คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #36 : ตอนที่ 31: ศึกเมืองท่าเอสโตเนีย
ณ เมืองท่าการค้าเอสโตเนีย ที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของอาณาจักรเซซิลล่าร์
ณ เวลาช่วงพระอาทิตย์กำลังจะตกดิน
กองทัพปีศาจของเซาเซอร์ได้บุกโจมตีเมืองท่าการค้าสำคัญของอาณาจักรเซซิลล่าร์ เพื่อตัดระบบกำลังขนส่งทำให้การคมนาคมภายในอาณาจักรถูกตัดขาด ซึ่งนั่นจะทำให้กองทัพของอาณาจักรเซซิลล่าร์ขาดเสบียงอาหารและอาวุธในการสู้รบหากเมืองท่าแห่งนี้ถูกตีแตก และดูเหมือนกองทัพปีศาจของเซาเซอร์จะทยอยบุกกันเข้ามาเรื่อยๆจนกำแพงเมืองแทบจะทานเอาไว้ไม่ไหว
ทหารที่อยู่ประจำการที่เมืองแห่งนี้หลายหมื่นชีวิตต่างระดมกำลังช่วยกันป้องกันกำแพงเมืองไม่ให้กองทัพปีศาจของจักรพรรดิ์ปีศาจเซาเซอร์บุกเข้ามาภายในกำแพงได้อย่างสุดความสามารถ และพยายามไม่ให้พวกมันบุกขึ้นมาบนกำแพงให้ได้ เพราะพวกเขามีชีวิตของชาวเมืองและความอยู่รอดของอาณาจักรเป็นเดิมพัน
แต่ถึงอย่างนั้นกองทัพปีศาจของเซาเซอร์ก็พยายามทำทุกวิถีทางที่จะทลายกำแพงและประตูเมืองเข้ามาอย่างไม่หยุดหย่อน ไม่ว่าจะเป็นการยิงพลังเวทย์ใส่ทหารบนกำแพง การใช้เครื่องยิงคาตาพัตถ์ทำลายกำแพงเมือง หรือใช้มังกรพ่นไฟเผาทหารบนกำแพงบางส่วนจนทหารที่โชคร้ายถูกเผาทั้งเป็นเพื่อเปิดทางให้ทหารปีศาจเดนตายบุกปีนบันไดขึ้นไปบนกำแพงได้สะดวก
นักเวทย์หลายพันชีวิตที่รวมพลังกันร่ายเวทย์บาเรียป้องกันประตูเมืองก็เริ่มจะต้านทานไม่ไหว เนื่องจากกองทัพปีศาจได้ใช้ยักษ์ไฟสงครามพยายามใช้ท่อนซุงขนาดยักษ์กระทุ้งประตูเมืองเพื่อเปิดทางอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีนักเวทย์บางคนล้มฟุบไปทีละคนเนื่องจากร่างกายแบกรับการไหลเวียนพลังเวทย์กลางมากจนเกินไป นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เวทย์บาเรียอ่อนกำลังป้องกันลง
“พยายามยื้อเวลาให้นานที่สุดเข้าไว้!! จนกว่าทัพสนับสนุนจากเมืองหลวงจะเดินทางมาถึง!!!” นายทหารแนวหน้าแต่ละคนที่ประจำอยู่บนกำแพงตามจุดต่างๆ พยายามตะโกนบอกให้ทหารทุกนายที่ต่อสู้อยู่บนกำแพงพยายามต่อสู้ต่อไปเรื่อยๆเป็นระยะ ทำให้ทหารทุกนายมีกำลังใจเพิ่มมากขึ้นและพวกเขาก็ต่อสู้กันอย่างเต็มที่
ซึ่งในขณะที่กองทัพฝ่ายมนุษย์ที่ทำหน้าที่ป้องกันเมืองท่าเอสโตเนียกำลังต่อสู้กับการบุกโจมตีแบบถาโถมของกองทัพเซาเซอร์อยู่นั้นเอง กองทัพฝ่ายปีศาจก็ได้ตัดสินใจที่จะใช้อาวุธลับที่สามารถพิชิตเมืองได้ซึ่งมันก็คือ ‘ปืนใหญ่จักรพรรดิ์’ ที่มีขนาดลำกล้องกว้างถึง 250 มิลิเมตร ถูกสร้างขึ้นจากเตาหลอมของนรกทำให้สีของปืนใหญ่มีลักษณะเป็นสีน้ำตาลเข้ม มาพร้อมกับลักษณะคล้ายกับหัวสิงโตปีศาจที่กำลังอ้าปาก ดวงตามีเปลวเพลิงลุกไหม้ดูน่าเกรงขาม
ซึ่งอาวุธชิ้นนี้เป็นอาวุธที่จักรพรรดิ์ปีศาจเซาเซอร์ภาคภูมิใจว่ามันนั้นจะสามารถพิชิตกำแพงเมืองใดก็ได้ และไม่มีสิ่งกีดขวางใดสามารถต้านทานพลังโจมตีอันมหาศาลของปืนใหญ่นี้ได้ โดยพวกปีศาจก็ได้นำปืนใหญ่จักรพรรดิ์นี้มาด้วยกันหลายสิบกระบอกเพื่อมาถล่มเมืองท่านี้ให้ราบตามคำสั่งของจักรพรรดิ์เซาเซอร์
พวกปีศาจไม่รอช้ารีบสั่งพลบรรจุหินเหล็กไฟที่มีน้ำหนักหลายสิบตันใส่ปืนใหญ่ โดยใช้ปีศาจขนาดใหญ่เป็นคนแบกกระสุนมาบรรจุ จนเมื่อปืนใหญ่หลายสิบกระบอกบรรจุกระสุนพร้อมกัน พวกมันก็ไม่รอช้าสั่งระดมยิงปืนใหญ่อัดใส่กำแพงเมืองไปยังจุดเดียวกันเพื่อทำให้กำแพงเมืองสูงหลายสิบเมตรถล่มลงมา เป็นการเปิดทางให้กองทัพปีศาจที่เป็นทหารราบสามารถบุกเข้าเมืองท่าได้ง่าย
ตู้มมม!!! ตู้มมมม!!!!
จากการระดมยิงปืนใหญ่จักรพรรดิ์นั้นเอง กระสุนปืนใหญ่ที่มีขนาดใหญ่ก็ถูกยิงอัดใส่กำแพงเมืองจนกำแพงเกิดรอยแตกร้าวอย่างรุนแรง บางลูกก็ลอยข้ามเหนือกำแพงไปโดนอาคารบ้านเรือนภายในทำให้เกิดความเสียหายเป็นวงกว้าง พร้อมกับประชาชนที่โดนลูกหลงไปเป็นจำนวนมาก จนกระทั่งกำแพงเมืองไม่อาจจะทนรับการโจมตีจากกระสุนปืนใหญ่ มันก็ได้พังทลายลงมาอย่างรวดเร็ว เปิดช่องทางให้กองทัพปีศาจของเซาเซอร์บุกเข้ามาไล่สังหารประชาชนและเผาทำลายอาคารบ้านเรือนอย่างบ้าคลั่ง
อ๊าาากกกก!!! กรี๊ดดดดด!!!!
ประชาชนทั้งชายและหญิงของเมืองเอสโตเนีย ถูกสังหารหมู่อย่างโหดเหี้ยม ภายในเมืองเต็มไปด้วยเลือด เสียงกรีดร้อง เศษซากความพินาศ และความวุ่นวาย ทั่วถนนทุกแห่งเต็มไปด้วยซากศพและการต่อสู้ระหว่างทหารฝ่ายมนุษย์กับปีศาจ โดยจุดหมายของพวกปีศาจนั่นก็คือปราสาทของลอร์ดจ้าวผู้ปกครองเมืองเอสโตเนียแห่งนี้ เพื่อที่พวกมันจะได้สังหารลอร์ดของเมืองและทำลายคลังเก็บของสำคัญของเมืองท่าแห่งนี้ซึ่งเต็มไปด้วยอาหารและอาวุธที่จำเป็นของกองทัพอาณาจักรเซซิลล่าร์
ในระหว่างที่ทหารปีศาจกำลังบุกฝ่าทะลวงแนวป้องกันเข้าใกล้ปราสาทมากขึ้นเรื่อยๆ จนเกือบจะบุกเข้าถึงเขตกำแพงชั้นในอันเป็นปราการด่านสุดท้ายอันเป็นจุดที่มีทหารมีการวางกำลังป้องกันแน่นหนามากที่สุด มีทั้งพลธนู หน้าไม้ โล่ พลหอก และด่านปืนพ่นไฟ โดยพวกทหารก็เตรียมพร้อมที่จะเข้าปะทะกับกองทัพปีศาจที่บุกฝ่าเข้ามาแล้ว
“พลธนูพร้อม!!!! พลปืนไฟพร้อม!!!! ทหารโล่พร้อม!!!!”
นายทหารเริ่มออกคำสั่งให้ทหารทุกนายเตรียมพร้อมก่อนที่พลธนูนับร้อยจะง้างธนูพร้อมยิงเมื่อกองทัพปีศาจเข้ามาในระยะ และสั่งให้ทหารโล่ด่านแนวหน้าตั้งแถวปิดปากทางเข้าออกกำแพงชั้นในเพื่อเตรียมรับแรงปะทะ ซึ่งทหารทุกนายก็พร้อมที่จะสู้ตายเต็มที่เพื่อปกป้องลอร์ดของพวกเขา
ครืนนน!!!
เสียงฝีเท้าและคลื่นกองทัพทหารปีศาจบุกตะลุยเข้ามาใกล้ด่านแนวหน้ากำแพงชั้นในมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ในขณะที่กองทัพทหารปีศาจเซาเซอร์กำลังจะบุกเข้ามาถึงแนวป้องกันด่านหน้าและทั้งสองฝ่ายกำลังจะเข้าปะทะกันอยู่นั้นเอง จู่ๆ ก็มีอัศวินเกราะสีเงินคนหนึ่งกระโดดลงมาดักหน้ากองทัพทหารปีศาจเซาเซอร์เอาไว้ ทุกคนต่างตะลึงงึงงันเมื่อได้เห็นชุดเกราะสีเงินวาววับของอัศวินคนนั้น ดาบและโล่ที่เขาถือนั้นแฝงไปด้วยพลังเวทย์ออร่าอันแข็งแกร่งคอยเคลือบดาบกับโล่ที่อัศวินมังกรเงินสองคนนั้นถือในมือ
อัศวินมังกรเงินสองคนนี้ได้รับมอบหมายหน้าที่ให้ดูแลลอร์ดผู้ปกครองเมืองเอสโตเนีย โดยอัศวินมังกรเงินสองคนนี้ได้รับคำสั่งจากราชาเอ็กซ์โซสโดยตรงและเขาก็ไม่รอช้ารีบยกโล่ขึ้นมาตั้งท่าเตรียมพร้อมต่อสู้อย่างกล้าหาญพร้อมกับกวัดแกว่งดาบยาวมังกรเงินอย่างดุดัน โดยไม่เกรงกลัวว่าศัตรูที่อยู่เบื้องหน้าจะมีจำนวนมากกว่าแต่อย่างใด ทหารปีศาจของเซาเซอร์ที่เห็นดังนั้นพวกมันจึงบุกตะลุยเข้าใส่อัศวินมังกรเงินคนนั้นหวังจะใช้จำนวนโถมกระหน่ำจัดการอีกฝ่ายให้สิ้นซาก
ทหารทุกนายที่อยู่ด่านหน้าเห็นสภาพเช่นนั้น พวกเขาต่างก็อดสงสัยไม่ได้ว่าอัศวินมังกรเงินเพียงคนเดียวจะสามารถรับมือกับกองทัพปีศาจของเซาเซอร์ที่มีนับพันได้ยังไง แม้ว่าอัศวินมังกรเงินจะขึ้นชื่อเรื่องความเก่งกาจในการล้มมังกรระดับต่ำหลายสิบตัวได้ด้วยตัวคนเดียว แต่ศัตรูที่มีมากมายขนาดนั้นต่อให้เป็นอัศวินมังกรเงินก็คงรับมือสองคนไม่ไหว
แต่แล้วอัศวินมังกรเงินก็ทำในสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน เมื่ออัศวินมังกรเงินได้ร่ายเสริมพลังเวทย์ ‘เปลวเพลิงสังหารมังกร’ ลงบนดาบ จนเกิดเป็นเปลวเพลิงสีแดงฉานมอดไหม้ขึ้นที่ดาบของเขาอย่างรุนแรง พร้อมกับแววตาที่เปล่งประกายภายใต้หมวกเหล็กรูปทรงมังกรอย่างน่าเกรงขามของทั้งคู่ ก่อนที่อัศวินมังกรเงินทั้งสองจะพุ่งชาร์จเข้าใส่กองทัพทหารปีศาจของเซาเซอร์ด้วยความเร็วสูงจนพื้นดินบริเวณนั้นสะเทือนเลือนลั่น
โคร้มมมม!!!!!
กองทัพทหารปีศาจของเซาเซอร์ถูกคมดาบสีเงินวาววับขนาดใหญ่ของอัศวินมังกรเงินทั้งสองเข้ากระหน่ำฟาดฟันจนร่างกายขาดเป็นสองท่อนอย่างง่ายดาย ภายในระยะเวลาอันสั้นอัศวินมังกรเงินสามารถใช้คลื่นโล่มังกรเงินอัดกระแทกคลื่นอากาศใส่กองทัพปีศาจที่อยู่เบื้องหน้าจนพวกมันกระเด็นไปคนละทิศละทางไม่เป็นทิศทางราวกับใบไม้ ก่อนจะตามไปกระโดดฟาดฟันร่างของพวกทหารปีศาจด้วยความเร็วสูง
ทหารปีศาจพยายามที่จะบุกเข้ามาจัดการอัศวินมังกรเงินที่มีอยู่แค่สองคน แต่พวกมันก็ไม่สามารถเอาชนะอัศวินมังกรเงินคนนี้ได้ เพราะความเก่งกาจและรูปแบบการต่อสู้ที่หนักแน่น พริ้วไหว และทรงพลังทุกท่วงท่าการโจมตีทำให้ทหารปีศาจที่เป็นทหารเดนตายไม่สามารถโจมตีอัศวินมังกรเงินได้แม้แต่แผลเดียว แม้แต่จะทำให้เกิดรอยขีดข่วนก็ยังไม่สามารถทำได้
อัศวินมังกรเงินใช้ดาบฟาดฟัน พุ่งทะยานฝ่าคลื่นและใช้โล่กระแทกอย่างรุนแรง ทำให้จำนวนทหารปีศาจลดลงอย่างรวดเร็วจนแทบไม่มีทหารปีศาจตัวไหนกล้าจะเข้ามาเผชิญหน้ากับอัศวินมังกรเงินเพราะกลัวตาย แต่อัศวินมังกรเงินทั้งสองแม้จะกำจัดศัตรูไปมากมายแต่พวกเขาก็กลับไม่มีท่าทีว่าจะอ่อนแรงหรือแสดงความเหน็ดเหนื่อยจากการต่อสู้แม้แต่น้อย อีกทั้งวาวตาของทั้งคู่ยังคงเปล่งประกายแสงสีฟ้าปลดปล่อยออร่าความน่าเกรงขามออกมา เป็นสุดยอดทหารที่ถูกฝึกมาเพื่อสังหารมังกรมาอย่างแท้จริง
อัศวินมังกรเงินทั้งสองยังคงเดินหน้าจัดการพวกทหารปีศาจเดนตายอย่างต่อเนื่องจนเลือดสีแดงฉานของพวกปีศาจสาดกระเซ็นอาบไปทั่วเกราะสีเงินที่เขาสวมอยู่ ไม่เว้นแม้แต่ดาบกับโล่ของทั้งคู่ จนกระทั่งมีโอเกอร์กับโทรลล์กลุ่มหนึ่งบุกเข้ามาจะใช้ตะบองกับค้อนหวดอัศวินมังกรเงินทั้งสองจากทางด้านหลังอย่างพร้อมเพียงกัน
แต่ทว่าอัศวินมังกรเงินทั้งสองก็อาศัยประสบการณ์ไหวพริบหลบการโจมตีของพวกมันได้อย่างสมบูรณ์แบบ ก่อนที่จะมีอัศวินมังกรเงินคนหนึ่งพุ่งเข้าไปใช้โล่กระแทกใส่ที่หน้าท้องของโอเกอร์ตัวหนึ่งเพื่อเปิดทางให้อัศวินมังกรเงินอีกคนกระโดดพุ่งเข้าใส่โทรลล์ที่ยืนอยู่ด้านหลัง จากนั้นเขาก็ใช้ดาบยาวมังกรเงินแทงแสกหน้าโทรลล์จนเลือดสีแดงเข้มพุ่งเป็นสายน้ำ แล้วกระโดดถอยออกมาตั้งหลักส่วนอัศวินมังกรเงินอีกคนก็ใช้ดาบยาวมังกรเงินเคลือบพลังเวทย์น้ำแข็งก่อนจะแทงหน้าท้องของโอเกอร์จนร่างกายของมันถูกเยือกแข็งก่อนจะระเบิดเป็นเศษชิ้นเล็กชิ้นน้อยอย่างละเอียด
แต่แล้วเหล่าโอเกอร์และโทรลล์จำนวนหลายสิบตัววิ่งกรูเข้ามาสมทบอีกระลอกเพื่อล้างแค้นให้กับพวกพ้องที่ตายไป แต่ทว่าอัศวินมังกรเงินทั้งสองก็ร่ายเวทย์รวมพลังเวทย์ธาตุน้ำกับสายฟ้าเคลือบที่ดาบของแต่ละคน ก่อนที่ทั้งสองจะฟันดาบออกไปปลดปล่อยคลื่นน้ำกวาดฝูงโอเกอร์และโทรลล์ให้พัดไปตามกระแสน้ำที่เชี่ยวกรากพร้อมกับโดนกระแสไฟฟ้าที่สามารถช็อตมังกรระดับต่ำให้ตายได้ภายในไม่กี่วินาที จนในที่สุดอัศวินมังกรเงินทั้งสองก็สามารถจัดการกองทัพปีศาจแนวหน้าที่จะบุกเข้าปราสาทได้สำเร็จ และช่วยชีวิตทหารไปได้อีกหลายร้อยหลายพันชีวิตที่อยู่ด้านใน
เหล่าทหารหลายพันชีวิตเห็นว่าอัศวินมังกรเงินสองคนนั้นสามารถจัดการกองทัพปีศาจเหล่านั้นได้ พวกเขาถึงกับโฮ่ร้องด้วยความดีใจที่ได้อัศวินมังกรเงินเข้ามาช่วยชีวิตพวกเขาเอาไว้ ซึ่งในขณะเดียวกันนี้เองสถานการณ์ทางฝั่งนอกเขตกำแพงเมืองชั้นนอกเองนั้นก็เหมือนจะมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้น
ตู้มมมม ตู้มมม ตู้มมม!!!!
จู่ๆ ห่าลูกศรเวทย์สีฟ้าจำนวนมากก็ถูกยิงถล่มลงมาจากท้องฟ้าใส่กองทัพปีศาจของเซาเซอร์จนพินาศย่อยยับภายในพริบตา และเมื่อพวกปีศาจหันไปยังที่มาของลูกศรเวทย์ที่ถูกยิงมา พวกมันก็พบเข้ากับแสงออร่าเรืองรองสีขาวนวลส่องออกมาจากสุดขอบสายตาบนเนินทุ่งหญ้าที่อยู่ไม่ไกลออกไปจากเมืองเอสโตเนีย ซึ่งคนที่ยิงลูกศรเวทย์ถล่มใส่กองทัพปีศาจนั้นคือกองทัพทหารม้าอัศวินมังกรเงินที่นำโดยแม่ทัพ 'ราอูล เอนฟิลด์ ดราก้อน ไนท์' หนึ่งในแม่ทัพของกองอัศวินมังกรเงินที่มีความเชี่ยวชาญในการใช้ธนูเป็นเลิศที่สุดในยุคนี้ โดยเขาเป็นชายร่างใหญ่ สวมเกราะมังกรเงินเต็มยศ มีขนนกสีฟ้า 7 เส้นขนาดใหญ่ติดประดับอยู่บนหมวกมังกรของเขา มีผ้าคลุมสีฟ้าปลิวสบัดที่ด้านหลังเผยให้เห็นตราสัญลักษณ์มังกรเงินคาบลูกศรเวทย์
และเขามาพร้อมกับ ‘ธนูปีกมังกรเงินศักดิ์สิทธิ์’ คันธนูขนาดใหญ่ที่มีน้ำหนักมาก และต้องใช้พละกำลังกับความเชี่ยวชาญในการใช้งานสูง ซึ่งคนธรรมดาไม่สามารถใช้งานธนูอันนี้ได้ ส่วนแสงออร่าสีขาวนวลนั้นเกิดจากชุดเกราะของพวกเขาที่ส่องกระทบกับแสงอาทิตย์ทำให้เกิดเสียงเรืองรองขึ้นบางๆที่สุดขอบสายตา
โดยธนูปีกมังกรเงินนั้นสามารถยิงลูกศรเวทย์พลังทำลายล้างสูง และลือกันว่าธนูนี้สามารถยิงเจาะเกล็ดของมังกรโบราณได้ซึ่งเป็นมังกรที่มีระดับสูงกว่ามังกรชั้นสูงขึ้นไปอีก และในตอนนี้ราอูลก็กำลังควบม้าพร้อมกับชูดาบออกคำสั่งให้ทหารม้าอัศวินมังกรเงินหลายหมื่นนายเตรียมยิงลูกศรเวทย์ใส่อีกระลอกเพื่อกำจัดกองทัพปีศาจที่อยู่บริเวณใกล้เคียงให้สิ้นซาก เพื่อที่เขาจะได้เปิดทางให้กองทัพหลักจากเมืองหลวงที่กำลังตามมาสมทบ สามารถบุกเข้าไปช่วยเมืองเอสโตเนียจากการบุกโจมตีของกองทัพปีศาจเซาเซอร์ได้
ฟริ้วววว
ตู้มมม!!! ตู้มม!!!!!
กองอัศวินมังกรเงินยิงห่าฝนลูกศรเวทย์ขนาดใหญ่ถล่มใส่กองทัพปีศาจพร้อมกับทำลายปืนใหญ่จักรพรรดิ์ของพวกปีศาจจนราบคาบ แรงระเบิดจากลูกศรเวทย์พิฆาตมังกรระเบิดสนั่นไปทั่วสนามรบจนขบวนทัพของพวกปีศาจเริ่มแตกพ่ายไปคนละทิศละทาง
ราอูลที่เห็นโอกาสเหมาะเขาจึงควบม้านำกองทัพทหารม้าอัศวินมังกรเงินนับหมื่น บุกชาร์จเข้าใส่กองทัพปีศาจอย่างกล้าหาญ ทำให้เกิดเป็นภาพทหารม้าชุดเกราะสีเงินนับหมื่นบุกทะลวงกองทัพปีศาจของเซาเซอร์อย่างไร้ความปราณี จนพวกทหารปีศาจล้มกระเด็นไปคนละทิศละทางไม่เป็นท่า ไม่ว่าจะเป็นศัตรูหน้าไหน ปีศาจ อมนุษย์ ยักษ์ หรือแม้แต่มังกร ก็ไม่สามารถต้านทานอำนาจลูกศรเวทย์อัศวินมังกรเงินได้ก่อนจะตามมาด้วยกองทัพหลวงที่มีทหารอีกนับแสนที่เปิดฉากนำโดยกองทัพทหารม้าเมืองหลวงเดนิสแต่งองค์ทรงเครื่องพร้อมทำสงคราม วิ่งตามกองทัพทหารม้าอัศวินมังกรเงินมาเพื่อช่วยจัดการพวกทหารปีศาจที่เหลือรอดอีกที
และกองทัพหลวงก็ยังมาพร้อมกับฝูงเรือเหาะเร็วคอยบินเหนือน่านฟ้าเพื่อจัดการพวกปีศาจที่บินว่อนอยู่บนท้องฟ้า และคอยหย่อนระเบิดเพลิงใส่กองทัพทหารปีศาจที่อยู่เบื้องล่ากับรถศึกปืนใหญ่คอยยิงกระสุนระเบิดใส่แนวหลังกองทัพปีศาจเพื่อสร้างความปั่นป่วนอีกแรง ทำให้ในตอนนี้สถานการณ์เริ่มผลิกผัน
สนามรบแห่งนี้เริ่มเต็มไปด้วยความดุเดือดและการนองเลือดของพวกปีศาจ กองทัพปีศาจของเซาเซอร์เริ่มเสียขวัญและมีท่าทีที่จะล่าถอยกลับไปเพราะเจอกับการบุกทะลวงของสุดยอดกองอัศวินที่แข็งแกร่งที่สุดของอาณาจักรเซซิลล่าร์เข้า
ราอูลและทหารม้าอัศวินมังกรเงินง้างยิงลูกศรเวทย์ถล่มใส่กองทัพปีศาจที่กำลังวิ่งหนีพวกเขา จนพวกทหารปีศาจล้มตายเป็นจำนวนมหาศาล แม้แต่ปีศาจขนาดใหญ่อย่างโทรลล์ โอเกอร์ และสัตว์อสูรปีศาจก็ยังไม่อาจจะต้านทานการระดมยิงจากศรเวทย์พิฆาตมังกรของทหารม้าอัศวินมังกรเงินของราอูลได้ จนสุดท้ายกองทัพปีศาจของเซาเซอร์ก็ต้องยอมแพ้และล่าถอยกลับเข้าประตูวาร์ปของพวกมันไป ทำให้ชัยชนะในศึกนี้ตกเป็นฝ่ายของเมืองเอสโตเนียในที่สุด
.
.
.
.
หลังจากศึกเมืองยามเย็นสิ้นสุดลง เหล่าทหารต่างก็ช่วยกันเก็บกู้ซากศพ ค้นหาพลเมืองผู้รอดชีวิต และช่วยกันเคลียร์พื้นที่ตามปกติ ส่วนแม่ทัพราอูลก็ได้มีโอกาสมาเข้าพบกับ 'ลอร์ด กิลเดี่ยน ลูเซียอาส' ชายแก่ มีเครา ผมหงอก ใจดี ผู้ปกครองเมืองเอสโตเนียเป็นการส่วนตัว หลังจากที่เขานั้นเพิ่งช่วยกอบกู้เมืองท่าสำคัญแห่งนี้เอาไว้ได้ ณ ห้องรับแขกภายในปราสาทเอสโตเนีย โดยมีอัศวินมังกรเงินองค์รักษ์ส่วนตัวสองคนคอยยืนเฝ้าข้างกายทั้งซ้ายและขวาลอร์ดกิลเลี่ยนตลอดเวลา
“ทางเราต้องขอบพระคุณท่านแม่ทัพราอูลจริงๆ ที่มาช่วยพวกเราเอาไว้ได้ทันเวลาพอดี ไม่อย่างนั้นเมืองท่าสำคัญแห่งนี้คงโดนทำลายและกลายเป็นทะเลเพลิงไปแล้ว”
ลอร์ดกิลเลี่ยนกล่าวชื่นชมแม่ทัพราอูลในขณะเดียวกัน คนรับใช้สาววัยกลางคนทั้งสองก็คอยรินน้ำชาและเสริฟ์อาหารว่างเป็นระยะก่อนจะเดินออกจากห้องรับแขกไป โดยแม่ทัพราอูลนั้นไม่ได้ถอดหมวกในขณะนั่งพูดคุยกับลอร์ดกิลเดี่ยน เนื่องจากมันเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของกองอัศวินมังกรเงิน ซึ่งพวกเขาจะถอดหมวกก็ต่อเมื่ออยู่ต่อหน้าราชาเท่านั้น
“มันเป็นหน้าที่ที่ฉันได้รับมอบหมายมาจากองค์ราชาให้มาช่วยคุ้มกันเมืองแห่งนี้ ท่านไม่จำเป็นต้องขอบคุณอะไรหรอก”
“นั่นสินะ เมืองท่าแห่งนี้มีความสำคัญต่ออาณาจักรเซซิลล่าร์อย่างมาก ไม่แปลกที่ฝ่าบาทจะมอบหมายหน้าที่คุ้มกันให้กับกองอัศวินมังกรเงินอย่างท่านนะ ท่านราอูล ^ ^ ”
“มันเป็นหน้าที่ของฉันอยู่แล้ว ท่านกิลเดี่ยนไม่ต้องชมอะไรมากมายขนาดนั้นหรอก”
“ท่านราอูลก็ถ่อมตัวเกินไป ท่านทำความดีความชอบอย่างใหญ่หลวงแบบนี้จะไม่ให้กิลเดี่ยนผู้นี้ชื่นชมท่านและจัดอาหารมื้อพิเศษต้อนรับท่านได้ยังไงกัน”
พูดจบ จู่ๆ สาวรับใช้ทั้งสองก็เดินเข้ามาพร้อมกับถือถาดอาหารสุดหรูหราและถาดใส่แก้วขวดไวน์อย่างดีมาเสิร์ฟที่โต๊ะรับแขก ก่อนจะทำการรินไวน์ตามระเบียบให้กับทั้งสอง
“เชิญนายท่านทั้งสองรับประทานอาหารได้เจ้าค่ะ”
เมื่อสาวรับใช้พูดจบ ลอร์ดกิลเดี่ยนก็โบกมือส่งสัญญานบอกให้ทั้งสองออกไปรอด้านนอก ก่อนที่สาวรับใช้ทั้งสองจะคำนับรับทราบแล้วเดินออกไปอย่างเงียบๆ
“ท่านราอูล เชิญรับประทานอาหารก่อนเถอะ ส่วนเรื่องต่อจากนี้เอาไว้คุยกันต่อหลังจากทานอาหารมื้อค่ำเสร็จแล้ว”
ลอร์ดกิลเลี่ยนเชื้อเชิญให้ราอูลพักรับประทานอาหารที่เขาจัดเตรียมเอาไว้ให้ ซึ่งแม่ทัพราอูลก็ไม่ได้ปฏิเสธพร้อมกับรับประทานอาหารที่ลอร์ดกิลเดี่ยนจัดเตรียมไว้ให้เพื่อรักษาน้ำใจและให้เกียรติ
หลังจากที่ทั้งสองรับประทานอาหารมื้อค่ำเสร็จ ลอร์ดกิลเดี่ยนก็อาสาพาแม่ทัพราอูลออกมาเดินเล่นอยู่ที่กำแพงชั้นในของปราสาท เพื่อให้แม่ทัพราอูลได้เห็นสภาพโดยรวมของเมืองเอสโตเนียที่เพิ่งถูกถล่มไปไม่กี่ชั่วโมงนี้
“จักรพรรดิ์เซาเซอร์คงไม่ยอมลามือง่ายๆแน่ และฉันเกรงว่าเซาเซอร์จะส่งกองทัพปีศาจกลับมาโจมตีเมืองนี้อีกในอนาคตอันใกล้”
“ถ้าท่านคิดแบบนั้นก็ต้องวางกำลังป้องกันให้แน่นหนามากกว่าเดิม รวมถึงการซ่อมแซมกำแพงให้มีความแข็งแกร่งมากขึ้น เผื่อกองทัพของเซาเซอร์มันกลับมาอีกครั้ง”
“ที่ท่านพูดมาก็ถูก แต่ว่า…เมืองท่าแห่งนี้จะต้านทานการถูกโจมตีไปได้อีกนานแค่ไหนกันเชียว หากปราศจากการช่วยเหลือจากสิ่งที่มาจากเบื้องบน” แล้วลอร์ดกิลเดี่ยนก็แหงนหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้าในยามค่ำคืนด้วยความรู้สึกบางอย่าง ก่อนจะพูดต่อว่า…
“ถ้าหากว่า…มีใครสักคนคอยยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือพวกเราต่อสู้กับอาณาจักรแอสคาริน่าของเซาเซอร์ได้ล่ะก็….คนที่มีพลังที่สามารถจัดการกองทัพปีศาจอมตะของเซาเซอร์ได้อย่างราบคาบ…คงจะเป็นผลดีกับอาณาจักรของพวกเราไม่น้อย ท่านคิดว่างั้นมั้ย”
“ท่านคิดว่า จะขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ดลบันดาลให้พวกเราอยู่รอดปลอดภัยอย่างงั้นหรอ ? ”
“ถึงมันจะฟังดูเพ้อเจ้อ แต่ถ้าแค่ให้ชายแก่อย่างฉันรู้สึกสบายใจที่ได้เชื่อมั่นในคำภาวนานั้น มันก็ไม่ใช่เรื่องที่เสียหายอะไรนี่นะ”
แม่ทัพราอูลไม่ได้ตอบอะไร เอาแต่เหลือบสายตามองชายแก่ที่ยืนยิ้มแหงนหน้ามองท้องฟ้าทั้งอย่างนั้นคนเดียว
และในระหว่างที่ลอร์ดกิลเดี่ยนกับแม่ทัพราอูลกำลังยืนคุยกันอยู่บนกำแพง ใกล้ๆนั้นเองก็มีใครบางคนกำลังแอบเฝ้ามองดูลอร์ดกิลเดี่ยนอยู่ห่างๆอย่างห่วงๆ ซึ่งคนที่กำลังแอบเฝ้ามองกิลเดี่ยนอยู่ในขณะนี้นั้นก็คือ ‘คุณหนู เชอร์ริล ลูเซียอาส’ ลูกสาวเพียงคนเดียวของลอร์ดกิลเดี่ยน ที่ในตอนนี้เธอเป็นหญิงสาววัยรุ่นหน้าตาดี โดยมีพ่อบ้านที่มีชื่อว่า 'รอยด์ เลอร์บรองค์' ชายหนุ่มวัยใกล้ไล่เลี่ยกันคอยทำหน้าที่ดูแลคุณหนูอย่างใกล้ชิด
“คุณหนูเชอร์ริลออกมาในเวลาดึกๆดื่นๆแบบนี้เดี๋ยวจะไม่สบายเอานะขอรับ” พ่อบ้านหนุ่มกล่าวตักเตือนคุณหนูด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนและสุภาพ
“ก็ฉันเป็นห่วงท่านพ่อนี่นา เมื่อไม่นามานี้พวกทหารปีศาจเกือบจะบุกเข้าถึงปราสาทเพื่อมาสังหารท่านพ่อเชียวนะ จะให้ฉันอยู่เฉยได้ยังไงกัน”
“แต่ท่านกิลเดี่ยน ท่านพ่อของคุณหนูก็อยู่รอดปลอดภัยดีนี่ขอรับ เพราะเมื่อตอนหัวค่ำก็ได้อัศวินมังกรเงินคอยสกัดพวกทหารปีศาจไม่ให้บุกเข้ามาภายในเขตกำแพงชั้นในเอาไว้ได้นี่ขอรับ เพราะงั้นตราบใดที่ท่านกิลเดี่ยนยังมีอัศวินมังกรเงินทั้งสองคอยทำหน้าที่อารักขาอยู่ คุณหนูก็ไม่เห็นจะต้องเป็นห่วงอะไรเลยนี่ขอรับ”
เชอร์ริลที่ได้ยินแบบนั้นเธอจึงหันมาหาพ่อบ้านรอยด์ด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยสมบอารมณ์ก่อนจะพูดขึ้นมาว่า
“แล้วนายจะให้ลูกสาวอย่างฉันทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ว่าคุณพ่อจะเป็นจะตายยังไงก็ช่างอย่างงั้นน่ะหรอ ? ”
“เอิ่มมม ผมไม่ได้หมายความว่ายังนั้นนะขอรับคุณหนู 0 0" ”
เชอร์ริลที่อารมณ์ไม่ค่อยดีรีบสบัดหน้าหันหลังใส่รอยด์ ก่อนจะเดินกลับไปที่ห้องนอนของตัวเอง จนพ่อบ้านรอยด์ต้องรีบตามไปติดๆ
“ร…รอผมด้วยสิขอรับ คุณหนู 0 0 !! ”
.
.
.
.
'ฉันจะต้อง…หาทางทำอะไรสักอย่าง เพื่อช่วยท่านพ่อและเมืองนี้ให้ปลอดภัย ดีกว่าจะนั่งงกๆอยู่ในปราสาทเอาตัวรอดอยู่ฝ่ายเดียว แต่เราจะไปขอความช่วยเหลือจากใครดีล่ะ คนที่สามารถช่วยท่านพ่อกอบกู้สถานการณ์หน้าสิ่งหน้าขวานในช่วงนี้ได้ ใครกัน…ที่จะสามารถเป็นกำลังให้กับพวกเราได้ในเวลาแบบนี้' เชอร์ริลเดินไปพร้อมกับนึกถามคำถามกับตัวเองไปในขณะที่เธอนั้นเดินผ่านโถงทางเดินที่ประดับประดาไปด้วยโคมไฟ แต่ในตอนนี้สิ่งที่คุณหนูเรยาต้องการจะทำนั่นก็คือ การหาใครสักคนที่สามารถปกป้องเมืองเอสโตเนียแห่งนี้ได้ และสามารถช่วยลอร์ดกิลเดี่ยนพ่อของเธอให้ปลอดภัย…
แต่ในขณะเดียวกันพ่อบ้านรอยด์ก็แอบคิดไม่ตกว่าคุณหนูเรยานั้นจะทำอะไรแผลงๆอีก เพราะเขานั้นอยู่รับใช้เชอร์ริลมาตั้งแต่ตัวเขากับเชอร์ริลยังเด็กๆ เขารู้ดีว่าเชอร์ริลนั้นชอบทำอะไรห่ามๆตามใจตัวเองและครั้งนี้ก็คงจะเหมือนที่ผ่านๆมาซึ่งเขาจะต้องตามประกบเชอร์ริลทุกฝีก้าว
ความคิดเห็น