คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #22 : part21:ตระกูลลามาช
"ราเซีย!!!"เสียงที่คุ้นเคยของเพื่อนสาวคนสนิทดังขึ้นเธอพุ่งเข้ามาโผกอดราเซียที่พึ่งเดินออกมาจากการติดต่อสื่อสารกับมหาเทพ
มากันตั้งแต่ตอนไหนเนี่ย ราเซียมองเพื่อนสาวคนสนิทในอ้อมกอดก่อนมองเลยไปยังอีกสองคนที่ยืนมองอยู่เช่นกัน
"เป็นห่วงมากเลยนะมาหาแล้วไม่เจอแบบนี้"ซาร่าที่ไม่ได้พุ่งเข้ากอดเหมือนโรซี่พูดขึ้นมาน้ำเสียงของเธอดูสั่นเล็กน้อยแถมแววตาก็วูบไหวไปมา
"เรื่องสองปีก่อนมันยังทำให้เรากลัวที่จะเสียเธอไปน่ะ"ไครีย์พูดด้วยรอยยิ้ม
เราไปสร้างบาดแผลในใจให้กับทั้งสามคนหรือเปล่านะ ราเซียคิดกอดตอบเพื่อนสาวคนสนิทที่ยังไม่ถอนกอดออก
"เรื่องแบบนั้นจะไม่เกิดขึ้นอีกแล้วล่ะ"ราเซียเอ่ยออกมาโรซี่ค่อยๆถอนกอดมองเพื่อนสาวตรงหน้าทีแย้มยิ้มส่งมา
"ก็บอกไปแล้วว่าเธอไปทำธุระกับเทียร์"อาจารย์โกลเลียสที่เหมือนพึ่งกลับมาจากที่ไหนสักแห่งพูดขึ้นมา
"ขออภัยที่พวกเรากังวลเกินเหตุค่ะ"สามสาวพูดขึ้นมาพร้อมกับก้มศีรษะเล็กน้อยต่อหน้าอาจารย์ผู้ดูแลตนและเป็นมือซ้ายของจอมมาร
"แล้วเรื่องปีศาจที่ว่าอยู่ในป่าเป็นไงบ้าง"เทียร์เอ่ยถามขึ้นมาเมื่อทุกอย่างดูสงบลง
"ก็แค่ปีศาจระดับทั่วไปน่ะ พวกเขามาเพื่อรวมตัวเป็นกำลังโค่นจอมมารที่อยู่บนบัลลังก์ตอนนี้"โกเลียสเอ่ยออกมานี้เป็นสาเหตุที่เขาไม่ได้อยู่หน้าทางเข้าตลอดเพราะต้องไปจัดการเรื่องนี้
"ก็ดีแล้วหนิ นายน่ะกำลังรวบรวมคนอยู่ไม่ใช่เหรอเป็นปีศาจตระกูลไหนล่ะ"เทียร์เอ่ยถามอย่างสนใจ ยังไงตอนนี้เขาก็คงต้องตระเตรียมที่พักให้กับผู้มาใหม่ซะแล้ว
"ตระกูลลามาช"
"เดี๋ยวสิตระกูลลามาชเป็นแวมไพร์นะ นายจะบอกว่าพวกเขาเป็นปีศาจทั่วไปไม่ได้นะโกลเลียส"เทียร์ชี้นิ้วก่อนหมุนวนไปมาเป็นการตำหนิโกลเลียสที่บอกว่าแวมไพร์เป็นปีศาจทั่วไป
"ปีศาจก็คล้ายๆกันหมดนั่นแหละ พวกลามาชถึงจะมีพลังที่สืบทอดกันมาอย่างการควบคุมโลหิต แต่ได้ยินว่าพลังไม่สำแดงมาหลายรุ่นแล้วอย่างนี้ก็ไม่ต่างจากปีศาจทั่วไปหรอกพูดผิดตรงไหนกัน"โกเลียสถอนหายใจออกมา
"เออ..."ราเซียที่ไม่รู้จะแทรกบทสนทนายังไงได้แต่อ้ำอึ้ง นี่พวกเขาคิดจะทำสงครามด้วยเหรอเนี่ย....
"แวมไพร์มีอยู่จริงเหรอคะอาจารย์!?"เป็นซาร่าที่โพล่งออกมาปฏิกิริยาของเธอดูแปลกมากๆ ดูตื่นเต้นแถมยังยิ้มร่าเริงสดใสมาก
"ก็ต้องมีสิจริงสิ ขนาดพวกแวร์วูฟยังมีเลย"อาจารย์โกลเลียสเอ่ยบอก
"ว้าว! อยากเจอตัวจริงจังเลยค่ะ"ซาร่าดวงตาเปล่งประกายวาววับประหนึ่งว่าดวงตาทั้งดวงของเธอกลายเป็นเพรชแล้วมีแสงสาดส่องลงมา
"อย่าดีกว่าพวกแวมไพร์น่ะออกจากน่ารำคาญ"อาจารย์โกเลียสส่ายศีรษะไม่เห็นด้วยกับการที่จะเจอแวมไพร์
น่ารำคาญเหรอ?
"พูดถึงพวกผมในด้านไม่ดีเลยนะโกเลียส"เสียงบุคคลมาใหม่ดังขึ้นเขามีน้ำเสียงที่นุ่มนวลชวนให้หลงใหลเป็นอย่างมาก
"ดราเวน..."โกเลียสมองอีกฝ่ายด้วยสายตาที่เรียบนิ่ง เขาอุตส่าห์กำชับไว้แล้วว่าอย่าเดินไปทั่วเผ่ามนุษย์น่ะทนต่อคาริสม่าที่เจ้าหมอนี่ปล่อยออกมาไม่ได้หรอก
โกเลียสหันกลับมามองหญิงสาวทั้งสี่ที่เป็นเผ่ามนุษย์ ตอนนี้สีหน้าของพวกเธอดูเหมือนว่าจะแดงนิดๆแม้แต่ราเซียก็ยังทนกับคาริสม่านี่ไม่ได้ ให้ตายสิเขาต้องโดนนายท่านว่าแน่หากท่านกลับมา
ดราเวน ลามาชสินะ เขาเป็นชายหนุ่มที่ราวกับสวรรค์บรรจงสร้างเลยล่ะ เส้นผมสีขาวที่ไม่ได้ถูกเซ็ทแต่ก็ดูงงดงามนัยต์สีแดงที่ราวกับทับทิมโลหิตมันช่างดึงดูดพวกเราเหลือเกิน ราเซียมองชายผู้มาใหม่ด้วยความหลงใหลไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองถึงละสายตาไม่ได้
| โฮสต์ |
อ๊ะ!? ราเซียชะงักเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงระบบดังขึ้นก่อนสายตาจะกลับไปมองชายที่ชื่อดราเวนอีกครั้งแต่ครั้งนี้เธอกับมองเขาเฉยๆไม่เหมือนกับเมื่อสักครู่นี้
หรือว่าจะเป็นคาริสม่างั้นเหรอ....
| เป็นอย่างที่โฮสต์คิด |
"แวมไพร์ตัวเป็นๆเลยเหรอเนี่ย แตกต่างจากที่เคยอ่านมา!?"ซาร่าพูดขึ้นมาเธอยังคงจดจ้องที่ดราเวนด้วยความตื่นเต้นมากกว่าจะหลงใหลเขา
!?
เทียร์ โกเลียสและดราเวนรู้สึกตกใจกับปฏิกิรยาที่แสดงออกมาของซาร่าและความคิดเดียวกันที่ผุดขึ้นมาคือ
คาริสม่าของแวมไพร์ทำอะไรผู้หญิงคนนี้ไม่ได้งั้นเหรอ!?
ซาร่าไม่มีปฏิกิริยากับคาริสม่าได้ยังไงกันนะ ทั้งที่มันดูรุนแรงแท้ๆแถมไม่ได้โดนคลายความหลงใหลอย่างที่เธอได้ระบบช่วยด้วย ราเซียคิดแต่ไม่ได้พูดออกมา
"ฮ่าๆทำเอาตกใจเลยนะครับ"ดราเวนหัวเราะออกมาก่อนดีดนิ้วหนึ่งครั้งโรซี่และไครีย์ก็หลุดจากคาริสม่า
"มะ เมื่อกี้มันอะไรกัน...."ไครีย์
"รู้สึกใจเต้น..."โรซี่
"เมื่อกี้คือความสามารถติดตัวของผมครับ แวมไพร์อย่างผมจะมีคาริสม่าเพื่อดึงดูดเพศตรงข้ามความรุนแรงในความหลงใหลจะขึ้นกับพลังของแวมไพร์ตนนั้นๆ"ดราเวนเอ่ยอธิบายออกมาเพื่อคลายความข้องใจ
"แต่ในบางครั้งก็จะไม่ได้ผล ถึงผมจะพึ่งเคยเจอก็เถอะคนที่ไม่สะทกสะท้านต่อคาริสม่าของผมน่ะ"ดราเวนมองไปที่ซาร่าที่เอียงศีรษะเล็กน้อยเมื่อถูกมอง
"ฟังดูน่ากลัวนะคะ"ราเซียพูดออกมา การที่เขาพูดแบบนี้แสดงให้เห็นว่าเขาน่าจะใช้คาริสม่าของตัวเองบ่อยพอสมควรแต่ใช้ทำอะไรนั่นก็น่าจะรู้กัน แวมไพร์จำเป็นต้องดื่มเลือดหนิ
"ผมไม่เอาคาริสม่าไปใช้แบบนั้นหรอกครับ"ดราเวนพูดราวกับรู้สิ่งที่ราเซียคิด ก่อนพูดประโยคถัดไปเพื่อให้หญิงสาวเรือนผมสีน้ำตาลทองได้เข้าใจ
"อีกอย่างเดี๋ยวนี้เรานิยมเลือดสัตว์มากกว่าถึงแม้ว่าเลือดมนุษย์จะรสชาติดีกว่าก็เถอะ"
"แล้วสามารถแปลงร่างเป็นค้างคาวได้หรือเปล่าคะ?"ซาร่ายังคงด้วยความตื่นเต้น
"ซาร่าถามแบบนั้นไม่ได้นะมันเสียมารยาท"ไครีย์เอ่ยบอกเพื่อนสาวที่รู้สึกว่าจะตื่นเต้นมากจนเกินไป
"ขอโทษค่ะ ฉันเผลอไป"ซาร่ารีบพูดขอโทษในทันที
"ไม่เป็นไรครับ ตระกูลของผมไม่สามารถทำได้ หากจะทำได้ต้องเป็นอีกตระกูลหนึ่งคือตระกูลมัลคอร์ม"ดราเวนเอ่ยบอก
"งั้นแสดงว่าแวมไพร์ยังมีสายเลือดที่แตกต่างกันสินะคะ!?"ซาร่าดูตื่นเต้นมากขึ้นกว่าเดิม
"ซาร่า...."ไครีย์
"......"ซาร่ารีบเงียบทันทีเมื่อรู้ว่าตัวเองเผลอตื่นเต้นมากเกินไป
"คุยกันครั้งนี้คงจะยาว ไว้ครั้งหน้าเราค่อยมาคุยกันก็ได้ครับคุณซาร่า..."ดราเวนแย้มยิ้มส่งให้
"ชื่อของฉันคือซาร่า วอลเลอร์ค่ะ"
"คุณวอลเลอร์สินะครับ ผมจะจดจำไว้"
"ถ้างั้นพวกเราสี่คนต้องขอตัวก่อนนะคะ เราคิดว่าพวกคุณสามคนคงจะมีเรื่องที่ต้องคุยกัน"ราเซียกล่าวออกมาก่อนก้มศีรษะเล็กน้อยเป็นการบอกว่าตนนั้นจะขอแยกตัวออกมา เฉกเช่นเดียวกับอีกสามคนที่เดินตามราเซียไปทันทีหลังจากก้มศีรษะ
ดราเวนมองแผนหลังของทั้งสี่สาวที่เดินห่างออกไป ไม่สิเขากำลังมองเรือนผมสีขาวสว่างของสาวน้อยที่ชื่อซาร่าต่างหากล่ะ
น่าสนใจจังเลยนะ คนที่สามารถต่อต้านคาริสม่าผมได้.....
อัปวันที่09/04/65
คุณพรี่ดราเวนแน่ใจนะคะว่าจะสนใจแค่เรื่องนี้
ความคิดเห็น