คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #31 : ตอนที่ 26: กลุ่มนักล่ามังกรเพลิง
ความเดิมจากตอนที่แล้ว
มังกรเพลิงในตำนานโซเบล และ มังกรลมปีศาจบรรพกาลเฟอร์ดิอุส ได้มาเผชิญหน้าและได้เข้าต่อสู้กันอยู่นอกชั้นบรรยากาศของโลกอย่างดุเดือด แต่ดูเหมือนว่าการต่อสู้ในครั้งนี้โซเบลจะเป็นฝ่ายตั้งรับอยู่ฝ่ายเดียว เนื่องจากเฟอร์ดิอุสได้อาศัยความเร็วซึ่งเป็นข้อได้เปรียบบินโฉบใช้หอกเกลียวคลื่นทมิฬพุ่งแทงผลัดไปผลัดมาจนโซเบลไม่สามารถตอบโต้อะไรได้
โซเบลพยายามจะใช้ดาบมังกรเพลิงที่ถืออยู่ในมือฟันร่างของเฟอร์ดิอุสให้โดน แต่มันก็ยังเร็วไม่มากพอที่จะโจมตีโดน เพราะทุกครั้งที่เขาจะแกว่งดาบโจมตีสวนกลับ เฟอร์ดิอุสก็จะหักหลบไปอีกทางด้วยความเร็วสูงพร้อมกับใช้ปีกกระแทกใส่บริเวณต้นคอทำให้โซเบลตีลังกาหงายหลังไปหลายตลบและเกือบจะเสียการทรงตัวหลายต่อหลายครั้ง หรือจะพยายามบินไล่ตามเพื่อเข้าถึงตัวก็จะถูกเฟอร์ดิอุสบินนำทิ้งห่างไปแทบไม่เห็นฝุ่น ก่อนจะบินวกกลับมาใช้เวทย์ 'เกลียวคลื่นใบมีด' โจมตีใส่โซเบลด้วยการฟาดหางใส่ไม่ยั้ง ทำให้โซเบลเปลี่ยนมาใช้เวทย์ลมหายใจมังกรเพลิงกับปีกมังกรเพลิง เพื่อหวังว่าการโจมตีในครั้งนี้จะโดนเป้าหมายแต่สุดท้ายมันก็ไร้ผลอยู่ดี
และในเวลาเดียวกันนี้เอง เฟอร์ดิอุสก็ได้บินพุ่งเข้ามาพร้อมกับใช้หอกในมือทั้งสองเล่มแทงมาที่โซเบล แต่โซเบลก็ยกดาบขึ้นมารับการโจมตีเอาไว้ได้ทำให้เฟอร์ดิอุสรู้สึกทึ่งอยู่พักหนึ่ง
“โอ้ เจ้าสามารถรับหอกของข้าได้ด้วยงั้นหรอเนี่ย”
พ่นไอพิษสีม่วงแห่งความตายโจมตีใส่โซเบลทำให้โซเบลสูดดมพิษนั้นเข้าไปเต็มปอด โดยหารู้ไม่ว่าพิษที่เฟอร์ดิอุสพ่นใส่โซเบลนั้นเป็นพิษมรณะที่จะทำให้คนติดพิษหายใจไม่สะดวก มีอาการไอเป็นเลือด วิงเวียนศีษระ และจะค่อยๆเจ็บสะท้านไปทั่วร่างกายอย่างช้าๆจากการถูกพิษกัดกินจากภายใน จนทำให้ไม่สามารถขยับร่างกายได้ดั่งใจนึก
โซเบลที่โดนพิษของเฟอร์ดิอุสเขาก็พยายามที่จะตั้งสติและโฟกัสกับการต่อสู้ แต่ดูเหมือนว่าพิษที่อยู่ในร่างกายของจะทำให้ประสาทสัมผัสของเขาเสื่อมสภาพลงอย่างรวดเร็ว หูของเขาเริ่มอื้อ สายตาเริ่มพร่าเบลอ ร่างกายเริ่มสัมผัสต่อสิ่งเร้ารอบข้างไม่ได้นอกจากความเจ็บปวดภายในตลอดเวลา และความสามารถในการใช้เวทย์มนต์ลดลงจนเขาไม่สามารถร่ายเวทย์ลมหายใจมังกรได้ จนสุดท้ายเขาก็เกิดอาการหมดแรงชั่วขณะทำให้ร่างของโซเบลค่อยๆร่วงลงสู่พื้นโลกในระดับความสูง 80 กิโลเมตร
“(ร่างกายเรา…กำลังสูญเสียการควบคุม….นี่เรา…กำลังจะตายอย่างงั้นหรอ)” โซเบลนึกสงสัยขึ้นมาในใจ แต่ในขณะเดียวกันที่ร่างของโซเบลกำลังตกลงสู่พื้นโลกด้วยความเร็งสูงนี้เอง เฟอร์ดิอุสก็บินวกกลับมาหาเขาอีกครั้งเพื่อเปิดฉากพุ่งโจมตีใส่อีกระลอกใหญ่ในจังหวะที่โซเบลไม่สามารถป้องกันตัวเองได้
เปรี้ยงงงง!!! ฟรู้วววววว!!!
เฟอร์ดิอุสใช้หอกเกลียวคลื่นทมิฬปักเข้าตามร่างกายของโซเบลก่อนที่หอกเกลียวคลื่นจะระเบิดเป็นคลื่นใบมีดสีดำเฉือนตามร่างกายโซเบลอย่างรุนแรง ทำให้โซเบลรู้สึกเจ็บปวดแสนสาหัสแต่เนื่องจากขนาดร่างกายที่ใหญ่โตและมีความแข็งแกร่งกว่าเป็นทุนเดิมก็ยังพอให้เขาสามารถทนรับต่อความเจ็บปวดและความเสียหายที่เกิดขึ้นได้
“ฉันน่ะ…ไม่มีทางยอมแพ้ให้กับแกหรอกน่า!!!”
โซเบลตะโกนออกมาสุดเสียงก่อนจะพยายามรวบรวมสติและทนต่อความเจ็บปวดทั้งหมด จากนั้นเขาก็พยายามโฟกัสมองหาเฟอร์ดิอุสที่บินวนอยู่รอบๆตัวเขาไปมาด้วยความเร็วสูงในระหว่างที่ร่างของเขากำลังตกลงพื้นโลก
เขาพยายามคาดเดาทิศทางของมันและมองการเคลื่อนไหวของมันให้ออกจนเขานึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ก่อนที่เฟอร์ดิอุสจะหักลำบินพุ่งเข้ามาหาเขาพร้อมกับยื่นหอกเกลียวคลื่นทมิฬเล่มใหญ่พุ่งตรงมาที่ร่างของโซเบลเพื่อปลิดชีพ
“เท่านี้ก็จบล่ะ!”
“ยังหรอกน่า….!!!” เมื่อสิ้นเสียงคำพูดของโซเบล เขาก็ไม่รอช้ารอให้เฟอร์ดิอุสบินเข้ามาใกล้ๆในระยะที่เขาต้องการ ก่อนที่เขาจะทำในสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน
โฮร่กกกกกกก~~~!!!!!!!!
โซเบลรวบรวมลมหายใจทั้งหมดที่มีเฮือกใหญ่ๆ แผดเสียงร้องคำรามของมังกรเพลิงในตำนานออกมาดังสนั่นไปทั่วท้องฟ้า พร้อมกับปลดปล่อยเปลวความร้อนออกมาจากร่างกายอย่างยิ่งยวด จนแม้แต่กลุ่มของไกอัสที่ยืนมองจากบนพื้นโลกยังได้ยินมาแต่ไกลๆ
เสียงคำรามของโซเบลนั้นเสียดแทงเข้าไปในรูหูของเฟอร์ดิอุสและเปลวความร้อนก็ได้แผดเผาร่างกายบางส่วนของมัน ส่วนสาเหตุที่มันไม่หลบการโจมตีนั้นเป็นเพราะความประมาทที่มันนั้นมั่นใจในชัยชนะและฝีมือของตัวเองมากคนเกินไป ทำให้มันเกิดอาการแก้วหูเกือบระเบิดและหูดับไปสักพักใหญ่ๆเปิดอาการให้โซเบลผลิกตัวกลางอากาศแล้วบินเข้ามาใช้ดาบพุ่งเข้ามาฟันได้สำเร็จ
ฟิ้งงงงงง!!!!!
เฟอร์ดิอุสที่เพิ่งตั้งสติได้เห็นว่าโซเบลกำลังบินพุ่งเข้ามาใช้ดาบจะเข้ามาฟัน มันก็รีบยกหอกเกลียวคลื่นทมิฬขึ้นมาป้องกันคมดาบของโซเบลเอาไว้อย่างร้อนรน แต่เป็นที่รู้กันดีว่าแม้เฟอร์ดิอุสจะเป็นมังกรปีศาจแห่งความมืดที่เร็วที่สุดแต่ในสภาพเวลานี้มันได้รับบาดเจ็บสาหัสและมันก็ไม่ได้แข็งแกร่งหรือมีพละกำลังเทียบเท่าโซเบลแต่อย่างใด สุดท้ายมันก็ไม่อาจจะทนรับแรงกระแทกจากดาบของโซเบลได้
สุดท้ายมันถูกคมดาบมังกรเพลิงที่มีความร้อนยิ่งกว่าดวงอาทิตย์หลายพันล้านเท่าฟันเข้าไปที่จิตวิญญาณแห่งธาตุของมันทำให้มันได้รับบาดเจ็บแสนสาหัสอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทำให้มันตกลงไปโหม่งพื้นโลกเบื้องล่างในที่สุด
โคร้มมมมมมมมม!!!!!!!!!
ร่างของเฟอร์ดิอุสร่วงลงจากฟากฟ้าด้วยความเร็วสูงอย่างไม่น่าเชื่อ ก่อนจะตกลงมากระแทกพื้นเบื้องล่างอย่างแรง จนทำให้พื้นที่หน้าดินบริเวณรอบๆเกิดเป็นหลุมลึกหลายสิบเมตร เฟอร์ดิอุสที่ตกลงมากระแทกพื้นอย่างแรงถึงกับกระอักน้ำลายออกมา ก่อนที่โซเบลจะดิ่งตัวเองตามลงมาเพื่อจบงาน
“บ้าน่า…..นี่ข้า…ถูกโจมตีอย่างงั้นเรอะ… ?! ” ในระหว่างที่เฟอร์ดิอุสกำลังบ่นรำพึงรำพันกับตัวเองอยู่นั้น โซเบลก็ได้กระโดดลงมาจากท้องฟ้าพร้อมกับดาบมังกรเพลิงในมือ แต่เขาก็อยู่ในสภาพที่ไม่สู้ดีนักเพราะยังถูกพิษกัดกินจากภายในอยู่
โซเบลไม่รอช้าเขาได้ทำการปล่อยคลื่นดาบเพลิงโจมตีไปที่ปีกของเฟอร์ดิอุสทั้งสองข้าง ทำให้ปีกของมันได้รับความเสียหายจนไม่สามารถบินได้ดีเหมือนแต่ก่อน เฟอร์ดิอุสที่โดนโซเบลใช้พลังจากดาบมังกรเพลิงทำลายปีกมันก็ส่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดและมันก็จ้องมองโซเบลด้วยความโกรธแค้นที่บังอาจมาทำลายปีกอันเป็นความภาคภูมิใจของมันอย่างไม่มีชิ้นดี
“เจ้าบังอาจมากนักนะ!!! เจ้ามังกรเพลิงโซเบล!!”
“ในเมื่อจุดแข็งของแกคือปีกที่สามารถทำให้แกบินด้วยความเร็วสูงจนศัตรูมองไม่ทันและโจมตีไม่โดน…ฉันก็เลยเลือกที่จะทำลายปีกของแกไปก่อนยังไงล่ะ…ถ้าไม่มีปีกคู่นั้น แกก็ไม่ต่างอะไรกับนกที่บินไม่ได้นั่นแหละ….*เฮือก…..เฮือก….*” โซเบลพูดด้วยน้ำเสียงที่โรยรินพร้อมกับสูดลมหายใจเข้าออกเหมือนคนเป็นโรคหอบตลอดเวลาจากอาการติดพิษ และเหมือนว่าเขาจะใกล้หมดสติเต็มที และตอนนี้เขาก็เดินเข้าไปหาเฟอร์ดิอุสอย่างช้าๆเพื่อจะใช้ดาบมังกรเพลิงสังหารเฟอร์ดิอุสให้สิ้นซาก
โซเบลพยายามที่จะก้าวขาเดินตรงเข้าไปหาเฟอร์ดิอุส แต่ดูเหมือนว่าทุกครั้งที่เขาก้าวเดินเขาจะรู้สึกปวดสะท้านจนแทบอยากจะล้มลงเสียตรงนั้น อีกทั้งอาการตาพร่าเบลอและวิงเวียนศีษระมันก็ทำให้เขาอยากจะล้มฟุบหมดสติไปเสียตรงนี้ให้มันรู้แล้วรู้รอดกันไป แต่ถ้าหากเขามาหมดสติในเวลานี้เฟอร์ดิอุสก็อาจจะหนีไปได้และอาจจะกลับมาล้างแค้นอีก เขาจึงจำเป็นจะต้องตัดไฟตั้งแต่ต้นลมตอนนี้
“*เฮือก…..เฮือก…* (อีกนิดเดียว….อีกแค่นิดเดียว….เราก็จะจัดการมังกรปีศาจตัวนี้ได้แล้ว….) *อึก…* ”
ดูเหมือนว่าร่างกายของโซเบลจะเริ่มรับไม่ไหว สุดท้ายโซเบลก็ล้มฟุบลงหมดสติไปพร้อมกับดาบมังกรเพลิงที่สลายหายไปหลังจากที่เจ้าของไม่สามารถใช้งานมันได้อีก นั่นจึงทำให้เฟอร์ดิอุสที่อยู่ในสภาพบาดเจ็บสาหัสกะจะใช้จังหวะนี้ใช้หอกเกลียวคลื่นทมิฬเสียบทะลุศีษระของโซเบลซึ่งหากมันทำสำเร็จมันจะเป็นฝ่ายชนะและจะเป็นมังกรปีศาจบรรพกาลตนแรกที่สามารถสังหารมังกรธาตุในตำนานได้ถึง 2 ตนในคราวเดียว
เฟอร์ดิอุสขึ้นไปอยู่บนศีษระของโซเบลพร้อมกับจ่อหอกเกลียวคลื่นไปที่กลางหน้าผากของโซเบลเตรียมที่จะแทงลงศีษระของโซเบลเพื่อปลิดชีพ
“จงตายไปพร้อมกับอาร์เบดอร์สสะเถอะ…มังกรเพลิงโซเบล….ชัยชนะนี้ตกเป็นของข้าแล้ว…”
ในระหว่างที่เฟอร์ดิอุสกำลังจะแทงหอกลงไปอยู่นั้นเอง จู่ๆ กลุ่มของไกอัสและเหล่าพลพรรคมังกรนักรบหลายสิบตัวก็บินตามมาสมทบหลังจากที่พวกเขาเห็นโซเบลบินกลับลงมาที่พื้นโลกอีกครั้ง
“ท่านโซเบลขอรับ~!!!”
“หึ…พวกตัวเกะกะมาแล้วสินะ…สงสัยครั้งนี้ข้าคงต้องปล่อยให้เจ้ามีชีวิตไปก่อน” เฟอร์ดิอุสยอมลามือและไม่ได้สังหารโซเบลตามที่มันตั้งใจไว้เนื่องจากการมาของกลุ่มไกอัส มันได้ใช้โอกาสที่เหลืออันน้อยนิดบินหนีไปจากที่นี่ทำให้ในที่สุดโซเบลก็รอดตายจากงื้อมือของเฟอร์ดิอุสมาได้
แต่ทว่ากลุ่มของไกอัสก็ต้องตกใจเมื่อพวกเขาพบว่าตอนนี้โซเบลอยู่ในอาการหมดสติจากการติดพิษมรณะของเฟอร์ดิอุส ทำให้พวกเขารีบพาตัวโซเบลกลับไปรักษาที่วิหารมังกรเพลิงทันที จนหลังนั้นกลุ่มของไกอัสก็มาพบกับโซเบลที่ในตอนนี้เขาได้กลายร่างเป็นร่างมนุษย์และมีอาการเจ็บปวดทรมานจนเห็นแถบเส้นเลือดตามร่างกายกลายเป็นสีม่วงที่เกิดจากอาการติดพิษมรณะ จนสเตลร่าที่ตามมาด้วยรีบเข้ามาดูอาการอย่างร้อนรน
“เกิดอะไรขึ้นกับท่านโซเบลหรือขอรับท่านสเตลร่า 0 0 ”
“แย่ล่ะสิ เขาติดพิษมรณะจากเฟอร์ดิอุสเข้าให้แล้วสิ”
“พิษนี้มันร้ายแรงมากแค่ไหนหรือขอรับ ท่านสเตลร่าถึงได้ตื่นตระหนกถึงขนาดนี้”
แรนแซคถามด้วยความสงสัย
“พิษมรณะแห่งความตายนี้ ใครก็ตามที่ติดพิษจากมังกรปีศาจนี่เข้าไป ก็ไม่มีเวทย์มนต์ใดรักษาให้หายได้ทั้งนั้นจนกว่าเจ้าตัวจะตาย”
เมื่อกลุ่มของไกอัสได้ยินดังนั้นก็ถึงกับตกใจเป็นอย่างมากเมื่อรู้ความจริงเรื่องนี้ ก่อนที่ไกอัสจะถามสเตลร่าถึงวิธีอื่นที่อาจจะช่วยชะลออาการติดพิษนี้
“แล้วไม่มีวิธีใดที่จะช่วยทุเลาหรือระงับอาการจากพิษนี้เลยหรือขอรับ 0 0 ”
สเตลร่าเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะให้คำตอบกลับกลุ่มไกอัสว่า
“ที่จริงมันก็มีวิธีถอนพิษอยู่ แต่ฉันไม่แน่ใจว่าพวกนายจะหาไอเทมวัตถุดิบมาได้รึเปล่า เพราะของที่ฉันต้องการล้วนเป็นไอเทมระดับตำนานทั้งนั้นซึ่งนานๆทีจะเกิดขึ้นทุกหนึ่งล้านปี”
กลุ่มไกอัสเมื่อได้ยินว่าไอเทมที่สเตลร่าต้องการให้ไปหาเป็นของหายากระดับตำนานและเกิดขึ้นทุกๆ 1 ล้านปีก็พากันมองหน้ากันยกใหญ่ด้วยความตะลึง ก่อนที่ฮามัสจะออกปากถามขึ้นมา
“ท่านสเตลร่าต้องการให้พวกข้าน้อยไปหาของสิ่งใดมาช่วยท่านโซเบลหรือเจ้าคะ ? ”
ในระหว่างที่สเตลร่ากำลังจะบอกวัตถุดิบที่เธอต้องการนำมาสร้างเป็นยาถอนพิษอยู่นั้น จู่ๆ อาร์เบดอร์สในร่างชายหนุ่ม ทรงผมหางม้าสีเขียว ดวงตาสีเขียวอ่อน สวมเกราะเบา ใส่เสื้อคลุมยาวสีขาวมีตราสัญลักษณ์มังกรลมในตำนานสีเขียวเรืองๆอยู่ด้านหลัง กางเกงขายาว ก็ได้เดินมาในสภาพที่บาดเจ็บและยูเรเซียในร่างสาวน้อยใส่ชุดกระโปรงโทนสีชมพูน่ารักๆเดินช่วยพยุงเข้ามาหาทุกคน และในมือของเขาก็มีขวดยาสีเหลืองบางอย่างอยู่ในมือ
“ไม่ต้องไปหาที่ไหนไกลหรอก ยาแก้พิษอยู่นี่แล้ว”
ทุกคนหันไปมองขวดยาแก้พิษที่อยู่ในมืออาร์เบดอร์ส ก่อนที่สเตลร่าจะเดินเข้าไปรับขวดยาจากเขา
“นายมียาแก้พิษด้วยหรอเนี่ย”
“พอดีข้าคิดว่าในอนาคตข้างหน้าอาจจะมีใครสักคนในกลุ่มของพวกเราติดพิษมรณะของเฟอร์ดิอุสเข้า ข้าก็เลยใช้เวลาหลายพันล้านปีที่ผ่านมานี้อดทนเก็บรวบรวมวัตถุดิบมาสร้างเป็นยาแก้พิษนี้โดยเฉพาะน่ะ และดูเหมือนสิ่งที่ข้าทำไปจะไม่สูญเปล่านะ”
สเตลร่าที่ได้ยินอาร์เบดอร์สบอกมาแบบนั้นเธอก็ทำหน้าอมยิ้มเล็กน้อย
“อย่างงั้นหรอ ถ้างั้นฉันก็ขอขอบใจนายด้วยนะ ทีแรกฉันคิดว่าพวกเราจะต้องปล่อยให้โซเบลนอนทรมานไปทั้งอย่างงี้”
“ท่านอาร์เบดอร์สช่างเป็นคนที่มองการณ์ไกลจริงๆเจ้าค่ะ ^ ^ ”
“เจ้าอย่ามัวชักช้าเลย รีบพาเขากลับไปที่วิหารมังกรเพลิงและให้ยาถอนพิษก่อนเถอะ”
“อืมม”
หลังจากนั้นสเตลร่าและกลุ่มของไกอัสก็รีบพาร่างไร้สติของโซเบลกลับไปรักษาที่วิหารมังกรเพลิงตามคำแนะนำของอาร์เบดอร์สทันที
.
.
.
.
ณ นครหลวงเดนิส
ในวันเดียวกันนี้เองราชาเอ็กซ์โซสที่ 2 ได้นัดแนะหารือกับกลุ่มหัวหน้ากองอัศวินมังกรสีเงินแห่งเซซิล่าร์
‘กองอัศวินมังกรสีเงิน’ คือกองทหารระดับหัวกะทิที่ขึ้นชื่อเรื่องความแข็งแกรงระดับชั้นแนวหน้าของอาณาจักรเซซิลล่าณ์ ทหารทุกนายที่ได้มาอยู่ในกองอัศวินมังกรสีเงินจะต้องผ่านการฝึกความอดทนต่อความเจ็บปวดแสนสาหัส อดทนต่อเวทย์มนต์ทุกรูปแบบ รวมไปถึงการฝึกเผชิญหน้ากับมังกรและสังหารมังกรให้ได้ด้วยตัวคนเดียว เพื่อให้ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นทหารผู้รับใช้ทายาทสายเลือดผู้กล้าลูซิสในตำนานผู้เคยพิฆาตมังกรเพลิงในตำนานเมื่อ 1,000 ปีก่อน
เมื่อผ่านการทดสอบพวกเขาจะได้รับเสื้อเกราะที่ทำมาจากเหล็กหายากเสริมพลังเวทย์ป้องกันหลายชั้นจากจอมเวทย์ชั้นสูงสีเงินมันวาวที่ทนทานต่อการโจมตีทุกรูปแบบจนแทบจะอยู่ยงคงกระพัน อีกทั้งยังจะได้รับดาบยาวมังกรสีเงินขนาดใหญ่ที่สามารถฟาดฟันเกล็ดของมังกรให้ขาดสะบั้นได้รวมไปถึงสามารถบั่นศีษระของมังกรทั่วไปได้สบายๆ กับโล่มังกรเงิน ที่สามารถป้องกันพลังเวทย์และการโจมตีกายภาพได้เกือบทุกรูปแบบ แม้แต่เปลวเพลิงที่ร้อนแรงของมังกรก็ไม่อาจจะทำอะไรพวกเขาได้
และในวันนี้ราชาเอ็กซ์โซสก็เรียกหัวหน้ากองอัศวินมังกรสีเงินทั้งหมด 4 คนให้มาเข้าพบในวังเพื่อที่จะหาวิธีในการกำราบราชาจักรพรรดิ์ปีศาจที่กำลังก่อความวุ่นวายทางตอนเหนือของอาณาจักร และเข่นฆ่าผู้คนไปมากมายเพื่อสร้างกองทัพปีศาจอันเดดของมันอย่างเร่งด่วน
“อย่างที่กระหม่อมเคยกล่าวทูลหลังจากได้รับรายงานมา ราชาจักรพรรดิ์ปีศาจและลูกสมุนของวางแผนการร้ายบางอย่างต่ออาณาจักรของพวกเรา หากปล่อยไว้พวกมันอาจจะยกทัพบุกมาตีเมืองหลวงของพวกเราได้ในอีกไม่ช้า”
“จากการประมาณการจำนวนทหารปีศาจของราชาจักรพรรดิ์ปีศาจคร่าวๆ กระหม่อมคาดการณ์ว่ามีไม่ต่ำกว่าหลักแสน ไม่รวมกองทัพปีศาจที่เกิดจากพิธีกรรมปลุกชีพจากซากศพของผู้คนที่พวกมันฆ่าไปอีกพะยะค่ะ”
ราชาเอ็กซ์โซสนั่งฟังคำอธิบายรายงานจากเหล่าหัวหน้ากองอัศวินมังกรสีเงินอย่างตั้งใจและสุขุม
“ฝ่าบาท กระหม่อมคิดว่าพวกเราน่าจะขอทัพสนับสนุนจากประเทศพันธมิตรใกล้เคียง เพื่อที่จะจบสงครามระหว่างเผ่ามนุษย์กับเผ่าปีศาจลงโดยเร็วพะยะค่ะ”
“อืมม….ไอ้เรื่องที่จะให้เราส่งสารไปขอความช่วยเหลือจากอาณาจักรอื่นในยามที่พวกเรากำลังตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบากนั้นย่อมเป็นเรื่องที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ แต่พวกท่านก็อย่าลืมว่าหากพวกเราทำแบบนั้นจะเป็นการแสดงความอ่อนแอของกองทัพเราให้ประเทศอื่นเห็น และบางทีอาจจะมีปัญหาอย่างอื่นตามมาในระยะยาวก็เป็นได้”
เมื่อเหล่าหัวหน้ากองอัศวินมังกรสีเงินได้ยินราชาตรัสแบบนั้น พวกเขาก็ฉุดนึกขึ้นได้เพราะถ้าหากอาณาจักรเซซิลล่าร์อาณาจักรผู้ที่เคยพิชิตมังกรเพลิงในตำนานต้องขอความช่วยเหลือจากประเทศอื่นในการจัดการกองทัพราชันจักรพรรดิ์ปีศาจ จะเป็นการเสื่อมเสียเกียรติยศและความภาคภูมิใจในฐานะอาณาจักรผู้พิชิตมังกรเพลิงได้ และจะถูกมองว่าไร้น้ำยาที่ไม่สามารถจัดการกองทัพปีศาจได้
“ถ้าเช่นนั้น…พวกกระหม่อมและกองทหารอัศวินสีเงินทั้งหมด จะขออุทิศชีวิตและถวายหัวใจทั้งหมดต่อสู้เพื่ออาณาจักรเซซิลล่าร์ที่รุ่งโรจน์ของพวกเรา ตามเจตจำนงของปฐมกษัตริย์ลูซิสผู้พิชิตมังกรเพลิงพะยะค่ะ!!”
ราชาเอ็กซ์ได้ลุกขึ้นยืนจากบัลลังก์หลังจากได้ฟังคำปฏิญานของกลุ่มหัวหน้ากองอัศวินมังกรสีเงิน ก่อนจะยืนมือออกไปด้านหน้าแล้วประกาศก้องออกไปว่า
“เอาล่ะ ในเมื่อพวกท่านตระหนักรู้ดังนั้นแล้วจงหยิบดาบของพวกท่านขึ้นมาแล้วแสดงพลังของท่านให้ราชันจักรพรรดิ์ปีศาจได้เห็นเป็ขวัญตา และอาณาจักรเซซิลล่าร์จะไม่ให้ใครมาย่ำยีเกียรติยศและศักดิ์ศรีเด็ดขาด!!”
“โอ้!!!”
พูดจบเหล่าหัวหน้ากองอัศวินก็ลุกขึ้นพร้อมกับชูดาบมังกรสีเงินที่เป็นความภาคภูมิใจของพวกเขาและอาณาจักรขึ้นเหนือศีษระกันอย่างคึกคัก
หลังจากนั้นการหารือก็สิ้นสุดลง ก่อนที่อำมาตย์หลวงจะนำเรื่องสำคัญภายในมารายงานให้ราชาเอ็กซ์โซทราบถึงแผนการบางอย่างที่ราชาเอ็กซ์โซสต้องการเก็บไว้เป็นความลับเฉพาะ
“ทูลฝ่าบาท กระหม่อมได้ดำเนินแผนการตามรับสั่งแล้วพะยะค่ะ”
“อย่างงั้นหรอ แล้วพวกเขาเหล่านั้นอยู่ไหนล่ะ”
พูดไม่ทันขาดคำ อำมาตย์ก็ได้ตะโกนบอกให้คนกลุ่มคนที่ราชาเอ็กซ์โซสเอ่ยถึงให้เข้าพบทันที และกลุ่มคนที่ราชาเอ็กซ์โซสเรียกตัวให้มาเข้าพบนั้นก็คือ กลุ่มดราก้อน สเลเยอร์ ลาเนีย ที่ประกอบไปด้วย 'ลาเนีย' แกะสาวตัวน้อยเผ่าเฟอร์รี่ที่มาพร้อมกับธนูราตรีอาวุธคู่ใจของเธอ ‘เร็กซ์’ หมาป่าหนุ่มเผ่าเฟอร์รี่และที่ดาบใหญ่เล็กมังกรสะพายที่ด้านหลัง ‘ทอร์เรนต์’ หนุ่มน้อยจิ้งจอกนักปรุงยาเผ่าเฟอร์รี่ ที่รอบตัวเขาพกขวดยาพิษหลากชนิดเต็มไปหมด และสุดท้าย 'อัลเบโด' ลิซาร์ดแมนนักเวทย์ผู้มากความสามารถ
เฟอร์รี่นักล่ามังกรทั้ง 4 เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าบัลลังก์ก่อนจะคุกเข่าถวายความเคารพแด่ราชาเอ็กซ์โซสที่ 2 ก่อนที่ราชาเอ็กซ์โซศจะเอ่ยขึ้นมาว่า
“ถวายบังคมพะยะค่ะ/เพคะ”
“เชิญทำตัวตามสบาย"
“ฝ่าบาทได้เชิญท่านอำมาตย์เรียกกลุ่มของกระหม่อมให้เข้าเฝ้า มีเรื่องอันใดให้เหล่ากระหม่อมช่วยเหลือหรือเพคะ”
ราชาเอ็กซ์โซสนั่งลงบัลลังก์อย่างสุขุมก่อนจะพูดเข้าเรื่องถึงสาเหตุที่เขาต้องเรียกกลุ่มของลาเนียให้มาเข้าพบในวันนี้
“เหตุที่เราเรียกให้พวกท่านมาเข้าเฝ้าในวันนี้ เพราะเรามีภารกิจสำคัญบางอย่างที่อยากจะไว้วานให้พวกท่านไปจัดการแทนเราสักหน่อย แต่ไม่รู้ว่าพวกท่านจะทำงานนี้สำเร็จได้รึเปล่า”
“ฝ่าบาททรงโปรดรับสั่งมาเถิด พวกกระหม่อมพร้อมที่จะทำภารกิจนั้นให้สำเร็จลุล่วงไม่ว่าภารกิจนั้นจะยากเย็นแสนเข็ญเพียงใดก็ตาม”
เร็กซ์กล่าว
“ดี ถ้าเช่นนั้น…เราอยากจะให้พวกท่านที่เป็นดราก้อน สเลเยอร์ เดินทางไปกำราบมังกรเพลิงในตำนานโซเบลที่อาณาจักรโซเบลลิสที่เพิ่งสถาปนาขึ้นใหม่ให้หน่อย”
เมื่อกลุ่มล่ามังกรลาเนียได้ยินคำไว้วานดังนั้น พวกเขาถึงกับตกตะลึงเมื่อราชาเอ็กซ์โซสบอกให้พวกเขาไปสังหารราชันมังกรเพลิงโซเบลที่ปกครองอาณาจักรโซเบลลิส จนเฟอร์เรี่ยนทั้ง 4 ถึงกับหันมามองหน้ากันเลิกลั่ก
“ว่ายังไงล่ะ ตกลงพวกท่านจะทำภารกิจนี้ให้เรารึเปล่า”
กลุ่มของลาเนียที่ถูกราชาเอ็กซ์โซสถามย้ำอีกรอบ ด้วยความเกรงอกเกรงใจพวกเขาจึบออกปากรับคำโดยไม่กล้าที่จะปฏิเสธคำขอนั้น
“น้อมรับบัญชาพะยะค่ะ/เพคะ”
หลังจากนั้นกลุ่มนักล่ามังกรลาเนียก็คำนับบอกลาราชาเอ็กซ์โซสก่อนที่พวกเขาจะเดินทางไปยังอาณาจักรโซเบลลิสเพื่อสังหารมังกรเพลิงโซเบลตามคำสั่งของราชาเอ็กซ์โซส แต่ดูเหมือนอำมาตย์หลวงจะมีข้อสงสัยบางอย่างผุดขึ้นมาในใจ เขาจึได้ถามกับราชาเอ็กซ์โซสว่า
“อืมม เรียนฝาบาท กระหม่อมมีเรื่องสงสัยบางอย่างที่อยากจะถามพระองค์สักหน่อยพะยะค่ะ”
“ท่านอำมาตย์สงสัยในเรื่องอะไรงั้นหรอ”
“เรียนฝ่าบาท ในเมื่อพระองค์มีเกราะมังกรเงินกับดาบล่ามังกร สมบัติตกทอดราชวงศ์ลูซิเนียที่สามารถกำราบมังกรได้ทุกตัวบนโลกใบนี้ เหตุใดพระองค์ถึงไม่แต่งองค์ออกศึกไปกำราบมังกรเพลิงโซเบลด้วยพระองค์เองล่ะพะยะค่ะ”
“ท่านอำมาตย์ ท่านน่าจะรู้ดีว่าสถานการณ์ในตอนนี้นั้น อาณาจักรโซเบลลิสได้ส่งทูตตัวแทนเจรจาขอสานสัมพันธไมตริไปทั่วทุกอาณาจักรใกล้เคียงและให้ความช่วยเหลือผู้คนที่ทุกข์ยากมาตลอดหลายเดือนที่ผ่านมานี้ และดูเหมือนอาณาจักรเหล่านั้นก็มีท่าทีตอบรับไมตรีจากมังกรเพลิงโซเบลเป็นอย่างดีจากการที่มังกรเพลิงโซเบลหยิบยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือผู้คนที่เป็นราฏษรของพวกเขาด้วย
“แต่ว่า ปัญหาภายในทั้งหมดของแต่ละอาณาจักรเป็นหน้าที่ของราชาของอาณาจักรนั้นๆไม่ใช่หรือพะยะค่ะ การที่มังกรเพลิงโซเบลทำเช่นนั้นไม่เป็นการล่วงล้ำอธิปไตยของอาณาจักรนั้นหรือพะยะค่ะ ? ”
“ก็จริงอย่างที่ท่านกล่าวมาท่านอำมาตย์ แต่ประเด็นมันอยู่ตรงที่ว่า….มังกรเพลิงโซเบลไม่ได้เป็นคนเข้าไปหาผู้คนที่กำลังได้รับความเดือดร้อนถึงที่ แต่เป็นผู้คนเหล่านั้นต่างหากที่ไปหามังกรเพลิงโซเบลเสียเอง เพราะอย่างนั้นผู้คนจากทั่วสารทิศไม่ว่าจะมาจากที่ใดต่างก็เดินทางไปหามันเพื่อให้มังกรเพลิงโซเบลช่วยเหลือ”
“ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีไม่ใช่หรือพะยะค่ะ ที่มังกรเพลิงโซเบลได้ประกาศเป็นประเทศเป็นกลางในสงครามเพื่อช่วยเหลือผู้คนที่ได้รับผลกระทบจากสงครามและความอดอยาก แล้วเหตุใดพระองค์ถึงได้ส่งกลุ่มนักล่ามังกรไปสังหารมังกรเพลิงโซเบลอีกพะยะค่ะ”
"ท่านอำมาตย์ ท่านน่าจะรู้ดีว่าอาณาจักรเซซิลล่าร์และราชวงศ์ลูซิเนียอยู่ยั้งยืนยงมาได้จนถึงทุกวันนี้เป็นเพราะใคร ก็เพราะชื่อเสียงและวีรกรรมของราชาลูซิสที่เคยสร้างวีรกรรมและความกล้าหาญเอาไว้ในการสังหารมังกรเพลิงปีศาจผู้ชั่วร้ายจนผู้คนให้การสนับสนุนเคารพเทิดทูลมาตลอดหลายพันปีไม่ใช่หรือ เพราะงั้นเราจะยอมปล่อยให้ประชาชนของเราหันไปเคารพเชิดชูบูชาอดีตศัตรูของเราที่มันทำลายล้างอารยธรรมจนเกือบจนจะสูญสิ้นไปจนหมดโลกนี้หน้าตาเฉยอย่างงั้นหรอ ? ”
เมื่ออำมาตย์หลวงได้ยินดังนั้นก็เกิดฉุดคิดขึ้นมาได้ว่าตัวเขานั้นกำลังคล้อยตามแนวคิดของมังกรเพลิงโซเบลจนเกือบจะหลงออกจากกรอบธรรมเนียมปฏิบัติของราชวงศ์ลูซิเนียไปโดยปริยาย
“ขอบพระทัยฝ่าบาทเป็นอย่างยิ่งที่พระองค์ทรงตักเตือนให้กระหม่อมไม่คิดออกนอกลู่นอกทางจากเจตจำนงของราชวงศ์ลูซิเนีย พระองค์ทรงตรัสเอาไว้อย่างถูกต้องแล้ว มังกรเพลิงโซเบลที่ฟื้นคืนชีพกลับมานั้นคือมังกรเพลิงปีศาจที่เคยทำลายโลกนี้มาแล้วและสมควรที่จะถูกกำจัดเมื่อตอนที่ยังมีโอกาส”
“แต่ตอนนี้ผู้คนกำลังให้ความสนใจเจ้ามังกรเพลิงโซเบลนั่นอยู่ หากเราลงมือด้วยตัวเองอาจทำให้ราษฏรเสื่อมศรัทธาในราชวงศ์อย่างยิ่งยวดได้ เพราะฉันนั้นเราจึงต้องขอยืมมือจากใครบางคนมาทำงานนี้แทน”
“กระหม่อมเข้าใจแล้วพะยะค่ะ”
อำมาตย์หลวงคำนับพร้อมกับรับคำ ส่วนราชาเอ็กซ์โซสก็ตั้งหน้าตั้งตารอฟังข่าวคราวจากกลุ่มนักล่ามังกรลาเนียต่อไป
ความคิดเห็น