ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Sobel The Flame of Dragon: เกิดใหม่เป็นมังกรเพลิงในตำนาน

    ลำดับตอนที่ #29 : ตอนที่ 24: หอกสายฟ้าแห่งอาร์เบดอร์ส

    • อัปเดตล่าสุด 15 ม.ค. 67


    ณ ปราสาทหลวงเดนิส ของอาณาจักรเซซิลล่าร์

    ผ่านมานานร่วมหลายเดือนหลังจากที่ราชาเอ็กซ์โซสที่ 2 ได้ประกาศแบ่งดินแดนให้กับมังกรเพลิงโซเบล ก็เกิดความขัดแย้งขึ้นมาภายในอย่างรุนแรงจากขุนนางทั้งสองฝ่าย โดยฝ่ายหนึ่งต้องการให้ราชาเกณฑ์ไพร่พลทั้งหมดยกทัพไปบุกตีอาณาจักรโซเบลลิสของโซเบล เพราะพวกเขาเกรงว่าอนาคตภายภาคหน้าจะเกิดโศกนาฏกรรมซ้ำรอยขึ้นเหมือนเมื่อ 1,000 ปีก่อน และเพื่อเป็นการล้างอายและกอบกู้ศักดิ์ศรีให้กับราชาเอ็กซ์โซสที่ถูกหลอกให้ยกดินแดนให้ พวกเขาจำเป็นจะต้องเปิดฉากบุกโจมตีก่อนเป็นการรักษาเกียรติของราชาผู้สืบทอดสายเลือดราชาลูซิสอีกครั้ง

    แต่ขุนนางอีกฝ่ายก็มองว่าหากราชาประกาศสงครามกับโซเบลอาจจะเป็นเรื่องที่โง่เขลา เพราะพลังของมนุษย์ไม่อาจจะเทียบกับพลังของมังกรเทพพระเจ้าอย่างมังกรธาตุในตำนานได้ อีกทั้งผู้สืบทอดมนตราพิฆาตมังกรจากบรรพบุรุษผู้กล้าลูซิสรุ่นล่าสุดในยุคนี้อย่างราชาเอ็กซ์โซสก็แก่ชรามากแล้ว เขาไม่อาจที่จะสวมเกราะมังกรเงินหรือกวัดแกว่งดาบล่ามังกรที่มีน้ำหนักมากได้เหมือนสมัยหนุ่มๆอีกต่อไปแล้ว อีกทั้งพวกเขายังเห็นช่องทางในการหาผลประโยชน์จากโซเบลในการขอร่วมเป็นพันธมิตรกับโซเบลเพื่อให้เขาช่วยทำสงครามกับอาณาจักรเผ่าปีศาจได้

    อีกทั้งอาณาจักรโซเบลลิสก็ยังส่งทูตไปขอเจริญสัมพันธไมตรีกับอาณาจักรอื่นๆไม่ว่าจะเป็น อาณาจักรลอธิค, อาณาจักรเฟอร์ลิเนีย, อาณาจักรลูคาเรีย และ อาณาจักรเอสโตร่า ที่มังกรเพลิงโซเบลเลือกที่จะติดต่อขอสัมพันธไมตรี ก็มีท่าทีจะยอมรับข้อเสนอจากโซเบลด้วย ทำให้พวกเขาต้องไตร่ตรองอย่างรอบคอบในการตัดสินใจว่าจะแสดงท่าทีต่ออาณาจักรโซเบลลิสยังไง 

    ถึงแม้อาณาจักรของโซเบลจะเป็นอาณาจักรที่ถูกสถาปนาขึ้นมาใหม่ แต่ก็ใช่ว่าพวกเขานั้นจะสามารถส่งกองทัพทำการกรีธาทัพบุกโจมตีอาณาจักรโซเบลลิสได้ง่ายๆ เพราะราชาเอ็กซ์โซสที่ 2 เป็นคนออกปากป่าวประกาศไปทั่วสารทิศให้ผู้คนรับรู้ด้วยตนเองว่าเขานั้นได้มอบดินแดนส่วนนั้นให้เดลวาลินหรือมังกรเพลิงโซเบล หากอาณาจักรเซซิลล่าร์บุกโจมตีอาณาจักรโซเบลลิส ก็อาจจะเป็นที่ครหาซุบซิบนินทาในหมู่ราษฏรว่าราชาของพวกเขานั้นไม่รักษาสัจจะ กลับกลอกปลิ้นปล่อนเชื่อถือไม่ได้ และอาจจะเป็นเหตุให้เกิดการลุกฮือก่อกบฏภายในได้ 

    เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาดังกล่าว ราชาเอ็กซ์โซสจึงมีคำสั่งไม่ให้ขุนนางและแม่ทัพอย่าลงมือหรือแสดงท่าทีเป็นปรปักษ์กับอาณาจักรโซเบลลิสและให้จับตาดูท่าทีของอาณาจักรโซเบลลิสต่อไป แต่ตอนนี้ราชาเอ็กซ์โซสก็ได้ออกคำสั่งให้แม่ทัพขุนนางทุกคนจัดเตรียมกำลังพลให้พร้อม เพราะพวกเขาไม่รู้ว่าในอนาคตข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง 

     

    ณ เกาะลอยฟ้าแห่งหนึ่ง

    อาร์เบดอร์สได้นัดแนะให้โซเบลตามเขามายังเขตเกาะลอยฟ้าที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าเหนือเมฆที่ห่างไกลจากผู้คน เพื่อที่ตนนั้นจะได้ต่อสู้กับโซเบลได้อย่างเต็มกำลัง และในตอนนี้เขาก็กำลังรอการมาถึงของโซเบลอย่างใจเย็นเหมือนอย่างที่เขาทำมาตลอด จนเมื่อโซเบลบินตามมาถึง อาร์เบดอร์สก็ได้พูดกับโซเบลก่อนที่จะเริ่มการต่อสู้ขึ้นว่า

    “เจ้าปล่อยให้ข้ารอนานเหมือนเดิม ไม่ว่าจะเป็นตัวเจ้าในอดีตหรือในตอนนี้จริงๆ”

    “ทำไมเราสองคนต้องสู้กันด้วยล่ะ 0 0 ”

    “อย่าเข้าใจผิดไปสิ ที่ข้าท้าเจ้าสู้ใช่ว่าเราสองคนจะฆ่าจะแกงกันสักหน่อย ข้าก็แค่อยากทดสอบความสามารถของเจ้าในเบื้องต้นก็เท่านั้นเอง”

    แล้วอาร์เบดอร์สก็ทำการยืดเส้นยืดสายเล็กน้อย เตรียมตัวก่อนเข้าสู่การต่อสู้

    และในเวลาเดียวกันนี้เองสเตลร่าก็ได้ตามมาดูสถานการณ์ของทั้งสอง เพราะเกรงว่าจะเกิดการต่อสู้กันใหญ่โตเกินเหตุและเธอจะได้ห้ามปรามทั้งสองเอาไว้ได้ทัน 

    “เอาล่ะนะโซเบล แสดงฝีมือและพลังของเจ้าในตอนนี้ให้ข้าเห็นหน่อย!”

    พูดไม่ทันขาดคำอาร์เบดอร์สก็เปิดฉากพ่นกระสุนคลื่นพายุออกจากปากโจมตีใส่โซเบลไปชุดหนึ่ง แต่โซเบลก็สามารถบินหลบกระสุนคลื่นพายุเหล่านั้นมาได้สบายๆ ก่อนจะบินเข้าไปประชิดตัวอาร์เบดอร์สเพื่อใช้กรงเล็บแทงไปที่อาร์เบดอร์สตามปกติ 

    แต่ทว่าอาร์เบดอร์สก็สามารถบินหลบขึ้นไปบนท้องฟ้าได้อย่างรวดเร็ว ราวกับว่าตัวเขานั้นสามารถวาร์ปหายไปต่อหน้าต่อตาได้อย่างงั้น ทำให้โซเบลต้องเงยหน้ามองขึ้นไปด้านบนก่อนจะเจอคลื่นพายุลูกใหญ่ซัดลงมาที่ตัวเขาเข้าเต็มๆ

    บรู้มมมมมม!!!!!

    โซเบลถูกกระสุนคลื่นพายุลูกใหญ่โจมตีใส่เข้าอย่างจัง จนตัวเขาร่วงลงไปที่เกาะลอยฟ้าข้างล่างพร้อมกับอาการมึนหัวเล็กน้อย ถึงแม้อาร์เบดอร์สจะมีขนาดตัวที่เล็กกว่าแต่พลังเวทย์และรูปแบบการโจมตีของเขาก็ไม่ด้อยลงเลยแม้แต่น้อย หน่ำซ้ำพลังโจมตีของเขาก็รวดเร็ว รุนแรง สมกับเป็นมังกรลมในตำนานที่เร็วที่สุดในโลก 

    “(นายไหวรึเปล่า)”

    สเตลร่าโทรจิตถามโซเบลที่กำลังยืนมึนอยู่ ก่อนที่โซเบลจะตอบกลับไปทั้งที่ยังมึนหัวว่า

    “(ไหว…ฉันยังไหว…”

    “(อาร์เบดอร์สน่ะเป็นมังกรธาตุที่รวดเร็วที่สุดในโลกเลยนะ นายจะไล่ตามความเร็วของเขาให้ทันเป็นไปไม่ได้หรอก)”

    โซเบลที่ได้ยินสเตลร่าแนะมาดังนั้น เขาก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ก่อนที่เขาจะลุกขึ้นยืนอีกครั้งหนึ่ง

    ในขณะเดียวกันนี้เอง อาร์เบดอร์สก็บินพุ่งเข้ามาหาโซเบลอีกครั้งแต่ในคราวนี้เขาเปลี่ยนมาใช้กลยุทธด้วยการบินพุ่งชนใส่โซเบลด้วยความเร็วสูง ซึ่งแรงปะทะจากการพุ่งชนนั้นมันรุนแรงมากราวกับว่าโดนเครื่องบินโบอิ้งหลายสิบลำชนพร้อมกันอย่างไงอย่างงั้น  

    โซเบลที่โดนอาร์เบดอร์สกระแทกเข้าอย่างจังก็ถึงกับจุกเสียดกลางหน้าอก อีกทั้งตัวของเขายังลอยกระเด็นไปตามแรงกระแทกดังกล่าวจนเกือบจะตกขอบเกาะลอยฟ้าไป แต่เขาก็สามารถตั้งหลักผลิกตัวกลับมาบินขึ้นไปบนฟ้าได้อีกครั้ง และในคราวนี้โซเบลก็โจมตีสวยกลับไปด้วยปีกมังกรเพลิง ทำให้อาร์เบดอร์สถูกกระแสลมความร้อนเผาหน้าจนต้องหลับตาไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเปิดโอกาสให้โซเบลบินเข้าชาร์จถึงตัว จนทั้งคู่ร่วงลงไปที่ป่าบนเกาะลอยฟ้าข้างล่างอย่างแรง

    โคร้มมมมม!!!

    โซเบลยืนค่อมร่างกดตัวของอาร์เบดอร์สเอาไว้กับพื้นและเขาคิดว่าเขาคงจับอาร์เบดอร์สเอาไว้ได้อยู่หมัดแล้วในตอนนี้

    “ตอนนี้ฉันชนะแล้ว”

    “เจ้าคิดเช่นนั้นจริงๆหรอ”

    ในระหว่างที่โซเบลกำลังยิ้มอย่างมีชัยอยู่นั้น ก็มีเสียงของอาร์เบดอร์สดังมาจากทางหลังของเขา ทั้งๆที่โซเบลกำลังค่อมร่างของอาร์เบดอร์สอยู่กับพื้น 

    ด้วยความสงสัยโซเบลจึงหันไปมองที่ด้านหลังแล้วเขาก็ต้องตกใจเมื่อมีอาร์เบดอร์สอีกตัวกำลังบินหลบอยู่ที่ด้านหลังของเขา ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าแปลกอย่างมากในสายตาของโซเบล 

    “เจ้าคิดจริงๆหรอว่าเจ้าจะสามารถจับตัวข้าได้น่ะ”

    โซเบลที่กำลังงุนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเขาก็ได้ลองหันกลับไปมองร่างของอาร์เบดอร์สที่เขากำลังกดกับพื้น ก่อนจะพบว่าร่างๆนั้นได้สลายกลายเป็นอากาศธาตุไปแล้ว นั่นก็หมายความว่าโซเบลนั้นถูกอาร์เบดอร์สใช้พลังเวทย์สร้างร่างแยกเพื่อหลอกล่อความสนใจตั้งแต่แรก 

    ไม่นานนักอาร์เบดอร์สก็สยายปีกของเขาออกจนสุดพร้อมกับปล่อยพลังเวทย์ธาตุลมสีเขียวจนเกิดเป็นออร่านุภาคระยิบระยิบอย่างสวยงามและทรงพลัง ก่อนที่เขาจะบินโฉบลงมาแล้วใช้ปีกออร่านั้นฟาดฟันใส่โซเบลอย่างรวดเร็ว จนโซเบลนั้นไม่สสามารถทำอะไรได้นอกจากต้องยกปีกขึ้นมาป้องกันเท่านั้น

    ตอนนี้อาร์เบดอร์สได้เร่งความเร็วของเขาเพิ่มมากขึ้นจากเดิม ทำให้เกิดเป็นร่างแยกหลายๆร่างขึ้น ทำให้การโจมตีของเขามีความต่อเนื่องและทรงพลังมากขึ้นเรื่อยๆ จนในตอนนี้โซเบลไม่อาจที่จะทนต่อการโจมตีนี้ได้อีก เขาจึงได้ระเบิดพลังเปลวเพลิงออกมาจากร่างกาย ซึ่งเปลวไฟที่โซเบลปลดปล่อยออกมานั้นก็ได้แผ่ขยายออกไปเป็นวงกว้าง ทำให้อาร์เบดอร์สที่ไม่ทันระวังโดนคลื่นความร้อนเข้าไปเต็มๆ แม้ว่าตัวเขานั้นจะเคลื่อนที่ได้เร็วแค่ไหนก็ตาม

    ฟรู้มมมมม!!!

    เปลวเพลิงได้เผาผลาญทุกสิ่งรอบข้างจนกลายเป็นเถ้าธุลี อาร์เบดอร์สได้รับบาดเจ็บสาหัสจากคลื่นความร้อนมหาศาลที่โซเบลปลดปล่อยออกมา และดูเหมือนว่าตอนนี้การต่อสู้จะยุติลงแล้วเพราะในตอนนี้อาร์เบดอร์สได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีของโซเบลเมื่อครู่นี้ ทำให้เขานอนหมดแรงพร้อมกับร่องรอยเผาไหม้ตามร่างกาย

    สเตลร่าที่เห็นว่าอาร์เบดอร์สได้รับบาดเจ็บเธอจึงรีบเข้าไปดูอาการของเขา ก่อนที่โซเบลจะตามมาสมทบ

    “อาร์เบดอร์ส นายเป็นอะไรรึเปล่า 0 0 ”

    “ข้าไม่เป็นไร นึกถึงวันเก่าๆที่ข้ากับเจ้าโซเบลประลองพลังเวทย์กัน”

    อาร์เบดอร์สยิ้มมุมปากและไม่ได้รู้สึกโกรธเคืองอะไร 

    “*เฮ้อออ* ถ้าแค่จะประลองพลังกันเล่นๆก็น่าจะยั้งมือเอาไว้หน่อยนะ ถ้าเกิดโซเบลเขาคิดว่าต่อสู้กันจริงๆเดี๋ยวก็เกิดเรื่องยุ่่งๆขึ้นหรอก”

    อาร์เบดอร์สลุกขึ้นยืนอีกครั้งพร้อมกับสบัดตัวเพื่อเคลียร์เศษดินและทรายออกจากตัว ก่อนที่เขาจะพูดขึ้นมาว่า

    “เรื่องคำสั่งของท่านแม่ที่ห้ามไม่ให้มังกรธาตุในตำนานต่อสู้กัน เพราะจะเกิดภัยพิบัติทำลายล้างโลกน่ะ ข้ายังจำได้ดีไม่มีวันลืม”

    “ถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้ว  - - ”

    อาร์เบดอร์สหัวเราะขบขันในความขี้เล่นของเขาให้สเตลร่า ก่อนที่เขาจะขอโทษโซเบลที่เขานั้นลงมือหนักไปหน่อย แต่โซเบลนั้นก็ไม่ได้ติดใจอะไรและเขารู้สึกทึ่งในความสามารถของอาร์เบดอร์สด้วยซ้ำ ที่นอกจากโซเบลที่เป็นมังกรเพลิงในตำนานสามารถเผาผลาญทุกสิ่งให้กลายเป็นเถ้าถ่านแล้ว ก็ยังมีอาร์เบดอร์สมังกรลมในตำนานที่สามารถเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงและปราดเปรียวยิ่งกว่าสิ่งใด 

    “ข้ารู้สึกดีใจมากๆที่ได้กับมาเจ้าสหายเก่าอย่างเจ้าจริงๆนะ ถึงเจ้าจะลืมเลือนความสัมพันธ์ทั้งหมดไป แต่ข้าเชื่อว่าเจ้าเองก็น่าจะสามารถทำหน้าที่มังกรเพลิงในตำนานได้เหมือนเดิมนะ”

    “อืม”

    โซเบลยิ้มพยักหน้าเบาๆ ก่อนที่อาร์เบดอร์สจะกางปีกเตรียมที่จะบินกลับที่อยู่ของตัวเอง

    “จะไปแล้วหรอ”

    สเตลร่าถาม

    “อือ ข้ามีหน้าที่สำคัญที่ต้องไปทำและอีกอย่างข้ามีสิ่งที่ข้าต้องดูแลอยู่เหมือนกัน”

    สเตลร่าและโซเบลเอียงคอทำหน้าสงสัยเล็กน้อยและอยากรู้ว่าสิ่งที่อาร์เบดอร์สต้องปกป้องนั้นคืออะไร สเตลร่าจึงได้ถามออกไปว่า

    “นายมีสิ่งสำคัญที่ต้องปกป้องอยู่ด้วยงั้นหรอเนี่ย ? ”

    “ก็….ตอนที่เจ้าไปโลกต่างมิติเพื่อตามไปสอดส่องดูแลเจ้าโซเบล ข้าก็เจอเรื่องราวต่างๆมากมายระหว่างที่เจ้าไม่อยู่ยังไงล่ะ แต่มันก็ไม่ได้สำคัญอะไรสำหรับเจ้าในเวลานี้หรอก v v ”

    “อย่างงั้นหรอ”

    อาร์เบดอร์สพยักหน้าตอบ

    “เอาล่ะ ข้ามาทักทายพวกเจ้าเพียงเท่านี้ล่ะนะ ยังไงพวกเจ้าทั้งสองก็ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดต่อไปก็พอ”

    พูดจบอาร์เบดอร์สก็ส่งยิ้มให้สเตลร่าก่อนที่เขาจะทำท่าบินขึ้นไปบนท้องฟ้า 

    แต่ทว่าก็เกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้นเมื่อ จู่ๆ ก็มีฝูงมังกรดำผู้พิทักษ์ของโซเบลบินมาแจ้งข่าวด่วนให้โซเบลกับสเตลร่าทราบ

    “ท่านโซเบลขอรับ เกิดเรื่องใหญ่แล้วขอรับ!!!!”

    “มีอะไร เกิดอะไรขึ้นงั้นหรอ ? ”

    “ท่านโซเบล ตอนนี้วิหารมังกรเพลิงถูกศัตรูไม่ทราบฝ่ายบุกโจมตีขอรับ!”

    “ตอนนี้ท่านไกอัสและท่านแรนแซคกำลังช่วยกันยันศัตรูที่กำลังบุกโจมตีวิหารของท่านอยู่ แต่คาดว่าน่าจะต้านเอาไว้ได้ไม่นาน เพราะอีกฝ่ายมีพลังเวทย์ความมืดที่แข็งแกร่งมาก”

    มังกรข้ารับใช้รายงานสิ่งที่เกิดขึ้นให้โซเบล สเตลร่า และอาร์เบดอร์สทราบ ด้วยความตื่นตระหนก

    “ไม่ได้การ! ถ้าอย่างงั้นพวกเราก็รีบกลับไปที่วิหารมังกรเพลิงเถอะ!”

    อาร์เบดอร์สพูดจบ เขาก็รีบบินมุ่งหน้ากลับไปที่วิหารมังกรเพลิงก่อนใครเพื่อน ก่อนที่โซเบลและคนอื่นๆจะรีบตามไปติดๆ 

    .

    .

    .

    .

    ณ เขตวิหารมังกรเพลิงรอบนอก 

    โคร้มมมม!!! ตู้มมมมมม!! 

    เฟอร์ดิอุส ได้นำฝูงไวเวิร์นแห่งความมืดและฝูงอมนุษย์เข้าโจมตีเขตวิหารมังกรเพลิงที่ที่มีผู้คนอาศัยอยู่รอบนอกอย่างโหดเหี้ยม ทำให้กองทัพมังกรเพลิงผู้พิทักษ์ของโซเบลต้องเข้าต่อสู้กับกองทัพอมนุษย์และฝูงไวเวิร์นแห่งความมืดเพื่อปกป้องชีวิตพลเมืองของอาณาจักรโซเบลลิสด้วยชีวิต ซึ่งนำทัพโดยไกอัสและมีมังกรนักรบหัวหอกโดยแรนแซค

    สถานการณ์รอบๆเขตวิหารมังกรเพลิงเต็มไปด้วยความวุ่นวายและการต่อสู้ระหว่างทั้งสองฝ่ายก็ดำเนินไปอย่างดุเดือดทั้งการต่อสู้บนดินและบนท้องฟ้า พลเมืองและเหล่ามัชรูมี่ส่วนใหญ่ก็พากันหนีเข้าไปซ่อนตัวอยู่ในวิหารมังกรเพลิงตามคำสั่งของเรยา ส่วนฮามัสก็คอยทำหน้าคุ้มกันเส้นทางอพยพให้กับชาวบ้านจากฝูงไวเวิร์นที่เข้ามาโจมตีจากทางอากาศเป็นระยะ

    “ทุกคนเข้ามาหลบในนี้ก่อนนะ อย่าแตกตื่นใจเย็นๆไม่ต้องรีบ” 

    เรยาและมังกรขาวนักรบผู้พิทักษ์กำลังช่วยกันเรียกผู้คนให้เข้ามาหลบด้านในวิหารมังกรเพลิง ซึ่งในขณะเดียวกันนี้เองการต่อสู้ด้านนอกก็ทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ 

    ตู้มมมมม!!!! โคร้มมมม!!!

    เสียงระเบิดและแรงกระแทกส่งมาถึงภายในเขตวิหารมังกรเพลิง ทำให้ชาวบ้านและมัชรูมี่ต้องพากันก้มหลบกันจ้าละหวั่น อีกทั้งยังทำให้เด็กๆร้องไห้ด้วยความหวาดกลัว แต่ถึงอย่างนั้นเหล่ามังกรนักรบของโซเบลก็พยายามปกป้องพลเมืองเต็มที่ทำให้ชาวบ้านยังปลอดภัยดี

    ระหว่างนั้นเอง ไกอัสและแรนแซคก็ร่วมด้วยช่วยกันจัดการพวกอมนุษย์และปีศาจที่อยู่ตามพื้นดินพร้อมกับจัดการฝูงมังกรไวเวิร์นที่บินอยู่บนท้องฟ้าเพื่อคุ้มกันกลุ่มผู้อพยพกลุ่มสุดท้ายอยู่ จนกระทั่งทั้งคู่ได้พบเข้ากับไวเวิร์นสีดำตัวหนึ่งที่ตัวใหญ่กว่ามังกรไวเวิร์นตัวอื่น 

    มังกรไวเวิร์นสีดำตัวนี้ สูง 14 เมตร มีเกล็ดสีดำมันวาวสีเขียวเข้มสะท้อนแสง มีขนสีขาวรุงรังตามร่างกาย นัยต์ตาสีเขียวประกาย ตัวสั่นสะท้านไม่เป็นจังหวะเนื่องจากร่างกายของมันถูกกัดกินจากพิษมรณะจากภายในทำให้มันเกิดความเจ็บปวดตลอดเวลา ไกอัสและแรนแซคที่เห็นดังนั้นทั้งคู่จะอุทานขึ้นมาด้วยความแปลกใจว่า

    “มังกรไวเวิร์นตัวนั้น ดูแตกต่างไม่เหมือนมังกรไวเวิร์นตัวอื่นที่พวกเราเคยสู้ก่อนหน้านั้นเลย”

    “นั่นสิ ข้ารู้สึกว่าเจ้ามังกรไวเวิร์นตัวนั้นมีอะไรบางอย่างไม่เหมือนกับมังกรไวเวิร์นตัวอื่นๆ ยังไงก็ระวังตัวด้วยล่ะ”

    เมื่อแรนแซคได้กล่าวเตือนไกอัสไปดังนั้น ทั้งคู่ก็ไม่รอช้าเปิดฉากพ่นลมหายใจมังกรและลมหายใจมังกรเยือกแข็งโจมตีใส่มังกรไวเวิร์นปริศนาตัวนั้นทันที 

    ตู้มมมม

    มังกรไวเวิร์นดำปริศนาตัวนั้นเคลื่อนตัวหลบการโจมตีของไกอัสและแรนแซคไปอีกทางด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อจนสายตาของทั้งสองมองตามแทบไม่ทัน อีกทั้งความเร็วของมังกรไวเวิร์นตัวนั้นเวลาเคลื่อนที่จะบังเกิดคลื่นบดเบี้ยวสีดำทำให้มองเห็นภาพไม่ชัดเจนชั่วขณะ และมังกรไวเวิร์นตัวนั้นก็อาศัยจังหวะบินเข้ามาใช้ปีกกระแทกที่คอหอยของไกอัสและแรนแซคอย่างจัง จนทั้งสองกระเด็นตัวลอยออกไปไกลหลายสิบเมตร

    ครืนนนนน!!!!!! โคร้มมมม!!!

    ไกอัสและแรนแซคต่างกระเด็นไปคนละทิศละทาง แต่ทั้งสองก็ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรมากเนื่องจากได้รับการปกป้องจากเกราะมังกรเพลิงที่ปกป้องร่างกายของทั้งสองเอาไว้ 

    “ชิ! เจ้านี่มันเร็วเสียนี่กะไร!”

    “ข้าไม่เคยพบเจอศัตรูที่เป็นมังกรระดับต่ำที่เคลื่อนไหวได้รวดเร็วเช่นนี้มาก่อนเลย ดูท่างานนี้จะไม่ง่ายอย่างที่คิดแล้วแหะ”

    “หึ พวกเดรัจฉานระดับล่างมันก็มีดีแค่ใช้สัญชาตญานในการต่อสู้ก็เท่านั้นล่ะ พวกมันจะมีสติปัญญาคิดกลยุทธ์ผลิกแผลงเหมือนเช่นพวกเราได้อย่างไร”

    พูดจบไกอัสก็กระชากดาบติดปลอกแขนขวาของเขาออกมา ซึ่งดาบเล่มนี้คือเกียรติยศและความภาคภูมิใจของเขาในฐานะมังกรผู้พิทักษ์มือขวาของโซเบล โดยดาบเล่มนี้เคลือบไปด้วยพลังเวทย์มังกรเพลิงที่แข็งแกร่งจนเกิดเป็นออร่าสีแดงเพลิงอ่อนๆเคลือบทั่วทั้งดาบเมื่อกระชากมันออกมา ซึ่งพลังโจมตีของดาบเล่มนี้มีความแข็งแกร่ง 1 ใน 4 ของดาบมังกรเพลิงของโซเบลอีกด้วย

    ไกอัสบินเหินขึ้นไปบนฟ้าอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะโฉบลงมาพุ่งเป้าหมายการโจมตีไปยังมังกรไวเวิร์นสีดำตัวนั้นด้วยความเร็วสูง พร้อมกับเตรียมท่าจะฟาดฟันดาบมังกรผู้พิทักษ์โซเบลเพื่อจัดการอีกฝ่ายให้สิ้นภายในฉับเดียว แต่ทว่าเจ้ามังกรไวเวิร์นตัวนั้นก็ได้พ่นคลื่นพายุลูกใหญ่ออกมาจากปาก ทำให้ไกอัสแทงดาบต้านพลังกับคลื่นพายุลูกนั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ 

    บรู้มมมม!!!!

    พลังเวทย์จากอาวุธของไกอัสได้เข้าปะทะกับพลังเวทย์คลื่นพายุของมังกรไวเวิร์นดำจนเกิดการระเบิดขึ้นอย่างรุนแรง ทำให้ไม่มีฝ่ายใดเป็นฝ่ายชนะ แต่ไกอัสก็อาศัยจังหวะนี้พุ่งเข้าไปมังกรไวเวิร์นที่กำลังเผลอเข้าไปฟันที่กลางหน้าอกของมันจนเกิดเป็นแผลไฟลุกไปหนึ่งแผล 

    ฟรู้มมม!!! โฮร่กกกกก!!!

    มังกรเพลิงไวเวิร์นตัวนั้นแผดเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด พร้อมกับเปลวไฟลุกพรึบออกมาจากรอยบาดแผลที่ไกอัสทำ มันดิ้นไปมาด้วยความเจ็บปวดจากบาดแผลและเปลวไฟที่เผาไหม้อยู่ภายในบาดแผล ก่อนที่แรนแซคจะบินเข้ามาใช้ดาบน้ำแข็งและดาบเพลิงคู่ที่ติดอยู่ปลอกแขนทั้งสองข้างของเขาตัดหัวเจ้ามังกรไวเวิร์นตัวนั้นจนขาดสะบั้น จนในที่สุดมันก็สิ้นชีพ “เท่านี้ก็จบแล้วสินะ”

    ทั้งสองคิดว่าพวกเขาสามารถจัดการมังกรไวเวิร์นตัวนั้นได้แล้ว แต่ทว่าเรื่องมันยังไม่จบเพียงเท่านั้น ที่ร่างของมังกรไวเวิร์นตัวนั้นได้มีหมอกควันสีม่วงปริศนาบางอย่างถูกปล่อยออกมาตามซอกเกล็ดและมควันสีม่วงนั้นก็ค่อยๆขยายปกคลุมแผ่ขยายออกไปมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งมังกรนักรบที่สูดดมควันสีม่วงปริศนานี้เข้าพวกเขาก็เกิดอาการหน้ามืด หายใจไม่ออก และรู้สึกเจ็บปวดจากภายใน จนพวกเขาเริ่มหายใจไม่ออกและล้มตายไปทีละตัว

    แค่ก!! แค่ก!!! แค่ก!!!

    “อะไรน่ะ เกิดอะไรขึ้น 0 0 ?! ”

    “นี่มัน อย่าบอกนะว่ามันคือหมอกพิษงั้นหรอ 0 0 ”

    มังกรนักรบทุกตัวที่กำลังต่อสู้กับกองทัพอมนุษย์และฝูงไวเวิร์นความมืดต่างพากันสูดเอาควันพิษเข้าไป ทำให้พวกขเาเกิดอาการไอ หายใจไม่ออก และรู้สึกเจ็บไปทั่วร่างกายอย่างฉับพลัน ก่อนที่พวกเขาจะค่อยๆพากันล้มตายไปเป็นจำนวนมาก ทำให้มังกรทุกตัวต้องละทิ้งแนวหน้าพากันหนีไปหลบอยู่ในเขตวิหารมังกรเพลิง เพราะที่นั่นมีม่านพลังป้องกันทำให้ปลอดภัยจากหมอกควันพิษนี้ได้

    ไกอัสกับแรนแซคทั้งสองเห็นท่าไม่ดี ทั้งคู่จึงรีบบินไปหลบกับคนอื่นๆที่วิหารมังกรเพลิง ก่อนที่หมอกควันพิษนี้จะปกคลุมทั่วเขตแดนรอบนอกวิหารมังกรเพลิงไปจนหมด ทำให้ในตอนนี้แม้แต่ต้นไม้ใบหญ้าก็เหี่ยวเฉาแห้งตายไปจนหมด 

    สภาพโดยรอบวิหารมังกรเพลิงในเวลานี้อบอวลไปด้วยความตาย ไกอัส แรนแซค พร้อมกับชาวบ้านและคนอื่นๆก็ทำได้เพียงหลบซ่อนอยู่ในวิหารมังกรเพลิงเท่านั้น ซึ่งในเวลาเดียวกันนี้เองเฟอร์ดิอุสมังกรลมแห่งความมืดในตำนานก็ได้ปรากฏตัวออกมาต่อหน้ากลุ่มของไกอัสที่ซ่อนตัวอยู่ในวิหารมังกรเพลิง

    “หึ นึกไม่ถึงเลยว่าที่แห่งนี้จะมีวิหารมังกรเพลิงโซเบลกับสาวกผู้ติดตามของมันอยู่ที่นี่ด้วย ข้าชักอยากรู้สะแล้วสิ…”

    กลุ่มของไกอัสที่เห็นเฟอร์ดิอุสบินสังเกตุการณ์อยู่ตรงหน้าทางเข้านอกเขตวิหารมังกรเพลิงไม่ไกล พวกเขาก็รับรู้ได้ในทันทีว่ามังกรที่กำลังอยู่เบื้องหน้าพวกตนนั้นคือ มังกรแห่งความมืดบรรพกาลเช่นเดียวกันเอเทลที่พวกตนเคยเจอที่แคลิดเมื่อหลายเดือนก่อน แต่เฟอร์ดิอุสนั้นมีขนาดตัวที่เล็กกว่าเอเทลแต่ก็ตัวใหญ่กว่ามังกรระดับสูงทั่วไปอยู่ดี

    “นี่เจ้า อย่าบอกนะว่าเจ้านั้นก็คือมังกรแห่งความมืด 0 0 ”

    ไกอัสอุทานขึ้นมา 

    “หื้มม พวกเจ้ารู้ด้วยงั้นหรอเนี่ยว่าข้าเป็นมังกรแห่งความมืด ช่างแสนรู้เสียจริงๆเลยนะ”

    เมื่อเฟอร์ดิอุสพูดจบ ไกอัส แรนแซค ฮามัส และเรยา ก็รีบเข้ามาปกป้องทุกคนอยู่ที่ปากทางเข้าวิหาร แต่ก็ยังหลบอยู่หลังม่านป้องกันเพื่อดูเชิง จนเฟอร์ดิอุสที่เห็นดังนั้นก็ได้อุทานขึ้นมาอย่างเย้ยหยันว่า

    “พวกเจ้าอยากจะสู้กับข้าอย่างงั้นเรอะ”

    “ว่าไงนะ”

    “เจ้าชักจะดูถูกพวกข้าเกินไปแล้ว อย่าคิดว่าพวกข้าเป็นมังกรระดับสูงธรรมดาๆแล้วจะเอาชนะเจ้าไม่ได้นะ เพราะพวกเราได้รับพลังเศษเสี้ยวจากมังกรเพลิงในตำนานเชียวนะ!”

    ไกอัสกล่าวพร้อมกับชักสีหน้าใส่ แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย

    “มังกรเพลิงในตำนาน? พวกเจ้าจะบอกว่าเจ้ามังกรเพลิงจอมทำลายล้างโซเบลนั่นยังไม่ตายอย่างงั้นหรอ ? ”

    “มันไม่สำคัญหรอก เพราะยังไงซะพวกข้าจะเป็นคนจัดการเจ้าเอง โทษฐานที่บุกโจมตีวิหารมังกรเพลิงของท่านโซเบล!”

    ฮามัสกล่าวพร้อมกับจ้องมองเฟอร์ดิอุสด้วยความโกรธแค้น ที่มันนั้นทำให้มังกรหลายตัวต้องตาย

    “หึ อย่ามาพูดให้ขำเสียให้ยาก อย่างพวกเจ้าน่ะ…ไม่คู่ควรเลยสักตัว!…ที่จะมาเป็นคู่ต่อสู้กับข้า ไม่ว่าจะหน้าไหนก็ตาม!”

    คำพูดของเฟอร์ดิอุสที่เพิ่งกล่าวออกมาไปนั้นเมื่อได้ฟังแล้วก็ช่างเสียดแทงเข้าไปถึงในหูของกลุ่มไกอัสจนพวกเขารู้สึกโกรธเป็ฯอย่างมาก เพราะนอกจากเฟอร์ดิอุสจะมองข้ามพวกตนแล้วยังด้อยค่าอย่างไร้ศักดิ์ศรีอีก ทำให้ไกอัสที่รักศักดิ์ศรีและเกียรติยศในฐานะมังกรผู้พิทักษ์โซเบลถึงกับทนต่อไปไม่ไหวจะเข้าไปต่อสู้กับเฟอร์ดิอุสให้รู้แล้วรู้รอดกันไป

    แต่ยังไม่ทันไร จู่ๆ ก็มีเสียงของใครบางคนดังขึ้นมาจากบนท้องฟ้าและเสียงนั้นก็ช่างคุ้นหูของเฟอร์ดิอุสยิ่งนัก 

    “แล้วถ้าเป็นข้าล่ะ~!!!!”

    ทุกคนเงยหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้ารวมถึงเฟอร์ดิอุสเพื่อมองไปยังที่มาของเสียงตะโกนนั้นทันที ก่อนที่ในช่วงเสี้ยววินาทีนั้นเอง ก็ได้มีหอกเกลียวสายฟ้าปริศนาถูกปาลงมาจากท้องฟ้า พุ่งทะยานฝ่ากลุ่มเมฆลงมายังร่างของเฟอร์ดิอุสจากทางด้านหลังอย่างรวดเร็วด้วยความเร็วสูงถึง 12 กิโลเมตรต่อวินาทีอีกทั้งยังมาพร้อมกับแสงสว่างวาบสีเหลืองเหมือนสายฟ้าฟาดบนท้องฟ้า ทำให้ก้อนเมฆบนท้องฟ้าถูกแหวกขยายออกเป็นวงกว้างตามแรงอัดอากาศ

    ฟรู้ววววว~!!!!!!!! เปรี้ยงงงงง!!!!!!

    หอกสายฟ้าสีทองขนาดยักษ์ยาว 30 เมตร มุ่งเป้าตรงมายังเฟอร์ดิอุสอันเป็นเป้าหมายของผู้ปาหอก แต่ทว่าเฟอร์ดิอุสก็บินเคลื่อนตัวหลบขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว ทำให้วิถีของหอกสายฟ้าที่ถูกปามานั้นพุ่งเป้ามายังกลุ่มของไกอัสแทน 

    “ *อ๊ะ!* แย่ล่ะสิ…ระวัง 0 0 !!!”

    “หลบไม่ทันแล้ว มันพุ่งมาเร็วเกินไปแล้ว!!!”

    กลุ่มของไกอัสก้มหน้ารับชะตากรรมที่กำลังจะมาถึงท่ามกลางสายตาของมังกรนักรบและชาวบ้านที่หลบอยู่ในวิหารมังกรเพลิง สงสัยกลุ่มของไกอัสคงจะต้องสิ้นชีพลงโดยไม่ทันได้บอกกล่าวร่ำลากันเสียแล้ว 

    แต่ทว่าปาฏิหาริย์อันน่าอัศจรรย์ก็เกิดขึ้นเมื่อจู่ๆ หอกเกลียวสายฟ้านั้นก็หยุดอยู่กลางอากาศห่างจากม่านพลังป้องกันวิหารมังกรเพลิงไปไม่กี่เมตรเมตรก็จะโจมตีโดนกลุ่มของไกอัสแล้ว กลุ่มของไกอัสที่สังเกตุว่าสถานการณ์มันเงียบสงบลงโดยไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยทุกคนต่างก็ค่อยๆลืมตาขึ้นมามองสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้น ก่อนจะพบว่าบัดนี้หอกนั้นได้หยุดแช่อยู่กลางอากาศ 

    โดยหอกเล่มนั้นมีลักษณะขดเป็นเกลียวเข้าหากันโดยมีส่วนปลายแหลมสำหรับเจาะทะลวงทุกสิ่ง สีทองของหอกเล่มนี้มีพลังงานธาตุลมและสายฟ้าของมังกรลมในตำนานอาร์เบดอร์สสถิตย์อยู่อย่างเต็มเปี่ยม ทำให้มันมีความเร็ว พลังทำลายในการเจาะทะลุทะลวงที่สูงส่งเกินกว่าจะมีสิ่งใดต้านทานได้ แม้แต่มหาเวทย์ผนึกของเหล่าทวยเทพระดับสูงที่ลือกันว่าสามารถป้องกันมหาเวทย์ระดับภัยพิบัติล้างโลกได้ ก็ไม่อาจจะป้องกันการเจาะทะลวงของหอกเล่มนี้ได้ และมันมีชื่อว่า ‘หอกสายฟ้ามังกรลมอาร์เบดอร์ส’

    “หอกเล่มนี้มัน…อะไรน่ะเจ้าคะ 0 0 ?”

    ยังไม่ทันที่เรยาจะพูดจบดี จู่ๆ หอกสายฟ้าก็ถูกเรียกให้กลับไปอยู่ในมือของอาร์เบดอร์สที่ในตอนนี้เขากำลังบินมาเผชิญหน้ากับเฟอร์ดิอุส ก่อนจะตามมาด้วยโซเบลกับสเตลร่าพร้อมกับมังกรนักรบส่งข่าวอีกจำนวนหนึ่ง

    เมื่อโซเบลกับสเตลร่ามาเห็นสภาพรอบนอกของวิหารมังกรเพลิงที่เต็มไปด้วยความเสียหายจากการต่อสู้และปกคลุมไปด้วยหมอกพิษ ทั้งสองคนก็ตกใจอย่างมากและอยากรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นที่นี่

    “นี่มันเกิดอะไรขึ้น 0 0 ?! ”

    โซเบลตกใจกับภาพที่เห็นตรงหน้า 

    แต่ในระหว่างนั้นเองเฟอร์ดิอุสกับอาร์เบดอร์สที่มีโอกาสได้มาเผชิญหน้ากัน เฟอร์ดิอุสก็ได้พูดขึ้นมาอย่างดีใจขึ้นมาว่า

    “ในที่สุดข้าก็หาตัวเจ้าพบเสียทีนะ อาร์เบดอร์ส ข้าตระเวนบินรอบโลกเพื่อตามหาเจ้ามาตลอด ไม่นึกเลยว่าจะมาเจอเจ้าอยู่กับเจ้ามังกรเพลิงโซเบลที่นี่ด้วย”

    “เจ้าโจมตีวิหารมังกรเพลิงแบบนี้ คิดจะทำอะไรกันแน่”

    อาร์เบดอร์สถามออกไปพร้อมกับจับหอกสายฟ้าในมือเอาไว้แน่น

    “ข้าตามรอยคลื่นพลังเวทย์ของเจ้าจนมาพบที่นี่เขา และข้าคิดว่าเจ้าน่าจะซ่อนตัวอยู่ที่ไหนสักแห่งข้าก็เลยส่งลูกสมุนของข้าออกไปกระตุ้นนิดหน่อยก็เท่านั้น”

    “หึ ข้าอยากจะหัวเราะเสียจริงๆ เจ้าคิดหรอว่าข้าจะหนีหัวซุกหัวซุนเพื่อซ่อนตัวจากเจ้าน่ะ เจ้าอย่าลืมสิว่าข้าคือมังกรลมในตำนานที่เร็วที่สุดและไม่มีเหตุผลอะไรที่ข้าต้องหนีเจ้าด้วย”

    “งั้นหรอ เจ้าคิดว่าเจ้าโบยบินบนท้องนภารวดเร็วที่สุดเพียงผู้เดียวรึยังไงกัน ข้าเองก็เคยเป็นมังกรลมในตำนานที่อยู่ใกล้ชิดกับเทพธิดาไมอาร์เหมือนกับเจ้า เจ้าทำสิ่งใดได้ข้าเองก็ทำได้เช่นกัน”

    เมื่อเฟอร์ดิอุสพูดจบ ทั้งสองฝ่ายต่างก็ตาจ้องประสานกันราวกับจะกินเลือดกินเนื้อกันให้ได้ ก่อนที่สุดท้ายเฟอร์ดิอุสจะเปลี่ยนร่างทำให้มีแขนงอกออกมาจากลำตัวทำให้มี 4 แขนเหมือนมังกรทั่วไป พร้อมกับเสก 'หอกเกลียวคลื่นทมิฬเฟอร์ดิอุส' หอกเกลียวคลื่นพายุหมุนสีดำทมิฬที่มีลักษณะคล้ายๆกับหอกสายฟ้าของอาร์เบดอร์สแต่จะมีสองง่ามแทนที่จะเป็นหอกตรงปลายแหลมปกติ

    “ข้าจะบดขยี้เจ้าเอง อาร์เบดอร์ส”

    เฟอร์ดิอุสยกหอกเกลียวคลื่นทมิฬขึ้นมาก่อนจะตั้งท่าพร้อมต่อสู้ ส่วนอาร์เบดอร์สก็ยกหอกสายฟ้าขึ้นมาตั้งท่าเช่นกัน และคาดว่าการต่อสู้กันระหว่างมังกรลมในตำนานทั้งสองที่เป็นตัวแทนระหว่างแางสว่างกับความมืดจะเริ่มต้นขึ้นในอีกไม่ช้า

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×