NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

  • มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ
  • มีการบรรยายเนื้อหาที่เกี่ยวกับความรุนแรงสูง
  • มีเนื้อหาที่เครียดหรือหดหู่มาก ซึ่งอาจกระทบต่อภาวะทางจิตใจ

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Honkai Impact X Anime] ฉันมันก็แค่คนหน้าเหมือนเท่านั้นแหล่ะ

    ลำดับตอนที่ #11 : ตอนที่ 10

    • อัปเดตล่าสุด 7 ก.พ. 66


    หลายสัปดาห์ต่อมา 

     

    ณ สนามบินของฐาน Fire Moth

     

    “เห้อ…”

     

    “คุณจะถอนหายใจทุกครั้งที่เจอหน้าผมเลยรึไง?” 

     

    เควินที่เห็นอิซึกิถอนหายใจออกมาก็ได้ถามด้วยความแปลกใจ

     

    เพราะทุกๆครั้งที่พวกเขาทั้งสองเจอหน้ากันเขาก็มักจะถอนหายใจออกมาแบบนี้อยู่ตลอดทุกครั้งเลยก็ว่าได้

     

    “จะว่างั้นก็ได้… การที่ชั้นต้องมาเจอหน้านายแบบนี้ตลอดแสดงว่าแม่มต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ” 

     

    อิซึกิตอบกลับแบบตามตรงชนิดที่ว่าไม่ปิดบังเลยสักนิด

     

    “งั้นก็แสดงว่าคุณยังไม่รู้สินะว่าตอนนี้เรากำลังจะไปไหน?”

     

    “ถ้ารู้แล้วชั้นจะพูดทำไมหล่ะ… พวกนายนี่มันก็จริงๆเลย คนก็อุส่าจะเปิดร้านสักหน่อยพอมาถึงหน้าร้านก็เจอเข้ากับชายชุดดำที่คุ้นเคยซะได้…” 

     

    อิซึกิพูดออกมาก่อนที่จะถอนหายใจอีกครั้ง

     

    “แล้วชายชุดดำพวกนั้นทำอะไรต่อ?”

     

    “พวกนั้นมันจ้างชั้นปิดร้านพอวางกระเป๋าเสร็จก็เดินออกไปเฉยเลย แถมยังบอกว่าให้ชั้นเตรียมตัวเอาไว้แล้วไปที่สนามบินรบของ Fire Moth เขาว่ามางี้แหล่ะ…”

     

    “งั้นก็แสดงว่าคุณมาโดยที่ไม่รู้รายละเอียดเลยงั้นหรอ?”

     

    “นี่ก็ถามยํ้าจัง… ก็ใช่หน่ะสิตอนแรกก็กะจะไม่มาหรอกแต่เห็นเงินแล้วมันก็นะ…” 

     

    อิซึกิเขาได้นึกไปถึงตอนที่เขาเปิดกระเป๋าเงินขึ้นมาในครั้งแรกก็ตาเป็นประกายเลยทีเดียว

     

    [มาสเตอร์นี่ไม่มีศักดิ์ศรีเลยนะคะเจอเงินก็กลับลำซะละ]

     

    ‘ศักดิ์ศรีมันกินไม่ได้นี่… อย่างน้อยๆเงินมันก็ทำให้ชั้นอิ่มท้องนะเออ… เพราะงั้นศักดิ์ศรีหน่ะช่างหัวมันสิชั้นไม่แคร์’

     

    อิซึกิกล่าวออกมาอย่างไม่แยแสซึ่งมันก็ถึงกับทำให้ระบบต้องถอนหายใจออกมาเลยทีเดียว

     

    [เห้อ… ระบบไม่รู้จะพูดอะไรกับมาสเตอร์เลยแล้วแต่มาสเตอร์คะ]

     

    ‘อะไรเนี้ยงอนไปแล้วเรอะ? นี่ๆอย่างอนสิก็ใช่ว่าชั้นจะกลับลำทุกครั้งไม่ใช่รึไง’ 

     

    อิซึกิพูดขึ้นอีกครั้งหลังจากที่เห็นว่าระบบนั้นเงียบไปแล้ว

     

    [แต่ระบบก็เห็นว่ามาสเตอร์กลับลำตลอดนะคะแล้วระบบก็ไม่ได้งอนด้วย]

     

    ‘จ้าๆ’

     

    “แล้วตกลงเรากำลังจะไปที่ไหนหล่ะเนี้ย?” อิซึกิได้หันไปถามกับเควิน

     

    “เรากำลังจะเดินทางไปทวีปมู… ที่นั่นมีรายงานมาว่าตอนนี้กำลังมีพลังงานฮงไคเพิ่มสูงขึ้นคาดว่าอีกไม่นานอาจจจะ---” 

     

    ยังไม่ทันทีเควินจะพูดจบอิซึกิก็แทรกขึ้นมาทันทีเขารู้ได้ตั้งแต่ที่เควินบอกว่าจะไปที่ทวีปมูแล้ว

     

    แม้จะผ่านมานานแต่เขาก็ยังพอจำรายละเอียดที่เขียนเอาไว้ในเนื้อเรื่องได้อยู่นิดหน่อย

     

    “อาจจะเกิดการปะทุของพลังงานฮงไคขึ้นจนให้กำเนิดแฮชเชอร์ว่างั้น?” 

     

    ถ้าเขาจำไม่ผิดแฮชเชอร์ที่มันกำลังจะกำเนิดขึ้นในตอนนี้นั้นก็คือ…

     

    Herrscher of Star เธอมีนั้นความสามารถในการควบคุมแรงโน้มถ่วงที่รุนแรง

     

    และสามารถเปิดหลุมดำได้แค่เปิดหลุมดำเขาก็ไม่อยากจะสู้กับมันละโกงเกิ๊น!

     

    ‘กลับทันมั้ยเนี้ย?’

     

    “ตอนนี้กลับไม่ทันแล้วหล่ะคุณรับเงินจากเราไปแล้วเพราะงั้นคุณกับผมต้องโค่นแฮชเชอร์ลงให้ได้” 

     

    เควินที่เหมือนจะรู้ว่าทางอิซึกิกำลังคิดอะไรก็เลยได้พูดดักเอาไว้ก่อน

     

    “นี่นายอ่านใจชั้นได้รึยังไงฟร่ะรู้ดีจริงๆ… แล้วอีกอย่างชั้นยังไม่ได้ใช้ตังเลยนะเออ เพราะงั้นไม่นับสิเฟ้ย! แล้วทำไมเครื่องบินมันถึงได้มาช้าจังฟร่ะ” 

     

    อิซึกิบ่นออกมาด้วยความหงุดหงิดเล็กน้อยเพราะเขายืนอยู่ตรงนี้กับเควินมาเป็นชั่วโมงแล้ว

     

    เห็นหน้าอีกฝ่ายจนเบื่อแล้วยังไม่เห็นแม้แต่เงาของเครื่องบินที่กำลังจะมารับพวกเขาเลย

     

    “เดี๋ยวก็คงจะมาแล้วหล่ะ แต่ว่าผมอยากให้คุณทำใจเอาไว้สักหน่อย”

     

    “ทำใจ? ทำใจเรื่องอะไรหล่ะ?” อิซึกิถามออกมาด้วยความแปลกใจ

     

    “คุณรู้ใช่มั้ยว่าตอยนี้พวกเราอยู่ในสถานะของครึ่งมนุษย์ครึ่งฮงไคหน่ะ?”

     

    “มาถามอะไรเอาตอนนี้เนี้ย? ก็ต้องรู้หน่ะสิถ้าไม่ใช่ฮงไคจะให้เป็นแย้รึไง การผสานยีนฮงไคทำให้เราสามารถใช้พลังแบบเดียวกับฮงไคได้ ก็คงต้องเรียกว่าครึ่งมนุษย์ครึ่งฮงไคแบบที่นายบอกนั่นแหล่ะ”

     

    “ก็ตามที่คุณพูดเลยการที่เราสามารถใช้พลังของฮงไคได้มันเลยทำให้มีคนบ้างกลุ่มที่ไม่ยอมรับ และมองว่าพวกเราเป็นสัตว์ประหลาดแบบเดียวกับพวกฮงไคยังไงหล่ะ” 


    เควินได้อธิบายออกมาเพิ่มเติม

     

    “อ่องี้เอง ถึงว่าตอนที่มาที่นี่ทำไมถึงมีบางคนมองชั้นแปลกๆ”

     

    “ก็ตามนั้นแหล่ะถ้าคุณเห็นสายตาประเภท เหยียดหยาม ดูถูก เกลียดชัง หรือแม้แต่ หวาดกลัว ผมก็อยากจะใช้คุณช่วยมองข้ามมันไปหน่อย”

     

    “ชั้นก็ไม่ได้คิดมากหรอก มันก็เข้าใจได้ธรรมชาติของมนุษย์หน่ะมักจะหวาดกลัวกับในสิ่งที่พวกเขาไม่รู้ บางคนก็คงคิดว่าพวกเราอาจจะถูกเจตจำนงของฮงไคครอบนำตอนไหนก็ไม่รู้จะหวาดกลัวก็ไม่แปลกหรอก”

     

    “งั้นหรอได้ยินแบบนั้นผมก็ค่อยสบายใจขึ้นมาหน่อย”

     

    “แต่ว่านะ… ถึงชั้นจะบอกว่าไม่สนใจก็จริงแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่โกรธนะเฟ้ยถ้ามองตรงๆชั้นก็ถีบนะเออ”

     

    หลังจากนั้นไม่นานเครื่องบินรบก็มาถึงในที่สุดถึงแม้เขาจะบอกว่าไม่นานก็จริง

     

    แต่เครื่องบินมันมาหลังจากที่พวกเขาคุยกันประมาณครึ่งชั่วโมงถือว่านานอยู่ดี

     

    ยังถือว่าได้ที่คนขับเครื่องบินที่ลงมาไม่ได้มองเขาด้วยสายตาเหยียดหยาม

     

    หรือว่าหวาดกลัวเลยแต่มองพวกเขาทั้งสองด้วยสายตาเคารพแทน

     

    ต้องเรียกว่าอีกฝ่ายมองพวกเขาในฐานะของผู้ที่จะนำพาชัยชนะมาสู่มนุษยชาติ

     

    ไม่ได้มองพวกเขาในฐานะของสัตว์ประหลาดแต่อย่างใด

     

    “ต้องขออภัยที่มาช้าครับ!” 

     

    นักบินคนนั้นได้กล่าวขอโทษกับพวกเขาทั้งสองเนื่องจากเคื่องบินเกิดปัญหาขึ้นก็เลยทำให้มาช้า

     

    “ช่างเถอะพวกผมไม่คิดมากหรอกงั้นก็เริ่มออกเดินทางกันเลย” 

     

    เควินพูดขึ้นก่อนที่พวกเขาจะพากันเดินขึ้นไปบนเครื่องบินรบโดยที่อิซึกิกับเควินจะนั่งกันคนละฝั่ง

     

    “นี่เควินนายเอาชามาสมารึเปล่า?”

     

    “ผมต้องเอามาอยู่แล้วสิ…. นี่ไง…” 

     

    พูดจบเควินก็ยกกระเป๋าใบหนึ่งขึ้นมาให้เขาดูอิซึกิที่เห็นก็พยักหน้า

     

    หลังจากนั้นพวกเขาก็ไม่ได้พูดอะไรต่ออิซึกิที่คิดว่าการเดินทางมันน่าจะต้องใช้เวลานานเขาก็เลยเผลอหลับไปก่อน

     

    และในระหว่างที่อิซึกิกำลังหลับอยู่นานเท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ระบบก็ได้เเจ้งเตือนขึ้นมาภายในหัวของเขาในระหว่างที่กำลังหลับ

     

    [มาสเตอร์คะ…]

     

    ‘มีอะไรงั้นหรอ?’

     

    อิซึกิค่อนข้างแปลกใจที่อยู่ดีๆระบบก็ทักก่อนแบบนี้

     

    แถมนํ้าเสียงที่ออกมายังจริงจังอีกด้วยแม้สายตาของเขาจะไม่ได้ลืมขึ้น


    แต่หัวของเขาก็ยังทำงานอยู่เพียงแค่เขาพักสายตาเท่านั้น

     

    [ระบบตรวจพบกลุ่มก้อนพลังงานฮงไคที่มีระดับที่สูงมากขึ้นเหนือทวีปมูคะ]

     

    ‘เธอจะบอกว่าตอนนี้แฮชเชอร์แห่งดวงดาวได้ถือกำเนิดขึ้นมาแล้วงั้นหรอ’ 

     

    พูดจบเขาก็ลืมตาขึ้นมาทันทีด้วยใบหน้าที่จริงจังซึ่งเควินไม่เคยเห็นมาก่อนเขาก็เลยได้ถามออกไปด้วยความแปลกใจเล็กน้อย

     

    “มีอะไรรึเปล่า? ทำไมคุณถึงทำหน้าจริงจังแบบนั้นหล่ะ?”

     

    “…..” 

     

    อิซึกิที่ได้ยินเขาก็ไม่ได้ตอบอะไรเควินกลับไปได้แต่เขานั่งเงียบอยู่แบบนั้นซึ่งภายในใจของเขายังคงคุยกับระบบอยู่

     

    ‘แล้วมันจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนี้หล่ะอย่าบอกนะว่ามันจะเป็นไปตามเนื้อเรื่องหน่ะ?’

     

    [ใช่คะถ้าปล่อยนางเอาไว้มันจะเป็นแบบเดียวกับเนื้อเรื่องคะนางจะเปิดหลุมดำและกลืนกินทวีปมูทั้งหมดคะแถมยังสามารถควบคุมแรงโน้มถ่วงที่สามารถจมได้ทั้งทวีปด้วยคะ]

    [เพราะงั้นมาสเตอร์ตัดภาพของแฮชเชอร์ต๊อกต๋อกที่เคยบุกเซ็นต์เฟรย่าทิ้งไปได้เลยคะพลังห่างกันเยอะ]

     

    ‘แล้วเธอจะให้ชั้นจัดการนางยังไงหล่ะ ที่ชั้นกลัวไม่ใช่เพราะพลังแรงโน้มถ่วงหรอก แต่เป็นหลุมดำต่างหาก แรงดึงดูดที่แรงขนาดแสงยังไม่สามารถหนีออกมาได้ แล้วชั้นจะไปเหลือห่าอะไรหล่ะ ความเร็วสูงสุดที่เร่งได้ของชั้นยังแค่ระดับเดียวกับแสงเองนะดูยังไงก็ไม่น่ารอดชัวร์’

     

    [มันยังมีวิธีออกจากหลุมดำอยู่นะคะ]

     

    ‘วิธีทีที่เธอว่าคือเร่งความเร็วให้เหนือกว่าแสงว่างั้น? พูดเหมือนชั้นทำได้อะ’

     

    [งั้นมาสเตอร์ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเข้าไปให้หลุมดำมันดูดก็ได้หนิคะ]

    [ให้มาสเตอร์บินด้วยความเร็วสูงสุดเท่าที่จะทำได้ให้อยู่ในระดับชั้นบรรยากาศของโลกแล้วระบบจะตรวจหาตำแหน่งของนางให้คะ]

    [มาสเตอร์สามารถหายใจนอกอวกาศได้คะเพราะงั้นไม่ต้องกลัวตายหรอกเราแค่จัดการนางให้ได้ก่อนที่นางจะรู้ตัวก็มันจบแล้วคะ]

     

    “เห้อ….” เขาที่ได้ฟังระบบพูดออกมาก็ได้ถอนหายใจอีกครั้งทันที

     

    “???”

     

    “ดูเหมือนว่าชั้นคงต้องรีบไปให้ถึงทวีปมูก่อนกำหนดแล้วหล่ะนะ” 


    พูดจบเขาก็ลุกขึ้นบิดขี้เกียจทันที

     

    “คุณเหมายความว่ายังไง?”

     

    “ก็ตามที่พูดนั่นแหล่ะ… ตอนนี้แฮชเชอร์ได้ถือกำเนิดแล้ว… นี่คุณคนขับเครื่องบินช่วยเปิดท้ายเครื่องให้หน่อยสิ”

     

    “เอ๊ะ? ไม่ทราบว่าคุณจะทำอะไรงั้นหรอครับอีกไม่กี่ชั่วโมงเราก็จะถึงทวีปมูแล้วนะครับ?”

     

    “เอาเถอะน่า” 

     

    คนขับเครื่องบินรบที่ได้ยินเขาก็ไม่มีทางเลือกนอกจากทำตามที่อีกฝ่ายบอกเท่านั้น


    และในทันทีที่ท้ายเครื่องได้ถูกเปิดแล้วเควินก็ถามขึ้นมาทันที

     

    “แล้วคุณรู้ได้ยังไงว่าตอนนี้แฮชเชอร์ได้เกิดขึ้นมาแล้ว?”

     

    “เรื่องนั่นเอาไว้ก่อนถ้าช้ากว่านี้คงได้หายไปทั้งทวีปแน่ๆ สักพักนายก็คงจะได้รับการติดต่อมาจากดร.เมย์แล้วหล่ะ” 

     

    สิ้นเสียงพูดของเขาที่หูฟังของเควินก็ได้รับการติดต่อมาจากดร.เมย์พอดี


    อิซึกิที่เห็นเขาก็คงไม่ต้องอธิบายอะไรให้มากความแล้วจากนั้นเขาก็กระโดดลงจากท้ายเครื่องทันที

     

    “นี่คุณ?!” 


    เควินที่เห็นก็เบิกตากว้างทันทีและในระหว่างที่กำลังตกใจกับการกระทำของเขาอยู่นั่นเอง


    ทันใดนั้นก็ได้มีบางอย่างพุ่งขึ้นฟ้าไปด้วยความเเร็วสูงชนิดที่ว่าสายตามองไม่ทันทีเลย

     

    ฟิ้วววววววววว!!!!!

     

    “เมื่อกี้มัน… อะไรหน่ะ?” 


    เควินที่พอจะมองเห็นบางอย่างที่พุ่งขึ้นไปบนฟ้าแบบรางๆก็ได้พูดออกมาอย่างอึ้งๆเล็กน้อย

     

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .


    การต่อสู้กัแฮชเชอร์แห่งดวงดาวมันจะเป็นอะไรที่จบไวมากๆเลยงับ

    เนื่องจากนางเป็นหนึ่งในเเฮชเชอร์ที่อันตรายมากๆตนหนึ่งถ้าเก๊กมากๆเดี๋ยวตายก่อน

    แฮชเชอร์แห่งดวงดาวถือเป็นแฮชเชอร์เพียงไม่กี่ตนที่อิซึกิรู้สักหวั่นๆเมื่อต้องต่อสู้ตรงๆ

    มีใครรู้ข้อมูลของแฮชเชอร์ที่ 13 มั้ยครับถ้าไม่มีไรท์ก็คงต้องข้ามแล้ว

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนเปิดให้แสดงความคิดเห็น “เฉพาะสมาชิก” เท่านั้น
    ×