NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

  • มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ
  • มีการบรรยายเนื้อหาที่เกี่ยวกับความรุนแรงสูง
  • มีเนื้อหาที่เครียดหรือหดหู่มาก ซึ่งอาจกระทบต่อภาวะทางจิตใจ

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Honkai Impact X Anime] ฉันมันก็แค่คนหน้าเหมือนเท่านั้นแหล่ะ

    ลำดับตอนที่ #7 : ตอนที่ 6

    • อัปเดตล่าสุด 15 ส.ค. 66


    “ฮัดเช้ย?!!!” 

     

    อิซึกิที่กำลังนั่งมองไปที่เมืองอันไร้ซึ่งเเสงไฟอยู่ดีๆเขาก็ได้จามออกมาอย่างฉับพลัน

     

    “อะไรกันเฟ้ยเนี้ย? อยู่ดีๆก็จามออกมาเฉยเลยมีใครนินทาชั้นอยู่รึไง? ระบบเธอรึเปล่า?”

     

    [อย่ามากโบยให้ระบบสิคะ]

     

    “งั้นหรอแสดงว่าไม่ใช่เธอสินะ… แล้วมันจะไปมีใครนินทาชั้นฟร่ะ? เพ่อในโลกนี้ก็ไม่มีสักคนหนิ”

     

    [ช่างเรื่องพรรคนั้นเถอะคะตกลงแล้วมาสเตอร์จะยื่นเก็กอยู่บนนี้อีกนานมั้ยคะ? ระบบอุส่าเทเรพอตมาสเตอร์มายังเมืองร้างที่มีฮงไคอยู่เยอะแท้ๆ]

    [ถ้ามาสเตอร์ยังมัวแต่เก็กอยู่แบบนี้งั้นระบบจะเทเรพอตกลับแล้วนะคะ]

     

    “น่าๆพอดีบรรยากาศมันได้นี่นาแต่ก็เอาเถอะ”

     

     พูดจบอิซึกิก็จ้องลงไปมองด้านล่างของตัวตึกด้วยสายตาที่เรียบเฉย

     

    ซึ่งด้านล่างขึ้นตึกที่เขากำลังยื่นเก็กอยู่มีร่างของฮงไคจำนวนมากอยู่เต็มไปหมด

     

    เจ้าตัวที่เห็นจำนวนก็ถึงกับยิ้มออกมาเลยทีเดียว

     

    [ทำไมมาสเตอร์ถึงไม่ลองใช้การ์ดตัวละครใหม่ที่ได้มาดูหล่ะคะเห็นมาสเตอร์บอกว่าอยากได้นี่นา]

     

    “อ่าว? ก็เธอบอกเองว่าค่าการผสานของชั้นกับเจ้าการ์ดนั้นมันตํ่าหน่ะแถมเธอยังบอกอีกว่าโลกนี้มันไม่เหมาะที่จะใช้งานมันด้วย” อิซึกิพูดขึ้นทันที

     

    ซึ่งเขานั้นได้การ์ดตัวละครมาใหม่จากเควสเอาชนะเควินที่ได้จากระบบก่อนหน้านี้

     

    [ระบบบอกว่าค่าผสานมันแค่ 40% เท่านั้นนะคะไม่มีคำไหนที่ระบบบอกเลยว่ามันตํ่าจนไม่ให้มาสเตอร์ผสานกับมันเปอร์เซ็นต์ขนาดนี้ไม่ตํ่าแล้วนะคะ]

    [แถมมันยังเป็น----- อ่าว? ทำไมมาสเตอร์ไม่รอให้ระบบอธิบายจบก่อนหล่ะคะ]

     

    ยังไม่ทันทีระบบจะอธิบายจนจบอิซึกิก็ได้กดผสานเข้ากับการ์ดตัวละครไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

     

    นั่นจึงทำให้เขายืนนื่งไปครู่หนึ่งก่อนที่เพียงไม่กี่อึดใจลักษณะภายในของเขาจะค่อยๆเปลี่ยนไป

     

    อยู่ๆดีร่างกายของเขาก็ค่อยๆปรากฎออร่าสีดำจางๆออกมา

     

    คลืนนนนนน….

     

    ก่อนที่ผมสั้นสีขาวจะค่อยๆยาวขึ้นตั้งในระนาบเดียวกับพื้นชนิดที่ว่าแหกกฎฟิสิกส์ของโลกอย่างสิ้นเชิง

     

    ดวงตาเองก็ถูกเปลี่ยนจากสีฟ้าก็เปลี่ยนเป็นสีแดงเลือดคมกริบส่วนสูงเองก็เหมือนจะเพิ่มขึ้นมาอีกเล็กน้อย

     

    nurarihyon no mago gifs | Explore Tumblr Posts and Blogs | Tumpik

     

    “แถมยังอะไรหล่ะ? อธิบายต่อสิข้ากำลังรอฟังเจ้าอยู่นะ” 

     

    ไม่เพียงแต่วิธีการพูดของเขาที่เปลี่ยนไปเพียงเท่านั้น

     

    แม้แต่นํ้าเสียงเองก็เปลี่ยนไปด้วยเช่นกันการ์ดตัวละครที่เขาได้มาใหม่ก็คือการ์ดนูระ ริคุโอะนั่นเอง

     

    ส่วนเหตุผลที่อยากได้ก็ไม่ต้องบอกหรอกสำหรับชายชาตรีอย่างเขาความเท่มันต้องมาก่อนความแข็งแกร่งอยู่แล้ว

     

    [ค่ะ งั้นระบบจะอธิบายต่อเลยนะคะ… แถมการ์ดที่มาสเตอร์ได้มามันเป็นการ์ดตัวละครแบบพิเศษคะ]

     

    “แบบพิเศษงั้นรึ?” 

     

    อิซึกิที่ได้ยินก็เอาของตัวเองกุมคางด้วยความประหลาดใจเล็กน้อยที่ได้ยินว่าเป็นการ์ดพิเศษ

     

    [ใช่แล้วคะเนื่องจากการ์ดตัวละครปกติมันไม่มีค่าผสานหรอกนะคะเนื่องจากมันจะถูกใส่ในช่องการ์ดตัวละครถัดไปเลย]

    [แต่ที่ของมาสเตอร์มันมีค่าผสานก็เพราะมันจะใช้นำไปรวมกับการ์ดตัวละครหลักค่ะ]

    [การ์ดตัวละครลองกับการ์ดตัวละครพิเศษจะต่างกันคะเนื่องจากการ์ดตัวละครลองมาสเตอร์จะได้ทั้งสกิลและอุปกรณ์เท่านั้นคะสายเลือดของตัวละครมาสเตอร์จะไม่ได้คะ]

    [การ์ตัวละครพิเศษมาสเตอร์จะได้ทั้งสกิลกับอุปกรณ์และสายเลือดพร้อมกันเลย]

    [ส่วนการ์ดตัวละครหลักไม่ได้ถูกจัดหมวดหมู่คะมันก็แล้วแต่เฉพาะคนเนื่องจากมันมีได้แค่การ์ดๆเดียวเท่านั้น]

    [การ์ดหลักเควิน คาสลาน่าของมาสเตอร์มันเป็นแบบที่ระบบให้มาโดยเฉพาะมันจึงทำให้มาสเตอร์ได้รับสกิลพิเศษไปด้วยคะ]

    [แต่มาสเตอร์จะไม่ได้รับสายเลือดของคาสลาน่าหรอกนะแม้มาสเตอร์จะมีการ์ดตัวละครหลักเป็นของเควินก็ตามตรวจ DNA ก็ต่างกันคะมาสเตอร์แค่หน้าเหมือนและมียีนฮงไคแบบเดียวกันเท่านั้นแล้วก็มีความแข็งแกร่งที่เทียบเท่ากับเควินในช่วงพีคด้วยค่ะ]

     

    “งั้นก็แสดงว่านอกจากข้าจะมียีนของพาวาติแล้วข้ายังมีสายเลือดของภูตพรายงั้นสินะแล้วเหตุใดเจ้าจึงบอกว่าพลังของข้าไม่เหมาะกับโลกใบนี้?” 

     

    อิซึกิถามออกมาด้วยความสงสัยเล็กน้อย

     

    [ก็อย่างที่รู้ๆกันคะว่าพลังหลักของภูตพรายจะมาจากความน่าเกรงขามคะ ซึ่งจะได้มาจากการกล่าวขาน]

    [ยิ่งน่าเกรงขามต่อมนุษย์ยิ่งถูกศรัธาและถูกพูดถึงมากเท่าไหร่พลังของมาสเตอร์ก็จะยิ่งทรงพลังมากขึ้นคะ]

    [เหตุผลที่ระบบบอกว่าโลกนี้มันไม่เหมาะกับมาสเตอร์ที่จะใช้พลังก็เพราะมาสเตอร์ไม่ได้มีตำนานหรือถูกพูดถึงในโลกนี้เลยแค่ฮงไคก็น่าหวั่นเกรงแล้วพอแล้ว]

    [ที่นูราริเฮียงในเรื่องแข็งแกร่งก็เพราะในอดีตจนถึงปัจจุบันเขาก็ยังถูกกล่าวขานอยู่คะไม่ได้ถูกลืมเลือนได้อย่างใดแม้มาสเตอร์จะสามารถใช้แหล่งพลังจากโลกนั้นได้เพราะการ์ดตัวละครแต่มันก็ไม่ได้แข็งแกร่งมากมายเลยถ้าเทียบกับพลังในโลกนี้]

    [แต่นั่นก็เป็นสิ่งที่ระบบคิดเอาไว้ก่อนที่มาสเตอรฺจะผสานหล่ะนะคะตอนนี้มาสเตอร์รู้สึกเป็นยังไงบ้างคะ?]

     

    “นั่นสินะข้าก็อธิบายไม่ถูกเช่นกัน” 

     

    อิซึกิเอ่ยออกมาอย่างไม่เข้าใจเขารู้สึกว่าพลังของตัวเองมันแปลกไปเล็กน้อย

     

    จะบอกว่าเป็นพลังความน่าเกรงขามมั้ยอันนี้ก็ไม่รู้จะบอกว่าเป็นพลังงานฮงไคก็ไม่เชิงเหมือนกัน

     

    ออร่าความน่าเกรงขามที่เขาปล่อยออกมาเพื่อทดสอบพลังตอนนี้มันกลับมีพลังงานฮงไคแฝงอยู่ด้วยเฉยเลย

     

    [งั้นระบบจะบอกให้คะเนื่องจากสายเลือดของนูราริเฮียงมันได้ผสานเข้ากับยีนฮงไคของมาสเตอร์มันก็เลยทำให้สามารถใช้พลังงานฮงไคแทนความน่าเกรงขามได้คะ]

    [จะพูดก็ง่ายๆคะมาสเตอร์สามารถแปลเปลี่ยนจากพลังงานฮงไคให้มันเป็นความน่าเกรงขามเพื่อใช้เป็นพลังในร่างนี้คะคะเพราะงั้นมันเลยมีสองพลังในพลังเดียว]

    [แต่ระบบก็ไม่ค่อยปนะนำให้ชั้นร่างในบ่อยๆเท่าไหร่]

     

    “พลังงานที่ข้าปล่อยออกมามันมีพลังงานฮงไคแฝงอยู่ด้วยมันก็เลยอาจจะทำให้ข้าถูกเข้าใจผิดว่าเป็นแฮชเชอร์สินะ?” 

     

    อิซึกิพูดในสิ่งที่เขาคิดออกมา

     

    [ใช่คะเพราะนอกจากมันจะสามารถข่มขวัญของภูตพรายได้แล้วมันยังสามารถข่มขวัญฮงไคได้ด้วยนะคะแน่นอนว่าแฮชเชอร์ก็มีผลคะ]

    [เนเนะคิริมารุก็ถูกดัดแปลงให้เขากับโลกนี้ด้วยนะคะทำให้มันสามารถฟาดฟันฮงไคได้ด้วยแต่ก็เหมือนเดิมคะใช้กับมนุษย์ไม่ได้อยู่ดีคะ]

    [เอาหล่ะคะในเมื่อข้อดีไปแล้วงั้นเรามาฟังข้อเสียของร่างนี้เลยดีกว่าคะ เนื่องจากพลังงานฮงไคที่ถูกเพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณมันก็ทำให้พละกำลังของมาสเตอร์ลดลงเหลือ 3 ใน 4 คะ แลกมากับพลังงานฮงไคที่สูงเท่ากับแฮชเชอร์]

    [แม้พละกำลังจากหายไปถึง 1 ใน 4 แต่มันก็ยังถือหนักมากอยู่ดีคะแน่นอนว่าเมื่อมาสเตอร์เป็นที่เริ่มถูกกล่าวขานพลังฮงไคและความน่าเกรงขามของมาสเตอร์ก็ยิ่งสูงขึ้นไปกว่านี้อีก]

     

    “งั้นรึเมื่อข้าอยู่ในร่างนี้ข้าจะสูญเสียพละกำลังไปถึง 1 ใน 4 เลยงั้นรึแต่ว่าถ้ามันแลกกับพลังขนาดนั้นก็ย่อมถือว่าคุ้มค่า” 

     

    อิซึกิกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์เล็กน้อย

     

    วิ้งงงงงงงงงงง!!!!!

     

    เมื่อพูดจบที่ฝ่ามือของอิซึกิก็มีบางอย่างเรืองแสงขึ้นมา

     

    ก่อนที่หลังจากนั้นมันจะแปลเปลี่ยนดาบยาวที่มีด้ามจับและปลอกดาบซึ่งทำมาจากไม้อ่อน

     

    ชิ้งง…

     

    อิซึกิได้เปิดดูด้านในและสิ่งแรกที่เขาเห็นเลยก็คือรอยสลักรูปมังกรขนาดเล็กที่ใบดาบใกล้ๆกับด้ามจับ

     

    หลังจากนั้นมันก็มีข้อมูลของดาบเเจ้งเตือนขึ้นมาตรงหน้าของเขา

     

    ไอเทม : ดาบเนเนะคิริมารุ (ดัดแปลงจากระบบ)

    ดาบเล่มนี้ถูกสร้างขึ้นโดยองเมียวจิอัจฉริยะ เคย์คะอิน ฮิเดโมโตะและถูกดุดแปลงโดยระบบ

    ความสามารถโดยรวมในตอนนี้ : 

    -ดาบเล่มนี้มีคุณสมบัติในการต่อต้านฮงไคและภูติพรายไม่มีผลหากนำไปฟาดกับมนุษย์

    เอฟเฟ็คเพิ่มเติ่มจากการดัดแปลง :

    -ฟาดฟันพลังงานฮงไค : เมื่อใช้ดาบเล่มนี้ฟาดฟันแฮชเชอร์หรือฮงไคไม่ว่าจะส่วนใดก็ได้ 1 ครั้งเพียงแค่ให้มีบาดแผลที่เกิดขึ้นจากดาบเพียงเล็กน้อยจะลดพลังฮงไคของอีกฝ่ายลงทันที 40% เป็นเวลา 3 นาที

    (หากใช้กับมนุษย์ที่มีพลังงานฮงไคหรือกลายเป็นแฮชเชอร์จะมีผลเพียงแค่ 30% เท่านั้น)

    -ยกเลิกความสามารถ : ทันทีที่ดาบเล่มนี้ฟาดฟันเข้ากับร่างของแฮชเชอร์พลังทุกอย่างที่กำลังจะถูกใช้งานหรือกำลังใช้งานอยู่จะถูกยกเลิกทันที

     

     

    “เอาหล่ะงั้นเรามาเริ่มลองพลังกันเลยดีกว่า”

     

    ชิ้งงงงงงงงง!

     

    nurarihyon no mago gifs | Explore Tumblr Posts and Blogs | Tumpik

     

    พูดจบอิซึกิก็ชักเนเนะคิริมารุออกจากฝักดาบก่อนที่จะแสยะยิ้มขึ้น

     

    พร้อมๆกับพูดออกมาเบาๆโดยที่จ้องมองลงไปยังเหล่าฮงไคที่อยู่ด้านล่าง

     

    “หึๆ… ไม่ต้องกลัวข้าคนนี้หรอกเดี๋ยวข้าจะรีบจัดการรวดเดียวให้จบเอง…” 

     

    เหล่าฮงไคที่สัมผัสได้ถึงความน่าเกรงขามก็พากันตัวสั่นเทาทันที

     

    Pin on rikuo Nura

     

     

     

     

     


    วันต่อมา

     

    “เอ่อ… จะว่าไงดีหล่ะ…” อิซึกิที่กลับเป็นร่างปกติแล้วได้พูดออกมาด้วยความประหลาดใจปนปวดหัวเล็กน้อย

     

    “ก็อยากจะขอบคุณนายอยู่หรอกที่หาลูกค้ามาให้แต่มันก็…”

     

    ในวันนี้เควินก็มาตามที่เจ้าตัวบอกเอาไว้จริงๆ

     

    แต่ไม่ได้มาคนเดียวนี่สิแต่เจ้าตัวดันพาดร.เมย์กับโมเบียสมาด้วย

     

    ไม่ใช่แค่นั้นยังมีชายในชุดสูทกับทหารตามมาด้วยอีกหลายคน

     

    “นี่ตกลงจะมาทานราเม็งหรือจะมาลักพาตัวชั้นกันแน่เนี้ย?” 

     

    อิซึกิพูดติดตลกออกมาก่อนที่เควินจะลงไปนั่งลงที่โต๊ะเดิม

     

    “ผมขอแบบเดิมเหมือนเมื่อวาน” 

     

    เควินพูดขึ้นก่อนที่ทุกคนจะค่อยๆนั่งลงที่เก้าอี้ภายในร้าน

     

    “ได้ๆแล้วพวกเธอหล่ะจะสั่งอะไรมั้ย?” 

     

    อิซึกิได้หันไปถามกับสองสาวที่กำลังนั่งจ้องเขาอยู่ด้วยความรู้สึกหนักใจเล็กน้อย

     

    “งั้นชั้นขอแบบเดียวกับเควินก็แล้วกันนะ~” 

     

    โมเบียสพูดออกมาด้วยใบหน้าที่ยิ้มที่เจ้าเล่ห์ราวกับกำลังคิดอะไรอยู่

     

    โดยที่สายตาของเธอนั้นได้จับจ้องไปที่อีกฝ่ายซึ่งมันทำเอาอิซึกิเหงื่อตกเลย

     

    ซึ่งเจ้าตัวก็ทำได้แต่ต้องพยักหน้าตอบกลับไปเท่านั้นก่อนที่จะหันไปมองที่ดร.เมย์

     

    “งั้นของชั้นขอเป็นกาแฟก็แล้วกัน”

     

    “กาแฟมีที่ไหน? ร้านชั้นร้านราเม็งนะเฟ้ยไม่ใช่ร้านขายเครื่องดื่มเอานํ้าเปล่าไปแทนก็แล้วกัน” 

     

    พูดจบอิซึกิก็เตรียมที่จะเดินออกไปทำราเม็งให้เควินกับโมเบียสทันที

     

    ส่วนคนในชูทสูทนั้นก็นั่งนิ่งราวกับหุ่นขี้ผึ้งเลยพอถามก็ไม่ยอมตอบอะไรกลับมาเลย

     

    แต่ทว่าในตอนนั้นเองหญิงสาวผมสีเขียวเธอนั้นก็ได้ทักเขาขึ้นมาซะก่อน

     

    “นี่ๆคุณเจ้าของร้าน~”

     

    “หื้มมีอะไรหล่ะ?” 

     

    อิซึกิหันมาถามด้วยความมึนงงเล็กน้อยก่อนที่เธอจะยื่นมือมาหาเขาจนทำเอาเจ้าตัวนั้นถึงกับยืนงงไปแปบหนึ่งเลย

     

    “อะไร? เธอยื่นมือมาทำไม?”

     

    “ขอจับมือหน่อยสิ~”

     

    “จับมือ? จับเพื่อ? ชั้นขี้เกียจไปล้างมืออีกรอบนะเออเพราะงั้นเอาไว้คราวหน้าก็แล้วกัน”

     

    “ใจร้ายเกินไปแล้วเลยนะ~ ชั้นไม่ได้สกปรกถึงขนาดนั้นสักหน่อย” 

     

    เธอพูดออกมาด้วยความน้อยใจเล็กน้อยและทันใดนั้นเอง

     

    ในระหว่างที่อิซึกิกำลังยืนงงกับคำขอของเธออยู่เธอก็ได้คว้ามือของเขาเอาไว้ทันที

     

    อิซึกิที่เห็นก็รีบดึงกลับอย่างรวดเร็ว

     

    ทำเอาทุกคนนั้นงงกันไปตามๆกันว่าเธอต้องการจะทำอะไรกันแน่

     

    ส่วนเธอนั้นที่ได้สัมผัสกับมือของเขาก็ต้องชะงักไปเล็กน้อยก่อนที่จะยิ้มออกมา

     

    “แล้วเเล้วเชียว~ ใช่จริงๆด้วย” 

     

    เธอได้พูดด้วยรอยยิ้มพร้อมๆกับมองไปยังร่างของเขาที่อยู่ฝั่งตรงข้าม

     

    “ใช่อะไรงั้นหรอ? แล้วใชที่เธอว่มันคืออะไรงั้นหรอ?” ดร.เมย์ได้ถามออกมาด้วยความสงสัยเล็กน้อย

     

    “อุณหภูมิร่างกายของเขาปกติ” 

     

    เพียงแค่คำพูดคำพูดเดียวของเธอมันก็ทำให้เมย์ที่หัวไวอยู่แล้วรับรู้ได้ทันที

     

    “เธอพูดจริงงั้นหรอ?!”

     

    “ก็จริงหน่ะสิทั้งๆที่เขาก็ใช้ยีนพาวาติแบบเดียวกับเควินแท้ๆแต่ทว่าอุณหภูมิร่างกายกับเป็นปกติดีผิดกับเควินที่โดนผลข้างเคียงเป็นร่างกายอุณหภูมิคงที่ -30 องศา”

     

    “เห้อ… อยากจะคุยอะไรกันต่อก็แล้วแต่พวกเธอเลยงั้นเดียวชั้นไปทำราเม็งก่อนก็แล้วกัน” 

     

    อิซึกิเอ่ยออกมาอย่างช่วยไม่ได้ก่อนที่จะเดินไปทำราเม็งให้กับพวกเควิน

     

    โดยที่เขาก็มีแอบๆฟังอยู่เหมือนกันแน่นอนว่าเขาก็คิดเอาไว้อยู่แล้ว

     

    ว่ามันคงปิดบังได้อีกไม่นานนักเพราะงั้นก็เลยไม่ได้ตกใจอะไรมากมาย

     

    แต่ก็ไม่นึกเลยว่ามันจะความแตกเร็วขนาดนี้

     

    ส่วนโมเบียสเธอก็ได้อธิบายให้เมย์ฟังไปว่าก่อนหน้านี้เธอได้ใช้โดรนไปค่อยดูการต่อสู้ระหว่างอิซึกิกับเควินอยู่หลายครั้ง

     

    เหตุผลที่ต้องใช้โดรนก็เพราะว่าอิซึกิมักจะชอบทำลายกล้องก่อนเพื่อไม่ให้คนอื่นได้ข้อมูลจากเขาไปมากนัก

     

    แต่เขาก็ไม่รู้ว่าตัวเองถูกโดรนจับตาดูอยู่ด้วยก็พึ่งมารู้เอาตอนนี้นี่แหล่ะ

     

    ‘ห่าเอ้ย… ทำไมถึงชอบมาตกม้าตายเอาง่ายๆแบบนี้วะเนี้ย?!’ อิซึกิได้บ่นด่าตัวเองในใจ

     

    เหตุผลที่เธอรู้ว่าอุณหภูมิร่างกายของอิซึกินั่นเป็นปกติมันก็มาจากครั้งหนึ่ง

     

    หลังจากจบการต่อสู้และเควินเป็นฝ่ายพ่ายแพ้

     

    อิซึกินั้นเมื่อเห็นว่าเควินได้สลบไปแล้วเขาได้เดินออกมาทันที

     

    แทนที่จะใช้วาร์ปของระบบแบบปกติที่พวกเธอรู้ทำให้เธอนั้นได้รู้ว่า

     

    แต่พอเขาได้เก็บดาบอุริเอลลงเท่านั้นแหล่ะรู้เรื่องเลย


     

    อุณหภูมิร่างกายของเขามันค่อยๆกลับมาจนอยู่ในระดับปกติ


     

    ส่วนเหตุผลที่เธอไม่ได้บอกเมย์

     

    ก็เพราะว่าข้อมูลที่มีมันยังมีไม่พอและพอเธอรู้ว่าจะมาเจอกับเขาวันนี้

     

    เธอก็เลยถือโอกาสนี้เช็ดให้แน่ใจไปเลยว่ามันใช่อย่างที่เธอคิดมั้ย

     

    อ่อ... ส่วนหนึ่งก็มาจากการลืมด้วยแหล่ะ

     

    และสรุปว่ามันก็ใช่จริงๆด้วยแน่นอนว่าทำเอาอิซึกิที่ได้ยินก็ถึงกับเอามอืกุมหัวของตัวเองอีกครั้ง

     

    ‘แม่มเอ๊ยเอาอีกแล้ว… ความแตกเพราะความสะเพร่าของตัวเองอีกละ’ 

     

    เรื่องยีนพาวาติอิซึกิก็เป็นคนหลุดปากพูดออกไปเอง

     

    “นี่คุณเจ้าของร้านหลังจากนี้คุณช่วยไปกับพวกเราหน่อยได้รึเปล่า? ชั้นสัญญาเลยว่าพวกเขาจะไม่ทำอะไรอันตรายกับร่างกายของคุณแน่นอน” 

     

    โมเบียสได้หันมาพูดกับอิซึกิที่กำลังกุมขมับให้กับความโง่ของตัวเองอยู่

     

    ซึ่งเขาที่ได้ยินก็ตอบกลับไปแบบเรียบๆอย่างที่เคยทำ

     

    “โทษทีก็แล้วกัน แต่ชั้นคงไปด้วยไม่ได้หรอกลืมไปแล้วรึไงว่าวันนี้ชั้นเปิดร้านเป็นวันแรกหน่ะคนมันก็ต้องกินต้องใช้นะเออ ปิดวันนี้เดียวเงินจ่ายค่าห้องในอนาคตอาจจะไม่พอก็ได้ชั้นยังไม่อยากไปนอนข้างถนนหรอกนะจะบอกให้”

     

    อิซึกิตอบกลับก่อนที่เขาจะทำราเม็งต่อที่เขาพูดมามันเรื่องจริงทั้งหมดเลยไม่ได้ล้อเล่น

     

    แต้มที่ได้จากการต่อสู้ฮงไคมันก็น้อยซะเหลือเกิน

     

    ตอนนี้จะเรียกว่ากระเป๋าของเขามันใกล้จะแห้งแล้วมันไม่พอแม้จะจ่ายค่าห้องด้วยซํ้า

     

    โดยที่เขาไม่รู้เลยว่าตอนนี้ดร.เมย์กำลังคุยโทรศัพท์กับใครบางคนอยู่

     

    “นี่คุณเจ้าของร้านคุณบอกว่าจะไม่ไปกับพวกเราจนกว่าคุณจะขายจนหมดงั้นสินะคะ?” 

     

    เมย์พูดขึ้นซึ่งอิซึกิที่ได้ยินก็งงไปเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ปฎิเสธอะไรเพราะมันคือเรื่องจริง

     

    “ใช่… จะว่าแบบนั้นก็ได้โทษทีก็แล้วกัน”

     

    “งั้นพวกเราขอเหมาหมดทั้งร้านเลยคะ”

     

    “ห๊ะ?”

     

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

     


     ดาบเนเนะคิริมารุของพระเอกสามารถใช้ฟาดฟันได้ถูกเผาพันธุ์เลยงับยกเว้นมนุษย์

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนเปิดให้แสดงความคิดเห็น “เฉพาะสมาชิก” เท่านั้น
    ×