คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 2: หมู่บ้านภูติเห็ดตัวจิ๋ว
ืในป่าที่เงียบสงบ เสียงนกดังแจวจาวไปทั่วป่า มินเตอร์ป่ามากมายออกหากินเหมือนทุกวัน แต่แล้วก็มีสิ่งมีชีวิตอยู่สายพันธุ์หนึ่งที่มีชื่อว่า 'มัชรูมี่' สิ่งมีชีวิตจำพวกภูติมอนเตอร์ ที่มีลักษณะทางกายภาพคล้ายกับเห็ดภูติตัวจิ๋ว สูง 20 ซม รูปร่างเป็นมนุษย์เห็ดตัวเล็ก มีจุดดำๆบนใบหน้าเป็นดวงตาเล็กๆ และมีมุมปากขนาดเล็กน่ารัก
พวกมัชรูมี่ เป็นสิ่งมีชีวิตมอนเตอร์ที่มีสติปัญญาและมีความฉลาดในระดับหนึ่ง พวกมันมักมีนิสัยซุ่มซ่าม ขี้ตกใจ จึงมักถูกสิ่งมีชีวิตอื่นไล่ล่าทุกครั้ง
แต่พวกมันสามารถพูดภาษามนุษย์และสามารถเรียนรู้ทำความเข้าวิทยาการของสิ่งมีชีวิตทรงภูมิได้หากพวกมันอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม ไร้การรบกวนจากภัยคุกคามจนสามารถสร้างหมู่บ้านอาณานิคมเล็กๆในป่าได้
แต่ถึงอย่างนั้นพวกมันก็มักจะถูกมนุษย์จับไปทำเป็นส่วนประกอบของอาหารบางครั้งไม่ก็ถูกมอนเตอร์ตัวอื่นๆที่ตัวใหญ่และแข็งแกร่งกว่ารังแก
และในวันนี้เองก็มีกลุ่มมัชรูมี่จำนวน 3-4 ตัวกำลังช่วยกันขนสมุนไพรกับเนื้อกลับไปที่หมู่บ้านหลังจากหาเก็บในป่ามาได้เต็มตะกร้า
มัชรูมี่ A: วันนี้พวกเราได้สมุนไพรกลับมาเยอะแยะเลยเนอะ ^w^
มัชรูมี่ B: นั่นจิ วัตถุดิบเยอะขนาดนี้พวกเราจะเอาไปปรุงอะไรกันดีนะ ^ ^
ในระหว่างที่พวกมัชรูมี่กำลังเดินทางกลับและพูดคุยจิปาถะตามทางอยู่นั้น ก็ปรากฏเป็นเงาของสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ร่างหนึ่ง มันคือ 'เซเรีย เบิร์ด' สิ่งมีชีวิตคล้ายนกกระจอกเทศ มีขนสีดำปกคลุมทั่วตัว มีจะงอยปากสีม่วงโค้งลงพื้น มีซี่ฟันจำนวนมากสำหรับบดเนื้อในปาก สูง 3 เมตร มีปีกยาว 2 เมตรมีขนรกรุงรังที่ใช้บินไม่ได้ มีอุ้งเท้าที่เต็มไปด้วยกรงเล็บแหลมคม มีนิสัยดุร้าย กินได้ทั้งพืชและสัตว์เป็นอาหาร และตะกละตะกราม
แคว๊กกกก!!!!
มัชรูมี่ C: หว๊าาา!!! นั่นเจ้านกเซเรียจอมตะกละนี่นา 0 0 !!
มัชรูมี่ D: หนีเร็ว~!! *ว๊าาายย~!!*
พวกมัชรูมี่ต่างพากันวิ่งหนีกันอย่างสุดชีวิต ส่วนเจ้านกเซเรียจอมตะกละก็วิ่งไล่กวดหวังจะจับพวกมัชรูมี่กิน
โคร้มมม!!!
ว๊าาายย~!! ง๊าาาา~!!!
นกเซเรียวิ่งไล่กวดเหล่ามัชรูมี่มาได้สักพักหนึ่ง ก่อนที่ภายหลังมันจะใช้อุ้งเท้าของมันกระแทกไปที่กลุ่มมัชรูมี่อย่างแรง เพื่อทำให้พวกมัชรูมี่เสียหลักทั้งกลุ่ม ก่อนจะทำการจับกินทีละตัวง่ายๆ
มัชรูมี่ A: ช่วยด้วยยย~ .> <. !!!!
มัชรูมี่ตัวแรกถูกนกเซเรียใช้จะงอยปากจับยกขึ้นมาจากพื้น และเตรียมจะโยนเข้าปากเพื่อกินพร้อมกับเสียงร้องขอความช่วยเหลือทั้งน้ำตาด้วยความหวาดกลัวสุดชีวิต ส่วนเพื่อนตัวอื่นๆนั้นก็เอาแต่สั่นกลัวทำอะไรไม่ถูกและมองดูเพื่อนมัชรูมี่ผู้โชคร้ายถูกกินไปต่อหน้าต่อตา
ในขณะที่กลุ่มมัชรูมี่กำลังตกอยู่ในอันตรายอยู่นั้นเอง จู่ๆ ก็มีร่างมังกรขนาดใหญ่ปรากฏเข้ามาที่ด้านหลังของเจ้าเซเรียเบิร์ดจอมตะกละ
เงาสีดำขนาดใหญ่นั้นเคลื่อนเข้ามาปกคลุมทั้งกลุ่มมัชรูมี่และรกเซเรียจนมิดทั้งกลุ่มได้สบายๆ ก่อนที่พวกมัชรูมี่และนกเซเรียจอมตะกละจะหันไปมองที่ร่างร่างนั้นด้วยความสงสัย จนพวกมันได้เห็นร่างมังกรขนาดใหญ่ มีเกล็ดสีแดงเพลิง มีแกนจิตวิญญาณแห่งธาตุอยู่ที่หน้าอก และเมื่อพวกมันเงยหน้าขึ้นไปก็ต่างพากันตกใจเมื่อพวกมันรู้แล้วว่า มังกรกายสีแดงเพลิงที่อยู่ตรงหน้านี้คือ มังกรเพลิงในตำนานโซเบล นั่นเอง
แคว๊กกกก!!!!
เจ้านกเซเรียจอมตะกละเมื่อเห็นว่ามังกรเพลิงในตำนานมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ มันจึงรีบทิ้งมัชรูมี่ที่คาบอยู่ในปากทิ้งไปในทันทีก่อนจะวิ่งไปพลางกระโดดไปพลางด้วยความหวาดกลัวสุดชีวิต จนเหลือแค่กลุ่มมัชรูมี่ที่น่าสงสารเท่านั้นที่นั่งตัวแข็งจะหนีก็หนีไปไหนไม่ได้
โซเบลที่เห็นกลุ่มมนุษย์เห็ดตัวจิ๋วกำลังนั่งจ้องมองเขาด้วยความหวาดกลัวก็รู้สึกสงสัย เขาจึงลองยื่นหน้าลงมาเพื่อมองให้ชัดๆ แต่นั่นก็ยิ่งทำให้พวกมัชรูมี่ยิ่งหวาดกลัวมากขึ้นไปอีก
มัชรูมี่ C: น...นั่นมัน...ม...มังกรเพลิงในตำนาน...ซ...โซเบลนี่นา... 0 0 ?!!
มัชรูมี่ D: ม...ไม่ใช่ว่าเขาถูกผู้กล้าลูซิส ผู้พิชิตมังกรเพลิงสังหารไปเมื่อพันปีที่แล้วไม่ใช่หรอ ?!
มัชรูมี่ B: ย....อย่าทำอะไรพวกเราเลย พวกเรากลัวแล้ว ได้โปรดอย่าฆ่าพวกเราเลยขอร้อง /.>~<.\
พวกมัชรูมี่นั่งสั่นกลัวร้องไห้ทั้งน้ำตาพร้อมกับพูดร้องของชีวิต
โซเบล: ใจเย็นก่อน ฉันไม่ได้ต้องการจะทำร้ายพวกนายหรอกนะ
แม้โซเบลจะพยายามพูดปลอบหรือแสดงตนเป็นมิตรต่อพวกมัชรูมี่ยังไง ก็ดูเหมือนว่าพวกมันก็ยังหวาดกลัวต่อพลังอำนาจและรูปลักษณ์ที่น่าเกรงขามของเขาอยู่ดี
ด้วยความจนปัญญาทำให้โซเบลยอมล่าถอยและตัดสินใจปล่อยพวกมัชรูมี่ไว้ที่นี่ ก่อนที่เขาจะหันหลังแล้วเดินจากไป
เมื่อโซเบลจากไปแล้ว เหล่ามัชรูมี่ที่กลัวจนตัวสั่นก็ต้องประหลาดใจที่มังกรเพลิงในตำนานนั้นไม่ทำอะไรพวกตนแต่ถึงอย่างนั้นสำหรับพวกมัชรูมี่แล้ว สิ่งที่พบเจอมาเมื่อครู่ถือว่าเป็นเรื่องคอขาดบาดตายเลยทีเดียว
.
.
.
.
วิหารมังกรเพลิงศักดิ์สิทธิ์ ดราก้อน เฟลม เทมเพลต
โซเบลเดินกลับมาที่รังอีกครั้งหลักจากที่เขาช่วยเหลือพวกมนุษย์เห็ดตัวจิ๋วมาหมาดๆ โดยสถานที่เขาได้เดินทางกลับมานั้นก็คือ วิหารมังกรเพลิงศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งในเวลาเดียวกันนี้เอง สเตลร่า ก็กำลังหาวิธีทำพิธีกรรมบางอย่าง เพื่อฟื้นฟูพลังเวทย์ทั้งหมดของโซเบลกลับคืนมาดังเดิม
สเตลร่า: กลับมาแล้วหรอ
โซเบล: อืม...
โซเบลตอบกลับสเตลร่าคำเดียวก่อนจะเดินไปหยุดอยู่ที่พื้นโล่งใจกลางกองสมบัติมากมายแล้วทิ้งตัวลงนอนเสียงดังจนพื้นสั่นสะเทือนไปทั่ววิหารอย่างหมดอาลัยตายอยาก ทำให้สเตลร่ารู้สึกเป็นห่วงขึ้นมาเล็กน้อย
สเตลร่า: เป็นอะไรรึเปล่า ทำท่ายังกะหมดอาลัยตายอยากแหน่ะ
โซเบล: เปล่า...แค่ฉันรู้สึกว่า ทำไมชีวิตของฉันถึงต้องมีสภาพแบบนี้ก็เท่านั้นเอง
สเตลร่า: แล้วนายมีปัญหาอะไรจนไม่พอใจกับชีวิตที่เป็นอยู่งั้นหรอ?
โซเบล: ก็เรื่องที่ฉัน...คือมังกรเพลิงในตำนานที่ทำลายล้างอารยธรรมจนเกือบสูญสิ้นเหมือนอย่างที่เทพธิดาไมอาร์เล่ามาน่ะสิ...ตัวฉันมาอดีตชาติตอนนั้นทำเรื่องเลวร้ายแบบนั้นลงไปได้ยังไงกัน...
สเตลร่าถอนหายใจเฮือกหนึ่งเพราะตนเองก็ไม่สามทรถล่วงรู้สาเหตุนั้นเหมือนกัน
สเตลร่า: *เฮ้ออ...* เรื่องนั้นฉันก็ตอบนายไม่ได้หรอกนะ แต่ก่อนหน้าที่นายจะทำให้โลกเอเซอร์เชี่ยนเข้าสู่ยุคสงครามแห่งไฟ นายเป็นถึงหนึ่งในสี่มังกรธาตุในตำนานผู้พิทักษ์ของโลกนี้เลยนะ
โซเบลหันหน้ามามองสเตลร่าอย่างสนใจ
โซเบล: มังกรธาตุในตำนานผู้พิทักษ์งั้นหรอ? ฉันเนี่ยนะ?
สเตลร่า: อืม นายน่ะถือครองพลังแห่งไฟและเป็นแทนธาตุพื้นฐานทั้งสี่ให้กับสมดุลแห่งธรรมชาติ เพื่อให้โลกใบนี้เสถียร
โซเบล: งั้นแสดงว่า ไม่ได้มีแค่ฉันคนเดียวที่เป็นมังกรในตำนาน แต่ยังมีมังกรระดับตำนานตัวอื่นๆงั้นหรอ?
สเตลร่าพยักหน้าเป็นการบอกว่าสิ่งที่โซเบลคิดเป็นถูกต้อง
นั่นจึงทำให้เขารู้สึกสนใจโลกใบนี้ขึ้นมาและรู้สึกว่ามีอะไรให้น่าค้นหาขึ้นมาบ้าง แต่ตอนนี้เขาอยากจะใช้เวลานอนหลับให้สบายใจก่อน
.
.
.
.
ตกดึก ณ ใจกลางป่าลึกแห่งหนึ่ง มีหมู่บ้านเห็ดของพวกมัชรูมี่ตั้งอยู่เป็นอาณานิคมขนาดเล็ก เหล่ามัชรูมี่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นตัวเล็กหรือตัวใหญ่ต่างพากันตั้งหม้อไฟ วิ่งเตรียมวัตถุดิบนำมาเทใส่หม้อต้มเพื่อทำอาหารแจกทั้งหมู่บ้านหลังจากที่ทุกคนออกไปหาวัตถุดิบมาในป่าเมื่อตอนกลางวัน โดยบ้านของเหล่ามัชรูมี่ส่วนใหญ่เป็นเห็ดโคนขนาดใหญ่หลากสีและมีความแข็งแรงพอสมควร
เหล่ามัชรูมี่นั่งล้อมวงรอบๆหม้อต้มใจกลางหมู่บ้านพร้อมกับรับประทานอาหารเป็นต้มเนื้อสมุนไพรที่มีรสเผ็ดนิดๆและมีกลิ่นของเครื่องเทศหอมๆกันอย่างมีความสุข
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มมัชรูมี่ที่ถูกนกเซเรียเข้าจู่โจม พวกมันก็ได้นำเรื่องราวของตัวเองมาเล่าสู่กันฟังภายในหมู่บ้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่พวกมันได้เจอเข้ากับมังกรกายสีแดงเพลิงอย่างโซเบล แต่โซเบลก็ไม่ได้ทำร้ายพวกตน ทำให้พวกมัชรูมี่ตัวอื่นๆในหมู่บ้านต่างพากันตกตะลึง
แต่ถึงอย่างนั้นก็มีพวกมัชรูมี่บางส่วนคิดว่าเรื่องครึ่งหลังนั้นเป็นเรื่องแต่ง เพราะหากมังกรเพลิงโซเบลอยู่ด้วยตอนนี้นจริงๆ พวกมัชรูมี่ที่เล่าเรื่องก็คงโดนเผาตายกลายเป็นผุยผงไปแล้ว ทำให้พวกมัชรูมี่ที่เป็นคนเล่าเรื่องต่างพากันเซ็งเล็กน้อย
ในระหว่างที่ค่ำคืนอาหารมื้อค่ำของหมู่บ้านกำลังดำเนินไปอย่างราบรื่นอยู่นั้น จู่ๆ ก็มีเสียงฝีเท้าขนาดใหญ่เดินแหวกพุ่มไม้ในป่าที่มืดมิดรอบๆหมู่บ้าน
มัชรูมี่ A: นั่นเสียงอะไรน่ะ 0 0 ?!
มัชรูมี่หลายสิบตัวต่างพากันมองไปรอบๆเพื่อหาต้นตอของเสียงอย่างตื่นตระหนก
ไม่นานเกินรอ เจ้าของเสียงปริศนาก็เปิดฉากกระโจนเข้ามาจู่โจมพวกมัชรูมี่ในทันที และสิ่งที่โจมตีหมู่บ้านภูติเห็ดนั้นก็คือ หมาป่าราตรี (Night Wolf) หมาป่าล่าเนื้อขนสีน้ำเงินเข้ม มีรูปจันทร์เสี้ยวอยู่ที่หน้าผาก มีดวงตาสีเหลืองเรืองแสงในความมืด มีเขี้ยวสีขาวสะท้อนกับแสงจันทร์ชัดเจนในยามราตรี พวกมันสูง 2.30 เมตร และมักออกล่าเป็นฝูง 10-15 ตัวในเวลากลางคืน
แต่จะมีหมาป่าราตรีตัวหนึ่งที่เป็นจ่าฝูง ซึ่งมันจะมีร่างกายที่ใหญ่โต และสูงได้มากถึง 10 เมตร
มัขรูมี่ B: พวกไนท์วูฟบุกโจมตี! พวกเราหนีเข้าบ้านเร็วเข้า > < !!!
พวกมัชรูมี่หลายสิบตัวต่างพากันวิ่งหนีกลับเข้าบ้านด้วยความหวาดกลัว ในขณะที่พวกหมาป่าราตรีก็ไล่ทำลายข้าวของภายในหมู่บ้านเพื่อขโมยกินเนื้อสัตว์ที่พวกมัชรูมี่ช่วยกันหาและรวบรวมกันมาตลอดทั้งวัน
พวกมัชรูมี่ที่น่าสงสารที่หนีเข้าบ้านไม่ทันก็ถูกพวกหมาป่าราตรีรุมขย้ำเพื่อความสนุกสนาน ส่วนใครที่หนีเข้าบ้านได้ทันก็เอาแต่ปิดบ้านเงียบนั่งร้องไห้ด้วยความหวาดกลัว บ้างก็นั่งกอดคอกันเป็นครอบครัวปล่อยให้พวกหมาป่าราตรีทำลายหมู่บ้านจนพอใจ
เสียงกรีดร้องและเสียงทำลายข้าวของดังอึกทึกคึกโครมนานเป็นนาที ปนกับเสียงหอนของหมาป่าหลายสิบตัวทำให้พวกมัขรูมี่หวาดกลัวและเกิดคำถามขึ้นในใจว่า 'เพราะเหตุใดเผ่าพันธุ์ภูติเห็ดตัวจิ๋วอย่างพวกตน ถึงต้องตกเป็นเบี้ยล่างให้สิ่งมีชีวิตอื่นรุมรังแกด้วย ทำไมถึงไม่มีใครยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือพวกตนให้รอดพ้นจากภัยอันตรายบ้างเลย'
ในระหว่างที่พวกมัขรูมี่กำลังสวดภาวนาขอร้องต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่นั้นเอง ก็ได้ปรากฏร่างมังกรสีแดงเพลิงอีกครั้งโดยการบินลงมาจากท้องฟ้า แต่ด้วยดสภาพที่ชายหนุ่มนั้นหรือโซเบลในตอนนี้ไม่มีความทรงจำในสมัยที่เป็นมังกรเพลิงในตำนาน ทำให้ความสามารถในการบินและการลงจอดของเขายังไม่ดีพอ จนออกมาในสภาพล้มหัวทิ่มไถดิน
โซเบล: เหว๋ออ~~ 0 0 !!!
โคร้มมมมม!!!
โซเบลลงจอดไม่ค่อยสวยเท่าไหร่นะ อีกทั้งเขายังบินไปชนเข้าหม้อต้มซุปสมุนไพรเนื้อจนหกเลอะเทอะหมด แต่ก็ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ
พวกหมาป่าราตรีและพวกมัชรูมี่ต่างพากันตกตะลึงกับการปรากฏตัวของโซเบล ก่อนที่โซเบลจะเงยหน้าขึ้นแล้วหันไปมองกลุ่มหมาป่าราตรีที่เข้ามาทำลายข้าวของในหมู่บ้านและทำร้ายพวกมัชรูมี่จนได้รับยาดเจ็บไปเป็นจำนวนมาก ทำให้โซเบลรู้ได้ในทันทีว่าที่มาของเสียงเรียกขอความช่วยเหลือนั้นมาจากที่นี่
โซเบล: (เสียงกรีดร้องและเสียงขอความช่วยเหลือดังมาจากที่นี่จริงๆด้วยสินะ)
มัชรูมี่: น...นั่นมัน... 0 0
พวกมัชรูมี่เงยหน้าจ้องมองโซเบลด้วยความตกตะลึงและเชื่อสนิทใจแล้วว่า มังกรเพลิงในตำนานอยู่ที่นี่จริงๆ ส่วนพวกหมาป่าราตรีก็ยืนจ้องโซเบลเพื่อดูเชิงจากจ่าฝูง หมาป่าราตรีจ่าฝูงจ้องมองร่างสูงใหญ่ น่าเกรงขาม พร้อมกับคิดชั่งใจว่าจะสู้หรือจะหนี
บรู๊วววววววว~!!!!!!!
แต่สุดท้ายหมาป่าราตรีจ่าฝูงก็หอนเพื่อส่งสัญญานให้ลูกฝูงเปิดฉากโจมตีในทันที หมาป่าราตรีหลายสิบตัววิ่งกรูงั้นเข้าไปกัดที่เท้าของโซเบล แต่ทันทีที่ปากของพวกมันสัมผัสกับเกล็ดสีแดงของโซเบล ก็เกิดความร้อนสูงลวกปากของพวกมัน ทำให้พวกหมาป่าราตรีส่งเสียงร้องเอ๋งระงม เพราะทนความร้อนไม่ไหวจนต้องวิ่งถอยออกมา
เมื่อจ่าฝูงเห็นว่าลูกฝูงของมันนั้นทำอะไรโซเบลไม่ได้ มันจึงออกโรงเข้าจู่โจมโซเบลด้วยตัวเอง ด้วยการยิงพลังเวทย์คลื่นน้ำแข็งจากสัญลักษณ์รูปจันทร์เสี้ยวบนหน้าผากของมันใส่ที่หน้าของโซเบล ทำให้เกิดคลื่นน้ำแข็งระเบิด ก่อนที่หมาป่าจ่าฝูงจะกระโดดเข้าไปกัดที่ข้อเท้าของโซเบลด้วยเขี้ยวเคลือบพลังเวทย์น้ำแข็ง
เพล้งง!!
หงิ๋งงง~!!!
ทันทีที่หมาป่าจ่าฝูงกัดที่เกล็ดของโซเบลจนจมเขี้ยว มันก็ต้องร้องหงิ๋งๆเนื่องจากเขี้ยวของมันนั้นแตกละเอียดจนหมดปาก เพราะเจาะเกล็ดมังกรของโซเบลไม่เข้า และการโจมตีก่อนหน้าของมันก็ไม่ได้สร้างความเสียหายใดให้โซเบลแม้แต่น้อย
โซเบลรู้สึกเย็นๆที่หน้าเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะใช้อุ้งเท้าหน้าผลักหมาป่าจ่าฝูงจนกระเด็นออกไปอย่างหมดสภาพ
ตอนนี้พวกหมาป่าราตรีเริ่มรู้แล้วว่าศัตรูที่อยู่ตรงหน้านั้นแข็งแกร่งเกินไป ทำให้พวกมันทั้งหมดรีบวิ่งหนีไปคนละทิศละทางปล่อยให้ตัวจ่าฝูงนอนหมดสภาพไร้ทางสู้อย่างเดียวดาย
มัชรูมี่เห็นว่าพวกหมาป่าราตรีหนีไปหมด พวกมัชรูมี่ก็ค่อยๆแอบแง้มประตูบ้านออกมาดู โซเบลหันไปมองพวกมัชรูมี่ที่ค่อยๆทยอยเดินออกมาจากที่ซ่อน ก่อนจะมีมัชรูมี่ตัวหนึ่งที่เคยอยู่ในเหตุการณ์ตอนที่โซเบลช่วยไล่นกเซเรียก็ได้พูดขึ้นมาว่า
มัชรูมี่: น...นายมาทำอะไรที่นี่..ง...งั้นหรอ...
มัชรูมี่ถามโซเบลออกไปตรงๆแต่ลึกๆในใจก็ยังหวาดระแวงอยู่
โซเบล: อืม ฉันมาที่นี่เพราะได้ยินเสียงใครบางคนกำลังร้องเรียกขอความช่วยเหลืออยู่ พอรู้ว่ามีคนกำลังได้รับความเดือดร้อน มันก็อดไม่ได้ที่จะต้องรีบไปช่วยน่ะ
มัชรูมี่: และ....แล้วนายจะทำร้ายพวกเรารึเปล่า...?
โซเบลยิ้มมุมปากอย่างเป็นมิตรก่อนจะค่อยๆยื่นหน้าลงมาจ้องมองมัชรูมี่ที่ถามคำถามเขา จนทำให้มัชรูมี่ตัวดังกล่างลนลานเล็กน้อย
โซเบล: ไม่หรอก ฉันไม่ได้มีเจตนาจะทำร้ายพวกนาย ฉันแค่มาช่วยพวกนายเฉยๆก็เท่านั้นเอง
เมื่อโซเบลบอกเจตนารมย์ของตัวเองแล้ว มัชรูมี่ตัวดังกล่าวก็จ้องมองเข้าไปในดวงตาสีฟ้าที่ดูสดใส อ่อนโยน ของโซเบล และด้วยพลังงานลึกลับบางอย่าง ทำให้มัชรูมี่ตัวนี้สัมปัสถึงความอ่อนโยน และความไมตรีที่แผ่ออกมาจากโซเบล ทำให้คลายความกังวลลง
จากนั้นมัชรูมี่ก็ขึ้นไปยืนบนอุ้งมือของโซเบล ก๋จะจอให้โซเบลหันหน้าไปยังกลุ่มมัชรูมี่ตัวอื่นๆซึ่งโซเบลก็ทำตามที่ขอแต่โดยดี
มัชรูมี่ A: มังกรเพลิงตนนี้เป็นผู้ช่วยชีวิตและปกป้องหมู่บ้านของพวกเราเอาไว้ \^w^/ ~!!!
มัชรูมี่ตะโกนเสียงดังลั่นไปทั่วหมู่บ้าน เพื่อป่าวประกาศให้เพื่อนๆภูติเห็ดทุกตัวได้ยิน และทันทีที่สิ้นเสียงของมัน เหล่าเห็ดภูติทั้งหลายก็พากันสงสัย
มัชรูมี่ B: เดี๋ยวก่อนนะ เมื่อกี้นายพูดว่าอะไรนะ?
มัชรูมี่ A: มังกรเพลิงตนนี้คือผู้ที่มาช่วยเหลือพวกเราจากหมาป่าราตรีเอาไว้ และฉันสัมผัสได้ว่า เขามีบางอย่างที่ไม่เหมือนมังกรเพลิงในตำนานในอดีตเมื่อหนึ่งพันปีก่อน
มัชรูมี่ C: ยังไงหรอ?
มัชรูมี่ตัวที่ยืนอยู่บนอุ้งมือของโซเบลเมื่อถูกเพื่อนๆถามมาแบบนั้น มันก็เชิดหน้าอย่างมั่นใจพร้อมกับกางเขนแล้วตอบกลับไปอย่างมั่นหน้า
มัชรูมี่ A: เพราะท่านผู้นี้มีความอ่อนโยนที่สามารถสื่อออกมาได้ผ่านแววตาของเขา ซึ่งเป็นสิ่งที่มังกรเพลิงในตำนานในอดีตไม่มีวันทำได้ยังไงล่ะ VwV
เมื่อพวกมัชรูมี่ได้ยินแบบนี้ พวกมันก็เงยหน้าจ้องมองเข้าไปในดวงตาของโซเบล ก่อนจะรับรู้ถึงความรู้สึกแบบเดียวกัน จนในที่สุดพวกมัชรูมี่ทั้งหมดก็ยอมเชื่อใจมังกรเพลิงโซเบลและไม่หวาดกลัวในตัวเขาอีกต่อกป ก่อนจะพากันส่งเสียงเฮด้วยความดีใจและพร้อมกับยกย่องโซเบลเป็นผู้ปกป้อง
มัชรูมี่ A: พวกเราติดหนี้บุญคุณท่านอย่างใหญ่หลวง หากท่านโซเบลต้องการสิ่งใดเป็นการตอบแทนพวกเราจะหามาให้ v v
มัชรูมี่ตัวที่ยืนอยู่บนอุ้งมือของโซเบล หันมาก้มหมอยทำความเคารพต่อโซเบลอย่างสุดซึ้ง แสดงให้เห็นว่าตอนนี้พวกมัชรูมี่พร้อมจะปรนนิบัติและทำตามคำสั่งของโซเบลทุกอย่างเพื่อแลกกับการที่เขาช่วยหมู่บ้านของพวกตนเอาไว้
โซเบล: เออ...ไม่นายไม่ต้องตอบแทนอะไรฉันหรอกนะ ฉันยินดีและเต็มใจที่จะช่วยอยู่แล้ว ^ ^"
มัชรูมี่ A: ไม่ต้องเกรงใจหรอกขอรับ โปรดสั่งมาได้เลยขอรับ
โซเบล: (เฮ้ออ...ให้ตายสิ = = )
โซเบลปฏิเสธที่จะรับสิ่งตอบแทนจากพวกมัชรูมี่ แม้ว่าพวกนั้นตะพยายามขยั้นขยออยู่นานสองนาน จนพวกมัชรูมี่เริ่มเข้าใจว่าโซเบลนั้นไม่ต้องการสิ่งใดจากพวกตนจริงๆ ทำให้พวกมันเริ่มเกิดความศรัทธาในตัวโซเบลขึ้นมา
โซเบล: เอาล่ะ ฉันต้องไปแล้วถ้าหากพวกนายต้องการความช่วยเหลือก็สามารถเรียกฉันได้ตลอดเวลาเลยนะ
มัชรูมี่ทั้งหมดพยักหน้ารับคำก่อนที่โซเบลจะกางปีกแล้วบินขึ้นไปบนฟ้า แต่เมื่อเขาบินไปได้สักพักเขาก็เสียการทรงตัวก่อนจะร่วงตกลงมาที่พื้นเบื้องล่าต่อหน้าเหล่ามัชรูมี่ที่ยืนส่งเขาอยู่ด้านหลัง ทำเอาพวกมัชรูมี่เหว๋อไปพักหนึ่ง
ตู้มมมม!!!
แอ่กกก.....
ความคิดเห็น