ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Sobel The Flame of Dragon: เกิดใหม่เป็นมังกรเพลิงในตำนาน

    ลำดับตอนที่ #20 : ตอนที่ 19: ยุติสงคราม

    • อัปเดตล่าสุด 3 ธ.ค. 66


    ความเดิมจากตอนที่แล้ว 

    ไกอัสและเดลวาลินได้มีโอกาสได้เข้าพบกับหัวหน้าเผ่ามังกรขาวเป็นการส่วนตัว หลังจากที่ทั้งสองคนได้ช่วยเหลือหมู่บ้าน สโนว์บรอน ดรากูนจากอันตรายมาได้ และในขณะนี้ไกอัสได้รับมอบหมายงานโดยตรงจากเดลวาลินให้เขานั้นเข้าไปคุยกับผู้อาวุโสสูงสุดเผ่ามังกรขาว

    แต่เขานั้นไม่รู้เลยว่าผู้อาวุโสของเผ่ามังกรขาวจะเป็นมังกรสาวที่มีรูปร่างผอมบาง เย้ายวน สรีระอ้อนแอ้น แถมน้ำเสียงที่อ่อนหวานและมีความเป็นสุภาพสตรี ทำเอาหัวใจของไกอัสหวั่นไหวคล้อยตามไปกับรูปลักษณ์นั้นจนห้ามใจตัวเองไม่อยู่ 

    ไกอัสเหมือนถูกต้องมนต์สะกด เขาค่อยๆเดินเข้าไปหามังกรสาวด้วยอาการเหมือนคนเหม่อลอย ก่อนจะเดินมานั่งอยู่ต่อหน้าพร้อมกับชูหางขึ้นชี้ฟ้าแล้วส่ายหางไปมาอย่างอ่อนช้อยเสมือนว่าเขากำลังพบกับรักแรกพบ

    “ไม่นึกเลยว่า จะมีแขกจากมังกรต่างเผ่ามาเยือนเช่นนี้ ข้า ‘เรยา ไวท์ ดราก้อน’ เป็นหัวหน้าและผู้อาวุโสของเผ่ามังกรขาวเจ้าค่ะ”

    ไกอัสนั่งตัวเกร็ง เล็บจิกพื้นเมื่อเขาได้รู้ชื่อจริงของเธอ และชื่อเรยานั้นช่างไพเราะ เสนาะหูเขาเป็นอย่างมาก บวกกับรูปลักษณ์ที่น่ารัก ต้องตาต้องใจของอีกฝ่ายแล้ว มันแทบจะทำให้เขาคลั่งรักไปเลยทีเดียวและคาดว่าอีกไม่นานเขาก็คงจะเก็บงำความรู้สึกนี้ต่อไปไม่ไหว

    “ว่าแต่ เงื่อนไขข้อตกลงในการเจรจาสงบศึกระหว่างมังกรทั้งสองเผ่าคืออะไรหรอเจ้าคะ”

    “แต่งงานกับข้าเถอะ…”

    ทุกอย่างตกอยู่ภายใต้ความเงียบสงัดในทันทีเมื่อไกอัสพลั้งปากพูดในสิ่งที่เขาไม่ควรพูดออกมาในระหว่างที่เขากำลังทำหน้าที่ในฐานะตัวแทนผู้ส่งสารจากเผ่ามังกรดำ และแล้วในที่สุดก็มีเสียงอุทานของเรยาดังขึ้นมาด้วยความตกใจสุดขีด

    ห๊าาาาาาา~!!!!??

    เรยาร้องอุทานเสียงดังลั่นไปทั่ววิหาร ทำเอาเดลวาลินที่ยืนรออยู่ด้านนอกยังได้ยินมาแต่ไกล เขาจึงนึกขึ้นมาในใจว่าไกอัสอาจจะทำอะไรบางอย่างในเรื่องไม่เป็นเรื่องอีกเป็นแน่ 

    ส่วนทางฝั่งไกอัสในเวลานี้เขาก็ต้องหาทางทำอะไรสักอย่างเพื่อที่จะอธิบายเรื่องราวให้เรยาฟัง ก่อนที่อีกฝ่ายจะเข้าใจผิดไปมากกว่านี้ อีกทั้งเขาก็รู้สึกว่าเขากำลังทำอะไรเลินเล่อโดยใช่เหตุไม่สมกับตัวเขาที่เป็นมังกรนักรบดำที่ห้าวหาญ สุขุม ที่สุดของเผ่าเลยสักนิด

    “อะเออ…ที่จริงแล้วข้าก็แค่ไม่อยากปิดกั้นความรู้สึกของตัวเองก็เท่านั้นเอง…และ…และอีกอย่าง..เจ้ายังไม่ต้องตอบตกลงในตอนนี้ก็ได้ 0~0" ” 

    เรยาอึ้งตาค้างไปอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่อีกฝ่ายจะทำการสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วถอนหายใจออกมาเบาๆเพื่อสงบสติอารมณ์ตื่นเต้นนั้นลง

    “*เฮ้อออ…ฟู่วว…* ท่านกำลังจะบอกข้าว่า ท่านมาที่นี่เพื่อขอข้าแต่งงานอย่างงั้นหรือเจ้าคะ ? ”

    “เฮ้ย!…มะ…ไม่ใช่อย่างนั้น ข้าก็แค่…ไม่เคยพบเจอ…หญิงใดที่สวยสดหยดย้อยจับใจข้า…เช่นเจ้ามาก่อน…ก็เท่านั้นเอง…”

    พูดจบไกอัสก็เบี่ยงหน้ามองไปทางอื่นด้วยความเขินจนหน้าแดง ซึ่งเรยาที่ถูกไกอัสมังกรหนุ่มจากต่างเผ่าชมมาแบบนั้นก็รู้สึกเขินหน้าแดงไม่ต่างกัน จนกระทั่งเดลวาลินเดินเข้ามาพร้อมกับตะโกนถามเสียงดังลั่น

    "ไกอัส นี่นายมัวทำบ้าอะไรอยู่น่ะ ?! "

    “อ๊ะ!!! ท่านเดลวาลิน ค…คือว่า 0 0 !! ”

    หลังจากนั้นเดลวาลินก็ทำการสวดตำหนิไกอัสไปพักหนึ่งโทษฐานที่เขานั้นทำให้การเจรจาเสียเวลา แถมยังทำตัวประมาทเลินเล่อจนเกือบจะเสียงานเสียการหมด ซึ่งไกอัสก็รีบก้มหัวขอโทษอีกฝ่ายยกใหญ่แต่ดูเหมือนว่าเรยาจะรู้ว่าเดลวาลินนั้นเป็นใครอยู่ก่อนแล้ว

    “ท่านคือนายเหนือหัวของท่านไกอัสหรือเจ้าคะ”

    “ก็ไม่เชิง แต่ถ้าจะคิดแบบนั้นก็ไม่ผิดหรอก”

    “อย่างั้นหรือเจ้าคะ แต่ก็สมกับเป็นมังกรเพลิงในตำนานโซเบลอยู่แล้วเจ้าค่ะ vuv ”

    เมื่อเดลวาลินกับไกอัสได้ยินเรยาพูดแบบนั้นทั้งสองคนก็ตกใจที่อีกฝ่ายรู้ตัวจริงของเดลวาลินได้ยังไง ก่อนที่เรยาจะบอกว่าก่อนหน้านั้นแรนแซคและรองผู้อาวุโสตัวอื่นๆในเผ่าได้นำข่าวมาบอกให้ฟังก่อนหน้าจะให้ทั้งสองเข้าพบแล้ว แต่เรยาก็ไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวหรือวิตกกังวลในการมาของโซเบลแต่อย่างใด แถมยังรู้สึกยินดีด้วยซ้ำที่ได้พบเห็นมังกรโบราณในตำนานยุคแรกเริ่มมาอยู่ที่นี่อีกด้วย

    เดลวาลินได้สอบถามความคืบหน้าในการเจรจากับเรยา ก่อนจะพบว่าไกอัสนั้นได้เผลอพลั้งปากขอเรยาแต่งงานในการใช้เป็นเงื่อนไขข้อตกลงในการสงบศึกระหว่างเผ่า ซึ่งนั่นก็ทำให้เดลวาลินถึงกับกุมขมับเล็กน้อย เพราะข้อตกลงที่เกรย์ออลและตัวเขาเสนอร่วมกันนั้นมันคนละอย่างกับที่ไกอัสกล่าวให้เรยารู้คนละเรื่อง แต่สาเหตุที่ไกอัสพูดแบบนั้นออกไป เพราะเขานั้นเกิดอาการรักแรกพบและหลงไหลในความงดงามของเรยาจนโงหัวไม่ขึ้น ทำให้เดลวาลินตัดสินใจที่จะเป็นคนกลางในการคุยแทน เพราะเห็นว่าไกอัสนั้นออกอาการแพ้ผู้หญิง

    “สรุปแล้ว เงื่อนไขในการเจรจาขอยอมแพ้ของฝ่ายมังกรดำคืออะไรหรือเจ้าคะ ? ”

    “เผ่ามังกรดำยอมเสียพื้นที่ทำกินทั้งหมดที่เผ่ามังกรขาวยึดมาได้ และจะยอมชดเชยความเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งหมด แต่ขอแลกกับการที่เผ่ามังกรขาวจะต้องส่งอาหารเพื่อเยียวเหล่ามังกรดำที่กำลังอดยากจากภัยสงคราม โดยเฉพาะเด็กๆและผู้หญิงที่มีจำนวนเหลือไม่กี่ร้อยตัว”

    “อย่างงั้นเองหรอเจ้าคะ ถ้าหากเผ่ามังกรดำยอมรับความพ่ายแพ้ ข้าก็ยินดีที่ยอมสงบศึกด้วยเจ้าค่ะ ”

    "ยังไม่หมด หลังจากที่มังกรทั้งสองเผ่าจะต้องรวมเป็นหนึ่งและมาอยู่ภายใต้การดูแลของฉัน เพื่อที่พวกนายจะได้ไม่ถูกเผ่ามนุษย์มารังควาน"

    "เอ๊? ที่ท่านโซเบลพูดมาหมายความว่ายังไงหรอเจ้าคะ 0 0 ? "

    "ตอนนี้ราชาของอาณาจักรเซซิลล่าร์ ต้องการกวาดล้างมังกรทั้งสองเผ่าอยู่ ในระยะแรกพวกเขาอาจจะทำอะไรไม่ได้ แต่สุดท้ายพวกเขาก็จะหาทางกำจัดพวกนายได้เป็นแน่" 

    "นั่นสินะเจ้าคะ ถึงเผ่ามนุษย์จะดูอ่อนแอก็จริง แต่ก็ใช่ว่าจะประมาทไม่ได้เลยเรื่องนั้นข้าเห็นด้วย เพราะขนาดมังกรยุคแรกเริ่มที่มีพลังเวทย์มหศาลอย่างท่านยังต้องพ่ายแพ้จนสิ้นชีพให้กับผู้กล้าลูซิสที่เป็นมนุษย์เมื่อหนึ่งพันปีก่อนเลยเจ้าค่ะ"

    "มันก็จริง แต่ถ้าพวกนายมาอยู่ในดินแดนที่ฉันดูแล อย่างน้อยมันก็ช่วยรับประกันความปลอดภัยในระดับหนึ่ง" 

    "ท่านเป็นมังกรเพลิงปีศาจที่ใครๆต่างก็ตั้งข้อครหาว่าเป็นตัวการทำลายล้างอารยธรรม ท่านจะรับรองความปลอดภัยให้กับพวกเราได้อย่างไรเจ้าคะ" 

    "เพราะฉันคือมังกรเพลิงในตำนานโซเบลยังไงล่ะ และอีกอย่างฉันจะอยู่เพื่อปกป้องใครก็ตามที่ได้รับความเดือดร้อนและมาขอพึ่งพิง ไม่ว่าจะเป็นใครหน้าไหนก็ตาม ฉันอยากจะช่วยพวกเขาและถือว่าเป็นการไถ่บาปที่ฉันเคยก่อไปในตัวด้วย" 

    เมื่อเดลวาลินพูดมาแบบนั้น เรยาก็ได้จ้องเข้าไปในดวงตาของเดลวาลินอยู่สักพัก ก่อนที่เธอจะตัดสินใจ

    " *เฮ้อออ...* เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ ถ้าท่านจะต่อสู้และใข้พลังของท่านเพื่อปกป้องผู้คนที่อ่อนแอ เผ่ามังกรขาวก็ยินดีที่จะอยู่ภายใต้การปกครองของท่าน เพื่อความปลอดภัยเจ้าค่ะ"

    พูดแล้วเรยาก็ถอนหายใจ ก่อนไกอัสขอพูดแทรกขึ้นมา

    “เอิ่ม…ท่านโซเบลขอรับ คือว่า…”

    “อะไร? นายอยากจะอาสาเป็นคนคุยแทนฉันงั้นหรอ?”

    ไกอัสพยักหน้า แต่เหมือนว่าเดลวาลินจะไม่ค่อยวางใจสักเท่าไหร่ แต่เหมือนว่าเรยาจะไม่ได้ว่าอะไรเขาจึงลองเชื่อใจให้ไกอัสจัดการงานตรงส่วนนี้อีกครั้ง และเมื่อไกอัสได้รับโอกาสอีกครั้งเขาก็ไม่รอช้ารีบแสดงความสามารถและเข้าประเด็นไม่อ้อมค้อมอีกต่อไป แต่ในใจก็ยังร้อนลุ่มด้วยความรักอยู่

    “*อะแห่ม…* เรื่องที่ข้าขอเจ้าแต่งงาน….เจ้าอย่าใส่ใจเลยนะ… v..v ” 

    “ข้าไม่ถือสาเรื่องนั้นหรอกเจ้าค่ะ เอาไว้ข้าตัดสินใจได้แล้วข้าจะตอบท่านก็แล้วกันนะเจ้าคะ ^ ^ ”

    ไกอัสถึงกับใจเต้นระรั่วเมื่อเรยาส่งยิ้มอันอ่อนหวานมาให้เขาและขอเวลาคิดคำตอบในการขอแต่งงานจากไกอัส นั่นจึงทำให้เขาเกิดความหวังตั้งหน้าตั้งตารอฟังคำตอบจากเธอ 

    “อะเออ…ถ…ถ้าเช่นนั้นข้าจะรอคำตอบนั่นจากเจ้าก็แล้วกันนะ แต่ก่อนอื่นเรามาคุยกันเรื่องการสงบศึกกันดีกว่า สรุปแล้วเจ้ายินดีที่จะยอมลงตราประทับเลือดมังกรหรือไม่”

    “ในเมื่อเผ่ามังกรดำส่งตัวแทนคณะทูตมาถึงขนาดนี้ ข้าก็ต้องยอมรับข้อตกลงยุติสงครามแน่นอนอยู่แล้วเจ้าค่ะ”

    “อ่า!…ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ดีเลย ถ้าอย่างงั้นรบกวนเจ้าลงตราประทับเลือดลงบนเหรียญนี้ด้วย”

    จากนั้นไกอัสก็มอบเหรียญตราประทับเลือดมังกรให้เรยานำไปเจาะเลือดตัวเองเพื่อทำการลงนามบนเหรียญ ซึ่งเรยาก็ยอมลงตราประทับเลือดแต่โดยดี ก่อนที่เลือดระหว่างหัวหน้าเผ่ามังกรทั้งสองจะประสานเข้าด้วยกัน เป็นอันยุติสงครามอย่างไม่เป็นทางการในที่สุด และตราประทับมังกรเพลิงที่เดลวาลินเคยทำพันธสัญญากับไกอัสก็ได้หายไปเพราะบรรลุเงื่อนไขเป็นที่เรียบร้อย

    “เพียงเท่านี้ สงครามระหว่างเผ่ามังกรขาวกับเผ่ามังกรดำก็เป็นอันยุติลงเสียทีนะเจ้าคะ”

    เดลวาลินและไกอัสพยักหน้าด้วยความปลื้มปริติยินดีที่สงครามระหว่างมังกรทั้งสองเผ่านั้นได้สิ้นสุดลงโดยมีเผ่ามังกรขาวเป็นฝ่ายชนะในสงคราม และหลังจากนี้ไปจะเป็นการเริ่มต้นชีวิตกันใหม่ของมังกรทั้งสองเผ่าอีกครั้ง โดยเดลวาลินก็ให้คำมั่นสัญญากับเรยาว่า เขาจะปกป้องและดูแลมังกรทั้งสองเผ่าเป็นอย่างดี และจะไม่ให้เกิดปัญหาหรือข้อขัดแย้งรวมถึงปกป้องพวกเขาจากการรุกจากเผ่าอื่นๆ ทำให้เรยารู้สึกวางใจในระดับหนึ่ง

    “พวกท่านเดินทางไกลมานาน ถ้าไม่รังเกียจพวกท่านจะพักอยู่ที่หมู่บ้านของข้าที่ด้านล่างเนินเขาก่อนก็ได้นะเจ้าคะ”

    “ไม่เป็นไร พวกฉันไม่อยากรบกวนพวกเธอเยอะ”

    “ไม่ต้องเกรงใจหรอกเจ้าค่ะ หน้าที่ของพวกเราคือการดูแลปรนนิบัติตัวแทนคณะทูตให้ดีที่สุดเจ้าค่ะ”

    “ถ้าท่านโซเบลอยากจะกลับไปพักก่อนก็กลับไปก่อนข้าน้อยได้เลยขอรับ ข้ามีเรื่องหลายเรื่องอยากจะถามนางสักหน่อย”

    เดลวาลินเหลือบมองไปที่ไกอัสเสมือนว่าเขานั้นมีแผนการอะไรบางอย่างในใจ และดูเหมือนไกอัสจะออกอาการลนลานเล็กน้อยเพราะเหมือนว่าเดลวาลินจะจับไต๋เขาได้ แต่เขาก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะหน้าที่ของเขาเสร็จสิ้นลุล่วงแล้ว หลังจากนี้ไปจะคุยธุระเป็นเรื่องส่วนตัวก็ไม่เสียหายอะไร 

    “ก็ได้ แต่อย่าทำอะไรโดยพลการจนได้เรื่องล่ะ ไม่อย่างงั้นฉันไม่ยกโทษให้นายจริงๆด้วย”

    “ข้าน้อยทราบแล้วขอรับ ถึงตราประทับมังกรเพลิงของท่านโซเบลจะหายไปแล้ว แต่ในใจข้าน้ยอก็ให้ความเคารพท่านโซเบลเสมอขอรับ v v ”

    หลังจากนั้นเดลวาลินก็เดินออกไปจากที่พักของเรยาปล่อยให้มังกรหนุ่มสาวพูดคุยกันตามประสาตามลำพังสองต่อสอง

     

    เมื่อเดลวาลินจากไปแล้ว เปิดทางสะดวกให้กับไกอัสที่เขานั้นจะได้พูดคุยกับเรยาอย่างเต็มที่โดยที่ไม่ต้องคำนึงถึงหน้าที่ต้องรับผิดชอบในฐานะทูตอีกต่อไป 

    “เออ….คือว่า….”

    “เจ้าคะ ? ”

    “คือ….ข้าต้องบอกตามตรงเลยว่า….ข้าตกหลุมรักเจ้าตั้งแต่แรกเห็น”

    “ง…งั้นหรอเจ้าคะ… 0///0 ”

    เรยาเริ่มหน้าแดงและเริ่มส่ายหางเบาๆด้วยความเขิน ซึ่งไกอัสเองก็มีอาการแบบเดียวกัน

    “ตอนนี้…ข้ายังเป็นเพียงมังกรนักรบที่ถูกคาดการณ์จากท่านเกรย์ออล หัวหน้าเผ่าของข้าว่าจะให้ข้าเป็นหัวหน้าเผ่ารุ่นต่อไปหลังจากที่เขาสละตำแหน่ง เพราะท่านเกรย์ออลก็ชรามากแล้วคงดูแลเผ่าต่อไปไม่ไหว”

    “อย่างงั้นเองหรอเจ้าคะ ข้าเองก็ไม่คิดมาก่อนเลยว่าท่านจะพูดแบบนั้น รู้มั้ย…ว่าข้ารู้สึกเขินนะเจ้าคะ…”

    ไกอัสนั่งส่ายหางของเขาเร็วขึ้นและถี่มากขึ้นด้วยความรู้สึกตื่นเต้นจนแทบจะบ้า 

    “ย…อย่างงั้นหรอกหรือ….ข…ข้าเองก็รู้สึกเช่นนั้นเหมือนกัน….เพราะที่ผ่านมาข้าเอาแต่สู้รบปรบมือกับมังกรชายฉกรรจ์ด้วยกันในสนามรบมาตลอด….ข้าแทบไม่มีเวลา…จะได้เสวนาหรือพบปะกับหญิงใดอย่างจริงๆจังๆเลยสักครั้ง”

    “มันก็ไม่แปลกหรอกเจ้าค่ะ มังกรนักรบหนุ่มๆทุกตัวก็ต้องออกไปสู้รบและอุทิศตนเพื่อชัยชนะของเผ่าอยู่แล้ว…แต่ถ้าท่านเป็นมังกรนักรบหนุ่มที่เอาแต่หมกมุ่นในเรื่องการรบ ข้าเองก็เป็นมังกรสาวที่หมกมุ่นอยู่แต่การพยากรณ์ในที่พักของข้าเพียงลำพังจนไม่ได้พบเจอกับมังกรหนุ่มเช่นกัน…”

    “หมายความว่าอย่างไรรึ ที่ว่าเจ้าไม่เคยพบมังกรหนุ่มเลยสักครั้ง รวมถึงเรื่องการพยากรณ์อะไรนั่นด้วย ? ”

    เรยาถอนหายใจเฮือกหนึ่ง ก่อนที่เธอจะบอกเล่าชีวิตและความเป็นมาของตัวเองให้ไกอัสฟัง 

    เดิมทีเรยานั้นเป็นมังกรขาวธรรมดาตัวหนึ่งที่เกิดจากหัวหน้าเผ่ามังกรขาวรุ่นก่อน เธอมีพี่น้องอยู่หลายตนเนื่องจากพ่อของเธอนั้นมีภรรยาอยู่หลายตัว เรยาเป็นลูกของภรรยานอกตัวที่ 20 และเป็นลูกคนเดียว แต่โชคร้ายที่เธอเกิดมาก็พิกลพิการตั้งแต่เกิด เนื่องจากเธอเกิดมาไร้เกล็ดแข็ง มีดวงตาสีแดงสดแทนที่จะเป็นดวงตาสีครามหรือสีฟ้าเหมือนมังกรขาวตัวอื่นๆ และไม่สามารถใช้ลมหายใจมังกรหรือเรียนรู้เวทย์มังกรได้เหมือนกับพี่น้องของตัวเอง ทำให้เธอนั้นมักถูกพี่น้องต่างมารดารุมรังแกและดูแคลนเธอสารพัดแต่แม่ของเธอก็คอยปลอบโยนและให้กำลังใจเธอเรื่อยมา จนกระทั่งแม่ของเธอตายจากไปเพราะภัยสงครามเมื่อหลายปีก่อน

    นั่นจึงทำให้เธอต้องใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยวภายในเผ่า อีกทั้งพ่อของเธอที่เป็นหัวหน้าเผ่าก็ไม่ค่อยให้ความสนใจเธอเท่าที่ควร จนกระทั่งพี่น้องของเธอที่ถูกส่งออกไปรบแล้วพากันล้มตายเกือบหมดซึ่งในเวลานั้นเผ่ามังกรดำกำลังเป็นฝ่ายมีชัยในสงคราม จนเหลือแต่แรนแซคซึ่งเป็นพี่ชายต่างแม่และเป็นภรรยาลำดับที่ 16 ที่ยังมีชีวิตอยู่และคอยดูแลเธอในฐานะผู้ดูแล ด้วยความที่เธอนั้นอยากจะเป็นที่ยอมรับและได้รับความสนใจจากหัวหน้าเผ่าผู้เป็นพ่อ เธอจึงได้ออกเดินทางออกจากเผ่าเพื่อเดินทางศึกษาหาศาสตร์ต่างๆที่พอคิดว่าจะสามารถช่วยเผ่าของเธอผลิกแผลงสงครามให้กลับมาเป็นฝ่ายได้เปรียบ

    จนกระทั่งเธอได้พบเจอกับหญิงจอมเวทย์ท่านหนึ่งนามว่า 'เมลิน' และทั้งสองก็พบเจอกันที่ เมืองแห่งการศึกษา โนครอนเรีย โดยจอมเวทย์เมลินได้มองเห็นพรสวรรค์บางอย่างในตัวเรยาและเธอยังรู้อีกว่าตัวจริงของเรยานั้น คือมังกรขาวปลอมตัวมาใช้ชีวิตปะปนอยู่กับมนุษย์เพื่อศึกษาหาศาสตร์เวทย์มนต์กลับไปช่วยเผ่าของเธอที่กำลังทำสงครามที่บ้านเกิด แต่การที่มังกรระดับสูงแฝงตัวอยู่กับมนุษย์นั้นเสี่ยงต่อการที่จะถูกกลุ่มนักล่ามังกรสังหารด้วยความสงสารและเห็นใจ ทำให้เมลินยอมที่จะถ่ายทอดองค์ความรู้เกี่ยวกับวิชาเวทย์พยากรณ์ดวงดาวและธรรมชาติให้กับเรยา เพื่อให้เรยานั้นนำความรู้เรื่องเวทย์พยากรณ์ดวงดาวนี้นำไปประยุกต์ใช้เพื่อปกป้องบ้านเกิด

    นั่นจึงทำให้นับแต่นั้นมาเรยากับจอมเวทย์เมลินก็ได้เป็นศิษย์อาจารย์ที่ดีต่อกัน และเธอยังได้รับการปกป้องจากเมลินให้รอดพ้นจากกลุ่มดราก้อน สเลเยอร์หลายต่อหลายครั้ง อีกทั้งยังเป็นคนที่ช่วยเปิดโลกให้กับเรยาให้ได้เห็นถึงความสวยงามและความมหัศจรรย์ของโลกเอเซอร์เชี่ยน จนทำให้เรยาเคารพรักในตัวจอมเวทย์เมลินอย่างมากเสมือนเป็นแม่คนที่สองของเธอ

    แต่สุดท้ายมีพบก็ต้องมีจากเมื่อจอมเวทย์เมลินนั้นต้องเดินทางไกลไปยังอาณาจักรต่างๆที่กำลังเกิดความขัดแย้ง เพราะที่ใดมีสงครามหรือความขัดแย้งจอมเวทย์เมลินจะต้องเดินทางไปที่นั่นเพื่อนำสารแห่งความปรองดองไปสู่ดินแดนแห่งนั้นเพื่อให้เกิดความสงบสุขต่อโลก นั่นจึงทำให้เรยากับเมลินต้องแยกจากกันเป็นการถาวรแต่เรยาก็ไม่ลืมบุญคุณที่เมลินหยิบยื่นโอกาสให้เธอได้เรียนรู้และเห็นโลกที่กว้างใหญ่นี้และเธอจะจดจำสิ่งต่างๆที่จอมเวทย์เมลินอบรมสั่งสอนเธอตลอดไป

    เมื่อเรยากลับมาที่เผ่าก็พบว่าหัวหน้าเผ่าผู้เป็นพ่อได้สิ้นชีพไปในสงครามแล้ว และเกิดสภาวะสุญกาศทางอำนาจภายในเผ่า เพื่อกอบกู้ศักดิ์ศรีและเกียรติยศให้กับแม่แท้ๆของเธอที่ตายไป เรยาจึงได้ใช้ศาสตร์ความรู้เกี่ยวกับวิชาเวทย์พยากรณ์ดวงดาวที่ได้รับมาจากจอมเวทย์เมลินทำการทำนายอนาคตให้มังกรขาวทุกตัวในเผ่าได้รับรู้ แต่คำทำนายที่เธอบอกนั้นจำเป็นจะต้องบอกเป็นนัยยะอ้อมๆไม่สามารถบอกโดยตรงได้ เพราะเวทย์พยากรณ์ดวงดาวนี้มีความเปราะบางอาจเปลี่ยนแปลงผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นได้ และมันยังเป็นการแทรกแซงโชคชะตากฏธรรมชาติของโลกนี้

    และนั่นเป็นครั้งแรกที่เรยานั้นสามารถชี้นำหนทางและแนวทางกลยุทธ์วิธีที่จะเอาชนะเผ่ามังกรดำที่มีกำลังพลมากกว่าได้เป็นครั้งแรก จนเผ่ามังกรขาวของเธอก็ชนะเรื่อยมาอีกทั้งยังมีแรนแซคพี่ชายต่างมารดาเป็นหัวหอกในการนำกองทัพมังกรขาวบุกถล่มกองทัพเผ่ามังกรดำจนราบคาบผ่านการทำนายทายทักของเธอ ทำให้ในเวลาต่อมาเรยาถูกทาบทามจากรองผู้อาวุโสของเผ่าให้เธอเป็นหัวหน้าเผ่ามังกรขาวเพราะเห็นว่าเรยานั้นเป็นมังกรขาวที่ฉลาดที่สุดมีความรอบรู้มากที่สุดในเผ่า ซึ่งเรยาเองก็ไม่กล้าปฏิเสธเพราะเวลานั้นทุกคนในเผ่าฝากความหวังมาไว้ที่เธอเพียงผู้เดียว สุดท้ายเรยาก็ต้องยอมรับข้อเสนอจากรองผู้อาวุโส และได้แรนแซคเป็นมังกรนักรบคนสนิทคอยดูแลและเป็นตัวแทนส่วนตัวในการติดต่อโลกภายนอก

    แต่เนื่องจากเรยานั้นมีร่างกายที่อ่อนแอ ไม่สามารถใช้พลังเวทย์มังกร ไร้ทักษะการต่อสู้อย่างที่ควรจะเป็น ทำให้เธอนั้นถูกพามาซ่อนตัวอยู่ที่วิหารมังกรขาวบนภูเขาหิมะที่ปกคลุมไปด้วยพายุหิมะเพื่อความปลอดภัย และปล่อยให้เรยามีเวลาอยู่กับตัวเองได้อย่างเต็มที่ เพื่อที่เธอนั้นจะได้มีสมาธิโฟกัสในการใช้เวทย์พยากรณ์ได้อย่างเต็มความสามารถ แต่นั่นก็ต้องแลกกับการที่เธอนั้นต้องอยู่ที่วิหารตลอดเวลา และบรรดารองผู้อาวุโสของเผ่าก็ไม่อนุญาติให้มังกรขาวหรือคนนอกเข้ามายุ่งวุ่นวายกับเธอหากไม่ได้รับอนุญาติจากแรนแซค

    นั่นจึงทำให้ตลอดเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมานี้จึงไม่มีมังกรดำตนใดเคยเห็นใบหน้าค่าตาหัวหน้าเผ่ามังกรขาวตนล่าสุดเลยสักครั้ง และเธอไม่มีโอกาสได้ออกไปพบปะกับโลกภายนอกเลยแม้แต่ครั้งเดียว จะมีก็แต่แรนแซคและบรรดารองผู้อาวุโสไม่กี่ตนเท่านั้นที่เข้ามาแวะเยี่ยมเยือน แต่พวกเขาก็ถูกกำหนดให้พบอยู่นอกผ้าม่านเท่านั้น นั่นจึงทำให้บางครั้งเรยารู้สึกโดดเดี่ยว อยากจะหาใครสักคนมาอยู่เคียงข้างในวันที่เธอนั้นว้าเหว่ใจ จนกระทั่งการมาของคณะทูตของเดลวาลินที่มีไกอัสติดตามมาด้วย

    “อย่างงี้นี่เอง…ที่แท้สาเหตุที่เผ่ามังกรขาวสามารถกลยุทธ์ผลิกแผลงสงครามให้กลับมามีชัยเหนือพวกเราได้ เป็นเพราะพวกเขาได้รับคำชี้แนะจากเจ้านี่เอง”

    “ที่จริงข้าก็อยากจะให้สงครามมันจบลงโดยเร็ว จะได้ไม่ต้องมีใครต้องสูญเสียล้มตายอีก แต่เมื่อข้าลองพยากรณ์ชะตากรรมโดยรวมของมังกรทั้งสองเผ่า ข้าก็พบข้อสรุปบางอย่างเข้า…”

    “ข้อสรุปอะไรอย่างงั้นรึ ? ”

    “ข้อสรุปที่ข้าพบในภาพคำทำนายนั้นก็คือ…'ท้ายที่สุดแล้ว…เผ่ามังกรขาวจะมีชัยเหนือเผ่ามังกรดำและสงครามก็จะสิ้นสุดลงด้วยความปราชัยของเผ่ามังกรดำ แต่ทว่า…ท่ามกลางหมู่ดาวและความอับจนนั้น จะปรากฏดวงดาวที่ส่องสว่างท่ามกลางแสงดาวที่กำลังริบหรี่ รวมถึงการมาเยือนของจิตวิญญาณพลังงานเวทย์อันยิ่งใหญ่ที่เก่าแก่บรรพกาลหลายพันล้านปีที่จะมาชี้แนะหมู่ดาวที่กำลังจะมอดดับให้กลับมาส่องสว่างอีกครั้ง สุดท้ายหมู่ดาวทั้งสองก็จะรวมเป็นหนึ่ง' เจ้าค่ะ ”

    ไกอัสพยายามตีความหมายจากคำพยากรณ์ของเรยา แต่หัวสมองของเขาก็ทื่อในเรื่องแบบนี้โดยตรงประโยคช่วงสุดท้ายจนเขาต้องขอความกระจ่างจากเรยาเพิ่มเติม

    “ที่เจ้าพูดช่วยขยายความให้ชัดเจนกว่านี้จะได้หรือไม่”

    “ท่านไกอัสจะให้ข้าขยายความให้กระจ่างชัดอย่างงั้นหรือเจ้าคะ ? ”

    ไกอัสพยักหน้าด้วยความอยากรู้ก่อนจะที่เรยาจะบอกให้ฟังว่า

    'ท่ามกลางหมู่ดาว' คือ 'เผ่ามังกรดำ' ของท่านไกอัส ส่วน ‘ดวงดาวที่ส่องสว่างท่ามกลางแสงดาวที่ริบหรี่’ คือ ‘ตัวท่านไกอัสที่จะเป็นผู้นำหนทางรอดมาสู่เผ่ามังกรดำของท่านจะเป็นฝ่ายปราชัยในสงคราม ส่วน ‘การมาเยือนของจิตวิญญาณพลังงานเวทย์อันยิ่งใหญ่ที่เก่าแก่บรรพกาลหลายพันล้านปีที่จะมาชี้แนะหมู่ดาวที่กำลังจะมอดดับให้กลับมาส่องสว่างอีกครั้ง’ ก็คือ ‘มังกรเพลิงในตำนานโซเบล มังกรแห่งธาตุที่เกิดจากพลังของพระแม่ไมอาร์ที่จะตอบรับคำภาวนาขอหนทางรอดของท่านไกอัส’ และสุดท้าย ‘หมู่ดาวทั้งสองก็จะรวมเป็นหนึ่ง’ หมายถึง 'เผ่ามังกรทั้งสองเผ่าจะรวมเป็นเผ่าเดียวกันและอยู่ภายใต้การดูแลของมังกรเพลิงโซเบล'  เจ้าค่ะ”

    ไกอัสนึกภาพตามและนึกย้อนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตตามคำบอกเล่าของเรยา จนเขาได้รู้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นมันเริ่มต้นขึ้นในวันที่เขานั้นอาสาที่จะออกไปหาอาหารให้กับเผ่าของตน ในวันที่เผ่ามังกรดำของเขาอดอยากถึงขีดสุดเหสมือนดวงดาวที่กำลังจะลาลับขอบฟ้า และมีเพียงตัวเขาเท่านั้นที่ยังยืนหยัดต่อสู้เพื่อปกป้องเผ่า และการที่เขาได้มาพบเจอกับโซเบลก็เปรียบเสมือนการมาเยือนของจิตวิญญาณแห่งธาตุที่เขานั้นอาสาจะเข้ามาช่วยแก้ไขสถานการณ์สงครามให้มันจบลงด้วยดี และทำให้เผ่ามังกรดำของเขารอดพ้นความทุกข์ยากที่กำลังเผชิญ 

    ส่วนสาเหตุจริงๆที่เรยายอมเชื่อใจเดลวาลินในการรวมเผ่าและไปอยู่ภายใต้การปกครองของเขา ไม่ใช่เพราะเธอนั้นเชื่อว่าเดลวาลินเป็นมังกรเพลิงในตำนานที่เกิดจากพลังเทพธิดาไมอาร์ แต่เป็นเพราะเธอเชื่อในคำทำนายของเธอและเรยาเองก็เห็นว่าเดลวาลินนั้นดูมีความจริงใจผ่านแววตาที่เธอได้มองเข้าไปในแววตาของเขาก่อนหน้า และเธอแอบคิดว่าบางทีจอมเวทย์เมลินก็อาจจะรู้ว่ามังกรเพลิงโซเบลในตอนนี้เชื่อถือได้และมองอนาคตตรงส่วนนี้จากวิชาเวทย์พยากรณ์ที่เธอเชี่ยวชาญ จึงยอมถ่ายทอดวิชาเวทย์พยากรณ์ให้กับเธอ

    เมื่อไกอัสได้ยินดังนั้นเขาก็รู้สึกทึ่งและเคารพในความสามารถพยากรณ์ของเรยาเป็นอย่างมาก สมกับเป็นหัวหน้าเผ่ามังกรขาวที่มีความรอบรู้อย่างที่เผ่ามังกรขาวให้ความเคารพในฐานะหัวหน้าเผ่าจริงๆ ไกอัสจึงก้มหัวคำนับเพื่อแสดงความเคารพต่อเรยาจากใจจริง

    แต่มีอยู่เรื่องหนึ่งที่เรยาไม่ได้สังเกตุและไม่ได้รู้ตัวเลยนั่นก็คือ ภาพลักษณ์ของจอมเวทย์เมลินนั้นคับคล้ายคับคลาเหมือนเทพธิดาไมอาร์ในชุดจอมเวทย์ผู้สูงศักดิ์ก็ไม่ปาน โดยที่ด้านหลังที่พักของเรยานั้นมีรูปปั้นจอมเวทย์เมลินที่เรยาสร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นที่ระลึก มีลักษณะคล้ายเทพธิดาไมอาร์กำลังชูมือชี้นิ้วไปยังดวงดาวบนท้องฟ้าอยู่อย่างเห็นได้ชัด

    “ข้าเลื่อมใสในความสามารถของเจ้าจริงๆ สมแล้วที่เจ้าได้รับตำแหน่งเป็นหัวหน้าเผ่ามังกรขาว v v ”

    “ท่านไกอัสไม่ต้องถ่อมตัวขนาดนี้ก็ได้ ข้าก็แค่ตอบคำถามไปตามตรงในเรื่องที่ท่านอยากจะรู้ก็เท่านั้นเองเจ้าค่ะ”

    “เจ้านี่…ทั้งสวย งดงาม และมีความสามารถ…เหมาะที่จะมาเป็นว่าที่ภรรยาของข้าจริงๆนะ”

    เรยาสะดุ้งเฮือกอีกครั้งเมื่อถูกไกอัสเชยชมมาแบบนั้น ทำเอาเจ้าตัวเบี่ยงหน้าหนีไปทางอื่นด้วยความเขินอาย 

    ไกอัสที่เห็นว่าเรยากำลังมีท่าทีเขินเสมือนว่าอีกฝ่ายอีกเชื้อเชิญให้เขานั้นเข้าไปใกล้นางให้มากกว่านี้ ด้วยสัญชาตญานสุภาพบุรุษ เขาจึงเขยิบเข้าไปใกล้ๆเรยาพร้อมกับเข้าไปโอบกอดเธออย่างทะนุทะนอม ทำเอาอีกฝ่ายสะดุ้งโหย่งพร้อมกับอาการหน้าแดงมากกว่าเดิม

    “ท…ท่านไกอัสจะทำอะไรน่ะเจ้าคะ 0///0 ?! ”

    “ให้ข้าได้ปลอบโยนเจ้าเถอะนะเรยา หากเจ้าต้องการใครสักคนคอยอยู่เคียงข้างเจ้าไม่ว่าจะยามทุกข์หรือยามสุข ข้าไกอัสผู้นี้จะเป็นคนผู้นั้นที่เจ้าต้องการให้เอง”

    ไกอัสพูดจาหว่านล้อมเรยาด้วยน้ำเสียงที่สุภาพอ่อนโยน ทำให้เรยาที่เป็นมังกรสาวโดดเดี่ยวถึงกับใจสั่นสะท้านด้วยความอ่อนไหว และดูเหมือนทั้งสองจะเริ่มเปิดใจเข้าหากันและกันมากขึ้นแล้ว ไกอัสสวมกอดเรยาพร้อมกับใช้ปีกของเขาโอบร่างที่บอบบางไร้เกล็ดของเธอมาไว้ข้างกายอย่างอบอุ่น ทำให้เรยาสัมผัสได้ถึงร่างกายที่แข็งแกร่งด้างแต่อบอุ่นของไกอัสได้อย่างชัดเจนหางของทั้งสองพันเข้าหากันอย่างกลมเกลียว จนในที่สุดทั้งสองคนก็ได้ใช้เวลาอยู่ร่วมกันภายในวิหารที่เงียบสงบตามลำพังอย่างมีความสุข

    .

    .

    .

    .

    ตัดภาพมายังฝั่งของเดลวาลินและกลุ่มของเซอร์ริว 

    เดลวาลินเดินกลับออกมาจากวิหารเพื่อมาหากลุ่มของเซอร์ริวที่กำลังรอเขาอยู่ที่กระท่อมที่พักอยู่ด้านนอก ซึ่งเวลาเดียวกันนี้เองสเตลร่ากับแรนแซคก็ยืนกอดอกรอเขาอยู่ก่อนแล้ว

    “ทุกอย่างเรียบร้อยดีใช่มั้ย ? ”

    “ใช่ ตอนนี้การเจรจาผ่านพ้นไปได้ด้วยดี หัวหน้าเผ่ามังกรขาวก็ยอมที่จะลงตราประทับแล้วเรียบร้อย เป็นอันว่าสงครามระหว่างเผ่ามังกรขาวกับมังกรดำเป็นอันสิ้นสุด โดยเผ่ามังกรขาวเป็นฝ่ายชนะ"

    สเตลร่าที่ได้ยินอย่างนั้นเธอก็ยิ้มพยักหน้าเบาๆด้วยความยินดี ส่วนแรนแซคเองก็แสดงความยินดีในเรื่องนี้เช่นกัน

    “ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ดีแล้วล่ะขอรับ เพราะหลังจากนี้ไปมังกรทั้งสองเผ่าก็ไม่ต้องมาเข่นฆ่ากันอีก และเผ่ามังกรดำก็น่าจะได้รับบทเรียนราคาแพงไปแล้ว”

    “ฉันก็คิดอย่างงั้น หวังว่าพวกเขาจะไม่คิดว่าตัวเองเป็นมังกรระดับสูงที่แข็งแกร่งจนไประรานคนอื่นอีก”

    “ถ้าอย่างงั้น ข้าจะลงดูความเรียบร้อยที่หมู่บ้านเบื้องล่างก่อน ว่ามีอะไรพอจะกอบกู้ซากได้บ้าง แล้วเจอกันนะท่านโซเบล”

    หลังจากนั้นแรนแซคก็ขอแยกตัวบินลงไปที่เนินเขาปล่อยให้เดลวาลินกับสเตลร่าอยู่กันตามลำพังสองคน และในเวลาเดียวกันนี้เองก็ถึงเวลาที่เดลวาลินจะทวงสัญญาจากสเตลร่า

    “เอาล่ะ! ฉันทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจากเธอตรงส่วนนี้เสร็จแล้ว ไหนหนังสือการ์ตูนเรื่องโปรดที่เธอสัญญาว่าจะให้ฉันอ่าน \^w^/ ”

    “ยังจำได้อีกหรอเนี่ย นายนี่เป็นพวกย้ำคิดย้ำทำสินะ =~= ” 

    พูดจบสเตลร่าก็ยอมมอบหนังสือการ์ตูนเล่มล่าสุดที่เธอแอบไปจิกมาจากโลกเก่าที่เดลวาลินเคยอาศัยอยู่ให้เขาไปแต่โดยดี ก่อนที่เดลวาลินจะออกอาการดีใจจนกระโดดโล้ดเต้นไปมา ทำเอาเสียภาพลักษณ์ร่างจำแลงมังกรเพลิงในตำนานไปจนหมด ส่วนสเตลร่าก็ถึงกับยืนกุมขมับ

    “ในที่สุด!! ฉันก็ได้อ่านหนังสือการ์ตูนที่ฉันชอบเสียที หลังจากที่ฉันไม่ได้โอกาสได้อ่านมันเมื่อชาติที่แล้ว~!! \^o^/ ”

    เดลวาลินชูหนังสือการ์ตูนเรื่องโปรดขึ้นเหนือหัวราวกับบูชามันเป็นสิ่งล้ำค่า

    “เฮ้อออ ให้มันได้อย่างี้สิ v-v ”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×