คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : ตอนที่ 6
“ฮัดเช้ย?!!!”
อิซึกิที่กำลังนั่งมองไปที่เมืองอันไร้ซึ่งเเสงไฟอยู่ดีๆเขาก็ได้จามออกมาอย่างฉับพลัน
“อะไรกันเฟ้ยเนี้ย? อยู่ดีๆก็จามออกมาเฉยเลยมีใครนินทาชั้นอยู่รึไง? ระบบเธอรึเปล่า?”
[อย่ามากโบยให้ระบบสิคะ]
“งั้นหรอแสดงว่าไม่ใช่เธอสินะ… แล้วมันจะไปมีใครนินทาชั้นฟร่ะ? เพ่อในโลกนี้ก็ไม่มีสักคนหนิ”
[ช่างเรื่องพรรคนั้นเถอะคะตกลงแล้วมาสเตอร์จะยื่นเก็กอยู่บนนี้อีกนานมั้ยคะ? ระบบอุส่าเทเรพอตมาสเตอร์มายังเมืองร้างที่มีฮงไคอยู่เยอะแท้ๆ]
[ถ้ามาสเตอร์ยังมัวแต่เก็กอยู่แบบนี้งั้นระบบจะเทเรพอตกลับแล้วนะคะ]
“น่าๆพอดีบรรยากาศมันได้นี่นาแต่ก็เอาเถอะ”
พูดจบอิซึกิก็จ้องลงไปมองด้านล่างของตัวตึกด้วยสายตาที่เรียบเฉย
ซึ่งด้านล่างขึ้นตึกที่เขากำลังยื่นเก็กอยู่มีร่างของฮงไคจำนวนมากอยู่เต็มไปหมด
เจ้าตัวที่เห็นจำนวนก็ถึงกับยิ้มออกมาเลยทีเดียว
[ทำไมมาสเตอร์ถึงไม่ลองใช้การ์ดตัวละครใหม่ที่ได้มาดูหล่ะคะเห็นมาสเตอร์บอกว่าอยากได้นี่นา]
“อ่าว? ก็เธอบอกเองว่าค่าการผสานของชั้นกับเจ้าการ์ดนั้นมันตํ่าหน่ะแถมเธอยังบอกอีกว่าโลกนี้มันไม่เหมาะที่จะใช้งานมันด้วย” อิซึกิพูดขึ้นทันที
ซึ่งเขานั้นได้การ์ดตัวละครมาใหม่จากเควสเอาชนะเควินที่ได้จากระบบก่อนหน้านี้
[ระบบบอกว่าค่าผสานมันแค่ 40% เท่านั้นนะคะไม่มีคำไหนที่ระบบบอกเลยว่ามันตํ่าจนไม่ให้มาสเตอร์ผสานกับมันเปอร์เซ็นต์ขนาดนี้ไม่ตํ่าแล้วนะคะ]
[แถมมันยังเป็น----- อ่าว? ทำไมมาสเตอร์ไม่รอให้ระบบอธิบายจบก่อนหล่ะคะ]
ยังไม่ทันทีระบบจะอธิบายจนจบอิซึกิก็ได้กดผสานเข้ากับการ์ดตัวละครไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
นั่นจึงทำให้เขายืนนื่งไปครู่หนึ่งก่อนที่เพียงไม่กี่อึดใจลักษณะภายในของเขาจะค่อยๆเปลี่ยนไป
อยู่ๆดีร่างกายของเขาก็ค่อยๆปรากฎออร่าสีดำจางๆออกมา
คลืนนนนนน….
ก่อนที่ผมสั้นสีขาวจะค่อยๆยาวขึ้นตั้งในระนาบเดียวกับพื้นชนิดที่ว่าแหกกฎฟิสิกส์ของโลกอย่างสิ้นเชิง
ดวงตาเองก็ถูกเปลี่ยนจากสีฟ้าก็เปลี่ยนเป็นสีแดงเลือดคมกริบส่วนสูงเองก็เหมือนจะเพิ่มขึ้นมาอีกเล็กน้อย
“แถมยังอะไรหล่ะ? อธิบายต่อสิข้ากำลังรอฟังเจ้าอยู่นะ”
ไม่เพียงแต่วิธีการพูดของเขาที่เปลี่ยนไปเพียงเท่านั้น
แม้แต่นํ้าเสียงเองก็เปลี่ยนไปด้วยเช่นกันการ์ดตัวละครที่เขาได้มาใหม่ก็คือการ์ดนูระ ริคุโอะนั่นเอง
ส่วนเหตุผลที่อยากได้ก็ไม่ต้องบอกหรอกสำหรับชายชาตรีอย่างเขาความเท่มันต้องมาก่อนความแข็งแกร่งอยู่แล้ว
[ค่ะ งั้นระบบจะอธิบายต่อเลยนะคะ… แถมการ์ดที่มาสเตอร์ได้มามันเป็นการ์ดตัวละครแบบพิเศษคะ]
“แบบพิเศษงั้นรึ?”
อิซึกิที่ได้ยินก็เอาของตัวเองกุมคางด้วยความประหลาดใจเล็กน้อยที่ได้ยินว่าเป็นการ์ดพิเศษ
[ใช่แล้วคะเนื่องจากการ์ดตัวละครปกติมันไม่มีค่าผสานหรอกนะคะเนื่องจากมันจะถูกใส่ในช่องการ์ดตัวละครถัดไปเลย]
[แต่ที่ของมาสเตอร์มันมีค่าผสานก็เพราะมันจะใช้นำไปรวมกับการ์ดตัวละครหลักค่ะ]
[การ์ดตัวละครลองกับการ์ดตัวละครพิเศษจะต่างกันคะเนื่องจากการ์ดตัวละครลองมาสเตอร์จะได้ทั้งสกิลและอุปกรณ์เท่านั้นคะสายเลือดของตัวละครมาสเตอร์จะไม่ได้คะ]
[การ์ตัวละครพิเศษมาสเตอร์จะได้ทั้งสกิลกับอุปกรณ์และสายเลือดพร้อมกันเลย]
[ส่วนการ์ดตัวละครหลักไม่ได้ถูกจัดหมวดหมู่คะมันก็แล้วแต่เฉพาะคนเนื่องจากมันมีได้แค่การ์ดๆเดียวเท่านั้น]
[การ์ดหลักเควิน คาสลาน่าของมาสเตอร์มันเป็นแบบที่ระบบให้มาโดยเฉพาะมันจึงทำให้มาสเตอร์ได้รับสกิลพิเศษไปด้วยคะ]
[แต่มาสเตอร์จะไม่ได้รับสายเลือดของคาสลาน่าหรอกนะแม้มาสเตอร์จะมีการ์ดตัวละครหลักเป็นของเควินก็ตามตรวจ DNA ก็ต่างกันคะมาสเตอร์แค่หน้าเหมือนและมียีนฮงไคแบบเดียวกันเท่านั้นแล้วก็มีความแข็งแกร่งที่เทียบเท่ากับเควินในช่วงพีคด้วยค่ะ]
“งั้นก็แสดงว่านอกจากข้าจะมียีนของพาวาติแล้วข้ายังมีสายเลือดของภูตพรายงั้นสินะแล้วเหตุใดเจ้าจึงบอกว่าพลังของข้าไม่เหมาะกับโลกใบนี้?”
อิซึกิถามออกมาด้วยความสงสัยเล็กน้อย
[ก็อย่างที่รู้ๆกันคะว่าพลังหลักของภูตพรายจะมาจากความน่าเกรงขามคะ ซึ่งจะได้มาจากการกล่าวขาน]
[ยิ่งน่าเกรงขามต่อมนุษย์ยิ่งถูกศรัธาและถูกพูดถึงมากเท่าไหร่พลังของมาสเตอร์ก็จะยิ่งทรงพลังมากขึ้นคะ]
[เหตุผลที่ระบบบอกว่าโลกนี้มันไม่เหมาะกับมาสเตอร์ที่จะใช้พลังก็เพราะมาสเตอร์ไม่ได้มีตำนานหรือถูกพูดถึงในโลกนี้เลยแค่ฮงไคก็น่าหวั่นเกรงแล้วพอแล้ว]
[ที่นูราริเฮียงในเรื่องแข็งแกร่งก็เพราะในอดีตจนถึงปัจจุบันเขาก็ยังถูกกล่าวขานอยู่คะไม่ได้ถูกลืมเลือนได้อย่างใดแม้มาสเตอร์จะสามารถใช้แหล่งพลังจากโลกนั้นได้เพราะการ์ดตัวละครแต่มันก็ไม่ได้แข็งแกร่งมากมายเลยถ้าเทียบกับพลังในโลกนี้]
[แต่นั่นก็เป็นสิ่งที่ระบบคิดเอาไว้ก่อนที่มาสเตอรฺจะผสานหล่ะนะคะตอนนี้มาสเตอร์รู้สึกเป็นยังไงบ้างคะ?]
“นั่นสินะข้าก็อธิบายไม่ถูกเช่นกัน”
อิซึกิเอ่ยออกมาอย่างไม่เข้าใจเขารู้สึกว่าพลังของตัวเองมันแปลกไปเล็กน้อย
จะบอกว่าเป็นพลังความน่าเกรงขามมั้ยอันนี้ก็ไม่รู้จะบอกว่าเป็นพลังงานฮงไคก็ไม่เชิงเหมือนกัน
ออร่าความน่าเกรงขามที่เขาปล่อยออกมาเพื่อทดสอบพลังตอนนี้มันกลับมีพลังงานฮงไคแฝงอยู่ด้วยเฉยเลย
[งั้นระบบจะบอกให้คะเนื่องจากสายเลือดของนูราริเฮียงมันได้ผสานเข้ากับยีนฮงไคของมาสเตอร์มันก็เลยทำให้สามารถใช้พลังงานฮงไคแทนความน่าเกรงขามได้คะ]
[จะพูดก็ง่ายๆคะมาสเตอร์สามารถแปลเปลี่ยนจากพลังงานฮงไคให้มันเป็นความน่าเกรงขามเพื่อใช้เป็นพลังในร่างนี้คะคะเพราะงั้นมันเลยมีสองพลังในพลังเดียว]
[แต่ระบบก็ไม่ค่อยปนะนำให้ชั้นร่างในบ่อยๆเท่าไหร่]
“พลังงานที่ข้าปล่อยออกมามันมีพลังงานฮงไคแฝงอยู่ด้วยมันก็เลยอาจจะทำให้ข้าถูกเข้าใจผิดว่าเป็นแฮชเชอร์สินะ?”
อิซึกิพูดในสิ่งที่เขาคิดออกมา
[ใช่คะเพราะนอกจากมันจะสามารถข่มขวัญของภูตพรายได้แล้วมันยังสามารถข่มขวัญฮงไคได้ด้วยนะคะแน่นอนว่าแฮชเชอร์ก็มีผลคะ]
[เนเนะคิริมารุก็ถูกดัดแปลงให้เขากับโลกนี้ด้วยนะคะทำให้มันสามารถฟาดฟันฮงไคได้ด้วยแต่ก็เหมือนเดิมคะใช้กับมนุษย์ไม่ได้อยู่ดีคะ]
[เอาหล่ะคะในเมื่อข้อดีไปแล้วงั้นเรามาฟังข้อเสียของร่างนี้เลยดีกว่าคะ เนื่องจากพลังงานฮงไคที่ถูกเพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณมันก็ทำให้พละกำลังของมาสเตอร์ลดลงเหลือ 3 ใน 4 คะ แลกมากับพลังงานฮงไคที่สูงเท่ากับแฮชเชอร์]
[แม้พละกำลังจากหายไปถึง 1 ใน 4 แต่มันก็ยังถือหนักมากอยู่ดีคะแน่นอนว่าเมื่อมาสเตอร์เป็นที่เริ่มถูกกล่าวขานพลังฮงไคและความน่าเกรงขามของมาสเตอร์ก็ยิ่งสูงขึ้นไปกว่านี้อีก]
“งั้นรึเมื่อข้าอยู่ในร่างนี้ข้าจะสูญเสียพละกำลังไปถึง 1 ใน 4 เลยงั้นรึแต่ว่าถ้ามันแลกกับพลังขนาดนั้นก็ย่อมถือว่าคุ้มค่า”
อิซึกิกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์เล็กน้อย
วิ้งงงงงงงงงงง!!!!!
เมื่อพูดจบที่ฝ่ามือของอิซึกิก็มีบางอย่างเรืองแสงขึ้นมา
ก่อนที่หลังจากนั้นมันจะแปลเปลี่ยนดาบยาวที่มีด้ามจับและปลอกดาบซึ่งทำมาจากไม้อ่อน
ชิ้งง…
อิซึกิได้เปิดดูด้านในและสิ่งแรกที่เขาเห็นเลยก็คือรอยสลักรูปมังกรขนาดเล็กที่ใบดาบใกล้ๆกับด้ามจับ
หลังจากนั้นมันก็มีข้อมูลของดาบเเจ้งเตือนขึ้นมาตรงหน้าของเขา
ไอเทม : ดาบเนเนะคิริมารุ (ดัดแปลงจากระบบ)
ดาบเล่มนี้ถูกสร้างขึ้นโดยองเมียวจิอัจฉริยะ เคย์คะอิน ฮิเดโมโตะและถูกดุดแปลงโดยระบบ
ความสามารถโดยรวมในตอนนี้ :
-ดาบเล่มนี้มีคุณสมบัติในการต่อต้านฮงไคและภูติพรายไม่มีผลหากนำไปฟาดกับมนุษย์
เอฟเฟ็คเพิ่มเติ่มจากการดัดแปลง :
-ฟาดฟันพลังงานฮงไค : เมื่อใช้ดาบเล่มนี้ฟาดฟันแฮชเชอร์หรือฮงไคไม่ว่าจะส่วนใดก็ได้ 1 ครั้งเพียงแค่ให้มีบาดแผลที่เกิดขึ้นจากดาบเพียงเล็กน้อยจะลดพลังฮงไคของอีกฝ่ายลงทันที 40% เป็นเวลา 3 นาที
(หากใช้กับมนุษย์ที่มีพลังงานฮงไคหรือกลายเป็นแฮชเชอร์จะมีผลเพียงแค่ 30% เท่านั้น)
-ยกเลิกความสามารถ : ทันทีที่ดาบเล่มนี้ฟาดฟันเข้ากับร่างของแฮชเชอร์พลังทุกอย่างที่กำลังจะถูกใช้งานหรือกำลังใช้งานอยู่จะถูกยกเลิกทันที
“เอาหล่ะงั้นเรามาเริ่มลองพลังกันเลยดีกว่า”
ชิ้งงงงงงงงง!
พูดจบอิซึกิก็ชักเนเนะคิริมารุออกจากฝักดาบก่อนที่จะแสยะยิ้มขึ้น
พร้อมๆกับพูดออกมาเบาๆโดยที่จ้องมองลงไปยังเหล่าฮงไคที่อยู่ด้านล่าง
“หึๆ… ไม่ต้องกลัวข้าคนนี้หรอกเดี๋ยวข้าจะรีบจัดการรวดเดียวให้จบเอง…”
เหล่าฮงไคที่สัมผัสได้ถึงความน่าเกรงขามก็พากันตัวสั่นเทาทันที
วันต่อมา
“เอ่อ… จะว่าไงดีหล่ะ…” อิซึกิที่กลับเป็นร่างปกติแล้วได้พูดออกมาด้วยความประหลาดใจปนปวดหัวเล็กน้อย
“ก็อยากจะขอบคุณนายอยู่หรอกที่หาลูกค้ามาให้แต่มันก็…”
ในวันนี้เควินก็มาตามที่เจ้าตัวบอกเอาไว้จริงๆ
แต่ไม่ได้มาคนเดียวนี่สิแต่เจ้าตัวดันพาดร.เมย์กับโมเบียสมาด้วย
ไม่ใช่แค่นั้นยังมีชายในชุดสูทกับทหารตามมาด้วยอีกหลายคน
“นี่ตกลงจะมาทานราเม็งหรือจะมาลักพาตัวชั้นกันแน่เนี้ย?”
อิซึกิพูดติดตลกออกมาก่อนที่เควินจะลงไปนั่งลงที่โต๊ะเดิม
“ผมขอแบบเดิมเหมือนเมื่อวาน”
เควินพูดขึ้นก่อนที่ทุกคนจะค่อยๆนั่งลงที่เก้าอี้ภายในร้าน
“ได้ๆแล้วพวกเธอหล่ะจะสั่งอะไรมั้ย?”
อิซึกิได้หันไปถามกับสองสาวที่กำลังนั่งจ้องเขาอยู่ด้วยความรู้สึกหนักใจเล็กน้อย
“งั้นชั้นขอแบบเดียวกับเควินก็แล้วกันนะ~”
โมเบียสพูดออกมาด้วยใบหน้าที่ยิ้มที่เจ้าเล่ห์ราวกับกำลังคิดอะไรอยู่
โดยที่สายตาของเธอนั้นได้จับจ้องไปที่อีกฝ่ายซึ่งมันทำเอาอิซึกิเหงื่อตกเลย
ซึ่งเจ้าตัวก็ทำได้แต่ต้องพยักหน้าตอบกลับไปเท่านั้นก่อนที่จะหันไปมองที่ดร.เมย์
“งั้นของชั้นขอเป็นกาแฟก็แล้วกัน”
“กาแฟมีที่ไหน? ร้านชั้นร้านราเม็งนะเฟ้ยไม่ใช่ร้านขายเครื่องดื่มเอานํ้าเปล่าไปแทนก็แล้วกัน”
พูดจบอิซึกิก็เตรียมที่จะเดินออกไปทำราเม็งให้เควินกับโมเบียสทันที
ส่วนคนในชูทสูทนั้นก็นั่งนิ่งราวกับหุ่นขี้ผึ้งเลยพอถามก็ไม่ยอมตอบอะไรกลับมาเลย
แต่ทว่าในตอนนั้นเองหญิงสาวผมสีเขียวเธอนั้นก็ได้ทักเขาขึ้นมาซะก่อน
“นี่ๆคุณเจ้าของร้าน~”
“หื้มมีอะไรหล่ะ?”
อิซึกิหันมาถามด้วยความมึนงงเล็กน้อยก่อนที่เธอจะยื่นมือมาหาเขาจนทำเอาเจ้าตัวนั้นถึงกับยืนงงไปแปบหนึ่งเลย
“อะไร? เธอยื่นมือมาทำไม?”
“ขอจับมือหน่อยสิ~”
“จับมือ? จับเพื่อ? ชั้นขี้เกียจไปล้างมืออีกรอบนะเออเพราะงั้นเอาไว้คราวหน้าก็แล้วกัน”
“ใจร้ายเกินไปแล้วเลยนะ~ ชั้นไม่ได้สกปรกถึงขนาดนั้นสักหน่อย”
เธอพูดออกมาด้วยความน้อยใจเล็กน้อยและทันใดนั้นเอง
ในระหว่างที่อิซึกิกำลังยืนงงกับคำขอของเธออยู่เธอก็ได้คว้ามือของเขาเอาไว้ทันที
อิซึกิที่เห็นก็รีบดึงกลับอย่างรวดเร็ว
ทำเอาทุกคนนั้นงงกันไปตามๆกันว่าเธอต้องการจะทำอะไรกันแน่
ส่วนเธอนั้นที่ได้สัมผัสกับมือของเขาก็ต้องชะงักไปเล็กน้อยก่อนที่จะยิ้มออกมา
“แล้วเเล้วเชียว~ ใช่จริงๆด้วย”
เธอได้พูดด้วยรอยยิ้มพร้อมๆกับมองไปยังร่างของเขาที่อยู่ฝั่งตรงข้าม
“ใช่อะไรงั้นหรอ? แล้วใชที่เธอว่มันคืออะไรงั้นหรอ?” ดร.เมย์ได้ถามออกมาด้วยความสงสัยเล็กน้อย
“อุณหภูมิร่างกายของเขาปกติ”
เพียงแค่คำพูดคำพูดเดียวของเธอมันก็ทำให้เมย์ที่หัวไวอยู่แล้วรับรู้ได้ทันที
“เธอพูดจริงงั้นหรอ?!”
“ก็จริงหน่ะสิทั้งๆที่เขาก็ใช้ยีนพาวาติแบบเดียวกับเควินแท้ๆแต่ทว่าอุณหภูมิร่างกายกับเป็นปกติดีผิดกับเควินที่โดนผลข้างเคียงเป็นร่างกายอุณหภูมิคงที่ -30 องศา”
“เห้อ… อยากจะคุยอะไรกันต่อก็แล้วแต่พวกเธอเลยงั้นเดียวชั้นไปทำราเม็งก่อนก็แล้วกัน”
อิซึกิเอ่ยออกมาอย่างช่วยไม่ได้ก่อนที่จะเดินไปทำราเม็งให้กับพวกเควิน
โดยที่เขาก็มีแอบๆฟังอยู่เหมือนกันแน่นอนว่าเขาก็คิดเอาไว้อยู่แล้ว
ว่ามันคงปิดบังได้อีกไม่นานนักเพราะงั้นก็เลยไม่ได้ตกใจอะไรมากมาย
แต่ก็ไม่นึกเลยว่ามันจะความแตกเร็วขนาดนี้
ส่วนโมเบียสเธอก็ได้อธิบายให้เมย์ฟังไปว่าก่อนหน้านี้เธอได้ใช้โดรนไปค่อยดูการต่อสู้ระหว่างอิซึกิกับเควินอยู่หลายครั้ง
เหตุผลที่ต้องใช้โดรนก็เพราะว่าอิซึกิมักจะชอบทำลายกล้องก่อนเพื่อไม่ให้คนอื่นได้ข้อมูลจากเขาไปมากนัก
แต่เขาก็ไม่รู้ว่าตัวเองถูกโดรนจับตาดูอยู่ด้วยก็พึ่งมารู้เอาตอนนี้นี่แหล่ะ
‘ห่าเอ้ย… ทำไมถึงชอบมาตกม้าตายเอาง่ายๆแบบนี้วะเนี้ย?!’ อิซึกิได้บ่นด่าตัวเองในใจ
เหตุผลที่เธอรู้ว่าอุณหภูมิร่างกายของอิซึกินั่นเป็นปกติมันก็มาจากครั้งหนึ่ง
หลังจากจบการต่อสู้และเควินเป็นฝ่ายพ่ายแพ้
อิซึกินั้นเมื่อเห็นว่าเควินได้สลบไปแล้วเขาได้เดินออกมาทันที
แทนที่จะใช้วาร์ปของระบบแบบปกติที่พวกเธอรู้ทำให้เธอนั้นได้รู้ว่า
แต่พอเขาได้เก็บดาบอุริเอลลงเท่านั้นแหล่ะรู้เรื่องเลย
อุณหภูมิร่างกายของเขามันค่อยๆกลับมาจนอยู่ในระดับปกติ
ส่วนเหตุผลที่เธอไม่ได้บอกเมย์
ก็เพราะว่าข้อมูลที่มีมันยังมีไม่พอและพอเธอรู้ว่าจะมาเจอกับเขาวันนี้
เธอก็เลยถือโอกาสนี้เช็ดให้แน่ใจไปเลยว่ามันใช่อย่างที่เธอคิดมั้ย
อ่อ... ส่วนหนึ่งก็มาจากการลืมด้วยแหล่ะ
และสรุปว่ามันก็ใช่จริงๆด้วยแน่นอนว่าทำเอาอิซึกิที่ได้ยินก็ถึงกับเอามอืกุมหัวของตัวเองอีกครั้ง
‘แม่มเอ๊ยเอาอีกแล้ว… ความแตกเพราะความสะเพร่าของตัวเองอีกละ’
เรื่องยีนพาวาติอิซึกิก็เป็นคนหลุดปากพูดออกไปเอง
“นี่คุณเจ้าของร้านหลังจากนี้คุณช่วยไปกับพวกเราหน่อยได้รึเปล่า? ชั้นสัญญาเลยว่าพวกเขาจะไม่ทำอะไรอันตรายกับร่างกายของคุณแน่นอน”
โมเบียสได้หันมาพูดกับอิซึกิที่กำลังกุมขมับให้กับความโง่ของตัวเองอยู่
ซึ่งเขาที่ได้ยินก็ตอบกลับไปแบบเรียบๆอย่างที่เคยทำ
“โทษทีก็แล้วกัน แต่ชั้นคงไปด้วยไม่ได้หรอกลืมไปแล้วรึไงว่าวันนี้ชั้นเปิดร้านเป็นวันแรกหน่ะคนมันก็ต้องกินต้องใช้นะเออ ปิดวันนี้เดียวเงินจ่ายค่าห้องในอนาคตอาจจะไม่พอก็ได้ชั้นยังไม่อยากไปนอนข้างถนนหรอกนะจะบอกให้”
อิซึกิตอบกลับก่อนที่เขาจะทำราเม็งต่อที่เขาพูดมามันเรื่องจริงทั้งหมดเลยไม่ได้ล้อเล่น
แต้มที่ได้จากการต่อสู้ฮงไคมันก็น้อยซะเหลือเกิน
ตอนนี้จะเรียกว่ากระเป๋าของเขามันใกล้จะแห้งแล้วมันไม่พอแม้จะจ่ายค่าห้องด้วยซํ้า
โดยที่เขาไม่รู้เลยว่าตอนนี้ดร.เมย์กำลังคุยโทรศัพท์กับใครบางคนอยู่
“นี่คุณเจ้าของร้านคุณบอกว่าจะไม่ไปกับพวกเราจนกว่าคุณจะขายจนหมดงั้นสินะคะ?”
เมย์พูดขึ้นซึ่งอิซึกิที่ได้ยินก็งงไปเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ปฎิเสธอะไรเพราะมันคือเรื่องจริง
“ใช่… จะว่าแบบนั้นก็ได้โทษทีก็แล้วกัน”
“งั้นพวกเราขอเหมาหมดทั้งร้านเลยคะ”
“ห๊ะ?”
.
.
.
.
.
.
.
.
ดาบเนเนะคิริมารุของพระเอกสามารถใช้ฟาดฟันได้ถูกเผาพันธุ์เลยงับยกเว้นมนุษย์
ความคิดเห็น