ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Sobel The Flame of Dragon: เกิดใหม่เป็นมังกรเพลิงในตำนาน

    ลำดับตอนที่ #15 : ตอนที่ 14: วันก่อนศึกแตกหัก

    • อัปเดตล่าสุด 29 ต.ค. 66


    ณ ท้องฟ้าที่ปลอดโปร่ง มีก้อนเมฆประปราย มังกรดำไกอัสพร้อมกับกลุ่มของเดลวาลินบินผ่านน่านฟ้า เหนือหมู่เมฆที่ลอยอยู่บนอากาศอย่างสง่างามและน่าเกรงขาม โดยพวกเขากำลังมุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านมังกรที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ปิดในป่าใหญ่ อีกทั้งการโดยสารบนหลังมังกรก็ทำให้กลุ่มนักผจญภัยเซอร์สะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย และไม่ต้องเสี่ยงเจออันตรายในป่าใหญ่เบื้องล่างอีกด้วย

    ไกอัสได้พากลุ่มของเดลวาลินเดินทางมาถึงเขตหมู่บ้านมังกรแคลิด แต่ก่อนที่ทุกคนจะได้เข้าไปในหมู่บ้านไกอัสก็ได้เตือนทุกคนในกลุ่มโดยเฉพาะกับกลุ่มของเซอร์ริวที่เป็นมนุษย์ไปว่า

    “นี่…ข้าขอเตือนอะไรพวกเจ้าเอาไว้อย่าง”

    “มีอะไรงั้นหรอ ?”

    เดลวาลินถามขึ้นมา

    “หมู่บ้านแคลิด ดรากูน ที่ข้าอาศัยอยู่ มีแต่มังกรระดับสูงอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก พวกนั้นไม่ต้อนรับใครง่ายๆโดยเฉพาะพวกมนุษย์ ที่พวกเขามองว่าเป็นแค่แมลงชั้นต่ำเท่านั้น อีกอย่างพวกเขาก็ยังไม่รู้ว่าข้าพาท่านเดลวาลินมาด้วย”

    “แล้วแบบนี้ถ้าพวกเขาเจอพวกเราจะทำยังไงล่ะคะ”

    ลอร่าถามขึ้นมา

    “ไม่ต้องห่วง ถ้าพวกเจ้าไม่ออกนอกลู่นอกทางอยู่ใกล้ตัวข้าเข้าไว้ พวกเจ้าก็จะปลอดภัย…เว้นเสียแต่…” 

    ไกอัสหยุดพูดไปดื้อๆก่อนจะหันหลังไปมองเดลวาลินกับสเตลร่าที่นั่งอยู่บนหลังด้านหน้าสุดของกลุ่ม ทำเอาอลันบีกับเซอร์ริวสงสัย 

    “เอาเป็นว่า พวกเจ้าต้องระวังตัวให้มากๆล่ะ และถ้าเป็นไปได้ท่านเดลวาลินจะคุ้มครองพวกเจ้าเอง หากข้าไม่อยู่”

    “ทำไมถึงพูดแบบนั้นล่ะ”

    สเตลร่าถาม

    “ข้าเป็นมังกรนักรบที่แข็งแกร่งที่สุดในเผ่า ข้าต้องออกไปรับศึกที่แนวหน้าอยู่บ่อยๆ และข้าพาพวกเจ้าไปที่แนวหน้าพร้อมกับข้าไม่ได้หรอก ยกเว้นเสียแต่จะเป็นท่านเดลวาลินกับท่านสเตลร่าที่จะปกป้องพวกเจ้าได้”

    “อ้าว ไหงเป็นงั้นล่ะ 0 0 ? ”

    เซอร์ริวถาม แต่ไกอัสก็ไม่ตอบเพราะเป็นคำสั่งของเดลวาลินที่บอกกำชับเขาเอาไว้ว่าไม่ให้บอกใครเกี่ยวกับความลับของเขา

    “ไม่ต้องกังวลไปหรอกนะ คุณเดลวาลินกับคุณสเตลร่าน่ะสามารถปกป้องพวกเราได้อยู่แล้ว ^ ^”

    แล้วลอร่าก็หันไปส่งยิ้มให้เดลาลินกับสเตลร่า ก่อนที่ทั้งสองจะส่งยิ้มกลับมาเพื่อให้ความมั่นใจ 

     

    หลังจากที่พวกเขาออกเดินทางมาตั้งแต่เช้า ในที่สุดไกอัสก็บินมาถึงเขตและเห็นหุบเขาขนาดใหญ่ที่ล้อมรอบป่าใหญ่ตั้งอยู่ใจกลางอันเป็นที่ตั้งของหมู่บ้าน แคลิด ดรากูน อีกยังมีเกาะลอยฟ้ายิบย่อยอีกจำนวนหนึ่งไว้สำหรับเป็นที่สร้างรังกับสิ่งปลูกสร้างของเหล่ามังกร “พวกเราน่าจะมาถึงแล้วนะ พวกนายระวังตัวด้วยล่ะ” เดลวาลินบอกให้ทุกคนเตรียมตัว ก่อนที่ไกอัสจะลงจอดที่ปากทางเข้านอกเขตหมู่บ้าน

    ทันทีที่กลุ่มของเดลวาลินเหยียบลงพื้นที่ในเขตหมู่บ้านมังกร แคลิด ดรากูน ทุกคนก็ต้องผวาเมื่อเห็นมังกรดำบินว่อนไปมาทั่วน่านฟ้า และดูเหมือนจะมีมังกรดำหลายตนจ้องมองมายังพวกเขาด้วยสายตาที่ไม่ต้อนรับเท่าไหร่ 

    “นะ…น่ากลัวชะมัด…นี่พวกเราจะต้องมาจัดการมังกรพวกนี้จริงๆหรอเนี่ย ! 0~0" ”

    เซอร์ริวนั่งตัวเกร็งอยู่บนหลังไกอัส แต่ไกอัสก็หันกับมาบอกว่า

    “จำคำที่ข้าบอกเอาไว้ให้ดีล่ะ สหายของข้าไม่ต้อนรับพวกมนุษย์อย่างพวกเจ้า แต่พวกเจ้าจะปลอดภัยเมื่ออยู่ใกล้ข้ากับท่านเดลวาลิน”

    หลังจากนั้นไกอัสก็เดินทางกลุ่มของเดลวาลินเข้าไปในหมู่บ้านอย่างช้าๆ 

    ตลอดทางเดินภายในหมู่บ้าน ก็มีเหล่ามังกรดำจำนวนมากมายนับไม่ถ้วนพากันแห่แหนเข้ามาดูกลุ่มมนุษย์แปลกหน้าที่นั่งอยู่บนหลังของไกอัส บางตนได้ซักถามไกอัส บางตนก็พูดปองร้ายบ่งบอกว่าพวกนั้นไม่ต้อนรับอย่างชัดเจน ทำเอากลุ่มของเซอร์ริวกลัวจนต้องขยับเข้ามากอดตัวติดกัน ยกเว้นแต่เดลวาลินกับสเตลร่าที่คอยระแวดระวังภัยให้หากมีมังกรตนใดคิดจะเข้ามา จนสุดท้ายไกอัสก็สามารถพาพวกเขาไปพบกับมังกรเฒ่าผู้นำของเผ่ามังกรดำได้โดยสวัสดิภาพ 

    ณ ตำหนักมังกรเฒ่าเกรย์ออล

    “ท่านผู้อาวุโส ข้าพาแขกที่จะมาช่วยพวกเราทำศึกแล้วขอรับ” 

    ไกอัสพากลุ่มของเดลวาลินมาพบกับมังกรเฒ่าเกรย์ออล ซึ่งในขณะนี้เขากำลังนอนพักอย่างสงบอยู่บนรังที่ถูกสร้างขึ้นมาเป็นอย่างดี อีกทั้งยังมีมังกรบริวารอีกจำนวนหนึ่งคอยดูแลอย่างใกล้ชิดตลอดเวลา 

    มังกรตัวอื่นๆหันไปมองด้วยความสงสัย ในขณะเดียวกันมังกรเฒ่าเกรย์ออลที่ตอนนี้สภาพร่างกายไม่ค่อยดีเหมือนแต่ก่อน ก็พยายามใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีเงยหน้าขึ้นมามองไปยังกลุ่มคนที่ไกอัสพามาหวังจะให้ช่วยกอบกู้สถานการณ์ของเผ่า จนเมื่อเหล่ามังกรในตำหนักเห็นกลุ่มเดลวาลินที่เป็นมนุษย์เดินดิน พวกเขาก็ตกใจอย่างมากที่ไกอัสนั้นพามนุษย์สิ่งมีชีวิตที่พวกเขามองว่าเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำเข้ามาในหมู่บ้าน

    “อะไรกัน? นี่เจ้าพาพวกมนุษย์เข้ามาในหมู่บ้านของพวกเรางั้นรึ ?!”

    “นี่เจ้าบ้าไปแล้วรึไกอัส พวกมนุษย์พวกนี้มันจะช่วยกอบกู้สถานการณ์สงครามของเผ่าพวกเราเช่นไร ?!”

    มังกรทั้งหลายในตำหนักรัวยิงคำถามพร้อมกับบ่นออกมาใส่ไกอัสไม่หยุด แต่ก็ยังไว้หน้าเกรย์ออลอยู่บ้าง ทำให้ไกอัสต้องรีบอธิบายให้พวกเดียวกันเข้าใจ

    “เอิ่ม…อันที่จริงแล้ว ข้าไม่ได้ตั้งใจจะพาพวกมนุษย์พวกนี้มาตั้งแต่แรกหรอก…แค่ส่วนน้อยล่ะนะ”

    จู่ๆ กลุ่มของเซอร์ริวก็รู้สึกเจ็บแปลกๆเหมือนโดนไกอัสหลอกด่าอ้อมๆราวกับว่าพวกตนนั้นเป็นส่วนเกินของภารกิจนี้ แต่ก็ไม่กล้าปริปากพูดอะไรเพราะรู้สึกยำเกรงเมื่ออยู่ในอาณาเขตของพวกมังกรระดับสูง 

    “แล้ว เจ้ามาพวกมนุษย์พวกนี้มาข้าขอถามหน่อยว่ามันจะช่วยทำให้สถานการณ์ของสงครามมันดีขึ้นได้ยังไง”

    มังกรดำตัวหนึ่งถาม พร้อมกับจ้องมองกลุ่มเดลวาลินด้วยสายตาที่ดูถูกดูแคลนตลอดเวลา

    “ก็ท่านผู้นี้ไง ผู้ที่จะมาเปลี่ยนสงครามให้กับพวกเรา ท่านเดลวาลินและท่านสเตลร่า”

    “อย่าเอาฉันไปเหมารวมเรื่องหน้างานกับเขาสิ ฉันขอแค่จับตามองอยู่เบื้องหลังก็พอ v v ”

    “อ้อ…..เออ….ถ้าเช่นนั้นข้าจะนับแค่ท่านเดลวาลินก็แล้วกันขอรับ”

    แล้วไกอัสก็ให้เดลวาลินเดินออกไปโชว์ตัวต่อหน้ามังกรเฒ่าเกรย์ออลรวมถึงมังกรดำตัวอื่นๆ 

    “เจ้ามนุษย์ผู้คนนี้มันมีดีอะไรนักหนา เจ้าถึงคิดว่ามันจะช่วยพวกเราได้ ? ”

    “อย่าเพิ่งด่วนสรุปไป แม้ท่านผู้นี้จะดูเป็นมนุษย์ธรรมดา แต่ถ้าหากพวกท่านเห็นพลังที่แท้จริงของท่านผู้นี้”

    “นี่เจ้ายกยอมนุษย์ตนนี้ถึงเพียงนี้เชียวรึ เอาเถอะถ้าเจ้าคิดว่าเจ้ามนุษย์นี่แข็งแกร่งจริง พอที่จะล้มมังกรระดับสูงอย่างพวกเราได้ งั้นข้าขอทดสอบหน่อยจะได้มั้ย”

    ไกอัสถึงกับหันไปมองเดลวาลิน ก่อนที่อีกฝ่ายจะยกสัญญานมือขึ้นมาเป็นการบอกนัยๆว่าทุกอย่างจะต้องเรียบร้อย และขอให้ไกอัสตอบรับคำท้าจากกลุ่มมังกรดำที่อยู่ตรงหน้าไป 

    “ก็ได้ ถ้าพวกท่านต้องการจะทดสอบความสามารถของท่านผู้นี้ ข้ายินดีให้ท่านทดสอบฝีมือของเขาได้เต็มที่”

    หลังจากนั้นพวกเขาก็ย้ายสถานที่ไปยังลานกว้างแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ด้านหลังของหมู่บ้าน โดยลานกว้างแห่งนี้มีความกว้างมากพอที่จะจุมังกรดำได้ถึง 50 ตัว เลยทีเดียว ซึ่งเหมาะมากในการประลองฝีมือระหว่างเดลวาลินกับกลุ่มมังกรดำที่ยังมีข้อกังขาในตัวเขา และการประลองในครั้งนี้ก็มีมังกรดำทั้งหมดในเผ่า ไกอัส กลุ่มของเซอร์ริว รวมถึงมังกรเฒ่าเกรย์ออล ต่างก็มาร่วมเป็นสักขีพยานในครั้งนี้ เพื่อให้เห็นเป็นประจักษ์สายตาว่าเดลวาลินนั้นแข็งแกร่งมากแค่ไหน

    “เหอะ เจ้ามันโง่เขลายิ่งนักที่เรียกให้พวกข้ามาต่อสู้กับเจ้าเช่นนี้ เจ้าคิดหรือว่าเจ้าจะเอาชนะพวกข้าได้”

    “ช่ายยย แค่มนุษย์อย่างเจ้าเพียงคนเดียวจะล้มพวกข้าได้อย่างไร คิดแล้วก็น่าขำ”

    มังกรดำจำนวนหลายสิบตนยืนอยู่เบื้องหน้าเดลวาลินพร้อมกับพูดจาเย้อหยันอย่างอารมณ์ขัน ก่อนที่เดลวาลินจะยิ้มแล้วตอบกลับมังกรพวกนั้นกลับไปว่า

    “พวกนายไม่ต้องพูดมากหรอก ถ้าพร้อมแล้วก็ดาหน้ากันเข้ามาได้เลย ฉันนี่แหละจะประเคนหมัดข้างนี้ให้พวกนายเอง”

    เดลวาลินชูกำปั้นที่อัดแน่นไปด้วยพลังใจอย่างเต็มเปี่ยมพร้อมกับรอยยิ้มอย่างมั่นใจบนใบหน้า ทำเอาพวกมังกรดำรู้สึกหมั่นไส้ จึงไม่รอช้าเลยทำการเปิดฉากโจมตีใส่เขาในทันที โดยเหล่ามังกรดำจำนวนหลายสิบตัวทำการพ่นเปลวเพลิงที่ร้อนแรงและบ้าคลั่งลูกใหญ่ โจมตีใส่เดลวาลินซึ่งๆหน้าซึ่งการโจมตีรูปแบบนี้เป็นเพียงการโจมตีทั่วๆไปที่ไม่ได้เป็นการใช้เวทย์มนต์

    แต่เดลวาลินก็ทำในสิ่งที่ไม่มีมังกรดำตนใดคาดคิดมาก่อน เมื่อเขานั้นยืนหลับตาอยู่เฉยๆก่อนที่จะปรากฏวงเวทย์มังกรเพลิงขึ้นตรงหน้า และวงเวทย์นั้นก็ได้ทำการดูดเอาเปลวเพลิงของมังกรดำทั้งสิบตัวเข้าไป เหล่ามังกรดำทั้งหลายต่างพากันตกใจกับภาพที่เห็นไม่เว้นแม้แต่มังกรเฒ่าเกรย์ออลที่แทบไม่เชื่อสายตาตนเอง เมื่อมนุษย์สามารถรับมือกับเปลวเพลิงของมังกรที่มีพลังทำลายล้างและความร้อนสูงถึงขั้นหลอมละลายเหล็กได้ในพริบตาแบบนี้ โดยเฉพาะเปลวเพลิงที่เกิดจากการโจมตีของมังกรระดับสูงพร้อมกันขนาดนี้

    “(ดูเหมือนจะเริ่มรู้จุดอ่อนจุดแข็งของตัวเองแล้วสินะ)”

    สเตลร่านึกในใจพร้อมกับยืนทำหน้าอมยิ้มใกล้ๆกับลอร่า

    “สุดยอดไปเลยแหะ ไม่คิดเลยว่าเขาจะทำแบบนั้นได้ด้วย 0 0 !”

    เซอร์ริวที่ยืนจับตาดูการต่อสู้อยู่ขอบสนามตะลึงตาค้าง ในขณะที่คนอื่นๆนั้นยืนดูอยู่เงียบๆ

    ตัดกลับมาที่เหตุการณ์ทางฝั่งของกลุ่มมังกรดำ ซึ่งในตอนนี้พวกเขาต่างพากันตกตะลึงกับสิ่งที่เห็น เมื่อเปลวเพลิงของพวกตนถูกเดลวาลินดูดจนหายไปจนหมด 

    “อะไรกัน ปะ..เปลวเพลิงของพวกข้า… 0 0 ??!! ”

    “เอาล่ะนะ ได้เวลาเคาเตอร์แอ็คแทคแล้ว!”

    พูดไม่ทันขาดคำ เดลวาลินก็ร่ายเวทย์ 'หมัดมังกรเพลิงกัมปนาท' รวบรวมเปลวเพลิงที่ได้มาจากพวกมังกรดำที่พ่นโจมตีมาที่เขาเอาไว้ที่หมัดขวาทำให้เกิดเปลวเพลิงพวยพุ่งออกมาอย่างรุนแรง มังกรดำทุกตนในเผ่าไม้เว้นแม้แต่ไกอัสพากันส่งเสียงโหด้วยความตื่นเต้น ก่อนที่เดลวาลินจะต่อยหมัดลงพื้นเพื่อสร้างคลื่นเปลวเพลิงลูกใหญ่ย้อนกลับไปหาพวกมังกรดำเหล่านั้นอย่างรุนแรง

    ฟรู้มมมมมม!!!! ตู้มมมมม!!!

    “ *อ๊าากกกก!!!* ร้อนๆๆ!!! พวกข้าร้อนเหลือเกินนน!!!! > < ” 

    “นี่มันเกิดเรื่องเช่นนี้กับพวกข้าได้อย่างไร…แค่เปลวไฟจากพลังเวทย์ของมนุษย์แค่คนเดียว ทำให้พวกข้าปวดแสบปวดร้อนได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ > < !!!! ”

    มังกรดำทั้งหมดต่างพากันส่งเสียงร้องโอดครวญท่ามกลางเปลวเพลิงที่กำลังลุกไหม้ ก่อนที่จะมีมังกรดำบางส่วนที่ทนความร้อนนั้นไม่ไหว พวกมันจึงรีบกางปีกแล้วบินขึ้นตั้งหลักบนท้องฟ้า

    “หน๋ออยยย!!!! บังอาจมากนักนะเจ้ามนุษย์!!”

    “พวกเราล้อมมันเอาไว้ แล้วรุมโจมตีมันจากทุกทางเลย!!”

    หลังจากนั้นพวกมังกรดำทั้งเหลือ ก็บินล้อมรอบตัวเดลวาลินเอาไว้เพื่อทำการร่ายเวทย์ ลมหายใจมังกร โจมตีเดลวาลินจากทุกทิศทางทำให้กลุ่มของเซอร์ริวใจเต้นระทึกและอยากรู้ว่าเดลวาลินนั้นจะมีวิธีรับมือกับพลังเวทย์ทำลายล้างของมังกรแบบนี้ยังไง 

    เมื่อเดลวาลินเห็นว่าพวกมังกรดำกลุ่มนี้หันมารุมโจมตีใส่เขาแบบนี้ เขาจึงเสกดาบมังกรเพลิงอาวุธคู่กายของเขาออกมา ก่อนจะชูดาบขึ้นเหนือหัวจากนั้นก็ปรากฏเป็นโล่พลังเวทย์ธาตุไฟขึ้นมาปกป้องรอบตัวเขา ทำให้เขาไม่ได้รับความเสียหายใดๆจากลมหายใจมังกร

    ตู้มมมม!!!

    เหล่ามังกรดำที่เห็นว่าเดลวาลินนั้นยังอยู่รอดปลอดภัย พวกเขาก็ตกใจและเริ่มสงสัยแล้วว่าเดลวาลินั้นเป็นตัวอะไรกันแน่ แต่ไม่ยังทันที่พวกมังกรดำจะได้คำตอบใดๆ เดลวาลินก็ได้เรียกรวมเอาเปลวเพลิงจากแรงระเบิดเข้ามาอยู่ในดาบของเขา ก่อนที่เขาจะหมุนด้วยพร้อมกับแหว่งดาบ ปลดปล่อยคลื่นพลังเวทย์มังกรเพลิงกระจายออกไปรอบทิศทาง ทำให้พวกมังกรดำที่บินอยู่บนฟ้าถูกคลื่นพลังเวทย์ดาบมังกรเพลิงของเดลวาลินสอยร่วงจนหมด

    แต่ถึงอย่างนั้นพวกมังกรดำก็ยังคิดจะสู้ต่อ เดลวาลินจึงตัดสินใจใช้กระบวนท่าของอลันบีจัดการในม้วนเดียวจบ โดยกระบวนท่าที่เดลาลินใช้นั้นก็คือ ลูกเตะวายุเพลิงทะยานฟ้า กระโดดหมุนตัวขึ้นไปบนท้องฟ้าก่อนจะเกิดพายุเพลิงขึ้นรอบตัว จากนั้นพวกมังกรดำก็ถูกแรงลมดูดเข้าไปในพายุจนสุดท้ายลมพายุนั้นก็ระเบิดอย่างรุนแรง ซัดพวกมังกรดำทั้งหมดให้กระเด็นไปกองรวมกันก่อนจะหมดสภาพไปต่อหน้าต่อตาสักขีพยานที่มาร่วมดูการต่อสู้ในครั้งนี้

    ตู้มมมม!!!

    "นั่นมัน ท่าโจมตีของคุณอลันบีนี่นา 0 0"

    "หมอนั่นใช้กระบวนท่าลูกเตะวายุเพลิงทะยานฟ้าของฉันได้ด้วยงั้นหรอ?"

    อลันบีที่ยืนกอดอกดูการต่อสู้อยู่นอกสนามถึงกับตกใจกับสิ่งที่เห็น ก่อนที่พวกมังกรดำทั้งหมดจะถูกเล่นงานจนหมดสภาพ

    ตุบ!!!!

    “แขะ…..แข็งแกร่งอะไรเบอร์นี้…. > <" ”

    “เจ้านั่น…มันไม่ใช่คนแล้ว….”

    ในระหว่างที่พวกมังกรกำลังนอนซมอยู่กับพื้น เดลวาลินก็เดินเข้าหามังกรดำตัวที่ท้าเขาสู้ก่อนหน้าพร้อมกับดาบมังกรเพลิงในมือที่มีเปลวเพลิงลุกโชนอย่างเบาบาง และทันทีที่มันเห็นเดลวาลินเดินเข้ามามันก็เกิดอาการหวาดกลัวขึ้นมา

    “ข้ากลัวแล้ว พวกข้ากลัวเจ้าแล้ว ได้โปรดอย่าทำอะไรพวกข้าเลย… />~<\" ” 

    มังกรดำหัวหน้ารีบเปลี่ยนกิริยาบทมาหมอบคลานพร้อมก้มคำนับหลายต่อหลายทีเพื่อขอให้เดลวาลินเมตตา หมดความเป็นมังกรดำที่น่าเกรงขามไปในที่สุด 

    “ที่นี้พวกนายหายข้อสงสัยในตัวฉันแล้วสินะ”

    “แน่นอน…พะ…พวกข้าเชื่อแล้วว่า…เจ้านั้นแข็งแกร่งจริงตามที่ไกอัสบอก…”

    มังกรดำพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือและตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว ก่อนที่สุดท้ายมังกรเฒ่าเกรย์ออลจะประกาศให้เดลวาลินเป็นผู้ชนะ พร้อมกับเสียงเฮด้วยความดีใจของกลุ่มเซอร์ริวตามมาด้วยไกอัสที่เข้าไปแสดงความยินดีกับเดลวาลิน

    “สมแล้วที่เป็นท่านเดลวาลิน ท่านได้แสดงให้เผ่าของข้าได้เห็นแล้วว่าท่านแข็งแกร่งและมีความสามารถเพียงใด ^ ^ ”

    “อืม"

    "ในระหว่างที่ทั้งสองกำลังคุยกัน มังกรเฒ่าเกรย์ออลกับบริวารอีกจำนวนหนึ่งก็เดินเข้ามา

    “เจ้าแข็งแกร่งกว่าที่พวกข้าคิดเอาไว้มากจริงๆ *แค่ก แค่ก* ไม่นึกเลยว่า…มนุษย์อย่างเจ้าจะสามารถล้มมังกรนักรบที่มากประสบการณ์พร้อมกันเช่นนี้ได้…”

    “ตอนนี้พวกเรามีคนที่สามารถพึ่งพาได้แล้ว ข้าเชื่อว่าศึกนี้พวกเราน่าจะเอาชนะพวกเผ่ามังกรขาวได้ไม่ยากเย็นนัก”

    เกรย์ออลพยักหน้าพร้อมกับรอบยิ้มที่เต็มไปด้วยความหวัง

    “เอาล่ะ ดูท่าบุรุษผู้นี้น่าจะเหนื่อยมากแล้ว พาเขาไปพักผ่อนและให้การดูแลเขาและสหายในฐานะแขกคนสำคัญด้วยล่ะ”

    แล้วมังกรเฒ่าเกรย์ออลก็หันหลังเตรียมเดินทางกลับตำหนักที่พัก แต่ไกอัสก็ถามขึ้นมาก่อน

    “เดี๋ยวก่อนท่านผู้อาวุโส ในหมู่บ้านมังกรแห่งนี้ท่านจะให้พวกเขาไปอยู่ที่แห่งใดหรือขอรับ 0 0 ? ”

    เกรย์ออลค่อยๆหันกลับมามองไกอัสอย่างช้าๆ ก่อนจะตอบกลับไปสั้นๆว่า

    “เจ้าเป็นคนพาพวกเขามายังหมู่บ้านของพวกเรา…เพราะฉะนั้น…หน้าที่ดูแลแขกข้าจึงมอบหมายให้เป็นหน้าที่ของเจ้า”

    หลังจากนั้นมังกรเฒ่าเกรย์ออลก็ยิ้มอย่างมีอารมณ์ขันก่อนจะหันหลังแล้วเดินจากไปอย่างช้าๆ โดยมีมังกรบริวารคอยช่วยประคับประคองไปตลอดทาง 

    “ดูเหมือนพวกฉันต้องรบกวนนายแล้วล่ะนะไกอัส”

    “*เฮ้ออ…* ให้ตายสิ ถ้าท่านผู้อาวุโสให้ข้าดูแลท่านกับสหายของท่านเดลวาลินล่ะก็ ข้าก็คงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องทำตามที่ท่านผู้อาวุโสบอกมาล่ะนะขอรับ v v”

    .

    .

    .

    .

    ตกเย็นของวันนี้ ไกอัสก็ได้พากลุ่มของเดลวาลินไปที่บ้านของเขา โดยบ้านของไกอัสก็เหมือนกับบ้านของคนทั่วๆไปแต่ตกแต่งด้วยสถาปัตยกรรมที่ประณีตสวยงาม ดูหรูหรา สวยงามไม่เหมือนบ้านคนทั่วๆไป ตัวบ้านมี 2 ชั้น สีน้ำตาล มีปล่องไฟสำหรับให้ความอบอุ่น 

    “นี่บ้านของนายงั้นหรอ”

    “ขอรับ” 

    สิ้นเสียงไกอัสก็ได้จำแลงร่างเป็นมนุษย์เป็นหนุ่มหล่อ ส่วนสูง 183 ซม ผมสั้นสีดำสนิท หน้าคม แววตาดุดัน เย็นชา มีเขามังกรอยู่บนศีษระพร้อมกับหางมังกรที่ด้านหลัง สวมเสื้อกั๊กแขนสั้นสีดำมีเสื้อลำลองแขนยาวอยู่ด้านใน สวมกางเกงขายาวสีดำ และใส่รองเท้าหุ้มข้อสีดำ 

    แอร๊ดดด

    ในระหว่างที่ไกอัสกำลังจะพากลุ่มเดลวาลินเข้าไปในบ้าน จู่ๆ ก็มีหญิงสาวคนหนึ่งเปิดประตูออกมารอต้อนรับไกอัสถึงหน้าบ้าน โดยหญิงสาวคนนี้มีลักษณะ ผิวขาว หน้าตาสละสวยไม่แพ้เรดควีน ผมยาวสีดำเงา มีผมหน้าปิดดวงตาอยู่ด้านขวาข้างหนึ่ง แววตาสีคราม ริมฝีปากสีชมพูอ่อน ส่วนสูง 180 ซม รูปร่างหุ่นดี เอวขด สวมชุดกระโปรงยาวเกาะอกสีน้ำเงินเข้ม มีเขามังกดำอยู่บนศีรษระและมีหางมังกรโผล่เหมือนกับไกอัสทุกอย่าง

    “กลับมาแล้วหรือไกอัส”

    “ข้ากลับมาแล้วท่านพี่”

    เดลวาลินและคนอื่นๆหันมามองหน้ากันเล็กน้อย เมื่อรู้ว่าหญิงสาวหน้าตาดีคนนี้คือพี่สาวของไกอัส และเธอมีชื่อว่า “ฮามัส”

    “ข้าดีใจที่เจ้ากลับมาจากสงครามได้อย่างปลอดภัยนะ เจ้าไม่เป็นอะไรใช่มั้ย”

    “ข้าไม่เป็นไรท่านพี่ เพราะข้าน่ะเก่งอยู่แล้ว ^ ^ ”

    ไกอัสพูดหยอกกับพี่สาวของเขาเหมือนอย่างเคยตามประสาคนในครอบครัวเดียวกัน ก่อนที่ฮามัสจะชะโงกหน้ามองไปที่กลุ่มเดลวาลินที่ยืนอยู่ด้านหลัง

    “มนุษย์พวกนั้นมากับเจ้าด้วยงั้นหรอ”

    ไกสอัสหันไปมองตามสายตาของฮามัสก่อนจะพยักหน้าเบาๆเป็นการตอบกลับ และเหมือนว่าฮามัสจะเดาสถานการณ์ได้

    “ท่านผู้อาวุโสคงอนุญาติให้พวกนั้นเข้ามาเหยียบในหมู่บ้านของพวกเราสินะ และข้าขอเดาว่าท่านน่าจะมอบหมายหน้าที่ในการดูแลมนุษย์พวกนั้นให้กับเจ้า ข้าเดาถูกต้องใช่หรือไม่”

    “อืม ท่านผู้อาวุโสกำชับข้าด้วยตนเองเลยว่า ให้ข้าดูแลแขกพวกนี้ให้ดี เพราะพวกเขาเป็นคนที่จะเปลี่ยนแปลงทิศทางสงครามได้”

    “งั้นหรอ แต่ในสายตาข้า ข้าคิดว่าพวกนั้นไม่น่าจะเปลี่ยนทิศทางของสงครามได้มากสักเท่าไหร่ ยกเว้นก็แต่…” 

    ฮามัสหันสายตาไปมองที่เดลวาลิน แต่ไกอัสก็รู้ดีว่าพี่สาวของเขานั้นกำลังหมายถึงใคร 

    “พวกเราเข้าไปในบ้านกันก่อนเถอะ นี่มันก็เริ่มมืดมากแล้ว”

    ฮามัสพยักหน้ารับก่อนจะเดินนำทุกคนเข้าไปในบ้าน และเมื่อไกอัสเห็นว่าทางสะดวกเขาก็เชิญชวนเดลวาลินกับสเตลร่าให้เข้าไปพักด้านในพร้อมกับจัดแจงสถานที่ห้องรับแขกเป็นอย่างดี 

    โดยห้องรับแขกที่ไกอัสได้จัดเตรียมเอาไว้ให้กลุ่มเดลวาลินนั้น มีการแบ่งแยกโต๊ะและที่นั่งเอาไว้อย่างชัดเจน โดยเดลวาลิน ลอร่า กับสเตลร่าจะได้นั่งที่โต๊ะรับประทานอาหาร ซึ่งถูกปูด้วยผ้าปูโต๊ะสีแดงเนื้อผ้าอย่างดี มีแก้วน้ำ จาน ช้อน ส้อม จัดวางอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย พร้อมกับไกอัสที่คอยเสิร์ฟน้ำและอาหารว่างจำพวกคุกกี้ให้ทั้งสามคนอีก 

    ส่วนกลุ่มของเซอร์ริวนั้นได้โต๊ะไม้ธรรมดา เก้าอี้เก่าๆมีฝุ่นเขรอะ แถมยังมีใยแมงมุม บ่งบอกให้รู้ว่าของพวกนี้ถูกเก็บเอาไว้นานมากแล้วและไม่ได้ทำความสะอาด แถมได้แค่แก้วน้ำคนละแก้วและต้องรินน้ำเอง เป็นการเลือกปฏิบัติอย่างชัดเจน 

    “ไม่เข้าใจเลย ทำไมเขาถึงปฏิบัติกับเดลวาลินและสเตลร่าดีขนาดนั้น แถมพอมาเทียบกับพวกเราแล้วต่างกันราวฟ้ากับเหวเลย = = ”

    หลังจากคำพูดของเซอร์ริวที่บ่นออกมา ฮามัสที่กำลังทำงานในครัวก็ตอบกลับมาทันควัน ซึ่งคำพูดของเธอช่างเจ็บจี๊ดแปลกๆ

    “ช่วยไม่ได้ ฐานะของพวกเจ้ากับสองคนนั้นมันต่างกันเหมือนดาวค้างฟ้ากับไส้เดือนใต้ดินยังไงล่ะ”

    “(โอ้โห…ดาวค้างฟ้ากับไส้เดือนใต้ดินเลยงั้นหรอ…)”

    “(เปรียบเทียบได้อนาถมาก - - )”

    อลันบีกับโมนาตัดเพ้อในใจแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา

    ฮามัสทำอาหารในครัว โดยมีไกอัสคอยช่วยเหลืออีกแรงคนละไม้คนละมือพร้อมกับพูดคุยกันขบขันตามประสาทพี่น้อง ทำให้เดลวาลินและลอร่าเห็นว่าพวกมังกรดำก็มีโมเม้นครอบครัวที่อบอุ่นอยู่เหมือนกัน จนกระทั่งไกอัสและฮามัสนำอาหารมาเสิร์ฟถึงที่

    “ขอโทษให้ให้รอนานขอรับท่านเดลวาลิน ^ ^ ”

    “พอดีต้องเตรียมอะไรหลายๆอย่างนิดหน่อย แต่หวังว่าพวกท่านจะไม่ว่าอะไรนะ”

    ไกอัสกับฮามัสนำอาหารหรูระดับภัตตาคารมาเสิร์ฟลงบนโต๊ะที่กลุ่มเดลวาลินนั่งอยู่ ทำเอาเดลวาลินกับลอร่าถึงกับตาลุกวาว เพราะอาหารที่ทั้งสองทำมานั้นมีแต่เมนูอาหารน่ากินทั้งนั้น ส่วนอาหารของฝั่งเซอร์ริวนั้นก็ได้รับเป็นเพียงอาหารดาดๆธรรมดาๆ ที่หาได้ในร้านอาหารทั่วๆไปซึ่งเซอร์ริวก็รู้สึกว่าฝ่ายตนนั้นถูกเลือกปฏิบัติอย่างชัดเจนแต่อย่างน้อยก็ยังดีกว่าต้องลุกเดินไปหยิบอาหารเองล่ะนะ

    ลอร่าที่เห็นว่ากลุ่มเซอร์ริวถูกเลือกปฏิบัติเธอก็รู้สึกสงสาร จึงสอบถามไกอัสกับฮามัสไปว่า

    “เออ…คุณไกอัส คุณฮามัสคะ จะว่าอะไรมั้ยคะถ้าหากพวกเราจะให้พวกเขามานั่งรวมโต๊ะเดียวกันด้วย”

    “ทำไมล่ะ ข้ากับท่านพี่ก็แบ่งแยกพวกเจ้าตามความเหมาะสมของฐานะมันก็ถูกต้องแล้วนี่”

    “ประเด็นมันไม่ได้อยู่ที่ว่าฐานะของพวกเราเป็นยังไง แต่ประเด็นมันอยู่ที่ว่าสำหรับตัวฉันแล้ว พวกเราทุกคนในกลุ่มคือเพื่อนร่วมทีมและคนในครอบครัวเดียวกัน ถ้าสุขพวกเราจะสุขไปด้วยกัน ถ้าทุกข์พวกเราก็จะทุกข์ไปด้วยกัน ไม่มีการแบ่งแยกว่าใครคู่่ควรหรือไม่คู่ควร พวกเราเลือกปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน เพราะนั่นคือสิ่งที่นักผจญภัยอย่างพวกเรามีให้กันค่ะ”

    เมื่อไกอัสกับฮามัสได้ยินดังนั้น ทั้งสองคนก็เงียบไปสักพัก ก่อนที่เดลวาลินจะพูดขึ้นมาว่า

    “นั่นสินะ เพราะยังไงพวกนั้นก็เป็นเพื่อนของพวกฉันอยู่แล้ว จะให้แบ่งแยกแบบนี้มันดูหักหามน้ำใจกันไปหน่อย”

    “เอิ่ม….ถ้าหากท่านเดลวาลินต้องการเช่นนั้น ข้ากับท่านพี่ก็จะไม่ขัดขอรับ”

    หลังจากนั้นไกอัสและฮามัสก็ขยับโต๊ะเชื่อมติดกัน ก่อนที่ทุกคนจะนั่งร่วมรับประทานอาหารร่วมกัน โดยมีไกอัสและฮามัสนั่งร่วมรับประทานอาหารด้วยเพราะเป็นคำขอของเดลวาลิน และดูเหมือนว่าค่ำคืนของวันนี้จะผ่านพ้นไปได้ด้วยดี

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×