คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : น้องปุ๊กปิ๊ก : CHAPTER 01 (100/100)
คำเตือน
ฟิคเรื่องนี้เป็นแนวแฟนเด็กฉบับปุ๊กปิ๊ก
น่ารัก สดใส สบายๆ คลายเครียด
พี่จีมินเป็นคนที่คล้ายๆโพหลัวแบบกร้าวใจ
ไม่ชอบกดออก แต่อย่ากดแบนนะ!!
EP.01
*ยังไม่ได้แก้คำผิด**
“เลิกคลาสได้ค่ะ”
สิ้นประโยคของอาจารย์ป้าจอมโหด
เสียงโห่ร้องที่แสดงถึงความดีใจกันอย่างออกนอกหน้า
โดยเฉพาะพวกที่ขี้เกียจเรียนแต่ต้องนั่งถ่างตามองกระดานตรงหน้าอย่างเอาเป็นเอาตายทั้งที่มันคือนรกของพวกเขาแท้ๆ
“ไอ้พ่อ! วันนี้แดกเหล้าป่ะ!!” เสียงตะโกนของชายหนุ่มผมสีดำดังขึ้น
ก่อนที่รอบคอจะสัมผัสถึงน้ำหนักที่ถูกกดลงมาด้วยวงแขนของอีกฝ่าย
ถ้าเป็นเมื่อก่อนอ่ะนะ
พอได้ยินคำว่าเหล้าจากปากของมิตรสหายทั้งหลายเจ้าของฉายา ‘ไอ้พ่อ’
ก็พร้อมจะสลัดคราบนักศึกษาปี 3 ออกและกลายเป็นราชสีห์ออกล่าเหยื่ออย่างช่ำชอง
แน่นอนว่าคำตอบจากเจ้าของส่วนสูง 178 คงหนีไม่พ้น…
“ไม่ไป
บาย” ปฏิเสธหน้าตาย ก่อนจะเดินตัวปลิวออกจากห้องไปทันที
ทว่าก็ยังถูกขัดขวางด้วยเพื่อนสนิทเจ้าเดิมที่ชาติก่อนเกิดเป็นฝอยขัดหม้อรึไงก็ไม่รู้
“ทำไมว๊าาาา
ปกติมึงเสี้ยนอย่างกับอะไรดี”
“กูเหนื่อย”
“ตอแหล”
“กูขี้เกียจ”
“ตอแหล”
“กูอยากกลับไปนอน”
“มึงยังตอแหลอีกเหรอคุณจีมิน”
“=___=”
ปาร์ค
จีมินมองเพื่อนสนิทหัวดำอย่างเบื่อหน่าย
ก่อนที่มือหยาบกร้านผ่านการทำงานหนักมาไม่รู้ตั้งกี่ครั้ง
จะใช้มันดันหน้าหล่อๆนั่นออกไปไกลๆ พร้อมกับขาทั้งสองก้าวเดินออกจากตึกเรียนไปยังรถยนต์คันหรูของตัวเองและเมินเสียงโวยวายของเพื่อนรักด้านหลังอย่างไม่ใยดี
ถ้าจะให้บรรยายถึงตัวตนของชายหนุ่มอายุ
21 ในวัยนักศึกษาหัวเลี้ยวหัวต่ออย่างปาร์ค จีมินล่ะก็
คงต้องเริ่มตั้งแต่ประวัติความเป็นมาที่แสนจะไร้สาระตั้งแต่โตจนจำความได้เสียแล้ว
ปาร์ค
จีมินเป็นลูกชายคนเล็กของครอบครัวมหาเศรษฐี แบบเกิดมาปุ๊บก็มีเงินมีทองใช้ไม่ขาด
พอเริ่มโตขึ้นมาอีกหน่อยก็พบว่าความฝันของตัวเองนั้นคืออะไรที่โคตรจะปัญญาอ่อนในตอนปัจจุบันมาก
แถมเมื่อก่อนตัวเขานั้นมีรูปร่างกลมบ็อกเหมือนลูกฟุตบอล
พอจะขยับตัวทีมันก็เหนื่อยไปหมดและนั่นกลายเป็นปมที่โคตรจะบัดซบเวลาถูกเพื่อนล้ออยู่บ่อยๆ
แน่นอนว่าพอโดนล้อ
โดนแกล้งมากขึ้น นิสัยขี้อาย ขี้ขลาด ขี้กลัว สารพัดขี้ๆนั่นก็เริ่มหายไป
แทนที่ด้วยความเคียดแค้นเตรียมเผาไหมไอ้พวกที่บังอาจมากล้อหุ่นอ้วนๆของเขาจนกลายเป็นการทะเลาะวิวาทครั้งใหญ่ของลูกชายคนเล็กแห่งตระกูลปาร์คจนโดนเลิกผู้ปกครองกันทั่วหน้า
และเหตุการณ์นั้นคือวันเดบิวต์อย่างเป็นทางการของปาร์ค
จีมินในวัย 6 ขวบ
พอเข้าสู่ม.ปลายก็ไม่คิดจะเรียนสายวิทย์คณิตเหมือนพี่ชายคนโต
แต่กลับเลือกเรียนสายศิลป์กับภาษาแทนซะงั้น แน่นอนว่าปาร์ค จีมินคนนี้ไม่ได้ตั้งใจเรียนเอาที่หนึ่งของสายชั้นเลยสักกะติ๊ด
ตรงกันข้ามกลับไปได้ที่หนึ่งในเรื่องต่อยตีเป็นนักเลงหัวโจกสร้างชื่อเสียให้โรงเรียนไม่เว้นวัน
เชื่อสิว่าพวกอาจารย์แก่ๆทั้งหลายแหล่น่ะอยากจะไล่เขาออกใจแทบขาด
แต่เพราะอำนาจเงินมันหอมหวานเลยหลับหูหลับตาปล่อยให้เขาเร่ร่อนอยู่ในโรงเรียนจนจบ
นับเป็นโชคดีของเขาใช่ไหมที่เกิดมารวยอ่ะ?
พอขึ้นมหาลัยปาร์ค
จีมินก็ทำการแหกคอกออกครั้งด้วยการสอบเข้าคณะแพทย์ที่ขึ้นชื่อว่าโหดและยากที่สุดในมหาลัยชื่อดังใกล้ที่ทำงานของพี่ชายคนโตโดยที่ตัวเองนั้นอยู่สายศิลป์เพียงคนเดียวที่เข้าสอบและดันติดหนึ่งใน 60 คนเฉย ทั้งที่ความจริงแล้วครอบครัวของเขาน่ะมันสายบริหารยกบ้าน
ทั้งพ่อที่เป็นประธานบริษัทอุตสาหกรรมรมด้านบริโภค แม่ก็เป็นเจ้าของห้องเสื้อชื่อดังระดับโลก
และพี่ชายที่ล่าสุดเป็นเจ้าของคอนโดหรูราคาเหยียบร้อยล้านที่เขากำลังยืนอยู่และอีกหลายๆแห่งทั่วประเทศ
ส่วนปาร์ค
จีมินที่ควรจะเป็นเจ้าของธุรกิจใดธุรกิจหนึ่ง ดันนอกคอกไปสอบเข้าคณะแพทย์ซะงั้น
แต่พวกเขาก็ไม่ได้โกรธหรือห้ามไม่ให้เขาเรียนหมอหรอกนะ
แบบว่าเป็นลูกรัก น้องรัก เลยถูกตามใจมาตั้งแต่เด็ก อยากทำอะไรก็ทำไป
ไม่จำเป็นต้องเดินตามกรอบเหมือนครอบครัวอื่นที่พยายามสร้างขึ้นมา
เพราะเหตุนี้ล่ะปาร์ค
จีมินถึงได้เกิดมาโชคดียังไงล่ะ
พูดถึงการสอบเข้าคณะแพทย์แล้ว
ตอนนี้ตัวเขาก็มาได้ครึ่งทางและเตรียมตัวไปสิงอยู่ที่โรงพยาบาลแทนมหาลัยในไม่ช้า
ซึ่งโรงพยาบาลที่จีมินจะไปสิงอยู่นั้นก็เป็นโรงพยาบาลที่มีพี่ชายของคิม
แทฮยองเป็นผู้อำนวยการแถมยังเป็นโรงพยาบาลชั้นนำระดับประเทศ รับหมอฝึกงานน้อยมากและบางปีก็ไม่เปิดรับนักศึกษาคณะแพทย์จากมหาลัยอื่นอีกเลย
หากใครถูกเลือกให้ไปนับเป็นลาภอันประเสริฐชนิดที่ว่าไม่มีทางอดตายหลังเรียนจบแน่นอน
และปีนี้คนที่ได้รับเข้าไปในโรงพยาบาลแห่งนี้ก็คือเขาและคิม
แทฮยองเพื่อนสนิทหัวดำที่ชวนไปกินเหล้าตั้งแต่ฟ้ายังไม่มืดนั่นเอง
การเป็นว่าที่คุณหมอของปาร์ค
จีมินนั้นไม่เหมือนกับชาวบ้านชาวช่องเสียเท่าไหร่
นิยามของการเป็นหมอคือต้องขยันอ่านหนังสือ โลกส่วนตัวสูง เป็นคนใจเย็นและอดทนเก่ง
และสุดท้ายคือเรียบร้อยประหนึ่งผ้าพับอยู่ในตู้
นิยามที่ว่านั่นน่ะมันเชยบรมสุดๆ
คนเป็นหมอน่ะไม่จำเป็นต้องทำตัวเหมือนเจ้าชายผู้เพียบพร้อมไปเสียทุกเรื่องก็ได้
อยากทำอะไรก็ทำ อยากกินเหล้าก็ไปกิน อยากดูดบุหรี่ก็ดูด
อยากไปนอนกับผู้หญิงที่ไหนก็แค่พกถุงยางและเข้าห้องไปกินตับให้หนำใจ
และสุดท้ายคือสิ่งที่หมอไม่ควรทำแต่ปาร์ค
จีมินดันทำทุกอย่างที่กล่าวมาข้างต้นคงหนีไม่พ้น
เกลียดขี้หน้าใครก็ไปอัดหน้ามันให้ยับ กระทืบให้แอดมิทเข้าโรงพยาบาลหยอดน้ำข้าวต้มไปสักเดือนให้สาแก่ใจ นี่แหล่ะวิถีชายชาตรีของปาร์ค จีมิน ว่าที่คุณหมอที่เปรี้ยวตีนทุกสถาบัน
ติ๊ดดดดดดดด
เสียงปลดล็อครหัสดังขึ้นเป็นสัญญาณว่าเลขที่กดลงในกล่องสี่เหลี่ยมสีดำนั้นถูกต้อง
จีมินผลักประตูตรงหน้าออกพร้อมกับก้าวเข้าไปในห้องที่มีลมเย็นๆของเครื่องปรับอากาศตีใส่หน้าจนชาไปพักหนึ่ง
ดวงตาเรียวกวาดตามองหาผู้ร่วมห้องอีกคนหนึ่งที่คาดว่าคงกลับมาแล้ว หลังจากเห็นรองเท้าผ้าใบเก่าๆวางอยู่ตรงชั้นวางรองเท้า
รองเท้าผ้าใบแบรนด์ดังถูกสะบัดออกจากคนใส่ก่อนจะโยนมันใส่ชั้นวางอย่างไม่ใส่ใจและหยิสลิปเปอร์สีชมพูหวานแหววไม่เหมาะกับหน้าตาขึ้นมาใส่และเหยียบลงบนพื้นพรมขนสัตว์ที่สั่งให้พี่ชายปูมันทั่วห้องก่อนเข้ามาอยู่
1 วัน
ฟุตฟิต
ฟุตฟิต
จมูกรั้นสูดดมกลิ่นประหลาดที่ออกไปทางสารเคมีมากกว่าสเปรย์ปรับอากาศที่ถูกฉีกโดยอัตโนมัติ
ขาทั้งสองลากสลิปเปอร์กระต่ายหน้าโง่ไปยังห้องนั่งเล่นที่คาดว่าเจ้าสิ่งมีชีวิตเหมือนไอ้ตัวบนรองเท้าที่ใส่อยู่คงจะนั่งกินขนมหรือไม่ก็นอนอยู่บนโซฟาแน่ๆ
และปาร์ค
จีมินก็คิดถูก เพียงแต่สิ่งหนึ่งที่พาให้คนรักความสะอาดยิ่งชีพถึงกันหน้ามืด ปากสั่น
เหลือกตามองศิลปะความงดงามที่กำลังแต่งแต้มบนพรมขนสัตว์แสนรักอย่างดูไม่ได้
พระเจ้าช่วย...ได้โปรดบอกผมทีว่ามันคือความฝัน
แต่แม่งมันคือความจริง
“งื้อ~~”
เสียงครางของคนที่นอนหมอบอยู่บนพรมขนนุ่มดังขึ้นเรียกสติที่ลอยไปไกลของจีมินให้กลับมายังที่นี่
ใบหน้าหล่อเหลาที่กำลังงัวเงียเหมือนเด็กน้อยที่ยังนอนไม่เต็มอิ่ม
กลุ่มผมสีดำที่ยาวถึงต้นคอเหมือนผมของผู้หญิงที่มันทั้งรุงรังและยุ่งเหยิงจนดูไม่ได้
ท่าทางน่ารักน่าเอ็นดูจนอยากจะเข้าไปตบตูดแล้วกล่อมให้นอนอีกรอบ
หากเป็นเวลาปกติปาร์ค จีมินย่อมทำแบบนั้นอยู่แล้ว แต่ตอนนี้มันไม่ปกติไง
“จีมเหรอ”
“ไอ้...”
ยิ่งเห็นสีหลากหลายแต่งแต้มบนใบหน้าของคนที่นอนอยู่บนพื้นในชุดนักศึกษาที่คล้ายเหมือนผ้าขี้ริ้วเข้าไปทุกที
ความดันในกายก็พุ่งสูงปริ๊ดจนอยากจะเป็นลมให้รู้แล้วรู้รอด
ไปซะแล้วพรมราคาเหยียบแสนที่อุตส่าห์กราบตีนขอร้องพี่ชายจนเลือดตาแทบกระเด็น
มันหายไปผืนหนึ่งแล้ว
“ไอ้ปุ๊กปิ๊ก!!!!!!!!!!!”
Bunny
Prookpick
ดวงตากลมโตกำลังจ้องมองแผ่นหลังเล็กในชุดนักศึกษาแพทย์ผ่านหมอนกระต่ายสีชมพูใบโปรด
ใบหน้าที่เมื่อกี๊เต็มไปด้วยสีจนแยกไม่ออกว่าอันไหนหน้า อันไหนถังสี
ตอนนี้ใบหน้าหล่อเหลากลับใสกิ๊งยิ่งกว่าน้ำเปล่า ผมสีดำก็ถูกมัดจุกเป็นทรงน้ำพุด้วยยางรัดแบบเดียวกับหมอนที่กอดอยู่
แม้ใจจริงอยากจะเข้าไปช่วยอีกคนทำความสะอาดพรมอยู่เหมือนกัน
แต่พอทำท่าขยับก็โดนสายตาดุๆนั่นตวัดกลับมาจ้องเขม็ง
จนขาที่กำลังแตะลงบนพื้นพรมขนนุ่มเป็นอันต้องชักกลับไปนั่งเจียมเนื้อเจียมตัวอยู่บนโซฟาเหมือนเดิม
น่ากลัวอ่ะ
T^T
“จีม”
เสียงทุ้มเอ่ยเรียกคนบนพื้นอย่างกล้าๆกลัวๆ
ยิ่งอีกคนไม่ยอมขานรับก็พาให้หน้าเสียยิ่งขึ้น
“จีม”
“….” ยังหยิ่งต่อไป
“ตัว”
“….” ไม่ได้แอ้มกูหรอก
“ก้อนต๋า”
ขวับ!!
“ก้อนต๋าพ่อมึงดิเด็กเปรต!!” พอถูกเรียกด้วยสรรพนามแสลงหูนั่น
ก็ถึงกับหันไปเหวใส่ไอ้ปุ๊กปิ๊กหน้ามนที่นั่งฉีกยิ้มหวานเห็นฟันกระต่ายกับรอยตีกายับๆอย่างน่าหมั่นไส้
น่ารักมากมั้งมึงอ่ะ
แต่เออ!!! มันน่ารักจริงๆนั่นแหล่ะ
แพ้ตลอดเลยกูเนี่ย
=___=
“จีมโกรธเค้าเหรอ”
“มึงคิดว่าหน้ากูตอนนี้กำลังเอ็นดู๊เอ็นดูมึงอยู่เหรอ
บอกแล้วใช่ไหมว่าถ้ากลับมาต้องทำอะไรก่อนเป็นอย่างแรก”
จีมินมองไอ้เด็กปุ๊กปิ๊กที่นั่งกอดหมอนกระต่ายหน้าโง่
ก่อนจะช้อนสายตากลมแป๋วกับเสียงอ่อยๆตอบกลับมาว่า
“ต้องไปอาบน้ำ
ทำตัวให้หอมๆก่อนมานอนเล่น”
“แล้วทำไมมึงไม่ทำ
รู้ไหมว่าสีบนหน้ามึงทำพรมกูเสียไปตั้งผืนหนึ่งเลยนะ!!
แล้วดูชุดนักศึกษาตัวใหม่ที่มึงพึ่งใส่ครั้งแรกดิ๊
แม่งกลายเป็นผ้าขี้ริ้วเช็คถังสีไปแล้วเห็นมะ ใครเป็นคนเอาสีมาป้ายมึง” พอบ่นให้สาสมกับพรมราคาเหยียบแสนจนพอใจ
ก็เริ่มแค้นความจริงจากคนที่นั่งกระพริบตาปริบๆกอดหมอนกระต่ายอย่างคาดคั้น
“จีมจะทำอะไรพวกเขาเหรอ??”
“กูจะไปต่อยหน้ามัน
ถ้าเป็นผู้ชายจะกระทืบไข่ให้เละ ถ้าเป็นผู้หญิงกูจะให้อีหวีไปตบให้หน้าแหก!!!”
“-0-”
น่ากลัวอ่ะ
สามคำที่วนเวียนอยู่ในหัวของเด็กหนุ่มที่เป็นหนึ่งในผู้ร่วมอาศัยในห้องแห่งนี้
ถ้าจะให้สาธยายถึงประวัติความเป็นมาของไอ้ปุ๊กปิ๊กว่ามันเป็นใคร มาจากไหน
และทำไมถึงมานั่งส่งสายตาแป๋วๆเหมือนลูกกระต่ายแรกเกิดอยู่แบบนี้ล่ะก็
ปาร์ค
จีมินก็พร้อมชี้แจงแถลงไข
ไอ้ปุ๊กปิ๊ก
เด็กผี เด็กเปรต สารพัดชื่อเรียกตามอารมณ์ของเขานั้นมันมีชื่อเต็มๆว่า ‘จอน จองกุก’ อายุน้อยกว่าเขา 2
ปี ซึ่งตอนนี้จีมินเรียนอยู่ปี 3 ไอ้เด็กนี่มันก็เรียนอยู่ปี 1
แน่นอนว่าพวกเขาเรียนกันคนล่ะมหาลัยแต่ก็ไม่ได้ห่างกันเสียเท่าไหร่
ตอนแรกไอ้ปุ๊กปิ๊กมันก็จะตามมาเรียนที่เดียวกับจีมินนั่นแหล่ะ
แต่ติดที่มหาลัยของเขาไม่มีคณะที่เด็กนี่จะเรียนเลยต้องระเห็จไปเรียนอีกมหาลัยแทน
ตอนมันรู้ว่าที่จะไม่ได้เรียนที่เดียวกับเขา บ่อน้ำตาก็แตกเป็นน้ำพุขนาดย่อม
ร้องไห้งอแงเสียหลายวัน
ทำเอาจีมินและคนอื่นๆปวดหัววันล่ะหลายๆรอบกว่าจะกล่อมมันให้ไปเรียนอีกมอได้ ก็ทำเอาร่างกายเหนื่อยแทบขาดใจเลยล่ะ
แล้วทำไมถึงมาอยู่ด้วยกันได้??
ถ้าเป็นคำถามแนวนี้ล่ะก็
คงต้องย้อนกลับไปตั้งแต่เจอไอ้ปุ๊กปิ๊กครั้งแรกสินะ
ตอนนั้นจีมินเรียนอยู่ม.ปลายปีสุดท้ายและกลายเป็นหัวโจกของที่นี่
แน่นอนว่าทุกโรงเรียนมันก็ต้องเล่นสายรหัสเหมือนกับที่มหาลัยอยู่แล้ว
ซึ่งสายรหัสของเขานั้นเป็นพวกหัวรุนแรงกันหมดทั้งสาย ตั้งแต่พี่รหัส
ลุงรหัสรวมถึงบรรดาปู่ๆ ย่าๆ ทั้งหลายที่ล้วนมีนิสัยห้าวหาญทั้งสิ้น
จนถูกเรียกว่าสายรหัสเปรี้ยวตีนมาตั้งแต่ตอนนั้น
พอตัวเองได้กลายเป็นลุงรหัสแล้ว
มันก็เลยตื่นเต้นนิดหน่อยแถมยังลุ้นด้วยว่าหลานรหัสของตัวเองจะมีนิสัยเหมือนกับเขาหรือเปล่า
นั่งคิด นอนคิด ยืนคิดมาหลายวันจนในที่สุดไอ้ยองจุนก็พาหลานรหัสมาเปิดตัวซะที
แต่เชื่อไหมไอ้รอยยิ้มที่พร้อมต้อนรับผู้กล้าคนใหม่มันดันถูกเบรกเอี๊ยดเกือบไม่อยู่เมื่อเจอดวงตากลมแป๋วแลดูใสซื่อคู่นั้น
บอกกูทีว่ามันไม่ใช่เด็กเด๋อจากสนามเด็กเล่น??
หลังจากนั้นสายรหัสเปรี้ยวตีนของจีมินก็ถูกเปลี่ยนเป็นสายรหัสปุ๊กปิ๊กของจอน
จองกุกอย่างน่าสมเพชในบารมีจอมโหดของตัวเองสุดๆ อันที่จริง
ไอ้บทบรรยายสารพัดที่พูดออกไปนี่มันยังไม่ได้จับตรงจุดประเด็นที่ว่าทำไมเขากับไอ้ปุ๊กปิ๊กถึงมาอยู่ด้วยกันได้
พ่อแม่รู้จักกันไหมก็ไม่?
เป็นญาติพี่น้องก็ไม่ใช่ สถานะของพวกเราคือลุงรหัสกับหลานรหัสตอนม.ปลายที่ดันมาเป็นรูมเมทร่วมกัน??
ไม่ใช่ทั้งนั้น
สถานะของพวกเราเป็นอะไรมากกว่าที่คนอื่นๆคิด
ซึ่งไอ้สถานะนั่นมันก็เริ่มตั้งแต่ที่จีมินใกล้จะเรียนจบแล้วนั่นแหล่ะ
อยากรู้ชื่อสถานนะที่ว่าไหมล่ะ??
งั้นจะบอกให้ฟัง
เตรียมเบิ่งตาดูดีๆล่ะกัน
“จีม”
สรรพนามที่ไม่มีคำว่าพี่แม้อายุจะมากกว่า 2
ปีถูกเรียกขัดคำตอบที่จะบอกแก่ผู้ชอบกินเผือกทั้งหลาย
จีมินเงยหน้ามองคนเด็กกว่าที่กำลังส่งสายตาออดอ้อนพร้อมกับประโยคที่พาเอาว่าที่คุณหมอถึงกลับกลอกตามองบน
“นมกล้วยเค้าหมดแล้ว”
“=_=”
“พาเค้าไปซื้อที่ซุปเปอร์หน่อย”
อ้อนทางสายตาไม่พอ ยังมาอ้อนทางสีหน้ามึนๆของมันอีก
คิดว่าปาร์ค
จีมินผู้มีฉายาว่า ‘ไอ้พ่อทุกสถาบัน’
จะยอมว่าง่ายพาน้องปุ๊กปิ๊กหน้าใสกิ๊งไปซื้อนมกล้วยตามคำขอของมันงั้นเหรอ?
บอกเลยว่า...
“ไม่! กูจะนอนดูไอ้ระเบิดหัวแม่น!! มึงก็ไปซื้อเองดิ”
“เค้าไม่กล้าไปคนเดียว”
“โตตัวเท่าความล่ะยังทำจริตกลัวนู่นกลัวนี่ไปได้”
“นร้า~~*^*”
“โนเวย์
ไม่ใจอ่อนหรอกโว้ย!!” รอบนี้ฝึกมาดี
ภูมิต้านทานแข็งยิ่งกว่าเพชร ต่อให้มันทำหน้าอ้อนมากแค่ไหนก็ไม่มีทางใจอ่อนเด็ดขาด!!
ไอ้ปุ๊กปิ๊กต้องสำเนียกแล้วว่าลูกไม้เดิมๆใช้กับปาร์ค
จีมินผู้นี้ไม่ได้ผล!!
“งื้อออออ”
ใบหน้ายู่ยี่กับเสียง้องแง้งไม่ได้เรียกความสนใจของคนที่กำลังเลื่อนรีโมทตามหาการ์ตูนเรื่องโปรดให้หันกลับไปมองลูกอ้อนเลยแม้แต่น้อย
ใจร้าย...จีมใจร้ายที่สุด!!
ในเมื่อไม่สนใจก็ต้องใช้ท่าไม้ตายซะแล้ว
หมับ!!
“หะ...เหี้---”
จุ๊ฟ! จุ๊ฟ! จุ๊ฟ!
“พาเค้าไปซื้อนมกล้วยหน่อยนะแฟนจ๋า”
“..!!!..”
สัมผัสนุ่มนิ่มลงกลีบปากอวบอิ่มพร้อมกับเสียงน่าอายดังขึ้นติดกันสามครั้ง
ไม่รวมถึงประโยคสุดท้ายที่มันฆ่าหัวใจของปาร์ค จีมินให้ตายภายในครั้งเดียว
เหี้ย...เหี้ยมาก...เหี้ยสุดๆ
ใครสอนมันวะ!!!!
นาทีนี้สติสตางค์ทั้งหลายแหล่ไม่ได้อยู่กับตัวของจีมินอีกต่อไป
แม้ร่างกายจะถูกเจ้าเด็กโข่งลากออกจากห้องไปยังซุปเปอร์ใต้คอนโดโดยมีเสียงร้องเพลงลูกหมีสามตัวเป็นซาวด์ประกอบ
ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเพลงที่มันร้องชูกี้ ชูกี้ ชูก้า ชูห่านอะไรของมันก็ไม่รู้
ถ้าถามว่าปาร์ค
จีมินตอนนี้รู้สึกยังไง??
บอกเลยว่าแทบทรุดลงไปนอนกองกับพื้น
ไอ้ปุ๊กปิ๊กแม่งร้าย ใช้มารยาสาไถยได้ชั่วมาก
ภูมิคุ้มกันที่มีมาถูกพังทลายด้วยประโยคนั้นประโยคเดียว
แต่พอเงยหน้ามองสีหน้าดี๊ด๊าของมันเวลาหอบนมกล้วยห้าแพ็คในอ้อมแขนก็ถึงกับมองบนให้แก่ความคิดของตัวเองที่แม่งโผล่ขึ้นมาทุกรอบ
นี่กูมีแฟนหรือมีลูกกันแน่วะ??
อ่อ...ลืมไปว่ามันเป็นผั-
แค่กๆๆ เป็นแฟนปุ๊กปิ๊กของปาร์ค จีมินนั่นแหล่ะ
เป็นแฟนจริงๆนะโว้ย!!!!
[100/100]
ความคิดเห็น