คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : ตอนที่ 6: ขอต้อนรับสู่เมืองหลวง เดนิส
เวลากลางดึกคืนนึง
โซเบล สเตลร่า และ ลอร่า ทั้งสามคนได้พากันมาตั้งแคมป์ไฟแห่งหนึ่งในป่าลึกที่ในตอนนี้ท้องฟ้ายามราตรีเต็มไปด้วยดวงดาวระยิบระยับ อีกทั้งยังมีแสงจันทร์สาดส่องอย่างอ่อนโยนจนทำให้ค่ำคืนนี้ดูเงียบสงบ
ลอร่า: อีกไม่ไกลพวกเราก็จะไปถึงเมืองหลวงแล้วนะคะ
ลอร่าเงยหน้านั่งมองดูดาวบนท้องฟ้าก่อนจะหันมามองโซเบลในร่างชายหนุ่มที่กำลังเติมฟืนและเขี่ยไฟ ส่วนลอร่านั้นขอแยกตัวชั่วคราวเพื่อรายงายสถานการณ์ล่าสุดต่อเทพธิดาไมอาร์ โดยไม่ให้ลอร่ารู้
ลอร่า: คุณโซเบลคะ...คือว่าฉันมีเรื่องบางอย่างอยากจะถามคุณโซเบลหน่อยจะได้มั้ยคะ?
โซเบล: อยากถามอะไรงั้นหรอ
ลอร่า: คือว่า...คุณโซเบลเป็นมังกรเพลิงในตำนานที่เคยทำลายล้างอารยธรรมเมื่อหนึ่งพันปีก่อนใช่มั้ยคะ
โซเบลหันมามองหน้าลอร่าอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะยิ้มมุมปากแล้วหันกลับไปเติมฟืนต่อ
โซเบล: ก็คงงั้นแหละ...แต่ดูเหมือนเธอจะรู้คำตอบอยู่แก่ใจอยู่แล้วไม่ใช่รึไง
ลอร่า: ค..ค่ะ...ฉันแค่ถามเพื่อความแน่ใจเท่านั้นเอง
แล้วลอร่าก็เสกหนังสือนิทานเล่มหนึ่งขึ้นมาซึ่งเนื้อหาภายในนั้นเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับอัศวินผู้กล้าหาญ กับมังกรไฟปีศาจผู้ชั่วร้าย
โซเบล: นั่นมันหนังสืออะไรงั้นหรอ
ลอร่า: มันคือหนังสือนิทานที่บอกเล่าเรื่องราวการต่อสู้ระหว่าง อัศวินผู้กล้า ที่ต้องเดินทางไปปราบมังกรเพลิงผู้ชั่วร้ายน่ะค่ะ...เป็นหนังสือนิทานที่ฉันเคยได้ยินคุณยายเล่าให้ฟังก่อนนอนบ่อยๆ
โซเบล: อย่างงั้นหรอ
ลอร่า: อีกทั้งนิทานเรื่องนี้ยังได้รับแรงบันดาลใจจากเหตุการณ์จริงในศึกการต่อสู้ระหว่าง ผู้กล้าลูซิสกับตัวคุณที่เคยเกิดขึ้นเมื่อหนึ่งพันปีก่อนด้วยนะคะ
โซเบล: ห๊ะ ?!!
โซเบลหันมามองหน้าลอร่าทันควัน ทำให้ลอร่าตกใจและคิดว่าคำพูดของตนทำให้โซเบลเกิดไม่พอใจขึ้นมา ก่อนที่โซเบลจะลุกขึ้นมาเดินตรงมาหาเธอ
ลอร่า: ค...ค...คือว่า...ฉ....ฉ....ฉันไม่ได้จะซ้ำเติม...ร...หรือต่อว่าอะไรคุณโซเบลเลยนะคะ 0 0
!!
โซเบลนั่งยองๆลงตรงหน้าลอร่าพร้อมกับทำหน้าบึ้งตึงใส่เธอ ทำเอาลอร่าถึงกับใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม
พับ...พับ...
โซเบลที่หน้าบึ้งเปลี่ยนกลายเป็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม อีกทั้งเขายังลูบหัวลอร่าทำให้บอร่างุนงงกับท่าทางของโซเบล
ลอร่า: เอ๋ 0 0 ?
โซเบล: อย่างงั้นเองหรอ มีคนเอาเรื่องของฉันไปแต่งเป็นนิทานเล่าสู่กันฟังในหมู่ผู้คนด้วยงั้นสินะ ^ ^
ลอร่า: ค...คุณโซเบล ไม่ได้โกรธหรอกหรอคะ...?
โซเบลลุกขึ้นก่อนจะพูดว่า
โซเบล: ไม่หรอก ฉันคิดว่าเรื่องแบบนี้มันเจ๋งดี และอีกอย่างฉันก็ไม่คิดไม่ฝันมาก่อนเลยว่าตัวฉันจะถูกนำเอาไปใส่เป็นตัวละครในนิทานด้วย
ลอร่าเอียงคอทำหน้าสงสัยเล็กน้อย ไม่เข้าใจความคิดของโซเบลว่าทำไมข้อมูลประวัติตามตำนานที่บอกว่าเป็นมังกรเพลิงที่โหดเหี้ยม อำมหิต ฆ่าล้างผู้คนเป็นผักปลา ในตอนนี้ถึงดูเหมือนผู้ชายบ๊องๆคนหนี่ง ที่ดูไม่มีพิษมีภัย แถมยังเห็นอกเห็นใจ และเข้าใจคนอื่นอีก
โซเบล: ฉันไม่รู้หรอกนะว่าตัวฉันในอดีตนั้นทำเรื่องเลวร้ายอะไรมาบ้าง และทำไปเพราะอะไร แต่ตอนนี้ฉันจะขอใช้ชีวิตในฐานะมนุษย์คนหนึ่งก็พอ แม้ว่าคนอื่นจะมองว่าฉันเป็นมังกรเพลิงในตำนานที่ชั่วร้ายก็ตาม
แล้วโซเบลก็ส่งยิ้มอย่างเป็นมิตรมาให้ลอร่า ทำให้ลอร่าที่ได้เห็นรอยยิ้มที่จริงใจของโซเบล มันก็ทำให้เธอเกิดความเชื่อมั่นในตัวเขาขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
หลังจากนั้นโซเบลกับลอร่าก็ได้นั่งพูดคุยเปิดใจแลกเปลี่ยนความเห็นของกันและกัน จนโซเบลได้รู้ว่า ลอร่านั้นเป็นนักผจญภัยที่ยังอยู่ในขั้นมือใหม่ อีกทั้งเธอยังหยิบเอาตราสัญลักษณ์นักผจญภัยไม้แกะสลักเคลือบผิวอย่างดีมาให้โซเบลดู
นักผจญภัยจะถูกแบ่งระดับความเก่งกาจและความสามารถออกทั้งหมด 5 ระดับด้วยกันได้แก่
ระดับไม้ (Rookie Class) - เป็นนักผจญภัยมือใหม่ที่เพิ่งจบจากโรงเรียนเตรียมนักผจญภัยอย่างเป็นทางการ ฝีมืออยู่ในระดับฝึกหัดและยังต้องเรียนรู้อะไรอีกมาก
ระดับสำริด (Bronze Class) - เป็นนักผจญภัยที่เริ่มมีฝีมือขึ้นมาบ้างในระดับหนึ่ง และเชี่ยวชาญในการเอาตัวรอดจากพวกมอนเตอระดับทั่วไปทุกชนิดในเขตของตน
ระดับเงิน (Silver Class) - เป็นนักผจญภัยที่มีฝีมือในระดับเชี่ยวชาญศาสตร์เฉพาะนั้นๆของตัวเอง มีความสามารถในการเอาตัวรอดขั้นสูง มีประสบการณ์ในการทำเควสต่างๆมากมาย รู้ข้อมูลมอสเตอร์ระดับกลางทุกตัวในเขต และระดับสูงบางตัวที่เป็นมอนเตอร์ระดับบอสเป็นอย่างดี และเป็นที่พึ่งพาของนักผจญภัยหลายๆได้ดี
ระดับทอง (Gold Class) - เป็นนักผจญภัยที่ออกท่องโลกกว้างและสะสมประสบการณ์มานานไม่ต่ำกว่า 10 ปี มีข้อมูลต่างๆมากมาย และมีฝีมือในระดับปรมจารย์ ไม่มีใครเทียบได้สามารถออกท่องโลกกว้างเพื่อโซโล่คนเดียวได้สบายๆ
ระดับตำนาน (Legends Class) - เป็นนักผจญภัยที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้พิชิตสิ่งที่ท้าทายที่สุดในโลก และมีประสบการณ์มอย่างโชกโชนเกือบตลอดชั่วชีวิตของการเป็นนักผจญภัย มีเพียงไม่กี่คนในประวัติศาสตร์ที่มาถึงระดับนี้
ลอร่า: ฉันน่ะเคยตั้งความฝันเอาไว้ว่า จะเป็นนักบุญที่ยิ่งใหญ่ที่ไต่ระดับขั้นไปจนถึงระดับตำนานให้ได้ และระหว่างนั้นฉันก็จะใช้ที่ได้รับมาจากพระแม่ไมอา์ช่วยเหลือคนที่อ่อนแอ เพื่อเดินตามรอยหลักธรรมคำสอนของพระองค์
โซเบล: งั้นหรอ...แล้ว...ถ้าเกิดคนที่เธอช่วยเป็นคนเลวล่ะ เธอจะยังช่วยคนคนนั้นอยู่รึเปล่า ?
ลอร่าเงียบไปสักพักหนึ่งเหมือนจะทบทวนคำถามกับตัวเอง
ลอร่า: พระแม่ไมอาร์เคยสอนเหล่าสาวกของพระองค์ที่เชื่อในตัวพระองค์ผ่านมังกรแห่งแสงผู้เปยวจนะของพระองค์ว่า 'พระองค์ทรงรักมนุษย์ทุกๆคน ไม่เว้นแม้แต่สรรพสิ่งต่างๆทั้งปวง ต่อให้เขาหรือเธอผู้นั้นกระทำต่อบาปกับผู้อื่นเราก็ควรให้โอากาสและช่วยเหลือพวกเขาเพื่อให้พวกเขากลับใจ และเมื่อสารภาพสำนึกผิดต่อบาป พระองค์ก็พร้อมที่จะให้อภัยเสมอ'
โซเบลที่ได้ยินแบบนั้น เขาก็พยักหน้าเบาๆแบะได้รับรู้ถึงความรักอันยิ่งใหญ่ของเทพธิดาไมอาร์ที่มีต่อสรรพสิ่งทั้งปวง
และสิ่งนี้เองก็ทำให้เขานึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเขาในตอนนี้ ว่าในอดีตเขาเป็นมังกรเพลิงในตำนานที่ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์กวาดล้างอารยธรรมจนแทบจะสิ้นชาติสิ้นแผ่นดิน
การกระทำของเขานั้นมันหนักหนาเกินกว่าจะให้อภัย แต่เทพธิดาไมอาร์ก็ยังให้โอกาสเขาไปเกิดใหม่เป็นมนุษย์หลังจากที่เขาถูกฆ่าตาย
และนี่อาจะเป็นการสั่งสอนทางอ้อมให้เขานั้นรู้จักความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น และช่วยเหลือผู้คนที่กำลังเดือดร้อนแม้จะไม่ได้อะไรตอบแทนกลับมา แต่สิ่งที่เขาได้รับมาคือ ความสุขและรอยยิ้มที่เห็นคนอื่นที่เขาช่วยเอาไว้กำลังยิ้มแย้มอย่างมีความสุข
โซเบล: ฉันเข้าใจแล้วล่ะ ความฝันของเธอสักวันจะต้องเป็นจริงแน่นอน ^ ^
ลอร่า: คุณโซเบลคิดอย่างนั้นจริงๆหรอคะ ?
โซเบลยิ้มพร้อมพยักหน้าให้กำลังใจเธอ ก่อนที่ลอร่าจะยิ้มพยักหน้าขอบคุณกลับ
หลังจากผ่านไปไม่นาน ลอร่าก็ได้กลับมาที่แคมป์อีกครั้งหลังจากที่เธอนั้นรายงานความคืบหน้าให้เทพธิดาไมอาร์ทราบแล้ว
ลอร่า: อะ! คุณลอร่ากลับมาแล้วหรอคะ
สเตลร่า: อืม มีเรื่องสำคัญที่ต้องทำนิดหน่อย แต่ตอนนี้ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงแล้วล่ะ
โซเบล: ว่าแต่ ถ้าหากเราไปส่งลอร่าถึงเมืองหลวงแล้ว เธอจะให้ฉันทำยังไงต่อไปล่ะ
สเตลร่านั่งลงเพื่อผิงไฟก่อนจะตอบโซเบลกลับไปว่า
สเตลร่า: ตอนนี้ผู้คนส่วนมากยังคิดว่านายเป็นมังกรเพลิงในตำนานที่ชั่วร้ายอยู่ ฉันคิดว่าช่องทางที่จะทำให้นายเป็นที่ยอมรับในกลุ่มคนหมู่มากนั่นก็คือ การให้นายเป็นนักผจญภัย นั่นเอง
โซเบลกับลอร่าได้ยินแผนการของสเตลร่าทั้งสองก็ตกใจเล็กน้อย โดยเฉพาะลอร่าที่ไม่คิดว่าโซเบลจะต้องมาเป็นนักผจญภัยเหมือนกับตน
ลอร่า: นี่คุณลอร่าพูดจริงหรอคะ 0 0 ?!
สเตลร่า: ใช่ ฉันจะให้โซเบลเป็นนักผจญภัยและออกทำเควสช่วยเหลือผู้คน โดยจะให้เขาใช้นามแฝงว่า 'เบลติส'
หลังจากที่โซเบลได้ยินชื่อที่เป็นนามแฝงของเขาแล้ว เขากลับรู้สึกว่าชื่อนี้มันเชยแปลกๆและดูไม่เข้ากับตัวเขาสักเท่าไหร่ เขาจึงเสนอไอเดียชื่อนามแฝงใหม่ที่น่าจะเข้าท่ากว่า
โซเบล: ฉันคิดว่ามันมีชื่ออื่นที่น่าจะดีกว่านี้นะ
สเตลร่า: แล้วนายมีชื่ออื่นที่ดีกว่านี้มั้ยล่ะ
โซเบลลุกขึ้นก่อนที่เขาจะบอกชื่อที่เขาคิดเอาไว้ในหัวว่า
โซเบล: ชื่อที่ฉันจะใช้เป็นนามแฝงนั้นก็คือ... 'เดลวาลิน'
ลอร่า: เดลวาลินหรอคะ? ฟังดูเป็นชื่อที่ดูไพเราะมากเลยค่ะ ^ ^
สเตลร่าเมื่อได้ยินชื่อที่โซเบลเสนอแนะมา เธอก็ยอมๆปล่อยผ่านไป
สเตลร่า: ก็ได้ ถ้านายจะสะดวกใช้ชื่อนั้นก็ตามสบาย แต่ต่อไปหลังจากนี้ นายจะต้องอยู่ในร่างจำแลงที่เป็นมนุษย์และห้ามเผยร่างมังกรตัวตนที่แท้จริงให้ใครรู้โดยเด็ดบาดหากไม่จำเป็นจริงๆ
โซเบล: เข้าใจล่ะ 0u<\
โซเบลพยักหน้ารับคำก่อนที่คืนนี้ทั้งสามคนจะพากันเข้านอนเพื่อพักผ่อนเอาแรงไว้ใช้เดินทางต่อไปพรุ่งนี้
.
.
.
.
ตึกกิลด์นักผจญภัย
เวลาเช้า
ตุบ!!
อลันบี: นี่ก็ผ่านมาหลายวันแล้วนะ พวกเรายังไม่ได้ข่าวคราวอะไรเกี่ยวกับลอร่าบ้างเลยหรอ ?!
เซอร์ริว: ก็จะให้ทำไงได้ล่ะ พวกเราทำได้แค่ป่าวประกาศขอความช่วยเหลือจากตี้อื่นๆที่อยู่แถวนั้นให้ช่วยตามหาลอร่าก็เท่านั้น แถมตอนนี้โมนาก็ยังมีอาการซึมแบบนั้นอีก
เซอร์ริวพูดพร้อมกับชี้นิ้วไปยังโมนาที่นั่งกอดเข่า ตัวสั่นเหมือนกลัวอะไรบางอย่างจนไม่เป็นอันทำอะไร
อลันบี: ฉันอดเป็นห่วงลอร่าไม่ได้จริงๆ ไม่รู้บอร่าจะเอาชีวิตรอดยังไงที่โลกภายนอกนั่น แถมตอนนั้นยังมีมังกรปรากฏตัวขึ้นมาพร้อมกันถึงสองตัวอีก
เซอร์ริว: ขนาดโมนาซัมมอนเนอร์ผู้เก่งกาจยังต้องหนี...พวกเราคงทำอะไรไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้วแหละ
เซอร์ริวพูดพร้อมกับความสิ้นหวัง และในขณะเดียวกัน ก็มีตี้นักผจญภัยกลุ่มหนึ่งที่มีตราประจำตัว ระดับนักผจญภัยมากประสบการณ์ เดินหิ้วปีกกันเข้ามาในกิลด์ ในสภาพที่มีบาดแผลเต็มตัวพร้อมคนเจ็บอีกจำนวนหลายสิบคนทยอยหิ้วปีกกันเดินเข้ามาในกิลด์
พนักงาน: ท...ทำไมถึงกลับมาสภาพแบบนี้กันล่ะคะ 0 0 ?
นักผจญภัย: ก็บอสมอนเตอร์บอสอีเว้นน่ะสิ ดูท่ามันแข็งแกร่งมากกว่าปกติ จนขนาดพวกเราที่เป็นระดับซิลเวอร์ คลาสยกพลไปตั้งหลายตี้ยังไม่มีใครเอาชนะมันได้เลย
จากคำบอกเล่าของหัวหน้ากิลด์คนดังกล่าว ทำเอาอลันบี กับเซอร์ริวที่ยืนฟังอยู่ด้วยถึงกับหน้าถอดสี
เซอร์ริว: เดี๋ยวก่อนนะ นี่ขนาดนักผจญภัยระดับแนวหน้ายกโขยงกันไปเยอะขนาดนั้นยังเอาบอสอีเว้นไม่ลงอีกอย่างงั้นหรอ 0 0 ?
อลันบี: เรกูลอสถึงจะเป็นบอสอีเว้นที่แข็งแกร่งก็จริง แต่ก็ไม่น่าจะปรายไม่ยากสำหรับพวกนักผจญภัยระดับ ซิลเวอร์ คลาส นี่นา
เมื่อนึกได้ดังนั้นอลันบีและเซอร์ริวจึงรีบเดินเข้าไปถามนักผจญภัยชายหนุ่มคนหนึ่งที่นั่งพักตรงเก้าอี้ ซึ่งสภาพของเขานั้นเสื้อผ้าฉีกขาด มีเลือดเปรอะตามร่างกาย ส่วนหัวได้รับบาดเจ็บ และที่สีข้างของเขามีบาดแผลขนาดใหญ่ที่มีผ้าพันแผลพันเอาไว้
เซอร์ริว: นี่พวกนายไปทำเควสโบนัสอีเว้นงั้นหรอ ?
นักผจญภัย: เออ...พวกฉันไปทำเควสโบนัสอีเว้นล่ามอนเตอร์บอสมา...
นักผจญภัยชายหนุ่มตอบกลับเซอร์ริวอย่างอารมณ์ไม่ค่อยดีจากบาดแผลที่เป็นอยู่
เซอร์ริว: แต่พวกนายเป็นถึงนักผจญภัยระดับตราเงินเลยนะ แค่เรกูลอสที่เป็นบอสอีเว้นระดับเริ่มต้น พวกนายไม่น่าจะแพ้กลับมาแบบนี้นี่ ?
นักผจญภัย: ใครจะไปรู้ล่ะ ว่าเรกูลอสมันจะแข็งแกร่งขึ้นกว่าปกติแบบเมื่อก่อน แถมมันยังมีความสามารถใหม่ๆเพิ่มขึ้นมาอีก
เซอร์ริวกับอลันบีที่ได้ยินหัวหน้ากลุ่มนักผจญภัยพูดเกริ่นๆมาแบบนี้ทั้งสองคนก็ชักอยากรู้ขึ้นมาว่าความสามารถใหม่ที่เรกูลอสเพิ่มมานั้นมันคืออะไร
อลันบี: แล้วคุณพอจะบอกพวกฉันได้มั้ยว่าเรกูลอสมันมีความสามารถอะไรเพิ่มขึ้นมา จนทำให้พวกคุณตกอยู่ในสภาพแบบนี้
หัวหน้ากลุ่มนักผจญภัยถูกถามมาแบบนี้ เขาก็หัวเราพออกมาประชดชีวิตตัวเอง ก่อนจะหันมาตอบคำถามอลันบี
นักผจญภัย: ถ้าพวกนายอยากรู้ ก็ลองไปดูด้วยตาตัวเองสิ...
แล้วหัวหน้ากลุ่มนักผจญภัยก็ทำการถอนรับเควสอีเว้นโบนัสอัตโนมัติ ก่อนจะยื่นแผ่นกระดาษเควสอีเว้นสีทองให้อลันบีรับไป
อลันบีรับใบรับเควสอีเว้นมา ทำให้ในตอนนี้สถานะเควสตกไปอยู่ที่กลุ่มของเซอร์ริวในทันที
ในขณะเดียวกันนี้เอง พนักงานเคาเตอร์และคนอื่นๆที่กำลังนำเครื่องปฐมพยาบาลเบื้องต้นมาทำการรักษาอาการบาดเจ็บ เมื่อเธอเห็นใบรับเควสอีเว้นสีทองอยู่ในมือของอลันบี เธอก็รู้ได้ในทันทีว่าตอนนี้เควสอีเว้นตกไปอยู่ในการรับผิดชอบของกลุ่มเซอร์ริวนักผจญภัยหน้าใหม่แล้ว
พนักงาน: นั่นคุณสองคนจะทำอะไรน่ะคะ 0 0 ?
พนักงานถามด้วยความตกใจ
อลันบี: ตอนนี้เควสอีเว้นอยู่ในการรับผิดชอบของพวกเราแล้วน่ะสิ
อลันบีหันไปตอบพร้อมกับชูใบรับเควสที่มีตรายืนยันการโอนจากเจ้าของเก่าเรียบร้อย
พนักงาน: แต่เควาปราบเรกูลอสมันอันตรายเกินไปสำหรับนักผจญภัยหน้าใหม่อย่างพวกคุณนะคะ พวกคุณคิดดีแล้วหรอคะ 0 0 ?
เซอร์ริว: มีโอกาสให้คว้าแล้ว จะปล่อยให้โอกาสหลุดลอยไปได้ยังไงกันล่ะ!
เซอร์ริวขอใบรับเควสมาจากมือของอลันบีก่อนจะเดินตรงเข้ามาหาพนักงานเคาเตอร์สาว
เซอร์ริว: นี่คือโอกาสที่พวกฉันจะได้แสดงฝีมือและประกาศให้ทุกคนได้รู้ว่า กลุ่มนักผจญภัยฝึกหัดอย่างพวกฉันมีดีแค่ไหน และพวกฉันนี่แหละจะปราบบอสเรกูลอสให้ดู
วันต่อมา...
หลังจากนอนพักผ่อนจนเต็มที่กลุ่มของโซเบลก็บินออกเดินทางกันต่อ จนในตอนนี้พวกเขาเริ่มมองเห็นยอดปราสาทเมืองหลวงเดนิสจากไกลๆ
ลอร่า: นั่นไงคะ! พวกเราใกล้เดินทางถึงเมืองหลวงแล้วค่ะ~!
โซเบล: นั่นน่ะหรอเมืองหลวงที่ว่า?
สเตลร่า: ดูท่าจะใช้เวลาสั้นกว่าที่คิดนะเนี่ย แต่ก่อนเข้าเมืองนายอย่าลืมลงจอดแลเวแปลงร่างเป็นมนุษย์ด้วยล่ะ
โซเบล: เข้าใจล่ะ
หลังจากนั้นโซเบลก็รีบบินลงจอดที่พื้นก่อนจะเข้าเขตน่านฟ้าของเมืองเพื่อป้องกันไม่ให้ทหารที่สังเกตุการณ์บนกำแพงสังเกตุเห็น
เโซเบลจำแลงร่างเป็นมนุษย์แล้ว ทั้งสามก็เดินเท้าเพื่อที่จะเข้าประตูเมือง ซึ่งมีทหารเฝ้ายาม มีรถเกวียนคาราวาน และมีประชาชนท้องถิ่นเดินสัญจรเข้า-ออกประตูเมืองกันอย่างคับคั่ง
เมื่อโซเบลเดินเข้ามาในเมือง เขาก็พบว่าเมืองเดนิสแห่งนี้มีขนาดพื้นที่ที่กว้างขวางมากๆ พอๆกับเมืองหลวงที่มีขนาดใหญ่อันดับต้นๆของโลกเดิมที่เขาอาศัยอยู่เลย อีกทั้งยังมีประชาชนชาวเมืองเดินขวักไขว่ไปมา ออกมาทำมาค้าขายกันอย่างคึกคัก
สเตลร่า: พวกเรามาถึงแล้วล่ะ เมืองเดนิส เมืองหลวงของอาณาจักรเซซิลล่าร์ สถานที่นี้คือสถานที่ที่นายถูกสังหารโดยผู้กล้ามังกรเพลิงลูซิส
โซเบล: ใช่...ที่นี่เองสินะ...
ความคิดเห็น