คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : ตอนที่ 15: หย่าศึกชั่วคราว
เช้าวันต่อมา
ไกอัสได้เดินทางไปพบกับเกรย์ออลเพื่อพูดคุยถึงสถานการณ์ของซิฟน็อก เพราะในเวลานี้ซิฟน็อกถูกส่งให้ไปกำจัดเผ่ามังขาวที่กระจายกลุ่มอยู่ทั่วแดนแคลิด แต่ดูเหมือนซิฟน็อกจะไม่ได้ส่งข่าวคราวอะไรมาเลยตั้งแต่เมื่อวานซืนแล้ว
“ข่าวคราวจากซิฟน็อกเป็นอย่างไรบ้างขอรับ”
“ *แค่ก…แค่ก…* ข้ายังไม่ได้รับข่าวใดๆจากซิฟน็อกเลย…แต่เจ้าไม่ต้องเป็นกังวลไป…ยังไงซิฟน็อกเขาก็ต้องดูแลตัวเองได้อยู่แล้ว *แค่ก…แค่ก* ”
“เรื่องความสามารถข้าไว้ใจหมอนั่นได้อยู่แล้วขอรับ แต่ว่า…ข้าเกรงว่านิสัยมุทะลุ ดุดัน ชอบอาละวาดของเขาจะทำให้พวกเราลำบาก”
“มันก็จริง…ว่าซิฟน็อกนั้นทุ่มเทจิตวิญญาณและหน้าที่ของตนเองทั้งหมดไปในการศึกเพื่อปกป้องเผ่ามังกรดำของพวกเรา…แต่ว่าซิฟน็อกมีจุดประสงค์อื่นที่นอกเหนือไปมากกว่านั้นอีก”
“ท่านผู้อาวุโสหมายถึง ซิฟน็อกต้องการจะขึ้นมาเป็นผู้นำเผ่ามังกรดำของพวกเราต่อจากท่านหรือขอรับ ? ”
“อืม…ข้าคิดเอาไว้ว่าหลังจากที่ข้าตายไป…ข้าจะให้ซิฟน็อกขึ้นมารับตำแหน่งเป็นมังกรผู้นำเผ่าตนต่อไป”
ไกอัสอึ้งไปเล็กน้อยที่เกรย์ออลนั้นเลือกที่จะให้ซิฟน็อกขึ้นเป็นผู้นำเผ่าเป็นรุ่นต่อไป แต่เขาก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะเขาเคารพการตัดสินใจของเกรย์ออล
“ขอรับ ถ้าท่านผู้อาวุโสตัดสินใจเลือกซิฟน็อก ข้าก็ขอแสดงความยินดีกับเขาล่วงหน้าขอรับ”
ไกอัสหลับตาพร้อมกับพยักหน้าเบาๆ
“เผ่าของพวกเรา…แม้จะถูกพวกเรามังกรขาวก่นด่าสาปแช่งจากเผ่ามังกรขาว แต่เจ้ารู้ใช่หรือไม่…ว่าเผ่ามังกรดำของพวกเราจำเป็นต้องกินสิ่งมีชีวิตอื่นเพื่อความอยู่รอด…ถ้าพวกเราไม่ฆ่าสิ่งมีชีวิตอื่นเพื่อดำรงชีพพวกเราก็ต้องตาย…”
“เรื่องนั้นข้ารู้ขอรับ”
“เพราะฉะนั้น…เผ่าของพวกเราจึงต้องหามังกรสักตนที่มีความเด็ดขาด…มีความสามารถในการต่อสู้และการปกครอง เพื่อที่จะให้เผ่ามังกรดำของพวกเราดำรงอยู่ต่อไป…”
“มันเป็นวัฏจักรของธรรมชาติในตัวพวกเราขอรับ เรื่องนั้นข้าเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งดี”
“เอาล่ะ…ถึงเวลาที่เจ้าจะต้องไปทำหน้าที่พร้อมกับกลุ่มมนุษย์เหล่านั้นแล้ว ตอนนี้เจ้าไปได้แล้ว ข้าจะพักผ่อน…”
“ขอรับ…ขอให้ท่านผู้อาวุโสดูแลตัวเองด้วย”
ไกอัสคำนับหัวเล็กน้อยก่อนจะเดินจากไป เพื่อกลับไปหากลุ่มของเดลวาลินที่ยืนรออยู่ด้านนอก ซึ่งในเวลานี้กลุ่มของเดลวาลินก็กำลังยืนรอเขาอยู่พอดี
“พวกเจ้าพร้อมจะไปกันแล้วรึยัง”
“อืม พวกเราพร้อมแล้ว”
เดลวาลินตอบ
“อืม ถ้าเช่นนั้นขึ้นมาบนหลังข้าเลยขอรับ”
หลังจากนั้นทุกคนก็ออกเดินทางมุ่งหน้าขึ้นไปทางตะวันออกเฉียงเหนือจากหมู่บ้านมุ่งหน้าไปยังสนามรบที่กำลังเกิดการต่อสู้ระหว่างมังกรดำกับมังกรขาว
ตัดภาพมายังดินแดนเซลเลน พื้นที่ที่เต็มไปด้วยความแห้งแล้ง ซากศพของมังกรและสิ่งมีชีวิตจำนวนมากนอนตายกองทับทมกันอย่างน่าสะอิดสะเอียน ไม่ว่าจะเป็นมังกรดำหรือมังกรขาวที่แต่ละตัวมีร่องรอยบาดเจ็บจากสงคราม บ้างก็ปีกหักจนเห็นกระดูกแทงทะลุออกมา ศีษระหายไปครึ่งซึก หรือกรามหลุดหายไปเป็นต้น เหล่านกแร้งและกาหรือสัตว์กินซากต่างก็ใช้สถานที่แถบนี้เป็นแหล่งอาหาร พวกมันกัด จิกกินซากมังกรอย่างตะกละตระกราม แต่ร่างกายของพวกมันก็มีร่องรอยบาดแผลและการย่อยสลายจนเหมือนซากศพเนื่องจากพวกมันติดคำสาปอะไรบางอย่าง
ไกอัสบินผ่านพื้นที่เซลเลนที่เน่าเฟะนี้ไปอย่างรวดเร็ว เพราะเขานั้นไม่อยากจะให้กลุ่มของเดลวาลินได้เห็นภาพที่น่าสยดสยองชวนอ้วกเหล่านี้ และเขาก็ไม่อยากจะทนกลิ่นเหม็นเน่าจากซากศพมังกรของฝั่งตนเองและฝั่งศัตรูด้วย กลิ่นเน่านั้นโชยขึ้นมาอย่างรุนแรง แม้ว่าไกอัสจะบินอยู่ระดับความสูงถึง 500 เมตร ทำเอาเซอร์ริวถึงกับจะอาเจียนตรงนั้น แต่เขาก็ต้องพยายามเอามือปิดจมูกและปากเอาไว้ คนอื่นๆเองก็มีสภาพไม่ต่างกันเท่านั้นยกเว้นสเตลร่าที่ดูเหมือนจะเฉยๆกับกลิ่นเหล่านี้ รวมถึงเดลวาลินก็ด้วย
“ที่นี่มันนรกชัดๆเลย…มีแต่ศพมังกรนอนตายกันเกลื่อนเต็มไปหมด >x< ”
เซอร์ริวพูดและใช้มืออุดจมูกตนเองเอาไว้ตลอดเวลา
“ทั้งสองฝ่ายคงต่อสู้กันดุเดือดมากเลยสินะเนี่ย ถึงได้มีศพมังกรดำและมังกรขาวเกลื่อนขนาดนี้”
อลันบีพูด
“ทำไมถึงปล่อยให้ศพนอนเกลื่อนกลาดแบบนี้ล่ะคะคุณไกอัส ? ”
“เพราะจำนวนมังกรที่ตายในสนามรบมันมีมากจนเกินไปน่ะสิ…และอีกอย่างมังกรในเผ่าทุกตัวก็ไม่ชอบให้มีกลิ่นรบกวนจากซากศพพวกเดียวกันด้วย”
“แล้วทำไมไม่เผาทำลายศพพวกนั้นล่ะคะ”
“พวกข้าเคยทำมาแล้ว แต่จำนวนศพมันมีมากจนเกินไปและพวกเผ่ามังกรขาวมันก็ลอบเข้ามาป่วนพวกเราไม่หยุด พวกเราจึงไม่มีเวลาในการจัดการศพให้ดีกว่านี้”
เมื่อลอร่าได้รับคำตอบแบบนั้นจากไกอัสแล้ว เธอก็แอบเวทนาต่อเหล่ามังกรที่ต้องตายไปในการต่อสู้ครั้งนี้ เธอจึงกุมมือกม้หน้าลงหลับตาทำท่าเหมือนสวดภาวนาเพื่อแสดงความไว้อาลัยต่อมังกรทุกตัวที่ตายไป ทำให้เดลวาลินที่เห็นลอร่าแสดงความเมตตาต่อสิ่งมีชีวิตอื่นแบบนั้น เขาก็พูดขึ้นมาในใจว่า
“(คำภาวนาที่เธอสวดอ้อนวอนนั้น จะต้องส่งไปถึงเทพธิดาไมอาร์อย่างแน่นอน และต่อจากนี้ไปฉันจะเป็นคนหยุดสงครามนี้เอง)”
ย้อนกลับไปก่อนหน้าช่วงเวลากลางคืน
เดลวาลินนอนคิดอยู่บนเตียงในห้องนอนที่ไกอัสกับฮามัสจัดเตรียมเอาไว้ เนื่องจากเขานั้นนอนไม่หลับเพราะมัวแต่คิดเรื่องสงครามเผ่ามังกรดำและมังกรขาวนี้ เขาไม่รู้ว่าจะทำยังไงว่าเขานั้นจะเลือกทำตามคำขอของราชาเอ็กซ์โซสเพื่อบรรลุภารกิจแล้วได้ที่ดินรอบๆวิหารมังกรเพลิงตั้งอยู่ หรือจะยอมทำตามคำขอของไกอัสในการยุติสงครามโดยที่ต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องหายไปซึ่งเขานั้นไม่ต้องการจะพรากชีวิตใครไปเหมือนตัวเขาในอดีตอีก
สำหรับเขาแล้ว การฆ่าและการทำลายนั้นมันง่ายแสนง่าย การที่จะช่วยเหลือใครสักคนและรักษาความเชื่อใจของคนคนนึงนั้นมันช่างยากเย็นเหลือเกิน โดยเฉพาะกลุ่มคนที่มองเขาว่าเป็นตัวทำลายล้างระดับภัยพิบัติในช่วงนี้ และตอนนี้เขาอยากจะปรึกษากับสเตลร่าเพื่อหาทางออกในเรื่องนี้ให้มันชัดเจน
“กำลังว้าวุ่นจนนอนไม่หลับอยู่สินะ”
สเตลร่าในชุดนอนสีขาว สวมกางเกงขาสั้นสีฟ้าได้โผล่มานั่งยกขากอดเข่าที่โต๊ะริมหน้าต่างภายในห้อง พร้อมกับคฑาหัวมังกรที่วางพาดอยู่ข้างโต๊ะพร้อมกับจ้องมองมาที่เดลวาลินด้วยรอยยิ้มที่พร้อมจะแถลงไขข้อสงสัย ทันทีที่เขาถามเธอขึ้นมา
“สเตลร่า เธอช่วยอะไรฉันหน่อยสิ เกี่ยวกับเรื่องภารกิจในครั้งนี้น่ะ”
“ทำไม นายสงสัยเรื่องอะไรอีกล่ะ”
เดลวาลินเปลี่ยนมานั่งบนเตียงก่อนจะบอกข้อสงสัยที่ค้างคาในใจเขาออกไป
“เธอช่วยฉันบอกฉันหน่อยสิ ว่าฉันต้องทำยังไงหลังจากนี้ ฉันควรจะทำตามคำขอของราชาของอาณาจักรนี้เพื่อบรรลุสิ่งที่เธอต้องการ หรือฉันควรทำตามคำขอของไกอัสเพื่อทำให้พวกเขาเห็นว่าฉันนั้นเป็นมังกรเพลิงในตำนานที่กลับตัวตามเจตนารมณ์เทพธิดาไมอาร์”
สเตลร่าเมื่อเห็นเดลวาลินกำลังสับสนและเธอมองว่าเดลวาลินจะยังไม่เข้าใจ เธอจึงพูดตอบเดลวาลินกลับไปว่า
“นี่นายพูดบ้าอะไรของนายน่ะ ฉันบอกนายชัดเจนตั้งแต่ก่อนออกเดินทางจากวิหารมังกรเพลิงไปแล้ว ว่าหน้าที่ของนายคือการช่วยเหลือผู้คน และฉันไม่เคยบอกนายสักคำว่านายต้องไปพรากชีวิตคนอื่น”
“เอ๊ะ 0 0 ”
เหมือนว่าเดลวาลินจะจำอะไรบางอย่างขึ้นมาและตระหนักรู้ขึ้นมาได้อีกครั้ง ทำให้สเตลร่าที่เห็นเดลวาลินทำหน้าเหว๋อแบบนี้เธอก็หลุดยิ้มออกมาก่อนจะลุกจากที่นั่งแล้วมานั่งบนเตียงข้างๆเดลวาลิน พร้อมกับพูดว่า
“ถ้าหากนายรู้สึกสับสนและตัดสินใจจะก้าวเดินต่อไปล่ะก็ นายลองถามใจตัวเองดูว่านายนั้นอยากจะทำสิ่งไหนมากที่สุด และสิ่งไหนเป็นผลดีทั้งต่อตัวนายและคนอื่นๆ และสิ่งไหนคือสิ่งเทพธิดาไมอาร์อยากให้นายทำ”
“สิ่งที่ฉันอยากจะทำมากที่สุดงั้นหรอ…จริงสิ…ปกติฉันเป็นคนที่ชอบช่วยเหลือคนที่กำลังตกทุกข์ได้ยากอยู่นี่นา…”
“ถ้านายเป็นคนที่พร้อมจะช่วยเหลือทุกคนที่กำลังตกทุกข์ได้ยากและกำลังลำบากล่ะก็ นายน่าจะรู้นะว่านายต้องทำอะไรในตอนนี้ ส่วนเรื่องราชานั่นฉันตั้งใจให้มันเป็นแค่ฉากบังหน้าเท่านั้น เพราะฉะนั้นนายไม่ต้องไปใส่ใจเรื่องนั้นหรอกนะ”
“นั่นสินะ..เธอพูดถูก ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าฉันต้องทำอะไร และฉันตัดสินใจแล้วว่าฉันจะทำอะไร”
เดลวาลินเขาตัดสินใจได้ในทันทีจากคำแนะนำของสเตลร่า จนในตอนนี้เขาตัดสินใจแล้วว่าเขานั้นจะช่วยเผ่ามังกรดำเพื่อทำตามคำขอของไกอัส แต่เขานั้นก็จะช่วยเผ่ามังกรขาวเช่นเดียวกันโดยที่เขานั้นจะทำให้ทั้งสองฝ่ายอยู่ภายใต้การดูแลของเขา เพื่อที่เขานั้นจะได้ให้ความช่วยเหลือและรับฟังปัญหาของทั้งสองฝ่ายได้อย่างใกล้ชิดในฐานะคนกลาง และดูเหมือนว่าสเตลร่าจะเห็นด้วยความแนวคิดนี้ของเขา เพราะการทำแบบนั้นจะทำให้เกิดสันติแก่ทั้งสองฝ่าย
“คืนนี้นายอยากจะให้ฉันนอนด้วยรึเปล่า”
“ห๊า 0 0 ?”
“ไหนๆคืนนี้ฉันได้อยู่กับนายทั้งที ให้ฉันช่วยกล่อมนายนอนหลับฝันดีก็คงไม่เสียหายอะไรจริงมั้ย ^ ^ ”
เดลวาลินเงียบไปสักพักเหมือนกำลังตัดสินใจว่าจะยอมให้สเตลร่านอนด้วยดีมั้ย แต่ดูเหมือนสเตลร่าจะไม่รอฟังคำตอบจากเขาแล้ว เธอจึงกระโดดขึ้นนอนบนเตียงของเดลวาลินทันที
“ราตรีสวัสดิ์นะ ฉันนอนก่อนล่ะ”
“อ้าวเห้ย! ฉันยังไม่ตกลงเลยนะว่าจะให้เธอนอนด้วยรึเปล่า 0 0 ! ”
ถึงเดลวาลินจะพูดออกไปแบบนั้นแต่สุดท้ายก็ไม่ทันการเสียแล้ว ตอนนี้สเตลร่าที่เหนื่อยจากการทำงานมาทั้งวันในการดูแล ให้คำแนะน และปกป้องเขา ทำให้เธอนั้นผลอยหลับไปอย่างรวดเร็วแทบจะในทันที แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากต้องปล่อยให้สเตลร่านอนอยู่แบบนั้นไป
ในเวลาต่อมา สเตลร่าก็ได้ตื่นขึ้นมากลางดึกและเห็นว่าเดลวาลินนั้นนอนหันหลังให้อยู่อีกฝั่งของเตียง ก่อนที่เธอนั้นจะลองขยับชะโงกหน้ามองดูเดลวาลินกำลังนอนหลับอยู่ แล้วเธอก็ต้องยิ้มออกมาเพราะตอนนี้เดลวาลินตอนหลับนั้นดูเป็นผู้ชายใสซื่อ อ่อนโยน และบางครั้งก็ดูเหมือนเด็กในเวลาเดียวกัน ผิดกับภาพจำมังกรเพลิงในตำนานจอมทำลายล้างในอดีตที่เธอเคยเจออย่างลิบลับ “น่ารักจริงๆเลยนะ ฉันสัญญาว่าในฐานะผู้คุมกฏมังกร ฉันจะปกป้องนายเอง”
.
.
.
.
ตัดกลับมาที่เวลาปัจจุบัน
ตอนนี้ไกอัสและกลุ่มของเดลวาลินได้เดินทางมาถึงสนามรบแนวหน้าระหว่างฝ่ายมังกรดำและมังกรขาวแล้ว ก่อนที่ไกอัสและคนอื่นๆจะพบเข้ากับภาพการต่อสู้ที่เต็มไปด้วยการนองเลือดระหว่างฝ่ายมังกรดำที่นำโดยซิฟน็อกกับมังกรขาวที่นำทัพมาโดยมังกรขาวตนหนึ่งที่ร่างกายผอมบาง คอยาว แต่สวมเกราะมีราศีโดดเด่นกว่าใคร ซึ่งในตอนนี้ซิฟน็อกกับมังกรขาวตนนั้นกำลังสู้กันอยู่และเหมือนจะเป็นซิฟน็อกที่เป็นฝ่ายรุกฝ่ายเดียว ในขณะที่อีกฝ่ายคอยบินหลบและรักษาระยะห่างอย่างเดียว
“นั่นมันอะไรน่ะ 0 0 ?! ”
เซอร์ริวถามพร้อมกับแสดงสีหน้าตกใจ
“กองทัพมังกรดำกับมังกรขาวกำลังต่อสู้กัน แถมสหายข้ายังอยู่ที่นี่ด้วย”
ยังไม่ทันสิ้นเสียงของไกอัสดี เดลวาลินที่เห็นดังนั้นเขาจึงร่ายเวทย์บินขึ้นไปยืนอยู่บนหัวไกอัส สร้างความฉงนให้กับกลุ่มเซอร์ริวที่เห็น
“คุณเดลวาลินจะทำอะไรน่ะคะ 0 0 ?!”
“ฉันจะออกไปหยุดพวกเขา พวกเธออยู่กับไกอัสนะ”
หลังจากนั้นเดลวาลินก็บินเข้าไปในสนามรบที่กำลังมีการต่อสู้อย่างดุเดือด ซึ่งในเวลาเดียวกันนี้เองไกอัสก็ถูกมังกรขาวกลุ่มหนึ่งบุกเข้ามาโจมตี แต่เนื่องจากเขานั้นไม่สามารถต่อสู้ด้วยวิธีปกติที่เขาเคยทำมาก่อนหน้าเพราะมีกลุ่มของเซอร์ริวนั่งอยู่บนหลัง เขาจึงต้องบินถอยออกมาตั้งหลักและเปลี่ยนมาใช้วิธีพ่นไฟและปล่อยพลังเวทย์ออกจากปากแทน
ตู้ม!! ตู้ม!!
ไกอัสบินหลบไปมาบนฟ้าโดยมีมังกรขาวหลายตัวพยายามรุมโจมตีเขาจากทุกทิศทาง แต่เขาก็สามารถพ่นลูกบอลไฟและพลังเวทย์ลมหายใจมังกรจัดการพวกมันไปได้ทั้งหมด แต่ว่าการที่เขาต้องคอยห่วงหน้าพะวงหลังแบบนี้มันก็ทำให้เขาเกือบพลาดท่าทำให้กลุ่มของเซอร์ริวตกอยู่ในอันตราย จากการที่พวกเขาเกือบถูกมังกรขาวโผล่เข้ามาใช้ปากงับที่ด้านหลัง แต่ด้วยไหวพริบและประสบการณ์ที่ช่ำชองทำให้ไกอัสหมุนตัว 380 องศากลางอากาศ แต่โชคดีที่สเตลร่านั้นใช้พลังเวทย์ควบคุมแรงโน้มถ่วงทำให้ทุกคนไม่ตกจากหลังของไกอัส
“ขอบคุณนะคะคุณสเตลร่า”
“พวกเจ้านี่เป็นภาระของข้ากับท่านสเตลร่าจริงๆเลยนะ”
“ว่าไงนะ ? ”
เซอร์ริวพูด
“เพราะมีพวกเจ้าอยู่ ข้าจึงต่อสู้กับพวกมังกรขาวได้ไม่เต็มที่เพราะต้องห่วงดูแลความปลอดภัยของพวกเจ้าน่ะสิ นี่ถ้าไม่ใช่เพราะเป็นคำสั่งของท่านเดลวาลิน ข้าทิ้งพวกเจ้าไปนานแล้ว”
เซอร์ริวที่ทนฟังคำดูถูกจากไกอัสมานาน เขาก็เริ่มหมดความอดทนเขาจึงลุกขึ้นมาว่า
“พวกเราน่ะ ไม่ได้เป็นภาระอย่างเดียวสักหน่อย!”
“เซอร์ริว 0 0 ”
ทุกคนหันไปมองที่เซอร์ริวซึ่งในตอนนี้เขาดูเหมือนเซอร์ริวคนละคนกับที่เคยเป็นมา
“ถึงพวกฉันจะเป็นมนุษย์ แต่ก็ใช่ว่าจะยอมให้ใครมาย่ำยีดูถูกเพียงฝ่ายเดียวหรอกนะ! ถ้าหากนายคิดว่าพวกฉันอ่อนแอและเป็นภาระล่ะก็ เดี๋ยวพวกฉันจะแสดงพลังในการโค่นมังกรขาวให้นายเห็นเอง!”
ทันใดนั้นเซอร์ริวก็บอกให้โมนาเตรียมตัวทำการร่ายเวทย์ซัมมอนเนอร์ของเธอออกมา เพื่อที่พวกเขาจะลงไปซัดกับมังกรขาว เพราะเขาอยากแสดงให้ไกอัสเห็นว่ามนุษย์อย่างพวกเขานั้นมีแข็งแรงเพื่อให้เขาลบคำสบประมาทต่างๆนาๆมาก่อนหน้า
เมื่อโมนาเห็นดังนั้นเธอจึงยอมหยิบสำหรับไพ่ซัมม่อนของเธอออกมา ก่อนจะทำการร่ายเวทย์ ผู้อัญเชิญ ขึ้นมาเพื่อทำการอัญเชิญสัตว์อสูรในตำนานออกมาช่วยต่อสู้ โดยไพ่อัญเชิญที่เธอเลือกออกมามีอยู่ทั้งหมด 3 ใบได้แก่
ม้ายูนิคอร์น ม้าสัตว์วิเศษที่มีร่างกายสีขาวบริสุทธิ์ ผมสีบลอน ดวงตาสีฟ้าประกายแสงดวงดาว และมีเขาชี้ตรงขนาดใหญ่บนหน้าผากที่โดดเด่น โดยม้ายูนิคอร์นจะยอมให้คนขี่ได้นั้น คนคนนั้นจะต้องเป็นคนที่มีจิตใจอ่อนโยน บริสุทธิ์ และยังพรหมจรรย์ ถึงจะสามารถขึ้นขี่มันได้ ซึ่งม้ายูนิคอร์นมีพลังเวทย์มนต์และอำนาจเหนือธรรมชาติมากมาย
กริฟฟินเพลิง สัตว์ในตำนานที่เกิดจากการผสมกันระหว่าง นกอินทรีย์ขนาดใหญ่ กับสิงโต โดยส่วนหัว ขาคู่หน้าและปีกด้านหลัง เป็นนกอินทรีย์ ส่วนลำตัวและขาคู่หลังเป็นสิงโต มีขนสีน้ำตาล ส่วนปีกกับหางเป็นสีแดงและมีเพลิงลุกอยู่ตลอดเวลา นัตย์ตาสีแดงเพลิงประกายไฟ
ตัวสุดท้าย หมียักษ์ดาราจันทร์ทรา สัตว์อสูรวิเศษที่มีร่างกายเป็นหมีใหญ่ มีขนสีน้ำเงินเข้มและมีจุดตามร่างกายเหมือนกับดวงดาวบนท้องฟ้ายามราตรี มีรูปจันทร์เสี้ยวสีเหลืองขนาดใหญ่ปรากฏอยู่บนหน้าผาก ที่หลังมีผ้าคลุมเป็นอวกาศที่แปรเปลี่ยนไปตามกาลเวลา
โมนาได้อัญเชิญสัตว์อสูรอัญเชิญพวกนี้ออกมาพร้อมกันถึงสามตัว เพื่อช่วยกลุ่มของเธอในการต่อสู้กับมังกรขาว เซอร์ริว อลันบี และลอร่าพากันเลือกสัตว์อสูรวิเศษที่โมนาอัญเชิญมา โดยเซอร์ริวเลือกกริฟฟินเพลิง สัตว์อสูรวิเศษที่มีความสามารถในการใช้เพลิงระเบิดทำลายล้างได้รุนแรง และสามารถบินไปบนอากาศได้ทำให้เขาสามารถต่อสู้บนอากาศได้
ส่วนอลันบีเลือกหมักยักษ์ดาราจันทร์ทรา เนื่องจากเธอนั้นต้องการต่อสู้ภาคพื้นเป็นหลักการที่เธอเลือกหมียักษ์ดาราจันทร์ทราจึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะกับเธอมากที่สุด และสุดท้ายลอร่ากับโมนาก็ได้เลือกขี่ม้ายูนิคอร์นเพราะทั้งคู่จะทำหน้าที่เป็นฝ่ายสนับสนุนเซอร์ริวกับอลันบีในการต่อสู้ที่แนวหลัง ตามแบบฉบับกลุ่มนักผจญภัย
“ทีมนักผจญภัย เซอร์ริว แอดแวนด์เจอร์!! โจมตี!!!”
“โอ้!!!”
และแล้วกลุ่มนักผจญภัยเซอร์ริวก็เปิดฉากบุกตะลุยเพื่อเข้าร่วมการต่อสู้ในทันที
“พวกนั้นไปสะแล้ว ทีนี้นายจะทำยังไงต่อล่ะ”
สเตลร่าถามไกอัส ก่อนที่ไกอัสจะตอบกลับมาอย่างหัวเสียเล็กน้อย
“ไอ้เจ้าพวกนั้นทำอะไรที่มันโง่เขลาจริงๆ ลำพังแค่พลังของมนุษย์แค่นั้นมันทำอะไรพวกมังกรขาวไม่ได้หรอก v v ”
“แล้วนายจะทำยังไงล่ะ จะปล่อยให้พวกนั้นออกไปเสี่ยงอันตรายงั้นหรอ”
“พูดตามตรง ข้าไม่ค่อยอยากจะเข้าไปยุ่งกับเจ้าพวกนั้นสักเท่าไหร่ แต่ในเมื่อท่านเดลวาลินสั่งให้ข้าปกป้องพวกเขา ข้าก็ต้องตามไปช่วยพวกนั้น”
“งั้นหรอ”
สเตลร่ามองไกอัสด้วยสายตาแปลกๆ เหมือนกับว่าเธอนั้นสามารถเดาความคิดของไกอัสได้ ว่าจริงๆแล้วไกอัสเองก็อยากจะไปช่วยกลุ่มของเซอร์ริว เพราะเขานั้นสนใจในตัวลอร่าเนื่องจากลอร่าทำให้เขาได้เห็นถึงความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เมตตา และเห็นหัวอกคนอื่น ตั้งแต่ตอนที่อยู่หมู่บ้านหมูป่าไฟ จนมาถึงตอนนั่งรับประทานอาหารที่บ้านของเขา แต่เพราะเขานั้นถูกปลูกฝังให้ยึดมั่นในตนเองและความภาคภูมิใจของเผ่ามังกรดำ ทำให้เขานั้นต้องรักษามาดความยิ่งใหญ่ในฐานะมังกรดำที่แข็งแกร่งที่สุดในเผ่าตลอดเวลา โดยเฉพาะเวลาในสถานการณ์แบบนี้
“เอาเถอะ นายก็รีบๆไปช่วยเจ้าพวกนั้นก็แล้วกัน ส่วนฉันจะไปช่วยเดลวาลินเอง”
“ถ้างั้น ท่านสเตลร่าก็ระวังตัวด้วยนะขอรับ”
หลังจากนั้นทั้งสองคนก็แยกย้ายกันไปทำภารกิจของตัวเองต่อไป
ตัดภาพมายังการต่อสู้ระหว่าง ซิฟน็อก กับ มังกรขาวแกนนำตนหนึ่ง
ในตอนนี้ซิกน็อกที่เหนื่อยหอบ จากการต้องบินไล่ตามมังกรขาวตัวนี้มานานจ้องมองไปยังมังกรขาวสวมเกราะตัวนั้นด้วยแววตาที่อยากกินเลือดกินเนื้อ เนื่องจากเขานั้นพยามที่จะฆ่ามังกรขาวตัวนี้ให้ได้ เพราะหากเขาสามารถสังหารแกนนำทัพในศึกนี้ได้ฝ่ายตนก็จะเป็นฝ่ายชนะ แต่ทว่า…
ตู้มมมม!!!
มังกรขาวสวมเกราะตัวนั้นได้ใช้เวทย์ 'ลมหายใจมังกรขาว' พ่นลำแสงสีฟ้าโจมตีใส่ซิฟน็อก ซึ่งลำแสงพลังเวทย์นั้นสามารถเจาะเกล็ดมังกรของซิฟน็อกได้ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บที่ช่วงบริเวณหน้าอก ซิฟน็อกตกลงกระแทกพื้นพร้อมกับความเจ็บปวดเพราะไม่ทันระวังตัวบวกกับความเหนื่อยล้าทำให้เขาขยับร่างกายไม่ค่อยไหว แต่ศักดิ์ศรีและความหยิ่งทนงของเขาก็ทำให้เขาเลือกที่จะไม่ยอมแพ้ จนมังกรขาวตัวนั้นร่ายเวทย์ ‘ดาบสายฟ้าสวรรค์’ เสกดาบเวทย์มนต์ธาตุสายฟ้าขึ้นมาหลายๆเล่มรอบตัว และเตรียมจะปล่อยดาบเหล่านั้นโจมตีใส่ซิฟน็อกอีกระลอกเพื่อที่จะจัดการเขาไปให้จบ
“ลาขาดล่ะนะซิฟน็อก จงรับความแค้นของพวกข้าเผ่ามังกรขาวไปซะเถอะ”
ทันใดนั้นมังกรขาวสวมเกราะตัวนี้ก็ปล่อยคมดาบเวทย์สายฟ้าหลายพันเล่มเข้าใส่ซิฟน็อก ซึ่งจำนวนดาบสายฟ้าที่มีมากขนาดนี้สามารถจัดการซิฟน็อกได้ภายในไม่กี่วินาทีอย่างแน่นอน แต่มีหรือที่ซิฟน็อกจะยอมถูกฆ่าได้ง่ายๆ เขาลุกขึ้นด้วยแรงทั้งหมดที่มีก่อนจะร่ายเวทย์ ลมหายใจมังกรดำ ต้านคมดาบจำนวนมากของมังกรขาวสวมเกราตัวนั้น
ตู้มมม!!!
พลังเวทย์ของทั้งสองฝ่ายปะทะเข้าหากันอย่างรุนแรง ทีแรกพลังเวทย์ของซิฟน็อกเหมือนจะเหนือกว่า แต่ทว่าเรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อคมดาบเวทย์สายฟ้าของมังกรขาวสวมเกราะได้หลอมรวมเข้าด้วยกันจนเกิดเป็นดาบเวทย์สายฟ้าขนาดใหญ่ที่มีความยาว 30 เมตร กว้าง 10 เมตร ซึ่งดาบที่มีขนาดใหญ่นี้สามารถเสียบร่างของมังกรระดับสูงที่มีความสูง 15 เมตรได้สบายๆ
ดาบเวทย์ค่อยๆแหวกผ่านเวทย์ลมหายใจมังกรของซิฟน็อกเข้ามาใกล้ตัวเขามากขึ้นเรื่อยๆ จนซิฟน็อกเริ่มคิดแล้วว่าหากเป็นแบบนี้ต่อไปเขาอาจพลาดท่าเสียทีให้กับมังกรขาวตนนี้แน่ๆ แต่เขาก็ไม่สามารถหนีไปไหนได้เพราะหากเขาหยุดโจมตีเมื่อไหร่นั่นหมายถึงความตายของเขาเมื่อนั้น
แต่ในเสี้ยววินาทีก่อนที่คมดาบจะเข้าถึงตัวซิฟน็อกอยู่นั้น จู่ๆ เดลวาลินก็บินเข้ามาใช้ดาบมังกรเพลิงฟันไปที่ดาบเวทย์สายฟ้าของมังกรขาวและเข้ามาขัดจังหวะการต่อสู้ของทั้งสองฝ่ายเอาไว้
“นี่เจ้าเป็นใคร?!”
ซิฟน็อกถาม
“ฉันคือคนที่จะมาช่วยพวกนายไง”
“อะไรนะ ? ”
ซิฟน็อกแทบไม่เชื่อหูของตัวเองเมื่อเห็นว่าเดลวาลินนั้นจะมาช่วยพวกตนต่อสู้กับมังกรขาว อีกทั้งเขายังเห็นว่าเดลวาลินนั้นเป็นมนุษย์ เขาจึงนึกสงสัยขึ้นมาในใจและแอบดูถูกว่า
“(เหอะ! แค่มนุษย์ชั้นต่ำน่ะหรอจะมาช่วยมังกรระดับสูงอย่างข้า ข้าไม่ยอมรับความช่วยเหลือจากพวกสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำจากเจ้าหรอก!!)”
ซิฟน็อกนึกดูถูกขึ้นมาในใจเงียบๆ แต่ทว่าเดลวาลินที่มีพลังเวทย์ระดับสูงเขาก็สามารถอ่านความคิดของซิฟน็อกได้ว่าอีกฝ่ายกำลังดูถูกตนเองอยู่ ซึ่งก็เหมือนกับตอนที่เจอไกอัสครั้งแรกไม่มีผิด แต่ถึงแม้เขาจะถูกคนที่กำลังช่วยเหลือพูดจาไม่ดียังไง แต่เขาก็ต้องปกป้องมังกรดำตัวอื่นๆรวมถึงซิฟน็อกอยู่ดี ทำให้ในตอนนี้เขาจะต้องหันไปโฟกัสมังกรขาวสวมเกราะนิรนามที่กำลังบินอยู่ตรงหน้า
“เจ้าเป็นแค่มนุษย์แท้ๆ มายุ่งเรื่องของพวกข้าเช่นนี้ เจ้าอยากตายนักรึไง ? ”
“ฉันจำเป็นต้องเข้ามายุ่ง เพราะมันคือหน้าที่ที่ฉันได้รับมอบมา”
“พูดจาไร้สาระสิ้นดี เจ้าเป็นแค่คนนอกจะไปรู้เรื่องอะไรในสงครามของพวกเราล่ะ”
“ฉันเองก็รู้มานิดหน่อยจากปากของมังกรดำที่ชื่อไกอัสมาพอสมควร ว่าพวกนายแย่งพื้นที่ทำกินและอาณาเขตของเผ่ามังกรดำไปจนหมด ทำให้พวกเขาอดยากและกำลังจะตาย”
“เหอะ! ดูเหมือนเจ้าจะถูกไกอัสหลอกให้เชื่อในคำพูดสวยหรูเพื่อให้เจ้ายอมเข้าร่วมกับพวกมันสินะ”
“หมายความว่าไง”
มังกรขาวสวมเกราะเริ่มบ่ายเบี่ยงที่จะตอบคำถามของเดลวาลิน เพราะการปรากฏตัวของเขามันก็สร้างความไม่พอใจกับเขาเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
“พูดไปมันก็ไม่มีความหมายอะไรสำหรับเจ้าหรอกเจ้ามนุษย์ แต่ในเมื่อเจ้าแสดงตนเป็นฝ่ายเดียวกันกับพวกมังกรดำ ก็เท่ากับว่าเจ้าแสดงตนเป็นปรปักษ์กับเผ่ามังกรขาอย่างพวกข้าด้วย!!”
พูดไม่ทันขาดคำมังกรขาวสวมเกราะนิรนามตัวนี้ ก็เปิดฉากร่ายเวทย์ลมหายใจมังกรขาวชาร์จพลังเวทย์จนถึงขั้นสุดเพื่อที่จะโจมตีใส่เดลวาลิน โดยไม่ฟังคำอธิบายใดๆจากเขาอีก
“เดี๋ยวก่อน ฉันไม่ได้ต้องการจะต่อสู้กับนายนะ 0 0 ?! ”
ตู้มมมมมม!!!!!
คลื่นพลังเวทย์มหาศาลสีฟ้าจากลมหายใจมังกรขาวที่ถูกปล่อยออกมา พุ่งตรงมายังเดลวาลินที่เป็นเป้าหมายอย่างรุนแรงและทรงพลานุภาพ ในตอนนี้เดลวาลินที่ไม่ทันได้ตั้งตัวและเตรียมใจรับมือกับการเปิดฉากโจมตีฉับพลันแบบนี้เขาจึงไม่มีเวลาแม้แต่จะป้องกันตัว และอีกไม่ช้าเขาก็อาจจะถูกพลังเวทย์ของมังกรขาวสวมเกราะนิรนามตนนี้เข้าให้
ตู้มมมม!!!
ในช่วงเสี้ยววินาทีแห่งความเป็นความตาย สเตลร่าก็ได้ปรากฏตัวขึ้นมาตรงหน้าเดลวาลินอย่างรวดเร็ว ก่อนที่เธอจะใช้คฑามังกรขาวของเธอหมุนเป็นวงกลมเพื่อสร้างเป็นโล่เวทย์มนต์พลังงานมังกรแสงศักดิ์สิทธิ์ ทำให้คลื่นพลังเวทย์มังกรขาวถูกเบนออกไปทางอื่น ทำให้เดลวาลินและมังกรดำซิฟน็อกยังปลอดภัยดี
“สเตลร่า 0 0 ”
“ไม่สมกับเป็นนายเลยนะ เรื่องง่ายๆแค่นี้ต้องให้ถึงมือฉันเลยหรอ :) ? ”
“เปล่าสะหน่อย ฉันแค่ตั้งหลักไม่ทันก็เท่านั้นเอง แต่ยังไงก็ต้องขอบใจเธอมากนะ”
“แน่นอนว่านายต้องขอบใจฉัน บุญคุณในครั้งนี้อย่าลืมเชียวล่ะ >u0 ”
มังกรขาวสวมเกราะนิรนามและมังกรดำซิฟน็อกเห็นพลังเวทย์ป้องกันที่แข็งแกร่งของสเตลร่า ทั้งสองฝ่ายถึงกับตะลึงจนทำอะไรไม่ถูก โดยเฉพาะมังกรขาวเจ้าของพลังเวทย์ที่ถูกสะท้อนในตอนนี้เขาถึงสับสนและอยากรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น
“(อะไรกัน?! พลังเวทย์ลมหายใจมังกรขาวของข้าถูกสะท้อนออกไปทางอื่นงั้นหรอ? เป็นไปได้อย่างไรกัน 0 0 ?! )”
“(ผู้หญิงคนนั้นใช้พลังเวทย์ป้องกันประเภทใดกัน ถึงสามารถป้องกันเวทย์ลมหายใจมังกรขาวชาร์จพลังเวทย์ขั้นสูงสุดแบบนั้นได้ แล้วแสงออร่าสีขาวนั่นมันคืออะไร 0 0 ?! )”
มังกรขาวสวมเกราะนิรนามพยายามรวบรวมสติและโฟกัสสมาธิในการต่อสู้ เพื่อไม่ให้จิตใจของเขานั้นไขว่เขว่ไปเรื่องอื่น
“เก่งใช้ได้เลยนี่ สามารถป้องกันการโจมตีของข้าที่เป็นมังกรระดับสูงได้เช่นนี้ แสดงว่าพวกเจ้าคงไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาสินะ”
“ก็ใช่ แต่เดี๋ยวฉันจะทำให้นายได้เห็นเองว่าฉันสามารถทำอะไรได้บ้าง”
หลังจากนั้นเดลวาลินก็เปิดฉากบินเข้าไปหามังกรขาวสวมเกราะนิรนามตัวนั้นทันที และดูเหมือนอีกฝ่ายจะรู้สึกตื่นเต้นที่เห็นคู่ต่อสู้บุกเข้ามาซึ่งๆหน้าอย่างไม่กลัวตายแบบนี้
“น่าสนุกดีนิ งั้นเจอนี่หน่อยเป็นไง!”
มังกรขาวสวมเกราะนิรนาม กางปีกทั้งสองข้างออกจนสุดเพื่อร่ายเวทย์ ‘หยาดฝนมังกรขาว’ ก่อนจะยิงกระสุนพลังเวทย์สีฟ้าจำนวนมากออกจากปีกทั้งสองข้างอย่างต่อเนื่องเหมือนห่าฝน แต่เดลวาลินก็ใช้ดาบมังกรเพลิงปัดป้องกระสุนเวทย์เหล่านั้นก่อนจะเข้าประชิดตัวอีกฝ่ายได้อย่างรวดเร็ว
เดลวาลินที่สบโอกาสได้ใช้ดาบมังกรเพลิงของเขาฟาดไปที่ใบหน้าของมังกรขาวสวมเกราะตัวนั้น แทนที่จะใช้คมดาบฟันไปตรงๆเพราะเขาไม่ต้องการจะทำให้อีกฝ่ายบาดเจ็บโดยใช่เหตุ และที่ทำไปในครั้งนี้ก็เพื่อทำให้อีกฝ่ายยอมแพ้ มังกรขาวที่โดนเลดวาลินใช้สันดาบฟาดมาที่แก้มอย่างแรงก็ถึงกับลอยเซถอยห่างออกไปไม่เป็นท่า แต่เขาก็สามารถตั้งหลักยืนหยัดได้พร้อมกับเอามือลูบที่แก้มโดยมีอาการมึนหัวเล็กน้อยกับอาการเจ็บแปล๊บที่แก้มซ้าย
“(อะไรกัน เจ้ามนุษย์นี่ทำให้ข้าเจ็บได้งั้นหรอ?!)”
เดลวาลินพุ่งเข้ามาโจมตีอีกรอบ แต่มังกรขาวสวมเกราะก็ตอบโต้กลับไปอีกรอบ
“ข้าไม่ยอมแพ้หรอกน่า!!!”
มังกรขาวสวมเกราะร่ายเวทย์ดาบสายฟ้าสวรรค์จำนวนหลายร้อยเล่ม โจมตีใส่เดลวาลินอีกครั้งพร้อมกับพ่นไฟสีฟ้าโจมตีใส่เขาเป็นการสลับรูปแบบการโจมตีแบบผสมกันไป เดลวาลินที่บินพุ่งไปด้านหน้าด้วยความเร็วสูงก็พยายามบินหลบซิกแซกไปมาเพื่อหลบการโจมตีจากคมดาบเวทย์สายฟ้าของมังกรขาว เพราะเขารู้ดีว่าหากเขาตั้งรับหรือสัมผัสกับเวทย์สายฟ้าพวกนี้ จะทำให้เขาได้รับบาดเจ็บและเสียรูปแบบการเคลื่อนไหวได้ซึ่งอาจจะเปิดช่องโหว่ให้เขาถูกเล่นงาน
เพราะงั้นเขาจึงเลือกที่จะหลบการโจมตี แทนที่จะใช้ดาบรับการโจมตีจากเวทย์หยาดฝนมังกรขาวก่อนหน้า แต่ถึงแม้เดลวาลินจะสามารถหลบการโจมตีจากดาบสายฟ้าและเปลวเพลิงของมังกรขาวมาได้ แต่มังกรขาวสวมเกราะก็ไม่ยอมให้เขาโจมตีมันได้ง่ายๆ มันได้บินเข้ามาพร้อมกับใช้กรงเล็บข่วนมาที่ตัวเขาแต่เดลวาลินก็สามารถบินหลบไปที่ใต้ท้องของมันได้อย่างฉิวเฉียด
เมื่อมังกรขาวโจมตีพลาดเป้ามันก็ได้บินวกกลับมาก่อนจะบินเข้ามาโจมตีเขาอีกครั้งด้วยการฟาดหางขนาดใหญ่ที่ทรงพลัง เดลวาลินที่ไม่ทันได้ตั้งหลักดี เขาจึงถูกมังกรขาวฟาดหางเข้าไปอย่างเต็มแรง จนร่างของเดลวาลินลอยกระเด็นถอยห่างออกไป เมื่อเดลวาลินเห็นว่าการต่อสู้นี้ยืดยื้อต่อไปไม่ได้อีกแล้ว เขาจึงทำการร่ายเวทย์มนต์ชาร์จพลังงานธาตุมาไว้ที่ดาบมังกรเพลิงของเขา
จงตื่นและตอบสนองต่อเสียงเรียกของฉันเถิด มังกรเพลิงผู้พิทักษ์ในตำนาน เพลงดาบมังกรเพลิงพิฆาต!!!
ฟรู้วววววว~~!!!!!!
ทันทีที่สิ้นเสียงร่ายคาถาดาบมังกรเพลิงของเขาก็มีการตอบสนองในทันที มันได้ปลดปล่อยพลังงานธาตุที่กักเก็บอยู่ในแกนคริสตัลของดาบ ก่อนจะมีเปลวเพลิงรูปใบมีดดาบเพลิงขนาดใหญ่เคลือบไปที่ดาบของเขา และในเวลาต่อมาเดลวาลินก็ได้ฟาดดาบในแนวตั้งเพื่อปลดปล่อยคลื่นเปลวเพลิงที่ทรงพลานุภาพโจมตีใส่มังกรขาวสวมเกราะนิรนามในทันที
ฟรู้มมมมมมม!!!!
เปลวเพลิงพลังทำลายล้างสูงขนาดใหญ่พุ่งตรงมายังมังกรขาวสวมเกราะนิรนามอย่างน่าสะพรึง มังกรขาวสวมเกราะเห็นภาพที่ชวนตะลึงปรากฏอยู่ตรงหน้าแล้วถึงกับไปไม่เป็นทำอะไรไม่ถูกเนื่องจากร่างกายและจิตใจของเขาตกอยู่ในความหวาดกลัว เมื่อเห็นพลังเวทย์ที่มีพลังมากมายมหาศาลเช่นนี้กับตาในเวลาแบบนี้ จนสุดท้ายมังกรขาวสวมเกราะนิรนามก็ถูกเปลวเพลิงของเดลวาลินซัดเข้าไปเต็มๆพร้อมกับเกิดการระเบิดขึ้นอย่างรุนแรงไปทั่วทั้งสนามมรบ
ตู้มมมมมมม!!!!
.
.
.
.
เวลาผ่านไปนานแค่ไหนไม่มีรู้ใคร แต่มังกรขาวสวมเกราะนิรนามก็ได้ลืมตาตื่นขึ้นมาครั้งก่อนจะพบว่าในตอนนี้ตัวเขาและมังกรขาวตนอื่นๆในกองทัพถูกจับเอาไว้ในอาณาเขตมนต์สะกดมังกร และเบื้องหน้าของเขาก็มีกลุ่มของเดลวาลินรวมถึงไกอัสกับซิฟน็อกเองก็อยู่ด้วย
“ตื่นแล้วหรอ”
“ก…เกิดอะไรขึ้นกับข้า…นี่ข้าตายไปแล้วงั้นรึ…?”
“เปล่า นายยังไม่ตายหรอก นายแค่หมดสติไปหลังจากการต่อสู้ก็เท่านั้น…”
มังกรขาวสวมเกราะทำหน้าสงสัย ก่อนจะพยุงตัวขึ้นมาหมอบคลานเพราะหมดแรงบวกกับเกราะที่เขาสวมในตอนนี้ก็พังทรุดโทรมไม่เหลือชิ้นดี
“ทำไมเจ้า….ถึงไม่สังหารข้าล่ะ…แล้วจับพวกข้าเอาไว้ทำไม…?”
“เพราะฉันไม่ต้องการจะให้ใครต้องตายในศึกนี้ยังไงล่ะ ฉันแค่อยากจะมาขอเจรจาด้วยก็เท่านั้นเอง”
“เจรจาอย่างงั้นรึ…?”
“ใช่ ฉันต้องการเจรจาเพื่อให้เกิดการสงบศึกของทั้งสองฝ่าย และฉันก็อยากให้เผ่ามังกรขาวกับเผ่ามังกรดำเป็นมิตรต่อกัน”
เมื่อมังกรขาวสวเกราะได้ยินเดลวาลินพูดมาแบบนั้นก็ถึงกับโมโห แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เนื่องจากสภาพของเขาในตอนนี้อ่อนแอเกินกว่าจะทำอะไรได้ จึงต้องยอมรับฟังเงียบๆในสถานะจำยอมแทน
“เจ้าบอกว่าจะให้เผ่ามังกรขาวกับเผ่ามังกรดำเป็นมิตรต่อกันงั้นรึ….เหอะ!…อย่ามาพูดอะไรที่ปั้นน้ำเป็นตัวต่อหน้าข้าจะได้มั้ย…เผ่ามังกรขาวอย่างพวกข้า…ไม่มีทางญาติดีกับพวกมังกรดำชั่วช้าได้หรอก…!”
“มังกรดำชั่วช้างั้นหรอ?”
“ถ้าเจ้าอยากรู้…ก็ลองถามมังกรดำสองตนที่ยืนอยู่ด้านหลังของเจ้าสะสิ…ถามความจริงจากพวกมัน…ว่าพวกมันทำอะไรกับเผ่ามังกรขาวอย่างพวกข้าเอาไว้บ้าง…!”
เดลวาลินที่ถูกมังกรขาวยุมาแบบนั้น เขาจึงหันไปถามหาความจริงจากปากไกอัสว่าเรื่องทั้งหมดนั้นเป็นมายังไงกันแน่ ซึ่งไกอัสก็ถึงกับหมอบคลานกับพื้นอย่างสุดซึ้งพร้อมกับคำนับก้มหน้าไม่กล้าสบตาเดลวาลิน
“ข้าไกอัสผู้นี้…ต้องกราบขอโทษท่านเดลวาลินจริงๆขอรับ…ที่ข้ามังกรดำผู้ต่ำต้อยตนนี้โกหกเพื่อหวังจะหลอกใช้ความหวังดีของท่านในการเอาชนะเผ่ามังกรขาวในสงครามครั้งนี้ .v~v.”
ไกอัสก้มกราบขอโทษพร้อมกับมีน้ำตาของความเสียใจอย่างสุดซึ้งไหลแอบแก้มด้วยความรู้สึกผิดที่กล้าหลอกใช้ผู้มีพระคุณอย่างเดลวาลิน ส่วนซิฟน็อกก็ไม่เข้าใจว่าทำไมไกอัสถึงลดตัวขอโทษเดลวาลินที่เป็นมนุษย์เดินดินแบบนี้ เขาจึงพูดออกมาด้วยกิริยาที่ไม่เหมาะสมกับไกอัสว่า
“นี่เจ้ายอมลดศักดิ์ศรีของตัวเองเพื่อขอโทษพวกมนุษย์ทำไมกัน ถึงพวกมันจะช่วยพวกเราจัดการเผ่ามังกรขาวได้จนได้รับชัยชนะมาในศึกนี้ก็จริง แต่พวกมันก็ยังเป็นแค่มนุษย์เดินดินอยู่ดีนะ”
“(เจ้านี่ไม่รู้อะไรสะแล้วว่ากำลังคุยอยู่กับใคร)”
สเตลร่านึกในใจ
“เจ้ายังไม่รู้หรอกว่าชายผมแดงผู้นี้เขาเป็นใคร แต่ถ้าหากเจ้าได้พบกับพลังที่แท้จริงของเขาแล้ว เจ้าจะรู้สึกเช่นเดียวกันกับข้าในตอนนี้!”
“พูดจาอะไรของเจ้าน่ะ ข้าน่ะหรอจะต้องหวาดกลัวและยอมสยบให้กับพวกมนุษย์น่ะ เจ้าทำตัวเช่นนี้แล้วเจ้ายังคิดว่าเจ้ามีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะถูกคัดเลือกให้เป็นผู้นำเผ่ามังกรดำอีกอย่างงั้นรึ ? ”
“เจ้าไม่เข้าใจซิฟน็อก ข้าเองก็มีเกียรติและศักดิ์ศรีของตัวเองอยู่เช่นกันและมันก็สำคัญมากๆในชีวิตข้า แต่ข้าจะยอมสยบต่อหน้าใครนั้นก็ต่อเมื่อข้าเห็นว่าผู้นั้นคู่ควรเท่านั้น”
ไกอัสและซิฟน้อกต่อล้อต่อเถียงกันยกใหญ่ จนเดลวาลินต้องกระทืบเท้าลงพื้นจนเกิดแรงสั่นสะเทือนไปถึงทั้งสองคน ทำให้ไกอัสกับซิฟน็อกหยุดในทันที
“นายทั้งสองคนเลิกทะเลาะกันได้แล้ว! ทำแบบนี้เท่ากับไม่เห็นฉันอยู่ในสายตาเลยนะ!”
“ข…ข้าต้องขอประทานโทษท่านเดลวาลินด้วยขอรับ….ข้าจะไม่ทำเช่นนั้นอีกแล้ว v~v ”
“บอกฉันมาไกอัส ว่าเรื่องทั้งหมดมันเป็นอะไรยังไงกันแน่!”
เดลวาลินตะหวาดถามไกอัสเพื่อเข้นความจริง ก่อนที่ไกอัสจะยอมเผยความจริงออกมาว่าแท้จริงแล้วเรื่องทั้งหมดมันเกิดขึ้นเมื่อ 100 ปีก่อน
ในยุคนั้นเผ่ามังกรขาวและเผ่ามังกรดำ มังกรทั้งสองเผ่าต่างคนต่างอยู่และพยายามไม่ข้องแวะซึ่งกันและกัน เผ่ามังกรดำเป็นเผ่ามังกรระดับสูงที่มีความมั่นใจในตนเอง พวกเขามองว่าตนเองนั้นยิ่งใหญ่และแข็งแกร่งที่สุดในดินแดนแคลิดแห่งนี้ ไม่ว่าสิ่งมีชีวิตใดก็ต้องยอมสยบและขวัญหนีดีฝ่อเมื่อต้องเผชิญหน้าด้วย ส่วนเผ่ามังกรขาวนั้นเป็นมังกรระดับสูงที่รักความสงบ และไม่ชอบออกไปสุงสิงกับโลกภายนอก ส่วนใหญ่จะอาศัยหากินอยู่ในเขตแดนของตนเองเพื่อพยายามไม่ให้ตกเป็นเป้าสายตาของสิ่งมีชีวิตอื่น โดยเฉพาะ มนุษย์
แต่เนื่องจากเผ่ามังกรดำนั้นเป็นเผ่ามังกรระดับสูงที่กินจุและชอบการทำลายล้างในการปล้นชิงสิ่งที่ต้องการมา ทำให้เผ่ามังกรดำเริ่มขยายอาณาเขตมากขึ้นและเริ่มรุกล้ำเข้าไปในถิ่นหากินของเผ่ามังกรขาวมากขึ้น จนในที่สุดเผ่ามังกรดำก็เปิดฉากโจมตีใส่เผ่ามังกรขาวก่อน ทั้งการเผ่าอาคารบ้านเรือน สถานที่พักไข่ รวมไปถึงการจับไข่และลูกมังกรแรกเกิดไปกินเป็นอาหาร นั่นจึงทำให้เผ่ามังกรขาวเกิดความโกรธแค้นกับเผ่ามังกรดำ ทำให้เผ่ามังกรขาวประกาศทำสงครามกับเผ่ามังกรดำนับแต่นั้นเป็นต้นมา
เผ่ามังกรทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันมาอย่างยาวนาน แต่ยิ่งสู้กันมากเท่าไหร่ข่าวคราวการต่อสู้ของมังกรทั้งสองฝ่ายก็เริ่มแพร่สพัดไปทั่วอาณาจักรเซซิลล่าร์มากขึ้น ทำให้ราชาของอาณาจักรเซซิลล่าร์รุ่นก่อนประกาศว่าจะกวาดล้างมังกรทั้งสองเผ่านี้ให้หมดสิ้น เนื่องจากการต่อสู้ของทั้งสองฝ่ายมันได้สร้างผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมและผู้คนที่อาศัยอยู่ในเขตแดนโดยรอบ แต่อาณาจักรเซซิลล่าร์ก็ไม่เคยทำสำเร็จ เนื่องจากมังกรดำและมังกรขาวทั้งสองฝ่ายต่างก็มีความเฉลียวฉลาด รู้จักหาวิธีเอาตัวรอดมาได้เสมอ
จนเผ่ามังกรขาวได้อาศัยจุดอ่อนของเผ่ามังกรดำนั่นคือ เผ่ามังกรดำนั้นเป็นมังกรที่ชอบกินจุ กินไม่เลือก และชอบการทำลายล้าง ทำให้เผ่ามังกรขาวได้ใช้กลอุบายในการล่อลวงให้เผ่ามังกรดำได้กินอาหารที่วางยาพิษเอาไว้ ทำให้เผ่ามังกรดำเริ่มป่วยและอ่อนแอ อีกทั้งยังตัดตอนแหล่งหาอาหารทำให้เผ่ามังกรดำไม่มีอาหารเพียงพอต่อการเลี้ยงสมาชิกในเผ่า และเมื่อเผ่ามังกรดำอ่อนกำลังลง ก็เป็นฝ่ายของเผ่ามังกรขาวในการรุกคืบกินพ้ืนที่ทั้งหมดที่เผ่ามังกรดำครอบครองอยู่จนเกือบถึงปัจจุบัน และสงครามมันจะจบลงโดยง่ายหากไม่มีไกอัสกับซิฟน็อกเข้ามาขวางเสียก่อน
แต่ไกอัสก็ได้บอกว่าถึงแม้การกระทำของฝ่ายตนจะป่าเถื่อนและโหดร้าย แต่นั่นคือหนทางวิถีการดำเนินชีวิตของเผ่าพันธุ์มังกรของตน ถ้าไม่ฆ่าและกินสิ่งมีชีวิตอื่นๆ เผ่าพันธุ์ของตนก็ต้องดับสูญในที่สุด ฝ่ายของตนจึงไม่มีทางเลือกอื่นจึงต้องหาอาหารจากแหล่งอื่นเพื่อประทังชีวิตมังกรทุกตัวในเผ่า
เมื่อทุกคนได้ทราบความจริงจากปากของไกอัส เดลวาลินก็ทำท่าครุ่นคิดเหมือนกำลังชั่งใจว่าจะทำยังไงกับไกอัสรวมถึงมังกรขาวที่เป็นเชลยพวกนี้ดี เพราะสิ่งที่ไกอัสพูดมาตอนท้ายก็มีเหตุผลและเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้หากธรรมชาติของพวกเขาเป็นแบบนั้น
“(สิ่งที่เผ่ามังกรดำทำกับเผ่ามังกรขาวพอได้ฟังแล้วมันก็พอจะเข้าใจว่ามันเป็นเรื่องที่ร้ายแรงมากจนไม่น่าให้อภัย แต่สิ่งที่เผ่ามังกรดำทำไปก็เพื่อดำรงเผ่าพันธุ์ให้อยู่รอดต่อไป ชีวิตย่อมมีหนทางของมันเองเสมอ)”
“สรุปนายจะเอายังไงเดลวาลิน”
สเตลร่าถามหลังจากเห็นเดลวาลินยืนครุ่นคิดนาน
“ฉันตัดสินใครไม่ได้หรอกว่าฝ่ายไหนเป็นฝ่ายผิดฝ่ายไหนเป็นฝ่ายถูก เพราะฉันเป็นแค่คนกลางที่ยื่นมือเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เพราะไกอัสร้องขอก็เท่านั้น”
“แล้วหลังจากนี้นายจะทำยังไงล่ะ ? ”
เซอร์ริวถาม
“ในฐานะที่ฉันเป็นคนกลาง ฉันอยากจะให้ทั้งสองฝ่ายแยกย้ายกันกลับไปที่เผ่าของตัวเอง แต่ฉันจะเดินทางไปที่เผ่ามังกรขาวเพื่อไปพบกับหัวหน้าเผ่าของพวกเขา”
“หะห๋า?? เมื่อกี้นายพูดว่าอะไรนะ 0 0 ?! ”
“อย่างที่ฉันบอก การจะยุติสงครามเราต้องเรียกทั้งสองฝ่ายมาพูดคุยเพื่อหาข้อตกลงร่วมกันที่สมน้ำสมเนื้อ ถ้าหากทั้งสองฝ่ายเข้าใจและยอมทำข้อตกลงบางอย่างร่วมกันได้ สงครามก็จะยุติอย่างสันติโดยที่ไม่ต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องสูญพันธุ์”
“แต่มันจะง่ายขนาดนั้นเลยหรอ ฝ่ายของไกอัสก็ทำเรื่องแย่ๆกับฝ่ายมังกรขาวไม่ใช่น้อยเลยนะ”
อลันบีพูด
“แต่เทพธิดาไมอาร์ได้สั่งสอนให้สิ่งมีชีวิตทุกชีวิตรักกันและกัน ไม่ว่าจะเป็นมิตรสหายหรือศัตรู พระองค์ก็สอนให้พวกเราหรือสิ่งมีชีวิตอื่นรู้จักการปล่อยวางและให้อภัยต่อกัน ละทิ้งอดีตที่เลวร้ายและโฟกัสกับปัจจุบันเพื่อมุ่งหน้าไปสู่อนาคนที่ดีกว่า นั่นจึงจะทำให้เกิดความสงบสุขขึ้นบนโลกนี้อย่างแท้จริง”
ลอร่าพูดพร้อมกับยืนกุมมือในท่าสวมภาวนาที่ดูสุขุม
“เธอเป็นนักบวชไม่แปลกที่เธอจะคิดอย่างนั้น แต่คนอื่นเขาไม่ได้เข้าใจหลักคำสอนของศาสนจักรได้ถ่องแท้เหมือนเธอหรอกนะ”
"ถึงจะไม่เข้าใจหลักการและคำสอนอย่างถ่องแท้ แต่พวกเราก็สามารถเรียนรู้และทำความเข้าใจมันได้นี่คะ ว่าการทำความเข้าธรรมชาติของสิ่งต่างๆนั้นมันช่วยบอกอะไรพวกเราได้บ้าง เพื่อที่เราจะได้ปฏิบัติตนต่อสิ่งนั้นได้อย่างถูกต้องเหมาะสม”
ทุกคนคิดตามคำพูดของลอร่า ก่อนจะพยักหน้ารับรู้เหมือนเข้าใจว่าอีกฝ่ายต้องการจะสื่ออะไร
“มันก็จริง ถ้าหากเผ่ามังกรขาวเข้าใจว่าเผ่ามังกรดำมีนิสัยใจคอยังไง และเผ่ามังกรดำเลือกที่จะแก้ไขปรับปรุงวิถีชีวิตยังไงให้ดีขึ้นจากเดิมได้บ้าง ก็อาจจะทำให้ทั้งสองฝ่ายเลิกมีอคติต่อกันได้”
เซอร์ริวพูดพร้อมกับพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม
เมื่อทุกคนเห็นพ้องต้องกันแล้ว เดลวาลินจึงออกคำสั่งให้ไกอัสพามังกรขาวทั้งหมดที่จับมาได้นำตัวกลับไปที่หมู่บ้านแคลิด ดรากูนเพื่อขังเอาไว้ช่วยคราวก่อน ส่วนตัวเขานั้นจะไปคุยกับเกรย์ออลเพื่อหาวิธีที่จะติดต่อทางการทูตเพื่อสานสัมพันธ์ไมตรีต่อไป
ความคิดเห็น