ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Sobel The Flame of Dragon: เกิดใหม่เป็นมังกรเพลิงในตำนาน

    ลำดับตอนที่ #33 : ตอนที่ 28: ราชันจักรพรรดิ์ปีศาจ

    • อัปเดตล่าสุด 31 ม.ค. 67


    ความเดิมจากตอนที่แล้ว

    เรดควีนกับกลุ่มนักล่ามังกรลาเนียได้นัดกันมาต่อสู้ ณ พื้นที่รกร้างห่างหนึ่งซึ่งอยู่ห่างไกลจากเมืองหลวงเดนิส ลาเนียได้วิ่งอ้อมไปที่ด้านหลังเรดควีนก่อนจะยิง

    ศรเวทย์ไปที่ขาหลังตรงข้อพับเพื่อทำให้เรดควีนทรุดตัวเสียจังหวะและทำให้เธอหยุดการเคลื่อนไปชั่วคราว ก่อนจะส่งไม้ต่อให้เร็กซ์พุ่งเข้าไปใช้ดาบเล็บมังกรขนาดใหญ่ของเขาฟันเสยคางเรดควีนจนหน้าหงายถอยหลังไปครู่หนึ่ง และตามมาด้วยเวทย์พันธนาการมังกรของอัลเบโดที่เรียกโซ่เวทย์มนต์ตรึงร่างกายของเรดควีนเอาไว้ให้หยุดอยู่กับที่

    แต่ถึงอย่างนั้นเรดควีนก็ไม่ยอมตกเป็นฝ่ายถูกโจมตีอยู่ฝ่ายเดียว เรดควีนได้ใช้ท่าเสียงคำรามมังกร ทำลายโซ่ตรวจที่พันธนาการเธอเอาไว้ก่อนจะตัดสินใจบินขึ้นไปเหนือพื้นก่อนจะพ่นเปลวเพลิงลงพื้นเพื่อทำให้เปลวเพลิงแผ่กระจายไปตามพื้นดินโดยรอบอย่างรุนแรง ทำให้อัลเบโดต้องร่ายเวทย์สร้างบาเรียพลังานป้องกันการโจมตีให้กับทุกคน ยกเว้นเร็กซ์ที่เขานั้นสามารถปักดาบเล็บมังกรลงพื้นเพื่อสร้างพลังเวทย์ป้องกันมังกรเบี่ยงเบนเปลวเพลิงออกไปด้านข้าง

    จนเมื่อเรดควีนหมดแรงไปสักระยะจากการที่เธอต้องพ่นไฟเป็นเวลานาน และต้องใช้เวลาสักพักในการฟื้นพลังงานสักระยะ

    “เสร็จฉันล่ะ!! ยะฮู๊วววว~~~!!!”

    “ช้าก่อนทอร์เรนต์! เจ้าใจร้อนเกินไปแล้วนะ!! 0 0 ”

    อัลเบโดเห็นทอร์เรนต์กระโดดเข้าไปเผชิญหน้ากับเรดควีนในขณะที่เธอกำลังหมดแรง เพื่อหวังจะปาขวดยาพิษใส่ก็รีบตะโกนห้ามรั้งอีกฝ่าย แต่ดูเหมือนจะไม่ทันเสียแล้ว

    เรดควีนที่รอโอกาสนี้มานานเธอก็ได้รวมพลังเวทย์กลางส่วนหนึ่งมาไว้ในร่างกายจนร่างกายของเธอเกิดความร้อนสูงจนเผาไหม้ จากนั้นเธอก็ระเบิดเปลวเพลิงความร้อนสูงออกมาโดยที่ทอรเรนต์นั้นไม่สามารถป้องกันตัวเองได้ 

    ตู้มมมมมม!!!! ฟรู้มมมม!!!

    อ๊าาากก!!!!

    ทอร์เรนต์ถูกระเบิดเพลิงของเรดควีนซัดเข้าไปเต็มๆจนร่างของเขามีไฟลุกท่วมและกระเด็นออกไป จนเร็กซ์ที่เห็นท่าไม่ดีเขาจึงรีบกระโดดขึ้นไปรับตัวทอร์เรนต์เอาไว้ พร้อมกับใช้เมือกสไลม์ช่วยดับไฟและบรรเทาอาการถูกไฟเผาให้จนอีกฝ่ายพ้นขีดอันตราย

    “นายเป็นอะไรรึเปล่า”

    “*แค่ก…แค่ก…* โทดที…ฉันดันหลงกลมังกรนั่นจนได้เลยมาอยู่ในสภาพแบบนี้…”

    “นายถอยไปอยู่กับอัลเบโดก่อนดีกว่า เดี๋ยวตรงนี้ปล่อยให้ฉันกับลาเนียจัดการต่อเอง”

    ในขณะเดียวกันนี้เองอัลเบโดก็รีบวิ่งมาดูอาการของทอร์เรนต์ก่อนที่เร็กซ์จะรีบส่งตัวเขาให้อัลเบโดฝากไปดูแลชั่วคราว

    “ฉันฝากเขาเอาไว้กับนายก่อนนะ อย่าปล่อยให้เขาทำอะไรบุ่มบามล่ะ”

    “เข้าใจแล้ว”

    พูดจบ เร็กซ์ก็ปิดหน้ากากหมวกเกราะแดนเหนือของเขาลงเผยให้เห็นแววตาสีฟ้าเรืองแสงภายใต้หมวกเกราะนั้นอย่างน่าเกรงขาม ก่อนจะกระโจนเข้าไปเผชิญหน้ากับเรดควีนต่อ

    เร็กซ์และลาเนียทั้งสองได้ส่งซิกหากันเพื่อวางแผนในการจัดการเรดควีนแบบม้วนเดียวจบ เพราะทั้งสองประเมินสถานการณ์แล้วว่าเรดควีนนั้นมีพลังและความแข็งแกร่งสูงกว่ามังกรระดับสูงกว่าปกติ อันเนื่องมาจากเธอนั้นได้รับพลังเศษเสี้ยวหนึ่งจากมังกรเพลิงปีศาจ ทำให้เรดควีนยังมีพลังเวทย์กลางเหลือเฟือที่จะบดขยี้กลุ่มของลาเนียได้ 

    ลาเนียได้ร่ายเวทย์ 'ร่างจำแลงจรัสดวงดาว' ทำให้ตัวเธอเองนั้นวิ่งเคลื่อนที่ได้เร็วมากขึ้นเป็นเท่าตัวจนเกิดเป็นร่างวิญญาณทิ้งตามหลังเพียงเสี้ยววินาที ก่อนที่ลาเนียจะร่ายเวทย์ ‘ศรดาวตกจรัสดวงดาว’ ยิงลูกศรอัญเชิญขึ้นไปบนฟ้าเหนือศีษระเรดควีน ก่อนจะมีลูกศรเวทย์ขนาดใหญ่จำนวนมากกระหน่ำตกลงมาใส่หัวเรดควีนแบบไม่ยั้ง ทำให้เรดควีนได้รับความเสียหายอย่างหนักจนล้มทรุดกับพื้นไปชั่วขณะ 

    และในวินาทีนั้นเองเร็กซ์ที่สวมเกราะหมาป่าแดนเหนือก็ได้เปิดโหมดสังหาร แววตาของเขาเปล่งประกายพร้อมกับพุ่งกระโจนใช้ดาบเล็บมังกรของเขาฟันไปตามร่างกายของเรดควีนส่วนต่างจนเกิดบาดแผลฉกรรจ์ทั่วร่างกาย เรดควีนที่เจ็บปวดแสนสาหัสจากการโจมตีของเร็กซ์ก็พยายามลุกขึ้นก่อนจะกระทืบเท้าพร้อมฟาดหางใส่เขาอย่างไม่ยั้ง

    แต่ทว่าความเร็วของเร็กซ์ก็มีเหนือกว่าทำให้เขาสามารถหลบหลีกการโจมตีของเรดควีนได้ทั้งหมด ก่อนที่เขาจะปิดฉากด้วยการวิ่งไต่ไปตามสันหลังแล้วกระโดดใช้ดาบเล็บมังกรสับไปที่ส่วนหัวของเรดควีนอย่างรุนแรง จนทำให้เรดควีนถึงกับหน้ามืดไปชั่วขณะ

    ตึ้มมมมม!!!!!

    “คุณเรดควีน 0 0 !!!!”

    เอลเดนและไอริสเห็นเรดควีนถูกเร็กซ์จัดการจนกำลังจะเสียท่าได้ร้องตะโกนออกมาด้วยความตกใจ 

    เรดควีนที่กำลังจะหมดสติได้ล้มตึงเสียงดังสนั่นไปทั่วบริเวณและเธอกำลังจะพ่ายแพ้ให้กับกลุ่มล่ามังกรของลาเนีย ในตอนนี้ลาเนียก็ร่ายเวทย์ ‘ศรเวทย์ดวงดาวสยบมังกร’ เตรียมยิงใส่เรดควีนเพื่อทำให้แน่ใจว่าเรดควีนจะไม่แว้งกัดเหมือนที่เคยทำกับทอร์เรนต์อีก 

    “เท่านี้ก็จบล่ะ”

    ในขณะที่ลาเนียกำลังจะยิงศรเวทย์ดวงดาวสยบมังกรใส่เรดควีนเพื่อจบงานอยู่นั้นเอง เรดควีนที่ร่างกายได้รับบาดเจ็บสาหัสก็พยายามตั้งสติ แต่ร่างกายที่บอบช้ำจากบาดแผลผนวกกับศีษระที่ได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงก็ทำให้ประสาทสัมผัสของเธอเลือนลางแต่ก็ยังพอมองเห็นและได้ยินอยู่บ้าง 

    “ฉันไม่ยอม….แพ้ให้พวกเธอหรอก….!!”

    เรดควีนในสภาพบาดเจ็บสาหัสพยายามตั้งสติและลุกขึ้นมาเพื่อเตรียมจะใช้เวทย์ลมหายใจมังกรโจมตีสวนพลังเวทย์ของลาเนีย ก่อนที่ทั้งสองจะปล่อยพลังเวทย์ใส่กันจนเกิดการระเบิดขึ้นอย่างรุนแรง

    ตู้มมมม!!!!

    ลาเนียที่ยืนรับแรงระเบิดที่รุนแรงนี้ไม่ไหวก่อนที่ร่างของเธอจะลอยกระเด็นออกไป แต่โชคยังดีที่เร็กซ์นั้นได้กระโดดเข้ามารับเธอเอาไว้ได้ทันทำให้เธอไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรมาก ส่วนทางฝั่งของเรดควีนนั้นก็ถูกแรงระเบิดซัดร่างจนลอยกระเด็นไปตกที่เนินอีกฝั่งก่อนที่จะคืนร่างเป็นมนุษย์ในสภาพร่างเปลือยเปล่าจนเห็นเรือนร่างหุ่นเซ็กซี่อย่างชัดเจนแต่ก็บาดแผลปรากฏทั่วร่างกาย และคงเหลืออวัยวะส่วน ปีก หาง และเขามังกรอยู่

    กลุ่มของลาเนียได้เดินเข้ามาหาเรดควีนพร้อมกับเล็งลูกศรเวทย์ใส่เพื่อประกาศว่ากลุ่มของเธอเป็นฝ่ายชนะในครั้งนี้และเรดควีนก็พ่ายแพ้อย่างราบคาบ ก่อนที่เรดควีนจะหัวเราะออกมาประชดประชันกับสภาพที่ตัวเองเป็นอยู่

    “ *ฮ่ะๆๆ* …สงสัยฝีมือการต่อสู้ของฉันคงจะขึ้นสนิทจนหมดแล้วสินะ ฉันถึงได้แพ้ให้กับกลุ่มล่ามังกรอย่างพวกเธอง่ายดายแบบนี้…”

    เรดควีนหัวเราะพร้อมกับกล่าวประชดตัวเองที่ต้องมาอยู่ในสภาพแบบนี้ แต่ดูเหมือนฝั่งของลาเนียจะไม่รู้สึกมีอารมณ์ขันด้วยสักเท่าไหร่ 

    “นึกว่าจะมีฝีมือสักแค่ไหนเชียว สุดท้ายเธอก็ไม่ต่างจากมังกรระดับสูงตัวอื่นๆที่พวกเราเคยเจอมานี่นา”

    ลาเนียกล่าวพร้อมกับเล็งศรเวทย์ใส่เรดควีนตลอดเวลา และจ้องมองเธอด้วยแววตาที่โกรธเคือง

    “เป็นถึงมังกรข้ารับใช้คนสนิทของมังกรเพลิงปีศาจแท้ๆ ไม่น่าจะมีฝีมือแค่นี้นี่นา”

    อัลเบโดกล่าว ก่อนที่เรดควีนจะถอนหายใจเฮือกหนึ่งพร้อมกับยิ้มเจื่อน

    “เอาล่ะ ในเมื่อเธอเป็นฝ่ายแพ้ให้กับพวกเรา งั้นจงบอกวิธีที่จะจัดการมังกรเพลิงปีศาจให้พวกเรามา”

    “หึ…ท่านโซเบลเขาทำอะไรผิดงั้นหรอ พวกเธอถึงจะไปฆ่าเขาน่ะ ? ”

    กลุ่มของลาเนียต่างหันมามองหน้ากันเล็กน้อยก่อนที่ลาเนียจะออกปากพูดแทนทุกคนว่า

    “ก็เขาคือมังกรเพลิงปีศาจที่เคยทำลายล้างอารยธรรมและสังหารผู้คนล้มตายไปจำนวนมากเกินกว่าจะให้อภัย เพราะงั้นพวกฉันจึงต้องเดินทางไปกำจัดเขา”

    “นั่นคือเจตจำนงของพวกเธอเอง หรือมีใครบางคนอยู่เบื้องหลังสั่งการให้พวกเธอทำแบบนี้กันแน่”

    ลาเนียที่ถูกเรดควีนถามจี้แบบนี้ก็ถึงกับกระอักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบปัดกลับไปอย่างลนๆอารมณ์เสียว่า

    “จ….จะมีใครอยู่เบื้องหลังหรือเป็นเพราะความต้องการของพวกเราเอง มันก็ไม่เกี่ยวอะไรเธอสักหน่อย”

    “หึ…พูดแบบนี้ พวกเธอคงจะได้รับคำสั่งจากใครบางคนที่ต้องปิดปากเงียบเป็นความลับสินะ ฉันน่ะรู้ดีว่่าทุกคนที่ตอบแบบนี้มักมีใครบ่งการอยู่เบื้องหลังเสมอ และถ้าให้ฉันเดาล่ะก็ คนที่สั่งการให้พวกเธอไปฆ่าท่านโซเบลและไม่กล้าที่จะลงมือด้วยตัวเอง คงจะเป็นตาแก่หัวหงอกราชาเอ็กซ์โซสสินะ”

    กลุ่มลาเนียผงะไปพักหนึ่ง จนทำให้เรดควีนมั่นใจว่าสิ่งที่เธอคิดนั้นถูกต้อง

    “อย่างงี้นี่เองสินะ…เจ้าตาแก่ไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้านั่นคงอยากจะกำจัดท่านโซเบลที่แย่งความดีความชอบจนซื้อใจผู้คนอย่างงั้นสินะ เขาถึงได้แอบไว้วานให้พวกเธอเดินทางไปสังหารท่านโซเบลโดยที่ตัวเองก็หมุดหัวอยู่ในวังแล้วนั่งรอฟังข่าวดีอย่างงั้นสินะ”

    “หยุดพูดได้แล้วยัยมังกรปีศาจ!! เธอไม่รู้อะไรเกี่ยวกับสถานภาพความเป็นอยู่ของอาณาจักรเซซิลล่าร์นี้แท้ๆ ยังกล้าพาดพิงว่าร้ายราชาเอ็กซ์โซสเสียๆหายๆอีกงั้นหรอ ?! ”

    เรดควีนไม่พูดอะไรต่อหลังจากที่ถูกเร็กซ์ตะคอกใส่ ซึ่งดูเหมือนว่าเรดควีนจะรู้ความลับบางอย่างเกี่ยวกับราชวงศ์ลูซิเนียรวมไปถึงความลับใต้พรมของราชาเอ็กซ์โซสด้วย

    ในระหว่างที่เรดควีนกำลังมีปากเสียงกับกลุ่มของลาเนียอยู่นั้นเอง เอลเดนและไอริสก็รีบวิ่งเอาตัวเข้ามาบังคั่นกลางระหว่างเรดควีนกับกลุ่มลาเนีย เพื่อขอร้องไม่ให้ทั้งสองฝ่ายต้องฆ่ากัน

    “เอลเดน…ไอริส….?”

    “เราสองคนขอร้องพวกคุณเถอะค่ะ ได้โปรดอย่าฆ่ากันเลยนะคะ…!”

    “คุณเรดควีนเขาไม่ได้ทำอะไรผิด ทำไมพวกคุณต้องเอาชีวิตเขาด้วยล่ะคะ…!”

    เอลเดนและไอริสยืนกางแขนบังไม่ให้กลุ่มของลาเนียเข้าไปใกล้เรดควีนไปมากกว่านี้ 

    “หลบไปซะ มังกรตัวนั้นตกเป็นเชลยของพวกเราแล้ว ถ้าพวกเธอไม่อยากโดนลากแหไปด้วยก็อย่ามาขวางทางพวกเรา”

    “ไม่ค่ะ! คุณเรดควีนเปรียบเสมือนผู้มีพระคุณของพวกเรา คอยปกป้องพวกเรามาโดยตลอด จะให้ฉันยอมปล่อยให้คุณเรดควีนตกไปอยู่มือคนชั่วได้ยังไงกัน!”

    “ใช่ๆ คุณเรดควีนเขาไม่ได้ทำอะไรผิดเลยนะคะ พวกคุณมีสิทธิ์อะไรถึงมาทำร้ายคุณเรดควีนแบบนี้”

    “เขาเป็นมังกรข้ารับใช้คนสนิทของมังกรเพลิงปีศาจ วันนี้อาจจะไม่ก่อเรื่องอะไรแต่ในวันข้างหน้าอาจจะสร้างปัญหาให้กับอาณาจักรเซซิลล่าร์ได้!”

    ลาเนียตอบกลับไปเพื่อบอกให้เอลเดนกับไอริสเข้าใจ แต่ดูเหมือนเอลฟ์ทั้งสองจะยืนกันเพื่อปกป้องเรดควีนสุดชีวิตเหมือเดิม

    “ถึงคุณเรดควีนจะเป็นมังกรข้ารับใช้ของคุณโซเบล แต่ตลอดเวลาหลายพันปีที่ผ่านมาคุณเรดควีนก็ไม่ได้ก่อเรื่องหรือสร้างความเดือดร้อนให้ใครเลยนะคะ แถมยังช่วยเหลือหมู่บ้านเอลฟ์ของเราสองคนให้รอดพ้นปลอดภัยจากอันตรายมาตลอดด้วย!”

    เอลเดนและไอริสพยายามต่อรองให้กลุ่มของลาเนียยอมลามือ แต่ดูเหมือนว่าเรดควีนจะไม่อยากให้ทั้งสองต้องมามีส่วนเกี่ยวพันกับเรื่องนี้ด้วย

    “เอลเดน…ไอริส เธอสองคนกลับไปที่ร้านเถอะ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอสองคนนะ”

    “ไม่ค่ะ! ฉันกับไอริสจะไม่ไปไหนทั้งนั้นค่ะ!”

    “เราสองคนตัดสินใจแล้วว่าจะปกป้องคุณเรดควีน ต่อให้จะเจอกับอุปสรรคใดๆก็ตามแม้เพียงเล็กน้อยพวกเราก็อยากจะช่วยค่ะ!”

    เอลเดนกับไอริสหันมาตอบเรดควีนด้วยสีหน้าและแววาตาที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นอย่างพร้อมเพรียงกัน ทำให้เรดควีนนับถือในความกล้าหาญของทั้งสอง แม้ว่าทั้งคู่จะเป็นเอลฟ์และไม่เคยมีประสบการณ์ในการต่อสู้เลยก็ตาม

    กลุ่มของลาเนียที่เห็นความมุมานะในความพยายามที่จะปกป้องเรดควีนผนวกกับความบริสุทธิ์ใจที่จะปกป้องเธอ ทำให้พวกเขาหันมาปรึกษากันอยู่พักหนึ่งว่าจะเอายังไงกับเรื่องนี้ดี ก่อนที่สุดท้ายแล้วพวกเขาตัดสินใจที่จะจับตัวเรดควีนและไว้ชีวิตเธอเป็นการชั่วคราว

    “พวกฉันเห็นแก่ในความกล้าหาญของเธอสองคนแล้วล่ะ ถ้าอย่างงั้นกลุ่มนักล่ามังกรอย่างพวกเราจะยอมไว้ชีวิตมังกรสาวตนนั้นก็ได้”

    เอลเดนกับไอริสที่ได้ยินแบบนั้นก็เริ่มมีสีหน้ายิ้มแย้มอย่างมีความหวัง แต่ลาเนียก็ได้พูดเสริมว่า

    “แต่เธอทั้งสองคนและมังกรเพลิงตนนั้นจะต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของพวกเรา จนกว่าพวกเราจะทำภารกิจของพวกเราลุล่วง”

    “เอ๋~?! 0 0 ”

    “ถ้าไม่ยอมทำตามเงื่อนไขนี้ล่ะก็ พวกเราก็คงจะต้องจัดการเธอสองคนล่ะนะ”

    พูดจบลาเนียก็ทำท่าเหมือนจะแผลงศรยิงใส่เอลเดนกับไอริส ทำเอาสองสาวตื่นตกใจรีบตอบตกลงเงื่อนไขจากฝั่งของลาเนียทันที 

    “ข…เข้าใจแล้วค่ะ! เราสองคนเข้าใจแล้ว! พวกคุณอยากจะทำอะไรกับพวกเราก็เชิญเลยค่ะ!!! 0~0 ”

    หลังจากที่เอลเดนกับไอริสยอมรับเงื่อนไขแล้วเร็กซ์ก็พยักหน้าส่งซิกให้อัลเบโดทำการร่ายเวทย์จับตัวเอลเดนกับไอริสและเรดควีนทันที

    นับแต่นั้นเป็นต้นมา เอลเดน ไอริส และเรดควีนก็ตกอยู่ภายใต้การควบคุมของกลุ่มลาเนีย ก่อนที่พวกเขาจะเริ่มออกเดินทางกันต่อเพื่อเดินทางมุ่งหน้าไปยังอาณาจักรโซเบลลิส แต่อย่างน้อยเอลฟ์สาวทั้งสองก็โล่งใจที่ทั้งสองนั้นสามารถช่วยให้เรดควีนรอดตายมาได้ แม้ว่าเธอทั้งสองจะพลอยโดนจับไปด้วยก็ตาม

    .

    .

    .

    .

    ณ อาณาจักรที่ตั้งอยู่ทางสุดแดนใต้ของทวีป

    อาณาจักร แอสคาริน่า’ อาณาจักรที่เต็มไปด้วยเปลวเพลิงจากขุมนรกคอยแผดเผาพื้นดินไปทุกหย่อมหญ้า ท้องฟ้าถูกปกครองโดยสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่รูปร่างคล้ายกระเบนราหูยักษ์สีดำ มีครีบข้างละ 2 ครีบ มีหางคล้ายแซ่ 3 เส้น ยาวเกือบ 500 เมตร มีดวงตาสีฟ้าน่ากลัวอยู่ใต้ท้อง ‘สตรอม เรย์’ ราชันแห่งท้องฟ้าผู้นำมาซึ่งโรคร้ายและภัยพิบัติ  ส่วนผืนดินถูกปกครองโดยราชาปีศาจ ‘เบเฮมอธ’ สิ่งมีชีวิตรูปร่างคล้ายกระทิงขนสีน้ำตาล ร่างกายสูงใหญ่กำยำคล้ายมนุษย์ มีกล้ามเป็นมัดๆ แววตาสีแดงฉาน ราชันแห่งผืนดินผู้นำมาซึ่งความโกลาหลและแผ่นดินไหว 

    แต่ราชันทั้งสองนั้นจะคอยปกป้องอารักขาคุ้มครองเมืองหลวงที่มีชื่อว่า 'โกโมร่า' เมืองหลวงของเหล่าปีศาจเพื่อป้องกันไม่ให้ใครมารุกรานได้ และมีปราสาทหัวกระโหลกปีศาจขนาดใหญ่ที่มีชื่อว่า ‘โซดอม’ ซึ่งบริเวณรอบนอกปราสาทมีบ่อลาวาล้อมรอบและปะทุตลอดเวลาที่ผุดขึ้นมาจากใต้พื้นโลกโดยปราสาทนี้ตั้งอยู่ใจกลางเมืองหลวงโกโมร่าเด่นสง่าแต่แฝงไปด้วยความน่ากลัวพร้อมกับซากสิ่งมีชีวิตผอมแห้งทำท่าเหมือนกำลังอ้อนวอน เพราะสภาพแวดล้อมถูกประดับประดาไปด้วยซากศพคนตาย และสถาปัตยกรรมที่ชวนสะพรึงเกินกว่าที่ผู้ใดจะเชยชมว่ามันคือความสวยงาม

    เมืองนี้อยู่ภายใต้การปกครองของ 'ราชาจักรพรรดิ์ปีศาจ เซาเซอร์' ราชันปีศาจผู้พิชิตเหนือจรดใต้ทั่วดินแดนด้วยพลังของมันเพียงผู้เดียวพร้อมกับมีปราสาทขนาดใหญ่ที่สร้างทับหัวกระโหลกของปีศาจโบราณ 

    จักรพรรดิ์ปีศาจได้จับสิ่งมีชีวิตเผ่าพันธุ์ต่างๆมาสร้างเป็นกองทัพปีศาจของมัน บ้างก็ถูกจับไปใช้เป็นแรงงานทาส และหากทาสคนใดตายระหว่างทำงานก็จะถูกนำร่างและดวงวิญญาณของพวกไปสร้างเป็นกองทัพอันเดดที่จะเชื่อและจงรักภักดีต่อจักรพรรดิ์ปีศาจเซาเซอร์แต่เพียงผู้เดียว ซึ่งอีกไม่นานเซาเซอร์ก็จะยกทัพไปบุกอาณาจักรเซซิลล่าร์

    ณ ห้องบัลลังก์ในปราสาทโซดอม ที่เต็มไปด้วยเหล่าขุนศึกปีศาจมากมายซึ่งภายในห้องมีจักรพรรดิ์ปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ในชุดคลุมเผยให้เห็นแววตาสีแดงที่แฝงไปด้วยความอำมหิตอยู่ภายใต้ฮูดกำลังนั่งทำท่าครุ่นคิดอย่างมีเล่ห์นัยอยู่บนบัลลังก์ของเขา

    “ท่านจักรพรรดิ์ เหล่าขุนศึกทั้งหมดได้มารวมตัวกันที่นี่และพวกเขาก็พร้อมที่จะทำสงครามกับอาณาจักรเซซิลล่าร์แล้วขอรับ”

    “ดี…”

    จักรพรรดิ์ปีศาจค่อยๆลุกขึ้นยืนก่อนจะปลดเปลื้องเสื้อคลุมออก เผยให้เห็นร่างกายกำยำใหญ่โตเปลือยแค่ท่อนบนที่ซีดเผือด มีเส้นเลือดสีดำปรากฏอยู่ตามร่างกายตั้งแต่หัวจรดเท้า มีเขาแพะขนาดใหญ่อยู่บนศีษระ มีปีกค้างคาวที่ด้านหลัง 

    “ข้า! จักรพรดิ์ปีศาจเซาเซอร์! จะแสดงแสนยานุภาพและความแข็งแกร่งของเผ่าปีศาจอย่างพวกเราให้พวกมนุษย์มันได้เห็น!!!”

    “โอ้ววว!!!!”

    เหล่าขุนศึกปีศาจนับสิบโหร้องด้วยความคึกคัก ก่อนที่เสนาธิการปีศาจตนหนึ่งนามว่า 'รุค' ปีศาจครึ่งปลาหมึกสามารถลอยเหนือพื้นดินได้จะเข้ามาบอกกับเซาเซอร์ว่า

    “ท่านจักรพรรดิ์ แล้วเรื่องดาบล่ามังกรที่ท่านพยายามส่งสายลับเข้าไปขโมยมากล่ะขอรับ ? ”

    “มันไม่มีประโยชน์อะไรที่จะทำแบบนั้นอีกแล้วเสนาธิการรุค พวกมนุษย์มันรู้ตัวแล้วว่าพวกเราคิดจะขโมยอาวุธที่ทรงพลังที่สุดของพวกมัน และถ้าให้ข้าเดาพวกมันคงจะเก็บอาวุธนั่นเอาไว้ในที่ลับที่ไม่มีใครรู้เป็นแน่”

    “แล้วท่านจะทำเช่นไรต่อไปหรือ ? ”

    “ไม่เห็นต้องถาม ก็ส่งกองทัพปีศาจของข้าบุกถล่มอาณาจักรเซซิลล่าร์ให้ราบยังไงล่ะ แล้วค่อยช่วงชิงสมบัติมรดกตกถอดตระกูลราชวงศ์ลูซิเนียมาทีหลังก็ยังไม่สาย ฮึฮึฮึ…”

    หลังจากนั้นเซาเซอร์ก็ได้นำกองทัพปีศาจนับล้านบุกขึ้นเหนือมุ่งหน้าไปยังอาณาจักรเซซิลล่าร์ ซึ่งระหว่างทางเขาก็ได้จับสิ่งมีชีวิตเผ่าพันธุ์อื่นที่ทรงปัญญาไม่ว่าจะเป็น เผ่าเฟอร์เรี่ยน มนุษย์ เอลฟ์ รวมไปถึงออร์ค มาเป็นทาสและแปรสภาพมาสร้างเป็นกองทัพของตัวเอง ทำให้ในตอนนั้นไม่มีสิ่งใดจะหยุดยั้งความทะเยอะทะยานของเซาเซอร์ได้ และไม่ว่ากองทัพของเซาเซอร์เดินทางไปที่ใด ที่นั่นจะเต็มไปด้วยเปลวเพลิงและความตายสร้างความอดสูให้แก่ผู้คนที่ผ่านมาพบเห็น 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×