คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #19 : ตอนที่ 18: ลางมรณะแห่งความมืด
ความเดิมจากตอนที่แล้ว
ในระหว่างที่ตัวแทนฝ่ายมังกรขาวกำลังจะลงนามตราประทับเลือดมังกรเพื่อยุติสงครามอย่างเป็นทางการ จู่ๆ ซิฟน็อคมังกรดำที่ไม่ต้องการให้มีการเจรจาสงบศึก เขาก็ได้นำกองทัพมังกรดำของเขาแอบสะกดรอยตามกลุ่มของเดลวาลินจนมาเจอหมู่บ้านหลักของเผ่ามังกรขาวในที่สุด ก่อนที่เขาจะเปิดฉากโจมตีเพื่อล้างบางศูนย์กลางอำนาจของเผ่ามังกรขาวให้สิ้นซาก ซึ่งผิดกับวัตถุประสงค์ของกลุ่มเดลวาลินที่ต้องการสงบศึกโดยสันติ
“เจ้าซิฟน็อค ทำเรื่องไม่เป็นเรื่องเสียแล่้วขอรับ!”
“เข้ามาป่วนในเวลาแบบนี้ แผนที่พวกเราวางมาทั้งหมดมันก็ล่มน่ะสิ”
เดลวาลินยืนกำหมัดและตำหนิในการกระทำที่ดูโง่เขลาของซิฟน็อค ก่อนที่ไกอัสจะเสนอตัวเข้าไปหยุดซิฟน็อคและเหล่ามังกรดำที่กำลังโจมตีหมู่บ้าน สโนว์บรอน ดรากูน เพราะเขานั้นยังไม่อยากจะทำร้ายมังกรเผ่าเดียวกัน
“ท่านเดลวาลิน ให้ข้าออกจัดการเรื่องนี้เองเถอะขอรับ! ข้ากับซิฟน็อคเป็นสหายกันมานาน ข้าคิดว่าข้าอาจจะกล่อมให้พวกเขาเลิกโจมตีหมู่บ้านของเผ่ามังกรขาวได้”
เดลวาลินหันมาพยักหน้าให้ไกอัสเป็นการส่งสัญญานให้อนุญาติ ก่อนที่ไกอัสจะแปลงร่างคืนเป็นมังกรดำดังเดิมแล้วบินมุ่งหน้าเข้าไประงับเหตุในทันที
ไกอัสบินมุ่งหน้าไปหาซิฟน็อคที่กำลังบินเผาทำลายบ้านและรังของเผ่ามังกรขาวอย่างบ้าคลั่ง พร้อมกับจัดการพวกมังกรขาวที่ตัวเล็กกว่าล้มตายไปเป็นจำนวนมาก ก่อนที่ไกอัสจะรีบบินเข้ามาขวางด้านหน้าซิฟน็อคเอาไว้
“ไกอัส เจ้าเองรึ ?!”
“หยุดได้แล้วซิฟน็อค เจ้ารู้ตัวรึเปล่าว่าเจ้ากำลังทำอะไรอยู่ !? ”
“ฮ่ะ! รู้สิ ข้ากำลังทำให้เผ่าของพวกเรากลับมาได้เปรียบในสงครามยังไงล่ะ ตอนนี้ข้ารู้แล้วว่าตำแหน่งที่ตั้งของหมู่บ้านพวกมังกรขาวอยู่ที่นี่และข้าเชื่อว่าหัวหน้าเผ่าของพวกมันก็ต้องซ่อนตัวอยู่ที่ใดสักแห่งในหมู่บ้านแห่งนี้อย่างแน่นอน”
“สงครามมันจบแล้วเจ้าได้ยินมั้ย ไม่ต้องมีมังกรตัวใดต้องตายอีกแล้ว เจ้าและคนของเจ้ากลับไปซะ! พวกเรายอมรับความพ่ายแพ้แต่โดยดีแล้ว!!”
ซิฟน็อคไม่ได้ตอบอะไร ก่อนที่เขาจะหันไปมองเดลวาลินตัวตนเหตุที่เขาอยากจะกำจัดให้ได้แต่ไม่ใช่ในตอนนี้
“ชิ! ไม่นึกเลยว่าเจ้าจะก้มหัวยอมทำตามคำสั่งของพวกมนุษย์ถึงขนาดนี้ เจ้าเองก็เหมือนกับพวกผู้อาวุโสและก็ท่านเกรย์ออลนั่นแหละ ยอมทิ้งศักดิ์ศรีและความภาคภูมิใจในความยิ่งใหญ่ของเผ่ามังกรดำของพวกเราไปจนหมด!!”
ไกอัสที่ถูกซิฟน็อคต่อว่ากลับมาแบบนี้ เขาก็ไม่ปฏิเสธที่จะแก้ต่างหรือหาคำพูดสวยหรูใดๆมาแย้ง เพราะตอนนี้ตัวเขาเองก็สัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงในตัวเขา
“เจ้าพูดถูก…ข้าน่ะทิ้งศักดิ์ศรีและความภาคภูมิใจของเผ่ามังกรดำที่ข้ายึดถือมาตลอดไปจนหมด ข้าควรจะสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กันไปจนถึงวาระสุดท้าย แต่ข้ากลับทิ้งเจ้าให้สู้เบื้องหน้าเพียงลำพัง เรื่องนี้มีเพียงข้าผู้เดียวเท่านั้นที่เข้าใจความรู้สึกของเจ้า”
ซิฟน็อคเหมือนจะเคลิ้มในคำพูดของไกอัส แต่สุดท้ายด้วยความทะเยอะทะยานที่เป็นไขว่คว้าชัยชนะเขามาไกลเกินกว่าจะยอมถอยกลับแล้ว
“เลิกคุยกันเรื่องนี้ดีกว่า บอกข้ามาไกอัสว่าเจ้าจะมา เข้าร่วมกับข้า หรือ เจ้าจะเป็นศัตรูกับข้า”
ไกอัสหันไปมองเดลวาลินนายเหนือหัวของเขา ก่อนจะหันกลับมามองซิฟน็อคเหมือนเขารู้สึกสองจิตสองใจห่วงในความสัมพันธ์ของทั้งสองฝ่าย แต่ด้วยคำสัตย์สาบานที่เคยให้ไว้กับเดลวาลินมันก็ทำให้เขาตัดสินใจแล้วว่า
“ข้า…จะต่อสู้เพื่อท่านเดลวาลินและข้าจะไม่ยอมให้เจ้าทำลายหมู่บ้านแห่งนี้โดยเด็ดขาด”
เมื่อซิฟน็อคได้รับคำตอบยืนยันเสียงหนักแน่นจากปากไกอัสแบบนี้ เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องสู้กันให้ตายไปข้าง เพราะหากเขายังมีชีวิตอยู่สงครามระหว่างเผ่ามังกรขาวและมังกรดำจะไม่มีวันจบลง และเขาก็จะทำทุกอย่างเพื่อให้เผ่ามังกรขาวพินาศ
เมื่อสองมังกรดำเพื่อนซี้คุยกันไม่ลงรอย การต่อสู้ของทั้งสองจึงต้องบังเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้งสองตัดสินใจพ่นลมหายใจมังกรทมิฬโจมตีใส่กัน และด้วยไหวพริบของทั้งสองที่สูงพอๆกันทำให้พลังเวทย์ของทั้งสองปะทะเข้าหากันอย่างรุนแรงโดยไม่มีฝ่ายใดได้รับความเสียหาย แรงระเบิดที่เกิดขึ้นนั้นรุนแรงมากจนเกิดคลื่นอัดอากาศกวาดล้างสิ่งปลูกสร้างและเศษซากต่างๆที่อยู่ในรัศมี 30 เมตรปลิวหายไปเหมือนใบไม้
แต่ซิฟน็อคก็อาศัยจังหวะที่ไกอัสกำลังชะล่าใจบินพุ่งเข้ามาก่อนจะใช้หางที่มีขนาดใหญ่ฟาดใส่ร่างของเขาจนลอยกระเด็นไปอัดกับเนินเขาอย่างรุนแรง ก่อนจะตามมาซ้ำด้วยลมหายใจมังกรทมิฬพ่นมาโจมตีเขาซ้ำอีกรอบ แต่ไกอัสก็ยกปีกของเขาขึ้นมาป้องกันเอาไว้ได้ทันพร้อมกับร่ายเวทย์ ปีกโล่มังกรทมิฬ เสริมพลังป้องกันการโจมตีทางเวทย์มนต์อีกชั้น ทำให้เขารอดพ้นการโจมตีของซิฟน็อคมาได้อย่างหวุดหวิด
ถึงแม้ไกอัสจะรอดจากการโจมตีแบบฉาบฉวยและป้องกันการโจมตีถึงตายของซิฟน็อคมาได้ แต่การโจมตีเมื่อครู่ก็สร้างความเสียหายให้กับปีกของเขาไปพอสมควรทำให้ตอนนี้ เขาไม่สามารถบินได้อย่างอิสระดั่งที่ใจหวังได้และทำได้เพียงบินกึ่งร่อนไปตามพื้นราบเท่านั้น และตอนนี้เขาเริ่มตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบให้กับซิฟน็อคเสียแล้ว
ส่วนทางฝั่งของเดลวาลินในตอนนี้นั้นเขาก็ได้ร่วมมือกับแรนแซคในการจัดการมังกรดำลูกน้องของซิฟน็อคที่กำลังจู่โจมหมู่บ้านอยู่ โดยเดลวาลินนั้นพยายามที่จะไม่เผยพลังมังกรเพลิงของเขาให้ใครเห็นมากจนเกินไป ทำให้แรนแซคที่พยายามช่วยเหลือมังกรขาวเด็กและผู้หญิงหนีไปยังทีี่หลบภัยสงสัยว่าทำไมเดลวาลินไม่กลายร่างเป็นมังกรเพลิงแล้วมาช่วยพวกตนกำจัดมังกรดำพวกนี้
“ท่านมัวทำอะไรอยู่ ทำไมท่านถึงไม่คืนร่างเป็นมังกรเพลิงแล้วมาจัดการพวกมังกรดำพวกนี้ล่ะ”
ฟรู้มมมม!! ตู้มมมม!!!
เดลวาลินใช้ดาบมังกรเพลิงปล่อยคลื่นพลังเวทย์เปลวเพลิงที่รุนแรงฟาดใส่ฝูงมังกรดำที่กำลังบุกเข้ามาจากอีกทาง จนพวกมังกรดำเหล่านั้นกระเด็นออกไปและหมดสภาพในการต่อสู้ ก่อนที่เขาจะหันกลับมาตอบแรนแซคว่า
“ถ้าฉันใช้ร่างที่แท้จริง มีหวังพวกนายแตกตื่นกันพอดี”
“ท่านว่าไงนะ?”
ยังไม่ทันที่แรนแซคจะได้รับคำตอบที่ชัดเจน จู่ๆ เขาก็สัมผัสถึงภัยอันตรายที่มาจากบนฟ้า ก่อนจะเห็นกลุ่มมังกรดำกลุ่มหนึ่งกำลังเตรียมพ่นลมหายใจมังกรทมิฬโจมตีมาที่เขามากถึง 7 ตัว
“ตายซะพวกแก !!! ”
โคร้มมมม!!!!
พวกมังกรดำพ่นลมหายใจมังกรทมิฬที่ชาร์จจนสุดโจมตีใส่มาที่แรนแซคเพื่อหวังจะจัดการเขาไปพร้อมกับเดลวาลิน แต่ทว่าแรนแซคก็ได้ร่ายเวทย์ ‘โล่มังกรขาว’ เสกโล่หัวมังกรขาวสีขาวขนาดใหญ่ขึ้นมาปกป้องตัวเขารอบทิศทาง พร้อมกับสะท้อนพลังเวทย์บางส่วนกลับไปหาเจ้าของที่โจมตีมา ทำให้พลังเวทย์บางส่วนที่พวกมังกรดำพ่นออกมาโจมตีแรนแวคถูกสะท้อนกลับไปหาพวกมัน จนทำให้พวกมันได้รับบาดเจ็บและเสียอาการ
เมื่อได้โอกาสแรนแซคก็ได้พ่นลมหายใจเยือกแข็งทำการแช่แข็งพวกมังกรดำกลุ่มนั้น ก่อนที่ร่างกายของพวกมังกรดำจะถูกแช่แข็งสนิท เปิดโอกาสให้แรนแซคพุ่งเข้าไปใช้หางฟาดก้อนน้ำแข็งที่มีร่างมังกรดำจนแตกเป็นเสี่ยงๆ
“บาดเจ็บตรงไหนรึเปล่า”
“อืม แค่นี้สบายมาก พวกมังกรดำระดับล่างๆพวกนี้ข้าต่อให้ยกโขยงกันมาเป็นร้อยตัวก็ยังได้”
“งั้นหรอ”
แรนแซคยืนมองเดลวาลินอยู่สักพักก่อนที่เขาจะพูดขึ้นมา
“ท่านโซเบล เหตุใดท่านถึงต้องปิดบังตัวตนและพลังที่แท้จริงเช่นนี้ด้วย”
“เรื่องมันซับซ้อน นายไม่เข้าใจหรอก”
แรนแซคที่เห็นว่าเดลวาลินตอบแบบบ่ายเบี่ยงก็ยิ่งทำให้เขาไม่เข้าใจ เขาจึงขยับเข้ามายืนอยู่ตรงหน้าเดลวาลินเพื่อขอความชัดเจน
“ท่านเป็นถึงมังกรธาตุในตำนาน หนึ่งในสี่มังกรธาตุโบราณบรรพกาลที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก ท่านควรจะใช้พลังที่ท่านมีช่วยเหลือพวกข้าในการปกป้องหมู่บ้านแห่งนี้ไม่ใช่รึ”
“มันก็จริงที่ฉันควรทำแบบนั้น แต่ฉันเกรงว่าการปรากฏตัวของมังกรเพลิงในตำนานโซเบลอาจจะไม่ปลอดภัยสำหรับพวกนายและก็เพื่อนๆของฉัน”
“หมายความว่ายังไงที่ท่านกล่าวมา ? ”
“ถ้านายเคยได้ยินตำนานเรื่องเล่าของฉันมาล่ะก็ นายก็น่าจะรู้ดีว่าพลังเวทย์ของฉันมันรุนแรงและทรงพลังมากแค่ไหน แค่ฉันใช้พลังเวทย์แค่เศษเสี้ยวของพลังเวทย์ทั้งหมดก็สามารถกวาดล้างพื้นที่รอบๆนี้ไปได้หลายกิโลเมตรเลยนะ”
แรนแซคได้ยินแบบนั้นเขาก็นึกภาพตามก่อนจะเข้าใจว่าคำพูดของเดลวาลินที่กล่าวมาฟังดูก็มีเหตุผล แต่อย่างน้อยการที่มังกรเพลิงโซเบลมาปรากฏตัวที่นี่ก็อาจจะสร้างความหวาดกลัวทางจิตวิทยาให้กับพวกมังกรดำที่โจมตีหมู่บ้านแห่งนี้ได้ แต่เดลวาลินก็ยังคงปฏิเสธที่จะใช้ร่างจริงของเขาเหมือนเดิม เพราะเขานั้นไม่อยากให้มังกรขาวทุกตัวในที่แห่งนี้มองว่าเขาเป็นมังกรปีศาจที่จะมาทำร้ายพวกเขา และสถานการณ์อาจจะแย่ลงกว่าเดิมได้
ตัดภาพกลับมาที่การต่อสู้ของไกอัสกับซิฟน็อค
ในเวลานี้ไกอัสกำลังพยายามบินหนีเพื่อหาจังหวะในการลอบโจมตีซิฟน็อค เนื่องจากในตอนนี้ซิฟน็อคกำลังบินไล่กวดเขามาติดๆ และไกอัสต้องเปลี่ยนมาใช้ร่างมนุษย์เพื่อให้เขาสามารถหลบหลีกเข้าสิ่งปลูกสร้างเพื่อซ่อนตัวได้ง่ายขึ้น แต่นั่นก็หมายความว่าเขานั้นก็ต้องเสี่ยงที่จะได้รับความเสียหายจากพลังเวทย์ของซิฟน็อคมากขึ้น เขาจึงร่ายเวทย์บัฟตราประทับมังกรดำใส่กับตัวเอง เผื่ออย่างน้อยจะช่วยลดทอนความเสียหายที่เกิดจากพลังเวทย์มังกรดำด้วยกันเองได้ในระดับหนึ่ง
“ออกมาซะไกอัส!! ถ้าหากเจ้าไม่ยอมโผล่หัวออกมาล่ะก็ ข้าจะทำลายหมู่บ้านแห่งนี้ให้ราบ!!!”
ซิฟน็อคพยายามตะโกนเรียกให้ไกอัสโผล่มาเผชิญหน้ากับเขา ในตอนนี้ไกอัสร่างกายบอบช้ำจากการต่อสู้มาพอสมควร ทำให้เขาต้องหาทางทำอะไรสักอย่างเพื่อแก้สถานการณ์ในครั้งนี้
แต่จนแล้วจนรอดไกอัสก็ไม่ยอมออกไปแสดงตัว ทำให้ซิฟน็อคหมดความอดทน เขาจึงเริ่มทำการพ่นลมหายใจมังกรทมิฬทำลายหมู่บ้านไปทีละส่วนเพื่อบีบบังคับให้ไกอัสแสดงตัว ไกอัสพยายามซุ่มรอให้ซิฟน็อคใช้พลังเวทย์กลางของเขาจนหมด เพราะเขารู้ดีว่านิสัยของซิฟน็อคเป็นพวกใจร้อนและทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลังให้ดี การยั่วยุให้เขาใช้พลังเวทย์ไปเรื่อยๆจะช่วยลดทอนความสามารถของเขาลงได้มาก
ไกอัสอดทนรอจนถึงวินาทีสุดท้าย ก่อนที่สัญญานแรกจะปรากฏเมื่อซิฟน็อคนั้นหยุดร่ายเวทย์เนื่องจากอีกฝ่ายเริ่มสัมผัสได้ว่าพลังเวทย์กลางของตนกำลังจะหมดต้องรอเวลาชาร์จใหม่สักพักถึงจะสามารถใช้พลังเวทย์ต่อได้ และนั่นเองที่ไกอัสจำแลงร่างเป็นมังกรดำร่างที่แท้จริงอีกครั้ง ก่อนจะกระพือปีกบินพุ่งทะยานขึ้นไปหาซิฟน็อคด้วยแรงทั้งหมดที่มีเพื่อที่เขาจะเข้าไปคว้าตัวซิฟน็อคกลางอากาศ แล้วเขาก็ร่ายเวทย์ลมหายใจมังกรทมิฬโจมตีใส่ซิฟน็อคในระยะเผาขน
ตู้มมม!!!!!
แรงระเบิดได้ซัดร่างของทั้งคู่กระเด็นไปคนละทาง ต่างฝ่ายต่างได้รับบาดเจ็บสาหัส ซิฟน็อคในตอนนี้ได้รับบาดเจ็บที่ส่วนหัวพร้อมกับเขามังกรบนศีษระด้านขวาที่แตกหักจากแรงระเบิดเมื่อครู่ ส่วนไกอัสนั้นเขาก็ได้รับบาดเจ็บที่ปีกจนตอนนี้แทบจะบินต่อไม่ไหว แต่ดูเหมือนซิฟน็อคจะยังมีแรงเหลืออยู่เขาจึงค่อยๆลุกขึ้นแล้วเดินตรงเข้ามาหาไกอัสอย่างช้าๆด้วยร่างกายที่บอบช้ำ
“พยายามได้ดีนิ…ล่อให้ข้าใช้พลังเวทย์จนหมด…แล้วใช้โอกาสนั้นเล่นงานข้าในจังหวะที่ข้ามีพลังเวทย์ตอบโต้เจ้าไม่พอ…สมแล้วที่เราเป็นสหายกันรู้จักกันมานาน…”
ซิฟน็อคเดินเข้ามาใกล้ไกอัสมากขึ้นเรื่อยๆ ก่อนที่เขาจะใช้อุ้งมือเหยียบไปที่กลางอกของไกอัสที่นอนแผ่อยู่บนพื้น
“แต่ว่า…ข้าน่ะแข็งแกร่งกว่าเจ้าเสมอ และตอนนี้ก็ถึงเวลาที่เราจะต้องลาจากกันแล้ว”
“เจ้าไม่ควรทำเช่นนี้ซิฟน็อค…”
“ข้าควรทำเช่นนี้แหละ…และหลังจากที่ข้าจัดการเจ้าแล้ว ข้าจะไปจัดการเจ้ามนุษย์นั่นและก็พวกอาวุโสที่อยู่ที่เผ่าให้หมด….แล้วข้า..จะฟื้นฟูระบบภายในใหม่ทั้งหมด เผ่ามังกรดำจะต้องไม่มีมังกรดำตัวใดแสดงความอ่อนแอและต้องทำทุกอย่างเพื่ออำนาจเท่านั้น…!”
ไกอัสถึงกับไม่เชื่อหูตัวเอง เมื่อซิฟน็อคต้องการจะฆ่าเกรย์ออลและมังกรผู้อาวุโสตัวอื่นๆที่อยู่ในเผ่าทั้งหมด โดยสิ่งที่ซิฟน็อคกำลังจะทำนั้นถือว่าเป็นข้อห้ามร้ายแรงของเผ่า เพราะการฆ่าพวกเดียวกันที่มีศักดิ์สูงกว่าระดับผู้นำนั้นจะถือว่าเป็นกบฏของเผ่าซึ่งมีโทษเพียงสองทางนั่นก็คือ ‘ตาย’ กับ ‘ถูกเนรเทศออกจากเผ่า’ แต่ดูเหมือนซิฟน็อคนั้นเตรียมใจที่จะรับผลที่ตามมาแล้ว
ซิฟน็อคเตรียมพร้อมที่จะจัดการไกอัส ส่วนไกอัสก็พยายามดิ้นรนขัดขืนเป็นครั้งสุดท้าย แต่ด้วยร่างกายของซิฟน็อคที่กำยำกว่า ทำให้ไกอัสไม่สามารถสลัดอีกฝ่ายให้หลุดได้ จนเขาเริ่มหมดแรงบวกกับร่างกายที่อ่อนแอจากอาการบาดเจ็บ
เดลวาลินที่เห็นว่าไกอัสกำลังต้องการความช่วยเหลือ เขาจึงคิดจะเข้าไปช่วยแต่ว่าการจะทำให้เรื่องนี้มันจบลงโดยเร็ว เขาจะต้องยอมเผยร่างที่แท้จริงให้ปรากฏต่อหน้าซิฟน็อคแล้วใช้พลังของเขาข่มขวัญให้อีกฝ่ายยอมล่าถอยตามคำขอของแรนแซคก่อนหน้า บวกกับตอนนี้หมู่บ้านสโนว์บรอน ดรากูน ก็ได้รับความเสียหายอย่างหนักขืนปล่อยไว้สถานการณ์จะยิ่งแย่ลงกว่าเดิม เขาจึงตัดสินใจยอมทำตามที่แรนแซคร้องขอแต่เขามีข้อแม้ว่าเขานั้นจะไม่ใช้พลังเวทย์ฆ่าใครเพื่อความปลอดภัยจากความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นจากพลังเวทย์ของเขาเอง
อีกทั้งแรนแซคจะต้องเป็นกระบอกเสียงช่วยพูดคุยให้กับมังกรขาวตัวอื่นๆถึงเจตนาของเขาในการมาครั้งนี้ว่าเขานั้นไม่ใช่ศัตรูและไม่ได้ต้องการจะปองร้ายมังกรทุกตัวในเผ่า ซึ่งแรนแซคก็ตบปากรับคำและเมื่อเดลวาลินทำข้อตกลงกับแรนแซคแล้ว เขาก็รีบวิ่งไปหาไกอัสที่กำลังถูกซิฟน็อคเหยียบกดลงกับพื้น ก่อนจะมีประกายเพลิงลุกโชติช่วงรอบๆตัวเขาอย่างรุนแรง จนในที่สุดเขาก็กลายร่างเป็นมังกรเพลิงในตำนานโซเบลอีกครั้ง
ฟรู้มมมมมม!!!!
ซิฟน็อคสัมผัสได้ถึงความร้อนมหาศาลที่เข้ามาปะทะร่างกายของเขาจากทางขวามือ พร้อมกับแรงกดดันบางอย่างที่เขาไม่เคยสัมผัสมาก่อน แสงจากเปลวเพลิงที่ลุกโชติช่วงของโซเบลทำให้ซิฟน็อคต้องหันไปมองที่มาของแสงนั้น ก่อนที่เขาจะต้องตะลึงกับภาพที่เห็น เมื่อมีร่างมังกรสีแดงเพลิงขนาดใหญ่สูง 40 เมตร กำลังยืนจังก้าค่อมหัวเขาอยู่ไม่ไกล
“น…น…..นี่มัน…. 0 0 ??”
“ทะ…..ท่านเดลวาลิน…”
ซิฟน็อคถึงกับยืนตะลึงตาเบิกโพรงด้วยความตกใจสุดขีด เมื่อเขาเห็นร่างมังกรขนาดใหญ่ของเดลวาลินกำลังยืนสยายปีกที่มีลวดลายธารลาวาอยู่ต่อหน้าเขา อีกทั้งเขายังเห็นแกนกลางจิตวิญญานแห่งธาตุกำลังเปล่งแสงสว่างและแผ่ความร้อนออกมาอย่างน่ากลัว ทำเอาซิฟน็อคต้องถอยห่างออกมาจากไกอัสโดยไม่รู้ตัว
“ไสหัวไปจากที่นี่ซะ!!…ถ้านายยังอยากรักษาชีวิตตัวเองอยู่…!!!”
โซเบลเปล่งเสียงวาจาที่ดังกังวานและทรงพลังอย่างมากออกมาด้วยประโยคไม่กี่คำ แต่คำพูดเหล่านั้นกลับสร้างความหวาดหวั่นให้กับซิฟน็อคอย่างมากทำเอาอีกฝ่ายตั้งตัวไม่ติด
“นี่มัน…ม…มังกรเพลิง…น…ในตำนานโซเบล…ง….งั้นรึ 0 0 ??! ”
ในระหว่างที่โซเบลกำลังออกคำสั่งให้ซิฟน็อคและพวกเดินทางออกไปจากที่หมู่บ้านแห่งนี้ แรนแซคที่ยืนดูสถานการณ์อยู่ไกลๆเขากำลังตกอยู่ในภวังค์ ตะลึงตาค้างกับภาพที่น่าขนลุกตรงหน้า เขายืนจ้องมองร่างอันใหญ่โตของโซเบล พร้อมกับเห็นคลื่นพลังเวทย์เปลวเพลิงที่ลุกไหม้ตามร่างกายของเขาอย่างน่าเกรงขาม รวมถึงมังกรขาวตัวอื่นๆเองก็เห็นภาพนี้ในสายตาเดียวกันและไม่มีมังกรขาวตัวไหนกล้าออกมาจากที่ซ่อนแม้แต่ตัวเดียว
ส่วนกลุ่มของเซอร์ริวที่ถูกสเตลร่าพามายังจุดหลบภัยเฉพาะอยู่ในป่านอกหมู่บ้าน ก็สัมผัสถึงอะไรบางอย่างที่ไม่ชอบมาพากล พวกเขาเห็นแสงสีส้มเรืองๆส่องออกมาจากทางหมู่บ้าน แต่เนื่องจากป่าที่พวกเขาอยู่นั้นสูงใหญ่ทำให้พวกเขามองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ชัดเจนเท่าที่ควร
“นั่นมันแสงอะไรน่ะ”
“รู้สึกร้อนขึ้นมาแปลกๆยังไงชอบกลนะ”
เซอร์ริวและอลันบีพยายามจะออกไปดู แต่ก็ถูกสเตลร่าดึงตัวเอาไว้ เพราะไม่อยากให้ทั้งสองเห็นภาพที่ไม่ควรเห็น
“ไม่ต้องไปสนใจหรอก ก็แค่พวกมังกรเขาต่อสู้กันก็เท่านั้นแหละ”
“งั้นหรอ”
“แต่ฉันว่ามันแปลกๆนะ สู้กันอิท่าไหนถึงมีแสงสว่างส่องออกมาเรืองๆแบบนั้น”
ทั้งสองยังคงรั้นที่จะออกไปดู จนลอร่าต้องเข้ามาช่วยปรามอีกแรง
“เชื่อตามที่คุณสเตลร่าบอกเถอะค่ะ ตอนนี้พวกเราต้องหลบอยู่ที่นี่จนกว่าสถานการณ์ทุกอย่างที่นั่นจะสงบลงนะ”
เมื่อเซอร์ริวกับอลันบีถูกลอร่าขอร้องมาแบบนี้ ทั้งคู่จึงล้มเลิกความตั้งใจที่จะออกไปดูก่นอจะกลับมานั่งลงที่ที่ของตัวเองอีกครั้ง
.
.
.
.
.
ตัดภาพกลับมาที่หมู่บ้าน สโนว์บรอน ดรากูน
บัดนี้โซเบลได้ออกคำสั่งอย่างหนักแน่นให้ซิฟน็อคและเหล่ามังกรดำตัวอื่นๆที่เหลือรอดให้รีบไปจากที่หมู่บ้านแห่งนี้ และด้วยความน่าเกรงขามและทรงพลังจากตำนานเรื่องเล่าที่พวกเขานได้ยินมา ทำให้ซิฟน็อคต้องยอมล่าถอยกลับไปแต่โดยดี แม้ว่าในใจเขานั้นจะกล้ำกลืนฝืนทนมากแค่ไหนก็ตาม สุดท้ายโซเบลก็สามารถช่วยหมู่บ้านมังกรขาวแห่งนี้เอาไว้ได้สำเร็จ
เมื่อภัยอันตรายผ่านพ้นไปแล้วโซเบลก็รีบเข้ามาดูอาการของไกอัสในทันที ก่อนจะพบว่าไกอัสในตอนนี้ได้รับบาดเจ็บมากพอสมควร เขาจึงแบ่งพลังเวทย์เพลิงเยียวยาจากจิตวิญญาณแห่งธาตุบริเวณหน้าอกของเขาถ่ายทอดไปที่ร่างของไกอัสเพื่อทำการรักษาบาดแผลจนหายเป็นปลิดทิ้ง
“ไม่เป็นไรแล้วใช่มั้ย”
“ข้าน้อยไกอัสผู้นี้…ต้องขอบคุณท่านโซเบลเป็นอย่างยิ่งจริงๆขอรับ ที่ช่วยรักษาบาดแผลให้กับข้าน้อยขอรับ v v ”
ไกอัสก้มหัวคำนับลงต่อหน้าโซเบลอย่างนอบน้อม
“นายไม่เป็นไรฉันก็สบายใจแล้วล่ะ”
“ข้าน้อยต้องขอประทานโทษจากท่านโซเบลเป็นอย่างยิ่ง…ที่ข้าน้อยไม่อาจจะทำภารกิจที่ท่านโซเบลมอบหมายมาให้ข้าน้อยได้สำเร็จลุล่วง….ทักษะของข้าน้อยผู้นี้ยังอ่อนหัดอยู่มากนักขอรับ”
“ถ้าเกิดรู้ตัวว่าตัวเองยังอ่อนแอและไร้ความสามารถที่จะทำหน้าที่ของตัวเองให้สำเร็จลุล่วง ก็จดจำความผิดพลาดในครั้งนี้เอาไว้แล้วฝึกฝนตัวเองให้แข็งแกร่งมากขึ้นก็เดิมเพื่อไม่ให้พลาดอีกซ้ำสองก็แล้วกัน”
“ขอรับ…ข้าน้อยจะจดจำคำพูดนี้ของท่านโซเบลเอาไว้ขอรับ”
เมื่อสถานการณ์ทุกอย่างคลี่คลายลง โซเบลก็จำแลงร่างกลับเป็นมนุษย์ที่ชื่อเดลวาลินเหมือนเดิม พร้อมกับแรนแซคและเหล่ามังกรขาวตัวอื่นๆต่างพากันเดินเข้ามารายล้อมรอบตัวทั้งสองคน
“ท่านคือมังกรเพลิงปีศาจในตำนานโซเบลจริงๆด้วย ไม่คิดเลยว่าจะได้พบกับมังกรเพลิงที่ทำลายล้างอารยธรรมอยู่ที่นี่จริงๆ”
แรนแซคพูดขึ้นมาพร้อมกับอาการช็อคที่ยังไม่หายสนิท
“ตอนนี้ฉันได้ขับไล่พวกของซิฟน็อคไปแล้ว ที่นี้พวกนายจะเอายังไงต่อล่ะ”
เหล่ามังกรขาวต่างยืนคุยกันระงมทั้งเรื่องที่พวกเขาได้เจอกับมังกรเพลิงโซเบล ทั้งได้รู้ตัวจริงของเดลวาลิน รวมไปถึงถูกช่วยเหลือจากมังกรเพลิงปีศาจที่ใครๆต่างก็หวาดกลัว แต่ตัวแทนเผ่ามังกรขาวก็ออกความเห็นให้ขับไล่เดลวาลินออกไปจากที่นี่ เพราะพวกเขาไม่เชื่อใจเดลวาลินในฐานะมังกรเพลิงปีศาจที่ชั่วร้ายยิ่งกว่าเผ่ามังกรดำที่พวกเขาเกลียด
แต่แรนแซคที่เปรียบเสมือนเป็นนักรบหัวหอกของเผ่าก็พยายามบอกให้มังกรขาวทุกตัวอยู่ในความสงบ เพราะเขาเห็นว่าโซเบลนั้นได้ช่วยให้พวกเขารอดพ้นจากการโจมตีของซิฟน็อคมาได้อย่างชะงัก และโซเบลก็ไม่ได้มีแนวโน้มว่าจะทำร้ายพวกตน ทำให้แรนแซคขอเป็นสื่อกลางในการใกล่เกลี่ยระหว่างทั้งสองฝ่าย ตามคำสัญญาที่ให้ไว้กับเดลวาลินก่อนหน้า
“เอาล่ะๆ ในเมื่อเจ้าช่วยเหลือหมู่บ้านของพวกข้าเอาไว้ พวกข้าก็ขอขอบใจในน้ำใจของเจ้าตรงส่วนนั้นด้วย”
มังกรขาวหนึ่งในกลุ่มตัวแทนผู้อาวุโสพูดขึ้นมา
“ถ้าพวกนายเข้าใจแบบนั้นก็ดีแล้ว ว่าแต่เรื่องการทำข้อตกลงสงบศึกล่ะ”
“เรื่องนั้นพวกเราคงต้องเลื่อนออกไปก่อน จนกว่าพวกเราจะหาข้อตกลงกับท่านผู้อาวุโสของพวกเราเสียก่อน”
“ถ้าแบบนั้นก็แสดงว่าการเจรจาในครั้งนี้ก็เป็นอันล้มเหลวสินะ”
“ก็คงงั้น แต่พวกข้าไม่โทษพวกเจ้าหรอก เพราะสงครามยังไม่จบอะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น”
“ว่าแต่…เจ้าซิฟน็อคมันหาตำแหน่งที่ตั้งหมู่บ้านของพวกเราพบได้อย่างไร”
แรนแซคถามขึ้นมา ก่อนที่ไกอัสจะตอบ
“ถ้าให้ข้าเดา เขาน่าจะแอบสะกดรอยตามพวกเรามาจากหมู่บ้านแคลิดมาตั้งแต่ตอนนั้นแล้วล่ะ”
“มีแบบนี้ด้วยงั้นรึ แอบสะกดรอยตามคณะทูตเพื่อมาเปิดฉากโจมตีพวกเราอย่างงั้นหรอ ? ”
“ข้าว่าเรื่องนี้ท่านผู้อาวุโสและท่านเกรย์ออลไม่น่าจะมีส่วนรู้เห็นในเรื่องนี้ และข้าก็มีเรื่องที่ต้องรีบไปรายงานท่านเกรย์ออลให้ทราบเรื่องที่ซิฟน็อคต้องการจะเป็นกบฏ”
เมื่อแรนแซคและบรรดามังกรขาวได้ยินแบบนั้นพวกเขาก็ต่างพากันตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน
“เมื่อกี้เจ้าว่าอะไรนะ ซิฟน็อคคนของเจ้าคิดจะกบฏต่อเผ่าตนเองงั้นรึ ? ”
ไกอัสพยักหน้ายืนยันในสิ่งที่แรนแซคกล่าวมา
ดูเหมือนว่าการเดินทางมาเจรจาเพื่อยุติสงครามจะล้มเหลวไม่เป็นท่า เนื่องจากการบุกโจมตีสายฟ้าแลบของซิฟน็อค ทำให้เหล่าบรรดาตัวแทนผู้อาวุโสของเผ่ามังกรขาวตัดสินใจเปลี่ยนสถานที่ในการทำข้อตกลงเจรจาสงบศึกใหม่ โดยพวกเขาได้พากลุ่มของเดลวาลินขึ้นไปที่หมู่บ้านที่ตั้งอยู่บนยอดภูเขาหิมะ เพื่อไปพบกับหัวหน้าเผ่ามังกรขาวโดยตรง เพราะในเวลานี้การทำสัญญาสงบศึกต้องดำเนินการให้เร็วที่สุด
และแล้วกลุ่มของเดลวาลินก็ถูกพาขึ้นมายังโซนบนยอดภูเขาหิมะที่มีวิหารมังกรขาวตั้งอยู่ ซึ่งพื้นที่โซนนี้มีพายุหิมะพัดอยู่ตลอดเวลา ซึ่งระหว่างทางกลุ่มของเซอร์ริวก็ถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นแต่เดลวาลินก็บอกปัดๆไปทำให้ทุกคนไม่ได้รู้เรื่องว่าเขานั้นคืนร่างเป็นมังกรเพลิงโซเบล
แรนแซคและบรรดามังกรอาวุโสได้พากลุ่มของเดลวาลินมายังส่วนด้านในของวิหาร และอนุญาติให้เฉพาะไกอัสกับเดลวาลินเข้าพบกับหัวหน้าเผ่าตามลำพังเท่านั้น ส่วนคนอื่นที่เหลือต้องรออยู่ด้านนอกในที่พักที่จัดเตรียมเอาไว้ให้เฉพาะหน้า โดยคราวนี้เดลวาลินได้มอบหมายหน้าที่ตัวแทนสื่อกลางในการเจรจาแทนเขา
“ท่านทั้งสองโปรดรออยู่ตรงนี้สักครู่ ตอนนี้ทางเรากำลังไปบอกให้ท่านหัวหน้าเผ่าเตรียมตัวอยู่ขอรับ”
มังกรขาวข้ารับใช้เฝ้าประตูด้านหน้าพูด
“หลังจากนี้พวกเราจะได้พบกับหัวหน้าเผ่ามังกรขาวแล้วสินะขอรับ”
“เผ่ามังกรดำอย่างพวกนายไม่เคยเจอหัวหน้าเผ่ามังกรขาวเลยงั้นหรอ ? ”
“ขอรับ ตั้งแต่เกิดสงครามมาข้าเคยได้ยินแต่ว่าหัวหน้าเผ่ามังกรขาวเป็นพวกชอบเก็บตัวและทำตัวลึกลับ เลยไม่มีใครเคยเห็นหน้าค่าตาหัวหน้าเผ่ามังกรขาวมาก่อน”
“อย่างงั้นหรอ”
“ฮ่ะๆๆ พอมาคิดแบบนี้แล้วก็รู้สึกโชคดีแปลกๆนะขอรับ”
“ทำไมล่ะ ? ”
“ก็…ข้าคือมังกรดำตัวแรกที่ได้พบกับหัวหน้าเผ่ามังกรขาวแบบซึ่งๆหน้ายังไงล่ะขอรับ ^u^" ”
ไกอัสพูดเชิงติดตลกเล็กน้อย แต่เดลวาลินก็เออออไปตามน้ำจนกระทั่งแรนแซคเดินออกมาบอกให้ทั้งสองคนเข้าไปพบกับหัวหน้าเผ่ามังกรขาวได้
ทั้งสองคนเดินไปตามทางเดินผ่านผ้าม่านที่ถูกผูกประดับเอาไว้ตามร่ายทางโดยที่เดลวาลินนั่งอยู่บนหัวไกอัส ตามทางประดับประดาบด้วยคบเพลิงสีเหลืองอ่อน ให้ความรู้สึกที่อบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก กลิ่นหอมอ่อนๆของดอกไม้ฤดูหนาวทำให้สมองของไกอัสรู้สึกเคลิ้มเหมือนถูกมนต์สะกดในขณะที่เดลวาลินนั้นก็แอบดูอาการของไกอัสตลอดทาง
“นายไม่เป็นไรใช่มั้ย”
“อะ…เออ….ข้าน้อยไม่เป็นไรขอรับ…ไม่เป็นไรจริงๆ ^ ^" ”
“เหมือนนายจะเคลิ้มๆไปนะ”
“ข้าน้อยไม่เป็นอะไรจริงๆขอรับ ท่านเดลวาลินโปรดสบายใจได้”
ไกอัสพาเดลวาลินเดินลึกขึ้นไปเรื่อยๆภายในวิหาร และยิ่งเขาเดินเข้าไปลึกมาเท่าไหร่ก็ยิ่งมีกลีบดอกไม้ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นที่มาของกลิ่นหอมที่ไกอัสกับเดลวาลินได้กลิ่น จนกระทั่งทั้งสองมองเห็นแสงเรืองๆอยู่ที่สุดปลายทางเดิน ผ่านมุ้งผ้าม่านบางๆที่พอทำให้มองเห็นร่างมังกรหลบอยู่หลังผ้าม่านผืนนั้นจากไกลๆ
“นั่นไง หัวหน้าเผ่ามังกรขาวอยู่ตรงนั้นเป็นแน่”
หลังจากนั้นไกอัสก็รีบเดินย่ำเท้าเข้าไปหาร่างเงาหลังผ้าม่านนั้นในทันที ก่อนที่เขาจะมาหยุดยืนอยู่ที่ฉากผ้าม่านดังกล่าว
“โปรดระบุนามและจุดประสงค์ของท่านด้วย”
เสียงของร่างเงานั้นดังขึ้นมาอู้อี้ฟังไม่ค่อยชัด แต่ก็พอจะเข้าใจความหมาย ก่อนที่ไกอัสจะมองเดลวาลินอยู่พักหนึ่ง
“ข้า ไกอัส แบล็คดรากูน มาที่นี่ในฐานะทูตตัวแทนเผ่ามังกรดำ ขออนุญาติเข้าพบด้วย”
อีกฝ่ายเงียบไปสักพักหนึ่งเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง ก่อนที่จะอนุญาติให้ไกอัสเข้าไปพบส่วนเดลวาลินนั้นขอรอฟังรายละเอียดอยู่ด้านนอกและปล่อยให้ไกอัสเข้าพบกับหัวหน้าเผ่ามังกรขาวแบบตัวต่อตัว
ไกอัสค่อยๆเอาหน้าของเขาแหวกรอยแยกผ้าม่านเข้าไป สายตาของเขาค่อยๆไต่ระดับจากพื้นไปเงยหน้ามองไปเบื้องหน้า เขาพบกับแสงไฟจากเปลวเพลิงสีเหลืองอ่อนๆที่ส่องสว่าง และเขาก็เห็นปลายเท้าของเจ้าของร่างเงานี้กำลังนั่งรอการมาถึงของเขาอยู่
“ยินดีต้อนรับท่านไกอัส ทูตตัวแทนจากเผ่ามังกรดำเจ้าค่ะ…”
ไกอัสถึงกับตะลึงไปพักหนึ่งเมื่อเจ้าของเสียงนั้น กล่าวต้อนรับการมาถึงของเขาอย่างอบอุ่น และเมื่อเขาใช้สายตามองขึ้นไปเขาก็พบกับมังกรขาวเพศเมียตัวสีขาวโพลน ดวงตาสีแดง ปลายอุ้งเท้าทั้งสี่ด้านมีสีชมพู สวมสร้อยเครื่องประดับเส้นเล็กสีเหลือง รูปร่างเพียวบางเห็นสัดส่วนเย้ายวนจนน่าหลงไหล ทำเอามังกรนักรบอย่างไกอัสที่มีจิตใจเข้มแข็ง ไม่หวั่นไหวต่อใครหน้าไหนยังยืนตะลึงอ้าปากค้างในความงดงามจับใจของมังกรสาวตนนี้ “(งาม…มังกรตนนี้…ช่างงดงามจับใจข้ายิ่งนัก…)”
.
.
.
.
ณ ผืนป่าที่อยู่ห่างไกลออกไปจากหมู่บ้าน สโนว์บรอน ดรากูน หลายกิโลเมตร ซิฟน็อคและมังกรดำใต้ปกครองได้หนีกลับมาตั้งหลักอีกครั้งที่บริเวณปากถ้ำแห่งหนึ่ง ซึ่งสภาพมังกรดำแต่ละตัวก็ไม่สู้ดีเท่าไหร่นัก แต่กลับกันซิฟน็อคที่ต้องหนีหัวซุกหัวซุนกลับมาในตอนนี้เขาไม่สามารถกลับไปที่เผ่าได้แล้ว และเริ่มมีมังกรดำบางส่วนต้องการจะขอแยกตัวออกจากกลุ่มของซิฟน็อคเพื่อกลัวความผิด ทำให้ซิฟน็อคไม่มีทางเลือกนอกจากต้องจัดการมังกรดำเหล่านั้นทิ้งเพื่อปิดปาก
แผล๊ะ!!!
“ถ้าหากมีพวกเจ้าตัวใดคิดจะหนีเพราะความหวาดกลัวหรือคิดว่าตัวเองอ่อนแอไร้พลังแล้วล่ะก็ ให้ก้าวเท้าออกมาข้างหน้า ข้าซิฟน็อคผู้นี้จะมอบความตายให้กับมังกรตัวนั้นเอง!!”
ซิฟน็อคลงมือสังหารมังกรดำตัวหนึ่งในกลุ่มด้วยการกัดขย้ำคอหอยจนเป็นแผลลึก เพื่อเชือดไก่ให้ลิงดูทำเอาไม่มีมังกรดำลูกน้องตัวไหนกล้าหือด้วย
ในระหว่างที่ซิฟน็อคกำลังแสดงอำนาจเพื่อซื้อใจลูกน้องของตัวเองอยู่นั้น พวกเขาไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังมีใครบางคนกำลังจดจ้องพวกเขาอยู่จากไกลๆ และคนที่กำลังจับตาดูพวกซิฟน็อคอยู่นั้น คือ ‘มังกรแห่งความมืดโบราณ เอเทล’ ที่สัมผัสได้ถึงคลื่นพลังเวทย์ของโซเบลก่อนหน้านั้นได้ แต่เธอยังไม่แน่ใจว่าคลื่นพลังเวทย์ที่เธอสัมผัสได้นั้นใช่ของโซเบลจริงๆหรือไม่ แต่ตอนนี้ดูเหมือนเอเทลจะคิดแผนการอะไรบางอย่างเพื่อสร้างความปั่นป่วนให้กับดินแดนแถบนี้
“ความชั่วและความทะเยอทะยานของเจ้าพวกนั่น มันช่างหอมหวานเสียเหลือเกิน…มาดูกันซิ๊ว่า ข้าจะสามารถใช้ความชั่วร้ายของพวกเจ้าเล่นสนุกอะไรได้บ้าง…”
เอเทลพูดกับตัวเองพร้อมกับแสยะยิ้มมุมปากอย่างชั่วร้าย
ความคิดเห็น