ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ตื่นมาอีกทีก็กลายเป็นอีกคนไปซะแล้ว

    ลำดับตอนที่ #22 : part21:ตระกูลลามาช

    • อัปเดตล่าสุด 9 เม.ย. 65


    "ราเซีย!!!"เสียงที่คุ้นเคยของเพื่อนสาวคนสนิทดังขึ้นเธอพุ่งเข้ามาโผกอดราเซียที่พึ่งเดินออกมาจากการติดต่อสื่อสารกับมหาเทพ 

    มากันตั้งแต่ตอนไหนเนี่ย ราเซียมองเพื่อนสาวคนสนิทในอ้อมกอดก่อนมองเลยไปยังอีกสองคนที่ยืนมองอยู่เช่นกัน

    "เป็นห่วงมากเลยนะมาหาแล้วไม่เจอแบบนี้"ซาร่าที่ไม่ได้พุ่งเข้ากอดเหมือนโรซี่พูดขึ้นมาน้ำเสียงของเธอดูสั่นเล็กน้อยแถมแววตาก็วูบไหวไปมา

    "เรื่องสองปีก่อนมันยังทำให้เรากลัวที่จะเสียเธอไปน่ะ"ไครีย์พูดด้วยรอยยิ้ม 

    เราไปสร้างบาดแผลในใจให้กับทั้งสามคนหรือเปล่านะ ราเซียคิดกอดตอบเพื่อนสาวคนสนิทที่ยังไม่ถอนกอดออก

    "เรื่องแบบนั้นจะไม่เกิดขึ้นอีกแล้วล่ะ"ราเซียเอ่ยออกมาโรซี่ค่อยๆถอนกอดมองเพื่อนสาวตรงหน้าทีแย้มยิ้มส่งมา

    "ก็บอกไปแล้วว่าเธอไปทำธุระกับเทียร์"อาจารย์โกลเลียสที่เหมือนพึ่งกลับมาจากที่ไหนสักแห่งพูดขึ้นมา

    "ขออภัยที่พวกเรากังวลเกินเหตุค่ะ"สามสาวพูดขึ้นมาพร้อมกับก้มศีรษะเล็กน้อยต่อหน้าอาจารย์ผู้ดูแลตนและเป็นมือซ้ายของจอมมาร

    "แล้วเรื่องปีศาจที่ว่าอยู่ในป่าเป็นไงบ้าง"เทียร์เอ่ยถามขึ้นมาเมื่อทุกอย่างดูสงบลง 

    "ก็แค่ปีศาจระดับทั่วไปน่ะ พวกเขามาเพื่อรวมตัวเป็นกำลังโค่นจอมมารที่อยู่บนบัลลังก์ตอนนี้"โกเลียสเอ่ยออกมานี้เป็นสาเหตุที่เขาไม่ได้อยู่หน้าทางเข้าตลอดเพราะต้องไปจัดการเรื่องนี้ 

    "ก็ดีแล้วหนิ นายน่ะกำลังรวบรวมคนอยู่ไม่ใช่เหรอเป็นปีศาจตระกูลไหนล่ะ"เทียร์เอ่ยถามอย่างสนใจ ยังไงตอนนี้เขาก็คงต้องตระเตรียมที่พักให้กับผู้มาใหม่ซะแล้ว

    "ตระกูลลามาช"

    "เดี๋ยวสิตระกูลลามาชเป็นแวมไพร์นะ นายจะบอกว่าพวกเขาเป็นปีศาจทั่วไปไม่ได้นะโกลเลียส"เทียร์ชี้นิ้วก่อนหมุนวนไปมาเป็นการตำหนิโกลเลียสที่บอกว่าแวมไพร์เป็นปีศาจทั่วไป 

    "ปีศาจก็คล้ายๆกันหมดนั่นแหละ พวกลามาชถึงจะมีพลังที่สืบทอดกันมาอย่างการควบคุมโลหิต แต่ได้ยินว่าพลังไม่สำแดงมาหลายรุ่นแล้วอย่างนี้ก็ไม่ต่างจากปีศาจทั่วไปหรอกพูดผิดตรงไหนกัน"โกเลียสถอนหายใจออกมา 

    "เออ..."ราเซียที่ไม่รู้จะแทรกบทสนทนายังไงได้แต่อ้ำอึ้ง นี่พวกเขาคิดจะทำสงครามด้วยเหรอเนี่ย....

    "แวมไพร์มีอยู่จริงเหรอคะอาจารย์!?"เป็นซาร่าที่โพล่งออกมาปฏิกิริยาของเธอดูแปลกมากๆ ดูตื่นเต้นแถมยังยิ้มร่าเริงสดใสมาก

    "ก็ต้องมีสิจริงสิ ขนาดพวกแวร์วูฟยังมีเลย"อาจารย์โกลเลียสเอ่ยบอก 

    "ว้าว! อยากเจอตัวจริงจังเลยค่ะ"ซาร่าดวงตาเปล่งประกายวาววับประหนึ่งว่าดวงตาทั้งดวงของเธอกลายเป็นเพรชแล้วมีแสงสาดส่องลงมา

    "อย่าดีกว่าพวกแวมไพร์น่ะออกจากน่ารำคาญ"อาจารย์โกเลียสส่ายศีรษะไม่เห็นด้วยกับการที่จะเจอแวมไพร์

    น่ารำคาญเหรอ?

    "พูดถึงพวกผมในด้านไม่ดีเลยนะโกเลียส"เสียงบุคคลมาใหม่ดังขึ้นเขามีน้ำเสียงที่นุ่มนวลชวนให้หลงใหลเป็นอย่างมาก

    "ดราเวน..."โกเลียสมองอีกฝ่ายด้วยสายตาที่เรียบนิ่ง เขาอุตส่าห์กำชับไว้แล้วว่าอย่าเดินไปทั่วเผ่ามนุษย์น่ะทนต่อคาริสม่าที่เจ้าหมอนี่ปล่อยออกมาไม่ได้หรอก

    โกเลียสหันกลับมามองหญิงสาวทั้งสี่ที่เป็นเผ่ามนุษย์ ตอนนี้สีหน้าของพวกเธอดูเหมือนว่าจะแดงนิดๆแม้แต่ราเซียก็ยังทนกับคาริสม่านี่ไม่ได้ ให้ตายสิเขาต้องโดนนายท่านว่าแน่หากท่านกลับมา

     

    ดราเวน ลามาชสินะ เขาเป็นชายหนุ่มที่ราวกับสวรรค์บรรจงสร้างเลยล่ะ เส้นผมสีขาวที่ไม่ได้ถูกเซ็ทแต่ก็ดูงงดงามนัยต์สีแดงที่ราวกับทับทิมโลหิตมันช่างดึงดูดพวกเราเหลือเกิน ราเซียมองชายผู้มาใหม่ด้วยความหลงใหลไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองถึงละสายตาไม่ได้ 

    | โฮสต์ | 

    อ๊ะ!? ราเซียชะงักเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงระบบดังขึ้นก่อนสายตาจะกลับไปมองชายที่ชื่อดราเวนอีกครั้งแต่ครั้งนี้เธอกับมองเขาเฉยๆไม่เหมือนกับเมื่อสักครู่นี้ 

    หรือว่าจะเป็นคาริสม่างั้นเหรอ....

    | เป็นอย่างที่โฮสต์คิด | 

    "แวมไพร์ตัวเป็นๆเลยเหรอเนี่ย แตกต่างจากที่เคยอ่านมา!?"ซาร่าพูดขึ้นมาเธอยังคงจดจ้องที่ดราเวนด้วยความตื่นเต้นมากกว่าจะหลงใหลเขา 

    !? 

    เทียร์ โกเลียสและดราเวนรู้สึกตกใจกับปฏิกิรยาที่แสดงออกมาของซาร่าและความคิดเดียวกันที่ผุดขึ้นมาคือ 

    คาริสม่าของแวมไพร์ทำอะไรผู้หญิงคนนี้ไม่ได้งั้นเหรอ!?

    ซาร่าไม่มีปฏิกิริยากับคาริสม่าได้ยังไงกันนะ ทั้งที่มันดูรุนแรงแท้ๆแถมไม่ได้โดนคลายความหลงใหลอย่างที่เธอได้ระบบช่วยด้วย ราเซียคิดแต่ไม่ได้พูดออกมา

    "ฮ่าๆทำเอาตกใจเลยนะครับ"ดราเวนหัวเราะออกมาก่อนดีดนิ้วหนึ่งครั้งโรซี่และไครีย์ก็หลุดจากคาริสม่า

    "มะ เมื่อกี้มันอะไรกัน...."ไครีย์

    "รู้สึกใจเต้น..."โรซี่

    "เมื่อกี้คือความสามารถติดตัวของผมครับ แวมไพร์อย่างผมจะมีคาริสม่าเพื่อดึงดูดเพศตรงข้ามความรุนแรงในความหลงใหลจะขึ้นกับพลังของแวมไพร์ตนนั้นๆ"ดราเวนเอ่ยอธิบายออกมาเพื่อคลายความข้องใจ

    "แต่ในบางครั้งก็จะไม่ได้ผล ถึงผมจะพึ่งเคยเจอก็เถอะคนที่ไม่สะทกสะท้านต่อคาริสม่าของผมน่ะ"ดราเวนมองไปที่ซาร่าที่เอียงศีรษะเล็กน้อยเมื่อถูกมอง 

    "ฟังดูน่ากลัวนะคะ"ราเซียพูดออกมา การที่เขาพูดแบบนี้แสดงให้เห็นว่าเขาน่าจะใช้คาริสม่าของตัวเองบ่อยพอสมควรแต่ใช้ทำอะไรนั่นก็น่าจะรู้กัน แวมไพร์จำเป็นต้องดื่มเลือดหนิ 

    "ผมไม่เอาคาริสม่าไปใช้แบบนั้นหรอกครับ"ดราเวนพูดราวกับรู้สิ่งที่ราเซียคิด ก่อนพูดประโยคถัดไปเพื่อให้หญิงสาวเรือนผมสีน้ำตาลทองได้เข้าใจ

    "อีกอย่างเดี๋ยวนี้เรานิยมเลือดสัตว์มากกว่าถึงแม้ว่าเลือดมนุษย์จะรสชาติดีกว่าก็เถอะ"

    "แล้วสามารถแปลงร่างเป็นค้างคาวได้หรือเปล่าคะ?"ซาร่ายังคงด้วยความตื่นเต้น 

    "ซาร่าถามแบบนั้นไม่ได้นะมันเสียมารยาท"ไครีย์เอ่ยบอกเพื่อนสาวที่รู้สึกว่าจะตื่นเต้นมากจนเกินไป

    "ขอโทษค่ะ ฉันเผลอไป"ซาร่ารีบพูดขอโทษในทันที

    "ไม่เป็นไรครับ ตระกูลของผมไม่สามารถทำได้ หากจะทำได้ต้องเป็นอีกตระกูลหนึ่งคือตระกูลมัลคอร์ม"ดราเวนเอ่ยบอก 

    "งั้นแสดงว่าแวมไพร์ยังมีสายเลือดที่แตกต่างกันสินะคะ!?"ซาร่าดูตื่นเต้นมากขึ้นกว่าเดิม 

    "ซาร่า...."ไครีย์ 

    "......"ซาร่ารีบเงียบทันทีเมื่อรู้ว่าตัวเองเผลอตื่นเต้นมากเกินไป

    "คุยกันครั้งนี้คงจะยาว ไว้ครั้งหน้าเราค่อยมาคุยกันก็ได้ครับคุณซาร่า..."ดราเวนแย้มยิ้มส่งให้

    "ชื่อของฉันคือซาร่า วอลเลอร์ค่ะ"

    "คุณวอลเลอร์สินะครับ ผมจะจดจำไว้"

    "ถ้างั้นพวกเราสี่คนต้องขอตัวก่อนนะคะ เราคิดว่าพวกคุณสามคนคงจะมีเรื่องที่ต้องคุยกัน"ราเซียกล่าวออกมาก่อนก้มศีรษะเล็กน้อยเป็นการบอกว่าตนนั้นจะขอแยกตัวออกมา เฉกเช่นเดียวกับอีกสามคนที่เดินตามราเซียไปทันทีหลังจากก้มศีรษะ

    ดราเวนมองแผนหลังของทั้งสี่สาวที่เดินห่างออกไป ไม่สิเขากำลังมองเรือนผมสีขาวสว่างของสาวน้อยที่ชื่อซาร่าต่างหากล่ะ 

    น่าสนใจจังเลยนะ คนที่สามารถต่อต้านคาริสม่าผมได้.....

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    อัปวันที่09/04/65

    คุณพรี่ดราเวนแน่ใจนะคะว่าจะสนใจแค่เรื่องนี้ 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×