ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Sobel The Flame of Dragon: เกิดใหม่เป็นมังกรเพลิงในตำนาน

    ลำดับตอนที่ #22 : ตอนที่ 21: มังกรเพลิงในตำนาน โซเบล vs มังกรแห่งความมืดบรรพกาล เอเทล (ตอนต้น)

    • อัปเดตล่าสุด 14 ม.ค. 67


    อ๊าาากกกก!!!!!

    เดลวาลินในตอนนี้ได้กลายร่างกลับเป็นมังกรเพลิงในตำนานโซเบลอีกครั้ง พร้อมกับส่งเสียงร้องออกมาอย่างทรมานด้วยความร้อนลุ่มในอก ก่อนที่ไกอัส แรนแซค และเรยาจะรีบเข้ามาดูเหตุการณ์ด้วยความตกใจ และพยายามจะช่วยเดลวาลินสงบสติอารมณ์ลง เพราะเกรงว่าหมู่บ้านของพวกเขาจะถูกทำลายจากร่างกายอันใหญ่โตของเขา 

    “ท่านโซเบล โปรดสงบลงก่อนขอรับ”

    “มันร้อน…ร้อนเหลือเกิน…. > < !!!”

    “ท่านโซเบล โปรดใจเย็นๆ แล้วบอกข้าน้อยมาว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับท่าน 0 0”

    ไกอัสพยายามจะเข้าไประงับเหตุการณ์ แต่ทว่าโซเบลในตอนนี้เหมือนเขาจะทนความร้อนจากปฏิกิริยาพลังเวทย์จากจิตวิญญาณธาตุของตัวเองไม่ไหว ก่อนที่สภาพอากาศและท้องฟ้าจะแปรเปลี่ยนกลายเป็นพายุเมฆครึมสีดำปกคลุมทั่วท้องฟ้า อีกทั้งยังมีสายฟ้าสีแดงผ่าลงมาเป็นระยะทำให้มังกรบางส่วนต้องหนีไปซ่อนตัวยังที่หลบภัยเพื่อความปลอดภัย 

    ไกอัส แรนแซค และเรยา สัมผัสถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นของธรรมชาติรอบตัว พวกเขาไม่เคยเห็นปรากฏการณ์แบบนี้มาก่อน และสงสัยว่าอะไรที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ผิดแปลกธรรมชาติแบบนี้ขึ้น 

    “เกิดอะไรขึ้น เหตุใดท้องฟ้าถึงได้แปรปรวนผิดวิสัยเช่นนี้ ? ”

    “ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน”

    เรยาที่เห็นท่าไม่ดีจึงรีบบินเข้ามาซุกตัวหลบอยู่ข้างกายไกอัส ชายอันเป็นที่รักด้วยความหวาดกลัว ก่อนที่ไกอัสจะเข้าไปโอบกอดเรยาเอาไว้ด้วยความเป็นห่วง

    “ท่านไกอัส…ข้ากลัวเหลือเกิน…”

    “เจ้าไม่ต้องกลัวไปนะ ข้าจะปกป้องเจ้าเอง”

    ในระหว่างที่มังกรทุกตัวในหมู่บ้านแคลิด กำลังตกใจกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่นั้น จู่ๆ ก็มีพลังเวทย์สายฟ้าสีแดงขนาดใหญ่พุ่งลงมาจากท้องฟ้า ตรงมายังร่างของโซเบลที่กำลังกระวนกระวายกับอาการผิดปกติที่เกิดขึ้นกับตัวเขาเอง ก่อนที่พลังเวทย์สายฟ้าสีแดงนั่นจะพุ่งเสียบเข้าที่ปีกและหน้าอกของโซเบลเข้าอย่างจัง 

    ร่างของโซเบลถไหลถอยหลังออกไปหลายสิบเมตรตามแรงปะทะที่เข้ามากระทบที่ร่างของเขา พร้อมกับอาการบาดเจ็บบริเวณที่ถูกคลื่นพลังเวทย์หอกสายฟ้าสีแดงปริศนาพุ่งเข้ามาเสียบ ไกอัสและเรยาที่เห็นท่าไม่ดีจึงรีบเข้าไปดูอาการ ส่วนแรนแซคนั้นก็ได้หันไปมองที่มาของคลื่นพลังเวทย์ดังกล่าว ก่อนจะพบเข้ากับหมอกสีดำแห่งความมืดที่ชั่วร้ายกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้ 

    “นั่นมัน…อะไรน่ะ 0 0 ? ”

    "ในที่สุดก็เจอตัวสักทีนะ ตัวแทนแห่งพลังธาตุ มังกรเพลิงในตำนานโซเบล..."

    เอเทลค่อยๆปรากฏกายต่อหน้าแรนแซคในหมอกวันสีดำอย่างน่าเกรงขาม พร้อมกับสายฟ้าฟาดสีแดงที่โหมกระหน่ำอย่างบ้าคลั่งบนท้องฟ้า 

    เปรี้ยงงง!!!! ปร้าาางงง!!!!

    แรนแซคและมังกรทุกตัวยืนมองห่าสายฟ้าฟาดที่โหมกระหน่ำผ่าลงมาที่พื้นโลกทั่วขุนเขาอย่างหวาดผวา หลังจากที่ได้เห็นพลังในการควบคุมธรรมชาติของมังกรปีศาจโบราณบรรพกาล และในวันนี้เอเทลต้องการจะสังหารมังกรเพลิงโซเบล ในฐานะที่เขานั้นเกิดจากพลังของเทพธิดาไมอาร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในมังกรธาตุที่เคยต่อสู้กับกลุ่มมังกรปีศาจบรรพกาลเมื่อนานมาแล้ว

    “ไม่นึกเลยว่าเจ้าจะยังมีชีวิตอยู่อีกนะโซเบล อะไรกันที่ทำให้เจ้าตื่นจากหลุมศพฟื้นคืนชีพกลับมางั้นรึ ? ”

    “นี่เจ้าเป็นใคร! ถึงได้บังอาจมาทำร้ายนายเหนือหัวของข้า !!? ”

    ไกอัสตะโกนถามกลับไปด้วยความโกรธ และจ้องมองไปที่เอเทลที่กำลังบินอยู่บนฟ้า

    “โฮ้ เจ้ามีสมุนบริวารด้วยงั้นหรือนี่โซเบล น่าสนใจดีนี่~”

    เอเทลลงจอดที่พื้นพร้อมกับสยายปีกจนเกิดออร่าสีดำที่มีเปลวเพลิงและสายฟ้าปรากฏขึ้นที่ด้านหลังเพื่อข่มขวัญอีกฝ่าย ทำให้ไกอัสและแรนแซคที่เป็นมังกรนักรบผ่านเรื่องราวความเป็นความตาย เผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่งในสนามรบมามาก ก็ยังรู้สึกหวาดกลัวและแรงกดดันถึงความต่างชั้นจากเอเทล จนทั้งสองถึงกับยืนตัวแข็งไปพักหนึ่ง

    โซเบลที่ฟื้นตัวจากการโดนโจมตีด้วยพลังเวทย์หอกสายฟ้าทมิฬของเอเทล เขาก็ได้ลุกขึ้นมาอีกครั้งก่อนจะจ้องมองไปที่เอเทลด้วยความสงสัย 

    “เธอเป็นใคร ต้องการอะไรจากฉัน”

    “อะไรกัน ทำไมเจ้าถึงใช้คำพูดกับข้าได้ห่างเหินเช่นนั้นล่ะ ข้ากับเจ้าเคยพบกันและประมือกันมาหลายต่อหลายครั้งแล้วไม่ใช่รึ ? ”

    โซเบลทำหน้าสงสัยเหมือนจะไม่เข้าใจสิ่งที่เอเทลพูด ก่อนที่เอเทลลองจ้องมองเข้าไปในดวงตาของโซเบลจนพบว่ามีบางสิ่งที่ผิดแปลกไปในความคิดของเธอ

    “เดี๋ยวก่อนนะ…เหมือนว่าจะมีอะไรบางอย่างไม่ถูกต้อง…”

    “(อะไรของเขาน่ะ จู่ๆ ก็พูดอะไรแปลกๆไม่เห็นจะเข้าใจ)”

    เอเทลยืนนิ่งไปสักพักเหมือนจะกำลังพิจารณากับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ครู่หนึ่ง 

    “อย่างงี้นี่เองสินะ…ดูเหมือนว่าเจ้าจะไม่ใช่มังกรเพลิงในตำนานที่ข้ารู้จัก”

    “เธอรู้ได้ไง”

    “หึ! ข้ามองเข้าไปในแววตาของเจ้า มันเต็มไปด้วยความใจอ่อน และความอ่อนโยน ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่มังกรเพลิงโซเบลในอดีตไม่เคยมี และยิ่งเจ้าหลบการโจมตีของข้าไม่พ้นนั่นก็แสดงให้ข้าเห็นแล้วว่าเจ้านั่นไม่ใช่มังกรเพลิงในตำนานอย่างที่ข้าเคยประมือด้วย เพราะมังกรเพลิงในตำนานโซเบลไม่สะเพร่าเช่นเจ้าที่จะโดนโจมตีได้ง่ายๆแบบนี้”

    เมื่อเอเทลพูดจบ โซเบลก็รู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่แล่นเข้ามาในหัวของเขาจนรู้สึกปวดหัวแปล๊บๆขึ้นมา ก่อนที่เขาจะพบว่ามีบางสิ่งถูกยัดเข้ามาในหัวของเขาซึ่งนั่นก็คือ ภาพความทรงจำของตัวเขาในอดีตชาติ ความทรงจำในการเผชิญหน้ากับกลุ่มมังกรปีศาจบรรพกาล รวมถึงภาพต่อสู้กับเอเทลในยุคสงครามวันพิพากษาเมื่อหลายพันล้านปีก่อนทำให้เขาจำเอเทลขึ้นมาได้ผ่านความทรงจำที่เก็บเอาไว้ในจิตวิญญาณแห่งธาตุ

    เอเทลหันไปมองเหล่ามังกรดำและมังกรขาวที่กำลังยืนมองด้วยความตกตะลึง ก่อนที่เอเทลจะยกปีกขึ้นร่ายเวทย์ 'สายฟ้าฟาดมังกรบรรพกาลทมิฬ' สังหารมังกรเหล่านั้นด้วยการเสกสายฟ้าสีแดงผ่าลงกลางศีษระจนหัวของมังกรเหล่านั้นระเบิดไม่เหลือซากต่อหน้าไกอัส แรนแซค เรยา และโซเบล ทำให้มีมังกรขาวและมังกรดำหลายร้อยตัวถูกสังหารในทันทีราวกับว่าเอเทลมองพวกนั้นเป็นแค่มดปลวกเท่านั้น นั่นจึงสร้างความแตกตื่นให้กับมังกรตัวที่เหลือทำให้มังกรตัวอื่นที่ยังเหลือรอด ต้องรีบบินหนีไปคนละทิศละทางเพื่อเอาชีวิตรอด 

    “หยุดเดี๋ยวนี้นะ!!! 0 0 ”

    โซเบลที่เห็นเอเทลสังหารมังกรตัวอื่นอย่างเลือดเย็น ทำให้เขาต้องเข้าไปห้ามปรามให้อีกฝ่ายหยุด 

    “พวกเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรระหว่างฉันกับเธอ ทำไมเธอต้องทำแบบนี้ด้วยล่ะ ?! ”

    “อะไร เจ้าเกิดสงสารพวกมันขึ้นมารึยังไง”

    “ถ้าเธอและฉันเคยเป็นศัตรูกันล่ะก็…ก็มาสู้กับฉันนี่ อย่าเอามังกรตัวอื่นที่อยู่ที่นี่มาเกี่ยวข้องด้วย!”

    ไกอัสและแรนแซคที่เห็นพวกพ้องร่วมเผ่าพันธุ์ถูกฆ่าตายไปต่อหน้าต่อตา พวกเขาก็เริ่มทนไม่ไหวอยากจะเข้าไปจัดการเอเทลให้มันรู้แล้วรู้รอดกันไป 

    “ท่านโซเบลขอรับ! ได้โปรดอนุญาติให้ข้าน้อยเข้าไปจัดการนางมังกรชั่วตนนั้นเถอะขอรับ!”

    “มังกรที่ชั่วช้าเช่นนั้น พวกข้าสองคนจะปล่อยเอาไว้ไม่ได้”

    “ไม่ได้นะ พลังของพวกนายกับเอเทลต่างชั้นกันเกินไป ห้ามต่อสู้กับเขาเด็ดขาด!”

    “แต่ว่า…”

    “นี่เป็นคำสั่ง! ฉันไม่อยากให้พวกนายต้องเอาชีวิตไปเสี่ยง”

    โซเบลถึงกับออกคำสั่งห้ามไม่ให้ไกอัสและแรนแซคเข้าไปเผชิญหน้ากับเอเทล เพราะห่วงเรื่องความปลอดภัยของทั้งสอง อีกทั้งไกอัสมีเรยาที่ต้องปกป้องดูแล เขาไม่อยากให้คนอื่นต้องมารับเคราะห์แทนตัวเขา ทำให้โซเบลตัดสินที่จะเข้าไปเผชิญหน้ากับเอเทลด้วยตัวเอง 

    “พวกนายรีบพามังกรตัวอื่นหนีไปจากที่นี่ซะ”

    “แล้วท่านโซเบลจะให้พวกข้าน้อยหนีไปหนใดล่ะขอรับ 0 0 ”

    “ให้มังกรทุกตัวไปรอฉันอยู่ที่วิหารมังกรเพลิง ถ้าพวกนายไปอยู่ที่นั่นจะปลอดภัยกว่า”

    ไกอัสและแรนแซคอึ้งไปสักพักและหันมามองหน้ากันเหมือนจะถามใจอีกฝ่าย แต่แรนแซคก็พยักหน้าส่งมาให้ไกอัสบอกให้ไกอัสทำตามที่โซเบลบอก เพราะเขาได้ลองประเมินพลังความสามารถของเอเทลแล้ว มันต่างชั้นอย่างเห็นได้ชัดและทั้งสองก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเอเทลแม้แต่น้อย 

    “ข้าน้อยเข้าใจแล้วขอรับ ถ้าเช่นนั้นข้าน้อยทั้งสองจะรีบอพยพมังกรตัวอื่นเองขอรับ”

    โซเบลพยักหน้าให้ทั้งสอง ก่อนที่ไกอัส แรนแซคและเรยาจะรีบบินไปจากที่นี่เพื่อไปอพยพมังกรตัวอื่นทันที ปล่อยให้โซเบลเผชิญหน้ากับอดีตศัตรูเก่าที่เคยต่อสู้ด้วยในอดีตกาลตามลำพัง

     

    การเผชิญหน้าของมังกรธาตุในตำนานทั้งสอง รับรู้ไปถึงเทพธิดาไมอาร์ที่ประทับอยู่บนสวรรค์ ทำให้เธอรู้สึกใจคอไม่ดีขึ้นมา เพราะหากมังกรธาตุในตำนานทั้งสองที่เป็นตัวแทนแสงสว่างกับความมืดเข้าต่อสู้กัน อาจจะทำให้อาณาจักรเซซิลล่าร์ถูกทำลายลงได้ภายในพริบตา และโศกนาฏกรรมการกวาดล้างเผ่าพันธุ์ก็จะซ้ำรอยอีกครั้งเหมือน 1,000 ปีก่อน 

    เทพธิดาไมอาร์แม้จะเป็นพระเจ้าผู้สร้าง แต่เธอก็ไม่อาจจะเข้าไปแทรกแซงความเป็นไปบนโลกที่เธอสร้างได้เนื่องจากเทพธิดาไมอาร์ได้ใช้พลังของตัวเองจนหมดไปกับการสร้างโลก สรรพชีวิต และมังกรธาตุในตำนานไปจนหมดแล้ว รอวันรื้อฟื้นพลังใหม่ในวันที่โลกเอเซอร์เชี่ยนถึงจุดจบของวัฏจักร แต่เทพธิดาไมอาร์ก็เชื่อมั่นในตัวโซเบล ว่าเขานั้นจะต้องสามารถเอาชนะความมืดและปกป้องสรรพชีวิตที่อาศัยอยู่ในอาณาจักรเซซิลล่าร์รวมถึงโลกใบนี้เอาไว้ได้อย่างแน่นอน แม้หนทางมันอาจจะยากลำบากก็ตาม 

    .

    .

    .

    .

    มังกรเพลิงในตำนานโซเบล และ มังกรเพลิงแห่งความมืดในตำนาน เอเทล ได้ยินประจันหน้ากันท่ามกลางลมพายุเปลวเพลิงสีดำที่พัดกระหน่ำทั่วหมู่บ้านแคลิด ดรากูน ที่กำลังจะล่มสลายในอีกไม่ช้า โซเบลจ้องมองไปที่เอเทลด้วยแววตาที่ดุดันและจริงจัง เพราะเขานั้นจะต้องปกป้องมังกรทุกตัวให้รอดงื้อมือของเอเทลจากสถานการณ์นี้ไปให้ได้ และเขาจะใช้พลังทั้งหมดที่มีเอาชนะเอเทลให้ได้ 

    “เอาล่ะนะโซเบล โลกนี้ไม่จำเป็นต้องมีมังกรเพลิงในตำนานถึงสองตนหรอก!!” 

    พูดไม่ทันขาดคำ เอเทลก็เปิดฉากพ่นเปลวเพลิงสีดำออกจากปากโจมตีใส่โซเบลในทันที ซึ่งโซเบลเองนั้นเขาก็รับรู้ถึงอันตรายได้ในทันที เขาจึงเบี่ยงกระโจนหลบออกไปด้านข้าง เขารู้ได้ในทันทีว่าเปลวเพลิงที่เอเทลพ่นมานั้นเขาไม่สามารถที่จะยืนรับมันได้ตรงๆเหมือนเวทย์ไฟปกติที่ผ่านมา เพราะพลังเวทย์ทั้งหมดของเอเทลนั้นล้วนมีพลังความมืดสถิตย์อยู่ซึ่งเป็นพลังเวทย์ที่ซึ่งพลังเหนือพลังธาตุอื่นๆบนโลกยกเว้นแสงสว่าง และมันอาจสร้างความเสียหายอย่างยิ่งยวดให้กับตัวเขาได้

    โซเบลจึงตั้งสติ และโฟกัสสังเกตุการณ์รูปแบบการโจมตีของเอเทลในระยะที่ปลอดภัย ก่อนที่เอเทลนั้นจะพ่นเปลวเพลิงสีดำโจมตีมาที่เขาอีกรอบ แต่ในคราวนี้เขาเลือกที่จะพ่นเปลวเพลิงออกไปสกัด ทำให้พลังเวทย์ของทั้งสองปะทะกันอย่างรุนแรง จนเกิดการระเบิดรุนแรงที่มีพลังทำลายล้างจนเกิดเป็นคลื่นลูกไฟลูกใหญ่สูงถึง 200 เมตร ทำให้ใจกลางหมู่บ้านแคลิด ดรากูน และเกาะลอยฟ้าบางส่วนในรัศมี 500 เมตร ถูกทำลายจนราบคาบภายในพริบตา 

    “ไม่เลวๆ ถึงจะให้ความรู้สึกไม่เหมือนตอนที่สู้กับมังกรเพลิงโซเบลเหมือนครั้งอดีต แต่สำหรับเจ้าก็ถือว่าใกล้เคียง”

    “พูดบ้าอะไรของเธอน่ะ!”

    “เรามาลองเพิ่มความเร้าใจให้มันมากขึ้นกว่านี้อีกหน่อยดีมั้ย เอาให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่นี่มันพังทลายลงไป”

    โซเบลที่ได้ยินเอเทลพูดมาแบบนั้น ภาพความทรงจำของเขาสมัยที่เขาเป็นมังกรเพลิงปีศาจกำลังทำลายล้าง เผาผลาญทุกชีวิตให้มอดไหม้เป็นธุลีก็ผุดขึ้นมาในหัวของเขา ทำให้เขารู้สึกปวดหัวขึ้นมาอีกรอบ

    เอเทลที่เห็นว่าโซเบลกำลังเสียสมาธิเธอจึงใช้โอกาสนี้บินพุ่งเข้าไปหาหวังจะประชิดตัวเพื่อใช้ท่า ‘กรงเล็บมังกรเพลิงปีศาจทมิฬ’ แทงไปที่จิตวิญญาณแห่งธาตุของโซเบลหวังจะสังหารเขาภายในพริบตาเดียว แต่โซเบลก็สามารถกลับมาตั้งสติได้อีกครั้ง ก่อนที่เขาจะบินเข้าไปหาเอเทลและใช้ท่า 'กรงเล็บมังกรเพลิง' โจมตีใส่เอเทลด้วยเช่นกัน จนในที่สุดกรงเล็บของมังกรในตำนานทั้งสองก็เข้าปะทะกันอย่างรุนแรง ทำให้เกิดการต้านทานพลังเวทย์ของกันและกันจนเกิดเป็นคลื่นช็อคเวฟแผ่กระจายออกไปเป็นวงกว้าง 

     

    ตัดภาพมายังฝั่งของไกอัสและแรนแซค 

    ในขณะที่พวกเขากำลังรวบรวมมังกรทุกตัวที่แตกกระจายให้กลับมารวมกลุ่มกันอีกครั้ง จนตอนนี้พวกเขาเกือบจะสามารถรวบรวมมังกรทุกตัวมาหมดแล้วเพื่อเตรียมที่จะอพยพหนีออกไปจากที่นี่ตามคำสั่งของมังกรเพลิงโซเบล 

    “เจ้ารวบรวมมังกรทุกตนมาหมดแล้วใช่มั้ย”

    แรนแซคถามไกอัส หลังจากที่เขาเพิ่งพากลุ่มมังกรแม่ลูกอ่อนมารวมกลุ่มและพวกเขาเตรียมพร้อมแล้วที่จะไปจากที่นี่เพื่ออพยพไปตั้งถิ่นฐานที่แห่งใหม่แถบพื้นที่ใกล้ๆวิหารมังกรเพลิง แต่ดูเหมือนไกอัสจะขาดใครบางคนไป

    “เจ้ามัวรออะไรอยู่ พวกเราต้องรีบไปแล้วนะ”

    “เดี๋ยวก่อน ข้าหาท่านผู้อาวุโสไม่เจอ ท่านเกรย์ออลหายไปไหน 0 0 ”

    มังกรทุกตัวต่างมองไปรอบๆเพื่อมองหาเกรย์ออล แต่ก็ไม่พบทำให้ไกอัสรู้ได้ในทันทีว่าเกรย์ออลยังอยู่ในหมู่บ้าน ไกอัสจึงคิดจะรีบไปช่วยเกรย์ออล จนรองผู้อาวุโสของเผ่ามังกรดำต้องร้องทักขึ้นมา

    “ไกอัส นั่นเจ้าจะไปไหนน่ะ ? ”

    “ข้าจะไปช่วยท่านเกรย์ออล พวกท่านทั้งหมดรีบหนีไปก่อนได้เลย”

    “เจ้าดูนั่นก่อนสิ ท่านโซเบลกำลังต่อสู้กับนางมังกรปีศาจความมืดอยู่ตรงนั้น ถ้าเจ้าเข้าไปในเวลาแบบนี้เจ้าจะตายนะ”

    รองผู้อาวุโสชี้นี้ไปยังสนามต่อสู้ระหว่างโซเบลกับเอเทล ซึ่งในตอนนี้กำลังดำเนินไปอย่างดุเดือดจนแทบจะไม่มีสิ่งใดหลงเหลืออยู่แล้ว 

    ถึงแม้ไกอัสจะได้รับคำเตือนจากรองผู้อาวุโส แต่เกรย์ออลนั้นมีบุญคุณกับเขาอย่างใหญ่หลวง จนกระทั่งมีเสียงๆหนึ่งดังขึ้นมา

    “ถ้าเจ้าจะไปช่วยท่านเกรย์ออล งั้นข้าจะไปกับเจ้าด้วย”

    เสียงที่ร้องทักไกอัสขึ้นมานั้นคือเสียงของฮามัสพี่สาวของไกอัสซึ่งดังมาจากอีกทางหนึ่ง และเมื่อทุกคนหันไปมองยังต้นตอที่มาของเสียง ก็พบเข้ากับฮามัสที่สวมเกราะมังกรดำเต็มยศ ทำเอามังกรตัวอื่นๆถึงกับอึ้งตะลึงไปพักหนึ่ง 

    “ท่านพี่ฮามัส นั่นท่านพี่จะทำอะไรน่ะ แล้วชุดเกราะนั่นมัน 0 0 ”

    “ข้าก็แค่อยากจะช่วยเป็นกำลังให้กับเจ้าอีกแรงก็เท่านั้นเอง ให้ตายสิข้าอุส่ายอมสละตำแหน่งมังกรนักรบหัวหอกของเผ่าให้เจ้าแล้วแท้ๆ แต่เจ้าก็ดันทำงานสะเพร่าอีกจนได้สินะ v.v ”

    ฮามัสถึงกับถอนหายใจในความไม่เอาไหนของไกอัส ที่เขานั้นปล่อยให้เกรย์ออลยังติดอยู่ในหมู่บ้าน ซึ่งเป็นบุคคลสำคัญที่สุดของเผ่าที่ต้องปกป้องในฐานะมังกรนักรบเสาหลักของเผ่า แต่ดูเหมือนแรนแซคจะรู้จักกับฮามัสก่อนหน้านั้นและเขาก็จำชุดเกราะมังกรดำของฮามัสได้ เนื่องจากตัวเขากับฮามัสเคยต่อสู้กันในสนามรบเมื่อหลายปีก่อน แต่ทั้งสองก็ต่อสู้ผลออกมาเสมอทุกครั้ง

    “เจ้าจำข้าได้รึเปล่า ข้าแรนแซคไง”

    แรนแซคบินเข้าไปหาฮามัสพร้อมกับทักทายอีกฝ่าย ก่อนที่ฮามัสจะหันมามองเขาอยู่พักหนึ่งแล้วทำหน้าเหมือนนึกอะไรบางอย่าง ก่อนจะพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉยว่า

    “อ้อ…เจ้าเองรึ”

    “อะไรกัน เจ้าทักทายกับศัตรูคู่ปรับของเจ้าด้วยท่าทางเช่นนี้งั้นรึ”

    “ขอโทดด้วย พอดีข้าวางมือจากการสู้รบมานานหลายปีแล้ว”

    “อย่างงั้นเองหรอกหรอ…ถึงแม้ข้าไม่เห็นเจ้าในสนามรบอีกเลย”

    “สงครามมันก็จบไปแล้ว ตอนนี้ข้ากับเจ้าก็ไม่ได้เป็นศัตรูกันอีกต่อไปแล้ว”

    ฮามัสและแรนแซคพูดคุยกันงึมงำ จนไกอัสรู้สึกว่าพวกเขากำลังเสียเวลานานเกินไปแล้ว จึงได้รีบพูดตัดบทขึ้นมา

    “ทั้งสองคนจะคุยกันอีกนานมั้ย ตอนนี้ท่านเกรย์ออลกำลังตกอยู่ในอันตราย พวกเราต้องรีบไปช่วยเขาออกมานะ ! ”

    ฮามัสและแรนแซคหันมามองไกอัสก่อนที่ทั้งสองจะจำได้ว่าตอนนี้พวกเขาควรจะโฟกัสในการไปช่วยเหลือเกรย์ออลออกมา

    “จริงสินะ ตอนนี้พวกเราควรโฟกัสเรื่องการช่วยเหลือท่านเกรย์ออล มากกว่าจะมาโฟกัสเรื่องอดีตความหลัง”

    “นั่นสินะ ถ้าเช่นนั้นพวกเราก็รีบไปช่วยหัวหน้าเผ่าของพวกเจ้ากันเถอะ!”

    หลังจากนั้นมังกรทั้งสามก็รีบบินกลับไปที่หมู่บ้านในทันที แต่ไกอัสก็ไม่ลืมฝากฝังให้เรยารีบพามังกรทุกตัวให้รีบหนีไปจากที่นี่ เพราะเดี๋ยวพวกตนจะรีบตามไปทีหลังเมื่อช่วยเกรย์ออลออกมาได้แล้ว 

    แต่ในระหว่างที่มังกรทั้งสามกำลังบินมุ่งหน้ากลับไปที่หมู่บ้านอยู่นั้นเอง จู่ๆ ก็มีลูกไฟขนาดใหญ่หลายสิบลูกถูกยิงลงมาจากท้องฟ้าเหนือศีษระของทั้งสามคน ทำให้ฮามัสและแรนแซคที่สวมเกราะมังกรนักรบต้องรีบเข้ามาร่วมด้วยช่วยกันกางพลังเวทย์ป้องกันลูกไฟเหล่านั้นเอาไว้ ทำให้ทั้งสามคนยังคงปลอดภัยดี

    ตุ้มมมม!!!!

    “อะไรน่ะ 0 0 ?! ”

    มังกรทั้งสามเงยหน้าขึ้นไปมองบนท้องฟ้า ก่อนจะพบเข้ากับซิฟน็อคและเหล่ามังกรดำบริวารตนอื่นๆอีกหลายสิบตัว ที่ตอนนี้กลายสภาพเป็นมังกรปีศาจบริวารของเอเทลไปเสียแล้ว 

    “ซิฟน็อค…นี่เจ้าเองรึ ?! ”

    “ใช่…ข้าเองแหละ…วันนี้ข้ากลับมาอีกครั้ง เพื่อที่จะฆ่ามังกรทุกตัวเพื่อเซ่นสังเวยดวงวิญญาณให้กับท่านเอเทลยังไงล่ะ”

    “นี่เจ้าพูดอะไรของเจ้าน่ะ เจ้าทำแบบนั้นเจ้าจะเป็นหัวหน้าเผ่าไปเพื่ออะไร ในเมื่อเจ้าไม่มีสิ่งใดให้ปกครองอีก ?! ”

    “หัวหน้าเผ่าอย่างงั้นรึ? หึ…สำหรับข้ามันไม่มีความหมายอะไรอีกแล้ว….เพราะข้าสามารถครอบครองทุกสิ่งทุกอย่างตามใจปราถนาของข้า ด้วยพลังความมืดที่ยิ่งใหญ่ที่ข้าได้รับมาจากท่านเอเทลนี้ยังไงล่ะ…!!”

    แล้วซิฟน็อคก็ได้แสดงพลังแห่งความมืดในรูปแบบเปลวเพลิงสีดำเคลือบแขนทั้งสองข้างให้ กลุ่มของไกอัสได้เห็นเป็นที่ประจักษ์ จนทั้งสามรู้ได้ในทันทีว่าตอนนี้ซิฟน็อคกู่ไม่กลับแล้ว และจิตใจของเขาถูกความมืดบดบังโดยสมบูรณ์ ด้วยกิเลสและความทะเยอทะยานของเขาในการครอบครองและเป็นจ้าวเหนือทุกสิ่งด้วยพลังที่ตนมี

    “ดูท่าเจ้านั่นจะเรียกกู่ไม่กลับแล้ว สงสัยต้องกำจัดทิ้งสถานเดียวโทษฐานที่คิดตนเป็นกบฏต่อเผ่าล่ะนะ”

    “ถ้าท่านพี่คิดเช่นนั้น ข้าก็จะช่วยท่านพี่อีกแรง กำจัดเจ้ามังกรนอกรีตนี่ทิ้งซะ!”

    หลังจากนั้นมังกรดำสองพี่น้อง ไกอัส และฮามัส ก็ได้รวมพลังกันเปิดฉากบุกโจมตีเข้าใส่กลุ่มของซิฟน็อคในทันที ก่อนที่ซิฟน็อคจะส่งมังกรบริวารเข้าสกัดทั้งสองเอาไว้ และบินตามไปสมทบอีกที

    แรนแซคที่ยังคงสังเกตุการณ์อยู่แนวหลัง เขาก็บังเอิญเห็นว่ามีมังกรดำบริวารของซิฟน็อคบางตนแยกตัวออกไปยังกลุ่มมังกรอพยพที่มีเรยาดูแลอยู่ เขาที่เห็นท่าไม่ดีจึงรีบบินกลับไปหาเรยาเพื่อปกป้องเธอทั้งในฐานะหัวหน้าเผ่าและในฐานะน้องสาวทันที

    .

    .

    .

    .

    ตัดภาพมายังสถานการณ์การต่อสู้ที่ฟ้าถล่มดินทลายของโซเบลและเอเทล

    ตอนนี้มังกรธาตุในตำนานทั้งสองต่างประชันความสามารถทางด้านพลังเวทย์กันอย่างดุเดือด จนพื้นที่แถบหมู่บ้านแทบจะถูกกวาดล้างหายไปจากพื้นโลก แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีตำหนักของมังกรเฒ่าเกรย์ออลที่ยังหลงเหลืออยู่ โซเบลถูกเอเทลใช้พลังเวทย์ 'หอกสายฟ้าเพลิงทมิฬ' ปาหอกสายฟ้าสีแดงหลายสิบเล่มใส่ ทำให้โซเบลไม่มีทางเลือกนอกจากต้องยกปีกขึ้นมาป้องกันเอาไว้ 

    ตู้มมม!! เปรี้ยงง!!!

    หอกสายฟ้าสีแดงของเอเทลเข้าปะทะใส่โซเบลจำนวนหลายเล่ม และมันก็สร้างความเสียหายให้กับเขาอย่างยิ่งยวด เปลวเพลิงของมังกรแห่งความมืดเอเทลนั้นโซเบลไม่สามารถที่จะดูดซับได้เพราะแฝงไปด้วยพลังความมืด บวกกับพลังสายฟ้าที่แฝงไปด้วยพลังความมืดทำให้มีพลังในการเจาะเกราะและพลังทำลายล้างสูงขึ้นหลายเท่า นั่นจึงทำให้โซเบลในตอนนี้โซเบลตกที่นั่งลำบากและร่างกายของเขาก็บอบช้ำจากการต่อสู้เต็มที แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็จะสู้ต่อไป

    โซเบลถูกเอเทลบินเข้ามาประชิดตัวด้วยเมฆหมอกสีดำที่บดบังร่างกาย ทำให้เขาไม่สามารถปัดป้องการเข้าจู่โจมของเอเทลในครั้งนี้ได้ ก่อนที่เขานั้นจะถูกเอเทลจับเขาหมุนกลางอากาศก่อนจะเหวี่ยงให้ร่างของเขาตกลงไปกระแทกพื้นเบื้องล่าง จนเกิดเป็นหลุมลึกหลายสิบเมตรจากความแรงที่เอเทลกระทำต่อตัวเขา 

    โคร้มมมม!!!!!

    อึกกก….!!!

    โซเบลรู้สึกจุกอยู่ในอกจนเขาไม่สามารถขยับตัวได้ไปชั่วขณะ และในขณะเดียวกันนี้เองเอเทลก็บินตามลงมาเพื่อที่จะปิดบัญชีในทีเดียว

    “น่าผิดหวังเสียจริง ไม่นึกเลยว่าเจ้าจะอ่อนปวกเปียกถึงเพียงนี้ ทำให้ข้ารู้สึกเร้าใจมากกว่านี้หน่อยสิ!”

    โซเบลพยามลุกขึ้นยืนอีกครั้ง แต่ร่างกายของเขาก็เริ่มบอบช้ำจากการถูกเอเทลโจมตีด้วยพลังความมืด ทำให้พลังเวทย์ในตัวของเขาลดลงอย่างมาก แต่ก็ยังสามารถพอฟัดพอเหวี่ยงกับเอเทลได้อยู่

    “ข้าจะทำลายทุกอย่างที่นี่ให้ราบ และเจ้าจะไม่สามารถปกป้องอะไรได้ทั้งนั้น”

    โซเบลยังคงเงียบและยืนหอบจากการต่อสู้ ทำให้เอเทลต้องปลดปล่อยพลังที่แท้จริงออกมา ด้วยการแผ่ขยายพลังความมืดออกไปทั่วบริเวณจนสุดขอบสายฟ้า ทำให้พื้นที่และท้องฟ้าทั้งหมดที่โซเบลและกลุ่มไกอัสอยู่ถูกปกคลุมไปด้วยเมฆสีดำ ทำให้เวลาในตอนนี้แม้จะเป็นตอนกลางวัน แต่กลับมืดหม่นและเต็มไปด้วยลมพายุสายฟ้าฟาดกับพายุเพลิงสีแดงที่กำลังทำลายหุบเขาและผืนป่าทั่วดินแดนแถบนี้อย่างบ้าคลั่ง

    เอเทลได้รวมพลังเวทย์ความมืดรอบตัว เพื่อนำพลังเหล่านั้นมาสร้างเป็นดาบ 'เฟลม ธันเดอร์ ดาร์คเนส ซอร์ด' เพลิงสายฟ้าคลั่งทมิฬ โดยหวังจะใช้มันจบชีวิตของโซเบลตามที่เธอตั้งใจไว้ 

    “เอาล่ะนะโซเบลเอ๋ย ข้าจะส่งเจ้าและพวกมังกรทุกตัวที่อยู่ที่น่ี่ไปลงนรกพร้อมกับเจ้าด้วย”

    หลังจากนั้นเอเทลก็ใช้ดาบเพลิงสายฟ้าดังกล่าวฟาดตรงมายังร่างของโซเบลยังบริเวณแกนกลางจิตวิญญาณแห่งธาตุในทันที 

    แต่ทว่าโซเบลก็ไม่ยอมตกเป็นฝ่ายถูกกระทำฝ่ายเดียว เขาใช้ลมหายใจมังกรเพลิงสกัดคมดาบเพลิงสายฟ้าคลั่งของเอเทล ทำให้เกิดแรงช็อคเวฟแผ่ขยายออกไปเป็นวงกว้าง แต่ดูเหมือนว่าโซเบลจะไม่สามารถต้านทานพลังของเอเทลเอาไว้ได้นาน ทำให้ตอนนี้พลังเวทย์ของเขาเริ่มหดถอยลงไปเรื่อยๆจนคมดาบของเอเทลเริ่มเข้ามาประชิดตัวเขามากขึ้นเรื่อยๆ 

    และในวินาทีสุดท้ายก่อนที่โซเบลจะพลาดท่านั้นเอง จู่ๆ ก็มีร่างมังกรสีขาวสะท้อนแสงเป็นประกายรุ้งที่คุ้นเคย ซึ่งนั่นก็คือสเตลร่าที่โผล่เข้ามาช่วยกางพลังเวทย์แสงป้องกันศักดิ์สิทธิ์เอาไว้ ทำให้เธอสามารถชีวิตโซเบลเอาไว้ได้ทัน แต่ตอนนี้สเตลร่าก็อยู่ในสภาพไม่ค่อยสู้ดีและมีรอยกรงเล็บกับบาดแผลทั่วทั้งตัว 

    “สเตลร่า…ทำไมเธอถึง ? 0 0 ”

    “แฮะๆ ไม่นึกเลยว่าฉันจะโผล่มาให้นายเห็นสภาพในแบบนี้นะ ^ ^" ”

    สเตลร่าหันมาส่งยิ้มแห้งๆทั้งๆที่ศีษระของเธอมีเลือดอาบอยู่ ก่อนที่สเตลร่าจะสะท้อนพลังของเอเทลให้กระจายไปทิศทางอื่น ทำให้เอเทลถึงกับแปลกใจเล็กน้อยที่สเตลร่ายังมีชีวิตอยู่ 

    “เจ้ายังไม่ตายอีกอย่างงั้นหรอ ? ”

    “ห่ะ! คนอย่างฉันไม่ตายง่ายๆหรอก เพราะฉันมีหน้าที่สำคัญที่ฉันต้องทำอยู่ยังไงล่ะ!”

    โซเบลมองดูสเตลร่าที่ยืนประจันหน้ากับเอเทลอย่างองอาจ และสง่าผ่าเผย แม้ว่าร่างกายของเธอจะบอบช้ำและเต็มไปด้วยบาดแผล แต่เธอก็ยังยิ้มและกล้าที่จะเผชิญหน้ากับศัตรูที่เป็นมังกรแห่งความมืด ซึ่งมีความแข็งแกร่งระดับภัยทำลายล้างโลกอย่างเอเทลได้ แต่ถึงอย่างนั้นด้วยสภาพร่างกายที่อิดโรยเขาก็ไม่อยากให้สเตลร่าต้องมาเสี่ยงชีวิตเพื่อปกป้องเขา โซเบลจึงได้พูดออกไปว่า

    “สเตลร่า มังกรตัวนั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่เธอจะเอาชนะได้ เพราะฉะนั้นเธอรีบหนีไปเถอะ!”

    “พูดอะไรบ้าๆ คนอย่างฉันไม่เคยคิดที่จะหนีแล้วทิ้งคนสำคัญเพื่อเอาตัวรอดไปคนเดียวหรอกนะ…เพราะฉันน่ะจะปกป้องนายยังไงล่ะ”

    แล้วสเตลร่าก็หันมามองโซเบลเหมือนจะสื่ออะไรบางอย่าง ทำให้โซเบลอึ้งไปพักหนึ่ง

    “ถ้าหากนายต้องการจะเอาชนะเอเทลให้ได้เพื่อปกป้องมังกรทุกตัวที่อยู่ที่นี่ล่ะก็…นายกับฉันต้องร่วมมือกัน”

    “ร่วมมือกับเธองั้นหรอ”

    “ใช่ ด้วยพลังต้นกำเนิดธาตุเพลิงของนาย กับพลังมังกรแสงทูตสวรรค์ผู้ชี้นำของฉัน หากทั้งสองรวมเข้าด้วยกัน ก็จะสามารถจัดการมังกรแห่งความมืดเอเทลได้”

    เมื่อสเตลร่าเสนอแนะแนวทางให้โซเบลมาดังนั้น เขาก็พยักหน้าและพร้อมที่จะเดิมพันทุกอย่างที่มีเพื่อโค่นเอเทลให้ได้

    เมื่อมังกรทั้งสอง โซเบล และ สเตลร่า ตัวแทนแห่งเทพธิดาไมอาร์ตกลงกันได้แล้ว ทั้งสองก็กลับมายืนขนาบข้างของกันและกันพร้อมกับจ้องมองไปที่เอเทลอย่างมุ่งมั่นหมายที่จะคว้าชัยชนะในการต่อสู้ครั้งนี้ให้ได้ ส่วนทางฝั่งเอเทลที่เห็นดังนั้นเธอก็แสยะยิ้มออกมาเพราะถือเป็นโอกาสดีที่ตนนั้นจะได้กำจัดมังกรธาตุในตำนานตัวแรกอย่างโซเบล และกำจัดมังกรแสงผู้ชี้นำอย่างสเตลร่า ซึ่งเปรียบเสมือนสิ่งตัวแทนของเทพธิดาไมอาร์ สิ่งที่มังกรแห่งความมืดทุกตัวเกลียดมากที่สุดในเวลาเดียวกัน

    “เจ้าทั้งสองคิดว่าจะเอาชนะข้าได้อย่างงั้นรึ ย่อมได้…งั้นข้าจะส่งพวกเจ้าทั้งสองไปลงนรกพร้อมๆกัน เพื่อที่เทพธิดาไมอาร์จะได้ช้ำอกช้ำใจที่เห็นลูกๆอันเป็นที่รักของพระองค์ ต้องตายด้วยน้ำมือสิ่งที่พระองค์สร้างขึ้นมา!!”

    และแล้วเอเทลก็เปิดฉากโจมตีใส่ทั้งสองด้วยลมหายใจมังกรเพลิงทมิฬ พ่นเปลวเพลิงสีดำขนาดใหญ่ออกจากปากโจมตีใส่โซเบลและสเตลร่า แต่ทั้งสองก็บินหลบขึ้นไปบนฟ้าก่อนที่โซเบลจะพ่นลมหายใจมังกรเพลิงและสเตลร่าร่ายเวทย์ ‘ปีกมังกรสวรรค์’ โจมตีใส่เอเทลในรูปแบบประสานพลังเวทย์

    เมื่อคลื่นลมสีรุ้งประสานเข้ากับพลังเพลิงของโซเบล มันก็ได้บังเกิดเป็นคลื่นลมพายุเพลิงสีรุ้งขนาดใหญ่โตซัดตรงมายังตำแหน่งที่เอเทลยืนอยู่ แต่เอเทลก็ใช้ดาบเพลิงสายฟ้าคลั่งสกัดเอาไว้ จนทำให้เกิดการระเบิดขึ้นอย่างรุนแรง 

    ตู้มมมม!!!!!!!

    เมื่อการระเบิดสิ้นสุดลง โซเบลและสเตลร่าก็บินเข้ามาประชิดตัวเอเทล แต่เอเทลก็ไหวตัวทันด้วยสัญชาตญาน ทำให้ในจังหวะเดียวกันนี้เอง เอเทลก็เสกดาบเพลิงสายฟ้าคลั่งขึ้นมาอีกเล่ม ก่อนจะใช้ดาบทั้งสองเล่มที่ถือในมือฟันตรงเข้าไปที่ทั้งสองคนในทันที แต่โซเบลกับสเตลร่าก็ใช้กรงเล็บมังกรของทั้งสองที่เคลือบพลังเวทย์เพลิงและแสงเตรียมรับการปะทะพร้อมกัน

    ย๊าาาากกก!!!!!

    ตู้มมมมม!!!!!!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×