คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : ตอนที่ 8
“แล้วนี่เธอจะพาชั้นไปไหนเนี้ย?”
อิซึกิที่กำลังเดินตามโมเบียสมาสักพักแล้วก็ได้ถามขึ้น
“อืม~ การทดสอบสุดท้ายเป็นการทดสอบอาวุธใหม่ของทางเราหน่ะ”
“อ่าว? พวกเธอสร้างแล้วจะให้ชั้นมาเพื่อ? เควินก็อยู่ทำไมไม่ใช้หมอนั่นมาทำแทนหล่ะ?”
“ก็เราจะใช้เควินทดสอบพลังของมันโดยให้เขาต่อสู้กับนายยังไงหล่ะ”
“จะเอาชั้นเป็นหนูลองยาว่างั้น? เชื่อเขาเลยพวกเธอเนี้ย เหมาร้านครั้งเดี๋ยวใช้ชั้นซะคุ้มเลยนะ”
อิซึกิบ่นอุบอิบออกมาก่อนที่เขาจะหันไปถามเธออีกครั้ง
“แล้วอาวุธที่ว่านี่คือ?”
“อ่าวยังไม่ได้บอกหรอโทษทีนะ~”
เมื่อพูดจบเธอก็ได้เปิดแท็บเล็ตขึ้นมาให้เขาดูทันที
“นํ้าเสียงโคตรน่าเชื่อถือเลย” แม้เธอจะโดนเขาพูดใส่ไปแบบนั้น
แต่ใบหน้าของเธอก็ยังคงแสดงท่าทางยิ้มแย้มออกมาจนน่าหงุดหงิดสำหรับเขามาก
[มาสเตอร์แพ้ทางผู้หญิงประเภทนี้หรอคะ?]
‘เปลาชั้นไม่ได้แพ้ทางหรอกจะว่าไงดีหล่ะชั้นก็บอกไม่ถูกเหมือนกัน...’
สิ้นเสียงพูดในใจของอิซึกิเขาก็หยิบแท็บเล็ตที่เธอยื่นมาให้เขามาดูทันทีว่าอาวุธที่ว่ามันคืออะไร
“นี่มัน…”
และเมื่ออิซึกิเห็นมันเขาก็ต้องชะงักไปเล็กน้อยเพราะมันคือภาพของกุญแจสรรค์ลำดับที่ 7
ซึ่งมันก็คือชามาสที่เขาคุ้นตานั่นเองก่อนที่เธอจะอธิบายออกมา
“มันถูกสร้างขึ้นมาจากแหล่งพลังงานของแฮชเชอร์ที่ทางเราเรียกมันว่าคอร์ซึ่งมันเป็นคอร์แฮชเชอร์แห่งไฟที่นายเป็นคนจัดการไปก่อนหน้านี้ยังไงหล่ะ”
เธอได้อธิบายออกมาให้เขาฟังทำเอาอิซึกิที่ได้ยินก็ค่อนข้างแปลกใจเล็กน้อยที่ทางนั่นกล้าเปิดเผยความลับให้เขาฟัง
“นี่ๆพวกเธอไว้ใจชั้นได้ถึงขนาดเผยความลับให้ชั้นฟังเลยรึไง?”
“นายเคยใช้ไม่ใช่หรอ? ตอนที่สู้กับแฮชเชอร์แห่งไฟหน่ะพวกชั้นเห็นนะว่านายเปลี่ยนจากดาบใหญ่สีส้มนั้นเป็นปืนกระบอกนี้”
“เห็นด้วยหรอ?”
“เห็นสิแถมเรายังอัดวีดีโอทั้งหมดเอาไว้ด้วยนะ~”
พูดจบเธอก็ได้ยิ้มออกมาอีกครั้งจากนั้นก็ได้เอ่ยขึ้นต่อทันที
“เราเลยอยากให้นายที่เคยมันมาก่อนฝึกเควินใช้มันให้คล่องยังไงหล่ะ”
“พวกเธอไว้ใจชั้นถึงขนาดนั้นเลยรึไง? ไม่คิดว่าชั้นเป็นคนไม่ดีเลยรึไง?”
“จะว่าแบบนั้นก็ได้อย่างน้อยนายก็ไม่ได้คิดร้ายกับพวกเราหนิ ตอนที่สู้กับเควินแล้วชนะ นายมีโอกาสปลิดชีพเขาได้ตั้งหลายครั้ง แต่ก็ไม่ทำ แถมเควินก็ยังเอ่ยปากพูดเองว่านายไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร”
“โห้~ พูดซะชั้นไปไม่เป็นเลยนะเนี้ยแต่ก็เอาเถอะจะคิดยังไงมันก็แล้วแต่พวกเธอเลย แล้วเธอไม่สงสัยเลยรึไงว่าชั้นไปเอามันมาจากไหนหน่ะ?”
“สงสัยสิ~ ทั้งชั้นทั้งดร.เมย์และเควินก็สงสัยกันทั้งนั่นแหล่ะว่านายไปหามันมาจากไหนแต่ถามไปนายจะบอกงั้นหรอ?”
แน่นอนว่าคำตอบที่ได้ก็คือการส่ายหน้า
“ชั้นบอกพวกเธอไม่ได้หรอก” เธอที่ได้ยินก็ไม่ได้ติดใจอะไรเพราะคิดเอาไว้อยู่แล้ว
“นายจะไม่บอกก็ได้แต่นายต้องร่วมมือกับพวกเราในการจัดการกับพวกฮงไคถ้าได้ฝีมือระดับนายมาเข้าร่วมกับพวกเราจะต้องจัดการกับพวกฮงไคทั้งหมดได้แน่”
“ห๊ะ?” อิซึกิที่ได้ยินก็ร้องออกมาด้วยความตกใจเล็กน้อย
“ไม่ปฎิเสธชั้นจะถือว่านายตกลงนะ”
พูดจบเธอก็ได้ยิ้มออกมาอีกครั้งก่อนที่จะรีบเร่งฝีเท้าเพื่อไม่ให้เขาได้ตอบปฎิเสธเธอ
“อ๊ะ?! เดี๋ยวสิเฮ้ย?!!!”
“เมื่อกี้นายพูดอะไรนะ~ ชั้นได้ยินไม่ค่อยชัดเลยนายบอกว่าตกลงสินะ~”
เธอแกล้งทำไม่ได้ยินแล้วเรารีบฝีเท้าให้เร็วขึ้นอีกราวกับกำลังแกล้งอีกฝ่าย
“ได้จะเอาแบบนี้ใช่มั้ย?!!!”
ฟุบ!!! ตึก...
“ว๊ายยย?!”
พูดจบอิซึกิก็พุ่งไปด้วยความเร็วสูงก่อนที่จะจับแขนทั้งสองข้างของเธอดันเข้ากำแพง
จากนั้นเขาก็ใช้เข่าขวายันกำแพงใต้ระหว่างขาของเธอเอาไว้เพื่อป้องกันไม่ให้เธอหนี
“อะ-เอ่อ...”
เธอเอ่ยออกมาด้วยความตกใจก่อนที่จะหน้าจะค่อยๆขึ้นสีแดงจางๆ
นี้เป็นครั้งแรกที่เธอถูกผู้ชายจับกดเข้ากำแพงแบบนี้แถมยังด้วยท่าทางชวนเข้าใจผิดอีก
แม้เธอจะเคยเจอผู้ชายมาแล้วมากหน้าหลายตาแต่เธอก็ยังรู้สึกเฉยๆเลย
แม้จะเคยเห็นคนที่หล่อๆจนสะกดหญิงสาวๆหลายๆคนมาหลายครั้งแล้วก็ตามแต่มันไม่ใช่กับครั้งนี้
แต่ในครั้งนี้เธอกลับรู้สึกหวั่นไหวไม่ใช่น้อยเลยที่โดนอีกฝ่ายทำแบบนี้ใส่
“หยุดสักทีนะ... ที่นี้จะฟังที่ชั้นพูดได้ยัง?”
“อะ-อืม”
คำพูดที่ออกมาจากอิซึกิด้วยใบหน้าอยู่ห่างจากเธอไม่มาก
มันทำเอาเธออดหน้าแดงไม่ได้จนต้องหันหน้าหนีก่อนที่จะพยักหน้าตอบกลับ
“เรื่องที่ร่วมมือหน่ะชั้นขอปฎิเสธเหมือนเดิม”
“ทำไมหล่ะ?”
เธอถามออกมาด้วยความไม่เข้าใจถ้าพวกเธอได้เขามาเข้าร่วม
มันก็เท่ากับว่าพวกเธอจะมีกำลังรบที่แข็งแกร่งเพิ่มมาอีกคนหนึ่งแล้ว
ถ้าดูจากที่เขาต่อสู้มาโดยตลอดจนถึงตอนนี้ดูเหมือนว่าอิซึกิน่าจะยังไม่ได้ใช้พลังทั้งหมดเลยด้วยซํ้า
“มันก็เหตุผลส่วนตัวนั้นแหล่ะนะพอดีชั้นชอบเคลื่อนไหวคนเดียวหน่ะมันสะดวกกว่า แล้วอีกอย่างชั้นก็ไม่ค่อยชอบให้ตัวเองโดนสั่งให้ทำโน้นทำนี่โดยไม่ได้อะไรตอบแทนหรอกนะ...”
อันที่จริงเหตุผลส่วนหนึ่งนั่นก็คือมันจะได้แต้มน้อยปกติฮงไคมันก็ได้แต้มในการจัดการแต่ละตัวน้อยอยู่แล้ว
พอมีคนมาแย่งก็ไม่ต้องพูดเลยแต้มที่ได้น้อยอยู่แล้วมันก็ยิ่งน้อยลงไปอีก
“งั้นขอแค่ทางเรามีอะไรตอบแทนนายก็พองั้นสินะ?”
“โฮ่... แล้วของตอบแทนที่ว่ามันคืออะไรกันหล่ะ? ไม่เอาบ้านมาต่อรองนะเฟ้ย”
“ระ-เรื่องนั้นชั้นจะลองปรึกษากับทางเบื้องบนดูก่อน แต่ตอนนี้นายควรจะโฟกัสกับการทดสอบสุดท้ายของวันนี้ก่อนนะ”
“ได้แต่ขอบอกดักไว้ก่อนนะเฟ้ยว่าไม่เอาเหมาราเม็งกับซื้อบ้านมาเป็นของตอบแทนอีกรถก็ไม่ต้องชั้นขับไม่เป็น”
“ก็ได้... แต่ว่า... นายช่วย... เอ่อ...”
เธอพูดออกมาเบาๆพร้อมกับหน้าแดงเล็กน้อยอิซึกิที่เห็นก็ยื่นหน้าเข้าไปใกล้อีก
“อะไรหล่ะ?”
“นาย... เอ่อ... ช่วยปล่อยชั้นก่อนได้มั้ยถ้าคนมาเห็นเข้ามันจะดูแปลกๆนะ”
เธอพูดออกมาด้วยใบหน้าที่ขึ้นสีเล็กน้อยจนทำให้อิซึกิที่เห็นแบบนั้นก็รู้สึกอยากเอาคืนกับเรื่องที่ผ่านๆมาเลยทีเดียว
“โห้... เขินงั้นหรอ?... น่าประหลาดใจจริงๆ”
อิซึกิถามออกมาด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนที่เขาจะจ้องไปในดวงตาสีเขียวอมเทาของเธอ
“พอมาลองมองดูดีๆแล้วดวงตาของเจ้านี่มันช่างสวยงามยิ่งนัก”
ศัพท์คำพูดโบราณได้หลุดออกมาจากปากของเขาทำเอาเธอที่ได้ยินก็ถึงกับแปลกใจเล็กน้อย
แต่เธอก็ไม่อาจละสายตาของเธอจากดวงตาสีฟ้าของเขาได้เช่นกันราวกับถูกมนต์สะกดเอาไว้
แน่นอนว่าด้วยบรรยากาศและอะไรหลายๆอย่างที่มันเป็นใจให้ทั้งคู่ก็เกือบที่จะ... กันแล้ว
ถ้ามันไม่มีอะไรมาขัดซะก่อนหล่ะนะ
“ซูดดดดด!”
เสียงบางอย่างได้ดังขึ้นมาซึ่งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลพวกเขามากนักดังขึ้นทำเอาทั้งคู่นั้นสะดุ้งเลย
““?!!!!””
อิซึกิที่ได้ยินก็รีบดีดตัวออกจากหญิงสาวทันทีจากนั้นทั้งคู่ก็หันไปมองยังที่มาของเสียง
“ขอโทษทีนะ พอดีผมไม่อยากรบกวนเวลาของพวกคุณหน่ะก็เลยทานราเม็งรอ” คนที่พูดก็คือเควินนั้นเอง
ภายในมือของเขาถือถ้วยราเม็งเอาไว้ด้วยก่อนที่จะทำการโซยเส้นราเม็งอีกครั้ง
“ซูดดดดด”
“ไม่ใช่ว่านายอยู่กับดร.เมย์เพื่อรอทดสอบอาวุธใหม่หรอกหรอ?” โมเบียสถามออกมาด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ
“ก็พวกคุณหน่ะสิไม่มาสักทีเมย์ก็เลยให้ผมมาตามแล้วพอดีว่าตอนมาดันหิวก็เลยแวะที่ห้องอาหารสักหน่อยก็เลยได้เจ้านี้ติดมือมา”
พูดจบเควินก็ได้โซยเส้นราเม็งอีกครั้งก่อนที่จากนั้นอิซึกิก็เลยได้ถามขึ้น
“งั้นนายมาตอนไหนหน่ะเควิน?”
“ก็ตั้งแต่ที่คุณบอกว่า “พอมาลองมองดูดีๆแล้วดวงตาของเจ้าช่างสวยงามยิ่งนัก” ผมไม่อยากขัดก็เลยทานราเม็งรอหน่ะ”
““...........””
“เอาหล่ะถ้าพวกคุณไม่ทำต่อแล้วงั้นก็ไปที่ห้องทดสอบกันเถอะจะได้เริ่มทดสอบกันสักที”
พูดจบเควินก็เดินนำออกไปทันทีโดยที่ในมือก็ยังถือถ้วยราเม็งไปด้วย
ก่อนที่เจ้าตัวจะเหมือนนึกบางอย่างได้จากนั้นก็ได้หันมาพูดกับทั้งสอง
“อ่อใช่ๆ อย่าลืมหล่ะว่ามันมีกล้องอยู่บนหัวหน่ะพยายามอย่าทำอะไรอุกอาจมากนักหล่ะ ถ้าเป็นไปได้ก็ทำในที่ลับตาคนจะดีมาก พอดีผมสงสารคนคุ้มมอนิเตอร์หน่ะ”
พูดจบเจ้าตัวก็เดินออกไปทันทีปล่อยให้ทั้งคู่ยืนหน้าแดงอยู่แบบนั้น
‘เห้อ...เป็นอะไรของชั้นอีกหล่ะเนี้ย...ทั้งๆที่เมื่อก่อนก็ไม่ได้มีนิสัยแบบนี้แท้ๆ’
อิซึกิถอนหายใจออกมาเบาๆก่อนที่จะเดินตามเควินไปแม้แต่เขาก็ยังแปลกใจกับตัวเองเหมือนกัน
‘หรือจะเป็นที่สายเลือดของนูราริเฮียงที่ชั้นพึ่งหลอมรวมไปรึเปล่าหว่า? เห้อ... พอๆเลิกคิดๆตอนนี้โฟกัสกับการทดสอบดีกว่า’
เมื่อพูดจบเขาก็สลัดเรื่องเมื่อครู่นี้ออกจากหัวทันทีผิดจากอีกคนที่ดูเหมือนจะเอามันออกไปจากหัวไม่ได้
ภาพที่พวกเขากำลังจะจูบกันมันแล่นเข้ามาในหัวของเธอแทบตลอดทุกครั้งที่พยายามจะลบมันออก
แต่ประเด็นหลักๆเลยก็คือเธอไม่ได้พยายามแม้จะขัดขืนเขาเลยสักนิดราวกับว่าเธอปล่อยใจไปแล้วในตอนนั้น
ความคิดเห็น