NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

  • มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ
  • มีการบรรยายเนื้อหาที่เกี่ยวกับความรุนแรงสูง
  • มีเนื้อหาที่เครียดหรือหดหู่มาก ซึ่งอาจกระทบต่อภาวะทางจิตใจ

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Honkai Impact X Anime] ฉันมันก็แค่คนหน้าเหมือนเท่านั้นแหล่ะ

    ลำดับตอนที่ #12 : ตอนที่ 11

    • อัปเดตล่าสุด 11 เม.ย. 66


    ฟิ้ววววววววววววววววว!!!!

     

    ร่างของอิซึกินั้นพุ่งแหวกอากาศอย่างรวดเร็วซึ่งมันรวดเร็วถึงขนาดที่ไม่สามารถใช้เครื่องอะไรวัดได้เลย

     

    “นี่ระบบถ้าฉันใช้ขั้น 0 ของจูดาห์จะสามารถขัดขว้างพลังของทางนั้นได้รึเปล่า?”

     

    [มาสเตอร์หมายถึงจะสามารถขัดขว้างการทำงานของพลังอีกฝ่ายใช่มั้ยคะ? คำตอบก็คือใช่คะ]

    [แต่มาสเตอร์ต้องระวังหน่อยนะคะเนื่องจากสกิลเรียกใช้งานกุญแจสรรค์ของมาสเตอร์สามารถเรียกใช้ได้แค่ครั้งละดอกเท่านั้น]

    [แล้วถ้ามาสเตอร์ปลดปล่อยขั้น 0 ของจูดาห์มาสเตอร์จะไม่สามารถใช้อาวุธอย่างอื่นได้เลยนะคะ]

     

    “ฉันจะใช่เนเนะคิริมารุในการจัดการกับเธอซะแม้มันจะบอกว่าไม่สามารถใช้กับมนุษย์ได้แต่ถ้ากับแฮชเชอร์ก็ไม่น่าจะมีปัญหา”

     

    เมื่อพูดจบเขาก็เรียกจูดาห์ออกมาในทันทีส่วนมืออีกข้างหนึ่งก็เรียกเนเนะคิริมารุออกมา

     

    อิซึกินั้นไม่ต้องการที่จะปล่อยทางนั้นเอาไว้นานเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายนั้นอันตรายมากแค่ไหน

     

     


    ตัดมาทางทวีปมู

     

    “…..”

     

    เหนือหน้านฟ้าของทวีปมีร่างของหญิงสาวคนหนึ่งกำลังลอยอยู่สายตาของเธอได้จ้องลงไปยังเบื้องล่างด้วยสายตาที่เหยียดหยาม

     

    “!!!!”

     

    ในระหว่างที่เธอกำลังมองดูทวีปมูถูกทำลายไปที่ละนิดละนิดจู่ๆเธอก็รับรู้ได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่พุ่งเข้ามาหาเธออย่างรวดเร็ว

     

    ฟิ้วววววววววววววววว!!!!!

     

    เธอที่รับรู้ได้แบบนั้นก็จึงรีบหันไปมองยังทางๆนั้นทันทีก่อนที่เธอจะพบเข้ากับร่างของใครบ้างคนพุ่งมาที่เธอซึ่งเป้าหมายชัดเจนมาก

     

    เมื่อเธอเห็นเช่นนั้นก็ไม่รอช้ารีบยกมือขึ้นเพื่อที่จะใช้พลังแรงโน้มถ่วงใส่คนที่ซึ่งกำลังมุ่งมาทางเธอในทันทีแต่ทางนั้นก็วางแผนมาได้

     

    “คิดว่าฉันจะโง่ยอมให้เธอใช้พลังใส่ฉันรึไง?!!! จูดาห์!!! ปลดปล่อยขั้นศูนย์!!!!” 

     

    อิซึกิได้ตะโกนออกมาอย่างเสียงดังลั่นก่อนที่จะโยนจูกดาห์อัดหน้าของเธอทันทีอย่างไร้ปราณี

     

    เปรี้ยงงงงงงงงงงงงงง!!!!!!

     

    “อั่ก?!!!” 

     

    ด้วยพละกำลังอันมหาสารของเขาในร่างฮงไคทำใช้กางเขนยักษ์สีทองที่พุ่งกระแทกเข้ากับหน้าของเธอนั้นแทบไม่ต่างอะไรกับดาวตกขนาดย่อมๆเลย

     

    ส่งผลให้ร่างของเธอนั้นพุ่งไปกระแทกกับพื้นอย่างโลกอย่างแรง

     

    ตูมมมมมมมมมมมมมม!!!!!

     

    “อุ๊ย…. เจ็บมั้ยนั่น? เข้าเต็มๆหน้าเลยหวังว่าดั้งคงไม่หักนะ….” 

     

    อิซึกิที่เห็นว่าเขาเล็งพลาดไปกระแทกเข้ากับหน้าของเธอก็ถึงกับรู้สึกเจ็บแทนขึ้นมาทันที

     

    ในตอนแรกเขาไม่ได้เล็งไปที่หน้าสวยๆนั่นเลยสักนิดแต่เธอดันหันมาจะใช้พลังใส่เขาก่อน

     

    อิซึกิที่เห็นก็ล่กเลยทีนี้เขากลัวว่าแผนที่อุส่าคิดมาจะพัง

     

    เลยชิงโยนจูดาห์อัดเธอไปก่อนเลยและเมื่อจูดาห์ถูกพื้นมันก็เริ่มทำงานทันที

     

    [ไม่เหลือคะโดนเข้าไปขนาดนั้นไม่หัวกระแทกพื้นตายหน้าก็คงเสียโฉมไปแล้วหล่ะคะ]

    [เรื่องจมูกของเธอก็คงไม่ต้องพูดถึงหรอกคะหักแน่ๆระบบกล้ารับประกันเลย]

     

    ซึ่งมันก็เป็นไปตามที่ระบบบอกเอาไว้เลยแม้เธอจะไม่ตายจากการโจมตีเมื่อครู่

     

    แต่ร่างกายของเธอก็ถือว่าได้รับความเสียหายไม่ใช่น้อย

     

    โดยเฉพาะส่วนใบหน้าของเธอที่แสนภาคภูมิใจก็ถูกทำลายด้วยเช่นกัน

     

    สภาพของเธอในตอนนี้ก็เรียกได้ว่าเลือดท้วมทั้งหน้าเลย

     

    “หนอยแน่แก!!! บังอาจนักนะ?!!!” 

     

    เธอตะโกนออกมาด้วยความเกรี้ยวกราดพร้อมกับใช้มือเล็กๆกุมไปที่ใบหน้าอย่างปวดร้าว

     

    จากนั้นก็เงยหน้ามองไปยังร่างของชายหนุ่มผมขาวซึ่งเป็นคนทำ

     

    Captain Chibi (@DailyHI3Chibi) / Twitter

     

    “โทษทีนะ… เมื่อกี้ฉันไม่ได้ตั้งใจเล็งที่หน้าของเธอหรอกนะ…”

     

    แม้เขาจะพูดออกมาอย่างรู้สึกผิดในใจแต่ทว่านํ้าเสียงที่เขาเปล่งออกมาให้เธอได้ยินมันเป็นนํ้าเสียงที่เย็นชามากๆ

     

    “กรอด!!!” 


     

    เธอที่ได้ยินก็ทำได้แต่กัดฟันด้วยความเคลียดแค้น

     

    ก่อนที่เธอจะพยายามใช้พลังของเธอเพื่อฆ่าเขาแต่มันก็ไม่เป็นผล

     

    “ทำไม… ทำไมพลังของข้ามันถึงใช้งานไม่ได้?! ทำไมกันหรือว่าจะเป็นฝีมือของแก?!!!” 

     

    เธอตะโกนออกมาด้วยความตกใจ

     

    “อยากรู้งั้นหรอ… ถ้าอยากรู้นักก็ลองเงยหน้าขึ้นไปมองด้านบนเอาสิ…” 

     

    อิซึกิพูดพร้อมกับชี้นิ้วของเขาขึ้นไปด้านบน

     

    “?!!!”

     

    เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นไปมองก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจอีกครั้ง

     

    เนื่องจากตอนนี้บนท้องฟ้าที่ควรจะเต็มไปด้วยหมู่ดาวยามคํ่าคืนมากมาย

     

    บัดนี้มันได้ถูกแทนที่โดยฟันเฟื่อยขนาดใหญ่ยักษ์สีทองจำนวนมากเต็มท้องฟ้า

     

    แถมฟันเฟืองเหล่านั้นยังถูกโซ่สีทองตรึงเอาไว้

     

     

    “นี่… มัน… อะไรกัน?”

     

    “ถ้าเธอใช้พลังไม่ได้ก็ไม่ต้องตกใจไปเพราะเจ้าอาวุธที่ฉันโยนใส่หน้าของเธอไปเมื่อกี้มันได้สร้างสนามพลังแบบพิเศษซึ่งถูกเรียกว่า Elysion Pedion ขึ้นมามีความสามารถในการยับยั้งพลังงานทุกชนิดที่อยู่ในอาณาเขตนี้…ซึ่งไม่เว้นแม้แต่พลังงานฮงไค…

     

    คลืนๆๆๆ!!!

     

    “อึก?!!!” 

     

    เมื่อเขาพูดจบโซ่สีทองจำนวนมากมันก็ได้พุ่งเข้าไปรัดตรึงร่างของเธอเอาไว้อย่างรวดเร็ว

     

    จากนั้นอิซึกิก็ค่อยๆเดินเข้าไปหาเธออย่างช้าๆ

     

    วิ้งงงงงง…

     

    ร่างของเขาได้ส่องแสงออกมาก่อนที่หลังจากนั้นร่างกายของเขามันก็ได้ถูกเปลี่ยนกลับไปเป็นมนุษย์ตามเดิม

     

    ‘สุดท้ายเนเนะคิริมารุก็ไม่ได้ใช้สินะ… เห้อ…’ 


     

    อิซึกิถอนหายใจออกมาเบาๆ

     

    จากนั้นเขาก็เก็บเนเนะคิริมารุกลับเข้าคลังเก็บของต่างมิติตามเดิมพร้อมๆกับมองไปที่ใบหน้าของเธอ

     

    “มองหาหน้าข้าหาพระแสงอะไรของแกห๊ะ?! ไอ้เจ้าครึ่งมนุษย์!!! เดี่ยวข้าก็ควักลูกตาของเจ้าออกมาซะหรอก?!!!” 

     

    เธอตะโกนออกมาด้วยใบหน้าที่แดงกํ่าแฝงไปด้วยความอับอายจนอย่างจะแทรกแผ่นดินหนี

     

    แม้ใบหน้าของเธอในตอนนี้จะถูกชะโลมไปด้วยเลือดก็ตามแต่มันก็กลบความอับอายเอาไว้ไม่ได้

     

    “เห้ย?! พูดอะไรเกรงใจโซ่ที่รัดบ้างนะเฟ้ย?!!!” 

     

    อิซึกิตะโกนตอบกลับเธอไปด้วยใบหน้าที่แดงกํ่าเช่นกันเพราะท่าทางที่โซ่มันจับร่างของตรึงเอาไว้มันก็ช่าง…

     

    ภาพประกอบ, อะนิเมะ, ผมสั้น, การ์ตูน, ชุดจีน, เครื่องราง, Murakami Suigun, BDSM, Shibari

     

    “…..”

     

    ‘ท่านี้ใช้ได้เลยแฮะ… รสนิยมไม่เลวเลยหนิเจ้าโซ่เพื่อนรัก...’ 

     

    อิซึกในตอนนี้เรียกได้ว่ายืนจ้องเธอแบบไม่เก็บซ่อนเจตนาจริงๆเลยสักนิด

     

    แต่มันก็ช่วยไม่ได้หล่ะนะ… 

     

    ช่วยไม่ได้จริงๆ...

     

    ไหนๆตอนนี้ก็อุส่ามีอาหารตามาให้ดูทั้งที...

     

    ถ้าไม่ลองเชยชมสักหน่อยเดี๋ยวก็เสียชาติที่เกิดมาเป็นชายพอดี

     

    “ชิ?!!! นี่แกคิดจะจ้องข้าอีกนานมั้ยห๊ะ?!!!” 

     

    เธอตะโกนออกมาด้วยความอับอายความรู้สึกของเธอในตอนนี้

     

    อยากจะควักลูกตาของชายหนุ่มผมขาวดวงตาสีฟ้าที่กำลังมืนจ้องเธอตาเป็นมันอย่างไม่ลดละออกจริงๆ

     

    [มาสเตอร์คะจ้องมากเกินไปแล้วนะคะถ้าแฮชเชอร์สามารถท้องแบบปลากัดได้เธอคงท้องไปนานแล้วหล่ะคะ]

      

    “อะแฮ่ม?! โทษทีๆพอดีท่าทางมันก็นะ… ไอ้ฉันเองก็เป็นผู้ชายด้วยจะไม่มองมันก็ดูกะไรอยู่”

     

    อิซึกิพูดพร้อมกับพยายามหลบสายตาออก

     

    แต่ตาของเขามันก็ถูกร่างกายที่แสนเย้ายวนของแฮชเชอร์สาวดึงดูดเอาไว้ตลอด

     

    ใจจริงเขาก็อยากจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายแม่มทุกมุมให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยอยู่หรอก

     

    แต่แบบนั้นมันก็จะอุกอาจเกินไปหน่อย

     

    [อย่าหาทำคะมาสเตอร์ระบบรู้นะคะว่ามาสเตอร์กำลังคิดอะไรอยู่]

     

    ‘ครับ…’

     

    “เอาหล่ะที่นี่ฉันควรจะทำยังไงกับเธอต่อดีหล่ะเนี้ย?” 

     

    อิซึกิพูดพร้อมกับนึกว่าเขาควรที่จะทำยังไงกับตัวของเธอต่อดี

     

    ที่จริงเขาจะส่งตัวเธอให้ดร.เมย์ก็ได้อยู่หรอกนะแต่ว่า…

     

    ประเด็นคือเขาเป็นผู้เกิดใหม่ยังไงหล่ะก็เลยรับรู้เหตุการณ์ที่มันจะเกิดขึ้นล่วงหน้าในอนาคตแม้จะลืมไปบ้าง

     

    เพราะเขาไม่ค่อยอ่านเนื้อเรื่องในเกมเจอที่ไรข้ามตลอดมันก็เลยกลายมาเป็นแบบนี้แหล่ะ

     

    แถมแต่เดิมอิซึกิก็ดันขี้ลืมอยู่แล้วด้วย

     

    มันก็เลยทำให้อิซึกินั่นคิดหนักมากจนเข้าขั้นเคลียดเลย

     

    ถ้าเขาส่งเธอให้ดร.เมย์ชะตากรรมของเธอก็คงไม่พ้นเป็นแบบรินแน่ๆ

     

    แต่ว่าเขาก็ปล่อยเธอไปไม่ได้ด้วยเพราะไม่รู้ว่าปล่อยเธอออกไปเธอจะกลับมาทำแบบเดิมรึเปล่า

     

    อย่างที่รู้ๆกันอยู่ว่าแฮชเชอร์เล่ห์เหลี่ยมเยอะขนาดไหนเยอะจนแทบเชื่อค่อยไม่ได้

     

    แน่นอนว่าเขาก็ไม่ได้บอกว่าพวก Fire Moth เชื่อถือได้เช่นกัน

     

    อิซึกินั้นยังคงค่อนข้างที่จะไม่มีความไว้ใจต่อองค์นี้พอสมควรเลย

     

    ต้องบอกเลยว่าที่ตอนนี้องค์กรนี้มันยังเป็นมิตรกับเขาอยู่ก็เพราะว่าฝีมือของอิซึกิล้วนๆ

     

    แต่ว่าถ้าเกิดองค์นี้รู้เรื่องที่ว่าเขามีพลังงานฮงไคพอๆกับแฮชเชอร์

     

    เมื่อนั้นพวกคนในองค์กรก็คงจะกลายเป็นศัตรูของเขาไปในทันที

     

    จริงอยู่ที่ว่าด้วยฝีมือของเขาในตอนนี้การจะทำลายองค์กรนี้มันง่ายมาก

     

    แต่ที่เขากังวลจริงๆเลยคือเควินและดร.เมย์นี่แหล่ะ

     

    ด้วยความฉลาดเกินไปจนหน้ากลัวของเมย์เธอจะต้องหาวิธีเอาชนะเขาได้แน่ๆไม่วันใดก็วันหนึ่ง

     

    ขนาดในปัจจุบันเธอก็ยังคงพยายามเก็บข้อมูลของเขาเอาไว้แบบลับๆอยู่เลย

     

    เรื่องนี้ขนาดโมเบียสกับคนในองค์บางคนก็ยังไม่รู้เลยด้วยซํ้า

     

    ส่วนเรื่องของเควินแม้พวกเขาจะดูสนิทกันก็ตาม… 

     

    นิดหนึ่ง…

     

    แต่อิซึกิก็ไม่ได้ไว้ใจเควิน 100% เหตุผลก็คงไม่ต้องบอกหรอก

     

    เพราะในบรรดา 13 วีรชนคนที่รับมือได้ยากที่สุดคงไม่พ้นเจ้าหมอนี้แหล่ะ

     

    ‘ดีนะที่ตอนสอนฉันก็กั๊กๆวิชาไม่ได้สอนออกไปหมดหน่ะไม่งั้นเจ้านั่นนี่แหล่ะจะเอาพลังที่ฉันสอนมาฆ่าฉันแน่ๆ’

     

    “ฆ่าข้าซะ…”

     

    อิซึกิที่ได้ยินก็คิ้วขมวดเลยทีเดียวก่อนที่จากนั้นเขาจะถามอีกครั้งเพื่อยืนยันว่าที่เขาได้ยินมันถูกมั้ย

     

    “หืม? เมื่อกี้เธอพูดว่าอะไรนะ?”

     

    “ข้าบอกให้เจ้าฆ่าข้าซะ! ถ้าข้าต้องยอมถูกพวกมนุษย์แบบเจ้าจับไปทดลองสู้ฆ่าข้าให้ตายตรงนี้ไปซะยังจะดีกว่า?!”

     

    หลังจากที่ได้ยินที่เธอพูดแล้วมันก็ทำเอาเขาหนักใจพอสมควรเลย

     

    จริงๆคืออิซึกินั่นไม่ได้มีความรู้สึกอยากฆ่าเธอเลยในตอนนี้แม้ตอนแรกเขาจะกลัวเธอหัวหดเลยก็ตาม

     

    แต่ตอนนี้แฮชเชอร์ที่อยู่เบื้องหน้านั่นไม่ต่างอะไรกับเด็กสาวธรรมดาๆคนหนึ่งเลยจะเจรจากับดร.เมย์

     

    [ระบบรู้นะคะว่าเหตุผลที่มาสเตอร์ไม่ฆ่าเธอก็เพราะว่ามาสเตอร์อยากทำเรื่องอย่างว่ากับเธอใช่รึเปล่าคะ?]

     

    ‘เงียบน่า… รู้ดีจริงๆนะเธอเนี้--- เอ๊ย! ไม่ใช่สิ?! ฉันไม่ได้คิดเรื่องแบบนั้นหรอกนะเฟ้ย?!’

     

    [กลับลำไม่ทันแล้วคะระบบได้บันทึกเสียงในส่วนนั้นเอาไว้แล้วแถยังไงก็ไม่รอดมาสเตอร์ยอมจำนนซะเถอะคะ]

     

    ‘เห้อ…. อยากคิดอะไรก็แล้วเเต่เธอเลยเถอะ… ว่าแต่มีวิธีช่วยเธอมั้ย?’

     

    [มันก็ทำได้แหล่ะคะแต่มาเตอร์ยังทำตอนนี้ไม่ได้เพราะมันยังไม่มีภารกิจที่ต้องเดินทางไปโลกอื่นคะ]

     

    ‘มีไปโลกอื่นด้วย?!’

     

    อิซึกิที่ได้ยินก็ถึงกับตาเป็นประกายเลยทีเดียวนั่นมันถือว่าเป็นความไฝ่ฝันของเหล่าโอตาคุมากมายเลยด้วย

     

    อย่างน้อยก็เขาแหล่ะคนหนึ่ง…

     

    การเดินทางไปยังโลกอนิเมะแล้วก็ไปพบหน้ากับตัวละครที่ชอบแบบเต็มๆตาสักครั้งโดยไม่ผ่านจอโทรศัพท์

     

    [มีคะแต่ไม่ค่อยบ่อยเท่าไหร่อย่างน้อยมาสเตอร์ก็ต้องฝึกฝนตัวเองให้ใช้พลังได้คล่องซะก่อนถึงระบบจะออกภารกิจให้คะ]

    [แม้ตัวของมาสเตอร์ในตอนนี้จะมีพลังถึงเกณฑ์…ไม่สิ…เกินเกณฑ์แล้วด้วยซํ้าแต่ที่มาสเตอร์ยังขาดอยู่คือประสบการณ์]

     

    “นี่เจ้าจะยืนเงียบอีกนานมั้ยห๊ะถ้าจะฆ่าข้าก็รีบๆทำซะ?!!!”

     

    “เงียบน่า!!! คนเขากำลังใช้ความคิดอยู่อย่ากวนกันเซ้?!!!”

     

    “อึก! ชิ!”

     

    เธอที่โดนตะคอกกลับก็ถึงกับไปไม่ถูกเลย


    ก่อนที่เขาจะหันหน้าหนีหลังจากนั่นอิซึกิก็กลับเข้าไปคุยกับระบบต่อ

     

    ‘แล้ววิธีที่จะสามารถช่วยเธอไม่ให้ต้องตายหน่ะคืออะไรหล่ะ?’

     

    [มาสเตอร์รู้จักวงแหวนวิญญานจากเรื่อง Douluo Dalu รึเปล่าคะ?]

     

    ‘เคยอยู่แต่ฉันอ่านไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่ก็เลยดองเอาไว้ตั้งแต่ภาคแรกเลยรอจนกว่ามันจะจบแล้วค่อยกลับมาอ่านหน่ะ’

     

    [งั้นก็ไม่เป็นอะไรคะมาสเตอร์น่าจะพอมีพื้นฐานมาแล้วงั้นระบบจะขออธิบายเลยนะคะ]

    [อย่างแรกคือเราสามารถเปลี่ยนคอร์แฮชเชอร์เป็นวงแหวนวิญญานได้คะถ้ามาสเตอร์ได้ปลุกวิญาญานยุทธขึ้นมาวิญญายุทธของมาสเตอร์ก็คือกุญแจสรรค์]

    [เพราะงั้นเราสามารถใช้พลังของวงแหวนวิญญานที่สร้างจากคอร์แฮชเชอร์เพื่อพลังแก่กุญแจสรรค์ได้คะ]

    [แถมเธอก็ไม่ตายด้วยเนื่องจากจิตใต้สำนึกของเธอจะกลายเป็นดวงจิตภูติที่อยู่ในทะเลวิญญานของมาสเตอร์คะ]

    [มาสเตอร์เข้าใจมั้ยคะ?]

     

    “……”

     

    ‘วงแหวนวิญญานคืออะไรอะ?’

     

    [อ่าว? ไหนบอกเคยอ่านไงคะ? วงแหวนวิญญานนี่มันเป็นเรื่องพื้นฐานสุดๆของโลกนั้นเลยนะคะ?!]

     

    ‘ฉันยังอ่านตอนที่ 1 ของภาคแรกยังไม่จบเลยนะ’

     

    […….]





    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .


     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนเปิดให้แสดงความคิดเห็น “เฉพาะสมาชิก” เท่านั้น
    ×