NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

  • มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ
  • มีการบรรยายเนื้อหาที่เกี่ยวกับความรุนแรงสูง
  • มีเนื้อหาที่เครียดหรือหดหู่มาก ซึ่งอาจกระทบต่อภาวะทางจิตใจ

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Honkai Impact X Anime] ฉันมันก็แค่คนหน้าเหมือนเท่านั้นแหล่ะ

    ลำดับตอนที่ #19 : ตอนที่ 17

    • อัปเดตล่าสุด 3 ส.ค. 66


    ณ ห้องวางแผนการรบ

     

    ภายในห้องตอนนี้มีบุคคลอยู่ทั้งหมดสามคนได้แก่อิซึกิ เมย์ และเควิน ซึ่งอิซึกิกับเควินนั้นเรียกได้ว่าสะบักสะบอมเนื่องจากพวกเขาพึ่งจะผ่านการต่อสู้มาอยู่หมาดๆ 

     

    ซึ่งเมย์โทรตามคนของไฟร์มอดไปตั้งนานแล้วเพื่อมาช่วยพวกเขาต่อสู้แต่กว่าที่พวกนั้นจะมาอิซึกิกับเควินก็จัดการเสร็จหมดแล้ว

     

    นี่น่าจะเป็นครั้งแรกเลยที่อิซึกิรับรู้ได้ถึงพัฒนาการของพวกฮงไคหลังจากที่เขามาอยู่ที่โลกแห่งนี้ หากเป็นตามเนื้อเรื่องจริงๆแค่เควินคนเดียวก็รับมือพวกมันได้แบบสบายๆแล้ว


    แต่นี่พวกเขาช่วยกันสองคงยังลำบากเลยส่วนหนึ่งเพราะอยู่ในเมืองด้วยแหล่ะเลยใช้พลังเต็มที่มากไม่ได้


    แถมยังถูกรุมอีกที่พัฒนาอย่างเห็นชัดๆก็คือความอึดของพวกมัน 

     

    จริงอยู่ที่อิซึกินั้นไม่ได้ตั้งใจจะฆ่าพวกเธอตั้งแต่แรกเลยไม่ได้ซัดหมัดออกไปแรงนักแต่ถึงเขาจะไม่ได้ใส่แรงมากนักหมัดของเขาก็จัดว่าหนักหน่วงอยู่ดี

     

    สภาพภายในเมืองนี่เรียกได้ว่าพังยับเยินเลยแต่มันจะมีอยู่ที่หนึ่งที่ไม่เป็นอะไรเลยนั่นก็คือร้านราเมงของอิซึกินั่นเอง

     

    “สรุปคือเป็นแฮชเชอร์จริงๆงั้นสินะ?” 


    อิซึกิถามขึ้นกับเมย์ที่กำลังถือใบรายงานการตัวสอบร่างกายของเหล่าหญิงสาวที่พวกเขาพึ่งจะไปสู้มา


    แม้เขาจะรู้อยู่แล้วแต่ที่ถามออกไปเพื่อความแนบเนียนต่างหากไม่ใช่ว่าเขาลืมนะเออ ไม่ได้ลืมจริงจริ๊ง

     

    “ใช่ ร่างกายของพวกเธอมีคอร์อยู่จริงๆ เลยไม่แปลกที่พวกเธอจะสามารถใช้พลังของแฮชเชอร์ได้เว้นแต่พลังฮงไคที่อยู่ในคอร์มันค่อนข้างตํ่ามากพอเทียบกับคอร์ของจริง”

     

    “แบบนี้เรียกตํ่าหรอเมย์? พลังที่พวกเธอใช้ต่อสู้กับพวกเราก็เล่นเอาซะผมกับคุณอิซึกิสะบักสะบอมเลยนะ แบบนี้ไม่น่าจะเรียกว่าตํ่าแล้วมั้ง” 

     

    เควินที่ได้ยินก็พูดขึ้นทันทีพลังที่พวกเขาไปต่อสู้มามันไม่น่าเรียกว่าตํ่าแล้ว

     

    “ผลค่าพลังฮงไคที่คอร์แฮชเชอร์ของพวกเธอมันมีค่าอยู่เท่านี้จริงๆหนิ” 


    เมย์ได้ยื่นใบรายงานให้กับทั้งสองคนดูเพื่อเป็นการยืนยันซึ่งทางอิซึกิก็ไม่ค่อยสนเท่าไหร่หรอกตอนนี้เขาโคตรง่วงนอนเลย

     

    พอเจ้าตัวหันไปมองที่นาฬิกาที่แปะอยู่บนฝาผนัง ก็ต้องถอนหายใจออกมาเลย เพราะนี่มันก็จะตี 5 แล้วเดิมที่พวกเขาจัดการกับพวกเธอเสร็จตั้งแต่ตอนตี 2 กว่าๆแล้ว 

     

    แต่ที่มันยืดมาจนถึงตอนนี้เพราะเขาเป็นคนที่ปะทะและเจอกับพวกเธอเป็นคนแรกเมย์เลยไม่ยอมให้อิซึกิไปนอนสักที 


    เนื่องจากเธอต้องการข้อมูลเพิ่มเติมจากอิซึกิ ซึ่งเขาก็บอกอะไรมากไม่ได้นัก

     

    “เรื่องค่าพลังจะเป็นยังไงก็ช่างเถอะ ตอนนี้ขอไปนอนก่อนหล่ะเหนื่อย”

     

    “เดี๋ยวก่อนอิซึกินายอย่าพึ่งไป”

     

    “มีอะไรอีกหล่ะคนยิ่งง่วงๆอยู่ๆ”

     

    “ฉันว่าช่วงนี้นายอย่าพึ่งเปิดร้านเลยจะดีกว่านะ เพราะการที่มันมาโจมตีนายแบบนี้แสดงว่าเป้าหมายของพวกมันจะต้องเป็นตัวของนายแน่ๆ เพราะงั้นทางที่ดีจนกว่าที่เรื่องจะจบให้นายปิดร้านไปก่อนชั่วคราว..” 


    เมย์พูดขึ้นด้วยสีหน้าที่จริงจังเพราะการที่อยู่ดีๆมีผู้มีพลังของแฮชเชอร์จำนวนหลายคนปรากฎตัวเข้าโจมตีอิซึกิคนเดียวในช่วงเวลาเดียวกัน


    ถ้าไม่มีเป้าหมายเป็นอิซึกิมันก็ไม่มีเหตุผลอื่นแล้วยกเว้นพวกเธอจะอยากกินราเมงแล้วอิซึกิปิดร้านพอดีก็เลยโกรธพวกเธอก็เลยโจมตีเขา… ว่าไปนั่น…

     

    “ถึงเธอบอกฉันก็กะว่าจะปิดร้านชั่วคราวนั่นแหล่ะ พอดีฉันยังไม่ค่อยอยากให้ร้านของตัวเองถูกทำลายเท่าไหร่งั้นลาหล่ะ เจอกันเมื่อโลกต้องการ ตอนนี้พระอินทร์ท่านได้เรียกตัวฉันแล้วเพราะงั้นฉันขอไปเข้าเฝ้าท่านก่อนละ บายจร้า~” 


    พูดจบอิซึกิก็เดินออกจากห้องทันทีเมย์และเควินที่ได้ยินก็ได้หันมามองหน้ากันเล็กน้อย

     

    “ให้ตายสิ เล่นมุขอะไรไม่รู้จักเวลํ่าเวลาจริง… แถมยังฝืดจนน่าสิ้นหวังอีก…” 


    เมย์ถอนหายใจออกมาเบาๆนี่แหล่ะเขาเรียกมุขไม่ฮาพาเพื่อนเคลียด

     

    “เอาน่าเมย์ นี่แหล่ะข้อดีของเขาหล่ะ บางทีเขาคงไม่อยากให้พวกเราเคลียดนั่นแหล่ะก็เลยเล่นมุขแบบนั่นหน่ะถ้างั้นผมขอตัวไปนอนก่อนห็แล้วกันนะ…” 


    พูดจบเควินก็ลุกออกจากห้องไปในทันที แต่มันมีเรื่องหนึ่งที่เขายังไม่ได้บอกเมย์

     

    ‘คุณอิซึกิ… คุณเป็นใครกันแน่…’ 


    เควินพูดขึ้นในใจพลางนึกถึงเรื่องก่อนหน้านี้ที่เขาเผลอไปได้ยินมาในขณะที่กำลังต่อสู้อยู่

     

    “นี่เธอช่วยฟังฉันสักหน่อยจะได้มั้ย?! ฉันไม่ได้มีเจตนาที่จะสู้กับเธอนะ!” 

     

    อิซึกิจับไปที่แขนของหญิงสาวคนหนึ่งที่มีพลังของแฮชเชอร์ ซึ่งเธอก็ได้ใช้พลังลมสบัดแขนของเขาออกก่อนที่จะสวนกลับ

     

    “ฉันไม่สนใจจะฟังไอ้เจ้าคนที่ทรยศแบบแกหรอก?!” 


    พูดจบเธอก็ซัดไปที่อิซึกิทันทีซึ่งเขาก็หลบออกก่อนสวนกลับ

     

    “ทรยศบ้านเธอเซ้!!!! เดิมทีแล้วฉันก็แค่ต้องการช่วยพวกเธอเท่านั้นไม่ได้อยู่ฝ่ายพวกเธอมาตั้งแต่แรกแล้วเฟ้ย?!!!!”

     

    ถ้าหากเป็นเควินเมื่อก่อนเจาก็คงไม่ลังเลที่จะบอกเมย์ในเรื่องที่เขาไปได้ยินมา แต่ตอนนี้มันไม่ใช่ 


    เนื่องจากพวกเราร่วมต่อสู้กันมาก็จัดว่านานพอสมควรเขาค่อนข้างเชื่อใจอิซึกิพอสมควรถึงจะรู้ว่าทางนั้นมีความลับเยอะ


    แต่ถ้าหากสามารถทำให้อีกฝ่ายเชื่อใจพวกเขาได้ยังไงอิซึกิก็ต้องเอ่ยปากพูดมันออกมาเอง

     

    หากเควินบอกเมย์ไปเธอจะต้องเอาเร่องนี้ไปแจ้งกับทางเบื้องบนแน่ๆถ้าเรื่องมันบานปลายไปเป็นการควบคุมตัวอิซึกิเมื่อไหร่รับรองว่าได้วอดวายกันหมดแน่ๆ

     

    “เห้อ… ให้ตายสิคิดไปคิดมาแล้วมันก็น่าปวดหัวจริงๆรู้งี้ไม่น่าไปได้ยินเรื่องแบบนั้นเลยก็ดีอยู่แล้วแท้ๆ เห้อออ”


    นี่อาจจะเป็นครั้งแรกเลย ที่เควินนั้นรู้สึกว่าเขาไม่อยากจะรับรู้อะไรแล้ว

     

     


    หลายเดือนต่อมา

     

    กี่เดือนแล้วก็ไม่ทราบ เพราะอิซึกิไม่ได้นับหลังจากที่ผ่านเหตุการณ์ครั้งนั้นมา ไฟร์มอดก็ยังมีการตรวจพบแฮชเชอร์อยู่เรื่อยๆ 


    สามวันแรกหลังจากวันที่อิซึกิกับเควินต่อสู้กับแฮชเชอร์อยู่ภายในเมืองก็มีการตรวจพบแฮชเชอร์เพิ่มขึ้นอีกสามคน


    จากนั้นต่อมาอีกหลายวันก็มีการพบเจอแฮชเชอร์อีกเรื่อยๆ 


    จนมาถึงปัจจุบันไฟมอดก็มีการค้นพบแฮชเชอร์ปาเข้าไปก็หนึ่งพันคนแล้วเมื่อหนึ่งเดือนก่อน

     

    หลังจากนั้นจำนวนหนึ่งพันคนก็ไม่มีการเพิ่มขึ้นอีกเลย และด้วยจำนวนแฮชเชอร์ที่มากมายขนาดนี้ 


    ทางไฟมอดเลยตั้งสมญานามให้กับมันว่า แฮชเชอร์แห่งการครอบงำ


    (herrscher of dominance)


    ด้วยจำนวนแฮชเชอร์ที่มากมายขนาดนี้ชื่อนี้น่าจะเหมาะสมแล้วหล่ะนะ

     

    ความสามารถของแฮชเชอร์แต่ละคนล้วนแล้วแต่เป็นความสามารถของแฮชเชอร์ที่พวกเขาเคยเข้าปะทะมาทั้งนั้นแต่ที่จะเห็นบ่อยๆเลยก็คือควบคุมธาตุต่างๆ 


    แม้พวกมันจะมีพลังเฉกเช่นเดียวกับแฮชเชอร์ที่พวกเขาเคยเข้าปะทะมาแล้วทว่าความรุนแรงยังไม่อาจจะเทียบเท่ากับแฮชเชอร์จริงๆได้ 


    แต่ก็มีลำบากอยู่บ้างแล้วแต่ฝีมือของทหารที่เข้าไปปะทะกับพวกมันหล่ะนะ

     

    และสิ่งที่ทั้งหมดมีเหมือนกันเลยก็คือคอร์แฮชเชอร์นั่นเองแม้พลังมันจะมีไม่มากเหมือนกับแฮชเชอร์จริงๆแต่ก็จัดได้ว่าแข็งแกร่งพอสมควรอาจจะ


    เพราะด้วยการมีตัวตนอยู่ของอิซึกิพวกฮงไคเลยพัฒนาตัวเองขึ้นมาจนแข็งแกร่งขนาดนี้ ตัวซวยชัดๆ

     

    แม้พวกมันจะไม่ได้มีความแข็งแกร่งที่เทียบเท่ากับแฮชเชอร์ต้นฉบับทว่ามันกลับเป็นแฮชเชอร์ที่รับมือได้ยากกว่า

     

    เนื่องจากจำนวนที่มากแถมพวกยังสามารถจุติที่ร่างของมนุษย์คนใดก็ได้บนโลกแม้แต่สมาชิกระดับสูงของไฟมอดเองก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น 


    สมาชิกระดับสูงของไฟมอดที่ถูกเลือกให้เป็นร่างจุติของแฮชเชอร์ทางศูนย์บัญชาการให้ระดับของเธอว่า L10-997 

     

    แม้ว่าพวกเขาจะไม่ทราบว่าใครที่จะกลายเป็นผู้ถูกเลือกให้จุติก็ตามแต่ด้วยความฉลาดของเมย์เธอจึงจับผิดสังเกตอะไรบางอย่างได้ 


    เพราะทุกที่ส่วนใหญ่ที่ถูกโจมตีล้วนแล้วแต่เป็นพื้นที่ที่ใกล้ฐานผลิตกุญแจสวรรค์ทั้งสิ้น 


    แน่นอนว่าพื้นที่เหล่านั้นล้วนแล้วแต่เป็นความลับทั้งหมด 


    สมาชิกโดยทั่วไปไม่อาจจะเข้าถึงข้อมูลที่เป็นฐานที่ตั้งของพื้นที่ที่ใช้ผลิตกุญแจสวรรค์ได้ทางเควินกับอิซึกิก็ไม่ทราบที่ตั้งเช่นกัน

     

    ด้วยเหตุนี้เองเมย์ก็เลยคาดการว่าการที่พวกมันรู้ที่ตั้งของฐานการการผลิตกุญแจสวรรค์แบบนี้ก็น่าจะมาจากความทรงจำของ L10-997 ที่เป็นสมาชิกระดับสูงของไฟร์มอด 


    ถ้าคาดการแบบนี้พวกเขาก็จะรับรู้ถึงความสามารถอีกอย่างของพวกมัน


    นั่นก็คือการติดต่อสื่อสารกันผ่านคอร์แฮชเชอร์นั่นเองสังเกตได้จากแฮชเชอร์ตนหนึ่งที่เป็นพนังงานร้านสะดวกซื้อธรรมดาแต่กลับรู้ที่ตั้งของฐานการผลิตกุญแจสวรรค์ที่จะมีแค่สมาชิกระดับสูงเท่านั้นที่จะรู้

     

    “เอาหล่ะมากันครบ… แล้ว… สินะ… เดี๋ยวนะเควิน… อิซึกิหายไปไหนหล่ะ?” 


    เมย์ที่พึ่งเดินเข้ามาภายในห้อง ที่ใช้วางแผนการรบถามขึ้นด้วยความประหลาดใจ


    เพราะมันมีอยู่คนหนึ่งที่เธอเชิญมาแต่กลับไม่ได้อยู่ห้องด้วยนี่สิ คนนั้นไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นอิซึกินั่นเอง

     

    “ฉันบอกให้นายโทรตามอิซึกิมาไม่ใช่หรอ?”

     

    “ผมโทรบอกแล้วนะ เขาเองก็บอกด้วยว่าจะมา แต่พอผมเข้ามาในห้องก็เจอแค่ฮัวคนเดียวที่มารออยู่ก่อนแล้ว” 

     

    เควินชิ้นิ้วไปที่ฟูฮัวที่ยืนอยู่ริมห้อง ซึ่งเมย์ที่ได้ยินก็หันไปถามกับฮัวทันทีว่าเธอเห็นอิซึกิมั้ยแน่นอนว่าเธอไม่เห็น

     

    “เอาอีกแล้วๆ พอนัดมาทีไรไม่เคยมาตามนัดตลอด รู้งี้ให้เควินขับรถไปลากคอหมอนั่นออกมาจากบ้านซะก็ดี”

     

    “แล้วจะเอายังไงหล่ะรอเขามาก่อนมั้ย?” 

     

    เควินถามกับเมย์ด้วยใบหน้าที่ไม่สู้ดีนักเพราะเขารู้สึกหวั่นๆกับท่าทางของเมย์ไม่น้อยเลยเห็นได้จากเส้นเลือดที่ปรากฎอยู่บนหน้าผาก

     

    “เดี๋ยวฉันลองโทรตามดู…” 

     

    เควินที่ได้ยินเจ้าตัวก็ถึงกับถอนหายใจออกมาเลยทีเดียวเนื่องจากเขารู้ดีว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น


    หลังจากนี้ไปและมันก็เป็นแบบที่คิดจริงๆเวลาผ่านไปราวๆสามนาทีพวกเขาก็ได้ยินเสียงบางอย่าง

     

    แกร๊ก!

     

    “เอานํ้าเย็นๆสักเเก้วมั้ยเมย์?”


     เควินที่ได้ยินเสียงอะไรบางอย่างก็ได้หันไปดูทันทีก็ปรากฎว่าตอนนี้เมย์บีบโทรศัพท์ของตัวเองจนมันเริ่มร้าวแล้ว 


    เจ้าตัวที่เห็นแบบนั้นเหมือนจะรู้งานของตัวเองดี ก็เลยได้หยิบนํ้าแก้วหนึ่งขึ้นมาทำให้มันเย็นแล้วก็ยื่นมันให้กับเธอ

     

    “ขอบใจนะเควิน”

     

    “อืม แล้วจะเอายังไงต่อหล่ะ? จะเลื่อนการประชุมครั้งนี้ออกไปก่อนมั้ย?”

     

    “ไม่หล่ะ ครั้งนี้มันสำคัญมากเลื่อนไม่ได้เด็ดขาดดูเหมือนคงต้องใช้ไม้ตายแล้วสินะ…” 


    เมย์ยกโทรศัพท์ขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกับโทรหาใครบางคน

     

    [ฮัลโหล มีอะไรงั้นหรอเมย์?]

     

    “โมเบียสหรอ? ตอนนี้เธอว่างรึเปล่า?” 


    เควินที่ได้ยินชื่อของโมเบียสดังออกมาจากปากของเมย์เขาก็รับรู้ได้ในทันทีเลยว่าอิซึกินั้นชะตาขาดแล้วแถมยังขาดแบบขาดสะบั้นเลยด้วย

     

    [ตอนนี้หรอ? ฉันกำลังจะไปทานข้าวหน่ะมีอะไรงั้นหรอ?]

     

    “ฉันขอวานอะไรหน่อยได้มั้ย? ช่วยไปลากคออิซึกิมาให้ฉันที่ห้องวางแผนการรบหน่อยสิ”

     

    [อิซึกิหรอ? ทำไมหล่ะ?]

     

    “ฉันนัดเขาไว้ว่าวันนี้มีการประชุมวางแผนการรบหน่ะ แต่ก็ไม่เห็นมาเลย แถมทางนั้นก็บอกเองด้วยว่าจะมาแต่ก็ไม่ยอมมาสักทีโทรไปแล้วก็ไม่ยอมรับสายเพราะงั้นช่วยไปตามให้หน่อยสิ”

     

    [ห๊ะ? เอาอีกแล้วหรอ? เห้อ… รอบที่เท่าไหร่แล้วหล่ะเนี้ย… โอเค… เดี๋ยวฉันไปตามให้--]

     

    “เอาหล่ะ อีกสักพักอิซึกิก็น่าจะมาแล้วหล่ะ เพราะงั้นระหว่างรอก็ให้แยกย้ายกันก่อนอีกก็แล้วกันนะราวๆ 10 นาทีแล้วค่อยมารวม”

     

    ““อืม/ค่ะ””

     

     

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .


    ชะตาขาดแล้วเอ็ง กดหัวใจเยอะตอนใหม่อาจจะมาไวงับ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนเปิดให้แสดงความคิดเห็น “เฉพาะสมาชิก” เท่านั้น
    ×