ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Sobel The Flame of Dragon: เกิดใหม่เป็นมังกรเพลิงในตำนาน

    ลำดับตอนที่ #13 : ตอนที่ 12: สงครามมังกร

    • อัปเดตล่าสุด 21 ต.ค. 66


    ตู้มมมม!!! โคร้มมมม!!!!

    เสียงการต่อสู้ดังขึ้นกำปนาดทั้งบนท้องฟ้าและพื้นดินที่แตกระแหงในดินแดนเซซิลล่าร์ทางตอนใต้ มังกรทั้งสองเผ่าได้แก่ เผ่ามังกรขาว กับ เผ่ามังกรดำ ได้ทำสงครามกันอย่างดุเดือดและทั้งสองฝ่ายก็ต่างเข้าห่ำหั่นกันด้วยกรงเล็บ คมเขี้ยว และพลังเวทย์ลูกไฟ ทั้งบนท้องฟ้าและพื้นดินทำให้ต่างฝ่ายต่างบาดเจ็บและล้มตายเป็นจำนวนมาก 

    แต่ดูเหมือนว่าการต่อสู้ในศึกนี้ฝ่ายมังกรดำจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบทั้งจำนวนและความแข็งแกร่ง เนื่องจากฝ่ายมังกรขาวนั้นมีกำลังพลที่มากกว่า และมีพลังเวทย์ใหม่ที่สามารถสยบกองทัพมังกรดำได้ ซึ่งพลังเวทย์นั้นก็คือ ‘เวทย์สายฟ้าสังหารพิโรธ’ ที่สามารถทำลายมังกรระดับสูงให้สิ้นซากได้ภายในการโจมตีเพียงครั้งเดียว และมีเพียงจอมเวทย์ผู้ชำนาญคลื่นพลังเวทย์มนตราระดับสูงเท่านั้นที่สามารถใช้ได้ 

    มังกรขาว A: พวกเจ้าทั้งหมดจงหายไปซะ!!!

    เปรี้ยงงงง!!!!!!

    มังกรขาวนับร้อยตัวร่ายเวทย์สายฟ้าสังหารพิโรธขึ้นพร้อมกับ ก่อนจะยิงคลื่นพลังเวทย์สายฟ้าฟาดพลังทำลายล้างมหาศาลออกจากปากโจมตีใส่กองทัพมังกรดำทั้งที่บินอยู่บนฟ้าและตัวที่ยืนอยู่บนพื้น จนร่างของพวกมันแหลกสลายกลายเป็นผุยผงในพริบตา

    มังกรดำ A: อะ…อะไรกัน 0 0 ?!

    มังกรดำ B: พลังเวทย์ระดับสูงแบบนั้น พวกมันสามารถใช้ได้อย่างชำนาญขนาดนี้เชียวรึ 0 0 ?!

    มังกรดำตนอื่นๆที่เหลือรอดต่างพากันตกใจกับภาพที่เห็น และเริ่มรู้สึกหวาดกลัวเตรียมที่จะหนี แต่ดูเหมือนกองทัพมังกรขาวจะล้อมกลุ่มมังกรดำที่เหลือรอดไม่กี่ร้อยตนเอาไว้แล้ว พร้อมกับเตรียมร่ายเวทย์ปิดฉากในศึกนี้

    ตู้มมมม!!!!!

    ในระหว่างที่กองทัพมังกรขาวกำลังจะเผด็จศึก จู่ๆ ก็มีลูกบอลไฟจำนวนมากถาโถมเข้าใส่กองทัพมังกรขาวกลุ่มหนึ่ง เป็นการเปิดฉากลอบโจมตีจากกองทัพมังกรดำที่เป็นกำลังเสริม 

    มังกรขาว A: อะไรน่ะ ?

    มังกรขาว B: มีคนลอบโจมตีงั้นรึ ?!

    เหล่ามังกรขาวและมังกรดำมองไปยังที่มาของทิศทางลูกไฟที่พุ่งมาก่อนจะพบเข้ากับไกอัส มังกรดำหัวหอกที่ตอนนี้เขามาพร้อมกับกองทัพมังกรดำอีกจำนวนมากอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

    มังกรดำ A: นั่น….ท่านไกอัสนี่นา!

    มังกรดำ B: ท่านไกอัสมาช่วยพวกเราแล้ว! 

    ท่ามกลางเสียงดีใจของเหล่ามังกรดำอยู่นั้น กองทัพมังกรขาวที่เห็นไกอัสนำกำลังเสริมมาช่วยก็คิดจะจัดการเขาในศึกนี้ทีเดียว พวกมันจึงเริ่มร่ายเวทย์สายฟ้าสังหารพิโรธโจมตีใส่กองทัพของไกอัส แต่ทว่าไกอัสและมังกรตนอื่นๆที่ตามเขามาด้วยนั้นก็สามารถบินหลบพลังเวทย์ที่พวกมังกรขาวปล่อยออกมาได้

    มังกรขาว A: อะไรกัน ?!

    เผ่ามังกรขาวที่เห็นว่าการโจมตีของพวกตนไม่ได้ผล จึงเปลี่ยนหันมาโจมตีแบบกระหน่ำถี่ๆแต่การโจมตีที่ไร้รูปแบบนี้ก็ไม่คะนามือของไกอัสแม้แต่น้อย จนพอนานเข้าเผ่ามังกรข้าวก็พบว่าพลังเวทย์กลางของพวกมันนั้นเริ่มเหลือน้อยเต็มที ทำให้เผ่ามังกรขาวต้องหันไปกลับใช้การต่อสู้ด้วยวิธีเดิมๆนั้นคือ การพ่นเวทย์สายฟ้าปกติ และการเข้าโอบกอดรัดอีกฝ่ายตามเดิม

    แต่นั่นก็เป็นโอกาสเหมาะสำหรับฝ่ายไกอัส เนื่องจากไกอัสนั้นเป็นมังกรดำที่แข็งแกร่งที่สุดในเผ่ามังกรดำ ทำให้เขานั้นไม่รอช้าบินเข้าไปปะทะซึ่งๆหน้ากับฝูงมังกรขาว ก่อนที่ฝ่ายของไอกัสจะหัวโหม่งใส่อีกฝ่ายอย่างเต็มแรง ทำเอาพวกมังกรขาวเกิดอาการชะงักและเสียรูปขบวนการรบไป 

    ไกอัส: ตอนนี้ล่ะ!!!

    ไกอัสส่งสัญญานทั้งหมดไปยังมังกรดำทุกตัวใต้บังคับบัญชาให้เปิดฉากร่ายเวทย์ลมหายใจมังกรโจมตีไปยังกองทัพของเผ่ามังกรขาวพร้อมกัน ก่อนที่มังกรดำนับพันจะโจมตีใส่กองทัพเผ่ามังกรขาวแตกพ่ายจนทำให้พวกมังกรขาวต้องรีบล่าถอยไปพร้อมกับความเจ็บใจ ‘ฝากไว้ก่อนเถอะพวกแก!!’

    .

    .

    .

    .

    หมู่บ้าน แคลิด ดรากูน 

    ชัยชนะตกเป็นของเผ่ามังกรดำ แต่ถึงอย่างนั้นฝ่ายของไกอัสนั้นก็ได้รับความเสียหายอย่างหนักเช่นกัน และในเวลาต่อมาไกอัสกลุ่มมังกรนักรบของเขาก็พามังกรนักรบตัวอื่นๆที่บาดเจ็บในสนามรบกลับมาที่หมู่บ้านมังกรดำที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ราบแห้ง และมีป่ากับภูเขาสูงล้อมรอบเป็นเสมือนป้อมปราการธรรมชาตินั่นจึงทำให้เผ่ามังกรดำห่างไกลจากการถูกสิ่งมีชีวิตเผ่าอื่นเข้ามารุกราน แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีสิ่งมีชีวิตเผ่าใดอยากจะมาต่อกรกับมังกรระดับสูงอยู่แล้ว

    และในตอนนี้เองไกอัสที่กำลังจะเดินทางไปพบกับมังกรดำท่านผู้เฒ่า มังกรอาวุโสที่มีอายุยืนยาวมากกว่าหลายพันปี มีชีวิตอยู่มาตั้งแต่ยุคสมัยก่อนสงครามแห่งไฟ แต่ระหว่างทางที่เขาเดินผ่านหมู่บ้านเขาก็พบกับมังกรดำน้อยใหญ่มากมายต้องใช้ชีวิตอย่างอดๆอยากๆ บางตนบินว่อนไปทั่วน่านฟ้าเพื่อแบ่งปันอาหารที่ตนมีให้มังกรครอบครัวอื่นๆ บางตนเป็นนักรบออกไปสู้ในสนามรบต้องพักรักษาตัวหลังจากกลับมาจากการสู้รบ

    จนกระทั่งไกอัสได้เดินทางมาถึงตำหนักใหญ่ของมังกรเฒ่าเพื่อรายงานสถานการณ์การรบล่าสุดให้ฟัง และมังกรเฒ่าอาวุโสแห่งเผ่ามังกรดำนี้มีชื่อว่า ‘มังกรเฒ่าเกรย์ออล’ มังกรดำร่างกายใหญ่โต มีเคราใต้คางบ่งบอกอายุที่มาก เกล็ดเริ่มพุพัง และมีรอยเหี่ยวย่นบริเวณขอบตา ซึ่งในขณะนี้เกรย์ออลกำลังง้วนอยู่กับกลุ่มมังกรนักรบชั้นแนวหน้าอยู่ในตำหนัก

    เกรย์ออล: อ่าา…ในที่สุดเจ้าก็กลับมาเสียทีนะ…ไกอัส 

    เกรย์ออลกล่าวทักทายไกอัสด้วยน้ำเสียงที่แหบยานและเชื่องช้าตามประสามังกรที่อายุมากแล้ว ก่อนที่ไกอัสจะมาหยุดอยู่ตรงหน้าพร้อมกับก้มหัวลงเล็กน้อยเพื่อแสดงความเคารพ ท่ามกลางเหล่ามังกรนักรบมากมายนับสิบตน

    ไกอัส: ข้ากลับมาแล้วท่านผู้เฒ่า บัดนี้กองทัพมังกรขาวที่บุกโจมตีกองทัพฝ่ายเราที่แนวหน้า ข้าไกอัสผู้นี้ได้กำราบพวกมันให้ล่าถอยไปหมดแล้ว

    เกรย์ออล: อืมม…เจ้าทำหน้าที่ของเจ้าได้ดีมาก ยามนี้สิ่งที่พวกเราจะกระทำได้ก็มีเพียงรับมือการบุกโจมตีของพวกเผ่ามังกรขาวครั้งต่อไปก็เท่านั้น… *เฮ้อออ….*

    ไกอัส: พวกเรามีกำลังไม่มากพอที่จะต่อกรกับพวกเผ่ามังกรขาวเหมือนคราวก่อนไม่ได้อีกแล้ว ฝ่ายของพวกเราขาดแคลนทั้งอาหาร ที่อยู่ ประชากรก็ลดลงเรื่อยๆแถมยังต้องรับผิดชอบดูแลชีวิตมังกรตนอื่นๆในเผ่าที่ต่อสู้ไม่เป็นอีก แต่กลับกันพวกเผ่ามังกรขาวก็แข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆ และมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆจนเวลานี้ข้าเองก็ไม่แน่ใจว่าข้าจะนำทัพต้านพวกมันไปได้อีกนานเพียงใด

    เกรย์ออลที่เห็นไกอัสมีท่าทางที่ดูกังวลเขาก็ยิ้มก่อนจะเดินเข้าไปจับไหล่เพื่อให้กำลังใจเขา

    เกรย์ออล: พวกเราทุกตนเชื่อมั่นในตัวเจ้าเสมอนะไกอัส…มังกรทุกตนในเผ่าต่างก็ต้องต่อสู้เหมือนกับเจ้าเช่นกัน เพราะงั้น…ชะตากรรมอนาคตของเผ่าเราเวลานี้ขึ้นอยู่กับพระประสงค์ของพระแม่ไมอาร์แล้วล่ะ..

    ไกอัสถอนหายใจและตอนนี้ไม่อยากจะคิดอะไร 

    เกรย์ออล: ว่าแต่…คนที่เจ้าบอกกับพวกข้ามาว่าเขาคนนั้นจะมาช่วยพวกเรา…จนป่านนี้ทำไมเขาคนนั้นไม่มาสักทีล่ะ….?

    ไกอัส: เรื่องนั้น….

    ยังไม่ทันที่ไกอัสจะได้ตอบคำถาม จู่ๆ ก็มีมังกรตนหนึ่งเป็นมังกรดำนักรบตัวใหญ่ ร่างกายกำยำ และมีรอยแผลเป็นรูปกรงเล็บที่ตาขวา ซึ่งมังกรตนนี้ถูกขนานนามว่าเป็นคู่แข่งของไกอัส โดยมังกรดำตนนี้มีชื่อว่า ‘มังกรดำซิฟน็อก’ มังกรดำที่แข็งแกร่งอันดับต้นๆของเผ่ามังกรดำ และขึ้นชื่อเรื่องการสังหารเผ่ามังกรขาวมาไม่ต่ำกว่าพันตนในสงครามอย่างไร้ความปราณี

    ซิกน็อกและมังกรดำใต้บัญชาของเขาได้เดินเข้ามาในตำหนัก พร้อมกับจับตัวสมาชิกเผ่ามังกรขาวซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นมังกรนักรบชั้นสูงที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับผู้นำเผ่ามังกรขาว 

    ไกอัส: นี่มัน 0 0 ?

    ซิฟน็อก: ท่านเกรย์ออล ข้าจับตัวมังกรขาวตัวหนึ่งที่ข้าคิดว่าน่าจะมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับหวันห้วเผ่ามังกรขาวมาขอรับ

    เกรย์ออลและไกอัสมองไปยังมังกรขาวที่ถูกจับมาด้วยเวทย์พันธนาการพร้อมกับสภาพบาดแผลทั่วร่างกาย ก่อนที่ไกอัสจะอาสาเป็นตัวแทนถามคำถามแทนเกรย์ออล เนื่องจากเกรย์ออลนั้นสภาพร่างกายไม่ค่อยดีแล้วและไกอัสอยากให้เขาอยู่เฉยๆ

    ไกอัส: เจ้ามีนามว่าอะไร 

    มังกรขาวไม่ตอบคำถามของไกอัสและยังคงปากแข็งต่อไป แต่ไกอัสก็ยังทำใจเย็น

    ไกอัส: บอกพวกข้ามา ว่าผู้นำเผ่าของเจ้าอยู่หนใด

    มังกรขาวเชลยยังคงเงียบ จนซิฟน็อกที่ทนไม่ไหว จึงได้ใช้หางของตนฟาดไปที่หน้าของมังกรขาวเชลยจนอีกฝ่ายได้รับบาดเจ็บ

    เพี๊ยยะ!!!

    ซิฟน็อก: พูดมาไอ้เจ้ามังกรรากหญ้า!!

    ไกอัส: ซิฟน็อก ทำไมเจ้าต้องใช้ความรุนแรงด้วยล่ะ?

    ซิฟน็อก: เหอะ! จะให้ใช้วิธีเจรจาอย่างสันติกับไอ้พวกมังกรรากหญ้าพวกนี้น่ะหรอ ข้าว่าวิธีการของเจ้ามันเหมาะสำหรับพวกอ่อนหัดมากกว่า

    ไกอัสเริ่มฉุนกับคำพูดกระแนะกระแหนของซิฟน็อกที่หาว่าตนนั้นอ่อนหัด ทั้งๆที่อีกฝ่ายก็มีฝีมือพอๆกับตนแท้ๆ แต่ถึงอย่างนั้นไกอัสก็จะยังใช้วิธีการที่นุ่มนวลไปก่อน เผื่อว่ามังกรขาวตัวนี้จะยอมปริปากบอกมาแต่โดยดี

    ไกอัส: ข้าจะถามเจ้าอีกครั้ง…หัวหน้าเผ่าของเจ้าอยู่หนใด ถ้าไม่ตอบเจ้าจะเจ็บตัวเสียเองนะ

    มังกรขาว: เชอะ! ให้ข้ายอมบอกที่ซ่อนของท่านผู้อาวุโสแล้วพวกเจ้าจะปล่อยข้าไปรึยังไงกัน เผ่ามังกรที่ชั่วช้าอย่างพวกเจ้าสร้างความเดือดร้อนมาให้เผ่าพวกข้ามากี่ครั้งกี่หนแล้ว?! พวกเจ้าทุกตัวไปลงนรกซะ!!!

    แทนที่มังกรขาวเชลยจะตอบคำถามที่ไกอัสถามมัน มันกลับพูดจาต่อว่า ก่นด่าเผ่ามังกรดำเสียๆหายๆอย่างไม่เกรงกลัว แม้ว่าจะมีไกอัสกับซิฟน็อกมังกรดำที่แข็งแกร่งที่สุดในเผ่าอยู่ด้วยก็ตาม ซิฟน็อกที่เป็นมังกรขี้หงุดหงิดและใจร้อยเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ก็ทนฟังต่อไปไม่ไหวจึงบันดาลโทสะใส่มังกรขาวที่ถูกจับตัวนี้ด้วยการกระทืบไปที่ส่วนหัวของมันอย่างบ้าคลั่ง จนมังกรขาวเชลยแถบจะน็อคคาที่ แต่มันก็ยังหลงเหลือสติอยู่บ้าง

    ซิฟน็อก: ปากดีนักนะไอ้ชั้นต่ำ!!

    ตุบ!! ตุบ!! ตุบ!!

    ซิฟน็อกกระทืบซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนเลือดของมังกรขาวตัวนั้นกระเซ็นออกไปทั่ว แต่ต่อให้มังกรขาวเชลยตัวนี้จะถูกซ้อมหรือถูกทรมานเพื่อรีดเข้าข้อมูลอย่างไร มันก็ไม่ยอมตอบคำถามใดๆจากฝั่งของไกอัสแม้แต่คำถามเดียว ราวกับว่ามันยอมตายดีกว่าขายเผ่าพันธุ์ตนเองเพื่อให้ตัวเองรอด นั่นจึงทำให้เกรย์ออลที่ดูซิฟน็อกทรมานมาได้สักพักต้องสั่งให้หยุด เพราะที่นี่คือตำหนักที่พักของตน

    เกรย์ออล: พอได้แล้วซิฟน็อก…สถานที่แห่งนี้เป็นรังของข้า…เจ้าอย่าแสดงกิริยาไม่เหมาะสมในที่พักของข้าเช่นนี้

    ซิกน็อกหยุดการกระทำทั้งหมดพร้อมกับเลือดที่เปรอะเต็มเท้า ก่อนจะก้มหัวแสดงคำขอโทษต่อเกรย์ออล

    ซิฟน็อก: ข้าด่วนใจร้อนไปหน่อย ขอให้ท่านผู้เฒ่าอภัยให้ข้าด้วย v v 

    เกรย์ออล: เอามังกรขาวตัวนี้ไปจัดการเสีย…ไม่มีประโยชน์อันใดที่ต้องเก็บมันเอาไว้อีก…และงานนี้ข้าให้เจ้าเป็นคนรับผิดชอบ 

    ซิฟน็อก: เข้าใจแล้วขอรับ

    หลังจากที่ซิฟน็อกรับคำเขาก็ขอตัวลาพร้อมกับมังกรนักรบใต้บังคับบัญชาและไม่ลืมที่จะลากตัวมังกรขาวที่สภาพศีษระตอนนี้เต็มไปด้วยบาดแผลและเลือดโชกเต็มไปหมดออกไปด้วย 

    หลังจากที่ผ่านสถานการณ์ตึงเครียดมาได้ไกอัสถึงกับถอนหายใจและโชคดีที่เขานั้นไม่ได้ลงมือเอง เพราะหากเขาลงมืออาจจะทำให้ตำหนักของมังกรเฒ่าเกรย์ออลได้รับความเสียหายได้ แต่ส่วนหนึ่งก็ขอบคุณในความโชคดีของเขาที่ซิฟน็อกชิงลงมือเสียก่อน ทำให้เขาไม่ต้องเปลืองแรง

    เกรย์ออล: เวลาของพวกเราเหลือน้อยแล้วนะไกอัส…หากเราตามหารังที่ซ่อนหัวหน้าเผ่ามังกรขาวไม่พบ….สงครามระหว่างมังกรทั้งสองเผ่าอาจจะต้องสิ้นสุดโดยที่ฝ่ายเราต้องปราชัยเป็นแน่…

    ไกอัส: ท่านผู้เฒ่าไม่ต้องเป็นห่วง ข้าไกอัสผู้นี้จะเป็นคนจบสงครามนี้ให้เร็วที่สุดและข้าจะจัดการทุกอย่างเอง ขอให้ท่านผู้เฒ่าวางใจเถอะ

    หลังจากนั้นไกอัสก็ขอตัวลาก่อนจะจากไป

    .

    .

    .

    .

    ตัดภาพมายังเมือง เซนนิสตี้ 

    เวลาบ่ายแก่ๆ

    หลังจากที่กลุ่มของเดลวาลินใช้ประตูวาร์ปจากเมืองหลวงเดนิสวาร์ปมายังเมืองเซนนิสตี้ อันเป็นหัวเมืองย่อยที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของอาณาจักรเซซิลล่าร์แล้ว พวกเขาก็เดินทางไปยังตึกกิลด์นักผจญภัยสาขาที่ประจำอยู่เมืองนี้ เพื่อรายงานจุดประสงค์ในการทำภารกิจให้ต้นสังกัดในท้องที่ทราบ และแน่นอนว่าการมาปรากฏตัวของเดลวาลินในครั้งนี้ ทำเอาเหล่านักผจญภัยทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่ต่างพากันเข้ามารุมล้อมเขา ในฐานะที่เขานั้นเป็นคนพิิชิตเรกูลอสและจัดการปีศาจที่ถือครองอาวุธในตำนานได้

    ลอร่า: ดูเหมือนคุณเดลวาลินจะดังเอาเรื่องอยู่เหมือนกันนะคะ 

    อลันบี: ก็ทำไงได้ล่ะ เพราะมีคนป่าวประกาศไปทั่วสะขนาดนั้น 

    อลันบีชำเลืองสายตามองไปที่เซอร์ริว ซึ่งในตอนนี้เขากำลังเลือกซื้อของกินอยู่ร้านค้าใกล้ๆ โดยที่เจ้าตัวก็ไม่สนฟ้าสนแดดอะไรเลย

    อลันบี: *เฮ้ออ* ให้ตายสิ สร้างเรื่องเอาไว้แล้วไม่คิดจะรับผิดชอบอะไรเลย ไม่รู้ทำไมหมอนั่นถึงจับฉลากได้เป็นหัวหน้ากันนะ = =

    ลอร่า: สงสัยโชคช่วยละมั้งคะ ^ ^" 

    อลันบีกุมขมับให้กับความไม่เอาไหนของเซอร์ริว ก่อนที่ลอร่าจะหันไปมองเดลวาลินที่มีนักผจญภัยรายล้อมเบียดเสียด จนกระทั่งเดลวาลินสามารถหนีฝ่าวงล้อมพวกนักผจญภัยคลั่งดาราพวกนั้นมาได้

    ลอร่า: เป็นยังไงบ้างคะคุณเดลวาลิน

    เดลวาลิน: *แฮ่ก…แฮ่ก…* กว่าจะหนีออกมาได้ ลำบากแทบแย่ เจ้าพวกนั้นจะคลั่งไคล้อะไรฉันขนาดนั้นนะ

    อลันบี: ช่วยไม่ได้นี่นะ เพราะในตอนนี้นายเป็นบุคคลที่ใครๆในวงการเขาก็พูดถึงกันทั้งนั้น ‘นักผจญภัยหน้าใหม่ไฟแรง ที่สามารถล้มบอสอีเว้นระดับสูงด้วยตัวคนเดียวได้’ อ่ะนะ 

    ลอร่า: ช่วยไม่ได้นะคะ แต่ยังไงก็ทนๆไปก่อนก็แล้วกันนะคะ 

    เดลวาลินที่ได้ยินลอร่าพูดแบบนั้นเขาก็ถอนหายใจ เพราะแม้แต่ลอร่าก็ไม่รู้จะช่วยเขาในสถานการณ์นี้ยังไง จนกระทั่งอลันบีได้ถามหาใบรับรองอนุมัติจากเดลวาลินที่เพิ่งเข้าไปขอจากกิลด์ต้นสังกัด

    อลันบี: ใบอนุมัติได้มารึยัง

    เดลวาลิน: ได้มาแล้ว 

    เดลวาลินชูใบอนุมัติจากกิลด์ต้นสังกัดให้อลันบีและลอร่าดู 

    ลอร่า: ดีเลยค่ะ ถ้างั้นพวกเราก็รีบไปยังพิกัดเควสกันเถอะค่ะ 

    ในขณะที่ทุกคนกำลังจะออกเดินทางอยู่นั้น จู่ๆ เดลวาลินก็มองซ้ายแลขวาตามหาสเตลร่าซึ่งตอนนี้เจ้าตัวหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ 

     

    ตัดภาพไปยังสเตลร่าที่ในตอนนี้เหมือนเธอจะกำลังจับตาดูสังเกตุการณ์อะไรบางอย่างรอบๆกลุ่มเดลวาลิน เนื่องจากเธอสัมผัสถึงภัยอันตรายบางอย่างแถวๆนี้ ก่อนที่กลุ่มนักล่ามังกรจะปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหลังของเธอ

    สเตลร่า: กะไว้แล้วเชียวว่าต้องเป็นพวกนาย…กลุ่มดราก้อน สเลเยอร์ 

    ทันทีที่สิ้นเสียงของสเตลร่า สมาชิกหญิงในกลุ่มดราก้อน สเลเยอร์ ก็พูดขึ้นมาในทันที และเธอมีชื่อว่า 'ลาเนีย' แกะสาวเผ่าเฟอร์รี่ รูปร่างเพรียวบาง ขนตัวสีขาวเผือก มีลวดลายสีฟ้าตามร่างกาย จมูกสีน้ำเงิน สูง 165 เซนติเมตร หน้าตาบ้องแบ้วแต่ไว้หมาดเข้มตลอดเวลา แต่งตัวเหมือนนายพราน มีสายโยงบ่าสำหรับเก็บระเบิดและอุปกรณ์เวทย์มนต์มากมาย และมี 'ปืนยาวมังกรสังหาร' เป็นอาวุธประจำกาย

    ลาเนีย: รู้ด้วยงั้นหรอว่าพวกเรากำลังแอบสะกดรอยตามอยู่

    ลาเนียพร้อมกับพรรคพวกโผล่ออกมาจากที่ซ่อนที่ด้านหลังสเตลร่า ซึ่งห่างจากสเตลร่าไปประมาณ 5 เมตรก่อนที่สเตลร่าจะหันไปมองกลุ่มเฟอร์รี่นักล่ามังกรกลุ่มนี้อย่างใจเย็น

    สเตลร่า: เปิดเผยตัวกันสะขนาดนี้ ไม่ต้องปิดบังตัวตนแล้วล่ะมั้ง 

    ???: ช่วยไม่ได้ ถ้างั้นก็…

    พรึ่บบบบ!!

    กลุ่ม ดราก้อน สเลเยอร์ ทั้งหมดดึงผ้าคลุมออก ก่อนจะเผยให้เห็นรูปร่าง ใบหน้าของพวกเขาได้ชัดเจน ซึ่งสมาชิกกลุ่มทั้งหมดประกอบไปด้วยสมาชิกคนแรก ‘เร็กซ์’ หมาป่าหนุ่มเผ่าเฟอร์รี่ ร่างบึกบึน สูง 200 เซนติเมตร มีขนตัวสีฟ้า ขนใต้ท้องสีขาว แววตาดุดันสีฟ้า สวมเกราะบ่านักรบและใส่เสื้อผ้าน้อยชิ้นตามสไตล์บาบาเรี่ยน มี ‘ดาบกรงเล็บมังกร’ ขนาดใหญ่สะพายอยู่ที่ด้านหลัง 

    ต่อมาสมาชิกคนที่ 2 นั่นก็คือ ‘ทอร์เรนต์’ สุนัขจิ้งจอกเผ่าเฟอร์รี่ รูปร่างสันทัด สูง 170 ซม ขนลำตัวสีส้มลายตัดสลับสีดำ สวมชุดนักปรุงยาสีน้ำตาลมิดชิด พร้อมกับถุงมือเวทย์ผสมยาที่มีหินเวทย์ประสานขนาดใหญ่ทั้งสองข้าง และเหน็บ 'มีดเขี้ยวมังกรพิษ' ที่อาบยาพิษชนิดพิเศษเอาไว้ด้านหลังเป็นอาวุธประจำตัว และคนสุดท้ายคือลิซาร์ดแมนที่มีชื่อว่า ‘อัลโดเบโด’ ส่วนสูง 190 ซม รูปร่างกำยำ เขามีเกล็ดสีม่วงและมีเกล็ดใต้ท้องสีครีม มีตราสัญลักษณ์เผ่าลิซาร์ดแมนสีแดงอยู่กลางหน้าอก สวมชุดสีขาวเป็นชุดนักเวทย์ปราบมังกร ในมือถือคฑาไม้วิเศษที่สร้างขึ้นจากรากไม้พันปี 

    เร็กซ์: พวกเราคือกลุ่ม ดราก้อน สเลเยอร์ ที่ออกตามล่าพวกมังกรระดับสูงที่แฝงตัวเข้ามาปะปนอยู่กับมนุษย์

    ทอร์เรนต์: และการฆ่าพวกมังกรระดับสูงพวกนั้นคืออาชีพหลักของพวกเรา ฮี่ฮี่~!!

    อัลโดเบโด: อีกทั้ง…พวกเราก็ปราบมังกรระดับสูงมานักต่อนักแล้ว เพราะฉะนั้นประสบการณ์ของพวกเรานั้นโชดโชนอย่างมาก

    ลาเนีย: แค่นี้เธอก็รู้แล้วใช่มั้ย ว่าพวกเราทั้งสี่คนเป็นใคร 

    สเตลร่ามองไปยังกลุ่มเฟอร์รี่ที่เป็นนักล่ามังกร เธอก็พอจะเดาได้ว่าคนพวกนี้มาเพื่อจุดประสงค์อะไร

    สเตลร่า: แสดงว่าพวกนายจ้องจะเล่นงานฉันงั้นสินะ 

    ลาเนีย: ก็ไม่แน่ แต่เป้าหมายของพวกเราในตอนนี้ก็คือ ผู้ชายที่ชื่อเดลวาลินคนนั้นต่างหากล่ะ

    ลาเนียพูดพร้อมกับเดินตรงเข้าไปหาสเตลร่าแสดงตนว่าเธอนั้นเป็นผู้นำกลุ่มอย่างชัดเจน 

    สเตลร่า: อ้อหรอ พวกนายคิดจะเล่นงานเดลวาลินงั้นสินะ 

    อัลโดเบโด: ถูกต้องแล้ว และพวกเราจะแอบลอบโจมตีผู้ชายคนนั้นในจังหวะที่เขานั้นไม่ทันระวังตัว

    ลาเนีย: อัลโด!! นายเงียบไปเลยนะ จะไปบอกแผนการของพวกเราให้ฝั่งศัตรูรู้ไปทำไม!!? 

    ลาเนียหันไปตะคอกใส่อัลโดเบโดที่เผลอหลุดปากบอกความลับให้สเตลร่ารู้โดยไม่ได้ตั้งใจ จนอีกฝ่ายถึงกับเอามืออุดปากแทบไม่ทัน

    ลาเนีย: *เฮ้ออ…* เอาล่ะ ถ้าเธอไม่อยากเจ็บตัวล่ะก็…บอกแผนการของพวกเธอมาสะดีๆ ว่ามีจุดประสงค์อะไรถึงแฝงตัวเข้ามา

    สเตลร่า: อยากให้บอกหรอ 

    แล้วสเตลร่าก็ก้าวเท้าเดินเข้าไปหาลาเนียเพื่อจะบอกจุดประสงค์ของพวกเธอให้ฝ่ายของลาเนียฟัง

    .

    .

    .

    .

    หลายชั่วโมงต่อมา จนถึงเวลาพลบค่ำ

    ตัดภาพมายังกลุ่มของเดลวาลินที่ออกเดินทางล่วงหน้ามาได้สักพัก ก่อนที่จะมาตั้งแคมป์ไฟพักอยู่ในเขตซากโบราณสถานร้างแห่งหนึ่งที่ทรุดโทรม และดูเหมือนค่ำคืนนี้ท้องฟ้าจะปลอดโปร่งทำให้สามารถมองเห็นพระจันทร์และดวงดาวบนท้องฟ้าได้อย่างชัดเจน 

    ลอร่า: คืนนี้พระจันทร์เต็มดวงสวยจังเลยนะคะ 

    เดลวาลิน: นั่นสินะ สงสัยคืนนี้คงจะได้เห็นดาวตกแน่ๆเลย

    ลอร่านั่งมองดูดาวบนท้องฟ้าอย่างเพลิดเพลินก่อนที่เดลวาลินจะเข้ามานั่งเป็นเพื่อน 

    ลอร่า: คืนนี้เป็นคืนที่ร่มรื่นจริงๆ คุณเดลวาลินก็คิดอย่างนั้นใช่มั้ยคะ

    เดลวาลิน: อืม ฉันก็คิดแบบนั้นเหมืนกัน 

    ลอร่านั่งมองดูดาวไปสักพักก่อนที่เธอจะถามคำถามบางอย่างขึ้นมา

    ลอร่า: คุณเดลวาลินคะ ฉันมีเรื่องสงสัยอยากจะถามคุณหน่อยค่ะ

    เดลวาลิน: อะไรหรอ 

    ลอร่า: ถ้าหากมังกรธาตุในตำนานทั้งสี่มีอยู่เพื่อรักษาสมดุลและสันติสุขของโลกใบนี้ แล้วทำไมถึงไม่มีมังกรในตำนานตนใดเข้าไปห้ามมังกรเพลิงปีศาจในตำนานที่เคยอาละวาดเมื่อหนึ่งพันปีก่อนล่ะคะ 

    เดลวาลิน: อืมม…เรื่องนั้นฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน 

    ลอร่าที่ได้ยินเดลวาลินให้คำตอบมาแบบนั้นเธอก็เปลี่ยนมาก้มหน้าลงพร้อมนั่งชันเข่าแทน

    ลอร่า: พระแม่ไมอาร์ทรงสร้างทุกสิ่งขึ้นด้วยความรัก และเฝ้ามองดูความเป็นไปของโลก แต่ทำไมเวลาที่สิ่งมีชีวิตบนโลกกำลังได้รับความเดือดร้อนพระแม่ไมอาร์ถึงไม่ลงมาช่วยเหลือสิ่งมีชีวิตเหล่านั้นกันนะ

    เดลวาลิน: เรื่องนั้นฉันก็ไม่รู้คำตอบนั้นเหมือนกัน แต่ที่แน่ๆพระแม่ไมอาร์อาจจะกำลังช่วยเหลือพวกเราทุกคนอยู่ก็ได้ เพียงแต่เขานั้นไม่ลงมาช่วยแบบตรงๆก็เท่านั้นเอง 

    ลอร่า: นั่นสินะคะ บางทีพระแม่ไมอาร์อาจจะรู้หน้าที่ของตนและกำลังทำหน้าที่ของตนอยู่ก็ได้

    เมื่อลอร่าพูดจบลมหนาวยามค่ำคืนก็พัดเข้ามาปะทะร่างของลอร่า ทำให้ลอร่าเกิดตัวสั่นขึ้นมา เดลวาลินที่เห็นลอร่ากำลังนั่งสั่นเขาจึงเขยิบเข้าไปนั่งกอดเพื่อให้ความอบอุ่นแก่เธอ

    ลอร่า: คุณเดลวาลิน 0//0 ?! 

    เดลวาลิน: ไม่ต้องเกรงใจ เดี๋ยวคืนนี้ฉันจะอยู่กับเธอเอง ^ ^ 

    ลอร่ารู้สึกเขินที่เดลวาลินเข้ามาสัมผัสแนบชิดเธอตามลำพังสองต่อสองแบบนี้ แต่เธอก็ไม่รังเกียจที่จะรับความหวังดีจากเขา เธอจึงสวมกอดเดลวาลินเพื่อสัมผัสไออุ่นที่แผ่ออกมาจากตัวเขา ทำให้เธอรู้มีความสุขอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน จนกระทั่ง

    สเตลร่า: แฮร่!!! 

    เย๊ยยย!!!!!

    เดลวาลินอุทานเสียงหลงหลังจากที่สเตลร่าโผล่มาจ๊ะเอ๋จับไหล่เขาจากทางด้านหลังโดยไม่ให้ซุ่มให้เสียง ทำเอาอีกฝ่ายเกือบหัวใจวาย

    สเตลร่า: กำลังทำอะไรกันอยู่น่ะ ท่าทางดูน่ารักน่าเอ็นดูดีนิ ^ ^

    เดลวาลิน: สเตลร่า เธอทำอะไรของเธอเนี่ย 

    ลอร่า: นั่นสิคะ ตกอกตกใจหมดเลย *เฮ้ออ…*

    สเตลร่าเข้ามานั่งข้างๆเดลวาลินอีกฝั่งก่อนที่เธอจะพูดขึ้นมาว่า

    สเตลร่า: ดูท่านายกับลอร่าจะรักใคร่กลมเกลียวกันมากขึ้นกว่าเมื่อก่อนนะ

    เดลวาลิน: ลอร่าก็แค่หนาวเฉยๆ เราสองคนไม่ได้อะไรเกินเลยต่อกันเลยนะ

    สเตลร่า: งั้นหรอ ถ้าเป็นแบบนั้นก็ดีแล้วล่ะ

    เดลวาลิน: ว่าแต่เธอหายไปไหนมา จะไปไหนไม่บอกไม่กล่าวกันสักคำ

    สเตลร่า: ไม่มีอะไรมากหรอก แค่มีธุระที่ต้องจัดการนิดหน่อยแค่นั้นเอง

    เดลวาลินมองหน้าสเตลร่าแรงเหมือนไม่เชื่อคำพูดของเธอสักเท่าไหร่ แต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้ใส่ใจว่าเดลวาลินนั้นจะคิดยังไงกับคำพูดของตนอยู่แล้ว 

    สเตลร่า: นายรู้มั้ยว่าทำไมฉันถึงต่อรองกับราชาให้นายสามารถปกครองพื้นที่รอบๆวิหารมังกรเพลิง

    เดลวาลินส่ายหน้าเบาๆและอยากรู้คำตอบจากปากของเธอรวมถึงลอร่าเองก็เช่นกัน 

    สเตลร่า: อย่างที่ท่านแม่และฉันเคยบอกนาย ท่านแม่อยากให้นายแก้ไขในสิ่งที่นายเคยทำลงไปในอดีต อยากให้นายเปลี่ยนแปลงตนเองใหม่ให้คนอื่นได้เห็นว่านายนั้นได้เปลี่ยนไปแล้ว และการที่ฉันขอราชาไปตอนนั้นก็เพื่อจะให้นายมีพื้นที่ที่นายจะสามารถใช้มันเพื่อรองรับและให้ความช่วยเหลือจากใครก็ตามที่ต้องการมาขอพึ่งพิง เหมือนอย่างที่นายเคยช่วยหมู่บ้านมัชรูมี่ หรือหมู่บ้านชาวบ้านที่ถูกมังกรดำไกอัสถล่มนั่นแหละ

    ลอร่า: อย่างงี้นี่เอง ที่คุณสเตลร่าขอราชาเอ็กซ์โซส ลูซิเนียไปแบบนั้นก็เพื่อให้คุณเดลวาลินสามารถทำอะไรก็ได้ในพื้นที่ของตนโดยที่ไม่ต้องกลัวว่าจะแสดงตนในพื้นที่ของอาณาจักรอื่นสินะคะ

    สเตลร่า: ฉันตั้งใจเอาไว้ว่า ในระหว่างที่เขาออกเดินทางช่วยเหลือผู้คนนอกอาณาเขตในฐานะนักผจญภัย ฉันก็อยากให้เขาสามารถแสดงตัวตนที่แท้จริงในฐานะมังกรเพลิงในตำนานได้อย่างปลอดภัยเช่นกัน และเมื่อผู้คนที่ได้รับการช่วยเหลือรู้ว่าตัวตนที่แท้จริงเดลวาลินเป็นใคร พวกเขาก็อาจจะทิ้งภาพลักษณ์เดิมๆของเขาเมื่อหนึ่งพันปีก่อนไปได้ไม่มากก็น้อย

    เดลวาลิน: ที่เธอพูดมาก็มีเหตุผลนะ ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ฉันก็สามารถกลับคืนร่างเดิมได้ โดยที่ไม่ต้องช่วยเหลือผู้คนแบบหลบๆซ่อนๆเหมือนในตอนนี้

    ลอร่า: ถ้าอย่างงั้นฉันจะขอช่วยสนับสนุนคุณเดลวาลินเดิมที่นะคะ ^ ^  

    เมื่อสเตลร่าได้เผยจุดมุ่งหมายที่แท้จริงให้เดลวาลินกับลอร่ารู้ดังนั้น เดลวาลินกับลอร่าก็แยกย้ายเข้านอน แต่คืนนี้สเตลร่าขอเลือกที่จะอยู่เฝ้ายามให้เนื่องจากเวลานี้เดลวาลินถูกหมายหัวจากกลุ่มนักล่ามังกรของลาเนียอยู่

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×