยให้ลอร่ากับเดลวาลินสงสัย

    ลอร่า: คุณสเตลร่าคิดจะทำอะไรของเขากันนะ ?

    เดลวาลิน: ไม่รู้สิ ดูสถานการณ์ไปก่อนดีกว่า 

    สเตลร่าพูดคุยกับอาจารย์ประจำโต๊ะเคาเตอร์อยู่สักพักก่อนที่อีกฝ่ายจะมีอาการตกใจเล็กน้อยถึงปานกลาง ก่อนที่เจ้าตัวจะรีบเขียนเอกสารบางอย่างแล้วรีบวิ่งไปไหนสักแห่ง ส่วนสเตลร่าก็เดินกลับมาก่อนที่เดลวาลินจะถามเธอว่า

    เดลวาลิน: เธอไปคุยอะไรมางั้นหรอ 

    สเตลร่า: ก็ไม่มีอะไรมาก ฉันก็แค่บอกเขาว่า นายอยากมาที่นี่เพื่อพิสูจน์ตัวเองโดยการประลองฝีมือกับนักเรียนนักผจญภัยที่เก่งที่สุด เพื่อแลกกับตราสลักไม้นักผจญภัยมือใหม่น่ะ 

    ห๊าาาา~???!!!

    เมื่อสเตลร่าเผยความจริงออกมา ลอร่าและเดลวา

    ลินถึงกับร้องอุทานเสียงหลง ท่ามกลางสายตาของพวกนักเรียนที่ยืนหันมามองอยู่รอบข้างหลายสิบคน

    เดลวาลิน: นี่เธออย่าคิดเองเออเองแบบนี้สิ! ทำแบบนี้ไม่ถามความสมัครใจของฉันเลยสักนิดเดียว!!

    สเตลร่า: ก็ไม่รู้สินะ 

    สเตลร่าหยักไหล่หูทวนลมทำท่าเหมือนไม่แยแสว่าเดลวาลินนั้นจะคิดยังไงหากเธอทำแบบนี้ แต่สุดท้ายเดลวาลินก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากต้องรับสภาพไป

     

    ตัดภาพมายังห้องอาจารย์ใหญ่ อีลอน ที่เต็มไปด้วยเครื่องเฟอร์นิเจอร์ที่ดูมีราคาแพง มีโคมไฟเพดานขนาดใหญ่แขวนอยู่กลางห้อง มีหน้าต่างขนาดใหญ่จำนวน 4 บานที่เมื่อมองออกไปจะเห็นลานกว้างและตึกอาคารต่างๆรวมถึงสภาพแวดล้อมโดยรวมของโรงเรียน 

    ผนังห้องทาด้วยสีครีมลวดลายใบไม้สีน้ำตาล มีกรอบรูปอาจารย์ใหญ่คนก่อนแขวนอยู่บนผนังจำนวนหลายสิบรูป และด้านในสุดของห้องมีโต๊ะทำงานของอาจารย์ใหญ่และรวมไปถึง 'อีลอน' ชายวัยกลาง อายุราวๆ 55 ปี สวมชุดสูทสีน้ำตาล ผูกเนคไทสีเหลือง แววตาสีน้ำตาล ผมสั้นหวีปัดออกไปทั้งสองด้าน ไว้หนวด ไว้เครา จนขนเหล่านั้นเป็นสีขาวบ่งบอกถึงอายุที่เริ่มมีมากขึ้นของเขา ซึ่งในตอนนี้กำลังนั่งตรวจเอกสารอยู่บนโต๊ะ 

    ก๊อก ก๊อก ก๊อก

    ครูสาว: ขออนุญาติค่ะ 

    อีลอน: เข้ามาได้

    ครูสาว: ขอประทานโทษด้วยนะคะท่านอาจารย์ใหญ่ที่ต้องรบกวนในเวลานี้ พอดีว่าดิฉันใฃมีเรื่องเร่งด่วนสำคัญจะมารายงานให้ทราบ

    อีลอน: เรื่องอะไรงั้นหรอ 

    อีลอนถามอย่างใจเย็น ก่อนที่ครูสาวประจำโต๊ะดคาเตอร์จะวางเอกสาร พร้อมกับรูปภาพของเดลวาลินลงบนโต๊ะทำงานของอีลอน 

    ครูสาว: พอดีว่า มีคนอยากจะมาขอท้าประลองกับโรงเรียนของเราหน่ะค่ะ

    อีลอนถึงกับทำหน้าสงสัยเมื่อมีคนมาขอท้าประลอง ซึ่งไม่เคยมีเคสแบบนี้มานานหลายร้อยปีแล้ว

    อีลอน: มีคนมาขอท้าประลองอย่างงั้นหรอ

    ครูสาว: ค่ะ แถมฝั่งนั้นยังบอกอีกด้วยว่า ถ้าหากเขาชนะการประลองทางโรงเรียนจะต้องออกตราสัญลักษณ์นักผจญภัยให้ด้วย

    อีลอนนั่งพิจารณาไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะบอกให้ครูสาวไปตามกลุ่มของเดลวาลินให้เข้ามาพบ

    ผ่านไปสักพัก ทั้งสามคนก็ถูกเรียกตัวให้เข้ามาพบกับอีลอนที่ห้องรับแขกซึ่งมีครูสาวมาคอยเสิร์ฟน้ำและอาหารว่างเพื่อรออีลอนเดินทางมาถึง จนในที่สุดทั้งสามก็ได้พบกับอีลอนเป็นครั้งแรก 

    อีลอน: พวกเธอเองหรอ คนที่จะมาขอท้าประลองเพื่อแลกกับเหรียญตรานักผจญภัยน่ะ 

    ลอร่า: สวัสดีค่ะอาจารย์ใหญ่ ไม่ได้เจอกันนานสบายดีนะคะ ^ ^ 

    ลอร่ากล่าวทักทายอีลอนเนื่องจากทั้งสองรู้จักกันมาก่อน

    อีลอน: โอ้ เธอเองก็มาอยู่ที่นี่ด้วยหรอเนี่ย เพิ่งจบออกไปไม่กี่ปีตอนนี้ชีวิตเป็นยังไงบ้าง ^ ^ 

    ลอร่า: สบายดีค่ะ ตอนนี้หนูกำลังเดินตามความฝันของตัวเองอยู่ค่ะ 

    อีลอนพยักหน้าให้ลอร่าอย่างภาคภูมิใจ ก่อนที่เขาจะเข้าประเด็นในวันนี้

    อีลอน: ว่าแต่ ใครกันที่เป็นคนขอท้าประลองงั้นหรอ

    แล้วอีลอนก็หันไปมองสเตลร่า เพราะเห็นว่าน่าจะมีฝีมือเขาจึงเดินเข้าไปคุยกับเธอ

    อีลอน: สวัสดี ฉันมีชื่อว่า อีลอน เป็นอาจารย์ใหญ่ที่ดูแลสถานศึกษาแห่งนี้ทั้งหมด 

    สเตลร่า: ยินดีที่ได้รู้จัก ฉันสเตลร่า 

    อีลอน: เธอคือคนที่จะมาท้าดวลเพื่อขอตรานักผจญภัยโดยไม่ต้องเข้าเรียนตามกลไกปกติสินะ

    สเตลร่า: ใช่ แต่คนที่จะให้ประลองด้วยจริงๆไม่ใช่ฉันหรอก แต่เป็นผู้ชายคนนี้ต่างหาก

    แล้วสเตลร่าก็เลี่ยงตัวเสนอตัวเดลวาลินให้อีลอนเห็นชัดๆ 

    เมื่ออีลอนได้เห็นเดลวาลินชัดๆ เขาก็รู้สึกถึงอะไรบางอย่างในตัวเดลวาลิน ราวกับว่าผู้ชายผมแดงเพลิงคนนี้ดูมีอะไรพิเศษไม่เหมือนคนอื่นๆทั่วไปที่เขาเคยเจอ 

    อีลอน: อ้อ…เธอมีชื่อว่าอะไรงั้นหรอ 

    เดลวาลิน: เดลวาลิน 

    อีลอน: งั้นหรอ ดูเหมือนเธอจะมีความพิเศษกว่าคนอื่นๆที่ฉันเคยเจอมานะเนี่ย 

    หลังจากนั้นอีลอนก็ได้บอกรายละเอียดในการเข้าประลองเพื่อขอตรานักผจญภัย โดยก่อนที่เดลวาลินจะทำการประลอง จะต้องผ่านด่านทดสอบทั้งหมด 7 ด่าน เพื่อประเมินความสามารถเบื้องต้นว่า เขานั้นมีคุณสมบัติคู่ควรมากพอที่จะเข้ารับการประลองจากนักเรียนนักผจญภัยระดับเกียรตินิยมหรือไม่ 

    โดยด่านแรกที่เดลวาลินจะต้องผ่านไป เป็นด่านทำแบบข้อสอบพื้นฐานซึ่งด่านนี้จะเป็นการวัดระดับทักษะ ความรู้ด้านทฤษฏีเกี่ยวกับโลกนี้เช่น ชื่อสถานที่ มอนเตอร์ อาณาจักร รวมไปถึงเรื่องเวทย์มนต์ต่างๆที่นักผจญภัยระดับมีฝีมือจะต้องรู้เป็นอย่างดี 

    อีลอน: เอาล่ะ ข้อสอบที่เธอต้องทำคือข้อสอบแบบปรนัยจำนวนหนึ่งร้อยข้อ และเธอต้องทำคะแนนให้ได้ เก้าสิบคะแนนขึ้นไปถึงจะถือว่าสอบผ่านด่านแรก 

    ลอร่า: คุณเดลวาลินจะทำได้รึเปล่านะ ข้อสอบพวกนั้นมีแต่คำถามระดับหัวกะทิทั้งนั้นเลย แบบนี้เขาจะทำคะแนนได้ถึงเกณฑ์ที่กำหนดรึเปล่านะ 

    สเตลร่า: ถึงเขาจะทำไม่ได้ แต่ยังไงฉันก็มีวิธีอยู่ ฉันไม่ให้เขามาเสียเที่ยวหรอก

    ลอร่า: คุณสเตลร่าจะทำยังไงหรอคะ 0 0 ? 

    หลังจากนั้นเวลาในการทำข้อสอบของเดลวาลินก็ผ่านพ้นไปเกือบ 2 ชั่วโมง ก่อนที่ครูผู้ช่วยจะสรุปคะแนนที่ได้มาส่งให้อีลอนดู แล้วเขาก็พบว่าเดลวาลินนั้นสามารถทำคะแนนได้ 95 คะแนน ทำให้เดลวาลินสามารถผ่านเข้าด่านทดสอบด่านต่อไป 

    ลอร่า: คุณสเตลร่าทำอะไรระหว่างการสอบหรอคะ ? 

    สเตลร่า: ก็ไม่มีอะไรมาก แค่แอบป้อนข้อมูลให้เขาก็แค่นั้นเอง 

    ลอร่า: แอบป้อนข้อมูลงั้นหรอคะ? 

    สเตลร่าหันมามองลอร่าด้วยหางตาพร้อมกับอมยิ้ม 

    สเตลร่า: อย่าไปบอกใครล่ะว่าฉันแอบช่วยเดลวาลินโกงข้อสอบ >u0 

     

    ด่านทดสอบที่ 2 

    หลังจากที่เดลวาลินผ่านด่านทดสอบด่านแรกที่เป็นด่านข้อสอบปรนัยมาได้จากการช่วยเหลือของสเตลร่า อีลอนก็ให้เดลวาลินมาพบกับด่านทดสอบด่านที่ 2 นั่นคือ ด่านทดสอบเครื่องวัดพลัง โดยอีลอนต้องการให้เดลวาลินทำการต่อยหมัดไปที่ ‘เครื่องวัดค่าพลังกายภาพ’ และร่ายเวทย์ไปที่ ‘เครื่องวัดค่าพลังเวทย์กลาง’ เพื่อประเมินความสามรถทางกายภาพและพลังเวทย์ของเดลวาลินโดยรวมว่าเขานั้นมีพลังสเตตัสอยู่ที่ระดับไหน โดยอีลอนต้องการให้ค่าพลังโดยรวมอยู่ที่ 10,000 แต้มขึ้นไป ซึ่งค่าพลังนี้ถือว่าสูงมากๆสำหรับนักผจญภัยเริ่มต้นที่ต้องการเข้าสอบโรงเรียน

    อีลอน: เอาล่ะ ต่อไปจะเป็นการทดสอบวัดค่าพลังโดยรวม ขอให้เธอใส่กำลังทั้งหมดที่มีเลยนะ

    เดลวาลิน: ได้เลย ไม่มีปัญหา 

    หลังจากนั้นเดลวาลินก็เดินไปหยุดอยู่ที่หน้าเครื่องวัดค่าพลังกายภาพซึ่งมีนวมรองรับการต่อยขนาดใหญ่ ก่อนที่เขาจะกำหมัดแล้วง้างต่อยไปที่เครื่องวัดอย่างแรงจนเกิดเสียงดังตุบไปทั่วห้อง

    โคร้มมมม!!!!

    หลัจากที่เดลวาลินต่อยไปที่นวมสำหรับวัดค่าพลังไม่กี่วินาที เครื่องวัดก็ทนแรงต่อยของเขาไม่ไหวก่อนที่มันจะพังเป็นเศษเหล็กไม่เหลือชิ้นดี ทำเอาอาจารย์ใหญ่รวมถึงอาจารย์ผู้ช่วย 4-5 คนถึงกับยืนทำหน้าเหว๋อ และเพื่อความแน่ใจอาจารย์ใหญ่จึงสั่งให้ครูผู้ช่วยนำเครื่องวัดตัวอื่นมาทำการดสอบอีกรอบ เพราะบางทีเครื่องวัดอาจจะใช้งานมานานและทรุดโทรมมาไปตามกาลเวลา 

    โคร้มมมม!!! โคร้มมมม!!! โคร้มมมม!!! 

    เดลวาลินทำการวัดค่าพลังซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนทำให้เครื่องวัดหลายตัวพังเสียหายเป็นแถบๆ จนในที่สุดอาจารย์ใหญ๋ต้องยอมรับว่าเดลวาลินนั้นมีพละกำลังเนหือมนุษย์ จนแถบจะเรียกว่าเหนือมนุษย์ไปแล้ว ก่อนที่เดลวาลินจะทำการวัดค่าพลังเวทย์กลางต่อ 

    ลอร่า: สู้ๆนะคะคุณเดลวาลิน \^w^/ 

    สเตลร่า: พยายามเข้าล่ะ 

    สองสาวส่งเสียงเชียร์มาแต่ไกล แต่เดลวาลินก็โบกมือตอบกลับไปเงียบๆก่อนที่เขาจะไปยืนอยู่ที่หน้าเครื่องวัดค่าพลังเวทย์กลาง 

    เดลวาลิน: (อื้มมม จะใช้เวทย์แบบไหนดีนะมันจถึงจะไม่รุนแรงมากไปจนทำให้ห้องนี้พัง…)

    เดลวาลินยืนคิดอยู่ครู่หนึ่งเพื่อตัดสินใจว่าจะใช้เวทย์แบบไหนดี ก่อนที่เขาจะตัดสินใจใช้เวทย์ ‘หมัดมังกรเพลิง’ (Flame Dragon Pucnh) เพราะคิดว่าน่าจะเป็นพลังเวทย์ที่เบาที่สุดแล้วในความคิดของเขา 

    ฟรู้มมมมมม!!!!!

    เดลวาลินกำหมัดแล้วรวมพลังเวทย์กลางแปรเปลี่ยนพลังเวทย์นั้นให้กลายเป็นเปลวเพลิงที่รุนแรง ก่อนจะชกหมัดไปข้างหน้าบังเกิดเป็นคลื่นเปลวเพลิวที่มีลักษณะเหมือนหัวมังกรเพลิงขนาดใหญ่พุ่งทะยานไปข้างหน้าอย่างน่าเกรงขาม ทำให้ครูผู้ช่วยที่ยืนประจำอยู่ข้างๆเครื่องวัดต้องรีบวิ่งหนีตายไปคนละทาง เพราะรัศมีคลื่นพลังเวทย์นี้มันกว้างและรุนแรงมากๆ แต่สเตลร่าก็ร่ายเวทย์ป้องกันให้ได้ทันจึงไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ แต่สภาพของเครื่องวัดนั้นหลอมเหลวกลายสภาพเป็นไอไม่เหลือซาก 

    อีลอนรวมถึงครูผู้ช่วยคนอื่นๆถึงกับอ้าปาก ตาค้างถึงพลังเวทย์ที่รุนแรงของเดลวาลินและเริ่มรู้สึกกังขาในตัวเขาขึ้นมาแล้วว่าสรุปเดลวาลินนั้นเป็นคนธรรมดาหรือปีศาจกันแน่ ทำไมเขาถึงมีพลังเวทย์ที่รุนแรงและทรงพลังมากมายถึงขนาดนี้ได้ แต่สุดท้ายผลการทดสอบด่านที่ 2 ก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี แต่ต้องแลกกับสภาพห้องทดสอบที่เละเทะไม่เหลือชิ้นดี 

     

    เดลวาลินผ่านด่านทดสอบมามากมาย ทั้งจากความสามารถส่วนตัว และได้สเตลร่าคอยช่วยเหลืออย่างลับๆ จนกระทั่งเขามาถึงด่านทดสอบด่านที่ 6 ซึ่งเป็นด่านที่จะทำการทดสอบอยู่ที่ลานสเตเดี้ยมของโรงเรียนซึ่งสามารถจุคนดูได้มากถึง 5000 คน และเพื่อให้การประลองมีความยิ่งใหญ่ อาจารย์ใหญ่ได้นัดเหล่านักเรียนนักผจญภัยหลายพันคน รวมถึงอาจารย์สอนวิชาแผนกต่างๆมาดูการประลองของ เดลวาลิน กับ กลุ่มนักเรียนนักผจญภัยที่มีคะแนนดีเด่นจำนวน 20 คน 

    และดูเหมือนผู้คนและบุคลากรในโรงเรียนจะให้ความสนใจอย่างมาก เพราะการจะมีใครสักคนมาขอท้าประลองกับโรงเรียนเพื่อแลกตราสัญลักษณ์นักผจญภัยนั้นหาได้ยากมากๆในรอบหลายสิิบปี เพราะมันคืองานที่ผู้ท้าประลองจะต้องมีความมั่นใจในตัวเองสูงมากๆ และมีความสามารถในการที่จะเอาชนะตัวแทนจากโรงเรียนที่จะคัดเลือกนักเรียนที่มีความสามารถโดดเด่นที่สุดหลายสิบคนมาเป็นคู่ประลอง

    นักเรียน A: ดูสิๆ มีแต่พวกนักเรียนดีเด่นทั้งนั้นเลย!

    นักเรียน B: ใช่ๆ ได้ข่าวว่านักเรียนพวกนั้นเป็นพวกทำคะแนนระดับท็อปตลอดสี่ปีซ้อนเลยนี่นา 0 0 

    นักเรียน C: ตื่นเต้นชะมัดเลย ไม่นึกเลยว่าปีนี้จะมีงานประลองแลกเหรียญตราแบบนี้ด้วย ฉันนี่โชคดีชะมัด ^ ^

    นักเรียน D: ถ้าฉันมีความสามารถมากพอ ฉันก็คงจะขอท้าประลองแบบนี้เหมือนกันแหละ

    เสียงพูดคุยของนักเรียนหลายร้อยหลายพันคนดังระงมไปทั่วสเตเดี้ยมทำให้บรรยากาศเต็มไปด้วยสีสันและความตื่นเต้น เดลวาลินยินหันหน้ามองไปยังเหล่านักเรียนหลายพันคนที่จดจ้องมายังตัวเขาเป็นสายตาเดียวกัน ทำให้เขาแอบกดดันเล็กน้อยเพราะเขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าตัวเองจะกลายเป็นจุดสนใจของคนหมู๋บ้านขนาดนี้ ซึ่งหนึ่งในคนชมที่นั่งดูอยู่บนสเตเดี้ยมก็มีสเตลร่ากับลอร่าคอยส่งเสียงเชียร์อยู่ด้วย

    ลอร่า: พยายามเข้านะคะคุณเดลวาลิน ฉันกับคุณสเตลร่าจะคอยให้กำลังใจนะค~!! ^ ^

    เดลวาลิน: ขอบใจที่เชียร์นะทั้งสองคน

    เดลวาลินโบกมือตอบรับเสียงเชียร์จากลอร่า ก่อนที่เขาจะหันไปโฟกัสการต่อสู้ที่กำลังจะมาถึง 

    อาจารย์ใหญ่อีลอนได้สั่งให้กรรมตัดสินทำการเรียกตัวกลุ่มนักเรียนนักผจญภัยที่ทำผลคะแนนดีเยี่ยมที่สุดจำนวน 20 คนออกมายืนเรียงแถวกระดาน โดยกติกาในการประลองนั้นก็คือ ให้เดลวาลินทำยังไงก็ได้ทำให้นักเรียนนักผจญภัยจำนวน 20 คนนี้หมดสภาพจากการต่อสู้ แต่ถ้าหากเดลวาลินหมดสภาพก่อนจะถือว่าเขาเป็นฝ่ายแพ้ทันที 

    อีลอน: ถ้าพร้อมแล้ว ก็เริ่มการประลองได้!!

    หลังจากสิ้นเสียงประกาศจากอาจารย์ใหญ่ เหล่านักเรียนนักผจญภัยจำนวน 20 คน ก็เริ่มทำการร่ายเวทย์มนต์ขึ้นมาพร้อมกันก่อนจะเล็งเป้าหมายการโจมตีไปที่เดลวาลิน 

    ตู้มมมมม!!!!!

    คลื่นพลังเวทย์ธาตุต่างๆถูกปล่อยออกไปโจมตีใส่เดลวาลินอย่างรวดเร็วและพร้อมเพรียงกัน จนเกิดแรงระเบิดขนาดย่อมๆพร้อมกับฝุนควันตลบอบอวลไปทั่วบริเวณที่เดลวาลินยืนอยู่ ลอร่าที่นั่งดูอยู่บนสเตเดี้ยมก็รู้สึกไม่ค่อยสบายใจเกรงว่าเดลวาลินจะรับมือการโจมตีจากพลังเวทย์ที่บุกเข้ามาโจมตีพร้อมกันแบบนี้ไม่ไหว แต่สเตลร่าก็บอกกับลอร่ากลับไปว่า

    สเตลร่า: ไม่ต้องห่วงไปหรอก หมอนั่นน่ะไม่เป็นอะไรง่ายๆหรอก

    ลอร่า: งั้นหรอคะ…

    ท่ามกลางฝุ่นควันจากแรงระเบิดที่ลอยคลุ้งไปทั่ว เหล่านักเรียนนักผจญภัยจำนวน 20 คนที่เป็นคู่ต่อสู้ของเดลวาลินต่างยืนมองดูสถานการณ์เพื่อดูเชิง ก่อนที่หลังจากนั้นจะเกิดคลื่นลมกรรโชกอย่างรุนแรงพัดออกมาจากจุดที่เดลวาลินยืนอยู่ ทำให้ฝุ่นควันถูกพัดพาออกไปจนเผยให้เห็นว่าเดลวาลินนั้นยังปกติดี แถมยังไร้รอยขีดข่วนหรือบาดแผลใดๆทั้งสิ้น ทำเอานักเรียนนักผจญภัยรวมถึงเหล่าคนดูหลายพันคนต่างพากันตกใจกับสิ่งที่เห็น 

    นักเรียน A: อะไรกัน ไม่เป็นอะไรเลนงั้นหรอ 0 0 ?!

    นักเรียน B: โดนเข้าไปเยอะขนาดนั้นยังไม่มีบาดแผลเลยสักนิด เจ้าหมอนั่นเป็นปีศาจรึยังไงกันนะ 0 0 ?!

    เดลวาลิน: มีแค่นี้หรอ? จัดมาให้หนักกว่านี้หน่อยสิ!

    เดลวาลินตะโกนท้าทายกลุ่มนักเรียนนักผจญภัยที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขา ก่อนที่พวกนักเรียนเหล่านั้นจะโมโหรีบเปลี่ยนกระบวนท่าไปใช้การต่อสู้ระยะประชิดแทน โดยการให้นักเรียนนักผจญภัยคลาสนักดาบ และนักสู้สิบกว่าคนวิ่งเข้าชาร์จเดลวาลิน ส่วนที่เหลือก็คอยร่ายเวทย์ประสานการโจมตีอยู่ที่แนวหลัง 

    เดลวาลิน: (วิ่งเข้ามาประชิดแบบนี้เลยงั้นหรอ ทำไงดีล่ะไอ้เราก็ไม่ได้ถนัดการต่อสู้ระยะประชิดในร่างนี้สะด้วยสิ 0 0" )

    ย๊าากกกก!!!

    เหล่านักเรียนนักผจญภัยกระโจนเข้ามาฟันดาบและอาวุธในมือใส่เดลวาลินอย่างรวดเร็ว แต่เดลวาลินก็กลิ้งถอยหลังออกไปตั้งหลักและตั้งสติหันไปหาคู่ต่อสู้ที่อยู่ใกล้ที่สุด ก่อนจะทำอาศัยจังหวะที่อีกฝ่ายพุ่งเข้ามาต่อยไปที่หน้าท้องจนทำให้นักเรียนนักผจญภัยคนหนึ่งทรุดลงไปนั่งกับพื้น เดลวาลินก็อาศัยจังหวะนี้แย่งอาวุธดาบมาก่อนจะหันไปฟันใส่อาวุธในมือของกลุ่มนักเรียนนักผจญภัยที่เหลือจนหลุดมือ 

    และด้วยแรงอันมหาศาลของมังกรแม้เขาจะอยู่ในร่างมนุษย์แต่ก็มีแรงเยอะมากจนทำให้แรงกระแทกนั้นทำให้อาวุธของทุกคนหลุดจากมือไปอย่างง่ายดาย แถมยังทำให้ตัวของนักเรียนนักผจญภัยหลายคนลอยกระเด็นไปอัดขอบสนามประลองจนหมดสภาพแต่ไม่ถึงตาย จนมาถึงคิวของนักเรียนคลาสนักสู้ที่จะเน้นการสวมอุปกรณ์จำพวกถุงมือ รองเท้า ที่ต้องอาศัยการต่อสู้แบบมือเปล่าในระยะประชิด 

    เดลวาลินทิ้งดาบไปเพราะกลัวว่าจะทำให้นักเรียนที่เหลือ 5 คนที่เป็นคลาสนักสู้ได้รับบาดเจ็บ เขาจึงหันมาต่อสู้ด้วยมือเปล่า ก่อนจะมีนักผจญภัยหญิงคนหนึ่งที่เป็นคลาสนักสู้ผมน้ำตาลชกหมัดมาที่หน้าของเขา แต่ทว่าเดลวาลินก็สามารถรับมือของเธอเอาไว้ได้จากสัมผัสมังกรที่รับรู้ภัยอันตรายรอบ 

    สาวนักเรียนคลาสนักสู้พยายามดึงหมัดของเธอออกจากมือแต่ก็พบว่าหมัดของเธอถูกเดลวาลินจับเอาไว้จนแน่น และดูเหมือนเธอจะเป็นคนออกแรงมากอยู่ฝ่ายเดียว จนสุดท้ายเดลวาลินก็ยอมปล่อยมือจนทำให้สาวนักเรียนคลาสนักสู้คนนั้นสะดุดล้มหมดสภาพไปเอง แต่ก็พลังเวทย์จำนวนหลายสิบลูกซัดเข้ามาที่ด้านด้านของเขาก่อนจะมีนักเรียนคลาสนักสู้อีก 4 คนกระโจนเข้ามาจากทางด้านหลังพร้อมกับปล่อยหมัดปล่อยเท้าใส่มาที่เชาพร้อมกัน

    ตุบ!!! ตั๊บ!!!

    เดลวาลินรีบหันไปรับการโจมตีตามสัญชาตญานป้องกันตัว เขาสามารถใช้แขนรับการโจมตีของพวกนักเรียนนักผจญภัยทั้ง 4 คนได้อย่างหวุดหวิด ก่อนจะใช้แรงมหาศาลสบัดพวกนั้นให้กระเด็นออกไป จนในที่สุดพวกนักเรียนนักผจญภัยสายต่อสู้ระยะประชิดก็ถูกจัดการลงอย่างง่ายดาย และตอนนี้ก็เหลือเพียงแค่นักเรียนนักผจญภัยสายเวทย์เท่านั้น 

    เดลวาลิน: เอาล่ะ ได้เวลาจบเกมล่ะนะ 

    กร๊อกกก!!!!

    เดลวาลินหักนิ้วมือตัวเองเพื่อวอร์มอัพครั้งสุดท้าย ก่อนจะใช้ฝ่ามือแตะลงไปพื้นดินจนเกิดเป็นวงเวทย์มังกรเพลิงสีแดงขึ้นรอบๆพื้นที่ที่มือของเดลวาลินสัมผัส ทำให้พื้นลานประลองเกิดการสั่นสะเทือนจนบังเกิดเป็นคลื่นลูกไฟขนาดเล็กๆพุ่งเข้าไปโจมตีกลุ่มนักเรียนนักผจญภัยสายเวทย์ทั้งสิบคนจนเกิดระเบิดขึ้นขนาดย่อมๆอีกครั้ง 

    ตู้มมม!!!

    หลังจากที่พวกนักเรียนนักผจญภัยทั้งสิบโดนคลื่นพลังเวทย์กระแทกของเดลวาลินเข้าไป พวกเขาก็หมดสภาพทำให้สุดท้ายชัยชนะจึงตกเป็นของเดลวาลินในที่สุด ท่ามกลางเสียงเฮของผู้เข้าชมนับพัน 

    เดลวาลินได้ผ่านการทดสอบรองด่านสุดท้ายมาได้อย่างง่ายดาย ก่อนที่อาจารย์ใหญ่จะเดินเข้ามาหาเดลวาลินเพื่อกล่าวชื่นชมในความสามารถของเขา 

    อีลอน: เธอช่างเป็นชายหนุ่มที่มีความสามารถมากมายเหลือล้นจริงๆ ฉันขอเป็นตัวแทนจากนักเรียนและอาจารย์ทุกคนในโรงเรียนกล่าวชื่นชมเธอด้วยนะ

    เดลวาลิน: นี่ก็มาถึงด่านทดสอบด่านสุดท้ายแล้ว ว่าแต่ด่านทดสอบสุดท้ายคืออะไรงั้นหรอ

    อีลอน: แหม่ ใจร้อนจริงๆเลยนะ ไม่ต้องห่วงคู่ต่อสู้ที่เธอจะได้สู้ด้วยนั้น คือคนที่ได้รับการยอมรับจากองค์ราชาและทุกคนในโรงเรียน ว่าเป็นนักผจญภัยที่แข็งแกร่งที่สุดในรุ่นนี้

    เมื่อเดลวาลินได้ยินอาจารย์ใหญ่อีลอนเกริ่นมาแบบนั้น เขาก็เริ่มรู้สึกสนใจขึ้นมาเพราะเขาคิดว่าตนนั้นจะได้สู้กับคนเก่งๆของจริงเสียที และเพื่อไม่ให้เป็นการรอช้าอาจารย์ใหญ่ก็ได้ส่งสัญญาณเบิกตัว นักเรียนนักผจญภัยที่แข็งแกร่งที่สุดออกมา โดยคนที่จะมาเป็นคู่ต่อสู้ให้กับเดลวาลินนั้นก็คือ 'เบลเซบับ'

    เบลเซบับ คือชายหนุ่มอายุ 18 ปี ผมยาวถึงกลางหลังสีบลอน แววตาสีแดงเข้ม มีรอยสักรูปปีศาจอยู่ที่แก้มซ้าย รูปร่างค่อนข้างผอม ดูทรงเหมือนชายโรคจิตหน่่อยๆ อีกทั้งเขามาพร้อมกับดาบประหลาดเล่มหนึ่งที่มีสีแดงเพลิงดูไม่เหมือนดาบธรรมดาทั่วๆไป เดลวาลินสัมผัสถึงความไม่ชอบมาพากลที่แผ่ออกมาจากตัวของเบลเซบับ รวมถึงสเตลร่าเองก็สัมผัสได้ถึงออร่าบางอย่างที่ดูชั่วร้าย แต่สิ่งที่เธอโฟกัสมากที่สุดจากตัวเบลเซบับนั่นก็คือ ดาบสีแดงเพลิงที่เหน็บอยู่ข้างเอวซึ่งดูเหมือนว่าสเตลร่าจะมีแผนอะไรมากกว่านั้น

    ลอร่า: นั่นมัน เบลเซบับนักเรียนนักผจญภัยปี 4 ที่เคยเป็นข่าวเมื่อไม่กี่เดือนก่อนนี่นา 0 0 

    สเตลร่า: ข่าวอะไรงั้นรหอ

    ลอร่า: เมื่อไม่กี่เดือนก่อน มีข่าวดังกระฉ่อนหนาหูในทั้งนอกและในของกลุ่มนักผจญภัยว่ามีนักเรียนนักผจญภัยคนหนึ่ง สามารถสังหารมังกรที่เข้ามาบุกโจมตีเมืองหลวงได้ด้วยตัวคนเดียว ทำให้นักผจญภัยคนนั้นได้รับการยกย่องจากผู้คนจำนวน อีกทั้งยังได้รับพระราชทานเป็นดาบมังกรเพลิงในตำนานจากองค์ราชาเพื่อแสดงถึงความกล้าหาญและความองอาจดุจผู้กล้ามังกรเพลิงลูซิส ซึ่งนักเรียนนักผจญภัยที่ถูกพูดถึงนั้นก็คือ เบลเซบับนี่แหละค่ะ

    สเตลร่า: อย่างนี้นี่เอง ถ้างั้นก็มาได้จังหวะพอดี :)

    สเตลร่านั่งกอดอก ไขว่ขาและยิ้มมุมปาก ทำให้ลอร่าสงสัยขึ้นมาว่าสเตลร่านั้นกำลังพูดถึงอะไร

    ลอร่า: คุณสเตลร่าพูดเรื่องอะไรอยู่หรอคะ 

    สเตลร่า: เดี๋ยวเธอก็รู้

    .

    .

    .

    .

    กริ๊งงงงง!!!!!!!!

    เสียงสัญญานเปิดฉากการต่อสู้ได้ดังขึ้นเพื่อบอกให้ทั้งสองฝ่ายลงมือได้ แต่ทว่าไม่มีใครเปิดฉากโจมตีทั้งเดลวาลินและเบลเซบับเอง ทั้งคู่ยืนจ้องมองกันเพื่อหยั่งเชิงก่อนที่เบลเซบับจะพูดขึ้นมา

    เบลเซบับ: ฮะฮ่า! นายน่ะหรอคนที่มาขอท้าประลองกับโรงเรียนแห่งนี้เพื่อแลกกับตรานักผจญภัยน่ะ ?

    เดลวาลิน: ใช่ 

    เบลเซบับ: ฮ่าๆๆ!!! อย่างงั้นเองหรอ นายนี่ช่างไม่รู้จักเจียมตัวสะจริงๆ คิดหรอว่านายจะผ่านด่านทดสอบด่านสุดท้ายจากฉันเบลเซบับผู้พิชิตมังกรผู้นี้ได้น่ะ ?? 

    เบลเซบับหัวเราะเยาะพร้อมกับพูดถากถางเดลวาลิน แต่ดูเหมือนว่าเดลวาลินจะทำทีเป็นฟังหูซ้ายทะลุหูขวา เพราะรู้อยู่แล้วว่าเบลเซบับนั้นเป็นพวกชอบโอ้อวด ถือดี เอาตนเองเป็นที่ตั้ง ก่อนที่เบลเซบับจะหัวเราะอย่างบ้าคลั่งจนม้วนตัวไปด้านหลังชนิดผิดมนุษย์ทั่วไป

    แต่ในระหว่างที่เบลเซบับกำลังหัวเราะอย่างบ้าคลั่งเหมือนคนเสียสติอยู่นั้น จู่ๆ เขาก็เด้งตัวกลับมาก่อนจะพุ่งเข้ามาใช้ดาบมังกรเพลิงฟันมาที่เดลวาลินด้วยความเร็วสูง จนเดลวาลินเกือบมองแทบไม่ทันแต่เขาก็สามารถกระโจนถอยหลังหลบออกมาได้แม้จะทุลักทุเลอยู่บ้างก็ตาม

    คมดาบของเบลเซบับเฉี่ยวผ่านปลายจมูกของเดลวาลินไปเพียงนิดเดียว ก่อนที่เดลวาลินถอยออกมาตั้งหลัก แต่เบลเซบับก็ได้พูดชมขึ้นมาว่า

    เบลเซบับ: ใช้ได้นี่ สามารถหลบดาบแรกของฉันจากการโจมตีแบบสายฟ้าแล่บมาได้ แสดงว่านายคงจะมีดีให้ฉันคู่ควรเอาจริงอยู่สินะ :) 

    เดลวาลินเริ่มรู้สึกว่าเบลเซบับเป็นคู่ต่อสู้ที่เขาประมาทไม่ได้เหมือนคนก่อนๆที่ผ่านมา ทำให้เขาต้องเริ่มเอาจริงและโฟกัสกับการต่อสู้แบบขึ้นกว่าปกติ และแล้วการต่อสู้ของทั้งสองคนก็ได้เริ่มต้นขึ้น โดยที่เบลเซบับนั้นเป็นฝ่ายบุกจู่โจมเข้ามาหาเดลวาลินชนิดสายฟ้าแล่บ ก่อนที่เดลวาลินจะร่ายเวทย์หมัดมังกรเพลิงโจมตีสวนกลับไป และไม่มีใครรู้ว่าผลการต่อสู้จะออกมาเป็นเช่นไร

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×