NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

  • มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ
  • มีการบรรยายเนื้อหาที่เกี่ยวกับความรุนแรงสูง
  • มีเนื้อหาที่เครียดหรือหดหู่มาก ซึ่งอาจกระทบต่อภาวะทางจิตใจ

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Honkai Impact X Anime] ฉันมันก็แค่คนหน้าเหมือนเท่านั้นแหล่ะ

    ลำดับตอนที่ #14 : ตอนที่ 13

    • อัปเดตล่าสุด 24 มี.ค. 66


    “งั้นเอาแบบนี้ก็แล้วกัน”

     

    เมื่อเขาพูดจบอิซึกิก็ปลดโซ่ของจูดาห์ออกให้เธอทันทีซึ่งมันฟังดูเป็นการกระทำที่โง่มากที่ไปปลดให้แฮชเชอร์แบบนี้

     

    ซึ่งถ้าเป็นเขาในร่างธรรมดาหล่ะก็ใช่แต่ไม่ใช่กับอิซึกิในร่างนี้เนื่องจากเขาสามารถยับยั่งพลังงานฮงไคของอีกฝ่ายได้

     

    เวลาที่แฮชเชอร์ที่มีพลังงานฮงไคน้อยกว่าเขาหรือแข็งแกร่งน้อยกว่า


    เมื่ออยู่ในมิติแห่งนี้เจ้าตัวจะสามารถที่ยับยั่งพลังงานฮงไคของอีกฝ่ายได้

     

    เพราะงั้นถ้าเป็นคนที่อ่อนแอกว่าเขาจะไม่สามารถใช้พลังงานฮงไคได้

     

    ฉะนั้นมีวิธีเดียวที่เธอจะใช้ในการต่อสู้กับเขาได้ก็คือใช้มือเปล่าเท่านั้น

     

    แล้วก็อาวุธธรรมดาที่ไม่มีพลังงานฮงไคซึ่งแฮชเชอร์ส่วนใหญ่ไม่ใช่ปะทะที่จะเข้าปะทะตรงๆอยู่แล้วงั้นก็ตัดเรื่องใช้อาวุธธรรมดาสู้ออกไปได้เลย

     

    “ทะ-ทำไมข้าถึงใช้พลังงานฮงไคไม่ได้?!”

     

    “เอาหล่ะ ช่างเรื่องพลังของเจ้าไปก่อนยังไงเจ้าก็สู้ข้าไม่ได้อยู่แล้ว เพราะงั้นเลิกซ่าแล้วฟังที่ข้ากำลังจะพูดซะ”

     

    “กรอด!”

     

    เธอที่ได้ยินก็ทำได้แต่ขบฟันของตัวเองเท่านั้นในตอนนี้เธอไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากฟังเรื่องที่เขาจะพูดเท่านั้น

     

    “งั้นก็เริ่มจาก….”

     

     


    ตัดกลับมาที่ด้านนอก

     

    หลังจากที่อิซึกิขังตัวเองกับแฮชเชอร์แห่งดวงดาวเอาไว้ในมิติมายาที่เขาสร้างขึ้นมันก็ผ่านมาได้ราวๆ 2 ชม.แล้วในที่สุดเควินก็มาถึงทวีปมูในที่สุด

     

    “เมื่อกี้เธอว่าอะไรนะเมย์?”

     

    [ฉันบอกว่าตอนนี้พลังงานฮงไคจำนวนมากตอนนี้มันหายไปแล้วนั่นก็หมายความว่าอิซึกิจัดการกับแฮชเชอร์ไปแล้วยังไงหล่ะ]

     

    “เรื่องนั่นฉันเข้าใจแล้ว แต่ที่ฉันหมายถึงคือเมื่อกี้เธอบอกว่าอยู่ดีๆสัญญานอิซึกิก็หายไปอย่างงั้นหรอ?”

     

    [ใช่… ฉันบอกโมเบียสว่าให้เอาตัวส่งสัญญานไปให้กับอิซึกิด้วยก่อนที่เขาจะไปขึ้นเครื่อง ซึ่งมันก็ยังทำงานดีอยู่จนกระทั่งเมื่อ 2 ชม.ก่อนอยู่ดีๆสัญญานของเขากับแฮชเชอร์ก็ได้หายไป]

     

    “2 ชม.ก่อน? แล้วทำไมเธอพึ่งมาบอฉันเอาตอนนี้หล่ะ?”

     

    [ฉันติดต่อนายไปตั้งหลายครั้งแล้วต่างหากทำไมนายไม่ยอมกดรับหล่ะห๊ะเควิน?!]

     

    “อ่อ…”

     

    เควินที่ได้ยินเหงื่อตกเลยเขาไม่กล้าบอกเมย์ว่าตอนที่อยู่บนเครื่องแบตหูฟังมันหมด

     

    เพราะเจ้าตัวเอาไปฟังเพลงในตอนที่เครื่องกำลังจะขึ้นแถมก็ไม่ได้เอาตัวชาร์ตมาอีก

     

    ตอนนี้เขาก็เลยต้องมายืมใช้ที่ฐาน Fire Moth ที่ทวีปมูแทนจะขอยืมนักบินก็ไม่มีอีก

     

    [นายไม่ได้เอาสายชาร์ตไปด้วยใช่มั้ย?]

     

    “ทะ-ทำไมเธอถึง?!”

     

    [ตอบมาซะนายไม่ได้เอาไปใช่มั้ยเควิน?]

     

    “คะ-ครับ ละ-แล้วเธอรู้ได้ยังไงว่าฉันไม่ได้เอามา?”

     

    [ในตอนที่ฉันติดต่อนายไปตั้งหลายครั้งแต่ไม่มีเสียงตอบกลับ

    ฉันก็เลยคิดว่าบางทีนายน่าจะลืมเอาสายชาร์ตไปด้วยรึเปล่าก็เลยลองเข้าไปหาที่ห้องของนายแล้วก็เจอจริงๆ]

     

    “ที่จริงมันอาจจะพังก็ได้นะ”

     

    [เควิน… มันไม่มีทางที่หูฟังของฉันมันจะมาพังทีเดียวทั้งสองข้างหรอกนะถ้านายไม่ทำลายมันเองหน่ะ… ที่นี้เข้าใจรึยังว่าฉันรู้ได้ยังไง?]

     

    “อะ-อืม”

     

    ทั้งทีเจ้าตัวก็มียีนของพาวาติที่ทำให้อุณหภูมิร่างกายเย็นลงแท้ๆแต่ทำไมหลังของเขามันถึงได้เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อแบบนี้กันก็ไม่รู้

     

    [ฉันจะส่งพื้นที่ๆอิซึกิอยู่ล่าสุดไปให้นายงั้นนายก็ลองไปตรวจสอบดูก็แล้วกันว่าสัญญานมันหายไปไหน

    แล้วก็ห้ามปฎิเสธด้วยนายลืมสายชาร์ตเอาไว้นี่ถือเป็นการลงโทษเข้าใจมั้ย?]

     

    “ทราบแล้วครับ”

     

    นํ้าเสียงของเควินในตอนนี้อ่อนลงเป็นอย่างมากหมดสภาพอนาคตของชายผู้ที่กำลังจะเป็นปราการด่านสุดท้ายของมนุษยชาติเป็นอย่างมาก

     

    “งั้นจะวางหล่ะนะ”

     

    [อืม แล้วอย่าให้แบตหมดอีกหล่ะถ้านายทำผลงานออกมาได้ดีฉันจะให้นายทานอาหารฝีมือฉันเป็นการตอบแทน]

     

    “ฉันเกรงใจจังเลย”

     

    [ไม่ต้องเกรงใจเดี๋ยวฉันทำให้ทั้งสามมื้อเลย]

     

    “เอ่อ… อะ-เอาเป็นว่าเดี๋ยวฉันออกไปตามหาอิซึกิก่อนแล้วกันนะแค่นี้แหล่ะไว้เจอกันนะ!”

     

    [เดี๋ยวสิเควิ----]

     

    ยังไม่ทันทีเมย์จะพูดจบเควินก็ตัดสายเธอทันทีพอได้ยินว่าเมย์จะทำอาหารใบหน้าของเควินก็ซีดลงอย่างเห็นได้ชัด

     

    “ฟูววว… ยีนฮงไคมีความสามารถในการต้านพิษมั้ยเนี้ย?”


    จากนั้นเควินก็ได้นั่งรอแบตหูฟังชาร์ตเสร็จก็ได้ออกตามหาตัวของอิซึกิในทันที


    ซึ่งตามหาจากจุดที่จับสัญญานได้ล่าสุด

     

    แน่นอนว่าเควินไม่ได้ไปแค่คนเดียวแต่เขาไปกับทหารของ Fire moth อีกจำนวนหนึ่ง

     

    การหายตัวไปของอิซึกิถือว่าเป็นเรื่องใหญ่เป็นอย่างมาก


    อย่างน้อยๆไม่เจอเขาแบบมีชีวิตแต่ก็ให้เก็บกู้ร่างของเขากลับมาก็ยังดี

     

    ตัวของเควินและทหารอีกจำนวนหนึ่งพวกเขาได้ใช้วิธีการโดยสารด้วยรถหุ้มเกราะ


    แม้บอกว่าแฮชเชอร์หายไปแล้วแต่ยังไงก็กันเอาไว้ก่อนก็ยังดี

     

    “หืม?”

     

    ทหารนายหนึ่งที่เป็นคนขับรถร้องออกมาด้วยความแปลกใจเล็กน้อย

     

    “มีอะไรงั้นหรอ?”

     

    เควินที่นั่งอยู่ทางด้านหลังถามออกมาด้วยความแปลกใจเล็กน้อยที่ได้ยินเสียงของคนขับรถก่อนที่ทหารนายนั่นจะพูดขึ้น

     

    “อ่อ เปล่าครับอยู่ดีๆทำไมถึงได้มีหมอกลงในเวลาแบบนี้ก็ไม่รู้หน่ะครับ”

     

    “หมอกงั้น---”

     

    ติ๊ง!

     

    ยังไม่ทันที่เควินจะพูดจบสัญญานของอิซึกิที่หายไปก่อนหน้านี้มันก็ได้กลับมา


    เมื่อเจ้าตัวเห็นแบบนั่นก็รีบหันไปบอกให้คนขับรถหยุดรถทันที

     

    “นี่นายหยุดรถก่อนสิ”

     

    เอี๊ยด!

     

    “มะ-มีอะไรงั้นหรอครับ?”

     

    “เดี๋ยวฉันอยากจะไปตรวจสอบอะไรนิดๆหน่อยๆพวกนายรออยู่บนนี่แหล่ะเดี๋ยวฉันมา” 

     

    พูดจบเควินก็ลงไปจากรถทันทีท่ามกลางสายตามึนงงของทุกคนทางเควินเดินเข้าไปภายในหมอกไปเรื่อยๆ

     

    ตามสัญญานที่ปรากฎบนหน้าจอก่อนที่เควินนั้นจะเจอเข้ากับอิซึกิที่นั่งหมดอาลัยตายอยากอยู่ที่พื้นดิน

     

    “นี่คุณมานั่งทำอะไรตรงนี้?”

     

    “อ่าว? เควินเองหรอกหรอ? ”

     

    อิซึกิพูดออกมาราวกับคนหมดแรงก่อนที่จะโยนบางอย่างให้กับเควินนั่นก็คือ

     

    “มาก็ดีงั้นนายเอานี่ไปสิ

     

    “นี่มันคอร์แฮชเชอร์?” ใช่แล้วมันคือคอร์แฮชเชอร์นั่นเอง


    และถ้าจะถามว่าทำไมอิซึกิถึงได้มีสภาพหมดอาลัยตายอยากแบบนี้ก็ต้องย้อนไปตอนที่เขาอยู่ในมิติมายา

     

    อิซึกิได้พูดเกลี้ยกล่อมแฮชเชอร์ได้สำเร็จแม้ช่วงแรกๆเธอจะยังไม่เชื่อใจเขาอยู่บ้างมันก็ใช้เวลานานไม่น้อยกว่าที่เธอจะเชื่อใจเขา

     

    แต่ประเด็นเลยคืออิซึกิไม่รู้วิะีการเอาคอร์แฮชเชอร์ออกมาโดยที่ทำให้เธอไม่เจ็บปวด


    ซึ่งเขาก็ได้หันไปถามกับระบบซึ่งเธอก็บอกว่าจะช่วยแต่ต้องแลกเปลี่ยนกับแต้มของเขา

     

    ซึ่งอิซึกิก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะแต้มเขามันมีแค่ 200 เองน้อยชิบหาย

     

    วิธีการที่ระบบทำคือการทำให้แฮชเชอร์แห่งดวงดาวนั่นหมดสติก่อน


    แล้วเธอก็ค่อยใช้พลังดึงคอร์ออกมาโดยไม่ทำให้เธอเจ็บปวด

     

    ทางระบบได้ผนึกร่างและจิตแฮชเชอร์ลงไปในอัญมณี

     

    แต่อิซึกิก็พึ่งมานึกได้ที่หลังว่าหากเขาจะคืนชีพให้เธอมาเป็นดวงจิตภูติของเขา


    เจ้าตัวก็จำเป็นที่จะต้องมีคอร์แฮชเชอร์เอาไว้สกัดเป็นวงแหวนอีกทีหนึ่ง

     

    งั้นแบบนี้เขาจะเอาอะไรเป็นหลักฐานว่าเขาจัดการแอชเชอร์ไปแล้วไปให้กับ Fire moth หล่ะ


    ขืนไปบอกปากเปล่าว่าเขาจัดการไปแล้วจะไม่โดนทางนั่นสงสัยเอารึไง

     

    ระบบก็เลยเสนอว่าเธอจะสร้างคอร์แฮชเชอร์เทียมขึ้นมาให้


    ซึ่งมีพลังที่เทียบเท่ากับของจริงเพื่อความแนบเนียนแต่เขาก็ต้องแลกกับ 20000 แต้ม

     

    แต่เขามีอยู่แค่ 200 แต้มแถมใช้ไปแล้วด้วย


    จะหาจากไหนมาให้เธอระบบก็เลยติดลบแต้มของเขาเอาไว้ 20000 แต้ม


    ถ้าจะให้พูดง่ายๆคือเขาต้องหาแต้ม 20000 มาคืนให้กับเธอ


    ซึ่งมันก็แปลว่าเขาต้องจัดการฮงไคอย่างตํ่า 20000 ตัวเขาถึงจะได้แต้มกลับมาเป็น 0 เท่าเดิม

     

    นี่แหล่ะเหตุผลที่ทำให้อิซึกิมีสภาพแบบนี้

     

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนเปิดให้แสดงความคิดเห็น “เฉพาะสมาชิก” เท่านั้น
    ×