ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Sobel The Flame of Dragon: เกิดใหม่เป็นมังกรเพลิงในตำนาน

    ลำดับตอนที่ #12 : ตอนที่ 11: ข้อเสนอของสเตลร่า

    • อัปเดตล่าสุด 12 ต.ค. 66


    ตัดภาพมายังเดลวาลินที่ตอนนี้เขาอยู่ในเมืองเดนิสและกำลังเดินทางไปพบกับกลุ่มนักผจญภัยของเซอร์ริว ตามคำนัดแนะของลอร่า แต่ระหว่างทางเขาก็เจอเข้ากับสเตลร่าที่หลังจากจัดการเรกูลอสก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย 

    เดลวาลิน: สเตลร่า 0 0 ?

    สเตลร่า: ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ ยังสบายดีอยู่รึเปล่า 

    เดลวาลิน: อืม ตอนนี้ฉันเริ่มทำหน้าที่ในฐานะนักผจญภัยแล้วล่ะ อีกอย่างฉันก็เพิ่งจัดการมอนเตอร์ที่แข็งแกร่งอย่างเรกูลอสไปได้ไม่กี่วันก่อนนี้เอง 

    สเตลร่า: จัดการ ราชสีห์คลั่ง เรกูลอส ได้งั้นหรอ น่าสนใจดีนิ 

    เดลวาลิน: ว่าแต่เธอหายไปไหนมาตั้งหลายวัน แถมไปแบบไม่บอกไม่กล่าวกันด้วย 

    สเตลร่า: แค่ไปทำหน้าที่ในฐานะพี่เลี้ยงก็เท่านั้นแหละ 

    เดลวาลินสงสัยว่าไปทำงานในฐานะพี่เลี้ยงของสเตลร่าที่ว่านั้นคืออะไรยังไง ก่อนที่สเตลร่าจะหยิบของบางสิ่งที่เดลวาลินได้เห็นถึงกับตาลุกวาว ซึ่งมันก็คือ หนังสือการ์ตูนเรื่องโปรดเล่มล่าสุดที่เขานั้นไม่มีโอกาสได้อ่านที่โลกก่อนนั่นเอง

    เดลวาลิน: นะ….นั่นมัน หนังสือการ์ตูนเรื่องโปรดที่ฉันชอบอ่านนี่นา 0O0 !!!

    สเตลร่า: พอดีหลังจากที่นายตายไปที่โลกก่อนหน้า ฉันได้แอบเก็บหนังสือการ์ตูนเรื่องโปรดของนายมาด้วยหน่ะนะ 

    เดลวาลินที่อยากอ่านหนังสือการ์ตูนเล่มล่าสุด เขาถึงกับรีบเดินเข้าไปหาสเตลร่าเพื่อที่จะหยิบหนังสือจากไปจากมืองของเธอ แต่ทว่าสเตลร่าก็เบี่ยงหนังสือในมือไปทางอื่นไม่ให้เดลวาลินได้ไปง่ายๆ 

    เดลวาลิน: เอามานี่เลยนะ! ฉันอยากจะอ่านต่อ~!!

    สเตลร่า: อยากได้ก็มาแย่งจากฉันให้ได้สิ คิคิ

    สเตลร่านึกหัวเราะขบขันอย่างสนุกสนานที่เห็นเดลาลินกระเหี้ยนกระหือในการแย่งหนังสือไปจากเธอ เหมือนเด็กพยายามแย่งของเล่นจากผู้ใหญ่ยังไงอย่างงั้น จนสุดท้ายสเตลร่าก็ได้พูดขึ้นมาว่า

    สเตลร่า: ถ้านายอยากได้ล่ะก็…นายต้องทำสัญญาบางอย่างให้ลุล่วงสะก่อนนะ

    เดลวาลิน: สัญญางั้นหรอ ? 

    สเตลร่า: นายจำคำมั่นสัญญาที่เคยให้ไว้กับมังกรดำไกอัสได้รึเปล่า

    เดลวาลิน: มังกรดำไกอัสงั้นหรอ 

    สเตลร่า: ใช่ นายเคยให้คำมั่นสัญญากับเขาเอาไว้ ว่าจะไปช่วยยุติสงครามระหว่างเผ่ามังกรขาวกับเผ่ามังกรดำยังไงล่ะ 

    จำได้รึเปล่า

    เดลวาลินนึกย้อนกลับไปก่อนที่เขาจะจำได้ว่าเคยทำแบบนั้นจริง และป่านนี้ไกอัสคงรอเขาจนรากงอกแล้ว

    เดลวาลิน: นั่นสินะ นอกจากฉันที่เป็นนักผจญภัยที่ต้องทำงานช่วยเหลือผู้คนแล้ว ฉันยังเป็นมังกรเพลิงในตำนานที่ต้องทำหน้าที่ล้างมลทินให้กับตัวเองตามความปราถนาของเทพธิดาไมอาร์ด้วย 

    สเตลร่า: ถ้านายคิดได้แบบนั้น งั้นจะมัวรออะไรอยู่ล่ะ?

    เดลวาลินและสเตลร่าได้เดินทางไปที่ตึกกิลด์นักผจญภัยเพื่อไปพบกับกลุ่มของลอร่า ซึ่งในวันนี้พวกเขาก็รออยู่ที่ตึกกิลด์นักผจญภัยอยู่ 

    และเมื่อเดลวาลินกับสเตลร่ามาถึง ทั้งสองคนก็มาพบเข้ากับกลุ่มของเซอร์ริวที่สมาชิกของกลุ่มอยู่กันพร้อมหน้า

    ลอร่า: อ๊ะ!! คุณเดลวาลินมาถึงที่นี่แล้ว

    ลอร่าที่ตั้งหน้าตั้งตารอการมาถึงของเดลวาลินร้องทักขึ้นมา ก่อนที่ทุกคนในตี้จะหันไปมองที่ประตูทางเข้าออกของล็อบบี้ และเห็นเดลวาลินกับสเตลร่ากำลังเดินเข้ามาในกิลด์พร้อมกับมองหาพวกเขา

    ลอร่า: คุณเดลวาลินนน~ คุณสเตลร่าาา~ ทางนี้ค่าาา~!!

    ลอร่าลุกขึ้นพร้อมกับโบกมือเรียกให้ทั้งสองสังเกตุเห็นได้ง่าย ก่อนที่เดลวาลินกับสเตลร่าจะมายังโต๊ะที่กลุ่มของเธอนั่งอยู่ 

    เดลวาลิน: ขอโทดด้วยนะที่ปล่อยให้รอนาน

    อลันบี: มาช้าแบบนี้ไม่สมกับเป็นนักผจญภัยระดับสเปเชี่ยลคลาสเลยนะ 

    ลอร่า: อย่าไปว่าคุณเดลวาลินเลยค่ะ เพราะยังไงตอนนี้เขาก็เพิ่งมาเป็นนักผจญภัยหน้าใหม่ ให้เวลาเขาเรียนรู้ก่อนดีกว่าค่ะ 

    อลันบี: แล้วแต่เธอแล้วกัน ฉันแค่อยากบอกเอาไว้ว่าไม่ควรปล่อยให้คนอื่นในทีมรอนาน เพราะมันจะส่งผลกระทบต่อการรับเควสของทีมก็เท่านั้นเอง 

    เดลวาลิน: ฉันเข้าใจแล้ว ถ้ามาช้าหรือทีมในครบจะออกไปทำงานลำบากสินะ 

    เซอร์ริว: ถูกต้อง เพราะทีมนักผจญภัยต้องมีคลาสความสามารถของสมาชิกที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็น ‘หัวหน้า' 'แนวหน้า 'แนวหลัง' และ 'ซัพพอร์ต’ สี่ตำแหน่งนี้คือตำแหน่งปัจจัยพื้นฐานสำคัญที่นายควรรู้เอาไว้ 

    เซอร์พูดพร้อมกับยืดอกแสดงความเป็นผู้นำขึ้นมา 

    อลันบี: เพราะงั้น พวกฉันที่เห็นถึงความสามารถของนายที่สามารถจัดการเรกูลอส มอนเตอร์ระดับบอสอีเว้นที่แข็งแกร่งกว่าปกติด้วยตัวคนเดียว พวกเราเลยลงมัติว่าจะให้นายเป็นแนวหน้าของกลุ่มพวกเรา 

    เดลวาลินที่ได้ยินดังนั้นเขาก็ตื่นเต้นขึ้นมาและนึกในใจว่าหลังจากนี้น่าจะมีเรื่องอะไรให้สนุกๆไปผจญภัยต่อจากนี้ แถมอลันบีนั้นก็ดูเหมือนจะสนใจในความสามารถของเขา เพราะเธอเองนั้นก็ชื่นชอบคนที่แข็งแกร่งและดูพึ่งพาได้ ซึ่งเดลวาลินนั้นมีคุณสมบัติตรงตามสเปคเธอ แม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้เป็นนักสู้เหมือนตนเองก็ตาม และในขณะเดียวกันนั้นเอง เซอร์ริวที่เห็นว่าสเตลร่ามากับเดลวาลินและเห็นแววอะไรบางอย่างในตัวเธอ 

    เซอร์ริว: เธอเป็นนักผจญภัยด้วยงั้นหรอ ?

    สเตลร่า: เปล่า ฉันเป็นจอมเวทย์

    เซอร์ริว: จอมเวทย์งั้นหรอ ถ้างั้นมาเข้าตี้กับพวกเรามั้ย +w+ !!

    สเตลร่าทำหน้าแหยงเล็กน้อยเพราะเธอนั้นไม่มีความคิดจะเข้าร่วมเป็นนักผจญภัยหรืออยู่รวมกันเป็นตี้ เพราะเธอนั้นมีหน้าที่ในการสอดส่อง ดูความเคลื่อนไหวมังกรในตำนานอยู่แล้ว เธอจึงตอบปฏิเสธเซอร์ริวกลับไปอย่างไม่ใยดี

    สเตลร่า: ไม่ล่ะ ฉันขอผ่าน เพราะงั้นไม่ต้องมาขยั้นขยอฉัน 

    เซอร์ริวเมื่อถูกสเตลร่าปฏิเสธอย่างชัดเจนก็เกิดอาการแห่วเล็กน้อย เพราะอุส่าคาดหวังว่าจะได้จอมเวทย์สาวแสนสวย บุคลิกดีมาร่วมทีมให้เป็นหน้าเป็นตาของกลุ่ม แต่อย่างน้อยเขาก็ได้คนเก่งๆอย่างเดลวาลินมาร่วมทีมก็พอชดเชยกันได้บ้าง

    ในเวลาเดียวกันนี้เองพนักงานโต๊ะเคาเตอร์ก็กำลังป่าวประกาศหากลุ่มนักผจยภัยที่อยู่ในล็อบบี้ เพื่อหาใครสักคนมารับเควสในมือเธอ แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีนักผจญภัยกลุ่มไหนสนใจ เธอจนถอดใจและนั่งมองกระดาษออกเควสพิเศษที่มีตราประทับขององค์ราชาประทับอยู่

     ซึ่งใบเควสใบนี้นั้นคือเควสในการกำราบมังกรฝูงที่กำลังออกสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้คน แต่ดูเหมือนเควสนี้จะตกค้างมาหลายวันและไม่มีนักผจญภัยกลุ่มไหนกล้ารับงานใหญ่แบบนี้เลยเนื่องจากพวกเขารู้ดีว่างานยากระดับผู้กล้านี้เสี่ยงอันตรายแค่ไหน

    พนักงาน: เฮ้อออ…จะทำยังไงดีล่ะ งานที่ทางเมืองหลวงไว้วานมากิลด์นักผจญภัยของพวกเรายังไม่สามารถสะสางงานใหญ่แบบนี้ได้เลย คิดแล้วก็เหนื่อยใจจริงๆ v v" 

    ลอร่าที่เห็นพนักงานเคาเตอร์มีอาการซึมๆพร้อมกับถือกระดาษบางอย่างในมือเธอจึงลองเดินเข้าไปสอบถาม

    ลอร่า: มีเรื่องอะไรไม่สบายใจรึเปล่าคะ ? 

    พนักงาน: อะอ้อ….! คุณลอร่าเองหรอคะ 

    ลอร่า: เห็นคุณทำหน้าเหนื่อยใจเหมือนมีเรื่องอะไรบางอย่างทำให้คุณหนักใจอยู่ ฉันเลยมาถามน่ะค่ะ

    พนักงาน: อ้อ…ก็ไม่มีอะไรหรอกค่ะ แค่ใบเควสพระราชทานนี้ตกค้างที่กิลด์มาได้เกือบเดือนกว่าๆแล้ว ฉันเองก็ไม่รู้จะจัดการกับเจ้านี่ยังไงดี เพราะมันเป็นเควสจากราชาโดยตรงน่ะค่ะ 

    ลอร่าขอรับใบเควสนั้นมาจากพนักงานเคาเตอร์ เพื่ออ่านรายละเอียดภายในก่อนจะพบว่าใบเควสนี้คือใบเควสที่ราชาต้องการหาใครสักคนเดินทางไปจัดการมังกรที่กำลังทำสงครามและสร้างความเสียหายอยู่ทางทิศใต้ของอาณาจักร โดยจะมอบค่าตอบแทนอะไรก็ได้หากใครก็ตามที่สามารถจัดการเหล่ามังกรนี้ได้ พร้อมกับตราประทับจากราชสำนักกำกับรับรอง 

    ลอร่า: ก็แค่เควสกำจัดมังกรนี่คะ แค่นักผจญภัยคลาสโกลด์ขึ้นไปก็น่าจะรับมือได้สบายๆอยู่แล้วนี่นา ? 

    พนักงาน: มันไม่ใช่แค่เควสกำจัดมังกรธรรมดาหรอกนะคะ แต่มันคือเควสล้างบางเผ่ามังกรที่อยู่ทางตอนใต้ต่างหากล่ะ 

    ลอร่า: เอ๋? หมายความว่ายังไงหรอคะ?

    พนักงาน: พอดีว่า เกิดเรื่องวุ่นๆที่ทางตอนใต้ของอาณาจักรขึ้นเพราะว่ามีมังกรสองเผ่ากำลังทำสงครามกันอยู่ เห็นตัวแทนส่งข่าวบอกมาว่าเป็นสงครามระหว่างเผ่ามังกรขาวกับเผ่ามังกรดำน่ะค่ะ และคาดว่าเป็นมังกรระดับสูงที่มีสติปัญญาด้วย

    ลอร่าตั้งใจฟังอย่างตั้งใจก่อนที่เดลวาลิน สเตลร่าและคนอื่นๆจะมามุงดูยืนรับฟังด้วย

    ลอร่า: แล้วผู้กล้าหรือนักผจญภัยระดับโกลด์คลาสที่รับผิดชอบเรื่องนี้ล่ะคะ พวกเขาหายไปไหนกันหมด?

    พนักงาน: ผู้กล้าออกไปทำสงครามให้กับอาณาจักรที่แนวหน้า ส่วนนักผจญภัยระดับโกลด์คลาสขึ้นไปก็พาออกเดินทางไปพิชิตโลกกันหมด ตอนนี้เมืองหลวงเหลือแต่นักผจญภัยระดับซิลเวอร์คลาสสะส่วนใหญ่ค่ะ v v 

    แล้วพนักงานเคาเตอร์ก็ถอนหายใจเพราะหมดหนทางที่จะแก้ไขปัญหานี้แล้วจริงๆ 

    สเตลร่าที่เห็นโอกาสเหมาะเธอจึงใช้ศอกสะกิดเดลวาลินที่ยืนอยู่ข้างๆให้เขาหันมาสนใจ

    สเตลร่า: ดูเหมือนจะได้เวลานายออกโรงแล้วนะ

    เดลวาลิน: อืม 

    ไม่รอช้าเดลวาลินก็ขอรับใบเควสพระราชทานใบนี้จากมือลอร่า ก่อนจะบอกกับพนักงานเคาเตอร์ว่า

    เดลวาลิน: งั้นเควสนี้ฉันจะรับไปทำเอง

    พนักงาน: เอ๋ 0 0 ?!!!

    ทันทีที่สิ้นเสียงคำพูดของเดลวาลินพนักงานเคาเตอร์ถึงกับร้องอุทานลั่น ส่วนพวกกลุ่มนักผจญภัยคนอื่นที่อยู่ในล็อบบี้ก็จำได้ว่าเดลวาลินนั้นคือนักผจญภัยหน้าใหม่ที่เอาชนะเรกูลอสได้ 

    นักผจญภัย A: หมอนั่นใช่นักผจญภัยที่กำลังเป็นที่พูดถึงรึเปล่า

    นักผจญภัย B: น่าจะใช่นะ เห็นเจ้าเซอร์ริวมันเล่าให้ฟังว่าหมอนั่นสามารถผ่าเรกูล่าเป็นสองท่อนด้วยการโจมตีเพียงแค่ครั้งเดียวด้วยล่ะ

    นักผจญภัย C: คราวนี้เจ้าหมอนั่นรับเควสพระราชทาน ที่เป็นกำจัดมังกรทั้งฝูงแบบนั้น มีหวังโชคไม่ช่วยเหมือนคราวก่อนแน่ๆ 

    นักผจญภัย D: นั่นสิ พวกมังกรมันล้มยากกว่าเรกูลอสสะอีก แค่ลำพังนักผจญภัยระดับโกลด์คลาสยังต้องไปถึงหลายตี้กว่าจะล้มมังกรระดับสูงได้ตัวนึงเลยนะ

    อลันบีที่ได้ยินเสียงกระซิบกระซาบของนักผจญภัยตี้อื่นเธอก็ได้หันไปมองรอบๆ ก่อนที่เธอจะรู้สึกว่าการตัดสินใจของเดลวาลินจะพาพวกเขาไปตายสะเปล่าๆ เธอจึงคิดจะท้วงติงขึ้นมาเพื่อห้ามเดลวาลินเอาไว้

    อลันบี: เดี๋ยวก่อน! นายอย่าตัดสินใจเองคนเดียวแบบนี้สิ พวกเรายังไม่ได้ลงมัติเลยนะว่าจะรับงานนี้รึเปล่า

    ลอร่า: คุณอลันบี

    อลันบี: จะทำอะไรก็หัดคิดถึงความเห็นของคนอื่นในทีมบ้างสิ 

    เดลวาลินที่ได้ยินอลันบีพูดมาแบบนั้นเขาก็ยิ้มขึ้นมาก่อนจะหันไปตอบเธอสั้นๆว่า

    เดลวาลิน: ไม่ต้องห่วงไปหรอก งานนี้ไม่ยากเย็นเหมือนอย่างที่เธอคิดหรอก ตราบใดที่ยังมีฉันอยู่ทั้งคน พวกนายทุกคนจะปลอดภัย ฉันสัญญา

    คำพูดของเดลวาลินที่เปล่งออกมานั้น ทำเอาอลันบีรู้สึกอะไรบางอย่างแปลกๆ เธอรู้สึกว่าผู้ชายผมแดงที่อยู่เบื้องหน้าตอนนี้มีพลังอะไรบางอย่างที่สามารถช่วยปกป้องตนเองและคนอื่นๆให้รอดได้ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังไม่เชื่อลางสังหรณ์นั้นสักเท่าไหร่

    อลันบี: แล้ว…แล้วถ้าเกิดมันไม่เป็นอย่างที่นายว่ามาล่ะ…

    เดลวาลินเอื้อมมือไปจับที่ไหล่ของอลันบี

    เดลวาลิน: เชื่อฉันสิ ฉันสามารถปกป้องเธอและคนอื่นๆในทีมได้อยู่แล้ว 

    อลันบีสัมผัสได้ถึงไออุ่นและความเชื่อมั่นที่ส่งผ่านฝ่ามือของเขาที่สัมผัสโดนร่างกายเธอ ก่อนที่ลอร่าจะเข้ามาเสริมอีกคน

    ลอร่า: เชื่อมัน่ในตัวคุณเดลวาลินเถอะค่ะ คุณอลันบี คุณเดลวาลินน่ะเขาแข็งแกร่งกว่าใครไหนๆเลยนะคะ ^ ^ 

    อลันบีที่ได้ยินคำพูดของลอร่าเธอก็เริ่มรู้สึกมีความมั่นใจและเริ่มเชื่อมั่นในตัวเดลวาลิน แม้ว่าในสายตาของเธอในตอนนี้เขาจะยังเป็นเด็กใหม่อยู่ก็ตาม 

    หลังจากที่เดลวาลินอาสาออกหน้ารับเควสแทนคนอื่นในกลุ่ม ดูเหมือนสมาชิกในกลุ่มยกเว้นเซอร์ริวที่ไม่เห็นด้วย แต่ทว่าเมื่อเจอกับพลังโหวดทั้งจาก ลอร่า อลันบี โมนา และสเตลร่า ก็ทำให้เขาต้องยอมฟังเสียงข้างมาก แต่เขาก็แอบตะหงิดใจว่าสเตลร่าเกี่ยวอะไรด้วยในเมื่อเจ้าตัวนั้นไม่ใช่นักผจญภัย 

    เซอร์ริว: เดี๋ยวก่อนนะ เธอเกี่ยวอะไรด้วยถึงมาโหวตเข้าข้างเขาเนี่ย = = 

    สเตลร่า: เปล่าหรอก แค่ฉันอยากโหวดออกเสียงให้มันขาดลอยจากเสียงข้างน้อยก็เท่านั้นเอง มีปัญหาอะไรมั้ยล่ะ?

    เซอร์ริว: อ้าว…. T T

    พนักงาน: เอาล่ะๆ ในเมื่อพวกคุณตัดสินใจที่จะรับงานนี้ ถ้างั้นก็ให้พวกคุณไปเข้าเฝ้าองค์ราชาก่อนเถอะค่ะ 

    เดลวาลิน: เข้าใจล่ะ 

    หลังจากนั้นกลุ่มของเดลวาลินก็เดินทางไปยังปราสาทที่ตั้งอยู่ในกลางเมืองหลวงเดนิส ที่ตั้งสูงตระหง่านเด่นสะดุดตาม ไม่ว่าจะมองจากทิศไหนของเมืองก็ตาม ปราสาทแห่งนี้ถูกเรียกว่า 'ปราสาทลูซิเนีย' เป็นปราสาทที่ถูกสร้างขึ้นใหม่หลังจากสงครามแห่งไฟ 

    และคนที่ตั้งชื่อปราสาทแห่งนี้คือผู้กล้าลูซิส เพื่อไว้เป็นที่ระลึกเกียรติในความกล้าหาญที่เขาสามารถสังหารมังกรเพลิงโซเบลในอดีตได้ อีกทั้งเส้นทางที่จะมุ่งหน้าไปสู่ประตูทางเข้ายังมีรูปปั้นมังกรเพลิงโซเบลในท่ากำลังสิ้นชีพตั้งเป็นโดมทางเข้าปราสาท ทำให้ผู้คนได้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของผู้กล้าลูซิสในตำนานไม่ว่าจะผ่านไปยุคสมัยไหนก็ตาม

    เซอร์ริว: ทุกคนดูนั่นสิ นั่นปราสาทลูซิเนีย สถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของอาณาจักรเซซิลล่าร์~!!

    อลันบี: อืม พวกฉันเห็นแล้วล่ะ 

    ลอร่า: คุณน่าจะเก็บอาการหน่อยนะ อีกเดี๋ยวพวกเราก็จะเข้าเขตพระราชวังแล้ว จะทำอะไรก็เก็บกิริยาท่าทางหน่อยก็ดีนะคะ

    เซอร์ริว: โอเคๆ 

    เดลวาลินเดินตามหลังกลุ่มของเซอร์ริวเพื่อชมบรรยากาศโดยรอบที่ตกแต่งไปด้วยสถาปัตยกรรมที่ยิ่งใหญ่และอลังการของเมืองหลวงเดนิส แต่ยิ่งมองภาพความรู้สึกบางอย่างในครั้งก่อนก็ไหลเข้ามาในหัวของเขา ราวกับว่าตัวเขานั้นคุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้ จนสเตลร่าที่เดินอยู่ข้างๆนั้นดูออกว่าเดลวาลินกำลังคิดอะไรอยู่

    สเตลร่า: รู้สึกคุ้นเคยที่นี่ใช่มั้ยล่ะ 

    เดลวาลิน: อืม….เหมือนว่าฉันเคยมาเหยียบที่นี่มาก่อน ทั้งๆที่ฉันเพิ่งจะมาที่นี่เป็นครั้งแรก

    สเตลร่า: งั้นหรอ แต่มันก็ไม่่แปลกหรอกที่นายจะรุ้สึกแบบนั้น เพราะในอดีตนายก็เคยมาเหยียบที่นี่หลายครั้งแล้ว 

    เดลวาลิน: นั่นสินะ เพราะฉันคือมังกรเพลิงในตำนานที่ทำลายล้างอารยธรรมนี่นา 

    ตัดภาพมายังห้องโถงขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยทหารองค์รักษ์ และเหล่าขุนนางวังหลวงคอยทำงานช่วยเหลืองานด้านต่างๆให้กับราชา โดยราชาที่ปกครองอาณาจักรเซซิลล่าร์ในเวลานี้มีชื่อว่า 'ราชาเอ็กซ์โซส ลูซิเนีย' ทายาทผู้สืบทอดราชบัลลังก์ตระกูลลูซิเนียรุ่นที่ 38 ซึ่งตอนนี้เขาอายุเข้าสู่วัย 60 แล้ว แต่ก็ยังทำหน้าที่ปกครองบ้านเมืองและดูแลประชาชนของเขา ตามเจตจำนงของกษัตริย์ลูซิส ลูซิเนีย บรรพบุรุษต้นตระกูลของเขาเรื่อยมา 

    และในเวลานี้เองทหารยามหน้าด่านก็ได้พากลุ่มของเดลวาลินมาเข้าเฝ้า พร้อมกับถือใบเควสพระราชทานเป็นเครื่องรับรอง

    ทหาร: ถวายบังคมฝ่าบาท

    ราชาเอ็กซ์โซส: มีอะไรก็ว่ามา 

    ทหาร: ขอเดชะ พอดีว่าที่ด่านหน้าทางเข้าวังมีกลุ่มนักผจญภัยกลุ่มหนึ่งได้นำใบรับงานพระราชทานมาขอเข้าพบกับฝ่าบาท แต่เนื่องจากกระหม่อมเห็นว่าพวกเขานั้นดูเป็นมือใหม่จึงยังไม่อนุญาติให้เข้าเฝ้าตอนนี้ และอยากจะขอความเห็นจะฝ่าบาท ว่าพระองค์จะอนุญาติให้พวกเขานั้นเข้าพบหรือไม่

    เมื่อราชาเอ็กซ์โซส ลูซิเนีย ได้ยินดังนั้น เขาจึงลุกขึ้นแล้วอออกคำสั่งให้กับทหารคนดังกล่าวไปว่า

    ราชาเอ็กซ์โซส: ให้พวกเขาเข้ามาพบเราได้ เราเองก็อยากจะรู้ว่านักผจญภัยกลุ่มใดที่กล้ารับงานเสี่ยงอันตรายนี้อยู่พอดี

    ทหาร: พะยะค่ะ 

    ทหารขานรับคำสั่งก่อนจะลุกขึ้นเดินถอยหันหลังกลับไปอย่างรวดเร็วเพื่อไปตามกลุ่มของเดลวาลินให้มาเข้าเฝ้า 

    และเมื่อกลุ่มของเดลวาลินมาถึง ราชาเอ็กซ์โซสที่เห็นว่าสมาชิกทั้งหมดในกลุ่มยังดูเด็กมากและน่าจะยังขาดประสบการณ์ เขาจึงได้พูดขึ้นมาสั้นๆว่า

    ราชาเอ็กซ์โซส: หื้มม นักผจญภัยกลุ่มนี้เองหรอ ที่รับงานพระราชทานของเราเพื่อที่จะไปปราบฝูงมังกรน่ะ ? 

     ทหาร: พะยะค่ะ 

    ทหารอาสาตอบคำถามแทน เนื่องจากสมาชิกกลุ่มนักผจญภัยนั้นไม่ชินกับการปฏิบัติตัวในวังสักเท่าไหร่ 

    ราชาเอ็กซ์โซส: อืมม แต่ดูท่าพวกเธอจะยังเด็กมากๆ ดูๆแล้วเหมือนจะยังเป็นนักผจญภัยเพิ่งจบใหม่ไม่กี่ปีเองนะ

    ทหาร: กระหม่อมก็เห็นเป็นเช่นนั้นพะยะค่ะ 

    ในขณะที่ทหารเฝ้ายามกับพระราชากำลังคุยสนทนากันอยู่นั้น ทุกคนในกลุ่มก็หันไปมองเดลวาลินกับสเตลร่าที่ไม่ได้คุกเข่าทำความเคารพ ทำให้พวกเขาเกิดไม่สบายใจขึ้นมา 

    อลันบี: ทั้งสองคนมัวยืนทำอะไรอยู่ คุกเข่าลงถวายความเคารพแด่องค์ราชาสิ…!

    อลันบีพยายามกระซิบบอกสเตลร่าและเดลวาลินให้เบาที่สุด เพื่อไม่ให้ราชาเอ็กซ์โซสได้ยิน

    สเตลร่า: ไม่ล่ะ สำหรับฉันไม่มีใครสูงส่งหรือควรค่ามากพอที่จะให้ฉันก้มหัวแสดงความเคารพนอกจากเทพธิดาไมอาร์หรอกนะ

    อลันบี: เธอพูดอะไรของเธอน่ะ ?

    ลอร่า: ทำไมคุณสเตลร่าพูดแบบนั้นล่ะคะ คนเราเวลาจะทำอะไรให้ลุล่วงด้วยดี ถ้าเข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตามนะคะ

    เดลวาลินกับสเตลร่าที่ได้ยินลอร่าพูดมาแบบนั้นทั้งสองคนก็ได้หันมองไปรอบๆก่อนจะพบว่า ขณะนี้ทั้งสองกำลังถูกจับจ้องจากทหารเฝ้ายามที่ยืนอารักขาความสงบเรียบร้อยภายในห้องบัลลังก์แห่งนี้ราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ แถมทหารที่เป็นคนกลางนำพวกเข้ามาก็พยายามหันมาส่งสัญญามือให้ทั้งสองคุกเข่าลงเหมือนคนอื่นๆ จนราชาเอ็กซ์โซสรู้สึกเอะใจที่เห็นทั้งสองยังคงยืนอยู่ไม่ถวายความเคารพต่อตนเหมือนคนอื่นๆ เขาจึงได้ถามออกไป

    ราชาเอ็กซ์โซส: นี่เธอสองคนที่อยู่ตรงนั้น ทำไมถึงยังไม่คุกเขาภวายความเคารพต่อเราอีกล่ะ

    เดลวาลิน: อ้อ พอดีเราสองคนไม่ใช่คนที่นี่น่ะ

    ราชาเอ็กซ์โซส: ว่าไงนะ ? 

    ทันทีที่เดลวาลินตอบกลับราชากลับไป ทุกคนต่างก็กุมขมับเพราะเขาไม่มีคำตอบที่มันดีกว่านี้แล้วงั้นหรือ

    เซอร์ริว: (โอ้ยยย ตายๆๆ นี่นายคิดจะให้พวกเราหัวหลุดจากบ่าหมดทั้งก๊วนรึยังไงกัน =~=" )

    อลันบี: (นี่เขาพูดอะไรออกมาเนี่ย ไม่มีคำตอบอื่นๆที่มันดีกว่านี้แล้วรึยังไงกันนะ)

    ทหารเฝ้ายาม A: บังอาจพูดจาสามหาวไม่ให้เกียรติราชาของพวกเราอย่างงั้นหรอ?!!

    ทหารเฝ้ายาม B: นั่นสิ คิดว่าเป็นคนนอกจากแดนอื่นจะพูดจะจายังไงกับประมุขของพวกเราได้ตามใจชอบงั้นเรอะ ?! 

    ภายในห้องบัลลังก์เริ่มเกิดความวุ่นวายจากการกระทำของเดลวาลิน จนสเตลร่าต้องยกมือขึ้นแสดงพลังให้พวกทหารเงียบ โดยการปล่อยคลื่นช็อคเวฟอ่อนๆใส่พวกทหาร ทำให้พวกทหารรอบข้างรวมถึงโมนาที่สัมผัสกับคลื่นพลังเวทย์มนต์มาตลอดชีวิตรู้สึกแน่นและจุกในอกอย่างบอกไม่ถูก 

    พวกทหารรู้สึกหวั่นเกรงพลังอำนาจบางอย่างในตัวของสเตลร่าอย่างฉับพลัน แม้แต่ราชาเอ็กซ์โซสที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ก็ยังสัมผัสได้ถึงคลื่นพลังเวทย์มหาศาลจากสเตลร่านี้ด้วยเช่นกัน และรูปร่างพลังเวทย์นั้นก็ก่อตัวเป็นมังกรขนาดใหญ่ที่ด้านหลังของเธอ แต่คลื่นพลังนั้นพระราชาก็มองเห็นได้ลางๆเท่านั้น แต่ก็พอสันนิษฐานได้ว่าสเตลร่านั้นต้องไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาแน่ๆ

    สเตลร่า: พวกเราไม่มีธุระอะไรกับทหารเฝ้ายามอย่างพวกนายหรอกนะ พวกเรามาที่นี่เพื่อมาคุยกับราชาของพวกนายโดยตรงต่างหาก

    หลังจากนั้นสเตลร่าก็เดินขึ้นไปยืนอยู่ต่อหน้าราชาเอ็กซ์โซส ก่อนที่เธอจะพูดต่อว่า

    สเตลร่า: พวกฉันคือนักผจญภัยที่ได้รับเควสจากคุณในการปราบมังกร และผู้ชายผมแดงที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าคุณก็คือ เดลวาลิน ผู้ที่ชนะการขอท้าประลองโรงเรียนเตรียมนักผจญภัย และเป็นคนที่เปิดโปงความจริงของนักเรียนดีเด่นที่แท้จริงแล้วคือพวกปีศาจที่แฝงตัวเข้ามาเพื่อมีจุดประสงค์มุ่งร้ายบางอย่างต่ออาณาจักรของคุณ 

    ราชาเอ็กซ์โซส: อะ…อ้อ….อย่างงั้นเองหรอกหรอ ที่แท้เธอคือคนที่จัดการเผ่าปีศาจที่แฝงตัวมาได้งั้นสินะ

    ราชาเอ็กซ์โซสมองไปที่เดลวาลิน และพยายามรักษาอาการไม่ให้เสียลุคความเป็นราชาที่มีบรรพบุรุษที่ยิ่งใหญ่

    เดลวาลิน: ที่จริงฉันก็แค่อยากจะได้เหรียญตรานักผจญภัยเฉยๆ แต่กลายเป็นว่าคู่ต่อสู้เป็นพวกปีศาจเฉยเลย 

    ราชาเอ็กซ์โซส: อย่างงั้นหรอ ถ้างั้นทางเราก็ต้องขอบใจเธอมากที่ไม่ปล่อยให้อาวุธศักดิ์สิทธิ์พระราชทานของพวกเราตกไปอยู่ในมือของเผ่าปีศาจ 

    เดลวาลินพยักหน้ารับคำ ก่อนที่สเตลร่าจะเข้าเรื่องเพราะไม่อยากให้เสียเวลาไปมากกว่านี้

    สเตลร่า: เอาล่ะ เลิิกคุยกันนอกเรื่องและเรามาเข้าเรื่องกันดีกว่า ที่พวกเรามาพบคุณในตอนนี้เพราะพวกเราจะเดินทางไปปราบฝูงมังกรที่กำลังทำสงครามอยู่ที่ทางตอนใต้ ตามใบประกาศรับเควสใบนี้ 

    สเตลร่าชูใบประกาศให้ดูเป็นตัวอย่าง

    ราชาเอ็กซ์โซส: อืม แล้วยังไงต่อ

    สเตลร่า: ฉันขอเป็นตัวแทนในการเรียกร้องผลตอบแทนจากการทำภารกิจนี้แทนเดลวาลิน โดยสิ่งที่ฉันจะเรียกร้องนั่นก็คือ หากเราสามารถสะสางปัญญาเรื่องนี้ได้ คุณจะต้องแบ่งแยกดินแดนพื้นที่ราบลุ่มทางตะวันออกเฉียงใต้ให้กับเดลวาลินในรัศมีห้าร้อยกิโลเมตรปกครอง 

    หาาาาาาาาาา~~ 0 0 !!!?

    ทุกคนในห้องบัลลังก์ต่างอุทานเสียงดังลั่น ไม่เว้นแม้แต่เดลวาลินก็อุทานขึ้นมาด้วยเช่นกัน เนื่องจากข้อเรียกร้องที่หลุดออกมาจากปากสเตลร่านั้น มันเป็นสิ่งที่เข้าข่ายข้อหากบฏแผ่นดินอย่างชัดเจน และกลุ่มของเซอร์ริวก็อาจถูกลากแหไปด้วยโดยไม่รู้ตัว

    เซอร์ริว: เห้ยๆๆๆ เดี๋ยวก่อนๆ หยุดอยู่แค่นั้นเลย!!! นี่เธอพูดอะไรของเธอออกมาน่ะ 0 0 ??!!!

    อลันบี: นี่เธออยากจะให้พวกเราหัวหลุดออกจากบ่าฐานกบฏรึยังไงเนี่ย ??!

    สเตลร่าไม่สนใจคำคัดค้านจากทั้งสองคนแม้แต่น้อย และยังคงถามราชาเอ็กซ์โซสทวนอีกครั้ง

    สเตลร่า: ว่ายังไงล่ะ คุณจะรับข้อตกลงนี้รึเปล่า

    ราชาเอ็กซ์โซสถึงกับคิดหนัก เนื่องจากเขานั้นไม่คาดคิดมาก่อนว่าสเตลร่าจะอาจหาญขอในสิ่งที่ไม่มีใครหน้าไหนกล้าขอมาก่อน 

    ถึงแม้ในตอนนี้เขาจะสั่งจับประหารสเตลร่าและกลุ่มได้ แต่เนื่องจากเมื่อครู่เขาได้เห็นถึงพลังเวทย์อันมหาศาลที่สเตลร่าสามารถทำให้พวกทหารที่โวยวายเงียบกริบในชั่วพริบตา ทำให้เขาไม่มีทางเลือกนอกจากต้องยอมตกลงรับข้อเสนอนี้อย่างจำยอม

    ราชาเอ็กซ์โซส: ตกลง….เธอมามายังไงก็ว่าตามนั้น…กษัตริย์ตรัสแล้วย่อมไม่คืนคำ

    หลังจากที่สเตลร่าได้รับคำตอบที่เธอต้องการเธอก็ยิ้มพร้อมกับพยักหน้า แต่ราชาเอ็กซ์โซสก็ยื่นข้อแม้ขึ้นมาว่า

    ราชาเอ็กซ์โซส: แต่ถ้าหากพวกเธอทำภารกิจไม่สำเร็จ จะต้องถูกประหารนะ

    สเตลร่า: ย่อมได้ เพราะยังไงงานนี้มันก็งานกล้วยๆสำหรับพวกเราอยู่แล้ว

    สเตลร่ารับคำก่อนจะหันหลังสะบัดผ้าคลุมไปหนึ่งที เป็นอันสิ้นสุดการทำข้อตกลงอย่างสมบูรณ์ และหลังจากนั้นก็ถึงเวลาที่กลุ่มของเดลวาลินจะเริ่มออกเดินทางในทันที  

    .

    .

    .

    .

    .

    ตัดภาพมายังพื้นที่เขตนอกกำแพงเมืองที่มีจุดวาร์ป 

    กลุ่มของเดลวาลินเดินทางมายังจุดวาร์ปนอกเมืองสำหรับนักผจญภัยใช้ เพื่อที่พวกเขาจะได้เดินทางไปยังหัวเมืองต่างๆที่ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของอาณาจักร ที่ตั้งอยู่บริเวณตำแหน่งที่ใกล้ที่สุดบนแผนที่ทำภารกิจ แต่ก็ไม่วายที่ทุกคนในกลุ่มต้องถามสเตลร่า

    เซอร์ริว: สเตลร่า เธอแน่ใจนะว่าพวกเราจะไม่เป็นอะไรน่ะ

    สเตลร่า: ถามแบบนี้ นายไม่สบายใจรึไง

    เซอร์ริว: ก็แหงสิ เล่นยื่นข้อตกลงสุดโต่งแบบนั้นกับราชาเอ็กซ์โซสแบบนั้น แถมยังให้สิทธิ์พิเศษเฉพาะกับเดลวาลินคนเดียวอีก T T 

    ลอร่า: คุณเซอร์ริวโอดแบบนี้ แสดงว่าอิจฉาคุณเดลวาลินหรอคะ ?

    เซอร์ริว เปล่าอ่ะ…กลัวหัวหลุดจากบ่า เพราะไปให้คำมั่นสัญญากับองค์ราชาสะขนาดนั้นว่าต้องทำงานนี้ให้สำเร็จ ถ้าไม่สำเร็จพวกเราคงไม่มีทางอยู่บนแผ่นดินเซซิลล่าร์แห่งนี้ได้อีกแล้วแหงๆ T^T

    ลอร่าและอลันบีที่เห็นเซอร์ริวคิดมากจนเริ่มประหม่า ทั้งคู่จึงพยายามช่วยปลอบเพราะอย่างน้อยในกลุ่มก็ยังมีสเตลร่ากับคนที่พวกเขาเชื่อว่าแข็งแกร่งที่สุดอย่างเดลวาลินอยู่ด้วยทั้งคน แต่ดูเหมือนเดลวาลินจะรู้สึกเอะใจขึ้นมากับการกระทำของสเตลร่า

    เดลวาลิน: สเตลร่า ฉันมีเรื่องบางอย่างคาใจอยากจะถามเธอหน่อย

    สเตลร่า: อะไรหรอ 

    เดลวาลิน: ทุกอย่างที่เกิดขึ้น เธอวางแผนเอาไว้ทั้งหมดแล้วใช่มั้ย

    สเตลร่าทำหน้าเหมือนจะบ่ายเบี่ยงเล็กน้อย แต่ก็แกล้งตอบส่งๆไปว่า

    สเตลร่า: ก็ไม่รู้สินะ ฉันก็ไม่ได้ทำอะไรที่มันดูพิรุธนี่นา >u0 ?

    เดลวาลิน: (เฮ้อออ…เอาจริงดิ = =) 

    สเตลร่า: แต่นายก็สันนิษฐานได้ถูกต้องแล้วล่ะ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในตอนนั้นฉันคำนวณเอาไว้หมดแล้ว และฉันก็รู้อยู่แล้วว่ายังไงราชาของอาณาจักรเซซิลล่าร์จะต้องตอบตกลงข้อเสนอของฉันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ 

    เดลวาลิน: หมายความว่ายังไง? 

    สเตลร่า: นายจำตอนที่ฉันแสดงพลังให้พวกทหารที่แหกปากตอนนั้นเงียบได้รึเปล่า ถ้านายจำได้ ตอนนั้นได้แอบปลดปล่อยคลื่นพลังเวทย์มังกรให้ราชาเซซิลล่าร์ได้เห็น และทำให้พวกเขารู้ว่าพวกเรานั้นไม่ธรรมดายังไง

    เดลวาลินนึกย้อนกลับไปตามคำบอกเล่าของสเตลร่าก็จะรู้ว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นในตอนนั้นมันดูสมเหตุสมผลกับสิ่งที่เกิดขึ้นในเวลาต่อมา

    เดลวาลิน: อย่างงี้นี่เองสินะ แล้วทำไมเธอต้องให้เขาแบ่งดินแดนส่วนหนึ่งให้ฉันปกครองด้วยล่ะ

    สเตลร่า: ก็เพื่อที่นายจะได้ปกครองดูแลบริวารที่นายให้ความช่วยเหลือตามภารกิจสำคัญที่นายได้รับมายังไงล่ะ มันคงไม่ดีแน่ถ้าหากนายต้องสวมรอยเป็นนักผจญภัยไปด้วยและต้องทำหน้าในฐานะมังกรเพลิงในตำนานไปด้วยควบคู่กัน

    เดลวาลิน: อืมม….นั่นสินะ อย่างน้อยเราก็ต้องมีพื้นที่ส่วนตัวเอาไว้เปิดเผยฐานะตัวตนที่แท้จริงเอาไว้บ้างงั้นสิ

    สเตลร่า: ใช่ แต่จนกว่าวันนั้นจะมาถึง เรารีบออกเดินทางไปยังทิศใต้เพื่อยุติสงครามระหว่างเผ่ามังกรขาวกับเผ่ามังกรดำดีกว่า

    เดลวาลิน: อืม!

    เดลวาลินพยักหน้ารับคำสเตลร่าอย่างมุ่งมั่นก่อนที่ทั้งสองจะตามกลุ่มของเซอร์ริวไปที่จุดวาร์ป เพื่อเดินทางข้ามฟากไปยังเมืองย่อยที่ตั้งอยู่ทางทิศใต้ และจุดหมายของพวกเขาที่จะเดินทางไปยุติสงครามมังกรทั้งสองเผ่านั่นก็คือ ‘แคลิด ดรากูน’ สถานที่อันเป็นบ้านเกิดของเหล่ามังกรที่อาศัยอยู่ที่นั่นมาเป็นเวลานานหลายพันปีแล้วนั่นเอง

    ซึ่งในระหว่างนั้นเองกลุ่มบุคคลปริศนาก็แอบสะกดรอยตามเดลวาลินมาติดๆอย่างใกล้ๆ และตอนนี้พวกมั่นใจแล้วว่า เดลวาลิน กับ สเตลร่านั้น คือมังกรที่กำลังแฝงตัวเข้ามาปะปนในสังคมมนุษย์ ซึ่งหน้าที่ของพวกเขาคือการกำจัดมังกรทุกตนที่อยู่ในอาณาจักรเซซิลล่าร์ให้หมด เพราะพวกเขาก็คือ ‘กลุ่มนักล่ามังกร’ (Dragon Slayer Group) นั่นเอง

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×