ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Sobel The Flame of Dragon: เกิดใหม่เป็นมังกรเพลิงในตำนาน

    ลำดับตอนที่ #11 : ตอนที่ 10: วันว้าวุ่นบ้านเรดควีน

    • อัปเดตล่าสุด 6 ต.ค. 66


    หลังจากที่เดลวาลินและกลุ่มนักผจญภัยเซอร์ริวสามารถเอาชนะมอนเตอร์อีเว้นอย่าง เรกูลอส ที่ใครๆก็เล่าลือว่าแข็งแกร่งมากๆมาได้ ก็เกิดข่าวแพร่สพัดไปทั่วเมืองรวมไปถึงสมาคมกิลด์อื่นๆทั่วอาณาจักร ทำให้ชื่อเสียงของกลุ่มนักผจญภัยหน้าใหม่เป็นที่พูดถึงมากขึ้น โดยเฉพาะนักผจญภัยคลาสพิเศษอย่างเดลวาลินที่มีผู้คนล่ำลือกันว่าเป็นผู้ชนะการประลองชิงเหรียญตรานักผจญภัยของโรงเรียนเตรียมนักผจญภัยที่ใหญ่ที่สุดในอาณาจักร ทำให้ชีวิตของเขาดูเหมือนจะดูวุ่นวายมากขึ้น

    เวลาเช้าตรู่…

    2 วันหลังจากที่ปราบเรกูลอสลงได้

    และวันนี้ก็เหมือนวันที่ผ่านๆมา เดลวาลินยังคงอาศัยอยู่ที่บ้านพักของเรดควีนเหมือนเดิม แต่เพิ่มเติมคือมีเอลเดนกับไอริสคอยอยู่ปรนนิบัติเขาเป็นอย่างดี โดยเฉพาะเอลเดนที่ชอบเข้ามาคลุกคลีกับเขาเป็นพิเศษ ผิดกับไอริสที่ชอบยืนรักษาระยะห่างและให้ความเป็นส่วนตัวของแขก

    เอลเดน: คุณเดลวาลินคะ อาหารเช้าของวันนี้พร้อมแล้วค่ะ ^ ^ 

    เดลวาลินมาที่ห้องรับประทานอาหารก่อนจะต้องตาลุกวาวเมื่อเจอกับเมนูอาหารมากมายวางอยู่บนโต๊ะ ซึ่งอาหารแต่ละอย่างมีแต่เมนูระดับภัตตาคารพรีเมี่ยมทั้งนั้น 

    เดลวาลิน: โอ้โห อาหารพวกนี้มันอะไรกันเนี่ย 0 0 

    เอลเดน: ฉันทำตามสูตรของคุณเรดควีนแบบสุดฝีมือเลยนะคะ ^ ^ 

    เดลวาลิน: จริงหรอ ถ้างั้นสงสัยต้องลองชิมดูแล้วล่ะ

    เดลวาลินได้นั่งลงบนเก้าอี้ที่ไอริสจัดเตรียมเอาไว้ให้ก่อหน้า ก่อนจะเริ่มชิมอาหารที่เอลเดนทำโดยเขาเลือกเมนูไก่ตุ๋นไวน์แดงเป็นอย่างแรก เพราะเขาไม่เคยทานมาก่อนและเห็นว่าเอลเดนตกแต่งหน้าตาเมนูได้น่าทานดี

    อ่ำ… 

    เฮือกกก!!!!

    ทันทีที่อาหารคำแรกตักใส่ปาก เขาก็สัมผัสถึงรสชาติของอาหารที่แทรกซึมเข้ามาผ่านลิ้นของเขา จนภาพในหัวของเขานั้นโล่งไปหมดเนื่องจากมันอร่อยจนเขาไม่คิดมาก่อนเลยว่าจะได้กินอาหารอร่อยๆแบบนี้ในชีวิต และดูเหมือนเอลเดนจะพอใจที่เห็นเดลวาลินทำหน้าตะลึงแบบนี้ เพราะเธอรู้ดีว่าอาหารที่เธอทำมานั้นมันรสชาติเป็นยังไง 

    เอลเดน: เป็นยังไงบ้างคะคุณเดลวาลิน อร่อยรึเปล่าคะ ^ ^ ?

    เดลวาลิน: อือ….ไม่นึกมาก่อนเลยว่าเธอจะทำอาหารอร่อยขนาดนี้ 

    พูดไม่ทันขาดคำเดลวาลินก็ตักอาหารเข้าปากหลายต่อหลายครั้งด้วยความอร่อย จนเอลเดนรุ้สึกพอใจอย่างมากที่เขาชมมาแบบนี้ ส่วนไอริสก็คอยเติมน้ำในแก้วให้เรื่อยๆไม่ขาดเพื่อให้การกินของเขาราบรื่นที่สุด

    ผ่านไปสักพักหลังจากที่เดลวาลินรับประทานอาหารมื้อเช้า เขาก็พบว่าเขากินอาหารแค่บางเมนูเท่านั้นและยังมีอาหารเหลืออีกมาก 

    เดลวาลิน: (อาหารยังมีอีกเยอะที่เรายังไม่ได้กินเลย ปล่อยไว้แบบนี้คงจะเสียของแย่ แต่…จะให้กินอีกก็คงไม่ไหวแล้วเพราะตอนนี้ท้องมันแน่นไปหมด) 

    เอลเดน: คุณเดลวาลินอื่มแล้วหรอคะ ? 

    เดลวาลิน: อืม ฉันอิ่มแล้ว…อาหารที่เหลือพวกนี้ฉันไม่กินต่อแล้วล่ะ

    เอลเดน: ทำไมถึงกินน้อยจังเลยล่ะค่ะ เมื่อก่อนคุณเรดควีนเล่าให้ฟังว่าสมัยก่อนคุณเดลวาลินกินวัวเป็นคอกๆเลยนะคะ

    เดลวาลิน: หาาา 0 0 ?!

    เดลวาลินถึงกับร้องอุทานด้วยความตกใจที่เห็นเอลเดนเล่ามาแบบนั้น และรู้สึกเหมือนกำลังโดนหลอกด่าชอบกล แต่พอเขามาคิดดูแล้วมันคงไม่แปลกที่ตัวเขาในดอีตชาติจะกินเยอะขนาดนั้น เพราะมังกรที่มีร่างกายใหญ่โตเกือบ 40 เมตร จะกินวัวทั้งคอกไม่อื่มก็คงไม่แปลก และบางทีมันอาจจะเป็นแค่ขนมไว้กินยามว่างด้วยซ้ำ 

    เดลวาลิน: อืมม ฟังดูเหมือนโดนหลอกด่ายังไงไม่รู้แหะ = = 

    เอลเดน: อ๊ะ! ขอโทดด้วยค่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะหลอกด่าคุณเดลวาลินเลยแม้แต่น้อยเลยนะคะ แค่เล่าให้ฟังเฉยๆว่าสมัยก่อนคุณเดลวาลินมีนิสัยการกินยังไงก็แค่นั้นเอง >~<" 

    เอลเดนรีบคำนับพร้อมกับกล่าวขอโทษเดลวาลินยกใหญ่ แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้ว่าอะไร 

    เดลวาลิน: ไม่เป็นไร ฉันก็ไม่ได้โกรธอะไรเธอหรอก แค่ตกใจนิดหน่อยที่ตัวฉันในอดีตเป็นแบบนั้นก็แค่นั้นเอง 

    เอลเดน: งั้นหรอคะ ถ้างั้นก็โล่งอกไปที นึกว่าคุณเดลวาลินจะโกรธฉันสะแล้ว 

    เดลวาลิน: อืม แต่ถ้าไม่ว่าอะไรเธอกับไอริสจะมานั่งรับประทานที่เหลือต่อจากฉันก็ได้นะ เหลือเอาไว้แบบนี้มันเสียดายของ

    เอลเดน: อะเอ๋? จะดีหรอคะ 0 0

    เดลวาลิน: อาหารบางอย่างมันก็เยอะเกินไปสำหรับฉันคนเดียวอ่ะนะ และอีกอย่างเธอสองคนก็ยังไม่ได้ทานอะไรเลยนี่นา

    เอลเดน: ปะป่าวนะคะ! ฉันกับไอริสเราสองคนยังไม่หิวหรอกนะคะ! 

    จ๊อกกกก~

    ไม่ทันขาดคำ เสียงท้องร้องของสองสาวก็ดังขึ้นมาบ่งบอกว่าสองสาวเอลฟ์ยังไม่ได้ทานอะไรมาตั้งแต่เช้า เนื่องจากมัวแต่เสียเวลาปรนนิบัติเดลวาลินและจัดแจงอาหารเช้าให้เขาจนลืมเวลาอาหารในส่วนของตัวเอง และเดลวาลินก็ยิ้มพร้อมกับส่ายหน้าเหมือนบอกเป็นนัยว่าเอลเดนปากไม่ตรงกับใจ ทำเอาเดลเดนถึงกับอายพูดอะไรไม่ถูก 

    เดลวาลิน: โกหกไม่เนียนเลยนะ vuv

    เอลเดน: งือออ T//^//T 

    หลังจากนั้นเดลวาลินก็เชิญให้เอลเดนกับไอริสมารับประทานร่วมโต๊บกับเขา จนทั้งสองกินอาหารที่เหลือจนหมดและรู้สึกอิ่มไปหมด ก่อนที่เอลเดนกับไอริสจะนำจานไปล้างที่ครัวเพื่อทำความสะอาดตามปกติ

    เดลวาลิน: ให้ฉันช่วยมั้ย 

    เอลเดน: อะ…เออ…ไม่ต้องก็ได้ค่ะ งานล้างจานพวกนี้ให้ฉันกับไอริสจัดการเถอะค่ะ ^ ^ 

    เดลวาลินที่เห็นเอลเดนตอบปฏิเสธกลับมาอย่างสุภาพอ่อนหวาน มันก็ทำให้เขารู้สึกคันไม้คันมือขึ้นมา เขาจึงถือวิสาสะหยิบจานมาช่วยสองสาวล้างอีกคน 

    เอลเดน: อะ..เอ๋? คุณเดลวาลิน…จะทำอะไรน่ะคะ 0 0 ?! 

    เดลวาลิน: ปล่อยให้ผู้คนทำงานบ้านแต่ตัวเองแบบนี้ แล้วให้ผู้ชายอย่างฉันอยู่เฉยๆ สำหรับฉันแล้วฉันไม่ชินที่ต้องให้ใครมาทำแบบนี้สักเท่าไหร่น่ะ 

    เดลวาลินพูดพร้อมกับยิ้มมุมปากให้เอลเดน ทำเอาเอลเดนกับไอริสหันมามองหน้าด้วยความประหลาดใจ

    เอลเดน: งะ…งั้นหรอคะ แต่ถ้า..คุณเดลวาลินอยากจะช่วยจริงๆฉันสองคนก็จะไม่ห้ามนะคะ ^ ^" 

    หลังจากนั้นทั้งสามคนก็ช่วยกันทำความสะอาดบ้าน ล้างจาน ถูบ้าน เช็ดกระจก และอื่นๆจนไอริสรู้สึกอะไรบางอย่างกับเดลวาลินเป็นครั้งแรก 

    เดลวาลินที่เหนื่อยจากการทำงานบ้าน เขาก็ได้มานอนงีบหลับอยู่ใต้ต้นไม้อยู่หน้าบ้าน พร้อมกับมีลมพัดโชยอ่อนๆทำให้เย็นสบายน่านอนกลางวันอย่างมาก แต่ในขณะเดียวกันนี้เองไอริสสาวเอลฟ์ที่ไม่ค่อยพูดค่อยจาเธอก็ได้เดินเข้ามาหาเขา ทำให้เดลวาลินตื่นจากการนอนกลางวัน 

    เดลวาลิน: มีอะไรงั้นหรอ ไอริส ? 

    ไอริส: ค…คือว่า….

    ไอริสหันหน้าไปทางอื่นพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงอ้อยอิ่งดูขี้อาย แต่มือของเธอยื่นห่ออะไรบางอย่างมาให้เขา ก่อนที่เดลวาลินจะรับถุงห่ออะไรบางอย่าง

    เดลวาลิน: ขอบใจนะ ว่าแต่ในห่อนี้มันคืออะไรงั้นหรอ

    ไอริสไม่พูดพร้อมกับทำหน้าเขินและรอให้เดลวาลินแกะห่อผ้าออกเพื่อดูด้วยตาตัวเอง จนเดลวาลินไม่มีทางเลือกลองแกะห่อผ้าดู แล้วเขาก็ต้องผงะเมื่อสิ่งที่อยู่ในห่อผ้านั้นคือกล่องขนมคุกกี้ ที่ไอริสนั้นชอบกินเวลาว่างๆ

    ไอริส: คุณเดลวาลิน…ชอบกินคุกกี้…รึเปล่าคะ…?

    เดลวาลิน: อือ ฉันน่ะชอบกินคุกกี้เป็นอาหารว่างอยู่แล้ว 

    ไอริส: งั้นหรอคะ…ฉันเอง…เวลาไม่มีอะไรทำ ฉันก็มักจะหยิบคุกกี้ในกล่องมากินเป็นประจำ….เพราะฉันเชื่อว่าความหวานจากคุกกี้จะทำให้หัวสมองของฉันมันแล่น…

    เดลวาลิน: เป็นคนชอบหวานสินะ 

    ไอริสพยักหน้าเบาๆเป็นการบ่งบอกว่าใช่ ก่อนที่เธอจะนั่งพับเพียบข้างๆเดลวาลิน แต่ก็พยายามรักษาระยะห่างจากตัวเธอและเดลวาลินเอาไว้ เพื่อไม่ให้มันใกล้ชิดกันเกินไป เพราะสถานะของทั้งคู่คือเมดรับใช้กับแขกคนสำคัญ

    ไอริส: วันนี้…คุณเดลวาลินไม่ออกไปทำงานรับภารกิจนักผจญภัยหรอคะ…?

    เดลวาลิน: วันนี้ฉันขี้เกียจเลยอยากจะขอหยุดสักวันสองวันหาอะไรทำยามว่างน่ะ 

    เดลวาลินเอนตัวพิงกับต้นไม้ก่อนจะนอนปล่อยตัวตามสบาย 

    ไอริส: ดีจังเลยนะคะ…เป็นทั้งมังกรเพลิงในตำนานที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก…มีทรัพยสมบัติมากมายไว้ในครอบครอง…แถมยังเป็นนักผจญภัยที่ใครๆต่างก็พูดถึง…ชีวิตของคุณเดลวาลินช่างน่าอิจฉาจังเลยนะคะ

    เดลวาลิน: ฉันน่ะ เคยใฝ่ฝันเอาไว้ว่าอยากจะใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยบนกองเงินกองทองสักครั้ง เพราะก่อนหน้าที่ฉันจะกลับชาติมาเกิด ชีวิตในฐานะคนธรรมดามันก็ไม่ได้ราบรื่นสักเท่าไหร่

    ไอริส: ก่อนหน้าที่คุณเดลวาลินจะกลับชาติมาเกิดใหม่…คุณเดลวาลินคนธรรมดามาก่อนหรอคะ…?

    เดลวาลิน: อืม ฉันเข้าใจเลยว่าชีวิตที่ต้องดิ้นรินนั้นมันเหนื่อยและยากลำบากมากขนาดไหน บางวันฉันต้องอดมื้อกินมื้อไปหลายวัน แต่ฉันก็เคยใฝ่ฝันว่าอยากจะใช้ชีวิตบนกองเงินกองทองและใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยเหมือนมังกรที่เล่าในตำนานเทพนิยายสักครั้ง จนกระทั่งฉันได้รู้ชาติกำเนิดปางก่อนของตัวเองว่าเป็นมังกรเพลิงในตำนาน และได้ใช้ชีวิตในชาตินี้อีกครั้ง ฉันกลับรู้สึกว่าฉันชินกับการใช้ชีวิตแบบติดดินไปสะแล้ว แม้จะมีทรัพยสมบัติมากมายที่ฉันในอดีตเคยปล้นมาก็ตาม

    ไอริส: มันคงจะเป็น…ประสงค์ของพระแม่ไมอาร์ละมั้งคะ…ที่พระองค์อยากจะให้คุณเดลวาลินได้เปิดใจและเรียนรู้วิถีชีวิตในฐานะสิ่งอื่นที่ไม่ใช่จุดสูงสุดของห่วงโซ่บนโลกใบนี้…

    เดลวาลินได้ยินไอริสพูดมาแบบนั้นเขาก็รับฟังเงียบๆและคิดตามว่าสิ่งที่ไอริสพูดมาก็อาจจะเป็นจริงตามนั้น 

    เดลวาลิน: ว่าแต่ ตอนนั้นทำไมเธอถึงแอบด้อมๆมองๆฉันที่ร้านล่ะ 

    ไอริส: เพราะฉันรู้สึกอะไรบางอย่างจากตัวคุณ เหมือนที่ฉันเคยรู้สึกจากตัวคุณเรดควีนน่ะค่ะ

    เดลวาลิน: ยังไงหรอ ความรู้สึกที่ว่า ? 

    ไอริส: พลังอันยิ่งใหญ่…และทรงพลังที่แผ่ออกมาจากคลื่นพลังเวทย์กลางของคุณไงคะ…

    เดลวาลินทำหน้าเหมือนจะไม่ค่อยเข้าใจที่ไอริสว่ามาเมื่อกี้สักเท่าไหร่ แต่ก็ฟังๆไปก่อน

    เดลวาลิน: ฉันมีคลื่นพลังเวทย์กลางแผ่ออกมาด้วยงั้นหรอ ? 

    ไอริส: ค่ะ คลื่นพลังเวทย์ที่แข็งแกร่ง เหนือสิ่งใดจะทัดเทียมได้…สัญลักษณ์ของมังกรแห่งธาตุในตำนานของโลก…

    ในระหว่างที่ไอริสกำลังพูดสาธยายอยู่นี้ สายตาของเธอก็จดจ้องไปที่เดลวาลินและเธอก็มองเห็นออร่าเปลวเพลิงที่ลุกโชดช่วงแผ่ออกมารอบตัวเดลวาลิน อีกทั้งยังมีตราสัญลักษณ์มังกรเพลิงปรากฏอยู่ที่ด้านหลังของเขาอย่างเห็นได้ชัด นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ว่าทำไมไอริสถึงดูเกรงๆเวลาอยู่กับเดลวาลิน

    เดลวาลินที่เห็นว่าไอริสดูมีท่าทีเกรงๆไม่เป็นธรรมชาติ เขาจึงลุกขึ้นมานั่งก่อนจะเอื้อมมือไปจับที่มือของไอริสอย่างอ่อนโยน ทำเอาอีกฝ่ายถึงกับสะดุ้งเล็กน้อยด้วยความตกใจ 

    ไอริส: คะ..คุณเดลวาลิน ทะ…ทำไอะไรคะเนี่ย 0 0 ?!!

    เดลวาลิน: อยู๋กับฉันเธอไม่ต้องเกรง ปล่อยตัวตามสบาย อยากจะทำอะไรก็ทำ ให้คิดสะว่าฉันคือเพื่อนคนหนึ่งของเธอก็ได้

    ไอริสสัมผัสถึงไออุ่นผ่านมือของเดลวาลินที่สัมผัสมือของเธอ รวมถึงความอ่อนโยนที่สัมผัสได้ผ่านน้ำเสียงที่ฟังแล้วเป็นมิตรของเดลวาลิน ทำให้เธอผ่อนคลายและลดความตึงเครียดลง 

    ไอริส: ขอบคุณนะคะ…ที่เป็นห่วงฉันขนาดนี้

    เดลวาลิน: ไม่เป็นไร ถึงฉันจะเป็นมังกรเพลิงในตำนาน แต่สำหรับฉันแล้ว ในตอนนี้ฉันอยากจะเป็นผู้ชายธรรมดาๆคนหนึ่งที่มีชีวิตติดดิน ไม่ต้องให้ใครมาปฏิบัติตัวว่าเป็นคนสูงส่งที่ต้องเทิดทูนอะไรหรอก 

    ไอริสยิ้มบ่งบอกว่าในตอนนี้นั้นเธอเริ่มสบายใจขึ้นเยอะ หลังจากได้รู้ว่าเดลวาลินนั้นเป็นคนสบายๆไม่ถือตัวเหมือนอย่างที่คิดก่อนหน้า ก่อนที่เดลวาลินจะกินคุกกี้ที่ไอริสทำจนหมดโดยไม่รู้ตัว 

    เดลวาลิน: ขอบคุณสำหรับคุกกี้นะ

    ไอริส: ไม่เป็นไรค่ะ…ฉันยินดียกให้คุณเดลวาลินทานอยู่แล้ว

    เดลวาลิน: ขอบใจ แต่คุกกี้ที่เธอทำมามันก็อร่อยดีนะ เธอช่วยสอนฉันทำจะได้มั้ย ? 

    ไอริส: เอ๊ะ….ช่วยสอนงั้นหรอคะ 0 0 ? 

    เดลวาลิน: อือ 

    หลังจากที่ไอริสถูกเดลวาลินร้องขอให้เธอช่วยสอนทำขนมคุกกี้ให้ ไอริสก็ตอบรับด้วยความยินดี ก่อนที่เธอจะพาเขาทำโดยเริ่มตั้งแต่ขั้นตอนการเลือกซื้อวัตถุดิบ การเลือกคุณภาพของส่วนผสม การจัดเตรียมเครื่องมือและส่วนผสมที่ถูกต้องอันเป็นพื้นฐานที่ต้องรู้

    ในช่วงเวลาเที่ยงวันของวันนี้ ไอริสได้พาเดลวาลินสอนทำขนมคุกกี้ และคอยให้คำแนะนำรวมถึงการแสดงตัวอย่างการทำให้เดลวาลินดูเป็นอย่างๆ โดยมีเอลเดนเข้ามาร่วมดูการทำขนมคุกกี้ของทั้งสองคนด้วยความสงสัย 

    เอลเดน: ทั้งสองคนทำอะไรงั้นหรอ ? 

    เดลวาลิน: พอดีฉันขอให้ไอริสช่วยสอนทำขนมคุกกี้น่ะ 

    เอลเดน: อ้อ อย่างงี้นี่เอง 

    ไอริส: เธฮสนใจจะมาทำขนมคุกกี้ด้วยกันมั้ย…

    ไอริสชวนเอลเดนมาทำขนมด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ แต่แฝงไปด้วยรอยยิ้มที่ดีก่อนที่เอลเดนจะขอร่วมแจมด้วยคน เพราะเธอมองว่ามันน่าสนุกดี และเป็นการสานสัมพันธ์กับเดลวาลินให้แน่นแฟ้นในฐานะเพื่อนมากขึ้น 

    แล้วทั้งสามคนก็ร่วมด้วยช่วยกันทำขนมคุกกี้ด้วยกันที่บ้านพักของเรดควีน โดยที่เดลวาลินกับเอลเดนนั้นทั้งสองพยายามทำอย่างสุดความสามารถ ส่วนไอริสก็คอยให้คำแนะนำและตรวจหน้างานอย่างสม่ำเสมอ จนสุดท้ายคุกกี้ชุดแรกของทั้งสองก็ออกมาพร้อมชิม

    ไอริสทำหน้าที่เป็นคนชิม เพื่อดูว่าคุกกี้ที่เอลเดนกับไอริสทำอร่อยมากแค่ไหน โดยเธอเลือกชิมคุกกี้ของเอลเดนเป็นคนแรก 

    ง่ำ…

    ไอริสหยิบคุกกี้ของเอลเดนขึ้นมาแล้วกัดไปหนึ่งคำก่อนจะชิมรสชาติ ก่อนจะพบว่าคุกกี้ของเอลเดนนั้นค่อนข้างจืดและแข็งไปหน่อยเนื่องจากใช้เวลาอบนานเกินไป ทำให้แป้งบางส่วนไหม้และมีกินไหม้เล็กน้อย 

    ไอริส: ดูเหมือน…เธอจะต้องพัฒนาไปให้มากกว่านี้นะ ^ ^ 

    เอลเดน: *เฮ้อออ…* กะไว้แล้วเชียวว่าต้องเป็นแบบนี้ vov 

    เอลเดนออกอาการเซ็งเล็กน้อยที่ฝีมือของเธอยังไม่ถึงขั้น แต่ในเวลาต่อมาไอริสก็ลองชิมคุกกี้ของเดลวาลินบ้าง 

    ง่ำ…

    ไอริสหยิบคุกกี้ของเดลวาลินขึ้นมากัดเพื่อชิม ก่อนจะพบว่าคุกกี้ของเดลวาลินนั้นมีรสหวานมากไปหน่อย ส่วนแป้งก็ยังสุกแค่รอบนอก แต่ด้านในยังแหยะๆไม่กรอบดีเท่าไหร่ แต่อย่างน้อยเธอก็ชื่นชมที่เดลวาลินนั้นเกือบจะทำได้สมบูรณ์แบบเมื่อเทียบกับเอลเดน 

    ไอริส: คุณเดลวาลินเกือบทำสำเร็จแล้วนะคะ ขนาดเป็นมือใหม่ยังเกือบทำคุกกี้ให้อร่อยได้แบบนี้ ^ ^ 

    เดลวาลิน: แต่ฉันใส่น้ำตาลเยอะไปหน่อย เธอไม่ว่าอะไรใช่มั้ย ? 

    ไอริส: ไม่หรอกค่ะ เรื่องรสชาติมันเป็นเรื่องความชอบของแต่ละคน ถ้าหากคุณเดลวาลินทำออกมาเพื่อกินเล่นในส่วนของตัวเองก็ไม่ใช่ปัญหาหรอกค่ะ

    เอลเดน: นั่นสินะ ถ้าชอบหวานมากก็ทำให้มันหวานตามแบบที่ต้องการ แต่สำหรับฉันแล้วคุกกี้ที่เธอทำอร่อยที่สุดแล้วล่ะ 

    เอลเดนชมไอริสเพื่อนของเธอ แถมไอริสก็บ้ายอตามคำชมของเอลเดนอีก 

    ไอริส: นั่นสินะ สำหรับคุกกี้แล้วไม่มีใครทำคุกกี้อร่อยได้ดีไปกว่าฉันแล้วล่ะ จริงมั้ย ^ ^ 

    แล้วทั้งสามคนก็หัวเราะขบขันกันอย่างสนุกสนาน ก่อนที่จะมีเสียงคนมาเคาะประตูอยู่ที่หน้าบ้านเสียงดังสนั่น 

    ตุบ!! ตุบ!! ตุบ!!!

    เอลเดน: ใครมาน่ะ ? 

    เดลวาลิน: เดี๋ยวฉันออกไปดูเอง 

    เดลวาลินอาสาเดินไปเปิดประตูหน้าบ้านเพื่อไปดูว่าใครมาเคาะประตูหน้าบ้านเสียงดัง และเมื่อเขาเปิดประตูออกมา เขาก็ต้องพบกลุ่มคนแปลกหน้ากลุ่มหนึ่ง แต่งตัวเหมือนจะเป็นนักผจญภัย ซึ่งมีผู้ชาย 3 คน ผู้หญิงอีก 2 คน 

    นักผจญภัย A: นี่นาย ใช่เดลวาลินคนที่จัดการบอสดันเจี้ยนอีเว้นเรกูลอสรึเปล่า ? 

    เดลวาลิน: อ่าห๊ะ ฉันเองแหละ 

    นักผจญภัย B: แสดงว่านายก็คือคนที่ไปท้าดวลกับโรงเรียนนักผจญภัยแล้วชิงตรานักผจญภัยคลาสพิเศษมาจริงๆด้วยงั้นสินะ 

    นักผจญภัย C: พวกเราเป็นนักผจญภัยระดับซิลเวอร์ และมาที่นี่เพื่อมาขอท้าสู้ด้วย

    เดลวาลิน: เห๋? ท้าสู้กับฉันงั้นหรอ ? 

    นักผจญภัย D: ใช่ เพราะพวกเราไม่เชื่อว่านายจะสามารถเอาชนะเรกูลอสได้จริงๆ ลำพังแค่นักผจญภัยระดับตราเงินอย่างพวกเรายกโขยงไปกันตั้งหลายคนยังโดนซัดจนน่วมกลับมาเลย 

    นักผจญภัยนักเวทย์หญิงกล่าวพร้อมกับยืนกอดอกอย่างมั่นใจ

    นักผจญภัย A: เพราะงั้น พิสูจน์ให้พวกฉันเห็นหน่อยเถอะ ว่านายเก่งจริงๆอย่างที่เขาลือกันหรือมีดีแค่โดนคนอื่นเอาไปโม้กันแน่ 

    ตอนนี้เดลวาลินรู้แล้วว่ากลุ่มนักผจญภัยพวกนี้ มาที่นี่เพื่อมาท้าเขาสู้ด้วยและคนที่น่าจะเอาเรื่องของเขาไปโม้น่าจะเป็นกลุ่มของลอร่า แต่ตอนนี้เขายังทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าการแสดงฝีมือให้พวกนักผจญภัยกลุ่มนี้ได้เห็นเป็นที่ประจักษ์

     

    และแล้วการต่อสู้ของทั้งสองฝ่ายก็เริ่มขึ้นอยู่หน้าบ้านพักเรดควีน โดยกลุ่มนักผจญภัยได้พากันร่ายเวทย์เสกลูกบอลไฟ และเพลิงซัดทลายคลื่นใหญ่ใส่เดลวาลิน ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นเวทย์มนต์ระดับ 3 ซึ่งเป็นระดับที่มีเฉพาะผู้เชี่ยวชาญเท่านั้นที่สามารถใช้ได้ ก่อนที่เดลวาลินจะยกมือขึ้นมายื่นไปด้านหน้า เพื่อร่ายเวทย์ ‘มังกรเพลิงป้องกัน’ รับการโจมตีพลังเวทย์ธาตุไฟจากพวกนักผจญภัยกลุ่มนี้

    ตู้มมมมม

    เวทย์มังกรเพลิงป้องกันของเดลวาลินรับการโจมตีจากพลังเวทย์ของพวกนักผจญภัยเอาไว้ได้อย่างอยู่หมัด อีกทั้งยังดูดพลังเวทย์เหล่านั้นมาเป็นของตัวเอง เนื่องจากเดลวาลินนั้นเป็นมังกรเพลิงในตำนานที่สามารถควบคุมพลังทุกอย่างที่เกี่ยวกับธาตุไฟได้ดั่งใจนึก และเมื่อพวกนักผจญภัยเห็นดังนั้นก็ตกใจมากที่เดลวาลินนั้นสามารถรับการโจมตีของพวกเขาได้ด้วยมือข้างเดียว หรือแม้แต่เอลเดนกับไอริสเองก็ยังตะลึงกับความเก่งกาจของเขา

    เอลเดน: สมแล้วที่เป็นมังกรเพลิงในตำนาน คุณเดลวาลินช่างแข็งแกร่งจริงๆ 

    ไอริสไม่พูดอะไรนอกจากตั้งหน้าตั้งตาดูการต่อสู้ของเดลวาลินอยู่ในบ้านผ่านหน้าต่าง

    นักผจญภัย E: พลังเวทย์ของพวกเราโจมตีเขาไม่ได้ผลเลยงั้นหรอ 0 0 ?! 

    เดลวาลิน: ขอบใจสำหรับพลังเวทย์พวกนี้นะ ว่าแต่ยังมีอย่างอื่นอีกมั้ย?

    เมื่อพวกนักผจญภัยเห็นว่าเดลวาลินยังชิลๆและไม่มีท่าทีสะทกสะท้านใดๆ ก็ยิ่งทำให้พวกนั้นโกรธจึงทำนักผจญภัยสาวทั้งสองทำการร่ายเวทย์ 'คลื่นน้ำซัดทลาย' และ ‘สายฟ้าพิโรธ’ โจมตีใส่เดลวาลิน ซึ่งเวทย์มนต์ประเภทนี้เป็นเวทย์มนต์ที่ชนะทางเดลวาลินที่เป็นมังกรเพลิง แต่เนื่องจากเดลวาลินนั้นประมาทฝีมือของพวกนักผจญภัยมากไปหน่อย เขาเลยตัดสินจะใช้ยืนรับการโจมตีเหล่านั้นด้วยตัวเอง แล้วผลที่ออกมานั่นก็คือ

    ตู้มมมมมซ่าาาาาส์~!!! เปรี้ยงงงงง~!!!!

    คลื่นน้ำซัดเข้าที่ร่างของเดลวาลินเข้าอย่างจัง อีกทั้งยังถูกโจมตีต่อด้วยเวทย์สายฟ้าอีกทำให้เกิดความสามารถปฏิกิริยาธาตุทางเวทย์มนต์ขึ้นอย่างฉับพลัน เดลวาลินสัมผัสได้ถึงความเสียหายที่แผ่เข้ามาในร่างของเขาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทำให้เขาเกิดความเจ็บปวดอย่างรุนแรงไปทั่วร่างกาย ก่อนที่ร่างของเขาจะกระเด็นไปตกใกล้ๆหน้าบ้านทำให้เอลเดนกับไอริสเริ่มเป็นห่วง

    เมื่อพวกนักผจญภัยเห็นว่าการโจมตีเมื่อกี้สามารถสร้างความเสียหายให้กับเดลวาลินได้ เหล่านักผจญภัยที่เหลือที่เป็นชายฉกรรจ์อีก 3 คนก็ไม่รอช้า รีบวิ่งตรงปรี่เข้าไปหาเดลวาลินพร้อมกับอาวุธครบมือบุกเข้ามาโจมตีใส่เขาในขณะที่เดลวาลินกำลังลุกขึ้นเพื่อตั้งหลัก 

    ย๊าาาา~~!!! 

    เดลวาลินที่เห็นพวกนักผจญภัยสามคนวิ่งบุกเข้ามาประชิดตัวพร้อมอาวุธในมือ เขาจึงเรียกดาบมังกรเพลิงออกมาเตรียมตั้งรับ 

    เพล้งง!!!!

    คมดาบและคมขวานของพวกนักผจญภัยสัมผัสกับคมดาบมังกรเพลิงที่ร้อนอย่างยิ่งยวดเข้าอย่างจัง ก่อนที่อาวุธของพวกนั้นจะละลายหลอมเหลวอย่างง่ายดาย ทำเอาเหล่านักผจญภัยชายฉกรรจ์ทั้ง 3 คนตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับอาวุธของพวกเขา 

    นักผจญภัย A: อะไรกัน อาวุธของฉัน 0 0 ?!

    นักผจญภัย B: แค่ปะทะกับอาวุธของหมอนี่ ถึงกับละลายไม่เหลือชิ้นดีเลยงั้นหรอ ?!

    นักผจญภัย C: หมอนี่มีอาวุธสุดแกร่งอย่างที่เขาล่ำลือจริงๆหรอเนี่ย ?! 

    ยังไม่ทันที่พวกนักผจญภัยจะได้ทำอะไรต่อ เดลวาลินก็ร่ายเวทย์ ‘สัญชาตญานมังกรเพลิง’ เร่งความเร็วประสาทสัมผัสให้ทำงานดีกว่ามนุษย์ปกติ 10 เท่า ทำให้ทุกสิ่งทุกที่เดลวาลินเห็นจะช้าลงจนแทบจะเห็นเม็ดฝนหรือแมลงวันกระพือปีกได้เป็นจังหวะ 

    จากนั้นเดลวาลินก็สลับมาใช้มือจับที่ใบมีดของดาบแล้วใช้ปลายตุ้มสันดาบกระแทกไปทีั่หน้าท้องของพวกนักผจญภัย ก่อนที่พวกเขาจะกระเด็นถอยออกไปไกลหลายสิบเมตรจากแรงกระแทกนั้น 

    ตุบ!!! 

    อึกกกกก!!!!

    เหล่านักผจญภัยชายฉกรรจ์ถูกเดลวาลินซัดกลับมาก็รู้สึกจุกในอกจนแทบจะขยับร่างกายต่อไปไม่ไหว แต่พวกเขาก็เห็นพ้องต้องกันว่าเดลวาลินนั้นแข็งแกร่งสมคำล่ำลือ แม้ว่าพวกเขาจะสามารถทำให้เดลวาลินได้รับความเสียหายจนเกือบจะเอาชนะเชาได้แล้วก็ตาม 

    เดลวาลินที่เห็นว่าเขานั้นร่างกายได้รับบาดเจ็บในระดับหนึ่งและไม่อยากให้การต่อสู้มันยืดยื้อไปมากกว่านี้ เขาจึงตัดสินใจใช้ท่าไม้ตายเพื่อปิดเกม โดยการใช้ปักดาบมังกรเพลิงลงพื้นเพื่อซึมซับพลังงานเวทย์กลางที่อยู่ใต้พื้นธรณีจนดาบของเขามีลมกรรโชกพร้อมกับไอความร้อนที่แผ่ออกมาสีแดงฉาน พร้อมกับลมกรรโชกอย่างรุนแรงทำเอาเหล่านักผจญภัยถึงกับผวาและตะลึงกับคลื่นพลังเวทย์ที่แผ่ออกมา

    นักผจญภัย D: คลื่นพลังเวทย์แบบนี้มัน…. 0 0 !!

    เดลวาลิน: เอาล่ะนะ ปิดเกมกันแค่นี้ล่ะ! 

    ฟรู้วววว!!!!

    เดลวาลินกวัดแกว่งดาบมังกรเพลิงที่มีคลื่นพลังเวทย์เพลิงสีแดงซัดใส่กลุ่มนักผจญภัยที่ยืนตะลึงอยู่เบื้องหน้าในทันที ก่อนที่คลื่นพลังเวทย์สีแดงที่มีความร้อนพอประมาณในระดับที่มนุษย์สามารถรับได้จะซัดเข้าใส่กลุ่มนักผจญภัยเข้าอย่างจัง จนต่างคนต่างกระเด็นกระดอนไปคนละทาง ก่อนที่พวกนั้นจะยอมแพ้แล้วรีบหนีไป

    เอลเดน: คุณเดลวาลิน ไม่เป็นอะไรใช่มั้ยคะ ?

    เดลวาลิน: ไม่เป็นไร…

    ไอริส: เหมือนคุณเดลวาลินจะได้รับบาดเจ็บนะคะ แถมตัวก็เปียกหมดเลย

    เอลเดน: ฉันว่าตอนนี้เราพาคุณเดลวาลินเข้าไปด้านในก่อนดีกว่า

    เมื่อสองสาวตกลงกันแล้ว ทั้งคู่จึงพาเดลวาลินเข้าไปในบ้านเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ รวมถึงพาไปอาบน้ำ แต่งตัวและดูแลเป็นอย่างดี 

    .

    .

    .

    .

    .

    หลายชั่วโมงต่อมา ที่บ้านพักเรดควีน

    ลอร่า: ขอโทดด้วยจริงๆค่ะ… > < !!

    เสียงกล่าวคำขอโทษของลอร่าได้ดังขึ้นมาในช่วงหัวค่ำอย่างลุกลี้ลุกลน เพื่อแสดงคำขอโทษเดลวาลินที่จู่ๆกลุ่มของเธอก็หาเรื่องมาให้เขาต้องเจ็บตัวโดยไม่ได้ตั้งใจ

    เดลวาลิน: กลุ่มของเธอสร้างเรื่องให้ฉันจนได้นะรู้มั้ย

    ลอร่า: ฉันต้องขอโทดคุณเดลวาลินด้วยจริงๆนะคะ ที่จริงพวกเราก็ไม่ได้ต้องการจะสร้างปัญหาให้คุณเดลวาลินหรอกค่ะ แต่เพราะเหตุการณ์ในตอนที่คุณเดลวาลินสามารถเอาชนะเรกูลอสได้ บวกกับข่าวลือที่เซอร์ริวไปคุยโม้ในกิลด์ เลยอาจจะทำให้มีกลุ่มตี้บางตี้ไม่ชอบใจเลยบุกมาหาคุณเดลวาลินถึงที่นี่ v v 

    ลอร่านั่งก้มหน้าที่โซฟาอย่างรู้สึกผิดจากใจจริง

    เอลเดน: พวกที่ชอบหาเรื่องคนอื่นที่ทำผลงานข้ามหน้าข้ามตา ในขณะที่ตัวเองก็ทำอะไรไม่ได้เรื่องแล้วไปโทษคนอื่นที่ทำดีกว่าตัวเอง คนพวกนี้น่ารังเกียจจริงๆ 

    ไอริส: เธอกำลังโกรธแทนคุณเดลวาลินอยู่หรอ…? 

    เอลเดน: เปล่าหรอก แค่ไม่ชอบพวกที่ทำตัวเป็นภาระสังคมก็เท่านั้นเอง…จริงๆนะ

    เอลเดนยืนกอดอกแต่ไอริสนั้นรู้ดีว่าเอลเดนนั้นกำลังโกรธแทนเดลวาลินอยู่ แต่ดูๆไปก็น่ารักแม้ว่าจะโกรธก็ตาม

    เดลวาลิน: เอาเถอะ แต่เอาเป็นว่าช่วยฝากตักเตือนคนในกลุ่มของเธอด้วยแล้วกัน โดยเฉพาะเซอร์ริว หมอนั่นฉันดูแล้วน่าจะเป็นคนไม่ทำอะไรไม่ค่อยคิดสักเท่าไหร่ 

    ลอร่า: เข้าใจแล้วค่ะ ฉันจะฝากไปบอกเซอร์ริวให้

    แล้วลอร่าก็ลุกขึ้นก่อนจะขอตัวลากลับไปหากลุ่มของเธอที่กิลด์อีกครั้ง และเธอก็ยังไม่ลืมที่จะนำของฝากเป็นจำพวกขนม นม เนย และเงินปันผลอีกจำนวนหนึ่งจากการที่กลุ่มของเธอไปทำเควสรายวันของวันนี้ทั้งวันเพื่อเป็นการขอโทษ

    ลอร่า: ดูแลตัวเองด้วยนะคะ แล้วเจอกันในวันพรุ่งนี้นะคะ v v 

    ลอร่าคำนับเล็กน้อยก่อนจะที่เอลเดนจะวิ่งไปเปิดประตูให้แล้วลอร่าก็เดินทางกลับ

     

    ช่วงกลางดึกไอริสรู้สึกนอนระส่ำระส่ายไม่เป็นสุข เนื่องจากคืนนี้เป็นคืนที่ค่อนข้างหนาวกว่าปกติ อีกทั้งเธอยังจำความรู้สึกตอนที่เดลวาลินสัมผัสมือของเธอในตอนนั้นได้ไม่มีวันลืม และด้วยความรู้สึกนั้นเองเธอจึงตัดสินใจลุกออกจากเตียงนอนออกไปจากห้อง แล้วเดินไปเคาะประตูหน้าห้องพักของเดลวาลิน โดยพยายามไม่ให้เอลเดนที่นอนอยู่อีกห้องตื่น 

    ก๊อก ก๊อก 

    แอร๊ดดด…

    เดลวาลินเปิดประตูออกมาหลังจากได้ยินเสียงเคาะจากไอริส 

    เดลวาลิน: ไอริส? มาหาฉันมีธุระอะไรงั้นหรอ 0 0 ?

    ไอริส: คือว่า…ฉันนอนไม่ค่อยหลับน่ะค่ะ…ฉันเลยอยากจะมาขอนอนกับคุณเดลวาลินน่ะค่ะ

    เดลวาลิน: ห๊ะ 0 0 ?!

    ไอริสไม่รอคำตอบจากเดลวาลิน เธอเดินดุ่มๆเข้าไปในห้องพักของเดลวาลินก่อนจะทิ้งตัวลงนอนบนเตียงนอนของเขา แล้วเธอก็พบว่าเตียงนอนของเดลวาลินนั้นมันช่างอบอุ่นและช่วยผ่อนคลายอย่างไม่น่าเชื่อ

    เดลวาลินถึงกับตกใจเล็กน้อยที่ จู่ๆ มีผู้หญิงมาขอนอนที่ห้องด้วยเขาก็ถึงกับวางตัวไม่ถูก แต่เมื่อเขาสังเกตุเห็นว่าไอริสนั้นนอนอยู่บนเตียงของตน เขาก็ไม่อยากจะรบกวนเพราะเห็นว่าวันนี้ทั้งวันไอริสทำงานเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว เขาจึงตัดสินใจนอนที่พื้นแทน 

    แต่ดูเหมือนว่าไอริสนั้นจะไม่อยากให้เดลวาลินนอนในสภาพแบบนั้น มันไม่สมกับฐานะของเขาที่เป็นมังกรเพลิงในตำนาน เธอจึงได้ชักชวนให้เขามานอนบนเตียงด้วย

    ไอริส: คุณเดลวาลินไม่ต้องเกรงใจฉันหรอกค่ะ…คุณเดลวาลินจะขึ้นมานอนบนเตียงกับฉันก็ได้นะคะ…

    เดลวาลิน: จะดีหรอ ผู้หญิงกับผู้ชายนอนบนเตียงเดียวกันแบบนี้มันดูจะ-…

    ไอริส: ไม่เป็นไรหรอกค่ะ…ฉันอยากให้คุณเดลวาลินมอบความอบอุ่นให้กับฉันในคืนนี้อีกครั้ง…

    ด้วยคำร้องขออ้อนวอนจากไอริสเอลฟ์สาวผู้อ่อนโยน เดลวาลินจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยอมทำตามคำขอของไอริส 

    เดลวาลินนอนร่วมกับไอริสบนเตียงภายในห้องนอนของเขา แต่เขาก็ได้นำหมอนข้างมาคั่นกลางเอาไว้เพื่อไม่ให้ใกล้ชิดกันมากเกินไป แต่มือของเขาก็สัมผัสมือของไอริสเอาไว้ แต่เพียงเท่านี้มันก็ทำให้ไอริสสัมผัสได้ถึงไออุ่นไปทั่วร่างของเธอแล้ว ส่วนเดลวาลินก็สบายใจที่อย่างน้อยเขาก็ไม่ต้องทำอะไรเกินเลยไปมากกว่านี้ 

    .

    .

    .

    .

    เช้าวันต่อมา 

    ไอริสในตอนนี้ดูมีสีหน้าที่ยิ้มแย้มกว่าวันที่ผ่านๆ วันนี้เธอได้จัดแจงทำความสะอาดและดูแลความเรียบร้อยภายในบ้านและนอกบ้าน ทั้งเก็บกวาดเศษใบไม้ ตัดหญ้า รวมไปถึงทำความสะอาดถ้วยชามของเดลวาลิน จนเอลเดนรู้สึกแปลกใจที่ทำไมวันนี้ไอริสดูร่าเริงกว่าปกติ

    เอลเดน: วันนี้เธอดูยิ้มแย้มจังเลยนะ

    ไอริส: งั้นหรอ ^ ^ 

    เอลเดน: แปลกจังเลยนะ ปกติเธอจะทำหน้าซึมๆ บูดบึ้งตลอด ไหงวันนี้ถึงดูอารมณ์ดีขนาดนี้ล่ะเนี่ย ?

    ไอริส: อยากรู้จริงๆหรอ

    เอลเดนพยักหน้าและตั้งหน้าตั้งตารอฟังคำตอบจากไอริส 

    ไอริส: ก็~ เมื่อคืนฉันได้มานอนกับคุณเดลวาลินที่ห้องของเขามาน่ะสิ 0u<

    เอลเดน: หาาาาาา~~~ 0 0 !!!???

    เอลเดนถึงกับร้องเสียงหลงจนทำอะไรไม่ถูก เมื่อได้รู้ว่าไอริสนั้นเพิ่งได้มานอนกับเดลวาลินมาหมาดๆเมื่อคืน แถมตอนนี้เขาก็ออกไปทำหน้าที่ในฐานะนักผจญภัยแล้ว จึงไม่มีโอกาสได้สอบถามหาความจริงแต่อย่างใด 

    แต่แน่นอนว่าในใจของเอลเดนตอนนี้เธอรู้สึกอิจฉาเพื่อนของเธอมากๆ เพราะเธอเองนั้นก็อยากจะนอนกับเดลวาลินเหมือนกัน แต่เธอไม่กล้าพอที่จะขอเขาตรงๆ จึงได้แต่นอนกอดผ้าห่มในคืนที่หนาวเหน็บเพียงคนเดียว ส่วนไอริสยิ้มมุมปากพร้อมกับมองฝ่ามือของตัวเองที่เคยจับกับมือของเดลวาลินถึงสองครั้งซึ่งความรู้สึกนี้มันช่างมีความหมายสำหรับเธอเหลือเกิน

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×