คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : ตอนที่ 11
ฟิ้ววววววววววววววววว!!!!
ร่างของอิซึกินั้นพุ่งแหวกอากาศอย่างรวดเร็วซึ่งมันรวดเร็วถึงขนาดที่ไม่สามารถใช้เครื่องอะไรวัดได้เลย
“นี่ระบบถ้าฉันใช้ขั้น 0 ของจูดาห์จะสามารถขัดขว้างพลังของทางนั้นได้รึเปล่า?”
[มาสเตอร์หมายถึงจะสามารถขัดขว้างการทำงานของพลังอีกฝ่ายใช่มั้ยคะ? คำตอบก็คือใช่คะ]
[แต่มาสเตอร์ต้องระวังหน่อยนะคะเนื่องจากสกิลเรียกใช้งานกุญแจสรรค์ของมาสเตอร์สามารถเรียกใช้ได้แค่ครั้งละดอกเท่านั้น]
[แล้วถ้ามาสเตอร์ปลดปล่อยขั้น 0 ของจูดาห์มาสเตอร์จะไม่สามารถใช้อาวุธอย่างอื่นได้เลยนะคะ]
“ฉันจะใช่เนเนะคิริมารุในการจัดการกับเธอซะแม้มันจะบอกว่าไม่สามารถใช้กับมนุษย์ได้แต่ถ้ากับแฮชเชอร์ก็ไม่น่าจะมีปัญหา”
เมื่อพูดจบเขาก็เรียกจูดาห์ออกมาในทันทีส่วนมืออีกข้างหนึ่งก็เรียกเนเนะคิริมารุออกมา
อิซึกินั้นไม่ต้องการที่จะปล่อยทางนั้นเอาไว้นานเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายนั้นอันตรายมากแค่ไหน
ตัดมาทางทวีปมู
“…..”
เหนือหน้านฟ้าของทวีปมีร่างของหญิงสาวคนหนึ่งกำลังลอยอยู่สายตาของเธอได้จ้องลงไปยังเบื้องล่างด้วยสายตาที่เหยียดหยาม
“!!!!”
ในระหว่างที่เธอกำลังมองดูทวีปมูถูกทำลายไปที่ละนิดละนิดจู่ๆเธอก็รับรู้ได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่พุ่งเข้ามาหาเธออย่างรวดเร็ว
ฟิ้วววววววววววววววว!!!!!
เธอที่รับรู้ได้แบบนั้นก็จึงรีบหันไปมองยังทางๆนั้นทันทีก่อนที่เธอจะพบเข้ากับร่างของใครบ้างคนพุ่งมาที่เธอซึ่งเป้าหมายชัดเจนมาก
เมื่อเธอเห็นเช่นนั้นก็ไม่รอช้ารีบยกมือขึ้นเพื่อที่จะใช้พลังแรงโน้มถ่วงใส่คนที่ซึ่งกำลังมุ่งมาทางเธอในทันทีแต่ทางนั้นก็วางแผนมาได้
“คิดว่าฉันจะโง่ยอมให้เธอใช้พลังใส่ฉันรึไง?!!! จูดาห์!!! ปลดปล่อยขั้นศูนย์!!!!”
อิซึกิได้ตะโกนออกมาอย่างเสียงดังลั่นก่อนที่จะโยนจูกดาห์อัดหน้าของเธอทันทีอย่างไร้ปราณี
เปรี้ยงงงงงงงงงงงงงง!!!!!!
“อั่ก?!!!”
ด้วยพละกำลังอันมหาสารของเขาในร่างฮงไคทำใช้กางเขนยักษ์สีทองที่พุ่งกระแทกเข้ากับหน้าของเธอนั้นแทบไม่ต่างอะไรกับดาวตกขนาดย่อมๆเลย
ส่งผลให้ร่างของเธอนั้นพุ่งไปกระแทกกับพื้นอย่างโลกอย่างแรง
ตูมมมมมมมมมมมมมม!!!!!
“อุ๊ย…. เจ็บมั้ยนั่น? เข้าเต็มๆหน้าเลยหวังว่าดั้งคงไม่หักนะ….”
อิซึกิที่เห็นว่าเขาเล็งพลาดไปกระแทกเข้ากับหน้าของเธอก็ถึงกับรู้สึกเจ็บแทนขึ้นมาทันที
ในตอนแรกเขาไม่ได้เล็งไปที่หน้าสวยๆนั่นเลยสักนิดแต่เธอดันหันมาจะใช้พลังใส่เขาก่อน
อิซึกิที่เห็นก็ล่กเลยทีนี้เขากลัวว่าแผนที่อุส่าคิดมาจะพัง
เลยชิงโยนจูดาห์อัดเธอไปก่อนเลยและเมื่อจูดาห์ถูกพื้นมันก็เริ่มทำงานทันที
[ไม่เหลือคะโดนเข้าไปขนาดนั้นไม่หัวกระแทกพื้นตายหน้าก็คงเสียโฉมไปแล้วหล่ะคะ]
[เรื่องจมูกของเธอก็คงไม่ต้องพูดถึงหรอกคะหักแน่ๆระบบกล้ารับประกันเลย]
ซึ่งมันก็เป็นไปตามที่ระบบบอกเอาไว้เลยแม้เธอจะไม่ตายจากการโจมตีเมื่อครู่
แต่ร่างกายของเธอก็ถือว่าได้รับความเสียหายไม่ใช่น้อย
โดยเฉพาะส่วนใบหน้าของเธอที่แสนภาคภูมิใจก็ถูกทำลายด้วยเช่นกัน
สภาพของเธอในตอนนี้ก็เรียกได้ว่าเลือดท้วมทั้งหน้าเลย
“หนอยแน่แก!!! บังอาจนักนะ?!!!”
เธอตะโกนออกมาด้วยความเกรี้ยวกราดพร้อมกับใช้มือเล็กๆกุมไปที่ใบหน้าอย่างปวดร้าว
จากนั้นก็เงยหน้ามองไปยังร่างของชายหนุ่มผมขาวซึ่งเป็นคนทำ
“โทษทีนะ… เมื่อกี้ฉันไม่ได้ตั้งใจเล็งที่หน้าของเธอหรอกนะ…”
แม้เขาจะพูดออกมาอย่างรู้สึกผิดในใจแต่ทว่านํ้าเสียงที่เขาเปล่งออกมาให้เธอได้ยินมันเป็นนํ้าเสียงที่เย็นชามากๆ
“กรอด!!!”
เธอที่ได้ยินก็ทำได้แต่กัดฟันด้วยความเคลียดแค้น
ก่อนที่เธอจะพยายามใช้พลังของเธอเพื่อฆ่าเขาแต่มันก็ไม่เป็นผล
“ทำไม… ทำไมพลังของข้ามันถึงใช้งานไม่ได้?! ทำไมกันหรือว่าจะเป็นฝีมือของแก?!!!”
เธอตะโกนออกมาด้วยความตกใจ
“อยากรู้งั้นหรอ… ถ้าอยากรู้นักก็ลองเงยหน้าขึ้นไปมองด้านบนเอาสิ…”
อิซึกิพูดพร้อมกับชี้นิ้วของเขาขึ้นไปด้านบน
“?!!!”
เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นไปมองก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจอีกครั้ง
เนื่องจากตอนนี้บนท้องฟ้าที่ควรจะเต็มไปด้วยหมู่ดาวยามคํ่าคืนมากมาย
บัดนี้มันได้ถูกแทนที่โดยฟันเฟื่อยขนาดใหญ่ยักษ์สีทองจำนวนมากเต็มท้องฟ้า
แถมฟันเฟืองเหล่านั้นยังถูกโซ่สีทองตรึงเอาไว้
“นี่… มัน… อะไรกัน?”
“ถ้าเธอใช้พลังไม่ได้ก็ไม่ต้องตกใจไปเพราะเจ้าอาวุธที่ฉันโยนใส่หน้าของเธอไปเมื่อกี้มันได้สร้างสนามพลังแบบพิเศษซึ่งถูกเรียกว่า Elysion Pedion ขึ้นมามีความสามารถในการยับยั้งพลังงานทุกชนิดที่อยู่ในอาณาเขตนี้…ซึ่งไม่เว้นแม้แต่พลังงานฮงไค…”
คลืนๆๆๆ!!!
“อึก?!!!”
เมื่อเขาพูดจบโซ่สีทองจำนวนมากมันก็ได้พุ่งเข้าไปรัดตรึงร่างของเธอเอาไว้อย่างรวดเร็ว
จากนั้นอิซึกิก็ค่อยๆเดินเข้าไปหาเธออย่างช้าๆ
วิ้งงงงงง…
ร่างของเขาได้ส่องแสงออกมาก่อนที่หลังจากนั้นร่างกายของเขามันก็ได้ถูกเปลี่ยนกลับไปเป็นมนุษย์ตามเดิม
‘สุดท้ายเนเนะคิริมารุก็ไม่ได้ใช้สินะ… เห้อ…’
อิซึกิถอนหายใจออกมาเบาๆ
จากนั้นเขาก็เก็บเนเนะคิริมารุกลับเข้าคลังเก็บของต่างมิติตามเดิมพร้อมๆกับมองไปที่ใบหน้าของเธอ
“มองหาหน้าข้าหาพระแสงอะไรของแกห๊ะ?! ไอ้เจ้าครึ่งมนุษย์!!! เดี่ยวข้าก็ควักลูกตาของเจ้าออกมาซะหรอก?!!!”
เธอตะโกนออกมาด้วยใบหน้าที่แดงกํ่าแฝงไปด้วยความอับอายจนอย่างจะแทรกแผ่นดินหนี
แม้ใบหน้าของเธอในตอนนี้จะถูกชะโลมไปด้วยเลือดก็ตามแต่มันก็กลบความอับอายเอาไว้ไม่ได้
“เห้ย?! พูดอะไรเกรงใจโซ่ที่รัดบ้างนะเฟ้ย?!!!”
อิซึกิตะโกนตอบกลับเธอไปด้วยใบหน้าที่แดงกํ่าเช่นกันเพราะท่าทางที่โซ่มันจับร่างของตรึงเอาไว้มันก็ช่าง…
“…..”
‘ท่านี้ใช้ได้เลยแฮะ… รสนิยมไม่เลวเลยหนิเจ้าโซ่เพื่อนรัก...’
อิซึกในตอนนี้เรียกได้ว่ายืนจ้องเธอแบบไม่เก็บซ่อนเจตนาจริงๆเลยสักนิด
แต่มันก็ช่วยไม่ได้หล่ะนะ…
ช่วยไม่ได้จริงๆ...
ไหนๆตอนนี้ก็อุส่ามีอาหารตามาให้ดูทั้งที...
ถ้าไม่ลองเชยชมสักหน่อยเดี๋ยวก็เสียชาติที่เกิดมาเป็นชายพอดี
“ชิ?!!! นี่แกคิดจะจ้องข้าอีกนานมั้ยห๊ะ?!!!”
เธอตะโกนออกมาด้วยความอับอายความรู้สึกของเธอในตอนนี้
อยากจะควักลูกตาของชายหนุ่มผมขาวดวงตาสีฟ้าที่กำลังมืนจ้องเธอตาเป็นมันอย่างไม่ลดละออกจริงๆ
[มาสเตอร์คะจ้องมากเกินไปแล้วนะคะถ้าแฮชเชอร์สามารถท้องแบบปลากัดได้เธอคงท้องไปนานแล้วหล่ะคะ]
“อะแฮ่ม?! โทษทีๆพอดีท่าทางมันก็นะ… ไอ้ฉันเองก็เป็นผู้ชายด้วยจะไม่มองมันก็ดูกะไรอยู่”
อิซึกิพูดพร้อมกับพยายามหลบสายตาออก
แต่ตาของเขามันก็ถูกร่างกายที่แสนเย้ายวนของแฮชเชอร์สาวดึงดูดเอาไว้ตลอด
ใจจริงเขาก็อยากจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายแม่มทุกมุมให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยอยู่หรอก
แต่แบบนั้นมันก็จะอุกอาจเกินไปหน่อย
[อย่าหาทำคะมาสเตอร์ระบบรู้นะคะว่ามาสเตอร์กำลังคิดอะไรอยู่]
‘ครับ…’
“เอาหล่ะที่นี่ฉันควรจะทำยังไงกับเธอต่อดีหล่ะเนี้ย?”
อิซึกิพูดพร้อมกับนึกว่าเขาควรที่จะทำยังไงกับตัวของเธอต่อดี
ที่จริงเขาจะส่งตัวเธอให้ดร.เมย์ก็ได้อยู่หรอกนะแต่ว่า…
ประเด็นคือเขาเป็นผู้เกิดใหม่ยังไงหล่ะก็เลยรับรู้เหตุการณ์ที่มันจะเกิดขึ้นล่วงหน้าในอนาคตแม้จะลืมไปบ้าง
เพราะเขาไม่ค่อยอ่านเนื้อเรื่องในเกมเจอที่ไรข้ามตลอดมันก็เลยกลายมาเป็นแบบนี้แหล่ะ
แถมแต่เดิมอิซึกิก็ดันขี้ลืมอยู่แล้วด้วย
มันก็เลยทำให้อิซึกินั่นคิดหนักมากจนเข้าขั้นเคลียดเลย
ถ้าเขาส่งเธอให้ดร.เมย์ชะตากรรมของเธอก็คงไม่พ้นเป็นแบบรินแน่ๆ
แต่ว่าเขาก็ปล่อยเธอไปไม่ได้ด้วยเพราะไม่รู้ว่าปล่อยเธอออกไปเธอจะกลับมาทำแบบเดิมรึเปล่า
อย่างที่รู้ๆกันอยู่ว่าแฮชเชอร์เล่ห์เหลี่ยมเยอะขนาดไหนเยอะจนแทบเชื่อค่อยไม่ได้
แน่นอนว่าเขาก็ไม่ได้บอกว่าพวก Fire Moth เชื่อถือได้เช่นกัน
อิซึกินั้นยังคงค่อนข้างที่จะไม่มีความไว้ใจต่อองค์นี้พอสมควรเลย
ต้องบอกเลยว่าที่ตอนนี้องค์กรนี้มันยังเป็นมิตรกับเขาอยู่ก็เพราะว่าฝีมือของอิซึกิล้วนๆ
แต่ว่าถ้าเกิดองค์นี้รู้เรื่องที่ว่าเขามีพลังงานฮงไคพอๆกับแฮชเชอร์
เมื่อนั้นพวกคนในองค์กรก็คงจะกลายเป็นศัตรูของเขาไปในทันที
จริงอยู่ที่ว่าด้วยฝีมือของเขาในตอนนี้การจะทำลายองค์กรนี้มันง่ายมาก
แต่ที่เขากังวลจริงๆเลยคือเควินและดร.เมย์นี่แหล่ะ
ด้วยความฉลาดเกินไปจนหน้ากลัวของเมย์เธอจะต้องหาวิธีเอาชนะเขาได้แน่ๆไม่วันใดก็วันหนึ่ง
ขนาดในปัจจุบันเธอก็ยังคงพยายามเก็บข้อมูลของเขาเอาไว้แบบลับๆอยู่เลย
เรื่องนี้ขนาดโมเบียสกับคนในองค์บางคนก็ยังไม่รู้เลยด้วยซํ้า
ส่วนเรื่องของเควินแม้พวกเขาจะดูสนิทกันก็ตาม…
นิดหนึ่ง…
แต่อิซึกิก็ไม่ได้ไว้ใจเควิน 100% เหตุผลก็คงไม่ต้องบอกหรอก
เพราะในบรรดา 13 วีรชนคนที่รับมือได้ยากที่สุดคงไม่พ้นเจ้าหมอนี้แหล่ะ
‘ดีนะที่ตอนสอนฉันก็กั๊กๆวิชาไม่ได้สอนออกไปหมดหน่ะไม่งั้นเจ้านั่นนี่แหล่ะจะเอาพลังที่ฉันสอนมาฆ่าฉันแน่ๆ’
“ฆ่าข้าซะ…”
อิซึกิที่ได้ยินก็คิ้วขมวดเลยทีเดียวก่อนที่จากนั้นเขาจะถามอีกครั้งเพื่อยืนยันว่าที่เขาได้ยินมันถูกมั้ย
“หืม? เมื่อกี้เธอพูดว่าอะไรนะ?”
“ข้าบอกให้เจ้าฆ่าข้าซะ! ถ้าข้าต้องยอมถูกพวกมนุษย์แบบเจ้าจับไปทดลองสู้ฆ่าข้าให้ตายตรงนี้ไปซะยังจะดีกว่า?!”
หลังจากที่ได้ยินที่เธอพูดแล้วมันก็ทำเอาเขาหนักใจพอสมควรเลย
จริงๆคืออิซึกินั่นไม่ได้มีความรู้สึกอยากฆ่าเธอเลยในตอนนี้แม้ตอนแรกเขาจะกลัวเธอหัวหดเลยก็ตาม
แต่ตอนนี้แฮชเชอร์ที่อยู่เบื้องหน้านั่นไม่ต่างอะไรกับเด็กสาวธรรมดาๆคนหนึ่งเลยจะเจรจากับดร.เมย์
[ระบบรู้นะคะว่าเหตุผลที่มาสเตอร์ไม่ฆ่าเธอก็เพราะว่ามาสเตอร์อยากทำเรื่องอย่างว่ากับเธอใช่รึเปล่าคะ?]
‘เงียบน่า… รู้ดีจริงๆนะเธอเนี้--- เอ๊ย! ไม่ใช่สิ?! ฉันไม่ได้คิดเรื่องแบบนั้นหรอกนะเฟ้ย?!’
[กลับลำไม่ทันแล้วคะระบบได้บันทึกเสียงในส่วนนั้นเอาไว้แล้วแถยังไงก็ไม่รอดมาสเตอร์ยอมจำนนซะเถอะคะ]
‘เห้อ…. อยากคิดอะไรก็แล้วเเต่เธอเลยเถอะ… ว่าแต่มีวิธีช่วยเธอมั้ย?’
[มันก็ทำได้แหล่ะคะแต่มาเตอร์ยังทำตอนนี้ไม่ได้เพราะมันยังไม่มีภารกิจที่ต้องเดินทางไปโลกอื่นคะ]
‘มีไปโลกอื่นด้วย?!’
อิซึกิที่ได้ยินก็ถึงกับตาเป็นประกายเลยทีเดียวนั่นมันถือว่าเป็นความไฝ่ฝันของเหล่าโอตาคุมากมายเลยด้วย
อย่างน้อยก็เขาแหล่ะคนหนึ่ง…
การเดินทางไปยังโลกอนิเมะแล้วก็ไปพบหน้ากับตัวละครที่ชอบแบบเต็มๆตาสักครั้งโดยไม่ผ่านจอโทรศัพท์
[มีคะแต่ไม่ค่อยบ่อยเท่าไหร่อย่างน้อยมาสเตอร์ก็ต้องฝึกฝนตัวเองให้ใช้พลังได้คล่องซะก่อนถึงระบบจะออกภารกิจให้คะ]
[แม้ตัวของมาสเตอร์ในตอนนี้จะมีพลังถึงเกณฑ์…ไม่สิ…เกินเกณฑ์แล้วด้วยซํ้าแต่ที่มาสเตอร์ยังขาดอยู่คือประสบการณ์]
“นี่เจ้าจะยืนเงียบอีกนานมั้ยห๊ะถ้าจะฆ่าข้าก็รีบๆทำซะ?!!!”
“เงียบน่า!!! คนเขากำลังใช้ความคิดอยู่อย่ากวนกันเซ้?!!!”
“อึก! ชิ!”
เธอที่โดนตะคอกกลับก็ถึงกับไปไม่ถูกเลย
ก่อนที่เขาจะหันหน้าหนีหลังจากนั่นอิซึกิก็กลับเข้าไปคุยกับระบบต่อ
‘แล้ววิธีที่จะสามารถช่วยเธอไม่ให้ต้องตายหน่ะคืออะไรหล่ะ?’
[มาสเตอร์รู้จักวงแหวนวิญญานจากเรื่อง Douluo Dalu รึเปล่าคะ?]
‘เคยอยู่แต่ฉันอ่านไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่ก็เลยดองเอาไว้ตั้งแต่ภาคแรกเลยรอจนกว่ามันจะจบแล้วค่อยกลับมาอ่านหน่ะ’
[งั้นก็ไม่เป็นอะไรคะมาสเตอร์น่าจะพอมีพื้นฐานมาแล้วงั้นระบบจะขออธิบายเลยนะคะ]
[อย่างแรกคือเราสามารถเปลี่ยนคอร์แฮชเชอร์เป็นวงแหวนวิญญานได้คะถ้ามาสเตอร์ได้ปลุกวิญาญานยุทธขึ้นมาวิญญายุทธของมาสเตอร์ก็คือกุญแจสรรค์]
[เพราะงั้นเราสามารถใช้พลังของวงแหวนวิญญานที่สร้างจากคอร์แฮชเชอร์เพื่อพลังแก่กุญแจสรรค์ได้คะ]
[แถมเธอก็ไม่ตายด้วยเนื่องจากจิตใต้สำนึกของเธอจะกลายเป็นดวงจิตภูติที่อยู่ในทะเลวิญญานของมาสเตอร์คะ]
[มาสเตอร์เข้าใจมั้ยคะ?]
“……”
‘วงแหวนวิญญานคืออะไรอะ?’
[อ่าว? ไหนบอกเคยอ่านไงคะ? วงแหวนวิญญานนี่มันเป็นเรื่องพื้นฐานสุดๆของโลกนั้นเลยนะคะ?!]
‘ฉันยังอ่านตอนที่ 1 ของภาคแรกยังไม่จบเลยนะ’
[…….]
.
.
.
.
.
.
.
.
.
ความคิดเห็น