คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #23 : ตอนที่ 21: มังกรเพลิงในตำนาน โซเบล vs มังกรแห่งความมืดบรรพกาล เอเทล (ตอนจบ)
***ตอนนี้จะเป็นตอนที่ยาวกว่าตอนอื่นๆเป็นพิเศษ เพราะใกล้จะจบเนื้อหา Chapter 1 แล้ว***
ความเดิมจากตอนที่แล้ว
การต่อสู้ของมังกรทั้งสองฝ่ายเหนือน่านฟ้าแคลิด ดรากูน ดำเนินไปอย่างชลมุนวุ่นวาย เหล่ามังกรนักรบที่เหลือจากเผ่ามังกรขาวและเผ่ามังกรดำ ต่างร่วมด้วยช่วยกันต่อสู้กับมังกรลูกสมุนของซิฟน็อคที่ในตอนนี้กลายเป็นมังกรแห่งความมืดไปแล้ว มังกรทั้งสองเผ่ารวมพลังกันในการจัดการมังกรแห่งความมืดทั้งเข้าตะลุมบอน ทั้งร่ายเวทย์มังกรรูปแบบต่างๆ แต่กว่าจะสามารถล้มมังกรแห่งความมืดที่มีพลังเศษเสี้ยวหนึ่งของมังกรแห่งความมืดบรรพกาล มันก็ช่างยากเย็นเหลือเกินที่จะจัดการมังกรเหล่านั้นได้สักตน
ตู้มมมม!!! ตู้มมมมม!!!
ทั้งสองฝ่ายต่างใช้พลังเวทย์เข้าห่ำหั่นกันอย่างบ้าคลั่ง จนเกิดเสียงระเบิดและลูกไฟระเบิดอย่างต่อเนื่องบนท้องฟ้า ท่ามกลางกระแสลมและท้องฟ้าที่มืดมิดแบบนี้ แต่ในขณะเดียวกันนี้เองไกอัส ฮามัส และแรนแซค ทั้งสามต่างก็กำลังช่วยกันรุมโจมตีใส่ซิฟน็อค และในตอนนี้ฮามัสกำลังตกเป็นเป้าหมายของซิฟน็อคอยู่ ซิฟน็อคใช้พลังความมืดเสกดาบออร่าสีดำติดอยู่ที่แขนขึ้นมา ก่อนจะบินเข้าไปหาฮามัสเพื่อใช้ดาบแห่งความมืดดังกล่าวฟันใส่เธอ แต่ด้วยร่างกายที่เพียวบาง และตัวเล็กของฮามัสก็สามารถทำให้เธอบินหลบการโจมตีของซิฟน็อคมาได้อย่างไม่ยากเย็นนัก
แต่เธอก็ต้องพลาดท่าเมื่อซิฟน็อคนั้นใช้หางของเขาตวัดจับรัดที่คอของฮามัสเพื่อตรึงเธอให้หยุดอยู่กับที่ ทำให้ไกอัสและแรนแซคต้องรีบเข้าไปช่วย โดยการที่ทั้งสองพ่นลมหายใจมังกรทมิฬและลมหายใจเยือกแข็งโจมตีใส่ซิฟน็อคคนละทิศทาง เพื่อบีบบังคับให้ซิฟน็อคต้องปล่อยตัวฮามัสและป้องกันตัวจากการโจมตีทั้งสองขนาบ
ตู้มมม!!!
พลังเวทย์ของทั้งสองปะทะเข้ากับร่างของซิฟน็อคเข้าอย่างจัง และฮามัสรอดจากพันธนาการมาได้อย่างหวุดหวิด ก่อนจะบินกลับมาสมทบกับทั้งสองคนอีกครั้ง
“ขอบใจเจ้าทั้งสองมากที่ช่วยข้าเมื่อกี้”
“ดูท่าเจ้านั่นจะมีจัดการไม่ได้ง่ายๆแล้วสิ พลังเวทย์ของมันมีมากเกินไป”
“ถ้าเป็นเช่นนี้พวกเราสามคนเอาชนะมันไม่ได้แน่”
ทั้งสามมองไปยัังซิฟน็อคที่ตอนนี้เขามีพลังเวทย์เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันจากพลังความสามารถของเอเทล จนในตอนนี้เขามีร่างกายที่ขยายใหญ่ขึ้น จนกลายเป็นมังกรดำที่มีความสูงถึง 40 เมตร ทำให้ทั้งสามเริ่มต่อสู้ได้ลำบากมากขึ้น
แต่ถึงอย่างนั้น ไกอัส แรนแซค และฮามัส ก็ต้องทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะโค่นซิฟน็อคให้ได้ ทำให้ทั้งสามตัดสินใจร่ายเวทย์ขยายร่างเพื่อทำให้ตัวเองนั้นใหญ่ทัดเทียมกับซิฟน็อค ก่อนจะใช้เวทย์มังกรขั้นสูงอย่าง 'ลมหายใจจิตวิญญาณมังกรคำราม' ทำการรวบรวมพลังเวทย์เกือบทั้งหมดที่มีพ่นลมหายใจพลังเวทย์ที่มีพลังทำลายล้างสูงที่สามารถทำลายปราสาทหรือเมืองขนาดย่อมๆได้ โจมตีใส่ซิฟน็อคพร้อมกัน
เมื่อพลังเวทย์มังกรขั้นสูงของทั้งสามพุ่งไปข้างหน้าได้สักพักมันก็ได้ประสานรวมเข้าด้วยกันจนเกิดเป็นเกลียวคลื่นพลังเวทย์สีขาวขนาดใหญ่ พุ่งตรงเข้าไปหาซิฟน็อคด้วยความเร็วสูงและทรงพลัง ก่อนที่ซิฟน็อคจะยืนรับคลื่นพลังเวทย์ไม้ตายนี้โดยไม่คิดที่จะหลบหรือปัดป้องใดๆ
ตู้มมม!!!
แรงระเบิดนั้นแผ่ขยายออกไปเป็นวงกว้าง บังเกิดเป็นโดมพลังเวทย์สีขาวขนาดใหญ่ และแรงระเบิดที่รุนแรงขนาดนี้เหล่ามังกรทั้งหลายต่างก็เชื่อว่าซิฟน็อคไม่มีทางที่จะรอดไปได้ เพราะคลื่นพลังเวทย์ที่เขารับไปนั้นคือท่าไม้ตายขั้นสุดยอดของเผ่ามังกรระดับสูง แต่ทว่าเรื่องที่น่าตกใจก็เกิดขึ้นเมื่อซิฟน็อคนั้นยังไม่ตายอีกทั้งสภาะอยู่ดีไร้บาดแผลและรอยขีดข่วนทั้งสิ้น
“บะ…บ้าน่า โดนพลังเวทย์ขั้นสุดยอดของพวกเราทั้งสามคนไปเต็มๆขนาดนั้น มันยังไม่เป็นอะไรเลยหรอเนี่ย 0 0 ?! ”
“ทีนี้พวกเจ้าเห็นถึงพลังความมืดของข้าแล้วรึยังล่ะ ข้าบอกพวกเจ้าไปแล้วไง ว่าพวกเจ้าไม่มีทางเอาชนะข้าใด ตราบใดที่ข้ายังมีพลังความมืดของท่านเอเทลอยู่!!”
พูดจบซิฟน็อคก็เปิดฉากพ่นลมหายใจแห่งความมืดยิงเป็นกระสุนความมืดขนาดใหญ่ออกจากปาก โจมตีใส่กลุ่มของไกอัส รวมถึงมังกรตัวอื่นๆที่ตอนนี้กำลังบินหนีออกจากการต่อสู้ ทำให้เกิดการสูญเสียล้มตายของมังกรเป็นจำนวนมาก
และในเวลาเดียวกันนี้เองเรยาที่อยู่ในเหตุการณ์นี้ด้วย ก็กำลังจะถูกกระสุนความมืดของซิฟน็อคโจมตีและเธอไม่สามารถปกป้องตัวเองได้เพราะเรยาไร้ประสบการณ์ในการเอาตัวรอดจากอันตราย นั่นจึงทำให้ไกอัสละทิ้งการต่อสู้และหันไปโฟกัสเรยาแทน ด้วยการบินเข้าไปเอาตัวบังรับคลื่นกระสุนความมืดแทนเรยาด้วยความเร็วสูงสุดเท่าที่เขาทำได้
ตู้มมมม!!!!
ไกอัสได้รับความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส แผ่นหลังของเขาเกิดเป็นบาดแผลรุนแรง ทำให้เรยาที่เห็นว่าที่สามีเอาตัวมาปกป้องตนจากอันตรายถึงกับช็อค
“ท่านไกอัส….ทำไมถึง…. .0 0. ”
“ *แค่ก…แฮ่ก…* เจ้าไม่เป็นอะไรใช่มั้ย…”
เรยามองดูสภาพว่าที่สามีของตนที่บาดเจ็บหนัก และมีอาการล่อแล่จากการที่เขานั้นเข้ามาช่วยชีวิตตนเอาไว้ จนเรยานั้นรู้สึกช็อคและปลาบปลื้มในเวลาเดียวกัน ที่ไกอัสยอมเสียสละตัวเองรับกระสุนความมืดแทนตนเอง จนเขาอยู่ในสภาพบาดเจ็บสาหัส
“ท่านไกอัส ท่านเป็นอะไรรึเปล่าเจ้าคะ 0 0 "
เรยารีบบินเข้าไปดูอาการของไกอัสและช่วยประคองร่างของเขาเพราะเกรงว่าเขาจะหมดแรงกลางอากาศ แต่ไกอัสก็พูดติดตลกขึ้นมา
“ข้าไม่เป็นไร….ตราบใดที่เจ้ายังไม่ได้เป็นเจ้าสาวของข้า ข้าจะไม่ยอมตายง่ายๆหรอก ^ ^ ”
“ท่านมาพูดอะไรในเวลาเช่นนี้ ตอนนี้ท่านบาดเจ็บอยู่นะเจ้าคะ”
ไกอัสหัวเราะเบาๆเพราะไม่อยากให้เรยาต้องกังวลเพราะตัวเขา และเขาก็สัมผัสได้ถึงความรู้สึกดีๆที่เขานั้นได้ปกป้องบางสิ่งบางอย่างเอาไว้ได้ นั่นจึงทำให้เขายิ้มออกมาอย่างอ่อนโยนเป็นครั้งแรกซึ่งมันก็ทำให้เรยายิ้มตาม
“ท่านไกอัสกำลังบาดเจ็บ ให้ข้าช่วยรักษาให้ท่านนะเจ้าคะ”
หลังจากนั้นเรยาก็ได้ใช้พลังเวทย์ ‘มนตราเยียวยาแห่งดวงดาว’ ทำการรักษาอาการบาดเจ็บให้กับไกอัส บังเกิดเป็นกลุ่มควันสีม่วงและกาลอวกาศล่องลอยออกมาจากฝ่ามือของเธอ ก่อนจะเข้าไปปกคลุมทั่วร่างกายของไกอัส จนทำให้บาดแผลของเขาค่อยๆหายสนิทอย่างช้าๆ โดยพลังเวทย์นี้เป็นอีกสายของวิชาคำพยากรณ์ดวงดาว ที่จอมเวทย์เมลินได้มอบม้วนหนังสือให้เรยานำไปศึกษา เผื่อในวันข้างหน้าเธอจะได้ใช้มันช่วยเหลือผู้อื่น ซึ่งมันก็ประจวบเหมาะที่ในเวลานี้กำลังเกิดความวุ่นวายทำให้มีมังกรหลายตนได้รับบาดเจ็บจากการโดนลูกหลงจากการต่อสู้ของกลุ่มไกอัส
“ไกอัส เจ้าเป็นอะไรรึเปล่า”
ฮามัสและแรนแซครีบบินเข้ามาดูอาการของไกอัสที่เพิ่งโดนการโจมตีชุดใหญ่ไปเมื่อครู่ด้วยความเป็นห่วง แต่ก็พบว่าตอนนี้ไกอัสหายจากอาการบาดเจ็บ จากการช่วยเหลือของเรยา
“เจ้าไม่เป็นอะไรแล้วงั้นรึ ? ”
แรนแซคมองไปที่ไกอัส ก่อนที่ไกอัสจะผลิกตัวไปมาให้ดู
“ข้าไม่เป็นไร ตอนนี้บาดแผลข้าหายสนิทเลยล่ะ”
“(ได้ยังไงกัน)”
ฮามัสนึกสงสัยในใจ ก่อนที่สัญชาตญานของเธอจะสั่งให้เธอหันไปมองเรยา หัวหน้าเผ่าของมังกรขาวคนที่จะมาเป็นน้องสะใภ้ในอนาคต และในตอนนี้เรยาเองก็มองที่เธอเช่นเดียวกัน
“เป็นฝีมือของเจ้าเองงั้นรึ ที่ช่วยรักษาอาการบาดเจ็บให้กับไกอัส ? ”
“เจ้าค่ะ ข้าได้ใช้พลังเวทย์มนตราเยียวยาดวงดาว รักษาอาการบาดเจ็บให้กับท่านไกอัสและยังช่วยลบล้างสถานะไม่ดีให้กับเขาอีกด้วยเจ้าค่ะ”
“(นางช่างอ่อนน้อมถ่อมตนอะไรอย่างงี้ ผิดวิสัยมังกรระดับสูงเสียจริงๆ แต่พลังเวทย์ของนางคงแข็งแกร่งไม่ใช่ย่อย ถึงได้รักษาอาการบาดเจ็บที่เกิดจากพลังความมืดที่แข็งแกร่งแบบนั้นให้หายได้ภายในไม่กี่ชั่วอึดใจเดียวเช่นนี้)”
ฮามัสนึกในใจ ในขณะที่ตอนนี้เองก็เกิดเสียงคำรามลั่นทำให้ทั้งสี่คนต้องหันไปมอง
เมื่อทั้งสี่หันไปมองที่มาของเสียง ก็พบว่าตอนนี้ซิฟน็อคกำลังเข้าสู่สภาวะคุ้มคลั่งเต็มที่จนแววตาของเขาสีแดงเทือกส่องประกายในความมืด ตอนนี้ทั้งฮามัส แรนแซค และไกอัส รู้ตัวแล้วว่าตอนนี้พวกเขาคงไม่สามารถเอาชนะซิฟน็อคที่เติมเต็มพลังเวทย์ของตนเองได้ไร้ขีดจำกัดได้ จนในตอนนี้ทุกคนเริ่มจนปัญญาและตกอยู่ในความสิ้นหวัง
“เจ้านั่น…มีพลังเวทย์เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ขืนเป็นแบบนี้ต่อให้พวกเราทั้งสามรวมพลังกันอย่างไร ก็ไม่สามารถเอาชนะซิฟน็อคได้เป็นแน่!”
แรนแซคพูด ก่อนที่ฮามัสจะถามขึ้นมา
“แล้วทีนี้พวกเราจะทำอย่างไรต่อไปล่ะ ต่อให้หนีไปเดี๋ยวเจ้าซิฟน็อคมันก็จะตามมาฆ่าพวกเราและมังกรตนอื่นๆอยู่ดี อีกอย่างเวลาแบบนี้ท่านโซเบลก็กำลังยุ่งอยู่สะด้วย”
ฮามัสมองไปยังการต่อสู้ระหว่าง โซเบล สเตลร่า กับ เอเทล ที่กำลังเกิดขึ้นอย่างดุเดือดที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลมากนัก ก่อนที่ทุกคนจะหันไปมองตามและเห็นเป็นภาพเดียวกัน
“ท่านโซเบลกำลังต่อสู้กับนางมังกรปีศาจนั่นเพื่อซื้อเวลาให้พวกเราอยู่ ฉะนั้นพวกเราเองก็ต้องจัดการเจ้าซิฟน็อคให้ได้เพื่อปกป้องทุกๆคน และพวกเราจะถอดใจในเวลาเช่นนี้ไม่ได้!”
ไกอัสพูดปลุกใจให้ฮามัสกับแรนแซคกลับมามีกำลังใจฮึดสู้อีกครั้ง แม้ว่าตอนนี้ทางฝั่งพวกเขาจะเสียเปรียบมากๆก็ตาม แต่ทั้งสามคนก็เพราะที่จะต่อสู้เพื่อปกป้องอนาคตของเผ่ามังกรทั้งสองเผ่าเพื่อวันพรุ่งนี้
“นั่นสินะ พวกเราจะมายอมแพ้เช่นนี้ไม่ได้ มังกรนักรบอย่างพวกเราต้องต่อสู้เพื่ออนาคตของมังกรทุกตนในเผ่า!”
แล้วแรนแซคก็ยืนมือสามัคคีก่อนที่ฮามัสและไกอัสจะแตะมือรวมใจกันเป็นหนึ่งในศึกตัดสินอนาคตในครั้งนี้ แต่ดูเหมือนว่าเรยาจะขอเข้าร่วมในการต่อสู้ในครั้งนี้ด้วย นั่นจึงสร้างความแปลกใจให้กับทั้งสามคนอย่างมาก
“เรยา นี่เจ้าจะทำอะไรน่ะ 0 0 ”
ไกอัสถาม
“ข้าจะขอร่วมต่อสู้ไปกับพวกท่านด้วยคนนะเจ้าคะ”
“เจ้าไร้ซึ่งพลังใดๆที่จะใช้ต่อสู้ได้นะ แม้แต่ลมหายใจมังกรเจ้าก็ไม่-…”
“เรื่องนั้นข้ารู้ดีเจ้าค่ะ แต่จะให้ข้ายืนดูสามีออกไปเสี่ยงชีวิตและโดนปกป้องอยู่ฝ่ายเดียวเช่นนี้ มันไม่สมกับฐานะหัวหน้าเผ่ามังกรขาวที่ข้าเป็นอยู่เลย”
แรนแซคและไกอัสอึ้งไปพักหนึ่ง ก่อนที่เรยาจะพูดต่อว่า
“ข้าน่ะรบกวนผู้อื่นมามากพอแล้ว ข้าเองก็อยากจะต่อสู้ในแบบของข้าเพื่อปกป้องทุกคนเหมือนกัน เพราะฉะนั้นข้าจะไม่ยอมให้ใครต้องมาเจ็บปวดเพราะข้าอีกแล้วเจ้าค่ะ”
เมื่อเรยาประกาศปณิธานและความตั้งใจลึกๆของเธอให้ทั้งสามคนรับฟังแล้ว พวกเขาต่างก็มองหน้ากันเล็กน้อยเหมือนกำลังถามใจกันอยู่ว่าจะเอาอย่างไรต่อไป ก่อนที่ทั้งสามจะยอมให้เรยาเข้ามาร่วมต่อสู้ด้วย โดยฮามัสได้ถามคำถามแรกจากเรยาไปว่า
“ถ้าเจ้าต้องการจะมาช่วยพวกเราจริงๆล่ะก็ เจ้ามีความสามารถในการใช้พลังเวทย์ใดได้บ้าง”
“ข้าสามารถใช้เวทย์คำพยากรณ์ดวงดาว และเวทย์แขนงสายย่อยไม่กี่อย่าง แต่ท่านไม่ต้องเป็นห่วง ข้าพอจะมีวิธีในการหาช่องทางที่จะทำให้พวกท่านกลับมาชนะได้อยู่เจ้าค่ะ”
“ยังไงรึ ? ”
ไกอัสถามต่อ
“ข้าจะลองใช้เวทย์คำพยากรณ์ขั้นสูงในการคาดการณ์อนาคตที่จะเกิดขึ้นดู และในระหว่างนั้นพวกท่านทั้งสามก็ต้องยื้อเวลาให้ข้าเข้าฌานจนกว่าข้าจะสามารถมองเห็นอนาคตที่เป็นไปได้นะเจ้าคะ”
เมื่อทั้งสามได้รู้ดังนั้น พวกเขาก็พยักหน้าในทันที โดยที่แรนแซคจะคอยอยู่คุ้มกันการโจมตีให้เรยาหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นเหมือนครั้งที่แล้ว และให้ไกอัสกับฮามัสออกไปสู้เพื่อถ่วงเวลาจนกว่าเรยาจะทำสมาธิจนถึงแก่นแท้ได้แล้ว
“เจ้าทั้งสองออกไปดึงความสนใจเจ้านั่นเอาไว้ จนกว่าท่านผู้อาวุโสจะเข้าฌานสมาธิสำเร็จ ส่วนข้าจะอยู่ที่นี่เพื่อคุ้มกันให้เขาตรงนี้เอง”
“เข้าใจล่ะ ยังไงข้าก็ฝากเรยาไว้กับเจ้าด้วยนะ อย่าให้นางได้รับอันตรายใดๆเชียวล่ะ”
“ดูท่าเจ้าจะเป็นห่วงภรรยาของเจ้าเสียเหลือเกินนะ v.v ”
ฮามัสแซวไกอัสผู้เป็นน้องชายขึ้นมา หลังจากเห็นท่าทีที่แสดงความเป็นห่วงของไกอัส จนอีกฝ่ายหัวเราะแก้เขิน
หลังจากนั้นมังกรดำสองพี่น้อง ไกอัส และ ฮามัส ก็กลับเข้าสู่การต่อสู้อีกครั้ง และในคราวนี้ทั้งสองได้ใช้รูปแบบการโจมตีประสานพลังเวทย์ทั้ง 'กรงเล็บมังกรทมิฬ' กับ 'เสียงคำรามมังกรทมิฬ' โจมตีใส่ซิฟน็อคพร้อมกัน ซึ่งการโจมตีในรูปแบบนี้รุนแรงมาก แต่ทว่าซิฟน็อคก็ยกปีกของเขาและสร้างกำแพงความมืดขึ้นมาป้องกัน ทำให้การโจมตีของทั้งสองไม่ได้ผล ก่อนจะโจมตีสวนกลับไปด้วยลมหายใจมังกรทมิฬที่มีพลังความมืดแฝง ทำให้เปลวเพลิงมีไฟสีม่วงผสมเข้ามาบางส่วน
ไกอัสและฮามัสบินหลบไปมาอย่างรวดเร็ว แม้ร่างกายจะใหญ่โตแต่สองพี่น้องคู่นี้เหมือนจะเข้าขากันดี คนหนึ่งดึงดูดความสนใจ ในขณะที่อีกคนหนึ่งนั้นโจมตีด้วยพลังเวทย์จากมุมอับสายตาด้วยพลังเวทย์ที่รุนแรง จนถึงขั้นทำให้ซิฟน็อคถึงกับนั่งไม่ติด
ตู้มมมม!!! โคร้มมมม!!!
“สมแล้วที่เป็นท่านพี่ เราสองพี่น้องยังเข้าขากันเหมือนเดิมเลยนะ”
“นี่มันใช่เวลามาชื่นชมรึไง ศัตรูของพวกเรายังไม่ถูกกำจัดนะ”
แล้วทั้งสองก็หันไปโฟกัสสถานการณ์เบื้องหน้าอีกครั้ง ซึ่งในคราวนี้ซิฟน้อคได้ระเบิดคลื่นเปลวเพลิงแห่งความมืดออกมารอบด้าน ทำให้ฮามัส และไกอัส ต้องหลบมาอยู่ใกล้กันเพื่อสร้างพลังเวทย์ป้องกันเปลวเพลิงสีดำนี้ และมันก็ได้ขยายลุกลามออกไปเป็นวงกว้างจนแม้แต่แรนแซคยังต้องสร้างพลังเวทย์อาณาเขตขึ้นมาปกป้องเรยาเอาไว้เพื่อความปลอดภัย ซึ่งในขณะนี้เรยากำลังทำจิตเพื่อเข้าถึงแก่นแท้วิชาคำพยากรณ์ดวงดาวอยู่
จิตของเรยาค่อยๆลอยสูงขึ้นไปท่ามกลางความมืดที่มีกระจุกแสงสีขาวดุจดวงดาวบนท้องฟ้าอย่างช้าๆ ราวกับว่าตัวเธอนั้นไร้แรงโน้มถ่วง ที่ด้านบนเธอมองเห็นแสงสว่างที่สาดส่องลงมาจากความมืดที่ไร้ที่สิ้นสุดในโลกแห่งจิตใจ ซึ่งเธอนั้นใกล้จะเข้าถึงแก่นแท้ของเวทย์คำพยากรณ์ดวงดาว และจะสามารถมองเห็นอนาคตที่อาจจะเกิดขึ้นเพื่อนำมันไปบอกต่อให้กับกลุ่มไกอัสในการเอาชนะซิฟน็อคได้
แต่ในระหว่างที่เธอกำลังจะเอื้อมมือคว้าแสงนั้นเอาไว้อยู่นั้น จู่ๆ เรยาก็ได้ยินเสียงใครบางคนที่ห่างหายไปนานแสนนาน เสียงที่ชวนอบอุ่นที่เธอคุ้นเคย ดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง
“อยากจะช่วยคนที่เธอรักใช่มั้ย…เรยา…”
“(สะ….เสียงนี้มัน 0 0)”
เรยาหันไปมองที่มาของเสียงเพื่อดูว่าเป็นเสียงของใคร ก่อนที่เธอจะตะลึงไปพักหนึ่งเมื่อคนที่กำลังปรากฏอยู่ตรงหน้าเธอนั้นคือ จอมเวทย์เมลิน อาจารย์ของเธอที่สอนวิชาเวทย์คำพยากรณ์ดวงดาวให้กับเธอนั่นเอง แต่เธอมาปรากฏตัวในสถานะภาพวิญญาณที่เป็นดั่งเงาสะท้อนของแก่นแท้พลังเวทย์คำพยากรณ์
“ท่านเมลิน…ทำไมท่านถึงได้-…”
“การล่วงรู้อนาคตแล้วแทรกแซงผลลัพธ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นตามสายธารแห่งโชคชะตา เป็นเรื่องที่เสี่ยงอันตรายต่อตัวเธออย่างมากนะ บางที….มันอาจจะทำให้เธอตายได้นะ”
“เรื่องนั้นข้ารู้ดีเจ้าค่ะ มันเป็นกฏเหล็กที่ผู้ใช้เวทย์คำพยากรณ์ดวงดาวต้องปฏิบัติตาม เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกคลื่นมนตราดวงดาวเข้าแทรกแซงจนทำให้เสียสติและเป็นบ้าไป นั่นคือสิ่งที่ท่านอาจารย์พร่ำสอนข้าตลอด”
“ถ้ารู้แบบนั้น แล้วไหงถึงยังดื้อดึงที่จะใช้มันอีกล่ะ ถ้าหากเธอตายไปแล้วคนที่เธอปกป้องเอาไว้ได้ เขาจะมีชีวิตอยู่ไปเพื่ออะไร หากเจ้าไม่ได้อยู่กับพวกเขา”
“เรื่องนั้น….”
เรยาเริ่มสับสนและลังเลเนื่องจากเธอนั้นไม่คิดหาวิธีรับมือหากเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น ทำให้เธอนั้นถึงกับล้มทั้งยืนเพราะเธอไม่อาจจะหาคำตอบให้กับคำถามนี้ได้
แต่ทว่าจอมเวทย์เมลินก็ได้เดินเข้ามาก่อนจะเอื้อมมือไปสัมผัสที่ปลายจมูกของเรยาอย่างอ่อนโยน และด้วยความอบอุ่นจากฝ่ามือนี้ทำให้เรยาใจสงบลงอย่างมากบอกไม่ถูก
“มันจะมีประโยชน์อะไรเล่า หากเธอนั้นช่วยเหลือคนที่เธอรักเอาไว้ได้ แต่เธอไม่ได้อยู่กับคนที่เธอรัก เวทย์พยากรณ์นั้นเปราะบางยิ่งกว่าสิ่งใด แต่ถ้าหากเธอต้องการจะเข้าถึงแก่นแท้ของพลังวิชานี้ ฉันจะเป็นคนทางชี้นำให้เธอเอง”
“ท่านอาจารย์เมลิน .0 0. ”
“มาเถิด…ลูกศิษย์ของฉัน…จงรับการชี้นำและองค์ความรู้ของเวทย์คำพยากรณ์นี้เถิด…”
ใบหน้าของจอมเวทย์เมลินที่ซ่อนเร้นภายใต้ฮูดสีขาว ค่อยๆถูกเปิดเผยขึ้นมาทีละน้อยก่อนจะเผยให้เห็นใบหน้าที่งดงามเหมือนเทพธิดาไมอาร์ไม่มีผิด จากนั้นก็ปรากฏปีกแสงสีทองสยายออกอย่างสง่างาม จนเกิดเป็นขนนกสีทองลอยฟุ้งไปทั่วบริเวณอย่างสวยงาม ก่อนที่เรยาจะได้รับองค์ความรู้และวิธีการเข้าถึงแก่นแท้ทั้งหมดจากจอมเวทย์เมลิน เพื่อที่เธอจะได้นำไปช่วยกลุ่มของไกอัส จนในที่สุดเรยาก็สามารถล่วงรู้อนาคตและวิธีที่จะเอาชนะซิฟน็อคได้เป็นผลสำเร็จ
.
.
.
.
ตัดกลับมาที่โลกความเป็นจริง
เรยาได้คืนสติกลับมาที่โลกความเป็นจริงอีกครั้ง พร้อมกับได้รับความทรงจำจากอนาคตมา และตอนนี้เธอก็ได้สั่งให้แรนแซคนำข่าวนี้ไปบอกให้ไกอัสกับฮามัสได้รับรู้ ถึงวิธีที่จะกำจัดซิฟน็อคให้ได้อย่างอยู่หมัด
“ท่านช่วยนำข่าวนี้ไปบอกท่านไกอัสและพี่สาวของเขาด้วยนะเจ้าคะ”
“ทราบแล้วขอรับ ข้าจะรีบไปเดี๋ยวนี้เลย”
หลังจากนั้นแรนแซคก็เตรียมตัวที่จะนำข่าวนี้ไปบอกให้ไกอัสกับฮามัสรู้ แต่ก่อนไปเขาก็ได้ร่ายเวทย์ป้องกันให้เรยาถึง 5 ชั้นเพื่อความอุ่นใจ
แรนแซครีบบินไปหาไกอัสและฮามัสที่ในขณะนี้ทั้งสองเริ่มที่จะพลังเวทย์หมดและจะไม่สามารถร่ายเวทย์ได้ในอีกไม่ช้า
“ทั้งสองคน ท่านผู้อาวุโสรู้แล้วว่าพวกเราจะจัดการเจ้านั่นอย่างไร”
“จริงหรอ 0 0 ”
“แล้วนางว่าอย่างไรบ้าง”
แรนแซคได้บอกเล่าข้อความที่เขาได้ยินมาจากปากเรยาให้ไกอัสกับฮามัสฟัง โดยแผนการที่เรยาได้ฝากบอกแรนแซคนั้นคือ ทั้งสามคนจะหลอกล่อและต้องโจมตีไปที่ศีษระของซิฟน็อคเพื่อทำลายเขามังกร จุดควบคุมพลังเวทย์ของมังกรระดับสูงโดยต้องอาศัยการหลอกล่อหลอกให้ซิฟน็อคตายใจ และให้ไกอัสบินเข้าไปทำลายเขามังกรอีกส่วนหนึ่งที่ยังอยู่ เพื่อทำให้พลังวเทย์ของซิฟน็อคเสียสมดุล และเมื่อพลังเวทย์ของเขาเสียสมดล เขาจะไม่สามารถควบคุมพลังเวทย์ได้ตามใจนึกและนั่นจะเป็นโอกาสที่ทั้งสามจะใช้ลมหายใจมังกรทำลายร่างของซิฟน็อคจนสิ้น
เมื่อไกอัสกับฮามัสได้ฟังดังนั้นทั้งสองคนก็ไม่รอช้ารีบทำตามที่แรนแซคบอกมาในทันที
“ได้เวลาลาขาดกันล่ะนะซิฟน็อค!”
“ได้เวลาที่เจ้าจะต้องพักผ่อนแล้วล่ะนะ”
หลังจากนั้นมังกรทั้งสามคนก็บินเข้าไปเผชิญหน้ากับซิฟน็อคเป็นครั้งสุดท้าย โดยทั้งสามได้พ่นลมหายใจมังกรระดับต่ำโจมตีไปที่ซิฟน็อค และบินวนรอบตัวซิฟน็อคเพื่อทำให้เขาสับสนและระวังตัวไม่ถูก ก่อนที่ซิฟน็อคจะร้องคำรามออกมาเพื่อผลักให้ทั้งสามกระเด็นออกไป แต่ทว่ามังกรทั้งสามก็ร่ายเวทย์ป้องกันทำให้แรงกระแทกจากคลื่นเสียงส่งมาไม่ถึงตัว ก่อนที่ในจังหวะนี้เอง แรนแซคจะร่ายเวทย์ลมหายใจมังกรเยือกแข็งทำการแช่แข็งปากของซิฟน็อค และให้ฮามัสพ่นลมหายใจมังกรทมิฬ และ กรงเล็บมังกรทมิฬ
ตู้มมม!!!
ร่างของซิฟน็อคตกลงสู่พื้น และในเวลาเดียวกันนี้เองฮามัสกับแรนแซคก็ได้บินเข้ามาใช้กรบเล็บจากอุ้งมือข่วนไปที่ศีษระของซิฟน็อค จนเขามังกรของเขาเกิดอาการแตกรอยร้าวขึ้นอย่างรุนแรง ทำให้มีพลังเวทย์บางส่วนรั่วไหลออกมาจากรอยแตกนั้น ในตอนนี้ซิฟน็อคที่กำลังมึนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ไกอัสจึงได้ใช้โอกาสนี้ดิ่งพสุธาตรงไปหาซิฟน็อคในทันที ก่อนที่เขาจะใช้กรงเล็บจากอุ้งมือของเขาที่ส่องแสงสว่างสีขาวเล็งโจมตีไปที่เขามังกรของซิฟน็อคที่อีกข้างหนึ่งแหว่งไปก่อนหน้าจากการต่อสู้ครั้งล่าสุดที่หมู่บ้าน สโนวบรอน ดรากูน
โคร้มมมมม!!!!!
ไกอัสได้ใช้กรงเล็บของเขาตะปบไปที่เขามังกรของซิฟน็อคจนมันแตกหักกระเด็นหลุดออกไป ทำให้ตอนนี้ร่างกายของซิฟน็อคเกิดมีความมืดรั่วไหวทำให้เขาเกิดอาการกระวนกระวาย จนร่างของเขากระแทกลงพื้นดินอย่างแรง
และในตอนนี้เองก็เป็นโอกาสดีที่สุดในการที่มังกรทั้งสามจะจัดการซิฟน็อค ฮามัส แรนแซค และไกอัสไม่รอช้ารีบร่ายเวทย์ลมหายใจมังกรครั้งสุดท้ายก่อนที่พลังเวทย์ของพวกเขาจะหมด โจมตีไปที่ร่างของซิฟน็อค แต่ก่อนที่เขาจะตายซิฟน็อคจะตะโกนขอพลังเพิ่มจากเอเทลเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่เขาจะโดนแรงระเบิดอัดจนหายไปพร้อมฝุ่นควัน “ท่านเอเทล…ได้โปรดมอบพลังให้กับข้าซิฟน็อคผู้นี้ด้วย…!!!”
ตู้มมม!!!!
ชัยชนะตกเป็นของฝ่ายไกอัส ตอนนี้พวกเขาสามารถจัดการซิฟน็อคมังกรดำที่ต้องการตั้งตนเป็นกบฏต่อเผ่าได้แล้ว และหลังจากที่ซิฟน็อคตาย มังกรบริวารที่เป็นลูกน้องของซิฟน็อคก็ถูกพลังความมืดกลืนกินจนสูญสลายหายไปจนไม่เหลือซาก เนื่องจากตัวการนั้นได้ถูกกำจัดไปแล้ว
“*ฟู่วว…* ในที่สุด…พวกเราทั้งสามก็เอาชนะมาได้”
ฮามัสถอนหายใจและรู้สึกเหนื่อยจากการต่อสู้
“นั่นสินะ ข้าเองก็คิดเช่นนั้น”
แรนแซคพูดและหันมามองฮามัส
“เท่านี้ภัยอันตรายจากซิฟน็อคก็หมดไปแล้ว ที่เหลือก็มีแค่ท่านผู้อาวุโสที่ตอนนี้ข้าต้องรีบไปช่วยพาเขาออกมา”
หลังจากนั้นไกอัสก็รีบมุ่งหน้าไปยังตำหนักของเกรย์ออลในทันที
ในตอนนี้สภาพของหมู่บ้านแทบไม่เหลือเค้าเดิมอีกต่อไป หมู่บ้านแคลิด ดรากูน ที่สวยงาม บัดนี้กลายสภาพเป็นลานต่อสู้ที่เต็มไปด้วยเศษซากและหลุมลึกจากการต่อสู้ ไกอัสที่เห็นว่าที่นี่อาศัยอยู่ต่อไปไม่ได้แล้วเขาก็รีบมุ่งหน้าไปยังตำหนักเพื่อที่จะเข้าไปช่วยเกรย์ออลที่ยังอยู่ด้านใน “ท่านผู้อาวุโศ ข้ามาช่วยท่านออกไปจากที่นี่แล้วขอรับ!!” ไกอัสรีบตะโกนเรียกหาเกรย์ออลในทันที เพื่อหวังว่าจะมีการตอบกลับมาจากอีกฝ่าย แต่สิ่งที่ตอบกลับมากลับเป็นเพียงเสียงไอของเกรย์ออลที่อาการป่วยของเขากำลังทรุดหนักอย่างเห็นได้ชัด
ไกอัสรีบวิ่งตามเสียงไอนั้นไป ก่อนจะพบเข้ากับเกรย์ออลนอนหมดสภาพอยู่ที่พื้นในสภาพใกล้ตายเต็มที เขารีบเข้าไปดูอาการของเกรย์ออลด้วยความเป็นห่วง ก่อนที่ฮามัส แรนแซค และเรยาจะตามมาสมทบ
“ท่านผู้อาวุโส ท่านอย่าเพิ่งเป็นอะไรไปนะขอรับ 0 0 ! ”
เกรย์ออลไม่ตอบอะไร ก่อนที่ฮามัสจะพูดขึ้นมา
“ข้าว่าพวกเรารีบพาท่านเกรย์ออลออกไปจากที่นี่ก่อนดีกว่า เพราะหากพวกเรายังอยู่ที่นี่อาจจะโดนลูกหลงจากการต่อสู้ของท่านโซเบลได้”
ไกอัสพยักหน้าก่อนที่เขาจะหิ้วร่างที่โรยราของเกรย์ออลขึ้นหลังแล้วทั้งสี่คนก็บินหนีออกจากหมู่บ้านพร้อมกับพามังกรเฒ่าหนีออกมาได้อย่างปลอดภัย
.
.
.
.
ตัดภาพมายังการต่อสู้ของ โซเบล สเตลร่า กับ เอเทล
โคร้มมมม!!!!
โซเบลและสเตลร่า ได้ช่วยกันใช้หัวกระแทกไปที่หน้าอกของเอเทล แต่ทว่าอีกฝ่ายกลับยืนนิ่งไม่สะทกสะท้านและสามารถรับแรงกระแทกของมังกรทั้งสองได้สบายๆ
“อ่อนหัด!”
เอเทลยกแขนขึ้นก่อนจะทุบทั้งสองให้จมดิน แต่โซเบลกับสเตลร่าก็รีบกระโดดถอยออกมาได้ทัน ทำให้ทั้งสองรู้ได้ในทันทีว่าเอเทลนั้นแข็งแกร่งมากเกินกว่าจะโจมตีทางกายภาพได้ แม้โซเบลจะเป็นมังกรเพลิงในตำนานและมีพลังทัดเทียมกับเอเทล แต่เขายังขาดประสบการณ์ในการต่อสู้กับศัตรูที่แข็งแกร่งทำให้เขายังไม่สามารถผลิกแผลงสถานการณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากพอ นั่นจึงทำให้สเตลร่าต้องคอยให้คำแนะนำกับเขาเป็นบ้างครั้งในระหว่างต่อสู้
“ร่างกายของเอเทลถูกปกคลุมไปด้วยพลังความมืดบรรพกาลอยู่ การโจมตีทางกายภาพและเวทย์มนต์ธรรมดาไม่สามารถทำอะไรให้กับเขาได้ แต่ถึงฝ่าพลังความมืดไปได้ก็ยังต้องผ่านเกล็ดมังกรเซฟิลอสที่ปกคลุมทั่วร่างของเอเทลไม่ได้อยู่ดี เป็นการป้องกันที่แทบจะสมบูรณ์แบบเลยล่ะ”
“แล้วแบบนี้พวกเราจะเอาชนะได้ยังไงล่ะ เธอมีวิธีไหนมาแก้สถานการณ์บ้างรึเปล่า”
“ไม่มี ตอนนี้ฉันเองก็บาดเจ็บ แค่มาช่วยนายสู้กับมังกรแห่งความมืดของเซฟิลอสได้ก็เต็มกลืนแล้ว”
พูดจบสเตลร่าก็มีอาการวิงเวียนเล็กน้อยและกำลังขาอ่อนแรงชั่วขณะ ทำให้โซเบลต้องรีบเข้าไปช่วยประคองไม่ให้ล้มด้วยความเป็นห่วง
“สเตลร่า อดทนเอาไว้นะ”
“ฉันไม่เป็นไรหรอกน่า…ฉันก็แค่…”
สเตลร่าล้มทั้งยืนจนโซเบลต้องช่วยประคองให้นอนลงกับพื้นเพื่อให้เธอพักผ่อน
“ดูท่าเจ้าทั้งสองจะรักกันมากเลยสินะ ถ้าอย่างนั้นข้าจะฆ่าพวกเจ้าทั้งสองให้ตายตามกันไปเลยก็แล้วกัน”
โซเบลมองไปที่เอเทลอยู่สักพักเหมือนกับว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ ก่อนที่เขาจะเดินตรงเข้าไปหาเอเทลปล่อยให้สเตลร่านอนพักอยู่ที่ด้านหลัง
เอเทลที่เห็นว่าโซเบลเดินตรงเข้ามาหาตรงๆแบบนี้ มันก็ทำให้เธอรู้สึกประหลาดใจขึ้นมาว่าโซเบลนั้นคิดจะทำอะไร เพราะต่อให้เขาจะใช้กรงเล็บหรือพลังเวทย์เพลิง มันก็คงจะไม่สามารถเจาะเวทย์ความมืดป้องกันของเธอได้ แต่ไม่นานเกินรอโซเบลก็ได้ทำในสิ่งที่เธอไม่คาดคิดมาก่อน
“เจ้าเดินตรงเข้ามาหาข้าเช่นนี้ เจ้าคิดจะทำอะไร ? ”
“ฉันอยากจะลองทดสอบอะไรดูหน่อยก็เท่านั้นเอง”
เมื่อสิ้นเสียงคำพูดของโซเบลแล้ว เขาก็ไม่รอช้าร่ายเวทย์ ลมหายใจมังกร พร้อมกับชาร์จพลังเวทย์จนถึงระดับสูงสุดเล็งเป้าหมายไปที่ยังพื้นดินที่เอเทลเหยียบอยู่ จนเมื่อเอเทลที่เห็นอย่างนั้นเธอก็รู้ได้ในทันทีว่าโซเบลนั้นคิดจะทำอะไร เธอจึงไม่รอช้ารีบทำท่าจะกระโจนหนีแต่มันก็ช้าเกินไป เมื่อโซเบลนั้นยิงคลื่นเปลวเพลิงพลังทำลายล้างสูงใส่พื้นดินที่เอเทลเหยียบจนเกิดการระเบิดและแรงอัดอากาศอันมหาศาล จนเกิดเป็นคลื่นอัดอากาศระเบิดสีขาวแผ่ขยายออกไปเป็นวงกว้างหลายร้อยเมตร
ตู้มมมมมม!!!!
เอเทลที่โดนโซเบลโจมตีด้วยใช้แรงกระแทกแทนที่จะเป็นการโจมตีใส่เธอตรงๆ มันก็ทำให้ร่างของเธอลอยละลิ่วอย่างไร้รูปแบบกลางอากาศจนเธอไม่อาจจะรักษาสมดุลร่างกายในการทรงตัวได้ อีกทั้งแรงอัดอันมหาศาลนี้มันก็สร้างความบอบช้ำภายในร่างกายของเธออย่างไม่น่าเชื่อ
โคร้มมมม!!!
ร่างของเอเทลตกลงสู่พื้นและกลิ้งกระเด็นถอยหลังไปหลายตลบ หมดสิ้นความน่าเกรงขามและท่าทีที่องอาจไปโดยสิ้นเชิง
“(ทำไม…ทำไมถึงได้…. 0 0 ?! )”
เอเทลรู้สึกประหลาดและมีคำถามมากมายขึ้นมาในใจ การโจมตีอ้อมๆของโซเบลสามารถสร้างความเสียหายให้กับเธอได้ แม้จะไม่ถึงขั้นบาดเจ็บสาหัส แต่มันก็ทำให้เธอปวดระบมไปทั่วทั้งตัว อีกทั้งการที่ร่างกายของเธอเริ่มอ่อนแอลงมันก็ทำให้ความแข็งแกร่งของเวทย์ป้องกันก็อ่อนลงไปด้วย
ซึ่งในเวลาเดียวกันนี้เองโซเบลก็ได้ใช้โอกาสนี้ โอกาสที่เอเทลกำลังเผลอบินพุ่งเข้ามาซัดหมัดตรงมาที่ใบหน้าของเอเทล หมัดที่เคลือบไปด้วยเปลวเพลิงมังกรในตำนานสีแดงฉานเจาะผ่านเวทย์ป้องกันของเอเทลเข้ามาได้ ก่อนที่หมัดของโซเบลจะกระแทกเข้ากับใบหน้าของเอเทลเข้าอย่างจัง ซึ่งนี่เป็นครั้งแรกที่เอเทลได้เห็นโซเบลใช้รูปแบบการต่อสู้ที่ไม่ใช่วิธีการต่อสู้ของมังกร "จงรับไปซะ! หมัดมังกรเพลิงสะท้านปฐพี จีกันดาส!!"
ตุ๊บบบบ!!!!!
เอเทลโดนโซเบลวิ่งกระโจนเข้ามาใช้หมัดที่มีพลังเวทย์เพลิงแฝง ต่อยจนหน้าหงายพร้อมกับความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส
เธอไม่เข้าใจว่าทำไมโซเบลถึงคิดหาวิธีแก้เกมแบบนี้ได้แถมยังกล้าพุ่งเข้ามาต่อยหน้าของเธออีก แต่ก็ใช่ว่าเธอนั้นจะยอมแพ้และเป็นฝ่ายรับอยู่ฝ่ายเดียว
“ข้าไม่ยอมแพ้หรอก! ข้าจะฆ่าเจ้าให้ได้คอยดู!!”
“ถ้าคิดว่าทำได้ก็เข้ามาเลย!”
หลังจากสิ้นเสียงคำท้าจากโซเบล เอเทลก็ตัดสินใจพ่นเปลวเพลิงสีดำโจมตีใส่โซเบลเพื่ออำพรางสายตาด้วยเปลวเพลิง ก่อนจะร่ายเวทย์ 'ฝ่ามือมังกรเพลิงมรณะ' ที่สามารถฆ่าสิ่งมีชีวิตใดก็ได้ที่สัมผัสโดน หรือสามารถย่อยสลายวัตถุสิ่งของใดๆก็ได้ให้กลายเป็นธุลี จากนั้นเอเทลก็บินพุ่งเข้ามาพร้อมกับยื่นมือที่เคลือบเวทย์เพลิงมรณะสีดำม่วงไปยังจิตวิญญาณแห่งธาตุของโซเบล แต่ดูเหมือนโซเบลจะไหวตัวทันเขาจึงใช้เวทย์ ‘ฝ่ามือมังกรเพลิงโซเบล’ รับท่าโจมตีของเอเทลเอาไว้
พลังเวทย์ของทั้งสองปะทะเข้าหากันและเกิดปฏิกิริยาต้านทานต่อกันอย่างรุนแรง จนในตอนนี้พื้นที่โดยรอบเริ่มถูกทำลายจนราบ สเตลร่าที่หลบอยู่ในอาณาเขตป้องกันมองดูการต่อสู้ของทั้งสอง และได้เห็นว่าโซเบลสามารถรับมือกับมังกรแห่งความมืดเอเทลได้อย่างสูสี โดยปราศจาการช่วยเหลือจากเธอได้ ทำให้เธอเข้าใจว่าคำแนะนำของเธออาจจะทำให้เขาคิดหาวิธีในการแก้ไขสถานการณ์ให้กลับมาได้เปรียบอีกครั้ง
ฝ่ามือของมังกรทั้งสองพยายามผลักดันซึ่งกันและกันจากมังกรเพลิงในตำนานและมังกรแห่งความมืดในตำนาน โซเบลและเอเทลกัดฟัน จ้องตากันไม่กระพริบเพื่อที่จะเอาชนะแรงของอีกฝ่ายให้ได้ แต่จนแล้วจนรอดโซเบลก็สามารถเอาชนะแรงของเอเทลได้ และสามารถใช้เวทย์ฝ่ามือกระแทกไปที่หน้าอกของเอเทลเข้าอย่างจัง จนเกิดกระแสคลื่นเปลวเพลิงสีแดงขนาดใหญ่พวยพุ่งออกมาจากบริเวณที่ฝ่ามือของโซเบลสัมผัสอย่างรุนแรง
ฟรู้มมมมม!!!!! ฟรู้วววววว!!!!!!!
“น….นี่มันอะไรกัน…?!”
“ฉันจะไม่ยอมให้เธอมาทำร้ายสเตลร่าและคนอื่นๆที่ฉันอยากปกป้องโดยเด็ดขาด!!”
เมื่อสิ้นคำพูดของโซเบลแล้ว เขาก็เร่งการส่งพลังเวทย์ไปที่ฝ่ามือก่อนที่จะเกิดการบีบอัดพลังเวทย์อย่างรุนแรงที่จุดๆเดียว และในที่สุดร่างของเอเทลก็ถูกระเบิดเพลิงแรงดันสูงระเบิดร่างไปพร้อมกับภูเขาทั้งลูกและเกาะลอยฟ้าทั้งหมดอันเป็นที่ตั้งหมู่บ้านแคลิดดรากูนในรัศมี 10 กิโลเมตรจนภูเขาทั้งลูกกลายเป็นแอ่งขนาดใหญ่ภายในพริบตา ซึ่งกลุ่มของไกอัสและมังกรตัวอื่นๆก็เห็นภาพการระเบิดทำลายล้างนี้เป็นประจักษ์สายตาจากระยะไกล
“พลังทำลายล้างนี่มัน….ช่างทรงพลังยิ่งนัก…. 0 0 ”
“สมกับเป็นมังกรเพลิงในตำนานจริงๆ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมจึงถูกขนานนามว่ามังกรเพลิงผู้ทำลายล้างอารยธรรม”
ฮามัสพูด
“นี่น่ะหรือพลังที่แท้จริงของท่านโซเบล โชคดีจริงๆที่พวกเราไม่เป็นได้ศัตรูกับเขา”
แล้วแรนแซคก็หันไปมองบรรดามังกรน้อยใหญ่มากมายที่อยู่ด้านหลัง ก่อนจะพบว่ามังกรทุกตัวมองดูลูกไฟจากการระเบิดด้วยอาการตัวสั่นและเหงื่อตกไม่หยุด แสดงให้เห็นว่าพวกเขานั้นรู้สึกหวาดหวั่นอย่างเห็นได้ชัด แต่เป็นโชคดีของพวกเขาที่โซเบลนั้นไม่ใช่ศัตรู เพราะหากพวกเขากลายเป็นศัตรูกับโซเบลเมื่อไหร่ พวกเขาก็อาจจะถูกโซเบลกวาดล้างจนสูญพันธ์ุหมดทั้งเผ่าได้ภายในพริบตาเป็นแน่
ตัดภากลับมาที่โซเบลอีกครั้ง
หลังจากแรงระเบิดได้สิ้นสุดลง โซเบลก็มีอาการเหนื่อยหอบเล็กน้อยและเขาก็คิดว่าเขานั้นชนะเอเทลแล้ว แต่ทว่าเรื่องมันก็จบไม่ง่ายขนาดนั้นเมื่อเอเทลปรากฏตัวอีกครั้งพร้อมกับเดินฝ่าม่านควันจากการระเบิดเดินตรงเข้ามาหาโซเบล แต่มาในคราวนี้ร่างกายของเธอเต็มไปด้วยบาดแผลเผาไหม้ ขาแขนบางส่วนมีรอยถูกเผาอย่างรุนแรงจนเกล็ดสีดำร่วงหล่นลงพื้นแล้วสูญสลายหายไป ดวงตาข้างขวาได้รับบาดเจ็บจนไม่สามารถลืมตาได้ และขาข้างซ้ายก็ได้รับบาดเจ็บจนทำให้ไม่สามารถยืนหรือเดินได้อย่างปกติ อีกทั้งพลังออร่าความมืดของเธอก็ได้หดหายไปเป็นจำนวนมากทำให้ในตอนนี้เอเทลแทบไม่สามารถทำอะไรได้อีก
“เจ้า……เหตุใดเจ้าถึงกลับมามีแรงฮึดสู้กับข้าได้….?!”
“เพราะอะไรอย่างงั้นหรอ ก็เพราะว่าฉันมีคนที่ฉันต้องปกป้องยังไงล่ะ”
เมื่อเอเทลได้รับคำตอบแบบนั้น เธอก็ทำหน้าสงสัยเล็กน้อยก่อนจะถามเขาต่อว่า
“คนที่อยากปกป้องอย่างงั้นรึ….”
พูดจบเอเทลก็ถอนหายใจเฮือกใจเหมือนประชดสิ่งที่เกิดขึ้น ก่อนที่เธอจะแสยะยิ้มออกมาอย่างมีเล่ห์นัยต์
“อย่างงี้นี่เอง….นี่คงจะเป็นสิ่งที่ทำให้เจ้าแข็งแกร่งขึ้นมาแบบก้าวกระโดดอย่างงั้นสินะ ถ้าหากเป็นเช่นนั้นล่ะก็…”
และแล้วเอเทลก็ได้กางปีกขึ้นทำท่าเหมือนจะบุกเข้ามาอีกรอบ แต่ในคราวนี้สเตลร่าที่ฟื้นตัวมาในระดับหนึ่งก็ได้รีบโผล่เข้ามาบังตัวแทนโซเบลเอาไว้
เอเทลกระพือปีกบินขึ้นไปบนท้องฟ้าเพราะในตอนนี้เธอหมดสิ้นพลังทั้งหมดแล้ว อีกทั้งยังได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีของโซเบล ทำให้ศึกในครั้งนี้เธอจะยอมลามือไปก่อนแต่การจากไปในครั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าเธอนั้นจะยอมแพ้และเธอจะกลับมาฆ่าโซเบลและสเตลร่าให้ได้ไม่วันใดก็วันหนึ่ง
“จำเอาไว้ให้ดีมังกรเพลิงโซเบล ข้าจะยอมรับความพ่ายแพ้ในครั้งนี้ แต่เจ้าอย่าลืมเสียล่ะ…ว่าสักวันหนึ่งข้าจะต้องจัดการเจ้าให้ได้ และจะทำลายทุกอย่างที่เจ้ามีแม้แต่คนที่เจ้ารัก”
พูดจบเอเทลก็ร่ายเวทย์ประตูมิติสีแดงขึ้นมา ก่อนจะรีบบินหนีเข้าไปในประตูมิตินั้นเพื่อล่าถอย ทำให้สภาพอากาศที่มืดหม่นค่อยๆจางหายไปเผยให้เห็นช่วงเวลาอาทิตย์อัสดง
.
.
.
.
หลังจากผ่านการต่อสู้ที่ดุเดือดนั้นมาได้ โซเบลและสเตลร่าก็กลับมาหากลุ่มของไกอัสที่มี เรยา ฮามัส แรนแซค และบรรดามังกรตัวแทนจากทั้งสองเผ่ามายืนรอต้อนรับการกลับมาของทั้งสองคนพร้อมหน้า
“ยินดีที่ท่านกลับมานะขอรับ ท่านโซเบลกับท่านสเตลร่าไม่เป็นอะไรใช่มั้ยขอรับ”
ไกอัสถาม
“อืม ก็เกือบแย่ถ้าสเตลร่าไม่เข้ามาช่วย”
พูดจบโซเบลก็หันไปมองหน้าสเตลร่าทำให้มังกรทุกตัวหันไปมองถาม ทำให้สเตลร่าเขินขึ้นมาเล็กน้อยที่ตกเป็นเป้าสายตาคนจำนวนมาก และเธอก็ได้ตอบกลับไปแบบส่งๆว่า
“พูดมากน่า! ฉันก็แค่ทำหน้าที่พี่เลี้ยงนายที่ต้องดูแลนายให้ดีที่สุดก็เท่านั้นเอง! -///- ”
โซเบลหัวเราะขบขันที่เห็นสเตลร่ามีอาการแบบนั้น ก่อนที่ไกอัสจะถามต่อว่า
“หมู่บ้านแคลิด ดรากูนของพวกข้าน้อย บัดนี้ได้ถูกทำลายจนสิ้นไม่เหลือสิ่งใดแล้ว ท่านโซเบลจะนำทางพวกข้าน้อยกลับไปที่วิหารมังกรเพลิงของท่านเลยมั้ยขอรับ”
“ก็คงต้องเป็นอย่างงั้น”
ในระหว่างที่ทั้งสองกำลังยืนคุยกันอยู่นั้น จู่ๆ ก็มีเสียงไอของเกรย์ออลดังขึ้นมาไม่หยุด และเหมือนว่าอาการป่วยของไกอัสจะกำเริบหนักกว่าเดิมที่ผ่านๆมา ทำให้ทุกคนและมังกรดำทุกตนต้องรีบเข้ามาดูอาการของเกรย์ออลด้วยความเป็นห่วง
**เพลงสำหรับประกอบการบรรยยายเท่านั้น**
“ท่านผู้อาวุโส ทำใจดีๆเอาไว้นะขอรับ 0 0 !”
“*แค่ก!! แค่ก!! แค่ก!!!* ไกอัส…ดูเหมือนว่าข้า….จะมีชีวิตอยู่ไม่ถึงวันที่เจ้ารับตำแหน่งเป็นหัวหน้าเผ่าอย่างเป็นทางการแล้วล่ะ….”
“ท่านผู้อาวุโสพูดอะไรเช่นนั้นขอรับ ท่านจะต้องอยู่ถึงวันที่ข้าได้เป็นหัวหน้าเผ่าและปกครองมังกรทุกตนอย่างมีความสุขนะขอรับ”
“ไม่….ข้าคิดว่าข้าคงจะมาได้เพียงเท่านี้ล่ะ…”
แล้วเกรย์ออลก็หันไปมองโซเบล มังกรเพลิงในตำนานที่เขานั้นได้ยินชื่อเสียงเรียงนามจากตำนานมากมาย และอยู่ในช่วงยุคสงครามแห่งไฟ ก่อนที่เขาจะขอคำขอสุดท้ายบางอย่างจากโซเบล
“มังกรเพลิงโซเบล….ข้ามีเรื่องอยากจะขอร้องท่านหน่อย…”
โซเบลเดินเข้ามาดูใจเกรย์ออลพร้อมกับนั่งลงรับฟังคำขออย่างสุขุม
“อยากจะขออะไรงั้นหรอ ? ”
“ข้าอยากจะขอร้องท่าน…ช่วยใช้เปลวเพลิงของท่านเผาร่างกายที่โรยรานี้ของข้าให้สลายหายไป…พร้อมกับยุติยุคสมัยที่มังกรดำทุกตนเข่นฆ่าและทำลายล้างสิ่งมีชีวิตอื่นให้มันจบไปพร้อมกับการตายของข้า….และข้าก็หวังว่า…เผ่ามังกรดำในยุคสมัยที่ไกอัสปกครอง….จะทำให้มังกรทุกตนในเผ่าได้รู้จักความสงบสุข…และการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับสิ่งมีชีวิตอื่นได้อย่างมีความสุข ตามคำชี้แนะของท่าน….*แค่ก!!! แค่ก!!*”
เกรย์ออลพูดด้วยน้ำเสียงที่แทบจะไม่มีเรี่ยวแรง และอีกไม่ช้าเขาก็จะสิ้นอายุขัย ไกอัส ฮามัส และมังกรดำตนอื่นๆเริ่มรู้ตัวแล้วว่าอีกไม่ช้าพวกเขาจะต้องสูญเสียหัวหน้าเผ่าคนปัจจุบันไป ทำให้มังกรดำบางตนเริ่มร้องไห้ออกมาเพราะเก็บความรู้สึกที่ต้องสูญเสียมังกรดำที่น่าเคารพนับถือไปตลอดกาล
แต่ก่อนที่เกรย์ออลจะตาย เขาก็ได้พูดคำสั่งเสียสุดท้ายให้กับไกอัสและให้มังกรดำทุกตนรับรู้โดยทั่วกันว่า
“ไกอัส….ต่อจากนี้ไป…..อำนาจและการตัดสินใจทั้งหมดของข้าในฐานะหัวหน้าเผ่า…..ข้าขอมอบสิทธิ์เหล่านั้นทั้งหมดที่ข้ามี….ให้กับเจ้า…และข้าขอประกาศให้มังกรดำทุกตน…จงแสดงความเคารพ…และช่วยเหลือแบ่งเบาภาระหน้าที่งานต่างๆไกอัสในฐานะที่เขา…เป็นหัวหน้าเผ่ารุ่นต่อไป…”
ไกอัสที่ได้ยินคำสั่งเสียสุดท้ายจากปากของเกรย์เขา เขาก็อดไม่ได้ที่จะหลั่งน้ำตาลูกผู้ชายออกมา ไกอัสไม่เคยร้องไห้มาก่อนในชีวิต เพราะการร้องไห้เสียใจสำหรับเขาคือการแสดงถึงความอ่อนแอและไม่ใช่นักรบ แต่ในวันนี้ความรักและความผูกพันที่เขามีต่อเกรย์ออลในฐานะผู้มีพระคุณ ทำให้เขาไม่อาจจะเมินเฉยต่อสิ่งที่เกิดขึ้นได้ ซึ่งฮามัสเองก็รู้สึกแบบนี้เช่นเดียวกันและเธอก็ได้แสดงความเคารพต่อเกรย์ออลเป็นครั้งสุดท้ายด้วยการถอดหมวกเกราะมังกรทมิฬของเธอออก
เมื่อเกรย์ออลได้สะสางและพูดความในใจทั้งหมดออกไปแล้ว ก็ไม่มีสิ่งใดที่เขาค้างคาใจอีก ก่อนที่เขาจะค่อยๆหลับตาลงอย่างช้าๆก่อนจะนิ่งสงบไปเหมือนคนนอนหลับ แต่ทุกคนในที่นี่รู้กันดีว่าตอนนี้เกรย์ออลได้จากพวกเขาไปแล้ว เป็นการจากไปอย่างสงบ
ในเวลาต่อมา
ไกอัสและมังกรดำบางส่วนได้นำร่างของเกรย์ออลไปยังริมหน้าผาที่มีลมพัดตลอดเวลาในช่วงอาทิตย์ใกล้จะตกดิน ก่อนที่โซเบลจะพ่นเปลวเพลิงแผดเผาร่างอันไร้วิญญาณของเกรย์ออล จนร่างกายของเขาค่อยๆถูกเปลวเพลิงของมังกรธาตุในตำนานแผดเผาจนเสื่อมสลายกลายเป็นขี้เถ้าภายในไม่กี่นาที โดยมี ไกอัส เรยา แรนแซค ฮามัส โซเบล และสเตลร่า มาร่วมไว้อาลัยแทนเหล่ามังกรดำและมังกรขาวทุกตน
“ขอให้ท่านเกรย์ออลกลับไปสู่อ้อมออกของเทพธิดาไมอาร์และได้อยู่บนสวรวงสรรค์กับพระองค์ตลอดไปนะเจ้าคะ v v ”
เรยากล่าวไว้อาลัยพร้อมกับคำนับอย่างสงบพร้อมกับคนอื่นๆ ส่วนโซเบลกับสเตลร่าก็คำนับเล็กน้อยเพื่อแสดงการไว้อาลัยแก่เกรย์ออล
“ชีวิตมันก็เป็นแบบนี้ล่ะนะ ถึงจะมีอายุยืนยาวนับพันนับหมื่นปี แต่สุดท้ายก็ต้องแก่โรยราหมดสิ้นอายุขัยอยู่ดี”
“เกรย์ออลเป็นมังกรที่มีชีวิตยืนยาวมานานนับหมื่นปี น่าเศร้าจริงๆที่เขายอมตายและให้เรื่องราวในอดีตที่เลวร้ายของเผ่ามังกรดำตายไปพร้อมกับเขาด้วย”
“การเปลี่ยนผ่านยุคสมัยมันก็เป็นแบบนี้แหละ เขาคงคิดมาดีแล้วล่ะว่าจะให้เป็นแบบนี้”
กลุ่มของไกอัสยืนมองร่างของเกรย์ออลที่สลายไปในเปลวเพลิงจนถึงวินาทีสุดท้าย ก่อนที่ผงขี้เถ้าที่เกิดจากการเผาไหม้จะถูกกระแสลมพัดพาไปลอยสูงขึ้นไปบนท้องฟ้าของยามค่ำคืน ให้หายไปพร้อมกับดวงอาทิตย์ที่กำลังตกดิน เสมือนว่ายุคสมัยของมังกรดำยุคเก่าได้จบลงแล้ว ซึ่งต่อจากนี้ไปไกอัสจะเป็นมังกรดำที่นำเผ่ามังกรดำไปสู่ยุคสมัยใหม่ ยุคสมัยที่ดีกว่าเดิม
"จริงสิ ไอ้ตอนที่นายพุ่งกระโดดเข้าไปต่อยหน้าเอเทล ฉันได้ยินว่านายตะโกนชื่อท่าโจมตีขึ้นมาด้วย"
"อ้อ เธอหมายถึงชื่อ หมัดมังกรเพลิงสะท้านปฐพี จีกันดาส อย่างงั้นหรอ ?"
"ใช่ แต่ฉันไม่เข้าใจเลยว่า ทำไมนายถึงตั้งชื่อแบบนั้น และไปเรียนรู้วิธีต่อสู้แบบนั้นมาจากไหน"
โซเบลที่เห็นสเตลร่าถามมาแบบนั้นเขาก็เกาหัวตัวเองยิ้มแห้งๆด้วยความเขินอายว่า
"อ้อ พอดีฉันจำมาจากการ์ตูนแนวต่อสู้น่ะ ก็เลยคิดอยากจะมีท่าโจมตีกับชื่อที่มันดูเท่ๆบ้างน่ะ ^u^"\ "
"*เฮ้อออ...* นายนี่ชักจะเดาความคิดไม่ถูกแล้ว....นายนี่เบียวจริงๆเลยแหะ = = "
สเตลร่าแอบบ่นเบาๆในช่วงประโยคสุดท้าย แต่ดูเหมือนโซเบลจะได้ยินแว่วๆ
"เมื่อกี้เธอพูดว่าอะไรนะ 0 0 ? "
"ไม่มีอะไร ฉันแค่พูดว่า ตอนนี้พวกเราต้องพามังกรทุกตัวกลับไปที่วิหารมังกรเพลิง แล้วเริ่มให้พวกเขาสร้างแหล่งที่อยู่ใหม่น่ะ"
โซเบลพยัดหน้าเบาๆแต่เขาก็ยังรู้สึกตะหงิดๆใจอยู่ดี
ความคิดเห็น