คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #17 : ตอนที่ 16: พันธสัญญาของไกอัส
วันต่อมาหลังจากผ่านเหตุการณ์ที่ศึกทางเหนือแคลิดมาแล้ว ไกอัสในตอนนี้กำลังนั่งรู้สึกผิดที่เขานั้นทำผิดต่อเดลวาลินอย่างร้ายแรงจนตอนนี้มันส่งผลต่อความเชื่อใจที่เขามีต่อเผ่ามังกรดำอย่างมาก จนฮามัสพี่สาวของเขายังแอบรู้สึกเป็นห่วงน้องชายของตนและได้แอบมองอยู่ห่างๆอย่างห่วงๆอยู่หน้าห้องนอนของเขา
“หวังว่าเจ้าจะไม่เป็นอะไรนะ…”
ฮามัสพูดเบาๆขึ้นมาด้วยความเป็นห่วงน้องชายในขณะที่ตนเองนั้นกำลังแอบจับตาดูอาการของเขาอย่างใกล้ชิด และพยายามไม่ไปรบกวนอีกฝ่ายมากจนเกินไป จนกระทั่งลอร่าที่เป็นห่วงไกอัสเหมือนกันก็ได้เดินทางมาหาเขาเพื่อมาดูอาการ
“เจ้ามีธุระอะไร”
“เปล่าหรอกค่ะ แค่อยากมาดูอาการของคุณไกอัสก็เท่านั้นเองค่ะ”
“งั้นหรอ แต่ข้าว่าเจ้าอย่าไปรบกวนเขาจะดีกว่า เพราะตอนนี้ไกอัสเขาคงอยากอยู่คนเดียว”
“มันก็จริงที่ตอนนี้คุณไกอัสเขาอยากอยู่คนเดียว เพราะหลอกใช้ความเชื่อใจของคุณเดลวาลินเพื่อผลประโยชน์ฝ่ายตนฝ่ายเดียวแบบนั้นจนอีกฝ่ายจับได้”
ฮามัสหันมายืนพิงกำแพงในท่ากอดอกก่อนจะพูดต่อว่า
“ไกอัสคงยำเกรงในตัวของชายผู้นั้นมากๆเลยสินะ ถึงขั้นกินไม่ได้นอนไม่หลับเช่นนี้น่ะ ? ”
“ค่ะ เพราะเมื่อก่อนคุณเดลวาลินสามารถเอาชนะคุณไกอัสได้ จนคุณไกอัสต้องขอยอมแพ้น่ะค่ะ”
ลอร่าหันหลังยืนพิงกำแพงบ้างเพื่อพูดคุยกับฮามัส
“โอ้ เดลวาลินเขาสามารถเอาชนะน้องชายข้าได้ด้วยงั้นหรือนี่ น่าตกใจจริงๆเลยนะ”
“แต่ดูเหมือนคุณฮามัสจะไม่ตกใจเท่าไหร่เลยนะคะ”
“นั่นสินะ สงสัยเป็นเพราะข้าเป็นคนตายด้านล่ะมั้ง คงไม่มีเรื่องใดที่ทำให้ข้ารู้สึกสะเทือนใจไปมากกว่านี้นอกจากเรื่องในอดีตตอนนั้นแล้วล่ะ”
ฮามัสมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยเมื่อเธอนั้นเผลอพูดถึงเรื่องบางอย่างในอดีต ซึ่งลอร่าคิดว่าเรื่องที่ฮามัสกำลังพูดถึงอาจเป็นเรื่องอะไรบางอย่างที่กระทบกระเทือนจิตใจของฮามัสอยู่แน่ๆ
“คุณฮามัสมีเรื่องอะไรในอดีตฝังใจหรอคะ ? ”
“เปล่าหรอก ไม่มีอะไร เจ้าไม่ต้องมาสนใจข้าหรอก”
หลังจากนั้นฮามัสก็เดินลงไปข้างล่าง ปล่อยให้ลอร่ายืนสงสัยอยู่อย่างนั้น แต่ภายหลังลอร่าก็เข้าไปหาไกอัสที่ห้องเพื่อถามไถ่อาการของเขาในตอนนี้ แม้ว่าฮามัสจะเตือนเธอแล้วก็ตามแต่เธอก็ยังดื้อดึงที่จะเข้ามาพบกับไกอัสให้ได้
“คุณไกอัสคะ”
ไกอัสไม่พูดอะไรก่อนจะหันไปมองลอร่าอย่างเงียบๆ และตอนนี้เขากำลังนั่งซึมอยู่บนเตียงนนอของเขา แต่ลอร่าก็คอยๆเดินเข้าไปนั่งที่เก้าอี้ที่ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามใกล้ๆเขาอย่างระมัดระวัง
“คุณไกอัสคะ เป็นอะไรรึเปล่าคะ”
“เจ้ามาทำอะไรที่นี่ เจ้าไม่ได้ไปอยู่กับกลุ่มสหายของเจ้างั้นรึ”
“ฉันอยากมาดูคุณไกอัสหน่อยหน่ะค่ะ”
“ข้าไม่อยากคุยอะไรทั้งนั้น ขอข้าอยู่เพียงผู้เดียวตามลำพังจะได้มั้ย”
ลอร่าที่เห็นว่าไกอัสยังไม่พร้อมที่จะคุยกับเขาในตอนนี้ แต่ดูเหมือนสภาพจิตใจของเขาในตอนนี้ต้องการใครสักคนเพื่อรับฟังความอัดอั้นในใจของเขา ลอร่าเดินเข้าไปนั่งข้างๆเขาพร้อมกับจับมือของไกอัสเพื่อให้เขายอมเปิดใจพูดคุยกับเธอ
“ในฐานะที่ฉันเป็นพระสงฆ์ผู้เผยแผ่คำสอนและพระผวจนะของพระแม่ไมอาร์ ฉันอยากให้คุณไกอัสลองบอกความรู้สึกที่มันกำลังอัดอั้นอยู่ในใจระบายมันออกมาให้ฉันรับฟังด้วยเถอะค่ะ”
เมื่อไกอัสได้ยินลอร่าบอกมาแบบนั้น เขาก็ไม่มีอะไรจะเสียเขาจึงได้บอกเล่าความรู้สึกที่มันอัดอั้นอยู่ในใจออกมาให้ลอร่าฟังเสมือนว่าการบอกเล่าในครั้งนี้เป็นการสารภาพบาปไปในตัว โดยเขานั้นรู้สึกผิดที่เขานั้นต้องทรยศความเชื่อใจของเดลวาลิน ชายผู้ที่สามารถสยบเขาที่เป็นถึงมังกรระดับสูงได้เพียงปลายก้อย แต่นับจากวันที่เดลวาลินบอกว่าจะไว้ชีวิตเขา ไกอัสรู้สึกว่าเดลวาลินหรือมังกรเพลิงโซเบลนั้น คือผู้มีพระคุณที่เขานั้นให้ทั้งการยอมรับและเคารพนับถือพอๆกับผู้อาวุโสของเผ่า
ไกอัสไม่รู้ว่าเขานั้นจะทำยังไง เพราะเขาไม่กล้าไปสู้หน้าเดลวาลินจึงได้เก็บตัวอยู่แต่ในห้อง จะพูดคุยกับพี่สาวก็เกรงว่าเขาจะแสดงภาพลักษณ์ความอ่อนแอออกมา ทำให้ลอร่ารู้ว่าสาเหตุที่ฮามัสพี่สาวของไกอัสไม่ยอมเข้าไปลอบน้องชายและปล่อยให้เขาอยู่คนเดียว เพราะเธอถือคติที่ว่าลูกผู้ชายต้องเข้มแข็งและยืนหยัดด้วยตนเอง การแสดงความอ่อนแอให้คนในเผ่าเห็นหรือเพศตรงข้ามถือเป็นสิ่งที่น่าอับอาย
แต่ถึงอย่างนั้นฮามัสก็น่าจะรู้ว่าไกอัสนั้นเป็นมังกรนักรบที่ต้องแบกรับหลายๆสิ่งหลายๆอย่าง ทำให้เธอนั้นก็ไม่มองว่าน้องชายอย่างเขานั้นไม่เอาไหน เพียงแต่ไกอัสจะต้องลุกขึ้นสู้เพื่อเผชิญหน้ากับอุปสรรคด้วยตนเองเพียงเท่านั้น เพื่อทำหน้าที่มังกรดำที่แข็งแกร่งที่สุดของเผ่าในการคว้าชัยชนะในสงครามมาให้ได้
“สู้ๆนะคะคุณไกอัส ถ้าหากคุณไกอัสสำนึกผิดจริงๆ คุณไกอัสก็ต้องแสดงให้คุณเดลวาลินเห็น ว่าคุณไกอัสนั้นยอมรับผิดในสิ่งที่ทำลงไปจริงๆ”
ไกอัสรู้สึกโล่งขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกเมื่อมีใครสักคนคอยรับฟังปัญหาในใจของเขา และมันก็รู้สึกดีที่มีลอร่าคอยอยู่เป็นเพื่อน ทำให้เขาเริ่มมีทัศนคติที่มีต่อมนุษย์เปลี่ยนไป
“ *ฮ่ะๆ* ไม่นึกเลยว่าในยามที่ข้ารู้สึกโดดเดี่ยวและท้อหมดกำลังใจเช่นนี้ กลับมีมนุษย์ผู้หนึ่งมาคอยอยู่เคียงข้างข้า รับฟังปัญหาของข้าในยามที่ข้าต้องการใครสักคนมาช่วยปลอบเช่นเจ้า”
ไกอัสเริ่มมีรอยยิ้มปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของเขาอีกครั้ง ซึ่งลอร่าเองก็มีรอยยิ้มขึ้นมาเช่นกันที่เธอนั้นสามารถทำให้เขาหมดห่วงจากเรื่องทุกข์ใจได้ในฐานะนักบวชที่มีหน้าที่ช่วยเหลือผู้คนในการเสี่ยงภัยอันตรายอยู่เบื้องหลังแล้ว การช่วยเหลือผู้อื่นให้หลุดพ้นจากความทุกข์ในจิตใจก็เป็นอีกหน้าที่ที่นักบวชอย่างเธอต้องพึงกระทำ ซึ่งในเวลาเดียวกันนี้เองฮามัสก็ได้แอบมองดูทั้งสองคุยกันอยู่ห่างๆผ่านช่องประตูที่หน้าห้อง
.
.
.
.
ตำหนักมังกรเฒ่าอาวุโสประจำหมู่บ้านเผ่ามังกรดำ
เดลวาลิน และสเตลร่า ได้มาปรึกษากับมังกรเฒ่าเกรย์ออลที่ตำหนักเป็นการส่วนตัว เพื่อที่จะหารือในการหาวิธีเจรจาเพื่อยุติสงครามในครั้งนี้ โดยมีซิฟน็อคและบรรดามังกรดำรองอาวุโสอีกจำนวนหนึ่งอยู่ร่วมประชุมในครั้งนี้ด้วย เพื่อให้ผู้นำเผ่ามังกรดำทุกตนได้รับทราบและเห็นพ้องต้องกันในเรื่องนี้
“เจ้าจะให้พวกเราส่งทูตไปเจรจากับเผ่ามังกรขาวเพื่อยุติสงครามอย่างงั้นรึ ? ”
“ใช่แล้ว ถ้าหากพวกนายขืนทำสงครามต่อไป เผ่ามังกรดำของพวกนายอาจต้องหายไปจากโลกนี้ในวันข้างหน้าเป็นแน่ และทางออกที่ดีที่สุดในเวลานี้สำหรับเผ่ามังกรดำก็คือ การขอการเจรจาประณีประนอมอย่างสันติวิธี”
“มันจะเป็นเช่นนั้นไปได้อย่างไรกัน! เผ่ามังกรดำอย่างพวกข้ามีเกียรติและศักดิ์ศรี เจ้าจะมาบอกให้พวกข้ายอมอ้อนข้อให้พวกมังกรขาวชั้นต่ำอย่างงั้นรึ ?! ”
ซิฟน็อครีบแย้งขึ้นมาในทันที ทำให้บรรยากาศในการประชุมเริ่มตึงเครียดขึ้นมาในทันที แต่ก็ยังได้มังกรเฒ่าคอยปรามเอาไว้เพื่อไม่ให้บรรยากาศตึงเครียดไปมากกว่านี้
“ใจเย็นๆก่อนซิฟน็อค…มนุษย์ผู้นี้กำลังหาทางเพื่อช่วยเหลือพวกเราอยู่นะ”
“เชอะ! เจ้ามนุษย์ผู้นี้มีดีอะไรนักหนา ท่านถึงได้ฝากอนาคตของเผ่าให้กับเจ้ามนุษย์ผู้นี้กันรึ ?! ”
“ก็มนุษย์ผู้นี้สามารถเอาชนะพวกข้าได้ตั้งห้าตนพร้อมกัน ถ้าเทียบกับมนุษย์ที่มีพลังเวทย์ปกติแล้วเป็นไปไม่ได้เลยที่จะสามารถรับมือกับมังกรระดับสูงเพียงคนเดียวได้ขนาดนั้น”
มังกรผู้ช่วยของเกรย์ออลพยายามอธิบายให้ซิฟน็อคฟังและได้รู้ถึงวีรกรรมในการประลองทดสอบความสามารถของเดลวาลินให้เขาฟัง แต่ดูเหมือนซิฟน็อคนั้นจะไม่รับฟังคำอธิบายเรื่องเหล่านั้นแถมยังมองว่ากลุ่มมังกรผู้ช่วยนั้นอ่อนแอเนื่องจากเอาแต่หมกตัวอยู่กับเกรย์ออลจนฝีมือเริ่มถดถอยถึงขั้นสู้กับมนุษย์ที่มีพลังระดับจอมเวทย์ไม่ไหว
คำพูดของซิฟน็อคทำเอามังกรผู้ช่วยและมังกรดำตนอื่นๆในที่ประชุมบางตนไม่พอใจที่อีกฝ่ายกล่าวหาว่าตนเองนั้นอ่อนแอและไร้ความสามารถต่อหน้ามังกรเฒ่าเกรย์ออล จนเหตุการทะเลาะภายในเริ่มบานปลายทำให้เกรย์ออลก็กระทืบปลายหางลงพื้นเพื่อให้ทุกคนอยู่ในอาการสงบ
ตุบ! ตุบ!
“โปรดรักษาความสงบในที่ประชุมด้วย…*แค่ก แค่ก* ที่นี่เป็นตำหนักของข้า…ใช่ว่าจะส่งเสียงดังเอะอะได้ตามใจชอบนะ…!”
เกรย์ออลกล่าวปรามมังกรดำทุกตนด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีพร้อมกับเสียงที่แหบแห้งจนแทบจะหมดเสียง และด้วยความเกรงใจทำให้เหล่ามังกรดำทั้งหมดหยุดที่จะต่อปากต่อคำกันอีก และเมื่อเกรย์ออลเห็นว่าสถานะการณ์ทุกอย่างเขาก็ได้ถามเดลวาลินต่อ
“ต่อเลย…ว่าเจ้ามีแผนยังไง”
“อย่างที่บอก สถานะของเผ่ามังกรดำในสงครามครั้งนี้ถือว่าเป็นรองเผ่ามังกรขาวอย่างมากแบบห่างชั้น ทั้งจำนวนประชากร อาหาร ที่อยู่อาศัย และพื้นที่อาณาเขตครอบคลุม ทุกอย่างฝ่ายพวกคุณแพ้ทุกทาง”
เมื่อเกรย์ออลและมังกรอาวุโสตนอื่นๆได้ยินดังนั้น พวกเขาก็พากันครุ่นคิดเพื่อประเมินสถานการณ์ในเวลานี้ พวกเขาต้องตัดสินใจแล้วว่า ‘จะยอมทิ้งศักดิ์ศรีของตนเองเพื่อให้มีชีวิตรอดต่อไป’ หรือ ‘จะดื้อดึงทำสงครามต่อไปแล้วตายอย่างมีเกียรติเพื่อดำรงศักดิ์ศรีของเผ่าพันธ์ุเอาไว้’ แต่สุดท้ายกลุ่มมังกรผู้อาวุโสทั้งหลายก็ตัดสินใจที่จะยอมอ่อนข้อขอเจรจากับเผ่ามังกรขาว นั่นจึงทำให้ซิฟน็อคที่อยู่ด้วยรู้สึกผิดหวังและหมดศรัทธาในตัวกลุ่มมังกรผู้อาวุโสของเผ่าตน
“นี่พวกเจ้าเลือกที่จะก้มกราบกรานขอร้องพวกมังกรขาวชั้นต่ำในการจบสงครามงั้นรึ ?! ”
“เพื่อความอยู่รอดของเผ่า บางทีพวกเราก็ควรจะยอมอ่อนข้อให้ในบางเรื่องบ้าง”
เมื่อเหล่ามังกรรองอาวุโสให้คำตอบกลับมาแบบนั้น มันก็ทำให้ซิฟน็อครับไม่ได้ที่เผ่ามังกรดำที่ยิ่งใหญ่และเป็นที่น่าหวาดเกรงต้องแสดงความอ่อนแอออกมาแบบนี้ การเจรจาอย่างสันติวิธีไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ พลังและอำนาจต่างหากคือสิ่งที่เขาเชื่อมาตลอดว่าจะเป็นสิ่งที่ทำให้เผ่ามังกรดำดำรงอยู่ต่อไป
“ข้าไม่เห็นด้วยที่พวกท่านจะยอมทิ้งศักดิ์ศรีเผ่ามังกรดำที่สูงส่งไปเช่นนี้! ไม่ว่าอย่างไรพวกเราก็ต้องสู้ให้ถึงที่สุดถึงจะถูกต้อง!!”
“นี่เป็นการตัดสินใจของพวกข้าและท่านเกรย์ออล และในฐานะที่พวกข้าผู้อาวุโสในเผ่าเจ้าควรจะรับคำตัดสินในการตัดสินใจของพวกข้าสะ!”
"พวกท่านจะเห็นดีเห็นงามกับในเรื่องสันติภาพจากไอ้แค่มนุษย์เดินดินเพียงผู้นี้งั้นหรือ?! พวกท่านเชื่อในคำพูดของเขาแทนที่จะเชื่อมั่นในตัวข้าอย่างงั้นรึ?!!"
"การตัดสินใจของพวกข้าถือว่าเป็นอันสิ้นสุด ในเมื่อเหล่าผู้อาวุโสในที่ประชุมแห่งนี้เห็นชอบที่จะให้มีการเจรจาสงบศึก พวกเราก็จะดำเนินแผนกาีไผตามนั้น"
เมื่อซิฟน็อคถูกเหล่ามังกรดำอาวุโสตอบกลับมาอย่างหนักแน่นแบบนั้น เขาจึงตัดสินออกจากการประชุมพร้อมกับกล่าวโทษทุกคนในที่ประชุมเป็นครั้งสุดท้าย โดยเฉพาะเดลวาลินที่เขาเกลียดชังในการกระทำของเขามากที่สุด โทษฐานที่เดลวาลินนั้นเข้ามาเป็นคนกลางจนเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
“แล้วพวกท่านจะต้องเสียใจ!!”
ซิฟน็อคเดินออกไปจากตำหนักพร้อมกับท่าทีที่ไม่สบอารมณ์อย่างยิ่ง แต่ทุกคนก็ไม่ได้ห้ามอะไรและปล่อยให้เรื่องนี้มันผ่านไป เกรย์ออลรู้สึกลำบากใจที่เขานั้นทำร้ายความรู้สึกของซิฟน็อค เพราะซิฟน็อคนั้นมีความเชื่ออย่างแรงกล้าว่าเผ่ามังกรดำนั้นสูงส่ง แข็งแกร่ง ไม่หวั่นเกรงต่อใครหน้าไหน และมันก็ต้องโทษที่เกรย์ออล ที่เขานั้นปลูกฝังความเชื่อนี้ให้กับมังกรในรุ่นหลังๆสมัยที่เขายังรุ่งโรจน์
และด้วยอายุที่มากขึ้นผ่านมรสุมชีวิตมามากมายทำให้เขาเข้าใจสัจธรรมของชีวิต แต่จะมาเสียใจตอนนี้มันก็สายเกินไปแล้ว ตอนนี้เขาเป็นเพียงไม้ใกล้ฝั่งที่ใกล้ผุพังเต็มทีแต่ตอนนี้สิ่งที่พวกเขาต้องโฟกัสนั่นก็คือการเจรจาทางการทูตเพื่อขอสงบศึก
“เอาล่ะ ในเมื่อผลสรุปออกมาเป็นเช่นนี้ พวกข้าในขอเป็นตัวแทนท่านเกรย์ออลมอบหมายหน้าที่ให้กับเจ้าเป็นทูตเดินทางไปเจรจาขอสงบศึกกับเผ่ามังกรขาว”
“ด้วยความยินดี แต่ก่อนหน้านั้นฉันยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่อยากจะขอในการเดินทางไปทำหน้าที่เป็นทูตในครั้งนี้ด้วย”
“อะไรงั้นรึ ? ”
เกรย์ออลถาม ก่อนที่เดลวาลินจะพูดอะไรบางอย่างออกมา ซึ่งมันจะเป็นความลับในที่ประชุมนี้เท่านั้น
.
.
.
.
ณ ถ้ำแห่งหนึ่งนอกหมู่บ้านแคลิด ดรากูน
เดลวาลิน สเตลร่า ได้เดินทางมายังถ้ำแห่งหนึ่งซึ่งเผ่ามังกรดำใช้เป็นสถานที่ทิ้งขยะรวมไปถึงขังนักโทษเชลยสงคราม และแน่นอนว่าสถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่เดียวกันกับที่ใช้คุมขังมังกรขาวที่ถูกจับมาได้ในสงคราม ซึ่งสภาพการใช้ชีวิตของพวกเขาดูไม่ค่อยสู้ดีเท่าไหร่ เนื่องจากต้องทนอยู่กับกลิ่นเหม็นเน่า และสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยเศษเลือดเศษเนื้อโครงกระดูกสิ่งมีชีวิตต่างๆที่ถูกเผ่ามังกรดำกินหรือฆ่าตลอดเวลา อีกทั้งยังมีกำแพงเวทย์ผนึกมังกรปิดปากถ้ำอย่างแน่นหนาทำให้ไม่มีมังกรขาวตนไหนสามารถหนีออกมาได้
“ฉันไม่ชอบที่นี่เลยแหะ”
เดลวาลินและสเตลร่ายืนมองอยู่ด้านนอกปากทางเข้าถ้ำ พร้อมกับกลิ่ินที่ไม่พึงประสงค์ลอยมาเตะจมูก
“ช่วยไม่ได้ล่ะนะ พวกมังกรดำจับนักโทษมาขังเอาไว้ที่นี่แล้วปล่อยให้เน่าตาย”
สเตลร่าหลับตาหยักไหล่ทำท่าเหมือนจะปล่อยเลยตามเลย ก่อนที่เดลวาลินจะบอกให้มังกรดำผู้คุมทำการคลายมนต์ผนึกออก และให้มังกรดำอีกกลุ่มเข้าไปพากลุ่มมังกรขาวที่เป็นนักโทษออกมา เพื่อที่เขาจะพากลุ่มมังกรขาวที่เป็นเชลยทั้งหมดพากลับไปส่งที่เผ่ามังกรขาว
จนเมื่อมังกรขาวที่เป็นนักโทษทั้งหมดถูกพาตัวออกมา เดลวาลินก็ได้ประกาศให้มังกรขาวทุกตนได้ทราบว่า หลังจากนี้เขาจะพาพวกตนกลับไปที่เผ่าและขอเข้าพบกันมังกรอาวุโสของเผ่ามังกรขาวเพื่อนำสารขอเจรจาสงบศึกไปมอบให้ และเมื่อเหล่ามังกรขาวหลายร้อยตนได้ยินดังนั้นก็ต่างพากันดีอกดีใจที่พวกตนนั้นจะได้กลับบ้านและไม่ต้องสู้รบอีกต่อไป แต่บางตนก็ยังมีท่าทีไม่เชื่อในคำพูดของเดลวาลิน เพราะเกรงว่าจะเป็นกลลวงของเผ่ามังกรดำ
“นี่เจ้าใช้เล่ห์กลลวงใดมาหลอกพวกข้ารึเปล่า? มีหรือที่พวกมังกรดำชั่วช้าพวกนี้จะยอมปล่อยพวกข้าไปง่ายๆ”
มังกรขาวสวมเกราะที่เคยต่อสู้กับเดลวาลินที่สนามรบถามขึ้นมาด้วยท่าทีพร้อมกับมองมาที่เขาอย่างไม่ไว้ใจ
“ไม่มีกลลวงหรือลูกไม้อะไรทั้งนั้นแหละ เพราะตอนนี้สงครามมันใกล้จะจบลงแล้ว”
มังกรขาวสวมเกราะทำหน้าประหลาดใจ ก่อนที่เดลวาลินจะถามถึงชื่อของเขา เพราะตั้งแต่ที่ทั้งสองเจอกันครั้งแรกที่สนามรบนอกเขตแดน ก็ยังไม่มีฝ่ายใดบอกชื่อเสียงเรียงนามเลย และเมื่อมังกรขาวสวมเกราะได้ยินดังนั้น เขาจึงแนะนำตัวเองให้เดลวาลินกับสเตลร่าว่าตัวเขานั้นมีชื่อว่า ‘แรนแซค’ มังกรขาวนักรบที่แข็งแกร่งที่สุดในเผ่ามังกรขาว ก่อนที่เดลวาลินกับสเตลร่าจะแนะนำตัวให้อีกฝ่ายรู้จัก
“แรนแซคงั้นหรอ ถึงว่านายดูแข็งแกร่งและสง่างามมากกว่ามังกรขาวตัวอื่น”
“อย่างงั้นรึ แต่ข้าก็ต้องขอยอมรับเลยนะว่า เจ้าเป็นมนุษย์ที่มีพลังเวทย์แข็งแกร่งจริงๆ…แข็งแกร่งจนเกิดความคาดหมายของข้าไปมากเลยทีเดียว…”
แรนแซคพยักหน้าให้หนึ่งทีเป็นการทักทายเล็กๆน้อยๆ
“พวกนายพร้อมแล้วใช่มั้ยที่จะกลับบ้าน”
“แน่นอน ว่าพวกข้าอยากจะกลับบ้านแล้ว”
“ถ้างั้นพวกนายเป็นคนนำทางพาฉันไปที่เผ่าก็แล้วกัน”
แรนแซคพยักหน้ารับคำ แต่เขาก็ติดปัญหาอยู่เรื่องหนึ่งนั่นคือะ เขาไม่สะดวกที่จะให้มังกรดำติดตามในการออกเดินทางกลับไปที่เผ่าในครั้งนี้ เนื่องจากตัวเขานั้นรวมถึงมังกรขาวตนอื่นๆไม่เชื่อใจและไม่ไว้ใจเผ่ามังกรดำ เพราะเกรงว่าอาจจะมีมังกรดำบางตัวแอบติดตามจนไปเจอที่อยู่ของหัวหน้าเผ่าได้เพื่อความปลอดภัย
เมื่อเดลวาลินเห็นดังนั้นเขาก็ยอมทำตามที่ขอ แม้ว่ามังกรดำบางตนที่เป็นผู้คุมจะไม่เห็นด้วยที่ต้องให้เดลวาลินคุมมังกรขาวกลับไปที่เผ่าเพียงลำพัง แต่เดลวาลินก็มองว่านั่นไม่ใช่ปัญหาเพราะหากมีมังกรขาวตัวไหนเล่นแง่เชิงตลบหลังเขาก็จะจัดการมันเอง นั่นจึงทำให้มังกรดำที่เป็นผู้คุมยอมทำตามที่เขาบอกเพื่อเชื่อว่าเดลวาลินสามารถรับมือฝูงมังกรขาวพวกนี้ได้
แต่ในขณะที่เดลวาลินกับสเตลร่ากำลังจะเดินทางไปยังเผ่ามังกรขาวเพื่อทำการเจรจา จู่ๆ ไกอัสที่มาพร้อมกับกลุ่มของเซอร์ริวก็ตามมาสมทบได้ทันเวลา
“ท่านเดลวาลิน! ท่านเดลวาลินช้าก่อนขอรับ!”
ทุกคนหันไปมองที่ด้านหลังตามเสียงเรียกของไกอัส ก่อนที่ไกอัสและคนอื่นๆจะวิ่งเข้ามาหาเดลวาลิน
“คุณเดลวาลินจะเดินทางไปที่เผ่ามังกรขาวแล้วหรอคะ ? ”
“อืม ตอนนี้ผู้อาวุโสของเผ่ามังกรดำอนุญาติและแต่งตั้งให้ฉันเป็นทูตตัวแทนเจรจาสงบศึกแล้ว ถ้าหากการเจรจาราบรื่นบางทีสงครามก็อาจจะจบลงโดยเร็ว”
“จริงหรอคะ แสดงว่ามังกรทั้งสองเผ่าจะไม่ต้องต่อสู้ฆ่าล้างกันอีกต่อไปแล้วสินะคะ”
เดลวาลินพยักหน้ารับเป็นการยืนยันคำตอบ ก่อนที่ไกอัสจะเดินเข้ามาเพื่อขอโอกาสกับเดลวาลินเพื่อที่เขาจะขอแก้ตัวอีกครั้ง หลังจากที่เขานั้นทำผิดต่อเดลวาลินเมื่อวันก่อน
“ท่านเดลวาลิน…คือว่าข้า…”
ยังไม่ทันที่ไกอัสจะได้พูดอะไร เดลวาลินก็ยกมือขึ้นมาบอกว่าเขาไม่จำเป็นต้องพูดอะไร เพราะตนนั้นรู้อยู่แล้วว่าไกอัสนั้นอยากจะบอกอะไร
“นายไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น ฉันไม่อยากฟังคำโกหกหรือคำแก้ตัวอะไรทั้งนั้น”
“แต่ว่าท่านเดลวาลิน….ข้าต้องขออภัยอย่างสูงจากท่านจริงๆขอรับ…ข้าเพียงแค่อยากจะให้เผ่าของข้าอยู่รอดต่อไปในยามสงครามก็เท่านั้น…”
“แล้วนายก็หลอกใช้ความเชื่อใจและความหวังดีของฉันเพื่อผลประโยชน์ตัวเอง แล้วให้ฝ่ายที่ถูกกระทำต้องเจ็บปวดแสนสาหัสเพิ่มมากขึ้น นี่น่ะหรอสิ่งที่มังกรนักรบที่แข็งแกร่งและกล้าหาญที่สุดพึ่งกระทำกับคนอื่นที่อยากจะยื่นมือเข้ามาช่วยน่ะ ? ”
ไกอัสคุกเข่าก้มหน้าลงและไม่มีคำพูดใดๆจะเถียงทั้งสิ้น เขาหลับตาปี๋และกลั้นน้ำตาจนมันไหลรินออกมาแอบแก้มทั้งสองข้างเพื่อแสดงให้เห็นว่าเขานั้นรู้สึกผิดจากใจจริงอย่างลึกซึ้งไม่มีเจตนาแอบแฝงใดๆ ทำเอาลอร่าและคนอื่นๆรู้สึกว่าไกอัสดูน่าสงสารเวทนา ที่เขานั้นต้องการจะขอโอกาสแก้ตัวจากคนที่เขาเคารพนับถือมากที่สุดอีกครั้ง
เขาไม่สนว่าการกระทำที่แสดงความอ่อนแอของเขาในครั้งนี้ใครจะมองเขาเป็นยังไงก็ช่าง แต่สำหรับเขาแล้วการขอโอกาสได้แก้ตัวอีกครั้งเพื่อให้เขาได้ทำในสิ่งที่ถูกต้องเพื่อชดใช้ความผิดจากคนที่เขาเคารพเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ แรนแซค มังกรขาวที่แข็งแกร่งที่สุดของเผ่ามังกรขาว เมื่อเห็นว่าไกอัสแสดงสีหน้าและอารมณ์ถึงความเศร้าสร้อยและความเจ็บปวดอย่างลึกซึ้ง มันก็ทำให้เขามีมุมมองบางอย่างต่อเผ่ามังกรดำที่เปลี่ยนไป และเขารู้สึกว่าเผ่ามังกรดำที่ชั่วร้ายและป่าเถื่อนเอง ก็มีความรู้สึกและหัวใจอยู่บ้างเหมือนกัน
แต่เขาไม่เข้าใจว่าทำไมไกอัสมังกรนักรบที่แข็งแกร่งที่สุดของเผ่ามังกรดำที่มังกรขาวทุกตัวต่างก็พูดถึงในความเก่งกาจ ถึงยอมสยบแทบเท้าต่อหน้ามนุษย์หนุ่มเพียงคนเดียวแบบนี้ นั่นคือสิ่งที่แรนแซคยังค้างคาใจเช่นเดียวกับมังกรขาวตนอื่นๆ
“(ไกอัสมังกรนักรบแห่งเผ่ามังกรดำ ยอมก้มหัวแทบเท้าศิโรราบให้กับมนุษย์เดินดินถึงเพียงนี้เชียวรึนี่ ข้าชักสงสัยแล้วว่ามนุษย์ผู้นี้มีความลับอันใดซ่อนอยู่กันแน่)”
แรนแซคนึกสงสัยในใจและเหลือบสายตามองลงมาเบื้องล่างที่ตัวของเดลวาลินที่กำลังยืนหันหลังให้ตน
“นายจะเอายังไงล่ะ ไกอัสเขาแทบจะกราบเท้านายอยู่แล้วนะ นายจะไม่ให้อภัยเขาจริงๆหรอ”
สเตลร่าหันมาถามเดลวาลิน ก่อนที่อีกฝ่ายจะยืนคิดอยู่ครู่หนึ่งจนลอร่าต้องเข้ามาช่วยคุยอีกแรง
“ยกโทษให้คุณไกอัสเถอะนะคะ คุณไกอัสเขาสำนึกผิดในบาปของเขาแล้ว ถ้าคุณเดลวาลินยังมีความเมตตากรุณาอยู่ ได้โปรดให้อภัยแก่คุณไกอัสเถอะนะคะ”
ลอร่าอ้อนวอนขอร้องเดลวาลินอย่างสุดความสามารถ แต่เหมือนเขาจะยังตัดสินใจไม่ได้เพราะมันไม่มีหลักประกันอะไรที่จะทำให้เขามั่นใจว่าไกอัสจะไม่หลอกใช้เขาอีก จนเมื่อไกอัสหมดหนทางเลือกอื่นจริงๆเขาจึงตัดสินใจพูดอะไรบางอย่างขึ้นมา
“ถ้าหากท่านเดลวาลินต้องการหลักประกันที่แสดงถึงความภักดีของข้าที่มีต่อท่านล่ะก็…ข้ายอมให้ท่านลูบเขาบนหัวและหางของข้าอย่างเต็มใจเลยก็ได้ขอรับ.. > < !! ”
เหล่ามังกรขาวและมังกรดำที่อยู่บริเวณใกล้เคียงต่างพากันชะงักด้วยความตกใจเมื่อได้ยินไกอัสพูดออกมาแบบนั้น เพราะการมังกรดำจะยอมให้ใครก็ตามมาลูบเขาบนศีษระและหางของตนนั้น มังกรดำนั้นตัวนั้นจะต้องยอมรับตัวของบุคคลคนนั้นทั้งกายและใจอย่างหาที่สุดไม่ได้และมันเปรียบเสมือนเป็นพันธสัญญาของมังกรตัวนั้นว่า 'จะรับใช้และปรนนิบัติต่อคนคนนั้นในฐานะเจ้านายหรือนายเหนือหัวและยอมตายเพื่อคนผู้นั้น หากผิดคำพูดจะต้องชดใช้ด้วยชีวิตของตน'
เรื่องนี้สร้างความประหลาดใจให้กับแรนแซคอย่างมากที่ไกอัสนั้นกล้าเดิมพันด้วยชีวิตของเขาเองเพื่อแลกกับความเชื่อใจถึงขนาดนี้ยิ่งทำให้เขาอยากรู้เหลือเกินว่า เดลวาลินนั้นเขาเป็นใครกันแน่ ทำไมถึงมีอิทธิต่อไกอัสมากมายถึงขนาดนี้ แต่ในเวลาเดียวกันนี้เอง เดลวาลินที่เห็นว่าไกอัสยอมยื่นคำขาดมาแบบนี้ เขาจึงยอมที่จะให้โอกาสไกอัสอีกครั้งแต่ในคราวนี้เขาจะให้ไกอัสมาเป็นมังกรบริวารข้ารับใช้ของตน
ไกอัสค่อยๆก้มหน้าลงเพื่อให้เดลวาลินเริ่มใช้มือสัมผัสไปที่เขาบนศีษระของเขาก่อนจะลูบไหล่ลงมาที่ต้นคอลงมากลางหลังจรดไปถึงปลายหาง แต่ในระหว่างนั้นเองเขาก็ได้แอบร่ายเวทย์ 'ตรามังกรเพลิงพันธวิญญาณ' เวทย์มนต์ที่จะแผดเผาร่างผู้ใดก็ตามที่ทำพันธสัญญาหากคนคนนั้นทำผิดข้อตกลงหรือผิดคำพูดที่ให้ไว้กับผู้ร่ายมนต์ตรานี้จนเหลือแต่ขี้เถ้า
“ถ้าหากนายผิดคำพูดอีกล่ะก็ นายจะไม่มีโอกาสครั้งที่สองแล้วนะ”
“ข้าเข้าใจแล้วขอรับ…ชีวิตของข้าเป็นของท่านแล้ว และข้าขอให้คำสัจต่อหน้าท่านและเหล่าสหายเพื่อนร่วมทางของท่านว่า นับแต่นี้เป็นต้นไปข้าจะปรนนิบัติรับใช้ท่านด้วยความซื่อสัตย์และจริงใจตลอดไป v v ”
เดลวาลินพยักหน้าและสเตลร่ากับคนอื่นๆก็พยักหน้ารับรู้กันถ้วนหน้า
หลังจากนั้นทุกคนก็เดินทางไปยังที่ตั้งของหมู่บ้านเผ่ามังกรขาว โดยเดลวาลินได้มอบหมายหน้าที่ให้ไกอัสทำหน้าที่เป็นข้ารับใช้คอยติดตามอารักขาสมาชิกคนอื่นๆในกลุ่มนักผจญภัยและตรวจตราดูแลความเรียบร้อยในการนำกลุ่มมังกรขาวกลับไปส่งที่เผ่า ส่วนตัวเขากับสเตลร่านั่งอยู่ที่หลังของของแรนแซคอยู่ที่ด้านหน้า
ดูเหมือนสถานการณ์ทุกอย่างกำลังจะดำเนินไปได้ด้วยดี สัญญานแห่งสันติภาพระหว่างมังกรทั้ง 2 เผ่ากำลังทอแสงบนฟ้า สงครามที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดและความทรมานของเผ่ามังกรดำและเผ่ามังกรขาวกำลังจะสิ้นสุดลงในเร็ววัน
แต่ดูเหมือนจะมีมังกรดำอยู่ตนหนึ่งที่ต้องการจะให้สงครามคงอยู่ต่อไปนั่นคือ ซิฟน็อค มังกรดำที่มีความทะเยอทะยานและต้องการแสดงอำนาจผ่านความหวาดกลัว เขาจ้องมองกลุ่มคณะทูตของเดลวาลินที่กำลังบินจากไปด้วยสีหน้าที่โกรธแค้นและรอโอกาสที่เขาจะสังหารเดลวาลินให้ได้
ความคิดเห็น