คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #32 : ตอนที่ 27: ราชินีมังกรเพลิง
หลังจากที่กลุ่มนักล่ามังกรของลาเนียได้รับคำสั่งจากราชาเอ็กซ์โซสแล้ว ทหารองค์รักษ์วังหลวงก็ไม่ลืมที่จะบอกเรื่องที่พวกเขาควรรู้เป็นการสั่งกำชับว่า
“พวกคุณอย่าลืมนะว่า ภารกิจนี้ต้องเก็บเอาไว้เป็นความลับและห้ามปริปากบอกใครก็ตามถึงภารกิจนี้ว่าฝ่าบาทเป็นผู้อยู่เบื้องหลังในการไปสังหารมังกรเพลิงปีศาจ”
“พวกเราทราบแล้ว พวกเราจะไม่ปริปากบอกเรื่องนี้ให้ใครรู้เด็ดขาด”
ลาเนียกล่าวให้คำมั่น ก่อนที่ทหารองค์รักษ์วังหลวงจะพยักหน้ารับ
“ถ้างั้นก็ขอให้พวกคุณเดินทางปลอดภัย ทำภารกิจของฝ่าบาทให้สำเร็จแล้วพระองค์จะตบรางวัลให้อย่างงาม ฉันขอตัวก่อนล่ะ”
หลังจากนั้นทหารองค์รักษ์วังหลวงก็หันหลังเดินกลับเข้าไปในปราสาทเพราะหมดหน้าที่แล้ว ปล่อยให้กลุ่มของลาเนียหาทางในการไปกำราบมังกรเพลิงโซเบลตามภารกิจที่ได้รับมา
แต่ก่อนอื่นพวกเขาจะต้องไปเตรียมความพร้อมในการเดินทางรวมไปถึงการหาข้อมูลเพื่อที่จะเรียนรู้หาจุดอ่อนของมังกรเพลิงโซเบลที่หอสมุดใหญ่ในเมืองหลวงและพวกเขาก็ทำการค้นคว้าหาข้อมูลทั้งวันทั้งคืน ถึงแม้โซเบลจะเป็นมังกรเพลิงในตำนานที่เกิดจากเทพธิดาไมอาร์
แต่ก็ใช่ว่าเขาจนั้นจะไม่มีจุดอ่อนเลยเพราะเทพธิดาไมอาร์ได้สร้างจุดอ่อนสำคัญให้กับมังกรธาตุในตำนานแต่ละตนเอาไว้ เผื่อว่ามังกรธาตุตนใดเกิดหยิ่งผยองในพลังอำนาจของตนเองเหมือนกับเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นกับกลุ่มมังกรธาตุตกสวรรค์รุ่นแรก
ณ หอสมุดใหญ่ เมืองเดนิส
ลาเนีย เร็กซ์ ทอร์เรนต์ และอัลเบโด ทั้ง 4 คนนั่งอ่านตำราข้อมูลเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ที่อาณาจักรหลายๆอาณาจักรบันทึกเอาไว้เกี่ยวกับมังกรเพลิงปีศาจโซเบลเมื่อ 1,000 ปีก่อน หลายเล่มซึ่งข้อมูลแต่ละอย่างก็ให้ความเห็นแตกต่างกันออกไป บ้างก็บอกว่ามังกรเพลิงปีศาจไม่ชอบกระเทียมหรือของที่มีกลิ่นฉุน บ้างก็บอกว่ามังกรเพลิงปีศาจไม่ถูกกับอาวุธจำพวกแร่เงิน ซึ่งเนื้อหาส่วนใหญ่ดูไม่น่าเชื่อถือเอาเสียเลย
แต่มีข้อมูลอย่างหนึ่งที่ตำราประวัติศาสตร์ทุกเล่มบันทึึกเอาไว้เหมือนกันนั่นก็คือ มังกรเพลิงปีศาจนั้นมักจะแพ้ทางเวทย์สายฟ้า เวทย์น้ำ และเวทย์มนตราพิฆาตมังกร ซึ่งตรงกับเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์เมื่อ 1,000 ปีก่อนที่ผู้กล้าลูซิสได้ใช้ดาบล่ามังกรที่อัดแน่นไปด้วยเวทย์พิฆาตมังกรสังหารมังกรเพลิงปีศาจได้อย่างราบคาบ
“เวทย์มนตราพิฆาตมังกร ดูท่าในกลุ่มพวกเราจะไม่มีใครมีคุณสมบัติมากพอที่จะใช้งานสายมนตราพิฆาตมังกรได้นะ”
ลาเนียกล่าวหลังจากอ่านข้อมูลในหนังสือจบ
“มนตราพิฆาตมังกร เป็นพลังของเทพพระเจ้ายากที่จะมีสิ่งมีชีวิตใดทำความเข้าใจมันอย่างลึกซึ้งได้ เพราะอย่างงั้นจึงมีไม่มีคนในประวัติศาสตร์ที่สามารถใช้งานมันได้อย่างชำนาญยังไงล่ะ”
อัลเบโดกล่าวเสริมให้ข้อมูล
“ถ้าอย่างงั้นก็แสดงว่า อาวุธที่พวกเราพอจะมีติดตัวก็มีแค่เวทย์สายฟ้ากับเวทย์น้ำซึ่งเป็นพลังธาตุหักล้างกับพลังเวทย์มังกรเพลิงปีศาจงั้นสินะ”
เร็กซ์กล่าวพร้อมกับยืนกอดอกพิจารณากำลังความสามารถที่กลุ่มของเขามีในเวลานี้
“ก็คงงั้นแหละ แต่ใช่ว่าพวกเราจะสามารถเอาชนะมังกรเพลิงปีศาจนี่ได้ง่ายๆ เพราะอย่าลืมว่ามังกรเพลิงโซเบลนั้นมีพลังเวทย์ทำลายล้างมหาศาล แค่มันเป่าลมหายใจใส่พวกเราแค่ครั้งเดียวพวกเราก็มอดไหม้เป็นจุนแล้ว”
ทั้งสามคนที่เหลือถึงกับทำท่าครุ่นคิดในสิ่งที่ลาเนียกล่าวมา
“อื้มมม มันก็จริง…เพราะถึงแม้พวกเราจะสามารถใช้จุดอ่อนตรงนี้เล่นงานมันได้ แต่หากปราศจากการหาวิธีป้องกันการโจมตีที่ทรงพลังของมัน พวกเราก็อาจจะแพ้ตั้งแต่ยังไม่ทันเริ่มก็ได้นะ”
“แล้วพวกเราจะทำยังไงหากต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีที่ทรงพลังของมังกรเพลิงปีศาจล่ะ? พวกเราไม่ได้มีเกราะมังกรเงินที่สามารถป้องกันการโจมตีทุกรูปแบบเหมือนผู้กล้าลูซิสสะด้วยสิ”
สุดท้ายกลุ่มของลาเนียก็คิดหาวิธีที่จะป้องกันการโจมตีของมังกรเพลิงโซเบลได้ พวกเขาจึงถอดใจกลางคันก่อนจะพากันไปหาอะไรกินระหว่างคิดหาวิธีป้องกันตัว
และกลุ่มของลาเนียก็ได้เลือกมาทานอาหารที่ร้านเรดควีนเพราะเห็นว่าเป็นร้านอาหารที่ขึ้นชื่อของเมืองเดนิส แถมได้ยินเหล่านักผจญภัยเล่าว่าที่ร้านเรดควีนมีพนักงานเสิร์ฟเป็นเอลฟ์ที่น่ารักมากๆ ทำให้กลุ่มของลาเนียที่เป็นกลุ่มดราก้อน สเลเยอร์อยากจะไปลองสัมผัสบรรยากาศภายในร้านสักครั้ง
ณ ร้านอาหารเรดควีน
“ยินดีต้อนรับค่ะคุณลูกค้าา~!! ^ ^ ”
เอลเดนและไอริสรีบเข้ามากล่าวต้อนรับกลุ่มของลาเนียอย่างเป็นกันเอง ทำเอากลุ่มของลาเนียอึ้งไปพักหนึ่งในความสดใสน่ารักของเอลฟ์ทั้งสอง
“อู้วหู้ว ไม่นึกว่าจะน่ารักสมคำล่ำลือจริงๆนะเนี่ย 0o0 ”
ทอร์เรนต์กล่าวด้วยความตกตะลึง พร้อมกับจ้องมองเอลเดนกับไอริสตาเป็นประกาย
“มากันสี่คนสินะคะ เชิญนั่งโต๊ะด้านในก่อนนะคะ ^w^ ”
หลังจากนั้นกลุ่มของลาเนียก็เข้าไปหาโต๊ะที่ยังว่าง ก่อนจะเลือกนั่งโต๊ะติดกับกระจกหน้าร้านเพื่อที่จะได้มองเห็นภาพบรรยากาศด้านนอกกับฟังเสียงไวโอลีนเบาๆผ่อนคลายไปด้วยในตัว จากนั้นทั้งสี่คนก็เริ่มสั่งอาหารกับไอริสตามปกติ
“ว้าว บรรยากาศภายในร้านนี่ร่มรื่นดีจริงๆเลยนะเนี่ย มีเสียงเพลงคลอเบาๆ มีกลิ่นหอมอ่อนๆทำให้รู้สึกสมองโล่งปลอดโปร่งดีจริงๆ”
ทอร์เรนต์กล่าวพร้อมกับนั่งมองไปรอบๆร้านที่มีผู้คนและเหล่านักผจญภัยกลุ่มต่างๆกำลังนั่งพูดคุยทานอาหารกันอย่างคึกคัก
ในขณะที่ทั้งสี่กำลังรออาหารอยู่นั้น เร็กซ์ที่นั่งอยู่ข้างๆลาเนียก็เหลือบมองอีกฝ่ายอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพบว่าลาเนียนั้นยังดูมีท่าทีที่เป็นกังวลอยู่ ด้วยความเป็นห่วงเขาจึงได้ถามอีกฝ่ายออกไปว่า
“เป็นอะไรรึเปล่าลาเนีย ทำหน้าเครียดเหมือนมีเรื่องไม่สบายใจ”
"เปล่าหรอก ฉันก็แค่คิดว่า…จะทำยังไงถึงจะสามารถเอาชนะมังกรเพลิงปีศาจได้น่ะ…"
ลาเนียพูดด้วยน้ำเสียงเอื่อยๆไม่เหมือนมั่นใจ ก่อนที่เร็กซ์จะเอื้อมมือไปจับไหล่อีกฝ่ายเพื่อให้ลาเนียปล่อยวางเรื่องนี้สักพัก
“ไม่เอาน่า พวกเรามาที่นี่เพื่อผ่อนคลายก่อนเริ่มงานกันนะ อย่าเพิ่งเอาเรื่องงานมาคิดให้ฟุ้งซ่านจะดีกว่า”
“เรื่องนั้นฉันรู้ แต่มันอดคิดไม่ได้นี่นา…”
แล้วลาเนียก็นั่งก้มหน้า ตัวเกร็งเล็กน้อยด้วยความกังวลมากขึ้นไปอีก
“นี่ เป็นอะไรรึเปล่า 0 0 ? ”
“ถ้าหากว่า…พวกเราทำภารกิจนี้ไม่สำเร็จ พวกเราก็อาจจะถูกราชาสั่งฆ่าปิดปาก แต่ถ้าหากพวกเราไปเผชิญหน้ากับมังกรเพลิงปีศาจพวกเราก็อาจจะถูกฝ่ายนั้นฆ่าตายได้….พอมาคิดๆดูแล้วพวกเราแทบไม่มีทางเลือกอื่นเลยที่พวกเราจะรอดชีวิตได้”
เมื่อลาเนียพูดจบบรรยากาศภายในกลุ่มก็ตึงเครียดขึ้นมา
"ล…ลาเนีย เธอน่ะคิดมากเกินไปแล้วนะ พวกเราน่ะไม่ตายง่ายหรอกตราบใดที่พวกเรายังมีกันและกันอยู่"
ทอร์เรนต์กล่าวและพยายามพูดให้ลาเนียสบายใจ
“นั่นสิ พวกเราน่ะล่ามังกรมาหลายปี รู้จุดอ่อนจุดแข็งที่ซอกทุกมุม แค่มังกรเพลิงปีศาจมีพลังมากกว่ามังกรตัวอื่นก็เท่านั้นเอง”
“เห็นรึเปล่าลาเนีย พวกเราทุกคนไม่เห็นจะกังวลอะไรเลยนี่นา เธอเองก็น่าจะปล่อยตัวเองให้ผ่อนคลายบ้างนะ”
ลาเนียหันหน้ามามองเร็กซ์เ,็กน้อย ก่อนที่เร็กซ์จะลูบหัวเธอเพื่อปลอบโยน
“ถ้าเธอกลัวล่ะก็ ฉันนี่แหละจะปกป้องเธอเอง และพวกเราทุกคนจะต่อสู้ไปด้วยกันและอยู่ด้วยกันตลอดไปนะ ^ ^ ”
หลังจากที่ลาเนียได้ยินคำมั่นสัญญาจากเร็กซ์เพื่อนหมาป่าคู่ซี้ของเธอแล้ว เธอส่งยิ้มพยักหน้ารับฟังแต่โดยดี
“อื้มม.. ^ ^ ”
และแล้วกลุ่มของลาเนียก็นั่งรับประทานอาหารที่ไอริสนำมาเสิร์ฟ ซึ่งอาหารของแต่ละคนก็บ่งบอกถึงสไตล์การใช้ชีวิตของเผ่าได้เป็นอย่างดี โดยลาเนียนั้นเลือกที่จะกินสลัดผักและผลไม้หั่นของหวาน เร็กซ์กับทอร์เรนต์เลือกกินอาหารจำพวกเนื้อกึ่งสุกกึ่งดิบ ส่วนอัลเบโดเลือกกินเมนูอาหารที่ทำมาจากปลาเป็นหลัก
ทั้งสี่คนนั่งทานอาหารกันอย่างมีความสุขพร้อมกับฟังนักดนตรีสีไวโอลีนช่วยทำให้บรรยากาศผ่อนคลายและสมองปลอดโปร่ง จนกระทั่งพวกเขากำลังจะเรียกเช็คบิลเพื่อเดินทางไปหาโซเบล
“ทั้งหมด 15,000 เอนเชี่ยนคอยน์ค่ะ ^ ^ ”
ไอริสแจ้งราคารวมค่าอาหารทั้งหมด ก่อนที่เร็กซ์จะหยิบเหรียญเงินจ่ายค่าอาหารไป
“ขอบคุณค่าา ไว้มาอุดหนุนใหม่นะคะ~ ^ ^ ”
หลังจากนั้นกลุ่มของลาเนียก็ลุกขึ้นก่อนจะเดินออกไปยังทางประตูของร้าน แต่ทว่าในระหว่างนั้นเอง จู่ๆ ก็มีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้นภายในร้าน เมื่อมีนักผจญภัยระดับเหรียญเงินคนหนึ่งเกิดโวยวายใส่พนักงานชายที่นำไวน์มาเสิร์ฟแล้วอีกฝ่ายเกิดไม่ถูกใจรสชาติไวน์ขึ้นมา
“เห้ยนี่แก! คิดได้ไงถึงเอาไวน์ถูกๆมาให้ฉันดื่ม ห๊ะ!!?”
“อะไรกันครับ นี่ก็เป็นไวน์บ่มชั้นดีของทางร้านเราแล้วนะครับ 0 0" ”
พนักงานชายพูดด้วยน้ำเสียงสั่นๆ ก่อนที่นักผจญภัยคนนั้นจะลุกจากเก้าอี้มาดึงคอเสื้อพนักงานด้วยความฉุนเฉียว
“นี่แกคิดว่าฉันโง่นักรึไง ไวน์รสชาติห่วยๆแบบนี้กะเอาของเสียมาให้ลูกค้ารึยังไงกันห๊ะ ??!”
“ม…ไม่ใช่อย่างนั้นนะครับ…!!”
“พวกนักผจญภัยงั้นหรอ ? ”
เร็กซ์กล่าวขึ้นมา ก่อนที่ทอร์เรนต์จะพูดเสริมต่อว่า
“เป็นพวกคลาสซิลเวอร์สินะ ห่ะ…เป็นแค่นักผจญภัยระดับเหรียญเงินแต่ทำตัวกร่างยังกะเป็นพวกขุนนางไฮโซสะอย่างงั้น vuv ”
ในระหว่างที่กลุ่มของลาเนียกำลังวิจารณ์พฤติกรรมสุดถ่อยของนักผจญภัยที่กำลังโวยวายอยู่ในร้านนั้นเอง ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะได้ยินเสียงนินทาจากกลุ่มของลาเนีย เขาจึงได้หันมามองด้วยสีหน้าที่ฉุนเฉียวก่อนจะเดินเข้ามาหาทั้งสี่คนเหมือนจะหาเรื่อง
“เห้ย! พวกแกพูดถึงใครเมื่อกี้น่ะ ?! ”
“เปล่า พวกเราก็แค่คิดว่าพฤติกรรมของนายมันไม่ต่างอะไรกับพวกคนถ่อยข้างถนนก็เท่านั้นเอง”
เร็กซ์อาสาเอาตัวเข้ามาบังและเผชิญหน้าแทนคนอื่นๆในกลุ่มเนื่องจากเขานั้นเป็นคนที่ตัวใหญ่ที่สุดในกลุ่ม
“แกว่าไงนะ ? ”
เร็กซ์ไม่พูดอะไรต่อก่อนที่เขาจะใช้สายตาของสัตว์ที่ดุร้ายจ้องมองอีกฝ่ายเพื่อกดดันให้อีกฝ่ายรู้สึกหวาดกลัว ซึ่งดูเหมือนนักผจญภัยคนดังกล่าวจะมีอาการหวาดวิตกอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่กล้าแสดงความรู้สึกนั้นออกมาตรงเพื่อกลัวจะเสียหน้าต่อหน้าผู้คนมากมายภายในร้าน
“ถ้านายอยากจะมีเรื่องจริงๆล่ะก็ เดี๋ยวฉันจะเป็นคู่มือให้นายก็ได้นะ”
แล้วเร็กซ์ก็เผยดาบเล็บมังกรให้อีกฝ่ายดู ก่อนที่อีกฝ่ายจะอุทานขึ้นมาว่า
“นี่พวกนาย…เป็นนักล่ามังกรอย่างงั้นหรอ 0 0" ”
“ก็คงงั้น”
ในระหว่างที่ทั้งสองฝ่ายกำลังยืนดูเชิงกันอยู่นั้น เอลเดนที่ยืนมองดูเหตุการณ์อยู่หลังบาร์ก็รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีขึ้นมา โดยที่ไอริสนั้นก็รีบเข้ามาหลบอยู่หลังเธอด้วยความหวาดกลัวตามนิสัย
สถานการณ์ภายในร้านเริ่มตึงเครียดมากขึ้นเรื่อยๆเพราะไม่มีฝ่ายไหนเปิดฉากเริ่มก่อนจนกระทั่ง มีใครบางคนเดินเข้ามาในร้านก่อนที่คนคนนั้นจะตะโกนขึ้นมาด้วยอารมณ์โมโหสุดขีด
“นี่แกกล้าดียังไงถึงมาก่อเรื่องภายในร้านของฉันมิทราบ ห๊ะ!!!!!?”
“คุณเรดควีน 0 0 !”
เอลเดนและไอริสจำเสียงที่คุ้นเคยนี้ได้ก่อนจะอุทานเรียกชื่อเจ้าตัวขึ้นมาด้วยความตกใจ
เรดควีนที่เห็นข้าวของภายในร้านของตกแตกเสียหายจากฝีมือของนักผจญภัยหนุ่มซิลเวอร์คลาส อีกทั้งยังเห็นพนักงานชายถูกทำร้ายร่างกายอีก ทำให้เธอรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมากเกินจะเดินเข้าไปใช้มือคว้าคอเสื้อของนักผจญภัยคนนั้นพร้อมกับยืนเท้าสะเอวจ้องมองหน้านักผจญภัยหนุ่มตัวก่อเรื่องด้วยแววตาโกรธสุดขีด ทำเอาอีกฝ่ายถึงกับกลัวหัวหดเมื่อเห็นเรดควีนเจ้าของร้านมาเห็นเหตุการณ์เข้า
“เป็นแค่นักผจญภัยระดับเหรียญเงิน อย่าคิดว่าจะมีสิทธิ์มาทำอะไรกับข้าวของและพนักงานของฉันในร้านได้ตามอำเภอใจนะรู้มั้ย!!”
“อ..เออ…ผม…ผมขอโทด…คราวหลังผมจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว…ผมขอโทด..!"
นักผจญภัยหนุ่มรีบกล่าวขอโทษเรดควีนด้วยสีหน้าซีดเผือดด้วยความกลัว แต่ดูเหมือนเรดควีนจะไม่ยอมยกโทษให้ง่ายๆ
ตุบตับ!! ตุบตับ!! โคร้มมม!!
เรดควีนได้ใช้พละกำลังของเธออัดนักผจญภัยคนนั้นจะน่วมก่อนจะโยนอีกฝ่ายออกไปนอกร้านอย่างไม่ใยดี จนอีกฝ่ายอยู่ในสภาพสะบัดสะบอม
“รีบไสหัวไปให้พ้นหน้าฉันซะ! และอย่ากลับมาเหยียบที่ร้านของฉันอีก!! ไป!!!”
เรดควีนเดินออกมาพร้อมกับตะเพิดไล่นักผจญภัยหนุ่มเสียงดังทำให้อีกฝ่ายรู้สึกอับอายก่อนจะรีบลุกขึ้นแล้ววิ่งหนีไป
“คุณเรดควีนนนนนค๊าาาา~~!! ^ ^ ”
เอลเดนและไอริสรีบกระโดดโผเข้ามาจับแขนเรดควีนทั้งสองข้างด้วยความดีใจ หลังจากที่เธอนั้นช่วยไล่นักผจญภัยนิสัยไม่ดีให้ออกไปจากร้าน
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะ คุณเรดควีนสบายดีใช่มั้ยคะ ^ ^ ”
ไอริสถามด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม ก่อนที่เรดควีนจะตอบกลับมาอย่างเอ็นดูว่า
“ฉันสบายดี ขอบใจที่เป็นห่วงนะ”
“พวกเราทุกคนคิดถึงคุณเรดควีนมากๆเลยนะคะ”
“ฉันก็คิดถึงพวกเธอเหมือนกัน แต่ฉันเองก็มีงานอื่นๆที่ต้องทำอยู่เหมือนกัน”
ในระหว่างที่เรดควีนกำลังพูดคุยกับเอลเดนและไอริสอยู่นั้น กลุ่มของลาเนียก็แอบยืนมองเรดควีนอยู่ห่างๆเนื่องจากพวกเขาสัมผัสได้ถึงเวทย์จำแลงกายของมังกรได้จากประสบการณ์ในการล่ามังกรระดับสูง ซึ่งดูเหมือนเรดควีนเองก็เหมือนจะรู้ตัวว่าตัวเองนั้นกำลังถูกเพ่งเล็งจากสายตาประสงค์ร้ายจากกลุ่มของลาเนียเช่นกัน ทำให้เรดควีนหันไปมองที่กลุ่มของลาเนียเพื่อเผชิญหน้า
“มองฉันแบบนั้น พวกเธอคงจะเป็นกลุ่มนักล่ามังกรสินะ”
“เธอรู้ด้วยหรอว่าพวกเราเป็นใคร”
เร็กซ์ถาม
“ดูจากการแต่งตัวและเครื่องไม้เครื่องมือต่างๆที่ทำมาจากชิ้นส่วนของมังกร ก็คงจะมองเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้หรอกนะ”
แล้วเรดควีนก็ยืนกอดอกและไม่ได้แสดงสีหน้าหรืออาการหวาดกลัวใดๆแม้แต่น้อยเมื่อเผชิญหน้ากับกลุ่มนักล่ามังกร แต่ที่แน่ๆในเวลานี้เอลเดนกับไอริสกำลังงุนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“เกิดอะไรขึ้นน่ะ คุณเรดควีนรู้จักกับลูกค้ากลุ่มนี้ด้วยงั้นหรอ…?”
เอลเดนกระซิบกระซาบกับไอริสถึงสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น
“ไม่รู้สิ แต่ดูเหมือนพวกเขาจะจ้องคุณเรดควีนตาไม่กระพริบเลย…”
“น่ากลัวจังเลย…ลูกค้ากลุ่มนี้คิดอะไรไม่ดีกับคุณเรดควีนรึเปล่านะ…”
ในระหว่างที่เอลเดนกับไอริสกำลังยืนดูสถานการณ์อยู่ห่างๆ เรดควีนก็มองไปรอบๆเพื่อสำรวจอะไรบางอย่างก่อนที่เธอจะพูดขึ้นมาว่า
“ฉันคิดว่าที่นี่ไม่เหมาะจะคุยกันสักเท่าไหร่นะ เราไปหาที่ที่เงียบสงบห่างไกลจากเมืองนี้สนทนากันจะดีกว่ามั้ย”
“ทำไมต้องเปลี่ยนที่คุยด้วยล่ะ หรือเธอกลัวว่าจะมีใครรู้ความจริงว่าตัวตนที่แท้จริงของเธอนั้นเป็นใคร ? ”
ทอร์เรนต์กล่าวพร้อมกับทำท่ายียวนกวนประสาท ซึ่งเรดควีนก็ไม่สบอารมรณ์เท่าไหร่ที่ถูกอีกฝ่ายทำท่าทางเสียมารยาทแบบนั้น แต่เธอไม่ได้กังวลว่าเธอนั้นจะถูกเปิดโปงว่าตัวเองนั้นเป็นมังกรที่แฝงตัวเป็นมนุษย์ แต่เธอกลัวว่าพนักงานในร้านของเธอจะถูกผู้คนกล่าวหาตราหน้าว่าเป็นพวกเดียวกันกับมังกรจนอาจจะทำให้ไม่สามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุขอีกต่อไป ซึ่งผู้คนในอาณาจักรเซซิลล่าร์นั้นเกลียดมังกรเป็นอย่างมากโดยเฉพาะมังกรที่มีสติปัญญาอย่างเรดควีน
“ฉันไม่ได้กลัวว่าทุกคนจะรู้ความจริงว่าฉันเป็นใคร แต่ฉันไม่อยากให้คนอื่นที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องต้องมาเดือดร้อนเพราะฉัน เพราะอย่างงั้นถ้าหากพวกเธอคิดจะทำอะไรกับฉันล่ะก็…ฉันขอเป็นสถานที่อื่นที่ไม่ใช่ที่นี่”
กลุ่มของลาเนียที่เห็นเรดควีนร้องขอมาแบบนั้นก็รู้สึกแปลกใจ เพราะมังกรระดับสูงนั้นมักนึกถึงแต่ตัวเอง ไม่สนใจใครนอกจากผลประโยชน์ส่วนตัว แต่สำหรับเรดควีนนั้นพวกเขามองว่าเธอเป็นมังกรที่ต่างออกไป จนอัลเบโดรู้สึกเคารพในความรับผิดชอบต่อส่วนรวมของเรดควีน
“อื้มมม เจ้าช่างเป็นมังกรที่มีจิตใจสูงส่ง ข้าอัลเบโดรู้สึกเคารพในความรับผิดชอบของเจ้าจากใจจริง v v ”
อัลเบโดทำท่าคำนีับแสดงความนับถือ ก่อนที่ลาเนียที่จับตาดูสถานการณ์มาสักพักจะพูดขึ้นมาว่า
“ก็ได้ ถ้าอย่างงั้นพวกเราไปคุยกันที่อื่นที่มันสงบๆห่างจากไกลผู้คน”
เรดควีนพยักหน้ารับก่อนที่พวกเขาจะพากันย้ายสถานที่ไปยังที่อื่นที่่ห่างไกลจากเมืองหลวง
.
.
.
.
ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา…
ณ พื้นที่ราบอันรกร้างซึ่งห่างไกลจากผู้คน
ดินแดนแห่งนี้ในอดีตเคยเป็นที่ตั้งของปราสาทในอดีตแต่ถูกทำลายลงจากฝีมือของมังกรเพลิงปีศาจโซเบลในยุคสงครามแห่งไฟ ทำให้พื้นที่แถบนี้ปราศจากต้นไม้ ใบหญ้า และบ้านเรือนของผู้คนมานานนับพันปีเพราะผืนดินถูกทำลายจนไม่อาจจะปลูกพืชผลผลิตใดๆได้ ซึ่งสถานที่แห่งนี้คือสถานที่ที่เรดควีนนัดพบกลุ่มของลาเนียให้มาเจอเธอที่นี่
เรดควีนได้ยืนรอการมาของกลุ่มลาเนียท่ามกลางทุ่งโล่งกว้างสีเทาที่ไร้สิ่งมีชีวิตอย่างใจเย็น สายลมอ่อนๆได้พัดเข้ามาปะทะร่างกายของเธอเบาๆจนทำให้กระโปรงชุดเดรสรัดรูปสีแดงของเธอปลิวสไหวอย่างสง่างาม จนกระทั่งกลุ่มของลาเนียได้เดินทางมาถึงตามที่นัดแนะกันเอาไว้
“มาเร็วกว่าที่คิดอีกนะ”
เรดควีนที่ยืนหันหลังให้กับกลุ่มของลาเนียก็ได้หันมาเผชิญหน้า ก่อนที่กลุ่มนักล่ามังกรจะหยิบอาวุธและเครื่องไม้เครื่องมือออกมาพร้อมสู้เต็มอัตราศึก
“คงเตรียมตัวมาพร้อมเลยสินะ ถ้าอย่างงั้นล่ะก็…”
เรดควีนฉีกกระชากชุดเดรสของเธอออกพร้อมกับมีเปลวเพลิงลุกโชดช่วงปกคลุมรอบตัวเธอ ก่อนจะปรากฏเป็นร่างมังกรเพลิงขนาดใหญ่ต่อหน้ากลุ่มของลาเนีย ซึ่งนี่ก็คือร่างที่แท้จริงของเรดควีน
โดยร่างมังกรของเรดควีนนั้น มีรูปร่างเหมือนกับมังกรระดับสูงทั่วไป แต่มีความสูงถึง 20 เมตร ซึ่งสูงกว่ามังกรระดับสูงเพียงเล็กน้อย มีเกล็ดสีแดงเข้ม แววตาดุดันสีแดงสด พร้อมกับมีตราสัญลักษณ์มังกรเพลิงสีแดงประทับอยู่กลางหน้าอกเป็นสัญลักษณ์บ่งบอกว่าเธอนั้นคือมังกรข้ารับใช้ของโซเบลในอดีต ปีกของเธอมีสภาพหลุดรุ่ยเล็กน้อยเนื่องจากผ่านการต่อสู้มาอย่างโชกโชนแต่ก็ยังสามารถใช้งานได้ดี
“ชื่อของฉันคือ…เมอร์เซร่า ราชินีมังกรเพลิง เป็นอดีตมังกรข้ารับใช้ของมังกรเพลิงโซเบล จงจำเอาไว้ให้ดี!”
เรดควีนได้ประกาศสมยานามของตัวเองออกมาให้กลุ่มของลาเนียได้รับรู้ พร้อมกับกางปีกปล่อยคลื่นลมกรรโชกความร้อนออกมารอบข้าง ทำให้กลุ่มของลาเนียสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งของพลังเวทย์ที่แผ่ออกมาจากคลื่นลมดังกล่าวและตกใจเมื่อรู้ว่าเรดควีนนั้นมีความเกี่ยวข้องกับมังกรเพลิงโซเบล
“อู้ววว ช่างเป็นมังกรที่มีพลังเวทย์แก่กล้ายิ่งนัก สงสัยพวกเราจะเจอศัตรูที่แข็งแกร่งเข้าสะแล้วสิ”
อัลเบโดกล่าว
“ดูท่ามังกรตัวนั้นจะมีความเกี่ยวพันบางอย่างกับมังกรเพลิงปีศาจนะ”
เร็กซ์กล่าวพร้อมกับหันไปมองลาเนียที่เป็นเสมือนผู้นำกลุ่ม
“ไม่รู้ว่าเรื่องนั้นเป็นเรื่องจริงมากน้อยแค่ไหน แต่ต่อให้ฝั่งนั้นจะแข็งแกร่งมากแค่ไหน แต่งานของพวกเราคือล่ามังกรทุกตัว เพราะงั้นพวกเราอย่ายอมแพ้เด็ดขาดนะ!”
ลาเนียพูดเพื่อปลุกขวัญให้ทุกคนในกลุ่ม ก่อนที่ทุกคนจะพยักหน้ารับกันอย่างพร้อมเพรียงกัน
“สรุปเธอจะให้พวกเราฆ่ามันรึเปล่า หรือจะจับเป็นเพื่อรีดเข้นข้อมูลก่อนแล้วค่อยฆ่าทีหลัง ? ”
ทอร์เรนต์ถาม ก่อนที่ลาเนียจะตอบกลับมาว่า
“คงต้องจับเป็นไปก่อน ไว้เราสอบถามข้อมูลถึงจุดอ่อนของมังกรเพลิงปีศาจค่อยจัดการทิ้งก็ได้”
“(กลุ่มนักล่ามังกรพวกนี้ คิดจะปองร้ายท่านโซเบลของเราอย่างงั้นหรอ ไม่ได้การฉันจะต้องจัดการถอนรากถอนโคนกลุ่มนักล่ามังกรพวกนี้ให้สิ้นซาก ก่อนที่พวกมันจะไปสร้างปัญหาให้ท่านโซเบล) หึคิดจะจับฉันเพื่อรีดไถ่ข้อมูลของท่านโซเบลอย่างงั้นหรอ? มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกน่า!”
“ถ้าไม่ลองก็ไม่รู้ บางทีข้อมูลจากปากของเธออาจจะมีประโยชน์มากกว่าไปค้นหาในหนังสือตำราล่ะนะ”
เร็กซ์พูดก่อนจะทำการร่ายเวทย์เรียกเกราะนักรบหมาป่าแดนเหนือมาสวม พร้อมกับยกดาบเล็บมังกรขึ้นมาตั้งท่าพร้อมลุย
หลังจากนั้นการจู่โจมก็เปิดฉากขึ้นโดยที่ลาเนียนั้นได้ง้างคันธนูราตรีขึ้นมาก่อนจะเสก ‘ลูกศรเวทย์จรัสดวงดาว’ ลูกศรนี้คือลูกศรเวทย์ที่เกิดจากการดึงเอาพลังเวทย์โดยตรงมาจากเทพธิดาแห่งดวงดาวโดยตรง ทำให้ลูกศรก่อตัวขึ้นมีลักษณะเป็นลูกศรเวทย์ขนาดใหญ่สีน้ำเงินและมีดวงดาวระยิบระยับอยู่ภายในลูกศร ซึ่งสามารถสร้างความเสียหายอย่างหนักหน่วงให้กับมังกรระดับสูงได้ในระดับหนึ่ง
ลาเนียได้แผลงศรเวทย์จรัสดวงดาวโจมตีใส่เรดควีน ศรเวทย์ขนาดใหญ่พุ่งเข้าไปหาเรดควีนด้วยความเร็วสูง แต่เรดควีนก็ยกปีกของตัวเองขึ้นมาป้องกันการโจมตีนี้เอาไว้
ตู้มมมมม!!!!
แรงระเบิดจากการปะทะปะทุขึ้นอย่างรุนแรง แต่สุดท้ายเรดควีนก็ใช้ปีกของเธอพัดฝุ่นควันจากการระเบิดจนสลายหายไป ก่อนที่เร็กซ์จะวิ่งบุกเข้าไปประชิดตัวเรดควีนเพื่อเปิดทางให้ทอร์เรนต์กับอัลเบโดหาจังหวะโจมตีอีกระลอก แต่เรดควีนนั้นก็พ่นเปลวเพลิงโจมตีใส่เร็กซ์สกัดไม่ให้เขาเข้ามาถึงตัวเองได้ แต่เร็กซ์นั้นก็ได้รับโล่พลังเวทย์ป้องกันเสริมจากอัลเบโดทำให้เขานั้นไม่ถูกเปลวเพลิงของมังกรแผดเผา
จนเมื่อเร็กซ์วิ่งเข้ามาประชิดตัวเรดควีนได้สำเร็จเขาก็ใช้ดาบเล็บมังกรของเขาฟันไปที่ข้อเท้าของเรดควีนจนเกิดเป็นรอยฟันที่มีความลึกในระดับหนึ่ง ทำให้เรดควีนหันมากระทืบเท้าเพื่อหวังจะเหยียบเร็กซ์ให้บี้แบน แต่ทว่าเร็กซ์นั้นก็ได้กลิ้งกระโดดหลบออกมาได้ทัน
และในขณะที่เรดควีนกำลังโฟกัสไปที่เร็กซ์อยู่นั้นเอง ทอร์เรนต์ก็ได้ใช้ความว่องไวและขนาดร่างกายที่ตัวเล็กแอบวิ่งกระโจนอ้อมไปด้านข้างก่อนจะปาขวดยาพิษใส่ที่ใบหน้าของเรดควีน จนเมื่อผงละอองยาพิษผสมเข้าด้วยกันก็เกิดเป็นระเบิดลูกโซ่แรงสูงทำให้เรดควีนเสียอาการและมองไม่เห็นไปชั่วขณะ ทำให้เธอนั้นต้องร่ายเวทย์ลมหายใจมังกรโจมตีใส่ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบด้านเพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มของลาเนียเข้าถึงตัวในระหว่างที่เธอนั้นมองไม่เห็น
ตู้มมมมมม!!!!
เรดควีนได้ยิงลมหายใจมังกรเพลิงออกไปอย่างไร้ทิศทางจนพื้นที่บริเวณรอบๆถูกเปลวเพลิงเผาผลาญ แรงระเบิดจากเปลวเพลิงได้ปะทุขึ้นอย่างรุนแรงท่ามกลางพื้นที่รกร้าง ส่วนทางฝั่งของลาเนีย ทอร์เรนต์ และเร็กซ์ก็อาศัยโล่พลังงานจากพลังเวทย์ของอัลเบโดเข้าไปหลบภัยชั่วคราวเพื่อป้องกันไม่ให้ตนเองโดนลูกหลงจากการโจมตีของเรดควีน
แต่ในเวลาเดียวกันนี้เองเอลเดนและไอริสที่อดเป็นห่วงเรดควีนไม่ได้ ทั้งสองคนจึงแอบตามมาดูสถานการณ์ก่อนจะพบว่าเรดควีนกำลังต่อสู้กับกลุ่มของลาเนียอย่างเอาเป็นเอาตายไม่มีการออมมือ
“คุณเรดควีน…”
ความคิดเห็น