NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

  • มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ
  • มีการบรรยายเนื้อหาที่เกี่ยวกับความรุนแรงสูง
  • มีเนื้อหาที่เครียดหรือหดหู่มาก ซึ่งอาจกระทบต่อภาวะทางจิตใจ

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Honkai Impact X Anime] ฉันมันก็แค่คนหน้าเหมือนเท่านั้นแหล่ะ

    ลำดับตอนที่ #18 : ตอนที่ 16

    • อัปเดตล่าสุด 3 ส.ค. 66


    ณ ฐานทัพลับของ Fire Moth

     

    “เดี๋ยวผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้แหล่ะ” 

     

    เควินพูดขึ้นในขณะที่กำลังคุยโทรศัพท์เขาได้เดินออกจากห้องแล้วก็ได้เจอเข้ากับเมย์พอดีเมื่อเธอเห็นเควินเธอก็ได้ถามขึ้นทันที

     

    เพราะดูจากชุดของเควินแล้วเหมือนกับว่าเขากำลังจะออกไปที่ไหนสักแห่ง

     

    “นี่เควินนายแต่งตัวแบบนั้นคิดจะไปไหนหน่ะ?”

     

    “ผมจะออกไปหาคุณอิซึกิหน่ะเห็นบอกว่ามีสำคัญมากๆแล้วให้รีบไปด่วนเลย…” 

     

    เควินตอบกลับก่อนที่จะกดปิดมือถือของตัวเองซึ่งเมย์ที่ได้ยินก็แปลกใจเล็กน้อย

     

    เพราะตอนนี้มันเที่ยงคืนจะตีหนึ่งอยู่แล้ว

     

    “แต่นี่มันจะตีหนึ่งแล้วนะอิซึกิจะเรียกนายออกไปทำอะไรหล่ะนั่น?”

     

    “เวลานี้มันควรจะเป็นเวลาปิดร้านของเขาไม่ใช่หรอ? คงไม่ใช่ว่าจะเรียกนายให้ไปช่วยเก็บร้านนะ”

     

    “เรื่องนั้นผมเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าเขาเรียกผมไปทำไม… ”

     

    “อ่อ… จริงสิอิซึกิได้บอกด้วยนะว่าถ้าหากเป็นไปได้ก็ให้เธอไปด้วย”

     

    “ฉันด้วยหรอ?”

     

    “ใช่” 

     

    เมย์ที่ได้ยินก็ประหลาดใจเล็กน้อยว่าเขาจะเรียกทั้งเธอและเควินไปทำไม แต่ในเมื่อคิดไปก็หาคำตอบไม่ได้อยู่ดี

     

    ถ้างั้นก็ไปถามกับเจ้าตัวเองเลยดีกว่าคิดได้แบบนั้นเธอก็ขอตัวไปแต่งตัวก่อน 

     

    เพราะตอนนี้มันดึกมากแล้วอากาศข้างนอกมันก็หนาวมากๆด้วย

     

    ในตอนแรกถ้าเควินไม่เจอเข้ากับเมย์เขาก็กะจะไปคนเดียวแล้ว

     

    เนื่องจากความเร็วของเควินที่เป็นเมทิสนั้นมีมากทำให้ใช้เวลาแป๊บเดียวก็ไปถึงแล้ว 

     

    แต่ในเมื่อมีเมย์ไปด้วยแบบนี้เควินก็เลยต้องใช้มอเตอร์ไซค์ขับไปแทน 

     

    และกว่าที่พวกเขาจะไปถึงมันก็เลยต้องใช้เวลาพอสมควร

     

    และเมื่อทั้งสองมาทั้งย่านที่อิซึกิใช้เป็นที่เปิดร้านราเมงพวกเขาทั้งสองก็ต่างพากันแสดงท่าทางตกใจออกมาทันที

     

    เพราะย่านที่เคยเงียบสงบตอนนี้มันได้กลายเป็นซากไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย

     

    “ที่นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันเนี้ย…?” 

     

    เมย์พูดออกมาด้วยความตกใจ

     

    “เรื่องนั้นผมว่าเอาไว้ก่อนดีกว่า ตอนนี้เราต้องตามหาอิซึกิแล้วค่อยถามเอาจากเขาอีกทีว่ามันเกิดอะไรขึ้นที่นี่…” 

     

    พูดจบแล้วทั้งสองก็ได้มุ่งหน้าไปยังร้านของอิซึกิต่อในทันที 

     

    ก่อนที่จะพบว่าตอนนี้อิซึกิที่อยู่ในชุดรบกำลังนั่งพักอยู่ที่เศษซากของปูน


    เสื้อผ้าของเขานี่ก็เรียกได้ว่าสะอักสะบอมพอสวรเลยหล่ะ

     

    “หืม? อ่าว? มาถึงแล้วหรอ?” 

     

    อิซึกิที่หันมาเจอเข้ากับทั้งคู่ก็ได้พูดขึ้นด้วยความแปลกใจเล็กน้อย

     

    จากนั้นเมื่อมาถึงเควินก็ยินคำถามใส่ทันทีเลยว่ามันเกิดอะไรขึ้น

     

    ซึ่งอิซึกิก็ได้ถอนหายใจออมาเบาๆก่อนที่เขาจะชี้นิ้วไปที่เสาร์ๆต้นหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลมากนัก

     

    เมื่อทั้งสองหันไปก็ได้พบเข้ากับผู้หญิงจำนวน 8 คนกำลังนั่งหมดสติอยู่

     

    โดยที่มือทั้งสองข้างของพวกเธอถูกเชือกมัดเอาไว้ติดกับเสาร์ร่างกายของพวกเธอมีร่องรอยการต่อสู้ปรากฎให้เห็นอย่างชัดเจน

     

    “ยัยพวกนี้โจมตีฉันตอนที่กำลังจะปิดร้านหน่ะ”

     

    “แล้วที่เห็นว่าแน่นิ่งแบบนั้นฉันไม่ได้ฆ่าเธอหรอกนะแค่ทำให้สลบไปเท่านั้น...”

     

    “ส่วนที่ย่านนี้เป็นแบบนี้มันก็เป็นเพราะยัยพวกนี้เช่นกันที่ฉันเรียกพวกนายมาเพราะอยากจะให้ตรวจสอบให้หน่อย”

     

    “ว่าเพราะอะไรทำให้เธอถึงสามารถใช้พลังได้ทั้งๆที่ไม่ใช่แมนทิสแบบพวกเรา”

     

    “ให้ตายสิ… ยัยพวกนี้เล่นซะฉันลงไปนอนกริ้งเลย…”

     

    อิซึกิพูดขึ้นแม้เขาจะรู้อยู่แล้วก็เถอะแต่เพื่อความเนียนเพราะงั้นก็ต้องทำเป็นไม่รู้

     

    “พวกเธอสามารถทำให้คุณลงไปกริ้งได้เลยงั้นหรอ? ไม่ใช่ว่าคุณอ่อนแอลงไปงั้นหรอ?”

     

    “อย่ามาย้อนนะเฟ้ย?! ถ้ายัยพวกนี้มาแค่คนเดียวฉันก็คงไม่ต้องมามีสภาพแบบนี้หรอกน่า! นายไ่ม่ได้สู้เองจะไปรู้ได้ไงฟร่ะเจ้าบ้า?!”

     

    “พอเลยทั้งสองคน… ถ้าหากมันเป็นแบบที่นายบอกจริงๆงานนี้พวกเราคงจะนิ่งเฉยไม่ได้แล้วเหมือนกัน”

     

    “แถมยังมีฝีมือขนาดที่ทำให้นายลงไปกริ้งได้นี่ถือว่าระดับไม่ธรรมดาแล้วแบบนี้พวกเราคงจะประมาทไม่ได้แล้วหล่ะ” 

     

    เมย์ห้ามทั้งสองก่อนที่เธอจะร่ายยาวในสิ่งที่กำลังคิดอยู่ออกมา

     

    หลังจากนั้นเธอก็ได้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อโทรบอกให้ทางฐานของไฟมอลส่งคนมาช่วยทางนี้

     

    “อ่อ ฝากเคลียร์เรื่องซากพวกนี้ด้วย---”

     

    “?!!!”

     

    หมับ!!!

     

    “อ๊ะ?!” 

     

    ยังไม่ทันที่อิซึกิจะพูดจบ จู่ๆทั้งเขาและเควินก็ต่างรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างจากทางด้านหลังของเมย์ 

     

    ซึ่งอิซึกินั้นอยู่ไกลเกินไปกว่าที่เขาจะไปถึง

     

    ส่วนทางเควินที่รู้สึกถึงอะไรบางอย่างแบบเดียวกันก็รีบปล่อยมืออกไปคว้าอากาศเอาไว้ทันที

     

    เมย์ที่กำลังมึนงงกับการกระทำของเควินอยู่นั้นจู่ๆอากาศที่ว่างเปล่า

     

    ก็ค่อยๆปรากฎร่างของหญิงสาวคนหนึ่งที่กำลังถือมีดเธอได้ง้างมันขึ้นราวกับกำลังจะแทงมันลงไปที่ร่างของเมย์

     

    เมื่อเควินเห็นร่างของเธอปรากฎขึ้นแล้วเขาก็ไม่รอช้า 

     

    พุ่งตัวเข้าไปล็อกเธอเอาไว้จากทางด้านหลังทันทีด้วยความเร็วสูง

     

    “นี่คุณคิด---”

     

    ฟึบ!!! ฟิ้ววววววววว!!! ตูมมมมมมมมมม!!!!

     

    ยังไม่ทันที่เควินจะพูดจบจู่ๆร่างของอิซึกิก็ได้ถูกอะไรบางอย่างกระแทกเข้าอย่างแรง

     

    จนเขาได้ลอยผ่านหน้าเมย์และเควินไปอย่างรวดเร็ว

     

    หลังจากนั้นก็ได้กระแทกเข้ากับอาคารที่อยู่ใกล้ๆในทันที

     

    “เวรเอ๊ย… ยัยบ้าพวกนั้นทำไมฟื้นไวจังฟร่ะ?!” 

     

    อิซึกิค่อยๆดันร่างของตัวเองขึ้นมาจากซากประหลักหักพังที่กำลังทับร่างกายของเขาอยู่

     

    จากนั้นก็ได้มองไปยังเสาร์ต้นนั้นอีกครั้ง

     

    ซึ่งมันก็ปรากฎว่าตอนนี้พวกเธอได้ฟื้นขึ้นมาแล้วเชือกที่อิซึกิมัดเธอเอาไว้ก็ถูกพวกเธอทำลายมันลงได้อย่างง่ายดาย 

     

    และคนที่โจมตีเขาเมื่อกี้จนลอยออกมาก็ไม่ใช่ใครที่ไหน

     

    แต่เป็นผู้หญิงที่ใช้พลังลมความรู้สึกของอิซึกิตอนนี้ก็ต้องบอกเลยว่าเขาโคตรหงุดหงิดเลย 

     

    เพราะเขาถูกยัยนั่นทำให้ลอยออกมาหลายรอบแล้วไม่แปลกเลยที่อิซึกิจะรู้สึกโมโหขึ้นมาจริงๆ

     

    เขาสัญญาเอาไว้กับแฮชเชอร์แห่งดวงดาวแล้วว่า

     

    ถ้าทำได้เขาจะลองเกลี้ยกล่อมแฮชเชอร์ตนอื่นๆดูถ้าหากพวกนั้นไม่ยอมเขาถึงจะใช้กำลัง 

     

    นั่นแหล่ะเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมอิซึกิถึงไม่ได้ฆ่าพวกเธอ 

     

    ก่อนหน้านี้เขาได้ลองพยายามสื่อสารกับยัยพวกนั้นแล้วว่าเขาไม่อยากจะสู้กับพวกเธอ 

     

    แต่ก็ไม่มีใครฟังเลยสักครั้งคนเอะอะก็จะซัดเขาอย่างเดียวเลย

     

    “เออๆ?! ถ้าไม่อยากคุยนักงั้นก็ไม่ต้องคุยแล้วโว้ย?!!!!!”

     

    ‘นี่ยัยดวงดาวเธอเห็นแล้วใช่มั้ยว่ายัยพวกนั้นมันไม่คิดที่จะคุยกับฉันเลยสักนิดเพราะงั้นตามสัญญาฉันจะขอจัดการเลยก็แล้วกัน’

     

     อิซึกิได้พูดขึ้นในใจอยู่คนเดียวและทันใดนั้นเองจู่ๆก็ได้มีเสียงของหญิงสาวคนหนึ่งดังแทรกขึ้นภายมาในหัวของเขา

     

    ‘อืม… แล้วแต่เจ้าเถอะ…’

     

    ‘อ่า… แล้วใจแล้ว… ถ้าเธอไม่อยากจะดูหล่ะก็จะกลับเข้าไปนอนอยู่ในคอร์ของเธอก็ได้นะ’ 

     

    อิซึกิพูดได้ขึ้นในใจโดยที่ข้างๆของเขามีร่างของใครบางคนลอยอยู่ซึ่งเธอก็ไม่ใช่ใครที่ไหน

     

    แฮชเชอร์แห่งดวงดาวคนดีคนเดิมของเรานั่นเองเพียงแต่อยู่ในสถานะของวิญญานเท่านั้น

     

    ร่างของเธอคนปกติไม่สามารถเห็นได้ยกเว้นอิซึกิที่มีคอร์แฮชเชอร์ที่แท้จริงของเธออยู่กับตัว

     

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนเปิดให้แสดงความคิดเห็น “เฉพาะสมาชิก” เท่านั้น
    ×