NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

  • มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ
  • มีการบรรยายเนื้อหาที่เกี่ยวกับความรุนแรงสูง
  • มีเนื้อหาที่เครียดหรือหดหู่มาก ซึ่งอาจกระทบต่อภาวะทางจิตใจ

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Honkai Impact X Anime] ฉันมันก็แค่คนหน้าเหมือนเท่านั้นแหล่ะ

    ลำดับตอนที่ #8 : ตอนที่ 7

    • อัปเดตล่าสุด 11 เม.ย. 66


    “แล้วเป็นไง?” 

     

    อิซึกิถามออกมาในตอนนี้ตัวของเขานั้นได้นั่งอยู่ในห้องตรวจร่างกายที่ฐานของ Fire moth

     

    “อืม~ จะว่าไงดีหล่ะลักษณะร่างกายของนายแทบไม่ต่างอะไรกับเควินเลยเพียงแค่ทรงพลังมากกว่ายีนฮงไคเองก็เป็นแบบเดียวกันจริงๆด้วย” 

     

    โมเบียสพูดออกมาหลังจากที่เธอตรวจร่างกายของเขาจนเสร็จแล้ว

     

    “ก็ชั้นบอกไปแล้วว่าตรวจไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาหรอกน่า” 

     

    อิซึกิพูดพร้อมกับกอดอกของตัวเองพลางถอนหายใจออกมาเล็กน้อย

     

    “น่าๆถึงชั้นจะบอกว่าเหมือนก็จริงแต่มันก็มีหลายๆอย่างที่ไม่เหมือนหล่ะนะ”

     

    “เรื่องอุณหภูมิร่างกายว่างั้น?” 

     

    อิซึกิคิ้วขมวดเล็กน้อยพร้อมๆกับถามออกไป

     

    “ก็ส่วนหนึ่ง… ชั้นต้องยอมรับเลยว่าเรื่องนั้นชั้นเองก็ตกใจไม่ใช่น้อยเหมือนกันทั้งๆที่ลองตรวจดูแล้วยีนฮงไคก็เป็นแบบเดียวกันแท้ๆ ทำไมนายถึงควบคุมอุณหภูมิของตัวเองได้และทำไมเควินถึงทำไม่ได้ชั้นหาคำตอบเท่าไหร่ก็หาไม่เจอจริงๆ”

     

    เธอพูดออกมาอย่างจนใจเล็กน้อยซึ่งมันทำเอาเขาเหงื่อตกเล็กน้อยเลยทีเดียว

     

    จะบอกว่าเป็นความสามารถจองระบบทางนั้นก็คงไม่เชื่อหรอกเพราะเขาเห็นระบบคนเดียวหนิจะโดนหาว่าบ้าซะเปล่าๆ

     

    “แล้วตอนที่ร่างกายคุณเปลี่ยนอุณหภูมิคุณรู้สึกอะไรมั้ย?” 

     

    คราวนี้เควินที่นั่งอยู่ที่เก้าอี้ใกล้ๆได้ถามขึ้นภายในห้องตอนนี้นอกจากเขาจะมีทั้งหมดสามคน

     

    เควิน ดร.เมย์ และโมเบียสภายในห้องก็จะมีอยู่สามคนไม่นับรวมอิซึกิเหตุผลที่เควินถามแบบนั้น

     

    เพราะเขาอยากจะทำให้ร่างกายของเขาสามารถทำในแบบเดียวกับที่อิซึกิทำได้

     

    เนื่องจากตั้งแต่ที่ตัวของเขาผสานเขากับยีนฮงไคทำให้อุณหภูมิร่างกายของเขามันตํ่าลง

     

    จนตอนนี้เขาไม่แม้แต่จะสัมผัสไออุ่นจากคนที่เขารักได้เลย

     

    ขอเพียงแค่มันมีวิธีเดียวต่อให้วิธีนั้นมันจะเสี่ยงตายแค่ไหนเขาก็จะลองทำ

     

    ถ้ามันสามารถทำให้เขาสามารถสัมผัสกับเมย์คนที่เขารักได้อีกครั้งหนึ่งก็ยังดี

     

    “ไม่นะ ชั้นไม่ได้รู้สึกอะไรตอนที่ร่างกายเปลี่ยนอุณหภูมิชั้นก็รู้สึกเฉยๆไม่ได้มีผลข้างเคียงอะไรที่ร่างกายเปลี่ยนอุณหภูมิแบบฉับพลันหรอก” 

     

    อิซึกิตอบกลับไปตามตรงเพราะยังไงก็ไม่ใช่ความลับอะไรอยู่แล้ว

     

    “งั้นหรอ…” เควินที่ได้ยินก็ก้มหน้าลงทันที

     

    ความหวังในการที่จะกลับมาสัมผัสกับคนที่เขารักได้ในตอนนี้มันค่อยๆริบหรี่ลงเต็มทีแล้ว

     

    “เควิน…” 

     

    เมย์มองเควินด้วยสีหน้าที่เป็นห่วงแน่นอนว่าเธอรู้เหตุผลที่เควินถามออกมาแบบนี้

     

    “งั้นขอเปลี่ยนคำถามใหม่แล้วกันนะนายทำยังไงถึงสามารถเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิของร่างกายได้หล่ะ?” 

     

    โมเบียสถามขึ้นอิซึกิที่ได้ยินเขาก็ไม่รู้ว่าจะตอบยังไงเลยทีนี้

     

    “อืม… นั่นสินะชั้นก็บอกอะไรมากไม่ได้หรอกขนาดตัวเองยังไม่รู้เลยถ้าจะให้บอกก็น่าจะเป็นความรู้สึกนั่นแหล่ะ”

     

    “ความรู้สึก?” โมเบียสคิ้วขมวดเล็กน้อย

     

    “ใช่… ความรู้สึก… ชั้นก็คงบอกอะไรมากกว่านี้ไม่ได้แล้วมากหรอก… พอชั้นรู้สึกว่าอยากเปลี่ยนให้ร่างกายกลับมาปกติมันก็เปลี่ยนพอชั้นรู้สึกอยากเปลี่ยนให้เย็นลงเพื่อให้ต่อสู้มันก็เปลี่ยน”

     

    “ร่างกายของคุณนี่น่าอิจฉาจริงๆสามารถเปลี่ยนกลับได้ตามใจนึกแบบนี้…ผมเองก็อยากทำแบบนั้นได้บ้างจริงๆ” เควินพึมพัมออกมาเบาๆ

     

    ภายในใจของเควินตอนนั้นมันทำให้เขาเริ่มคิดแล้วว่าตกลงเขาคิดถูกหรือคิดผิดที่มาเป็นผู้ทดลองคนแรกในโครงการนี้

     

    “แบบนี้ก็ยากเลยแฮะเรื่องอุณหภูมิร่างกายของนายเราแทบหาคำตอบอะไรกับมันไม่ได้เลยจริงๆชั้นลองตรวจดูหลายรอบแล้วก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำได้ยังไง” 

     

    โมเบียสถอนหายใจออกมาอีกครั้ง

     

    “แล้วตอนที่ตรวจดูเธอเห็นอะไรบ้างหล่ะ?” อิซึกิถามกลับ

     

    “ก็จะว่ายังไงดีหล่ะ… มันเปลี่ยนไปเฉยๆเลยก็น่าจะเป็นตามที่นายบอกจริงๆนั่นแหล่ะว่ามันเปลี่ยนจากความรู้สึกหน่ะเท่านั้นก็ลงล็อกแล้วหล่ะถ้าอยากรู้มากกว่านี้ก็คงต้องลองตรวจสอบร่างกายนายแบบละเอียดๆเลยหล่ะ”

     

    “ละเอียดๆนี่คือ?” อิซึกิถามออกมาด้วยใบหน้าที่ซีดลงเล็กน้อย

     

    “ก็คงต้องผ่า----”

     

    “ไม่เฟ้ยชั้นไม่ให้เธอผ่าอะไรทั้งนั้นแหล่ะ?!!!” อิซึกิที่ได้ยินก็ไม่รอให้เธอพูดจบเขาก็ได้สวนขึ้นมาทันที

     

    “อุ๊บ!ฮ่าๆๆ! ชั้นแค่ล้อเล่นเองไม่ได้จะทำแบบนั้นจริงๆสักหน่อย” เธอได้ยิ้มออกมาเล็กน้อยหลังจากที่ได้แกล้งเขา

     

    ในตอนนี้เธอชักจะเริ่มสนใจในตัวของอิซึกิมากกว่าตอนแรกๆซะอีก


    แล้วในตอนนั้นเองเธอก็เหมือนจะนึกอะไรบ้างอย่างได้ก่อนที่จะถามเขาออกไป

     

    “อ่อใช่ เมื่อวานนายอยู่ที่ไหนงั้นหรอ?” อิซึกิที่โดนถามก็แปลกใจเล็กน้อย

     

    “ก็อยู่ที่ห้องพักหน่ะสิ” แน่นอนว่าคำตอบของเขามันก็คือการโกหกนั่นเอง

     

    เจ้าตัวนั้นไม่บอกหรอกว่าเขานั้นไปถล่มฮงไคที่เมืองร้างมาเมื่อวาน

     

    เพื่อเป็นการลองพลังใหม่ที่ได้มาเพราะงั้นเดี๋ยวบอกไปมันจะยุ่งยากซะเปล่าๆ

     

    “งั้นหรอ ชั้นนึกว่านายอยู่นอกเมืองซะอีก” 


    “?!” พูดจบอิซึกิก็สะดุ้งสิทันที


    ก่อนที่จะถามออกมาไปด้วยใบหน้าที่ปกติเพื่อซ่อนใบหน้าที่ตื่นตระหนกของตัวเองเอาไว้

     

    “แล้วเธอถามทำไมหล่ะ?”

     

    “อ่อ เมื่อวานทาง Fire Moth ตรวจเจอพลังฮงไคจำนวนมหาสารอยู่ในเมืองxxxหน่ะพลังของมันสูงมากกว่าแฮชเชอร์ปกติซะอีก”

     

    ‘เอาอีกแล้วตูสร้างเรื่องอีกแล้ว…’ 

     

    อิซึกิได้บ่นด่าตัวเองในใจอีกครั้งทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ระบบบอกไปแล้วว่าพยายามควบคุมพลังฮงไคให้ได้ไม่ให้มันปล่อยออกมาเกินไป

     

    เพราะพลังของอิซึกิในร่างของภูติมันก็คือแฮชเชอร์ดีๆนี่แหล่ะ

     

    ถ้าจะให้เปรียบเลยอิซึกิก็คือแฮชเชอร์ที่ความสามารถในการต่อต้านแฮชเชอร์ด้วยกันโดยใช้พลังฮงไค

     

    ถ้าเกิดเขาปล่อยออกมามากเกินไปมันจะทำให้ทางองค์กร Fire moth เข้าใจว่ามันมีแฮชเชอร์ตนใหม่เกิดขึ้น

     

    “อ่าว? แล้วมันเกี่ยวอะไรกันชั้นอะ?” อิซึกิถามออกมาอีกครั้ง

     

    ยังดีที่เขามีสายเลือดของนูราริเฮียงยังพอทำให้เขาสามารถแถออกไปได้แบบเนียนๆโดยที่ใบหน้ายังคงปกติดี

     

    “ก็ปกตินายมักจะโผล่ในที่ๆมีการปะทุของฮงไคจำนวนมากนี่นาตอนแฮชเชอร์ที่ 8 นายก็ยังโผล่ไปจัดการได้ก่อนพวกเราซะอีกก็เลยคิดว่านายพอจะรู้อะไรบ้างรึเปล่าก็เท่านั้นเอง”

     

    “อ่อ โทษทีนะชั้นไม่รู้หรอกเมื่อวานจัดของเหนื่อยหน่ะก็เลยหลับไปก่อนหน่ะ”

     

    “งั้นหรอช่างเถอะเมื่อวานเราได้ส่งเควินไปลองตัวสอบแล้วก็ไม่พบอะไรเลยพลังงานฮงไคเองก็ไม่พอเช่นกันก็เลยคิดว่านายจัดการไปแล้วรึเปล่าหน่ะ” 

     

    เธอได้อธิบายเหตุผลออกมาซึ่งอิซึกิก็ทำได้แต่พยักหน้าเท่านั้น

     

    ‘หรือชั้นควรบอกเธอไปเลยดีมะว่าเป็นชั้นเองอะ?’ พูดจบระบบก็พูดขึ้นมาทันที

     

    [อย่าหาทำคะมาสเตอร์]

     

    ‘โอเคครับ…’ การที่ระบบบอกมาแบบนี้แสดงว่าถ้าทางนั้นรู้มันต้องไม่เป็นผลดีต่อตัวเขาอย่างแน่นอน

     

    “งั้นที่นี้ชั้นกลับได้ยังอะ?”

     

    “เดี๋ยวสิๆพวกเรายังไม่ได้ทดสอบร่างกายของนายเลยนะจะรีบไปไหนกันหล่ะ~”

     

    “ทดสอบร่างกาย? ทดสอบอะไรอีกหล่ะไหนบอกว่ามาแค่ตรวจร่างกายไง?” อิซึกิถามออกมาด้วยความมึนงง
     

    “นี่ก็ถือว่าเป็นการตรวจเหมือนกันนะแล้วอีกอย่างนายก็บอกเองไม่ใช่หรอว่าถ้าเราซื้อบ้านให้นายจะฟังที่เราขอหนึ่งอย่างหน่ะ”

     

     “พูดเล่นอะพูดเล่นใครมันจะไปนึกว่าจะซื้อให้จริงๆอะ” อิซึกิพูดออกมาพร้อมกับนึกไปที่ก่อนหน้านี้

     

    ซึ่งเขาดันไปหลุดปากว่าถ้ามีคนซื้อบ้านให้เขาจะยอมทำตามที่คนนั้นบอกหนึ่งอย่างเลย

     

    ในตอนนั้นก็แค่พูดติดตลกในระหว่างที่กำลังทำราเม็งเท่านั้นไม่นึกว่าทาง Fire Moth จะได้ยินที่เขาพูด

     

    แล้วประเด็นคือทางนั้นดันบ้าจี้ซื้อให้เขาจริงๆเฉยเลย

     

    “น่าๆตอนนี้ก็ดำเนินเรื่องซื้อบ้านเสร็จแล้วด้วยที่นี่ก็อย่าลืมทำตามที่พูดด้วยหล่ะ”

     

    “ไวเกิ๊น?!” 

     

    อิซึกิที่ได้ยินก็ได้ถอนหายใจออกมาทันทีคราวหน้าคราวหลังเขาจะไม่ไปหลุดปากพูดอะไรอีกละ

     

    อิซึกินั้นมักจะซวยเพราะปากของตัวเองอยู่หลายครั้งชอบหลุดพูดความลับของตัวเองออกมาอีก

     

    ‘อยากย้อนเวลากลับไปตบปากตัวเองจริงๆ’

     

    ในท้ายที่สุดแล้วอิซึกิก็ต้องทำการทดสอบร่างกายตามี่พวกเธอบอกโดยมีโมเบียสค่อยจดบันทึก

     

    ส่วนเควินกับเมย์ก็มีหน้าที่ที่ต้องไปทำมันก็เลยต้องทำให้อิซึกินั้นอยู่กับเจ๊แกแทบตลอดทั้งวัน

     

    แน่นอนว่าพวกคนระดับสูงเองก็มาดูด้วยเช่นกันซึ่งเอาจริงๆการทดสอบร่างกายของเขามันก็เป็นการทดสอบแบบเบสิคนั่นแหล่ะ

     

    ถ้าจะให้บอกก็คล้ายๆกับการทดสอบร่างกายของทหารในยุคปัจจุบันซึ่งเขาก็ผ่านได้แบบง่ายๆ

     

    “เอาหล่ะเสร็จแล้วที่นี่ก็หายกันแล้วนะเฟ้ยงั้นก็บอกมาซะว่าบ้านที่พวกเธอซื้อให้ชั้นอยู่ที่ไหน”

     

    “หายกันที่ไหนกันเล่า~ นี่ก็เป็นหนึ่งในตรวจสอบร่างกายเหมือนกันนะยังไม่ใช่คำขอของทางเราสักหน่อยนะเพราะงั้นยังไม่ถือว่าหายกันหรอกนะ~” 

     

    พูดจบเธอก็แลบลิ้นออกมาทันทีปล่อยอิซึกิที่ได้ยินก็ถึงกับยืนเหวอไปเลยก่อนที่เขาจะตั้งสติได้แล้วก็สบถออกมาในใจ

     

    ‘งูพิษชัดๆ?!!!’

     

    Mobius MBTI Personality Type: ENTP or ENTJ?

     

    “ม่า… งั้นพวกเราไปการทดสอบต่อไปกันเถอะ~” 

     

    พูดจบเธอก็เดินออกไปทันทีซึ่งมันเป็นสัญญานว่าให้เดินตามเธอไปแถมใบหน้าของเธอยิ้มแย้มผิดกับเขามากๆ

     

    “ยังไม่หมดอีกเรอะ?!!!”

     

    “การทดสอบยังเหลืออีกเยอะน้า แต่อันนี้น่าจะเป็นการทดสอบสุดท้ายของวันนี้แล้วหล่ะ~”

     

    “ของวันนี้? ก็หมายความว่ามันยังมีอีกอะดิ?!” อิซึกิที่ได้ยินก็คอตกเลย

     

    เหตุผลที่เขาต้องทำการทดสอบอย่างเลือกไม่ได้นั้นก็เพราะว่าทาง Fire Moth รู้ที่อยู่ของเขาหมดแล้ว

     

    บอกเลยว่าถ้าเขาหนีออกไปคงไม่พ้นได้นอนข้างถนนจริงๆแน่ๆ

     

    “นี่ชั้นยังไม่ได้บอกอีกหรอเนี้ยแหมแย่จังเลยนะ~” 

     

    พูดจบเธอก็เอาฝ่ามือไปสัมผัสที่แก้มของตัวเองแล้วก็พูดออกมาด้วยใบหน้ายิ้มซื่อๆ

     

    Dr. Mobius [Honkai Impact 3] : r/animelegwear

     

    “ยัยงูพิษเอ๊ย…”

     

    “แหม~ ขอบคุณที่ชมนะทำเอาชั้นเขินจนตัวบิดเลยหล่ะ~”

     

    “ไม่ได้ชมโว้ย!!!”

     

     

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนเปิดให้แสดงความคิดเห็น “เฉพาะสมาชิก” เท่านั้น
    ×