ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Sobel The Flame of Dragon: เกิดใหม่เป็นมังกรเพลิงในตำนาน

    ลำดับตอนที่ #19 : ตอนที่ 18: ลางมรณะแห่งความมืด

    • อัปเดตล่าสุด 30 พ.ย. 66


    ความเดิมจากตอนที่แล้ว 

    ในระหว่างที่ตัวแทนฝ่ายมังกรขาวกำลังจะลงนามตราประทับเลือดมังกรเพื่อยุติสงครามอย่างเป็นทางการ จู่ๆ ซิฟน็อคมังกรดำที่ไม่ต้องการให้มีการเจรจาสงบศึก เขาก็ได้นำกองทัพมังกรดำของเขาแอบสะกดรอยตามกลุ่มของเดลวาลินจนมาเจอหมู่บ้านหลักของเผ่ามังกรขาวในที่สุด ก่อนที่เขาจะเปิดฉากโจมตีเพื่อล้างบางศูนย์กลางอำนาจของเผ่ามังกรขาวให้สิ้นซาก ซึ่งผิดกับวัตถุประสงค์ของกลุ่มเดลวาลินที่ต้องการสงบศึกโดยสันติ

    “เจ้าซิฟน็อค ทำเรื่องไม่เป็นเรื่องเสียแล่้วขอรับ!”

    “เข้ามาป่วนในเวลาแบบนี้ แผนที่พวกเราวางมาทั้งหมดมันก็ล่มน่ะสิ”

    เดลวาลินยืนกำหมัดและตำหนิในการกระทำที่ดูโง่เขลาของซิฟน็อค ก่อนที่ไกอัสจะเสนอตัวเข้าไปหยุดซิฟน็อคและเหล่ามังกรดำที่กำลังโจมตีหมู่บ้าน สโนว์บรอน ดรากูน เพราะเขานั้นยังไม่อยากจะทำร้ายมังกรเผ่าเดียวกัน

    “ท่านเดลวาลิน ให้ข้าออกจัดการเรื่องนี้เองเถอะขอรับ! ข้ากับซิฟน็อคเป็นสหายกันมานาน ข้าคิดว่าข้าอาจจะกล่อมให้พวกเขาเลิกโจมตีหมู่บ้านของเผ่ามังกรขาวได้”

    เดลวาลินหันมาพยักหน้าให้ไกอัสเป็นการส่งสัญญานให้อนุญาติ ก่อนที่ไกอัสจะแปลงร่างคืนเป็นมังกรดำดังเดิมแล้วบินมุ่งหน้าเข้าไประงับเหตุในทันที 

    ไกอัสบินมุ่งหน้าไปหาซิฟน็อคที่กำลังบินเผาทำลายบ้านและรังของเผ่ามังกรขาวอย่างบ้าคลั่ง พร้อมกับจัดการพวกมังกรขาวที่ตัวเล็กกว่าล้มตายไปเป็นจำนวนมาก ก่อนที่ไกอัสจะรีบบินเข้ามาขวางด้านหน้าซิฟน็อคเอาไว้

    “ไกอัส เจ้าเองรึ ?!”

    “หยุดได้แล้วซิฟน็อค เจ้ารู้ตัวรึเปล่าว่าเจ้ากำลังทำอะไรอยู่ !? ”

    “ฮ่ะ! รู้สิ ข้ากำลังทำให้เผ่าของพวกเรากลับมาได้เปรียบในสงครามยังไงล่ะ ตอนนี้ข้ารู้แล้วว่าตำแหน่งที่ตั้งของหมู่บ้านพวกมังกรขาวอยู่ที่นี่และข้าเชื่อว่าหัวหน้าเผ่าของพวกมันก็ต้องซ่อนตัวอยู่ที่ใดสักแห่งในหมู่บ้านแห่งนี้อย่างแน่นอน”

    “สงครามมันจบแล้วเจ้าได้ยินมั้ย ไม่ต้องมีมังกรตัวใดต้องตายอีกแล้ว เจ้าและคนของเจ้ากลับไปซะ! พวกเรายอมรับความพ่ายแพ้แต่โดยดีแล้ว!!”

    ซิฟน็อคไม่ได้ตอบอะไร ก่อนที่เขาจะหันไปมองเดลวาลินตัวตนเหตุที่เขาอยากจะกำจัดให้ได้แต่ไม่ใช่ในตอนนี้

    “ชิ! ไม่นึกเลยว่าเจ้าจะก้มหัวยอมทำตามคำสั่งของพวกมนุษย์ถึงขนาดนี้ เจ้าเองก็เหมือนกับพวกผู้อาวุโสและก็ท่านเกรย์ออลนั่นแหละ ยอมทิ้งศักดิ์ศรีและความภาคภูมิใจในความยิ่งใหญ่ของเผ่ามังกรดำของพวกเราไปจนหมด!!”

    ไกอัสที่ถูกซิฟน็อคต่อว่ากลับมาแบบนี้ เขาก็ไม่ปฏิเสธที่จะแก้ต่างหรือหาคำพูดสวยหรูใดๆมาแย้ง เพราะตอนนี้ตัวเขาเองก็สัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงในตัวเขา 

    “เจ้าพูดถูก…ข้าน่ะทิ้งศักดิ์ศรีและความภาคภูมิใจของเผ่ามังกรดำที่ข้ายึดถือมาตลอดไปจนหมด ข้าควรจะสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กันไปจนถึงวาระสุดท้าย แต่ข้ากลับทิ้งเจ้าให้สู้เบื้องหน้าเพียงลำพัง เรื่องนี้มีเพียงข้าผู้เดียวเท่านั้นที่เข้าใจความรู้สึกของเจ้า” 

    ซิฟน็อคเหมือนจะเคลิ้มในคำพูดของไกอัส แต่สุดท้ายด้วยความทะเยอะทะยานที่เป็นไขว่คว้าชัยชนะเขามาไกลเกินกว่าจะยอมถอยกลับแล้ว 

    “เลิกคุยกันเรื่องนี้ดีกว่า บอกข้ามาไกอัสว่าเจ้าจะมา เข้าร่วมกับข้า หรือ เจ้าจะเป็นศัตรูกับข้า”

    ไกอัสหันไปมองเดลวาลินนายเหนือหัวของเขา ก่อนจะหันกลับมามองซิฟน็อคเหมือนเขารู้สึกสองจิตสองใจห่วงในความสัมพันธ์ของทั้งสองฝ่าย แต่ด้วยคำสัตย์สาบานที่เคยให้ไว้กับเดลวาลินมันก็ทำให้เขาตัดสินใจแล้วว่า

    “ข้า…จะต่อสู้เพื่อท่านเดลวาลินและข้าจะไม่ยอมให้เจ้าทำลายหมู่บ้านแห่งนี้โดยเด็ดขาด”

    เมื่อซิฟน็อคได้รับคำตอบยืนยันเสียงหนักแน่นจากปากไกอัสแบบนี้ เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องสู้กันให้ตายไปข้าง เพราะหากเขายังมีชีวิตอยู่สงครามระหว่างเผ่ามังกรขาวและมังกรดำจะไม่มีวันจบลง และเขาก็จะทำทุกอย่างเพื่อให้เผ่ามังกรขาวพินาศ

    เมื่อสองมังกรดำเพื่อนซี้คุยกันไม่ลงรอย การต่อสู้ของทั้งสองจึงต้องบังเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้งสองตัดสินใจพ่นลมหายใจมังกรทมิฬโจมตีใส่กัน และด้วยไหวพริบของทั้งสองที่สูงพอๆกันทำให้พลังเวทย์ของทั้งสองปะทะเข้าหากันอย่างรุนแรงโดยไม่มีฝ่ายใดได้รับความเสียหาย แรงระเบิดที่เกิดขึ้นนั้นรุนแรงมากจนเกิดคลื่นอัดอากาศกวาดล้างสิ่งปลูกสร้างและเศษซากต่างๆที่อยู่ในรัศมี 30 เมตรปลิวหายไปเหมือนใบไม้

    แต่ซิฟน็อคก็อาศัยจังหวะที่ไกอัสกำลังชะล่าใจบินพุ่งเข้ามาก่อนจะใช้หางที่มีขนาดใหญ่ฟาดใส่ร่างของเขาจนลอยกระเด็นไปอัดกับเนินเขาอย่างรุนแรง ก่อนจะตามมาซ้ำด้วยลมหายใจมังกรทมิฬพ่นมาโจมตีเขาซ้ำอีกรอบ แต่ไกอัสก็ยกปีกของเขาขึ้นมาป้องกันเอาไว้ได้ทันพร้อมกับร่ายเวทย์ ปีกโล่มังกรทมิฬ เสริมพลังป้องกันการโจมตีทางเวทย์มนต์อีกชั้น ทำให้เขารอดพ้นการโจมตีของซิฟน็อคมาได้อย่างหวุดหวิด 

    ถึงแม้ไกอัสจะรอดจากการโจมตีแบบฉาบฉวยและป้องกันการโจมตีถึงตายของซิฟน็อคมาได้ แต่การโจมตีเมื่อครู่ก็สร้างความเสียหายให้กับปีกของเขาไปพอสมควรทำให้ตอนนี้ เขาไม่สามารถบินได้อย่างอิสระดั่งที่ใจหวังได้และทำได้เพียงบินกึ่งร่อนไปตามพื้นราบเท่านั้น และตอนนี้เขาเริ่มตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบให้กับซิฟน็อคเสียแล้ว 

     

    ส่วนทางฝั่งของเดลวาลินในตอนนี้นั้นเขาก็ได้ร่วมมือกับแรนแซคในการจัดการมังกรดำลูกน้องของซิฟน็อคที่กำลังจู่โจมหมู่บ้านอยู่ โดยเดลวาลินนั้นพยายามที่จะไม่เผยพลังมังกรเพลิงของเขาให้ใครเห็นมากจนเกินไป ทำให้แรนแซคที่พยายามช่วยเหลือมังกรขาวเด็กและผู้หญิงหนีไปยังทีี่หลบภัยสงสัยว่าทำไมเดลวาลินไม่กลายร่างเป็นมังกรเพลิงแล้วมาช่วยพวกตนกำจัดมังกรดำพวกนี้

    “ท่านมัวทำอะไรอยู่ ทำไมท่านถึงไม่คืนร่างเป็นมังกรเพลิงแล้วมาจัดการพวกมังกรดำพวกนี้ล่ะ”

    ฟรู้มมมม!! ตู้มมมม!!!

    เดลวาลินใช้ดาบมังกรเพลิงปล่อยคลื่นพลังเวทย์เปลวเพลิงที่รุนแรงฟาดใส่ฝูงมังกรดำที่กำลังบุกเข้ามาจากอีกทาง จนพวกมังกรดำเหล่านั้นกระเด็นออกไปและหมดสภาพในการต่อสู้ ก่อนที่เขาจะหันกลับมาตอบแรนแซคว่า

    “ถ้าฉันใช้ร่างที่แท้จริง มีหวังพวกนายแตกตื่นกันพอดี”

    “ท่านว่าไงนะ?”

    ยังไม่ทันที่แรนแซคจะได้รับคำตอบที่ชัดเจน จู่ๆ เขาก็สัมผัสถึงภัยอันตรายที่มาจากบนฟ้า ก่อนจะเห็นกลุ่มมังกรดำกลุ่มหนึ่งกำลังเตรียมพ่นลมหายใจมังกรทมิฬโจมตีมาที่เขามากถึง 7 ตัว

     “ตายซะพวกแก !!! ”

    โคร้มมมม!!!!

    พวกมังกรดำพ่นลมหายใจมังกรทมิฬที่ชาร์จจนสุดโจมตีใส่มาที่แรนแซคเพื่อหวังจะจัดการเขาไปพร้อมกับเดลวาลิน แต่ทว่าแรนแซคก็ได้ร่ายเวทย์ ‘โล่มังกรขาว’ เสกโล่หัวมังกรขาวสีขาวขนาดใหญ่ขึ้นมาปกป้องตัวเขารอบทิศทาง พร้อมกับสะท้อนพลังเวทย์บางส่วนกลับไปหาเจ้าของที่โจมตีมา ทำให้พลังเวทย์บางส่วนที่พวกมังกรดำพ่นออกมาโจมตีแรนแวคถูกสะท้อนกลับไปหาพวกมัน จนทำให้พวกมันได้รับบาดเจ็บและเสียอาการ

    เมื่อได้โอกาสแรนแซคก็ได้พ่นลมหายใจเยือกแข็งทำการแช่แข็งพวกมังกรดำกลุ่มนั้น ก่อนที่ร่างกายของพวกมังกรดำจะถูกแช่แข็งสนิท เปิดโอกาสให้แรนแซคพุ่งเข้าไปใช้หางฟาดก้อนน้ำแข็งที่มีร่างมังกรดำจนแตกเป็นเสี่ยงๆ

    “บาดเจ็บตรงไหนรึเปล่า”

    “อืม แค่นี้สบายมาก พวกมังกรดำระดับล่างๆพวกนี้ข้าต่อให้ยกโขยงกันมาเป็นร้อยตัวก็ยังได้”

    “งั้นหรอ”

    แรนแซคยืนมองเดลวาลินอยู่สักพักก่อนที่เขาจะพูดขึ้นมา

    “ท่านโซเบล เหตุใดท่านถึงต้องปิดบังตัวตนและพลังที่แท้จริงเช่นนี้ด้วย”

    “เรื่องมันซับซ้อน นายไม่เข้าใจหรอก”

    แรนแซคที่เห็นว่าเดลวาลินตอบแบบบ่ายเบี่ยงก็ยิ่งทำให้เขาไม่เข้าใจ เขาจึงขยับเข้ามายืนอยู่ตรงหน้าเดลวาลินเพื่อขอความชัดเจน

    “ท่านเป็นถึงมังกรธาตุในตำนาน หนึ่งในสี่มังกรธาตุโบราณบรรพกาลที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก ท่านควรจะใช้พลังที่ท่านมีช่วยเหลือพวกข้าในการปกป้องหมู่บ้านแห่งนี้ไม่ใช่รึ”

    “มันก็จริงที่ฉันควรทำแบบนั้น แต่ฉันเกรงว่าการปรากฏตัวของมังกรเพลิงในตำนานโซเบลอาจจะไม่ปลอดภัยสำหรับพวกนายและก็เพื่อนๆของฉัน”

    “หมายความว่ายังไงที่ท่านกล่าวมา ? ” 

    “ถ้านายเคยได้ยินตำนานเรื่องเล่าของฉันมาล่ะก็ นายก็น่าจะรู้ดีว่าพลังเวทย์ของฉันมันรุนแรงและทรงพลังมากแค่ไหน แค่ฉันใช้พลังเวทย์แค่เศษเสี้ยวของพลังเวทย์ทั้งหมดก็สามารถกวาดล้างพื้นที่รอบๆนี้ไปได้หลายกิโลเมตรเลยนะ”

    แรนแซคได้ยินแบบนั้นเขาก็นึกภาพตามก่อนจะเข้าใจว่าคำพูดของเดลวาลินที่กล่าวมาฟังดูก็มีเหตุผล แต่อย่างน้อยการที่มังกรเพลิงโซเบลมาปรากฏตัวที่นี่ก็อาจจะสร้างความหวาดกลัวทางจิตวิทยาให้กับพวกมังกรดำที่โจมตีหมู่บ้านแห่งนี้ได้ แต่เดลวาลินก็ยังคงปฏิเสธที่จะใช้ร่างจริงของเขาเหมือนเดิม เพราะเขานั้นไม่อยากให้มังกรขาวทุกตัวในที่แห่งนี้มองว่าเขาเป็นมังกรปีศาจที่จะมาทำร้ายพวกเขา และสถานการณ์อาจจะแย่ลงกว่าเดิมได้

     

    ตัดภาพกลับมาที่การต่อสู้ของไกอัสกับซิฟน็อค 

    ในเวลานี้ไกอัสกำลังพยายามบินหนีเพื่อหาจังหวะในการลอบโจมตีซิฟน็อค เนื่องจากในตอนนี้ซิฟน็อคกำลังบินไล่กวดเขามาติดๆ และไกอัสต้องเปลี่ยนมาใช้ร่างมนุษย์เพื่อให้เขาสามารถหลบหลีกเข้าสิ่งปลูกสร้างเพื่อซ่อนตัวได้ง่ายขึ้น แต่นั่นก็หมายความว่าเขานั้นก็ต้องเสี่ยงที่จะได้รับความเสียหายจากพลังเวทย์ของซิฟน็อคมากขึ้น เขาจึงร่ายเวทย์บัฟตราประทับมังกรดำใส่กับตัวเอง เผื่ออย่างน้อยจะช่วยลดทอนความเสียหายที่เกิดจากพลังเวทย์มังกรดำด้วยกันเองได้ในระดับหนึ่ง

    “ออกมาซะไกอัส!! ถ้าหากเจ้าไม่ยอมโผล่หัวออกมาล่ะก็ ข้าจะทำลายหมู่บ้านแห่งนี้ให้ราบ!!!”

    ซิฟน็อคพยายามตะโกนเรียกให้ไกอัสโผล่มาเผชิญหน้ากับเขา ในตอนนี้ไกอัสร่างกายบอบช้ำจากการต่อสู้มาพอสมควร ทำให้เขาต้องหาทางทำอะไรสักอย่างเพื่อแก้สถานการณ์ในครั้งนี้

    แต่จนแล้วจนรอดไกอัสก็ไม่ยอมออกไปแสดงตัว ทำให้ซิฟน็อคหมดความอดทน เขาจึงเริ่มทำการพ่นลมหายใจมังกรทมิฬทำลายหมู่บ้านไปทีละส่วนเพื่อบีบบังคับให้ไกอัสแสดงตัว ไกอัสพยายามซุ่มรอให้ซิฟน็อคใช้พลังเวทย์กลางของเขาจนหมด เพราะเขารู้ดีว่านิสัยของซิฟน็อคเป็นพวกใจร้อนและทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลังให้ดี การยั่วยุให้เขาใช้พลังเวทย์ไปเรื่อยๆจะช่วยลดทอนความสามารถของเขาลงได้มาก

    ไกอัสอดทนรอจนถึงวินาทีสุดท้าย ก่อนที่สัญญานแรกจะปรากฏเมื่อซิฟน็อคนั้นหยุดร่ายเวทย์เนื่องจากอีกฝ่ายเริ่มสัมผัสได้ว่าพลังเวทย์กลางของตนกำลังจะหมดต้องรอเวลาชาร์จใหม่สักพักถึงจะสามารถใช้พลังเวทย์ต่อได้ และนั่นเองที่ไกอัสจำแลงร่างเป็นมังกรดำร่างที่แท้จริงอีกครั้ง ก่อนจะกระพือปีกบินพุ่งทะยานขึ้นไปหาซิฟน็อคด้วยแรงทั้งหมดที่มีเพื่อที่เขาจะเข้าไปคว้าตัวซิฟน็อคกลางอากาศ แล้วเขาก็ร่ายเวทย์ลมหายใจมังกรทมิฬโจมตีใส่ซิฟน็อคในระยะเผาขน

    ตู้มมม!!!!!

    แรงระเบิดได้ซัดร่างของทั้งคู่กระเด็นไปคนละทาง ต่างฝ่ายต่างได้รับบาดเจ็บสาหัส ซิฟน็อคในตอนนี้ได้รับบาดเจ็บที่ส่วนหัวพร้อมกับเขามังกรบนศีษระด้านขวาที่แตกหักจากแรงระเบิดเมื่อครู่ ส่วนไกอัสนั้นเขาก็ได้รับบาดเจ็บที่ปีกจนตอนนี้แทบจะบินต่อไม่ไหว แต่ดูเหมือนซิฟน็อคจะยังมีแรงเหลืออยู่เขาจึงค่อยๆลุกขึ้นแล้วเดินตรงเข้ามาหาไกอัสอย่างช้าๆด้วยร่างกายที่บอบช้ำ

    “พยายามได้ดีนิ…ล่อให้ข้าใช้พลังเวทย์จนหมด…แล้วใช้โอกาสนั้นเล่นงานข้าในจังหวะที่ข้ามีพลังเวทย์ตอบโต้เจ้าไม่พอ…สมแล้วที่เราเป็นสหายกันรู้จักกันมานาน…”

    ซิฟน็อคเดินเข้ามาใกล้ไกอัสมากขึ้นเรื่อยๆ ก่อนที่เขาจะใช้อุ้งมือเหยียบไปที่กลางอกของไกอัสที่นอนแผ่อยู่บนพื้น 

    “แต่ว่า…ข้าน่ะแข็งแกร่งกว่าเจ้าเสมอ และตอนนี้ก็ถึงเวลาที่เราจะต้องลาจากกันแล้ว”

    “เจ้าไม่ควรทำเช่นนี้ซิฟน็อค…”

    “ข้าควรทำเช่นนี้แหละ…และหลังจากที่ข้าจัดการเจ้าแล้ว ข้าจะไปจัดการเจ้ามนุษย์นั่นและก็พวกอาวุโสที่อยู่ที่เผ่าให้หมด….แล้วข้า..จะฟื้นฟูระบบภายในใหม่ทั้งหมด เผ่ามังกรดำจะต้องไม่มีมังกรดำตัวใดแสดงความอ่อนแอและต้องทำทุกอย่างเพื่ออำนาจเท่านั้น…!”

    ไกอัสถึงกับไม่เชื่อหูตัวเอง เมื่อซิฟน็อคต้องการจะฆ่าเกรย์ออลและมังกรผู้อาวุโสตัวอื่นๆที่อยู่ในเผ่าทั้งหมด โดยสิ่งที่ซิฟน็อคกำลังจะทำนั้นถือว่าเป็นข้อห้ามร้ายแรงของเผ่า เพราะการฆ่าพวกเดียวกันที่มีศักดิ์สูงกว่าระดับผู้นำนั้นจะถือว่าเป็นกบฏของเผ่าซึ่งมีโทษเพียงสองทางนั่นก็คือ ‘ตาย’ กับ ‘ถูกเนรเทศออกจากเผ่า’ แต่ดูเหมือนซิฟน็อคนั้นเตรียมใจที่จะรับผลที่ตามมาแล้ว

    ซิฟน็อคเตรียมพร้อมที่จะจัดการไกอัส ส่วนไกอัสก็พยายามดิ้นรนขัดขืนเป็นครั้งสุดท้าย แต่ด้วยร่างกายของซิฟน็อคที่กำยำกว่า ทำให้ไกอัสไม่สามารถสลัดอีกฝ่ายให้หลุดได้ จนเขาเริ่มหมดแรงบวกกับร่างกายที่อ่อนแอจากอาการบาดเจ็บ 

    เดลวาลินที่เห็นว่าไกอัสกำลังต้องการความช่วยเหลือ เขาจึงคิดจะเข้าไปช่วยแต่ว่าการจะทำให้เรื่องนี้มันจบลงโดยเร็ว เขาจะต้องยอมเผยร่างที่แท้จริงให้ปรากฏต่อหน้าซิฟน็อคแล้วใช้พลังของเขาข่มขวัญให้อีกฝ่ายยอมล่าถอยตามคำขอของแรนแซคก่อนหน้า บวกกับตอนนี้หมู่บ้านสโนว์บรอน ดรากูน ก็ได้รับความเสียหายอย่างหนักขืนปล่อยไว้สถานการณ์จะยิ่งแย่ลงกว่าเดิม เขาจึงตัดสินใจยอมทำตามที่แรนแซคร้องขอแต่เขามีข้อแม้ว่าเขานั้นจะไม่ใช้พลังเวทย์ฆ่าใครเพื่อความปลอดภัยจากความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นจากพลังเวทย์ของเขาเอง 

    อีกทั้งแรนแซคจะต้องเป็นกระบอกเสียงช่วยพูดคุยให้กับมังกรขาวตัวอื่นๆถึงเจตนาของเขาในการมาครั้งนี้ว่าเขานั้นไม่ใช่ศัตรูและไม่ได้ต้องการจะปองร้ายมังกรทุกตัวในเผ่า ซึ่งแรนแซคก็ตบปากรับคำและเมื่อเดลวาลินทำข้อตกลงกับแรนแซคแล้ว เขาก็รีบวิ่งไปหาไกอัสที่กำลังถูกซิฟน็อคเหยียบกดลงกับพื้น ก่อนจะมีประกายเพลิงลุกโชติช่วงรอบๆตัวเขาอย่างรุนแรง จนในที่สุดเขาก็กลายร่างเป็นมังกรเพลิงในตำนานโซเบลอีกครั้ง

    ฟรู้มมมมมม!!!!

    ซิฟน็อคสัมผัสได้ถึงความร้อนมหาศาลที่เข้ามาปะทะร่างกายของเขาจากทางขวามือ พร้อมกับแรงกดดันบางอย่างที่เขาไม่เคยสัมผัสมาก่อน แสงจากเปลวเพลิงที่ลุกโชติช่วงของโซเบลทำให้ซิฟน็อคต้องหันไปมองที่มาของแสงนั้น ก่อนที่เขาจะต้องตะลึงกับภาพที่เห็น เมื่อมีร่างมังกรสีแดงเพลิงขนาดใหญ่สูง 40 เมตร กำลังยืนจังก้าค่อมหัวเขาอยู่ไม่ไกล

    “น…น…..นี่มัน…. 0 0 ??”

    “ทะ…..ท่านเดลวาลิน…”

    ซิฟน็อคถึงกับยืนตะลึงตาเบิกโพรงด้วยความตกใจสุดขีด เมื่อเขาเห็นร่างมังกรขนาดใหญ่ของเดลวาลินกำลังยืนสยายปีกที่มีลวดลายธารลาวาอยู่ต่อหน้าเขา อีกทั้งเขายังเห็นแกนกลางจิตวิญญานแห่งธาตุกำลังเปล่งแสงสว่างและแผ่ความร้อนออกมาอย่างน่ากลัว ทำเอาซิฟน็อคต้องถอยห่างออกมาจากไกอัสโดยไม่รู้ตัว 

    “ไสหัวไปจากที่นี่ซะ!!…ถ้านายยังอยากรักษาชีวิตตัวเองอยู่…!!!”

    โซเบลเปล่งเสียงวาจาที่ดังกังวานและทรงพลังอย่างมากออกมาด้วยประโยคไม่กี่คำ แต่คำพูดเหล่านั้นกลับสร้างความหวาดหวั่นให้กับซิฟน็อคอย่างมากทำเอาอีกฝ่ายตั้งตัวไม่ติด 

    “นี่มัน…ม…มังกรเพลิง…น…ในตำนานโซเบล…ง….งั้นรึ 0 0 ??! ”

    ในระหว่างที่โซเบลกำลังออกคำสั่งให้ซิฟน็อคและพวกเดินทางออกไปจากที่หมู่บ้านแห่งนี้ แรนแซคที่ยืนดูสถานการณ์อยู่ไกลๆเขากำลังตกอยู่ในภวังค์ ตะลึงตาค้างกับภาพที่น่าขนลุกตรงหน้า เขายืนจ้องมองร่างอันใหญ่โตของโซเบล พร้อมกับเห็นคลื่นพลังเวทย์เปลวเพลิงที่ลุกไหม้ตามร่างกายของเขาอย่างน่าเกรงขาม รวมถึงมังกรขาวตัวอื่นๆเองก็เห็นภาพนี้ในสายตาเดียวกันและไม่มีมังกรขาวตัวไหนกล้าออกมาจากที่ซ่อนแม้แต่ตัวเดียว 

    ส่วนกลุ่มของเซอร์ริวที่ถูกสเตลร่าพามายังจุดหลบภัยเฉพาะอยู่ในป่านอกหมู่บ้าน ก็สัมผัสถึงอะไรบางอย่างที่ไม่ชอบมาพากล พวกเขาเห็นแสงสีส้มเรืองๆส่องออกมาจากทางหมู่บ้าน แต่เนื่องจากป่าที่พวกเขาอยู่นั้นสูงใหญ่ทำให้พวกเขามองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ชัดเจนเท่าที่ควร

    “นั่นมันแสงอะไรน่ะ”

    “รู้สึกร้อนขึ้นมาแปลกๆยังไงชอบกลนะ”

    เซอร์ริวและอลันบีพยายามจะออกไปดู แต่ก็ถูกสเตลร่าดึงตัวเอาไว้ เพราะไม่อยากให้ทั้งสองเห็นภาพที่ไม่ควรเห็น

    “ไม่ต้องไปสนใจหรอก ก็แค่พวกมังกรเขาต่อสู้กันก็เท่านั้นแหละ”

    “งั้นหรอ”

    “แต่ฉันว่ามันแปลกๆนะ สู้กันอิท่าไหนถึงมีแสงสว่างส่องออกมาเรืองๆแบบนั้น”

    ทั้งสองยังคงรั้นที่จะออกไปดู จนลอร่าต้องเข้ามาช่วยปรามอีกแรง

    “เชื่อตามที่คุณสเตลร่าบอกเถอะค่ะ ตอนนี้พวกเราต้องหลบอยู่ที่นี่จนกว่าสถานการณ์ทุกอย่างที่นั่นจะสงบลงนะ”

    เมื่อเซอร์ริวกับอลันบีถูกลอร่าขอร้องมาแบบนี้ ทั้งคู่จึงล้มเลิกความตั้งใจที่จะออกไปดูก่นอจะกลับมานั่งลงที่ที่ของตัวเองอีกครั้ง 

    .

    .

    .

    .

    .

    ตัดภาพกลับมาที่หมู่บ้าน สโนว์บรอน ดรากูน 

    บัดนี้โซเบลได้ออกคำสั่งอย่างหนักแน่นให้ซิฟน็อคและเหล่ามังกรดำตัวอื่นๆที่เหลือรอดให้รีบไปจากที่หมู่บ้านแห่งนี้ และด้วยความน่าเกรงขามและทรงพลังจากตำนานเรื่องเล่าที่พวกเขานได้ยินมา ทำให้ซิฟน็อคต้องยอมล่าถอยกลับไปแต่โดยดี แม้ว่าในใจเขานั้นจะกล้ำกลืนฝืนทนมากแค่ไหนก็ตาม สุดท้ายโซเบลก็สามารถช่วยหมู่บ้านมังกรขาวแห่งนี้เอาไว้ได้สำเร็จ 

    เมื่อภัยอันตรายผ่านพ้นไปแล้วโซเบลก็รีบเข้ามาดูอาการของไกอัสในทันที ก่อนจะพบว่าไกอัสในตอนนี้ได้รับบาดเจ็บมากพอสมควร เขาจึงแบ่งพลังเวทย์เพลิงเยียวยาจากจิตวิญญาณแห่งธาตุบริเวณหน้าอกของเขาถ่ายทอดไปที่ร่างของไกอัสเพื่อทำการรักษาบาดแผลจนหายเป็นปลิดทิ้ง

    “ไม่เป็นไรแล้วใช่มั้ย”

    “ข้าน้อยไกอัสผู้นี้…ต้องขอบคุณท่านโซเบลเป็นอย่างยิ่งจริงๆขอรับ ที่ช่วยรักษาบาดแผลให้กับข้าน้อยขอรับ v v ”

    ไกอัสก้มหัวคำนับลงต่อหน้าโซเบลอย่างนอบน้อม

    “นายไม่เป็นไรฉันก็สบายใจแล้วล่ะ”

    “ข้าน้อยต้องขอประทานโทษจากท่านโซเบลเป็นอย่างยิ่ง…ที่ข้าน้อยไม่อาจจะทำภารกิจที่ท่านโซเบลมอบหมายมาให้ข้าน้อยได้สำเร็จลุล่วง….ทักษะของข้าน้อยผู้นี้ยังอ่อนหัดอยู่มากนักขอรับ”

    “ถ้าเกิดรู้ตัวว่าตัวเองยังอ่อนแอและไร้ความสามารถที่จะทำหน้าที่ของตัวเองให้สำเร็จลุล่วง ก็จดจำความผิดพลาดในครั้งนี้เอาไว้แล้วฝึกฝนตัวเองให้แข็งแกร่งมากขึ้นก็เดิมเพื่อไม่ให้พลาดอีกซ้ำสองก็แล้วกัน”

    “ขอรับ…ข้าน้อยจะจดจำคำพูดนี้ของท่านโซเบลเอาไว้ขอรับ”

    เมื่อสถานการณ์ทุกอย่างคลี่คลายลง โซเบลก็จำแลงร่างกลับเป็นมนุษย์ที่ชื่อเดลวาลินเหมือนเดิม พร้อมกับแรนแซคและเหล่ามังกรขาวตัวอื่นๆต่างพากันเดินเข้ามารายล้อมรอบตัวทั้งสองคน

    “ท่านคือมังกรเพลิงปีศาจในตำนานโซเบลจริงๆด้วย ไม่คิดเลยว่าจะได้พบกับมังกรเพลิงที่ทำลายล้างอารยธรรมอยู่ที่นี่จริงๆ”

    แรนแซคพูดขึ้นมาพร้อมกับอาการช็อคที่ยังไม่หายสนิท

    “ตอนนี้ฉันได้ขับไล่พวกของซิฟน็อคไปแล้ว ที่นี้พวกนายจะเอายังไงต่อล่ะ”

    เหล่ามังกรขาวต่างยืนคุยกันระงมทั้งเรื่องที่พวกเขาได้เจอกับมังกรเพลิงโซเบล ทั้งได้รู้ตัวจริงของเดลวาลิน รวมไปถึงถูกช่วยเหลือจากมังกรเพลิงปีศาจที่ใครๆต่างก็หวาดกลัว แต่ตัวแทนเผ่ามังกรขาวก็ออกความเห็นให้ขับไล่เดลวาลินออกไปจากที่นี่ เพราะพวกเขาไม่เชื่อใจเดลวาลินในฐานะมังกรเพลิงปีศาจที่ชั่วร้ายยิ่งกว่าเผ่ามังกรดำที่พวกเขาเกลียด

    แต่แรนแซคที่เปรียบเสมือนเป็นนักรบหัวหอกของเผ่าก็พยายามบอกให้มังกรขาวทุกตัวอยู่ในความสงบ เพราะเขาเห็นว่าโซเบลนั้นได้ช่วยให้พวกเขารอดพ้นจากการโจมตีของซิฟน็อคมาได้อย่างชะงัก และโซเบลก็ไม่ได้มีแนวโน้มว่าจะทำร้ายพวกตน ทำให้แรนแซคขอเป็นสื่อกลางในการใกล่เกลี่ยระหว่างทั้งสองฝ่าย ตามคำสัญญาที่ให้ไว้กับเดลวาลินก่อนหน้า

    “เอาล่ะๆ ในเมื่อเจ้าช่วยเหลือหมู่บ้านของพวกข้าเอาไว้ พวกข้าก็ขอขอบใจในน้ำใจของเจ้าตรงส่วนนั้นด้วย”

    มังกรขาวหนึ่งในกลุ่มตัวแทนผู้อาวุโสพูดขึ้นมา

    “ถ้าพวกนายเข้าใจแบบนั้นก็ดีแล้ว ว่าแต่เรื่องการทำข้อตกลงสงบศึกล่ะ”

    “เรื่องนั้นพวกเราคงต้องเลื่อนออกไปก่อน จนกว่าพวกเราจะหาข้อตกลงกับท่านผู้อาวุโสของพวกเราเสียก่อน”

    “ถ้าแบบนั้นก็แสดงว่าการเจรจาในครั้งนี้ก็เป็นอันล้มเหลวสินะ”

    “ก็คงงั้น แต่พวกข้าไม่โทษพวกเจ้าหรอก เพราะสงครามยังไม่จบอะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น”

    “ว่าแต่…เจ้าซิฟน็อคมันหาตำแหน่งที่ตั้งหมู่บ้านของพวกเราพบได้อย่างไร”

    แรนแซคถามขึ้นมา ก่อนที่ไกอัสจะตอบ

    “ถ้าให้ข้าเดา เขาน่าจะแอบสะกดรอยตามพวกเรามาจากหมู่บ้านแคลิดมาตั้งแต่ตอนนั้นแล้วล่ะ”

    “มีแบบนี้ด้วยงั้นรึ แอบสะกดรอยตามคณะทูตเพื่อมาเปิดฉากโจมตีพวกเราอย่างงั้นหรอ ? ”

    “ข้าว่าเรื่องนี้ท่านผู้อาวุโสและท่านเกรย์ออลไม่น่าจะมีส่วนรู้เห็นในเรื่องนี้ และข้าก็มีเรื่องที่ต้องรีบไปรายงานท่านเกรย์ออลให้ทราบเรื่องที่ซิฟน็อคต้องการจะเป็นกบฏ”

    เมื่อแรนแซคและบรรดามังกรขาวได้ยินแบบนั้นพวกเขาก็ต่างพากันตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน 

    “เมื่อกี้เจ้าว่าอะไรนะ ซิฟน็อคคนของเจ้าคิดจะกบฏต่อเผ่าตนเองงั้นรึ ? ”

    ไกอัสพยักหน้ายืนยันในสิ่งที่แรนแซคกล่าวมา

    ดูเหมือนว่าการเดินทางมาเจรจาเพื่อยุติสงครามจะล้มเหลวไม่เป็นท่า เนื่องจากการบุกโจมตีสายฟ้าแลบของซิฟน็อค ทำให้เหล่าบรรดาตัวแทนผู้อาวุโสของเผ่ามังกรขาวตัดสินใจเปลี่ยนสถานที่ในการทำข้อตกลงเจรจาสงบศึกใหม่ โดยพวกเขาได้พากลุ่มของเดลวาลินขึ้นไปที่หมู่บ้านที่ตั้งอยู่บนยอดภูเขาหิมะ เพื่อไปพบกับหัวหน้าเผ่ามังกรขาวโดยตรง เพราะในเวลานี้การทำสัญญาสงบศึกต้องดำเนินการให้เร็วที่สุด 

    และแล้วกลุ่มของเดลวาลินก็ถูกพาขึ้นมายังโซนบนยอดภูเขาหิมะที่มีวิหารมังกรขาวตั้งอยู่ ซึ่งพื้นที่โซนนี้มีพายุหิมะพัดอยู่ตลอดเวลา ซึ่งระหว่างทางกลุ่มของเซอร์ริวก็ถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นแต่เดลวาลินก็บอกปัดๆไปทำให้ทุกคนไม่ได้รู้เรื่องว่าเขานั้นคืนร่างเป็นมังกรเพลิงโซเบล 

    แรนแซคและบรรดามังกรอาวุโสได้พากลุ่มของเดลวาลินมายังส่วนด้านในของวิหาร และอนุญาติให้เฉพาะไกอัสกับเดลวาลินเข้าพบกับหัวหน้าเผ่าตามลำพังเท่านั้น ส่วนคนอื่นที่เหลือต้องรออยู่ด้านนอกในที่พักที่จัดเตรียมเอาไว้ให้เฉพาะหน้า โดยคราวนี้เดลวาลินได้มอบหมายหน้าที่ตัวแทนสื่อกลางในการเจรจาแทนเขา

    “ท่านทั้งสองโปรดรออยู่ตรงนี้สักครู่ ตอนนี้ทางเรากำลังไปบอกให้ท่านหัวหน้าเผ่าเตรียมตัวอยู่ขอรับ” 

    มังกรขาวข้ารับใช้เฝ้าประตูด้านหน้าพูด 

    “หลังจากนี้พวกเราจะได้พบกับหัวหน้าเผ่ามังกรขาวแล้วสินะขอรับ”

    “เผ่ามังกรดำอย่างพวกนายไม่เคยเจอหัวหน้าเผ่ามังกรขาวเลยงั้นหรอ ? ”

    “ขอรับ ตั้งแต่เกิดสงครามมาข้าเคยได้ยินแต่ว่าหัวหน้าเผ่ามังกรขาวเป็นพวกชอบเก็บตัวและทำตัวลึกลับ เลยไม่มีใครเคยเห็นหน้าค่าตาหัวหน้าเผ่ามังกรขาวมาก่อน”

    “อย่างงั้นหรอ”

    “ฮ่ะๆๆ พอมาคิดแบบนี้แล้วก็รู้สึกโชคดีแปลกๆนะขอรับ”

    “ทำไมล่ะ ? ”

    “ก็…ข้าคือมังกรดำตัวแรกที่ได้พบกับหัวหน้าเผ่ามังกรขาวแบบซึ่งๆหน้ายังไงล่ะขอรับ ^u^" ”

    ไกอัสพูดเชิงติดตลกเล็กน้อย แต่เดลวาลินก็เออออไปตามน้ำจนกระทั่งแรนแซคเดินออกมาบอกให้ทั้งสองคนเข้าไปพบกับหัวหน้าเผ่ามังกรขาวได้ 

    ทั้งสองคนเดินไปตามทางเดินผ่านผ้าม่านที่ถูกผูกประดับเอาไว้ตามร่ายทางโดยที่เดลวาลินนั่งอยู่บนหัวไกอัส ตามทางประดับประดาบด้วยคบเพลิงสีเหลืองอ่อน ให้ความรู้สึกที่อบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก กลิ่นหอมอ่อนๆของดอกไม้ฤดูหนาวทำให้สมองของไกอัสรู้สึกเคลิ้มเหมือนถูกมนต์สะกดในขณะที่เดลวาลินนั้นก็แอบดูอาการของไกอัสตลอดทาง

    “นายไม่เป็นไรใช่มั้ย”

    “อะ…เออ….ข้าน้อยไม่เป็นไรขอรับ…ไม่เป็นไรจริงๆ ^ ^" ”

    “เหมือนนายจะเคลิ้มๆไปนะ”

    “ข้าน้อยไม่เป็นอะไรจริงๆขอรับ ท่านเดลวาลินโปรดสบายใจได้”

    ไกอัสพาเดลวาลินเดินลึกขึ้นไปเรื่อยๆภายในวิหาร และยิ่งเขาเดินเข้าไปลึกมาเท่าไหร่ก็ยิ่งมีกลีบดอกไม้ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นที่มาของกลิ่นหอมที่ไกอัสกับเดลวาลินได้กลิ่น จนกระทั่งทั้งสองมองเห็นแสงเรืองๆอยู่ที่สุดปลายทางเดิน ผ่านมุ้งผ้าม่านบางๆที่พอทำให้มองเห็นร่างมังกรหลบอยู่หลังผ้าม่านผืนนั้นจากไกลๆ

    “นั่นไง หัวหน้าเผ่ามังกรขาวอยู่ตรงนั้นเป็นแน่”

    หลังจากนั้นไกอัสก็รีบเดินย่ำเท้าเข้าไปหาร่างเงาหลังผ้าม่านนั้นในทันที ก่อนที่เขาจะมาหยุดยืนอยู่ที่ฉากผ้าม่านดังกล่าว 

    “โปรดระบุนามและจุดประสงค์ของท่านด้วย”

    เสียงของร่างเงานั้นดังขึ้นมาอู้อี้ฟังไม่ค่อยชัด แต่ก็พอจะเข้าใจความหมาย ก่อนที่ไกอัสจะมองเดลวาลินอยู่พักหนึ่ง

    “ข้า ไกอัส แบล็คดรากูน มาที่นี่ในฐานะทูตตัวแทนเผ่ามังกรดำ ขออนุญาติเข้าพบด้วย”

    อีกฝ่ายเงียบไปสักพักหนึ่งเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง ก่อนที่จะอนุญาติให้ไกอัสเข้าไปพบส่วนเดลวาลินนั้นขอรอฟังรายละเอียดอยู่ด้านนอกและปล่อยให้ไกอัสเข้าพบกับหัวหน้าเผ่ามังกรขาวแบบตัวต่อตัว

    ไกอัสค่อยๆเอาหน้าของเขาแหวกรอยแยกผ้าม่านเข้าไป สายตาของเขาค่อยๆไต่ระดับจากพื้นไปเงยหน้ามองไปเบื้องหน้า เขาพบกับแสงไฟจากเปลวเพลิงสีเหลืองอ่อนๆที่ส่องสว่าง และเขาก็เห็นปลายเท้าของเจ้าของร่างเงานี้กำลังนั่งรอการมาถึงของเขาอยู่ 

    “ยินดีต้อนรับท่านไกอัส ทูตตัวแทนจากเผ่ามังกรดำเจ้าค่ะ…” 

    ไกอัสถึงกับตะลึงไปพักหนึ่งเมื่อเจ้าของเสียงนั้น กล่าวต้อนรับการมาถึงของเขาอย่างอบอุ่น และเมื่อเขาใช้สายตามองขึ้นไปเขาก็พบกับมังกรขาวเพศเมียตัวสีขาวโพลน ดวงตาสีแดง ปลายอุ้งเท้าทั้งสี่ด้านมีสีชมพู สวมสร้อยเครื่องประดับเส้นเล็กสีเหลือง รูปร่างเพียวบางเห็นสัดส่วนเย้ายวนจนน่าหลงไหล ทำเอามังกรนักรบอย่างไกอัสที่มีจิตใจเข้มแข็ง ไม่หวั่นไหวต่อใครหน้าไหนยังยืนตะลึงอ้าปากค้างในความงดงามจับใจของมังกรสาวตนนี้ “(งาม…มังกรตนนี้…ช่างงดงามจับใจข้ายิ่งนัก…)”

    .

    .

    .

    .

    ณ ผืนป่าที่อยู่ห่างไกลออกไปจากหมู่บ้าน สโนว์บรอน ดรากูน หลายกิโลเมตร ซิฟน็อคและมังกรดำใต้ปกครองได้หนีกลับมาตั้งหลักอีกครั้งที่บริเวณปากถ้ำแห่งหนึ่ง ซึ่งสภาพมังกรดำแต่ละตัวก็ไม่สู้ดีเท่าไหร่นัก แต่กลับกันซิฟน็อคที่ต้องหนีหัวซุกหัวซุนกลับมาในตอนนี้เขาไม่สามารถกลับไปที่เผ่าได้แล้ว และเริ่มมีมังกรดำบางส่วนต้องการจะขอแยกตัวออกจากกลุ่มของซิฟน็อคเพื่อกลัวความผิด ทำให้ซิฟน็อคไม่มีทางเลือกนอกจากต้องจัดการมังกรดำเหล่านั้นทิ้งเพื่อปิดปาก

    แผล๊ะ!!!

    “ถ้าหากมีพวกเจ้าตัวใดคิดจะหนีเพราะความหวาดกลัวหรือคิดว่าตัวเองอ่อนแอไร้พลังแล้วล่ะก็ ให้ก้าวเท้าออกมาข้างหน้า ข้าซิฟน็อคผู้นี้จะมอบความตายให้กับมังกรตัวนั้นเอง!!”

    ซิฟน็อคลงมือสังหารมังกรดำตัวหนึ่งในกลุ่มด้วยการกัดขย้ำคอหอยจนเป็นแผลลึก เพื่อเชือดไก่ให้ลิงดูทำเอาไม่มีมังกรดำลูกน้องตัวไหนกล้าหือด้วย 

    ในระหว่างที่ซิฟน็อคกำลังแสดงอำนาจเพื่อซื้อใจลูกน้องของตัวเองอยู่นั้น พวกเขาไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังมีใครบางคนกำลังจดจ้องพวกเขาอยู่จากไกลๆ และคนที่กำลังจับตาดูพวกซิฟน็อคอยู่นั้น คือ ‘มังกรแห่งความมืดโบราณ เอเทล’ ที่สัมผัสได้ถึงคลื่นพลังเวทย์ของโซเบลก่อนหน้านั้นได้ แต่เธอยังไม่แน่ใจว่าคลื่นพลังเวทย์ที่เธอสัมผัสได้นั้นใช่ของโซเบลจริงๆหรือไม่ แต่ตอนนี้ดูเหมือนเอเทลจะคิดแผนการอะไรบางอย่างเพื่อสร้างความปั่นป่วนให้กับดินแดนแถบนี้

    “ความชั่วและความทะเยอทะยานของเจ้าพวกนั่น มันช่างหอมหวานเสียเหลือเกิน…มาดูกันซิ๊ว่า ข้าจะสามารถใช้ความชั่วร้ายของพวกเจ้าเล่นสนุกอะไรได้บ้าง…” 

    เอเทลพูดกับตัวเองพร้อมกับแสยะยิ้มมุมปากอย่างชั่วร้าย

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×