ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Sobel The Flame of Dragon: เกิดใหม่เป็นมังกรเพลิงในตำนาน

    ลำดับตอนที่ #10 : ตอนที่ 9: ภารกิจล่าเรกูลอส

    • อัปเดตล่าสุด 25 ธ.ค. 66


    เช้าวันต่อมาที่บ้านพักส่วนตัวของเรดควีน ที่ตั้งอยู่นอกเมืองเดนิส

    เดลวาลิน และลอร่า ได้มาพักอยู่ที่บ้านของเรดควีนเป็นกรณีพิเศษ อีกทั้งยังมีพนักงานเอลฟ์สาวสวยน่ารักๆ 2 คนมาอยู่รับใช้เป็นแม่บ้านเฉพาะกิจตามคำไว้วานจากเรดควีนอีกด้วย และในตอนนี้เดลวาลินและลอร่าก็ต้องมารับประทานอาหารมื้อเช้าเพื่อเตรียมตัวกลับไปรวมกลุ่มกับเพื่อนๆของเธอในวันนี้ 

    เอลฟ์สาว: อรุณสวัสดิ์ค่ะ คุณเดลวาลินและก็คุณลอร่าด้วย ^ ^  

    เดลวาลิน: อรุณสวัสดิ์ 

    เดลวาลินกล่าวทักทายเอลฟ์สาวผมเขียวที่มาพร้อมกับกับเอลฟ์สาวผมบลอนที่ยืนรอต้อนรับอยู่ที่ห้องรับแขกชั้นล่างของบ้าน ก่อนที่เดลวาลินจะจำได้ว่าเอลฟ์สาวผมบลอนนั้นคือคนเดียวกันกับที่แอบมองเขาอยู่ที่ร้านเรดควีน

    เดลวาลิน: เอ๊ะ! เธอเมื่อตอนนั้นนี่นา 0 0

     เมื่อเอลฟ์สาวผมบลอนถูกเดลวาลินทักมาแบบนั้นเธอก็เบือนหน้าหลบสายตาของเดลวาลินไปเล็กน้อย ก่อนที่เอลฟ์สาวผมเขียวที่มาได้จะได้แนะนำตัวว่าคนที่เดลวาลินกำลังคุยอยู่ด้วยนั้นมีชื่อว่า 'ไอริส' เป็นเอลฟ์มีผมยาวประผ่าสีบลอน แววตาสีเขียวมรกตประกาย สวมชุดเอลฟ์โทนสีเขียวเหลือง ส่วนเพื่อนเอลฟ์ผมบลอนที่มากับเธออีกคนมีชื่อว่า 'เอลเดน'  เป็นเอลฟ์ผมยาวปลายม้วนสีแดง แววตาสีแดง สวมชุดเอลฟ์กระโปรงยาวโทนสีชมพู  โดยเอลเดนนั้นเป็นเอลฟ์สาวที่ดูขี้อายเวลามีปฏิสัมพันธ์กับคนแปลกหน้า และไม่ค่อยชอบสุงสิงอยู่ในที่ีที่มีคนจำนวนมากอย่างเช่นร้านอาหารเรดควีนเป็นต้น และเธอมีจุดเด่นคือชอบสวมชุดกระโปรงแฟรี่สีเขียว

    ส่วนเอลเดนเป็นเอลฟ์สาวที่ชอบพบปะกับผู้คนและมีมนุษยสัมพันธ์กับคนอื่นได้ดี อีกทั้งยังเป็นเพื่อนกับไอริส เพราะเห็นว่าไอริสนั้นดูเงียบๆไม่ค่อยมีเพื่อน และเธอมีจุดเด่นคือสวมชุดแฟรี่สีเขียวลายใบไม้สีแดง และมีมงกุฏกิ่งไม้แห่งปัญญาสวมอยู่บนศีษระ ซึ่งเอลเดนขออาสาเป็นคนพูดคุยกับเดลวาลินแทนไอริสที่ไม่กล้าคุยด้วย

    เดลวาลิน: แล้วเธอสองคนมาทำอะไรที่นี่งั้นหรอ ?

    เอลเดน: เราสองคนได้รับคำไว้วานจากคุณเรดควีนให้มารับใช้คุณทั้งสองน่ะค่ะ ^ ^ 

    เดลวาลิน: งั้นหรอ 0 0 

    เดลวาลินรู้สึกอึ้งไปบ้างที่วันนี้จะมีเอลฟ์สาวมาคอยรับใช้เขา เหมือนในหนังสือการ์ตูนที่เขาเคยเห็นหรือเคยอ่านมาก่อน นั่นจึงทำให้เขารู้สึกว่าเขานั่นโชคดีอะไรอย่างงี้ 

    เดลวาลิน: แล้วเรดควีนหายไปไหนงั้นหรอ 

    เอลเดน: หืมมม คุณเดลวาลินเรียกคุณเรดควีนแบบนั้นมันดูห่างเหินยังไงอยู่นะคะ 

    เดลวาลิน: เอ๋? 

    เอลเดน: ก็…คุณเรดควีนเคยเล่าให้พวกเราฟังว่า เมื่อก่อนคุณทั้งสองเป็นมังกรคู่รักกันและคุณเดลวาลินก็มักจะเรียกคุณเรดควีนด้วยชื่อจริงน่ะค่ะ

    ลอร่า: อ้าว เรดควีนไม่ใช่ชื่อจริงๆของเขาหรอกหรอคะ ? 

    เอลเดน: เปล่าค่ะ เรดควีนเป็นแค่ฉายาราชินีสีแดงที่ชาวเมืองเดนิสตั้งสมยานามให้เฉยๆตอนที่เขาช่วยปกป้องเมืองเดนิสถูกกองทัพปีศาจบุกโจมตีเมื่อสิบปีก่อนน่ะค่ะ

    ลอร่าได้ยินดังนั้นเธอจึงพยักหน้าเข้าใจ 

    เดลวาลิน: แล้วชื่อจริงๆของเขามีชื่อว่าอะไรงั้นหรอ 

    เอลเดน: ก็…-

    ยังไม่ทันที่เอลเดนจะได้บอกชื่อให้เดลวาลินกับลอร่ารู้ จู่ๆ ก็เรดควีนก็เปิดประตูเข้ามาพร้อมกับหอบถุงสัมภาระอะไรบางอย่างเดินเข้ามาในบ้าน ทำให้ถูกขัดจังหวะแต่ดูเหมือนว่าเรดควีนจะสามารถหยั่งรู้ได้จาก ‘ญานทิพย์มังกร’ พลังความสามารถพิเศษของมังกรระดับสูงที่สามารถรับรู้คลื่นพลังจิตของสิ่งรอบข้างได้ว่าสิ่งๆนั้นกำลังคิดอะไรอยู่ และดูเหมือนว่าเธอจะรับรู้ได้ว่าเอลเดนนั้นกำลังจะบอกอะไรบางอย่างกับเดลวาลิน

    เอลเดน: คุณเรดควีน มาได้ยังไงคะเนี่ย 0 0 ?!

    เอลเดนมีอาการตกใจอย่างเห็นได้ชัดที่เห็นเรดควีนมาปรากฏตัวที่นี่อย่างกระทันหัน 

    เรดควีน: *จุ๊ๆๆ* ไม่ได้นะเอลเดน บอกความลับของนายจ้างให้คนอื่นรู้แบบนี้มันไม่ดีนะรู้มั้ย

    เอลเดน: ขะ..ขอโทดด้วยค่ะ v v" 

    เอลเดนรีบคำนับพร้อมกับขอโทษเรดควีนยกใหญ่ แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้ว่าอะไรมากเพราะคนที่เอลเดนจะบอกความลับนั้นคือเดลวาลินหรือมังกรเพลิงโซเบลอดีตคนรักของเธอ ซึ่งสำหรับเธอแล้วเขาไม่ใช่คนอื่นคนไกลอะไร

    เรดควีน: เอาเถอะ เรื่องนี้ฉันจะอนุโลมให้ทุกเรื่องแล้วกันสำหรับผู้ชายคนนี้ ถ้าเขาอยากรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับตัวฉัน หรืออยากได้อะไรก็จัดการตามที่เขาต้องการด้วยนะ

    เอลเดน: ค่ะ…ค่ะ…ฉันทราบแล้วค่ะ v v 

    หลังจากที่เรดควีนสั่งกำชับเอลเดนลูกจ้างของเธอแล้ว ลอร่าก็ถามว่าเธอนั้นหอบถุงอะไรมา

    ลอร่า: คุณเรดควีนคะ อะไรอยู่ในถึงหรอคะ?

    เรดควีน: อ้อ ของใช้ที่จำเป็นสำหรับท่านเดลวาลินน่ะ 

    ลอร่าได้ขอถุงของเรดควีนมาค้นดู ก่อนจะพบว่ามีทั้งถุงเงิน 10,000 เอเซอร์คอยน์จำนวน 10 ถุง และพายมังกรเพลิงอีกจำนวนหนึ่งไว้เป็นเสบียงอาหารในการเดินทางไปทำภารกิจนักผจยภัย

    ลอร่า: นี่มัน 0 0 ?

    เรดควีน: พอดีท่านโซเบลบอกกับฉันเมื่อคืน ว่าวันนี้เขาจะออกไปเดินทางไปทำเควสที่กิลด์นักผจญภัยวันแรกน่ะ

    ลอร่า: งั้นหรอคะ…แต่….ให้เงินเยอะแบบนี้มันจะไม่เยอะไปหน่อยหรอคะ ขืนหิ้วถุงเงินเยอะขนาดนี้ไปไหนมาไหนเดี๋ยวมันจะเป็นสิ่งล่อตาล่อใจพวกโจรเอาได้นะคะ ^ ^" ?

    เรดควีน: แล้วเธอจะกลัวไปทำไมล่ะ ในเมื่อเธอมีท่านโซเบลอยู่ข้างกายเธอทั้งคน 

    เรดควีนขยิบตาข้างนึงให้ลอร่า ก่อนที่เธอจะนึกขึ้นได้ว่าเธอนั้นยังมีเดลวาลินคอยปกป้องตัวเธออยู่ ทำให้ลอร่ารู้สึกหายห่วง

    ลอร่า: นั่นสินะคะ ^ ^ 

    หลังจากนั้นเดลวาลินกับลอร่าก็เดินทางไปยังตึกกิลด์นักผจญภัย สถานที่แรกที่นักผจญภัยทุกคนจะไปรวมตัวกันเพื่อทำกิจกรรมต่างๆของกลุ่ม และในวันนี้ลอร่าจะได้กลับไปหากลุ่มของเธออีกครั้งพร้อมกับตั้งใจเอาไว้ว่าจะแนะนำเดลวาลินให้ทุกคนรู้จักในฐานะสมาชิกใหม่ของกลุุ่ม แต่ก่อนที่ทั้งสองจะเดินทาง เรดควีนก็ได้ขอเรียกตัวเดลวาลินไปพูดคุยเป็นการส่วนตัว 

    เดลวาลิน: มีอะไรงั้นหรอ 

    เรดควีน: ท่านโซเบลอยากจะรู้ชื่อที่แท้จริงของฉันใช่มั้ยเจ้าคะ 

    เดลวาลิน: อืม

    แล้วเรดควีนก็ยื่นหน้าไปกระซิบข้างหูของเดลวาลินเพื่อบอกชื่อที่แท้จริงให้เขารู้

    เดลวาลิน: เมอร์เซร่า…นั่นคือชื่อของเธองั้นหรอ ?

    เรดควีนพยักหน้าเบาๆพร้อมกับยิ้มมุมปาก

    เรดควีน: เดินทางปลอดภัยนะเจ้าคะ ถ้ามีปัญหาอะไรท่านโวเบลสามารถเรียกฉันได้ทุกเมื่อเลยนะเจ้าคะ 

    แล้วเรดควีนก็มอบ ‘เครื่องรางมังกรไฟราชินีแดง’ ให้กับเดลวาลินเพื่อใช้เป็นตัวส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือให้เขาพกติดตัวไปด้วย พร้อมกับจุ๊บหน้าผากเขาไปหนึ่งทีทำเอาเดลวาลินถึงกับหน้าเหว๋อไปชั่วขณะ แต่ในใจเขาก็แอบรู้สึกเขินหน่อยๆเพราะในชีวิตไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนทำแบบนี้กับเขามาก่อน 

    .

    .

    .

    .

    ตัดภาพมายังเขตชานเมืองเดนิส 

    ลอร่าและเดลวาลินเดินทางเข้าเมืองเดนิสตามปกติเพื่อมุ่งหน้าไปยังกิลด์นักผจญภัย แต่เมื่อทั้งสองมาถึงก็ต้องตกใจเมื่อพบเข้ากับด่านตรวจของทหารที่ตั้งอยู่ทางเข้าเมือง และมีการตรวจค้าผู้คนที่จะเดินทางเข้าเมืองอย่างเข้มงวด ซึ่งตามปกติแล้วในความคิดของลอร่า ทหารพวกนี้ส่วนใหญ่จะไม่ตรวจตราเข้มงวดขนาดนี้ 

    ลอร่า: เกิดอะไรขึ้นน่ะ ทำไมถึงมีด่านตรวจคนเข้าเมืองแบบนี้กันนะ 

    เดลวาลิน: ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่มันทำไมงั้นหรอ

    ลอร่า: ตามปกติแล้วพวกทหารเฝ้ายามหน้าประตูเมือง พวกเขาจะทำหน้าที่แค่ตรวจตราคนต้องสงสัยที่จะเข้าเมืองนิดๆหน่อยๆ นานๆทีถึงจะมีการตั้งด่านตรวจแบบเข้มงวดแบบนี้ 

    เดลวาลิน: ไม่ใช่เพราะเป็นช่วงที่เขาต้องตรวจตราอย่างเข้มงวดพอดีวันนี้รึเปล่า

    ลอร่า: ไม่น่าจะใช่นะคะ 

    ด้วยความสงสัยลอร่าจึงลองเดินเข้าไปถามทหารยามที่ยืนเข้ากะอยู่ 

    ลอร่า: ขอโทดนะคะ ไม่ทราบว่าทำไมถึงมีการตั้งด่านหน้าทางเข้าเมืองคะ ? 

    ทหารเฝ้ายามชำเลืองมองสำรวจลอร่ากับเดลวาลินอยู่ครู่หนึ่งเพื่อวิเคราะห์สถานะก่อนจะตอบเธอกลับมาว่า

    ทหาร: คุณสองคนเป็นนักผจญภัยงั้นสินะ ต้องขอโทดด้วยจริงๆที่ตอนนี้สถานการณ์ช่วงนี้ไม่ค่อยสู้ดีสักเท่าไหร่

    ลอร่า: มันเกิดอะไรขึ้นหรอคะ ? 

    ทหาร: พอดีเมื่อคืนทางเราได้รับรายงานมาว่ามีพวกปีศาจแอบลักลอบเข้ามาแฝงตัวปะปนอาศัยอยู่ในเมืองเพื่อสืบความลับของฝ่ายเรา อีกทั้งทางราชสำนักยังได้ทราบข่าวเรื่องที่โรงเรียนฝึกสอนนักผจญภัยมีปีศาจแฝงตัวเข้าไปปะปนกับนักเรียนจนได้รับอาวุธพระราชทาน ทำให้ทางเมืองหลวงเริ่มมีการวางมาตรการในการเฝ้าระวังพวกปีศาจเพิ่มขึ้น 

    เมื่อทั้งสองได้ทราบความดังนั้นจากปากทหารเฝ้ายาม ทั้งคู่ก็พอจะเข้าใจสถานการณ์ในตอนนี้แล้วว่า ขณะนี้ทางอาณาจักรน่าจะกำลังจับตาดูและคอยสอดส่องระแวดระวังภัยจากพวกปีศาจมากขึ้น ทำให้ทั้งสองไม่มีข้อสงสัยอะไรอีก 

     

    ทั้งคู่เดินผ่านประตูทางเข้าเมืองมาได้อย่างราบรื่นโดยไม่มีปัญหาอะไร ผู้คนในเมืองออกมาเดินกันอย่างคับคั่งเหมือนทุกวันตามแบบวิถีชีวิตเมืองหลวงของอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ และในวันนี้เองดูเหมือนว่าจะเป็นวันสำคัญทางประวัติศาสตร์บางอย่าง เนื่องจากช่วงนี้ชาวเมืองกำลังนำผ้าผืนใหญ่สีแดงมาปูตามจุดต่างๆของตึก มีการนำของตกแต่งเกี่ยวกับอัศวินและมังกรมาประดับตามท้องถนน และมีเด็กๆแต่งตัวเป็นนักรบ และมอนเตอร์ต่างๆออกมาวิ่งเล่นไปทั่ว

    เดลวาลิน: วันนี้ชาวเมืองเขาทำอะไรกันน่ะ?

    ลอร่า: จริงสิ! วันนี้มันเป็นวันครบรอบหนึ่งพันปี 'ดราก้อน ฮอลิเดย์' นี่นา

    เดลวาลิน: ดราก้อน ฮอลิเดย์ งั้นหรอ 0 0 ?

    ลอร่า: ค่ะ มันเป็นวันที่ชาวเซซิลล่าร์จะตกแต่งบ้านเรือน และแต่งตัวเป็นอัศวินผู้กล้า กับมังกรหรือมอนเตอร์ ออกมาเล่นสนุกกันภายในงานที่ผู้ใหญ่ในแต่ละพื้นที่จัดขึ้น และมีการแสดงละครประวัติศาสตร์ของอาณาจักรให้ดูเพื่อปลุกฝังความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ซึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดวันดราก้อน ฮอลิเดย์ นี้ขึ้นมาก็เกิดจากหลังจากที่ ผู้กล้าลูซิสสังหารมังกรเพลิงโซเบลได้

    เดลวาลินพยักหน้าเบาๆและรับฟังที่มาของวัน ดราก้อน ฮอลิเดย์ จากลอร่าอย่างตั้งใจ 

    และแล้วทั้งสองก็เดินทางมาถึงตึกกิลด์นักผจยภัยตามที่ตั้งใจไว้ได้สำเร็จ ลอร่าเดินเข้าไปในตึกเพื่อไปหากลุ่มของเธอและหวังว่าพวกเขาจะอยู่ที่นี่ในตอนนี้ แต่เมื่อเธอเข้ามาในล็อบบี้กลับพบกับพนักงานเคาเตอร์ที่กำลังทำงานเอกสารอยู่ที่เคาเตอร์ 

    ทันทีที่พนักงานเคาเตอร์สาวเห็นลอร่าปรากฏตัวที่นี่ เธอก็แสดงอาการตกใจเล็กน้อยแต่ก็ดีใจที่เห็นลอร่ากลับมาอย่างปลอดภัย 

    พนักงาน: อ่า! คุณลอร่าปลอดภัยดีใช่มั้ยคะ ? 

    ลอร่า: ค่ะ ฉันปลอดภัยดี ขอบคุณที่เป็นห่วงนะคะ

    พนักงาน: เฮ้อออ โล่งอกไปที ฉันดีใจนะที่คุณลอร่าไม่เป็นอะไร ลำพังนักผจยภัยสายนักบุญส่วนใหญ่จะเอาชีวิตไม่รอดที่โลกด้านนอกนั่งหากไม่มีคนในกลุ่มคอยช่วยเหลือ v v 

    พนักงานเคาเตอร์ถอนหายใจ แต่ลอร่าก็เข้าใจดีว่าอีกฝ่ายต้องการจะสื่ออะไรและรู้ถึงเรื่องนั้นดีแค่ไหน 

    พนักงาน: ว่าแต่คนที่มากับคุณลอร่าคือ…?

    ลอร่าหันไปมองเดลวาลินก่อนจะตอบพนักงานเคาเตอร์ทั้งรอยยิ้มว่า

    ลอร่า: อ้อ ผู้ชายคนนี้เป็นคนที่ช่วยชีวิตฉันเอาไว้น่ะ 

    พนักงานเคาเตอร์สาวมองสำรวจเดลวาลินอยู่สักพักหนึ่งก่อนที่เธอจะรู้สึกอะไรบางอย่างขึ้นมาในใจของเธอ โดยเฉพาะเวลาที่เธอเห็นใบหน้าอันหล่อเหลาของเขา แต่ดูเหมือนเดลวาลินจะจับสังเกตุได้ว่าเธอกำลังมองเขาด้วยสายตาแปลกๆ

    เดลวาลิน: เอิ่ม มีอะไรรึเปล่า?

    พนักงาน: ปะ…เปล่าค่ะๆ! ไม่มีอะไรค่ะ ^ ^" !!

    พนักงานเคาเตอร์สังเกตุเห็นตรานักผจญภัยระดับพิเศษที่เดลวาลินเหน็บอยู่ที่เอว ก็ทำให้เธอตกใจขึ้นมา

    พนักงาน: นั่นมัน ตรานักผจญภัยระดับพิเศษงั้นหรอคะ 0 0 ?!

    ทุกคนที่อยู่ในกิลด์รีบหันมามองลอร่ากับเดลวาลินเป็นสายตาเดียวกัน เพราะเนื่องจากนานๆทีจะได้เห็นนักผจญภัยที่มีตราระดับพิเศษ

    ลอร่าที่ไม่อยากตกเป็นเป้าสายตาคนหมู่มากนาน เธอจึงได้ถามหากลุ่มของเธอจากพนักงานเคาเตอร์ว่าตอนนี้กลุ่มเพื่อนๆของเธอตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ไหน ก่อนที่พนักงานเคาเตอร์จะบอกกับลอร่าไปว่า วันนี้กลุ่มของเธอที่เหลือเดินทางไปยัง หอคอยราชสีคลั่ง เพื่อทำเควสอีเว้นที่ตอนนี้ยังไม่มีปาร์ตี้นักผจญภัยกลุ่มไหนทำได้สำเร็จ

    ลอร่า: แบบนี้ไม่ดีแน่ๆ ถ้าหากนักผจญภัยระดับซิลเวอร์ยกโขยงไปถึงหลายตี้ยังเอาชนะเรกูลอสไม่ได้แบบนี้ พวกเราต้องรีบไปช่วยพวกเขานะคะ!

    พูดจบลอร่าก็ทำท่าเหมือนจะรีบวิ่งออกไปแต่ก็ถูกพนักงานท้วงเอาไว้ก่อน 

    พนักงาน: เดี๋ยวก่อนค่ะ คุณลอร่าจะไปช่วยพวกเขาจริงๆหรอคะ 0 0 ?

    ลอร่า: ค่ะ พวกเขาเป็นเพื่อนๆของฉัน ลำพังฝีมือของพวกเรายังไม่อาจทัดเทียมกับระดับซิลเวอร์เลยด้วยซ้ำ ให้ไปสู้กับมอนเตอร์อีเว้นที่แข็งแกร่งระดับนั้นเพียงลำพังฉันอยู่เฉยไม่ได้หรอกค่ะ 

    แล้วลอร่าก็รีบจูงมือลากเดลวาลินวิ่งออกไปจากกิลด์ในทันทีอย่างร้อนรน

    เดลวาลิน: ดะ…เดี๋ยวก่อนสิลอร่า ใจเย็นๆก่อนไม่เห็นต้องรีบร้อนขนาดนี้เลยนี่ 0 0 ?!

    ลอร่า: ต้องรีบไปแล้วค่ะคุณเดลวาลิน เพื่อนๆของฉันกำลังตกอยู่ในอันตราย! 

    ลอร่าวิ่งจูงมือพาเดลวาลินมายังด่านประตูทางออกของเมืองซึ่งบริเวณดังกล่าวมีจุดวาร์ปไปยังหอคอยราชสีห์คลั่ง และยังมีจุดวาร์ปอื่นๆสำหรับมอนเตอร์อีเว้นซึ่งในขณะนี้ยังปิดทำการอยู่ 

    ทั้งสองวิ่งมายังจุดวาร์ปก่อนที่ลอร่าจะทำการเอื้อมมือไปแตะที่คริสตัลแกนพลังเวทย์สีฟ้า เพื่อทำการเปิดใช้งานจุดวาร์ป แต่ในขณะเดียวกันที่ทั้งสองกำลังจะทำการเคลื่อนย้ายไปยังจุดหมายปลายทางอยู่นั้น ก็มีกลุ่มคนปริศนากลุ่มหนึ่งกำลังแอบจับตามองเขาจากไกลๆ และที่ด้านหลังก็สะพายอาวุธหนักต่างๆหลายชนิดไม่ว่าจะเป็น ธนู ปืนใหญ่ และระเบิดพวงคาดเอวใต้เสื้อคลุม ซึ่งกลุ่มคนปริศนานี้ประกอบไปด้วยสมาชิกทั้งหมด 4 คน โดยมีผู้ชาย 3 คน และผู้หญิงอีก 1 คน แต่พวกเขายังตัดสินใจที่จะแอบเฝ้ามองอยู่ห่างๆและยังไม่ได้ทำอะไร

    .

    .

    .

    .

    ณ ใต้ส่วนลึกของหอคอยราชสีห์คลั่ง 

    ในตอนนี้กลุ่มนักผจญภัยของลอร่าที่เหลือได้เดินทางฝ่าทะลุชั้นหอคอยใต้ดินลงมาจนถึงชั้นที่ 99 ซึ่งเป็นชั้นรองสุดท้ายก่อนจะเข้าถึงห้องมอนเตอร์ระดับบอสอย่าง เรกูลอส ส่วนสาเหตุที่ทำให้กลุ่มนักผจญภัยของลอร่ามาตะลุยมาถึงจุดนี้ได้เกิดจากความสามารถในการอัญเชิญซัมม่อนสัตว์อสูรและพลังเวทย์ระดับสูงของโมนา ที่แทบจะเป็นคนแบกทั้งทีม มีเพียงอลันบีที่พอจะทำประโยชน์ในการลงเดี้ยนเจี้ยนนี้อยู่บ้าง แต่คนที่เป็นภาระหนักที่สุดก็คือเซอร์ริว ที่บุกตะลุยไปข้างหน้าอย่างเดียว

    อลันบี: เซอร์ริว! อย่าบุกไปข้างหน้าเพียงลำพังเซ่!!!

    อลันบีพูดไปพร้อมกับกระโดดเตะปลายคางพวกมอนเตอร์ขนาดใหญ่จำพวกสิงโตไฟที่ดาหน้ากันเข้ามาไม่หยุด

    เซอร์ริว: นี่เหลือแค่ชั้นสุดท้ายแล้ว ถ้าไปถึงประตูนั่นได้พวกเราก็จะไปถึงจุดที่เรกูลอสอยู่ได้

    แล้วเซอร์ริวก็วิ่งไปข้างหน้าพร้อมกับร่ายเวทย์เสกดาบให้สามารถฟาดฟันออกไปเป็นใบมีดขนาดใหญ่โจมตีใส่พวกมอนเตอร์ที่อยู่ด้านหน้าไปเรื่อยๆจนเริ่มทิ้งห่างจากอลันบีและโมนาไปทุกที  

    เขาตะลุยฝ่าฝูงมอนเตอร์ไปเรื่อยๆจนวิ่งมาถึงประตูหินขนาดใหญ่อันเป็นประตูหน้าด่านจุดหมายปลายทางของเขา เซอร์ริวไม่รอช้ารีบเปิดประตูเข้าไปในทันที ก่อนจะพบกับคลื่นไอความร้อนที่พวยพุ่งออกมาจากช่องว่างบานประตูที่ค่อยๆแง้มออกมา เซอร์ริวที่ไม่ทันระวังตัวทำให้โมนาต้องรีบร่ายเวทย์สร้างกำแพงน้ำขึ้นมาปกป้องเซอร์ริวเอาไว้

    ภูติแห่งน้ำเอ๋ย จงเชื่อฟังคำเรียกขานข้า สำแดงพลังของเจ้าเป็นกำแพงน้ำ ณ บัดนี้!!

    หลังจากสิ้นเสียงคำร่ายจบก็บังเกิดคลื่นกำแพงน้ำปรากฏขึ้นตรงหน้าเซอร์ริว พร้อมกับมีฮิปโปแคมปัสว่ายวนเวียนอยู่รอบตัวเซอร์ริวเป็นการให้พรแห่งสายน้ำปกป้องร่างกายของเขาจากไอความร้อน ก่อนที่มันจะสลายหายไป ต่อมาโมนาก็ร่ายเวทย์อัญเชิญสัตว์อสูร 'เลเวี่ยน ซี ดราก้อน' มังกรทะเลตัวแทนจิตวิญญาณภูติสมุทร ออกมาเพื่อทำการปล่อยคลื่นน้ำคลั่งพัดพาเหล่ามอนเตอร์ไฟทั้งหมดที่อยู่ในห้องโถงในหอคอยชั้นที่ 99 จนไม่เหลือ

    อลันบี: บาดเจ็บตรงไหนรึเปล่า 

    อลันบีเดินเข้ามาถามไถ่อาการของเซอร์ริวหลังจากที่เขานั้นเกือบถูกเผาตอนเปิดประตูหน้าห้องบอส

    เซอร์ริว: ไม่เป็นไร ฉันยังสบายดี 

    เซอร์ริวลุกขึ้นพร้อมกับปัดฝุ่นที่เปรอะตามตัวออก

    โมนา: ดูเหมือนหลังประตูนี้จะเป็นที่อยู่ของมอนเตอร์อีเว้นที่พวกเราตามหานะ

    อลันบี: ก็คงจะเป็นอย่างนั้น พวกเราถ่อมาไกลขนาดนี้แล้ว คงหันหลังกลับไปมือเปล่าไม่ได้แล้วล่ะ

    เซอร์ริว: งั้นจะมัวรออะไรอยู่ล่ะ พวกเราไปลุยกันเถอะ! 

    และแล้วทั้งสามคนก็บุกเข้าไปในห้องบอสเรกูลอส ก่อนจะพบว่าภาพที่ปรากฏอยู่ต่อหน้าทั้งสามคนนี้นั่นก็คือ ราชสีที่มีความสูง 5 เมตร มีกายแดงฉานดุจเปลวเพลิง ขนแผงคอที่แผ่ความร้อนออกมาดุจเหล็กกล้าติดไฟ แววตาร้อนแรงดุจดวงอาทิตย์ อุ้งเท้ามีเปลวเพลิงลุกโชดช่วงตลอดเวลา สวมเกราะสีเหลืองรอบตัว มีปีกหินลาวาขนาดใหญ่อยู่ด้านหลัง และมีลวดลายเปลวเพลิงสีเหลืองที่ดุดันรอบตัว ซึ่งมันก็คือ เรกูลอส ราชสีห์เพลิงทองคำ

    โฮร่กกก!!!!

    เรกูลอสที่สัมผัสได้ถึงผู้บุกรุกมันจึงแผดเสียงคำรามของสิงโตออกมาอย่างเกรี้ยวกราด พร้อมกับทำให้ปล่องลาวาที่อยู่บริเวณรอบๆห้องปะทุขึ้นอย่างบ้าคลั่ง ทำให้นักผจญภัยทั้งสามเกิดอาการขวัญผวาเล็กน้อย

    อลันบี: นี่น่ะหรอ เรกูลอสที่แม้แต่พวกระดับซิลเวอร์คลาสยังเอาชนะไม่ได้ >~0 !!

    เซอร์ริว: น่าขนลุกชะมัดเลย 0 0 

    โมนา: ระวังตัวด้วยล่ะ…ค่าพลังเวทย์ของเจ้านี่ มันสูงมากกว่าปกติ

    หลังจากที่เรกูลอสคำรามข่มขวัญฝ่ายตรงข้ามเสร็จแล้ว มันก็ไม่รอช้ารีบเปิดฉากโจมตีใส่กลุ่มเซอร์ริวในทันทีด้วยการกระทืบอุ้งเท้าลงพื้นสร้างคลื่นกระแทกหินลาวาพุ่งเข้าใส่เป้าหมายอย่างรุนแรงและรวดเร็ว 

    ตุ้มมมมม!!!

     

    หลายนาทีต่อมา

    ลอร่าและเดลวาลินเดินทางมาถึงหอคอยราชสีห์คลั่ง ทั้งสองรีบเดินลงลึกลงมาที่ชั้นล่างสุดเพื่อมาตามหากลุ่มของเธอ และปรากฏว่าลอร่าเห็นประตูหน้าห้องเปิดทิ้งเอาไว้ทำให้ลอร่ารู้ได้ในทันทีว่ากลุ่มของเธอเดินทางเข้าไปในห้องเพื่อเผชิญหน้ากับเรกูลอสแล้ว และเธอรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีชอบกล

    ลอร่า: พวกเขาต้องเข้าไปสู้กับเรกูลอสแล้วแน่ๆเลยค่ะ 0 0 !

    เดลวาลิน: งั้นเรารีบไปดูกันเถอะ! 

    ทั้งสองรีบวิ่งเข้าไปภายในห้องของเรกูลอส ก่อนที่ภาพอันแสนหดหู่จะปรากฏขึ้นต่อหน้าลอร่าและเดลวาลิน 

    ทั้งสองเห็นสภาพสมาชิกกลุ่มนักผจญภัยเซอร์ริวนอนหมดสภาพกองอยู่กับพื้นพร้อมกับบาดแผลฟกช้ำ รอยไหม้ทั่วร่างกาย จะมีก็เพียงแต่โมนาเท่านั้นที่ยังยืนหยัดต่อสู้เพียงลำพังแม้คนที่เหลือจะไม่สามารถต่อสู้ต่อไปได้แล้ว

    ลอร่า: นั่นคุณโมนา นี่นา 0 0 !

    โมนากำลังตั้งใจโฟกัสกับการต่อสู้กับเรกูลอส จึงไม่ทันสังเกตุว่าลอร่ากับเดลวาลินอยู่ที่นี่ด้วย เธอพยายามบินถอยออกมารักษาระยะห่างให้มากที่สุด เพื่อที่จะร่ายเวทย์โจมตีใส่เรกูลอสแต่ทว่ามันก็สามารถกระโดดไล่กวดเธอทันทุกครั้งจนกระทั่งเธอพลาดท่าถูกมันใช้หางฟาดจนกระเด็นหมดสติไปอยู่อีกฟาดของห้อง

    ลอร่าที่เห็นเพื่อนๆของเธอได้รับบาดเจ็บและไม่มีใครสามารถสู้เรกูลอสได้เลย เธอจึงรีบวิ่งเข้าไปดูอาการของทุกคน และเมื่อทุกคนเห็นลอร่ามาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ พวกเขาก็ดีใจที่เธอนั้นรอดกลับมาได้อย่างปลอดภัยโดยเฉพาะอลันบีที่แถบจะเข้าไปสวมกอดเธอ

    ลอร่า: อลันบี 0 0 

    ลอร่าตกใจที่อลันบีเข้าสวมกอดเธอโดยไม่ให้ตั้งตัว และเธอสัมผัสได้ถึงแรงกอดที่แน่บแน่นที่แฝงไปด้วยความห่วงใยจากอลันบี ก่อนที่อีกฝ่ายจะผละกอดออกอย่างช้าๆ

    อลันบี: ดีใจที่เธอยังปลอดภัยนะลอร่า ฉันกับคนอื่นๆเป็นห่วงเธอมากเลยนะรู้มั้ย .^w^. 

    ลอร่า: อือ…ฉันเองก็คิดถึงทุกคนเหมือนกัน .^w^.

    สองสาวกอดคอคุยกันด้วยความคิดถึงในฐานะเพื่อนที่ดีต่อกัน แต่ในขณะเดียวกันเดลวาลินก็ยืนมองไปยังเรกูลอสที่กำลังหัวฟัดหัวเหวี่ยง ก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปเพื่อเผชิญหน้ากับมันตามลำพัง 

    เซอร์ริว: เดี๋ยวก่อนนาย คิดจะทำอะไรน่ะ 0 0 ?! 

    อลันบีและลอร่าหันไปมองตามเสียงท้วงของเซอร์ริว ก่อนที่ทั้งคู่จะเห็นเดลวาลินกำลังเดินเข้าไปประจันหน้ากับเรกูลอสที่มีไฟกับลาวาทุกท่วมตัวและมันก็คอยส่งเสียงกรนในลำคออย่างน่าเกรงขามตลอดเวลา 

    อลันบี: หมอนั่นใครน่ะ ?

    ลอร่า: คุณเดลวาลิน คนที่ช่วยชีวิตฉันจากมังกรเพลิงโซเบลในตอนนั้นน่ะค่ะ

    อลันบี: ผู้ชายคนนั้นน่ะหรอ? 

    ลอร่า: ค่ะ

    เซอร์ริว: หมอนั่นคิดจะสู้กับเรกูลอสที่มีแข็งแกร่งระดับนั้นเพียงคนเดียวงั้นหรอ ?

    ท่ามกลางสายตาของทั้งสามที่จับจ้องไปที่เดลวาลินเป็นสายตาเดียวกัน สักพักหนึ่งเขาก็เสกดาบมังกรเพลิงออกมาและตั้งท่ายกดาบขึ้นเตรียมพร้อมต่อสู้ สายตาของเขาจดจ่อไปที่เรกูลอสอย่างมีสติ และกำหนดสมาธิจดจ่อไปที่การเคลื่อนไหวของมันทุกย่างก้าว และหากเขาพบช่องโหว่เมื่อไหร่เขาจะเปิดฉากสวนในทันที

    โฮร่กกก!!!!

    เรกุลอสแผดเสียงคำรามลั่นขึ้นมาอีกครั้งก่อนที่มันจะพุ่งเข้ามาใช้อุ้งมือเพลิงตะปบไปที่ร่างของเดลวาลินอย่างรวดเร็ว และในช่วงเสี้ยววินาทีนั้นเอง เดลวาลินก็ได้กลิ้งกระโดดหลบไปด้านข้าง ทำให้มันพุ่งผ่านไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งความเร็วระดับนี้นั้นมันเร็วๆมากๆจนมนุษย์ธรรมดาแทบจะหลบไม่ทัน ในสายตาของอลันบี เซอร์ริว และลอร่า การเคลื่อนไหวแบบนั้นแทบจะเพียงชั่วพริบตาเลยทีเดียว

    เดลวาลินและเรกูลอสต่างฝ่ายต่างไปโผล่อีกฝั่ง เรกูลอสที่เห็นว่าการโจมตีรอบแรกพลาดเป้า มันจึงพ่นเปลวเพลิงออกมาจากปากโจมตีใส่เดลวาลินจากระยะไกล ทำให้เดลวาลินต้องวิ่ง ตีลังกา กระโดดหลบเปลวเพลิงที่เรกูลอสพ่นออกมา ก่อนที่เดลวาลินจะวิ่งเข้าไปชาร์จใส่ตรงๆเพื่อหาทางเข้าประชิดเข้าไว้แล้วอาศัยจังหวะที่มันกำลังพ่นไฟใช้ดาบมังกรเพลิงฟันไปที่ขาขวาของมัน จนเลือดสีแดงพุ่งทะลักออกมาพร้อมกับรอยไหม้เป็นแผลฉกรรจ์ 

    เซอร์ริว: อะไรกัน ดาบของเจ้าหมอนั่นฟันเกราะของเรกูลอสเข้าด้วยงั้นหรอ 0 0 ?

    อลันบี: จะเก่งอะไรขนาดนั้น 0 0

    โฮร่กกกก!!!

    เรกูลอสที่ถูกฟันแขนขวาไปหนึ่งแผลแผดเสียงคำรามออกมาด้วยความเจ็บปวด ก่อนที่มันจะใช้หางของมันตวัดฟาดใส่เดลวาลินที่หลบไปอยู่ด้านหลังของมันอย่างรุนแรง แต่เดลวาลินก็สามารถใช้ดาบมังกรเพลิงรับการโจมตีจากการฟาดด้วยหางของมันมาได้ ก่อนจะใช้ดาบฟันจนหางของมันขาดอย่างง่ายดาย ซึ่งตามปกติแล้วหางของเรกูลอสจะมีความทนทานและแข็งแกร่งอย่างมากจนแทบจะไม่มีอาวุธชิ้นไหนสามารถตัดมันให้ขาดได้นอกจากอาวุธของระดับทวยเทพขึ้นไป 

    เซอร์ริว และอลันบีที่เห็นภาพดังกล่าว ทั้งสองต่างก็ตะลึงถึงความแข็งแกร่งของเดลวาลินกับอาวุธวิเศษของเขา มีแต่ลอร่าเท่านั้นที่รู้ดีว่าเดลวาลินนั้นแข็งแกร่งแค่ไหนในตอนนี้ แต่ในเวลานี้เรกูลอสกำลังหัวเสียอย่างหนัก มันจึงกระโดดขึ้นไปสูงจากพื้นดินประมาณ 3 เมตร ก่อนจะกระทิืบเท้าทั้ง 4 ลงพื้นอย่างแรง จนทำให้พื้นที่บริเวณรอบๆในรัศมี 5 เมตรเกิดการแตกร้าวอย่างรุนแรง พร้อมกับมีลาวากระเซ็นขึ้นมาจากพื้นดิน นั่นจึงทำให้กลุ่มของลอร่าตกอยู่ในอันตราย

    ลอร่า: อ๊าาาาา > < !!!

    ลอร่ากรีดร้องออกมาเนื่องจากพวกเธอถูกแรงกระแทกพัดร่างจนกระเด็นออกไป และดูเหมือนว่าเรกูลอสจะกระโดดกระทืบเท้าแบบนี้หลายครั้งไม่หยุด

    เดลวาลิน: (แย่ล่ะสิ ขืนปล่อยไว้แบบนี้ลอร่าและคนอื่นๆจะได้รับอันตรายเอา ต้องรีบจบเกมแล้ว!)

    เมื่อเดลวาลินคิดได้ดังนั้น เขาจึงทำการร่ายเวทย์ไปที่ดาบของเขาเพื่อปลุกพลังให้ดาบของเขาสำแดงพลังออกมา 

    จงตื่นและตอบสนองต่อเสียงเรียกของฉันเถิด มังกรเพลิงผู้พิทักษ์ในตำนาน เพลงดาบมังกรเพลิงพิฆาต!!!

    ฟรู้มมมมม!!!!

    เดลวาลินยกดาบขึ้นเหนือศีษระก่อนที่ดาบมังกรเพลิงของเขาจะปลดปล่อยเปลวเพลิงอันมหาศาลทะลุชั้นหอคอยใต้ดินขึ้นไปหลายสิบชั้นอย่างรวดเร็ว จนทำให้เพดานถ้ำเริ่มถล่มลงมา และบังเอิญมีก้อนหินเพดานลูกหนึ่งหล่นลงมาทับร่างของเรกูลอสเอาไว้ ทำให้มันขยับไปไหนไม่ได้ก่อนที่เดลวาลินจะฟันดาบสับลงมาที่ร่างของเรกูลอสจนร่างของมันขาดครึ่ง พร้อมกับมีเปลวเพลิงพวยพุ่งออกมาจากรอยบาดแผลที่โดนผ่าอย่างรุนแรง จนสุดท้ายร่างของเรกูลอสก็ระเบิดเป็นจุน

    ตู้มมมมม!!!!

    หลังจากที่เดลวาลินจัดการเรกูลอสลงได้ เขาก็รีบพากลุ่มนักผจยภัยของลอร่าหนีออกไปจากที่นี่ทันที เพราะในตอนนี้ดันเจี้ยนหอคอยแห่งนี้กำลังจะถล่มจากการใช้พลังเวทย์ของเขาโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่โชคร้ายที่ประตูทางออกนั้นถูกก้อนหินถล่มลงมาปิดทางหนี ทำให้พวกเขาไม่สามารถหนีออกไปจากที่นี่ได้และอาจต้องโดนดินถล่มลงมาทับทั้งเป็น 

    ในใจนั้นเดลวาลินก็อยากจะกลายร่างเป็นมังกรแล้วพาทุคนบินหนีออกไปจากที่นี่แต่เนื่องจากสภาพของดันเจี้ยนแห่งนี้มันเล็กมาก และมีพื้นที่ไม่มากพอสำหรับรองรับร่างกายอันใหญ่โตในร่างมังกรของเขา และดีไม่ดีนั่นอาจจะเป็นผลเสียมากกว่าผลดี จนเมื่อเพดานเริ่มถล่มไล่มาเรื่อยๆจนเกือบจะถึงจุดที่กลุ่มของเดลวาลินอยู่ สเตลร่าที่หายตัวไปตั้งแต่เช้าก็โผล่มาช่วยพาทุกคนออกไปจากดันเจี้ยนแห่งนี้

    .

    .

    .

    .

    .

    สเตลร่าได้ใช้พลังเวทย์เคลื่อนย้าย พาทุกคนหนีออกมาจากดันเจี้ยนมาได้สำเร็จ ทำให้พวกเขาทุกคนไม่ถูกฝังทั้งเป็นและรอดตายมาได้อย่างหวุดหวิด

    ลอร่า: เฮ้อออ ค่อยยังชั่วที่คุณสเตลร่ามาช่วยพวกเราเอาไว้ได้ทัน

    เดลวาลิน: มาได้ตรงจังหวะจังเลยนะ

    เดลวาลินนั่งมองพร้อมกับส่งยิ้มให้สเตลร่าด้วยความดีใจที่เธอมาช่วยพวกเขาเอาไว้ได้ทัน

    สเตลร่า: จะไปไหนมาไหนก็หัดบอกกันเอาล่วงหน้าหน่อยสิเจ้าทึ่ม! ปล่อยให้ฉันตามหาสะตั้งนาน นี่ถ้าฉันไม่แกะรอยหาเบาะแสจนมาพบคลื่นพลังเวทย์จากดาบมังกรเพลิงของนายมาล่ะก็ ป่านนี้นายกลายเป็นซากโบราณใต้ดินไปแล้ว = =* !!

    สเตลร่าตำหนิเดลวาลินชุดใหญ่ แต่อย่างน้อยเขาก็ดีใจที่สเตลร่าทำไปเพราะหวังดี

    เดลวาลิน: ขอโทดนะที่ทำให้เป็นห่ว คราวหลังฉันจะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก ^ ^" 

    สเตลร่า: เฮ้อออ ให้ตายสิ VoV 

    ในขณะที่สเตลร่ากับเดลวาลินกำลังคุยหยอกล้อกันอยู่นั้นเอง จู่ๆ ก็มีอุ้งมือ เส้นขน และหางของเรกูลอสปรากฏขึ้นต่อหน้าอลันบี ลอร่า และเซอร์ริว เพื่อมอบเป็นของรางวัลในเควสอีเว้นนี้ให้กับนักผจญภัยที่สามารถเอาชนะเรกูลอสได้ 

    ลอร่า: นี่มัน ชิ้นส่วนของเรกูลอนี่นา

    อลันบี: พวกเราจัดการเรกูลอสได้สินะ ถึงได้มีชิ้นส่วนพวกเราปรากฏขึ้นมาแบบนี้

    เซอร์ริว: ถ้าอย่างงั้นก็แสดงว่า เควสอี้เว้นนี้พวกเราบรรลุผลสำเร็จแล้วสินะ! 

    เมื่อเซอร์ริวคิดได้ดังนั้นเขาจึงเก็บชิ้นส่วนของเรกูลอสมาเป็นของตัวเองเพื่อเตรียมจะนำมันไปขึ้นรางวัลค่าตอบแทนตามความฝันที่เขาตั้งใจเอาไว้ 

    เซอร์ริว: ในที่สุดฉันจะรวยแล้ววววว~~!!!

    อลันบีและลอร่านั่งมองดูเซอร์ริวก็ได้แต่เหนื่อยใจที่คนอื่นเขาอุส่าฝ่าฟันอุปสรรคมานานับประการ แต่ตัวเองสนใจแต่ผลประโยชน์ส่วนตนจนคนอื่นเขาต้องมาเดือดร้อนด้วย แต่ก็นะถึงเซอร์ริวจะเป็นคนที่ค่อนข้างขี้งกไปบ้าง แต่อย่างน้อยเขาก็เป็นเพื่อนที่ดีและคอยเป็นห่วงคนอื่นๆในกลุ่มเสมอ และเซอร์ริวก็ตั้งใจเอาไว้ว่าจะนำเงินที่ได้มาเลี้ยงฉลองให้กับทุกคนเพื่อตอบแทนที่ทุกคนอุส่ายอมเสี่ยงชีวิตเพื่อเขา

    แต่ในขณะเดียวกันนี้เอง กลุ่มคนปริศนากลุ่มเดิมก็แอบจับตาดูอยู่ห่างๆและดูเหมือนว่าพวกเขาจะแอบสะกดรอยตามเดลวาลินเป็นพิเศษ เนื่องจากพวกเขานั้นมีอุปกรณ์ตรวจจับเวทย์จำแลงกายมังกร 

    ???: ไม่ผิดแน่ ผู้ชายคนนั้นต้องเป็นมังกรแฝงตัวมาแน่ๆ 

    เสียงของชายในชุดคลุมสีน้ำตาลร่างใหญ่ น้ำเสียงทุ้มพูดขึ้นมา

    ???: เป็นไปตามที่คาดเอาไว้จริงๆ ไม่นึกเลยว่าในกลุ่มนักผจญภัยจะมีมังกรระดับสูงแฝงตัวแบบนี้ด้วย

    เสียงของชายร่างเล็กในชุดคลุมสีน้ำตาล น้ำเสียงแหลม พูดขึ้นมา

    ???: ลงมือจัดการเลยดีมั้ย? 

    เสียงของชายวัยกลางคนในชุดคลุมสีน้ำตาล น้ำเสียงดูสุขม พูดขึ้นมา

    ???: ยังก่อน ตอนนี้ยังไม่เหมาะสักเท่าไหร่ เอาไว้มีโอกาสที่เหมาะกว่านี้ค่อยจัดการจะดีกว่า

    เสียงของหญิงสาวหัวหน้ากลุ่มพูดขึ้นมา 

    กลุ่มคนปริศนามีจุดประสงค์ปองร้ายเดลวาลินอย่างชัดเจน แต่ในตอนนี้พวกเขายังไม่เห็นโอกาสที่เหมาะสม พวกเขาจึงล่าถอยกลับไปก่อน ส่วนทางฝั่งของเดลวาลินและกลุ่มของเซอร์ริวก็มุ่งหน้าเดินทางกลับไปที่เมืองหลวงเพื่อนำของไปขึ้นรางวัลตามปกติ โดยพวกเขาคิดว่าหลังจากนี้จะมีแต่วันที่ดี

     

    ปล. ขอโทษที่ปล่อยให้รอนาน และเพื่อเป็นการไถ่โทษจากไรท์ที่หายไปนาน ตอนนี้จึงจัดให้ยาวๆเป็นการชดเชยกับช่วงที่หายไป เน้ออ \^w^/

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×