ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Siam Cowboy - คาวบอยสยาม

    ลำดับตอนที่ #9 : ตอนที่ 6 : สูญเสีย

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 143
      7
      25 ก.ค. 63

    ทองสุกขี่ม้ากลับมาที่โบสถ์พักของเขา เขาเป็นห่วงบาทหลวงเนื่องจากว่าการโจมตีในครั้งนี้พุ่งเป้าไปยังกลุ่มคนผิวสีและคนอ่อนแอคนอื่นๆ แต่ในระหว่างที่เขากำลังขี่ม้าเดินทาง เขาก็เห็นแสงสีส้มและควันพวยพุ่งลอยมาแต่ไกล ในตอนนั้นเองมันทำเอาทองสุกจิตใจไม่อยู่ดับเนื้อกับตัวและเป็นห่วงบาทหลวงมากขึ้น

    “หลวงพ่อ!!”

    เขาตะโกนออกมา จากนั้นก็รีบควบม้าตะบึงกลับไปที่โบสถ์ในทันที เขาขี่ม้าเดินทางไปในไม่กี่อึดใจก็ไปถึงที่โบสถ์ แต่ภาพที่เขาเห็นก็คือ กลุุ่มชายในชุดขาวใส่หมวกคลุมหน้านับสิบถือคบเพลิงกำลังลากบาทหลวงออกมาที่ด้านนอก พร้อมกับทุบตีเขาอย่างไม่ยั้งมือ ทองสุกเห็นดังนั้นจึงโกรธมาก เขารีบชักดาบออกมาแล้วสู้ในทันที

    “ไอ้พวกระยำ!!”

    ทองสุกขี่ม้าควบเข้าไปเพื่อสังหารพวกนั้นอย่างโกรธแค้น

    “เฮ้ย มันจะสู้เราหว่ะ!!”

    “โธ่ มันถือแค่ดาบ รุมเล่นมันเลย!!”

    พวกมันพยายามจะล้อมทองสุกหมายจะสังหาร แต่ในตอนนั้นเอง ทองสุกก็เหวี่ยงดาบใส่พวกจนมันแตกกระเจง มันคนหนึ่งถือสามง่ามจะแทงมา เมื่อมันเงื้อแทง ทองสุกก็เสียจังหวะแล้วตกลงจากม้า แต่เขาก็ยังชักดาบฟาดฟันและสังหารพวกมันจนพวกมันตายลงกันมากมาย มันคนหนึ่งเห็นท่าไม่ดีเลยชักปืนออกมา

    “ตายซะเถอะ!!”

    ทองสุกในตอนนั้นไม่ทันระวัง ทำเอาเขาเกือบจะโดนยิง แต่ในตอนนั้นเอง บาทหลวงก็มาขวางทางปืนเอาไว้

    “ปัง!!”

    “หลวงพ่อ!!”

    ทองสุกโกรธมาก จากนั้นก็ปาดาบใส่กลางหน้าอกมัน พวกมันคนอื่นๆรีบหนีกันในทันทีเนื่องจากเห็นท่าไม่ดี เมื่อพวกมันหนีกันไปจนหมด ตัวของทองสุกเองก็รีบไปดูบาทหลวงในทันทีว่าเขาเป็นยังไงบ้าง

    “หลวงพ่อ ทำใจดีๆไว้นะขอรับ!!”

    “ทอดด์ นายรีบไปจากที่นี่ ที่นี่ไม่ปลอดภัยแล้ว” บาทหลวงพูดขึ้นและหายใจรวยระรินขึ้นทุกที

    “ใจเย็นนะขอรับหลวงพ่อ ข้าจะพาท่านไปรักษาในเมือง!!”

    “ไม่ต้องหรอก ฉันรู้ตัวเองดีว่าคงอยู่ได้อีกไม่นาน พวกมันทำแบบนี้ เจ้าต้องระวังตัวให้จงหนัก พวกมันคงไม่หยุดแค่นี้แน่ๆ” 

    “พวกมันเป็นใครกันขอรับ??” ทองสุกถามหลวงพ่อไป

    “พวก KKK มันต้องการฆ่าทุกคนที่ไม่ใช่คนขาว เจ้ารีบหนีไปจากที่นี่เถอะ ที่นี่ไม่ปลอดภัย” บาทหลวงพูดขึ้น และในตอนนั้นเอง เขาก็สิ้นลมตายไปต่อหน้าทองสุก ทองสุกในตอนนั้นก็ถึงกับร้องไห้ออกมา ตัวเขาแบกศพของบาทหลวงไปที่ด้านหลังโบสถ์ จากนั้นก็ไปหยิบพลั่วแถวนั้นมา เขาขุดดินไปให้เท่าประมาณร่างของบาทหลวง และเมื่อเขาขุดเรียบร้อยแล้ว เขาก็แบกร่างของบาทหลวงมาที่หลุมนั้นในทันที จากนั้นก็วางศพบาทหลวงไว้ในหลุมนั้น

    “สู่สุขคตินะขอรับหลวงพ่อ!!”

    ทองสุกพูดขึ้น จากนั้นเขาก็ฝังดินกลบบาทหลวงเอาไว้ จากนั้นก็หาไม้ทั้งสองอันมาต่อกัน และทำเป็นไม้กางเขน และปักไว้บนหัวหลุมศพของบาทหลวง ส่วนตัวเขาในตอนนั้นก็เหนื่อยมาก เขาเดินไปยังโรงนาที่ยังไม่ไฟไหม้และล้มตัวลงนอนอยู่ตรงนั้นเนื่องจากความเหน็ดเหนื่อย

    “เจ้าคิดว่าเจ้าจะหนีมันพ้นงั้นหรือ??” 

     

    เช้าวันต่อมา

    ในวันนั้นเอง เจสสิก้าและแคลิเฟอร์ก็เดินทางมาเยี่ยมหลวงพ่อและทองสุกตามปกติ แต่ในวันนั้นเอง ภาพที่เธอเห็นก็คือโบสถ์ของหลวงพ่อที่มอดไหม้เป็นเถ้าถ่าน ในตอนนั้นเอง เธอก็ลงจากม้าแล้วไปดูสภาพซากของโบสถ์ในทันที

    “นี่มันอะไรกันเนี่ย มันฝีมือใครกัน??” เจสสิก้าตะโกนขึ้นมา

    “แล้วนี่ทอดด์เขาอยู่ที่ไหนเนี่ย??” แคลิเฟอร์พูดขึ้น และในตอนนั้นเอง เขาก็เห็นทองสุกเดินออกมาจากซากของโบสถ์ ทำเอาทั้งคู่ถึงกับตกใจและรีบไปหาเขาในทันที

    “ทอดด์ นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย??” เจสสิก้าวิ่งไปถามเขา

    “พวก KKK มันเผาโบสถ์นี้ ข้าจะไปฆ่าพวกมันให้หมด” ทองสุกพูดขึ้น

    “ห่ะ พวกนั้นมันมาถึงที่นี่แล้วเหรอ คิดว่าที่นี่ปลอดภัยแล้วซะอีก??” แคลิเฟอร์ถามขึ้นอย่างสงสัย

    “ถ้าพวกมันโจมตีเมืองได้ ที่ไหนก็ไม่ปลอดภัยแล้วหล่ะ” เจสสิก้าพูดขึ้น

    “พวกเจ้าพอรู้หรือเปล่า ว่าพวกมันอยู่ที่ไหน??” ทองสุกถามไป 

    “มันอยู่ในเขตไวท์ยอร์ก แต่เชื่อเถอะ นายไม่อยากไปที่นั่นหรอก” แคลิเฟอร์พูดขึ้น

    “ใช่ๆ ที่นั่นใครไม่ใช่คนขาว ตายอย่างเดียว” เจสสิก้าพูดขึ้น

    “ข้าไม่กลัว ต่อให้พวกมันมีเป็นพัน ข้าก็จะตามไปฆ่าพวกมัน” ทองสุกพูดอย่างโกรธแค้น

    “ฉันรู้ว่านายโกรธ แต่นายต้องใจเย็นไว้ ถ้านายเป็นอะไรไป ใครจะแก้แค้นให้เขาหล่ะ??” เจสสิก้าถามไป

    “ฉันว่า นายต้องหาที่พักใหม่ก่อนดีกว่า” แคลิเฟอร์พูดขึ้น 

    “ทอดด์ เข้าเมืองกับฉัน แล้วไปตั้งหลักกันก่อนดีกว่า” เจสสิก้าพูดขึ้น จากนั้นทองสุกก็รีบเก็บของๆเขา จากนั้นเขาก็รีบไปขึ้นม้าของเขาทันทีเพื่อตามเจสสิก้าและแคลิเฟอร์ไป

    “เอาหล่ะ ตามฉันมาแล้วกัน!!” 

    เจสสิก้าพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็ขี่ม้าเดินทางกลับเข้าไปในเมืองเพื่อหาที่พักใหม่ในทันที แต่ในตอนนั้นเองทองสุกก็หันหลังกลับไปมองโบสถ์ที่ถูกเผาของหลวงพ่อ เขาตั้งใจไว้แล้วว่าเขาจะแก้แค้นทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ 

     

    กลับมาที่เมือง Black Maple หลังจากที่นายอำเภแตรวจสอบความเสียหายทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว ตัวเขาและลูกน้องตำรวจคนอื่นๆก็รีบมาคุยกันในทันทีเพื่อหาสาเหตุของเรื่องทั้งหมดนี้

    “นี่ พอจะรู้มั้ยว่าพวกมันมาจากไหนกันเนี่ย??” นายอำเภอถามทุกคนไป

    “ถามให้ผมเดา ต้องเป็นพวกไวท์ยอร์กแน่นอนครับ” บอริสพูดขึ้น

    “ทำไมถึงคิดแบบนั้นหล่ะ??” มีน่าถามกลับไป

    “ก็สังเกตดูสิ พวกมันมีแต่คนขาว แถมใส่ชุดแบบนั้นอีก” บอริสพูดขึ้น

    “ผมว่า ต้องเป็นรูเบ็นแน่ๆ น่าจะจับมันตั้งนานแล้ว แต่ผมพลาดเองในวันนั้น” ปีเตอร์พูดขึ้น

    “ไม่เป็นไรหรอก แล้วตอนนี้พอรู้หรือเปล่าว่ามันอยู่ที่ไหน??” นายอำเภอถามไป

    “มันคงกบดานอยู่ที่ไหนซักแห่งในไวท์ยอร์กครับ” ปีเตอร์พูดขึ้น

    “ถ้าอย่างงั้น เราคงต้องระดมตำรวจตามล่ามันหล่ะ” นายอำเภอพูดขึ้น

    “ผมว่า ถ้าไม่มีตำรวจรัฐหรือกองทัพมาช่วย คงจะเกินมืองเราแล้วหล่ะครับ” ปีเตอร์พูดขึ้น

    “นั้นหน่ะสิคะ พวกมันกล้าลงมือแบบนี้ ฉันว่าพวกมันต้องมีคนเตรียมไว้รับมือพวกเราแล้วหล่ะ” มีน่าพูดขึ้น

    “แถมตำรวจที่เรามีตอนนี้ก็บาดเจ็บซะส่วนใหญ่ เราทำได้แค่คุ้มกันเมืองและหมู่บ้านไปก่อนหน่ะ” บอริสพูดขึ้น

    “ถ้าอย่างงั้นระดมตำรวจ และชาวบ้านให้เตรียมป้องกันตัวไว้ แล้วไอ้สองคนที่เป็นปัญหาตอนนี้หล่ะ??” นายอำเภอถามปีเตอร์ไป

    “แขวนคอมันไปแล้วครับ!!” ปีเตอร์พูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง จู่ๆก็มีตำรวจคนหนึ่งขี่ม้าเดินทางมาหาพวกเขา จากนั้นก็รีบไปหานายอำเภอในทันที

    “นายอำเภอครับ เกิดเรื่องที่โบสถ์ของหลวงพ่อมอริสันครับ!!”

    “ทำไม เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ??”

    “มีคนบุกไปเผาโบสถ์ของบาทหลวงหน่ะครับ ตอนนี้แทบไม่เหลืออะไรเลยครับ” ตำรวจคนนั้นพูดขึ้น

    “หือ แล้วไอ้หนุ่มเอเชียคนนั้นหล่ะ นายเห็นเขาหรือเปล่า??” ปีเตอร์ถามไป

    “ไม่นะครับ ผมไม่เห็นศพของเขาเลย แต่ว่าศพของหลวงพ่อรู้แค่ว่ามีคนฝังไว้แล้วหน่ะครับ” 

    “พวกมันกล้าไปเผาโบสถ์เลยเหรอ ระยำมากเลย!!” มีน่าพูดอย่างโกรธแค้น

    “ตามหาทอดด์เขาก่อน ฉันอยากจะถามเขาหน่อยว่าเกิดอะไรขึ้น” นายอำเภอพูดขึ้น

    “ผมว่า เจสสิก้ากับแคลิเฟอร์ต้องพาเขาเข้าเมืองแน่ครับ” บอริสพูดขึ้น

    “ถ้าอย่างงั้นผมจะไปรับเขามาเองครับ” ปีเตอร์พูดขึ้น จากนั้นตัวเขาก็ออกไปด้านนอก เพื่อรับตัวทองสุกมาสอบถามเรื่องที่เกิดขึ้นในทันที

     

    และด้านหนึ่งในเมือง ร้านหนังสือของจอห์น ในวันนั้นเองเขาก็ให้ลูกน้องของเขาจัดการซ่อมร้านและเคลียร์ความเสียหายเพิ่มเติม โชคยังดีที่หนังสือของเขาเสียหายไม่มากนัก และในขณะเดียวกันนั้นเอง เอ็ดเวิร์ดและโฮมุระก็เดินเข้ามาที่ร้านของเขา เพื่อมาเยี่ยมเยือนเขาและดูความเสียหายเพิ่มเติมเผื่อว่าจะได้ช่วยเหลืออะไรได้บ้าง

    “คุณจอห์น สวัสดีค่ะ เป็นยังไงบ้างคะ??” โฮมุระถามเขาไป

    “อ้าว คุณโฮมุระ เอ็ดเวิร์ด ที่ร้านเป็นยังไงบ้างครับ??” จอห์นถามไป

    “พวกมันไม่กล้ามาปล้นร้านฉันหรอก นายก็รู้นี่” เอ็ดเวิร์ดพูดขึ้น

    “ใช่ค่ะ ร้านของฉันพังไปบางส่วน แต่ตอนนี้ทำความสะอาดหมดแล้วค่ะ” โฮมุระพูดขึ้น

    “แต่ผมเห็นคุณโฮมุระเมื่อวาน ฝีมือคุณดีมากๆเลยค่ะ” จอห์นพูดชื่นชมเธอไป

    “นั่นสิครับ คุณไปฝึกมาจากไหนครับเนี่ย??” เอ็ดเวิร์ดถามเสริม

    “ตระกูลฉันสอนมาหลายชั่วอายุคนแล้วหล่ะค่ะ ว่าแต่ พอรู้กันหรือเปล่าคะว่าเรื่องทั้งหมดมันฝีมือใครกันแน่??” โฮมุระถามไป

    “ให้ผมเดานะ พวกไวท์ยอร์กแน่ๆ” เอ็ดเวิร์ดพูดขึ้น

    “ใช่ น่าจับพวกมันมายิงเรียงตัวกันมาก” จอห์นพูดขึ้น

    “แล้วไม่มีใครคิดจะจับพวกนั้นเลยเหรอคะ??” โฮมุระถามไป

    “ตำรวจของเราไม่พอหน่ะสิ เท่าที่มีตอนนี้คงทำได้แค่คุ้มกันหมู่บ้านหน่ะ” เอ็ดเวิร์ดพูดขึ้น

    “แล้วกองทัพที่มาเมื่อวานหล่ะ จะไม่ช่วยอะไรหน่อยเลยเหรอ??” จอห์นถามไป

    “ตอนนี้กองทัพก็คงจัดการไม่ได้มาก คงต้องพึ่งตัวเองแล้วหล่ะ” เอ็ดเวิร์ดพูดขึ้น

    “เอาเป็นว่า ตอนนี้พยายามอย่าเดินทางออกนอกเมืองก็พอนะคะ” โฮมุระพูดขึ้น

    “นั่นสิ พวกคุณกินอะไรมาหรือยังหล่ะ เดี๋ยวผมให้ลูกน้องชงชามาให้” จอห์นพูดขึ้น จากนั้นเขาก็สั่งลูกน้องของเขาไปในทันที

     

    ณ โรงพยาบาลของเมือง ในวันนั้นเองโทมัสและวิลเลี่ยมก็ได้จัดการผ่าตัดและรักษาคนไข้จากการโจมตีของกลุ่มโจร พวกเขาทั้งผ่าตัดและให้ยากับคนอื่นๆ ในตอนนั้นเองวิลเลี่ยมก็ได้ผ่าตัดเอากระสุนออกและจัดการสมานแผลตำรวจที่บาดเจ็บ ในขณะเดียวกัน มิเชลก็ถือน้ำมาให้กับทั้งโทมัสและวิลเลี่ยมไปด้วย

    “คุณหมอคะ ดื่มน้ำหน่อยค่ะ!!” มิเชลพูดขึ้น

    “ขอบใจมากเลยนะ” วิลเลี่ยมพูดขึ้นจากนั้นก็หยิบน้ำมาดื่มในทันที

    “ตอนนี้คนไข้คนอื่นๆเป็นไงกันบ้างหล่ะ??” โทมัสถามไป

    “ตอนนี้กำลังพักผ่อนค่ะ บางคนก็กลับบ้านได้แล้วค่ะ” มิเชลพูดขึ้น

    “เออนี่ คุณเห็นชายเอเชียที่พกดาบด้วยหรือเปล่า ที่เขาจัดการพวกมันเมื่อวานหน่ะ??” วิลเลี่ยมถามไป

    “อ้อ ได้ยินว่าหมอนั่นกลับไปที่โบสถ์ในป่าหน่ะ ห่างจากตัวเมืองไปหน่อยนะ” โทมัสพูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง เจเรมี่นักแม่นปืนก็เดินเข้ามาในโรงพยาบาล จากนั้นก็มาหาหมอในทันที

    “สวัสดีค่ะ มีอะไรหรือเปล่าคะ??” มิเชลถามเจเรมี่ไป

    “อ้อ มียาแก้ปวดหลังหรือเปล่า ฉันรู้สึกปวดๆหน่ะ??” เจเรมี่ถามไป และในตอนนั้นเอง มิเชลก็ให้พยาบาลไปเอายามาให้กับเจเรมี่ในทันที เจเรมี่ได้ยาน้ำมาก็ดื่มไปในทันที

    “คุณเองก็เป็นคาวบอยเหมือนกันเหรอ??” วิลเลี่ยมถามเจเรมี่ไป

    “แน่นอน ในอดีตหน่ะผมเก่งมาก แต่ตอนนี้เริ่มแก่ลงแล้วหล่ะ” เจเรมี่พูดขึ้น

    “แต่ดูแล้ว ความสามารถคุณก็ยังไม่ตกเลยนะครับ” โทมัสพูดขึ้น

    “ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก ความจริงผมอยากขอบคุณไอ้หนุ่มเอเชียคนนั้นมากกว่า แม่สาวอินเดียนคนนั้นด้วย” เจเรมี่พูดขึ้น

    “อ้อ สองคนนั้นเขาเป็นใครกันคะ??” มิเชลถามโทมัสไป

    “สาวอินเดียนคนนั้นชื่อลิงซ์ เธอเป็นพวกขายของป่าที่เอามาจากเขตอินเดียนหน่ะ แต่ว่างๆก็ทำงานให้กับนายอำเภอไปด้วยนะ ส่วนหนุ่มเอเชีย ได้ยินว่าเขามาใหม่ ชื่อทอดด์ แต่ชื่อเดิมผมไม่รู้แน่ชัดเท่าไหร่” โทมัสพูดขึ้น

    “อ้อๆ ไอ้พวก KKK ระยำนั้นมันทำฉันอารมณ์เสีย ฉันอยากจะฆ่าพวกมัน พอรู้หรือเปล่าว่าพวกมันอยู่ที่ไหน??” เจเรมี่ถามไป

    “โห ผมว่าคุณอย่าไปที่นั่นดีกว่า ที่นั่นมีแต่พวกโหดๆทั้งนั้น” โทมัสพูดขึ้น

    “ผมว่า งานนี้เราคงต้องระวังตัวกันหน่อยหล่ะ” วิลเลี่ยมพูดขึ้น

    “แล้วจะให้หนูซื้อกระสุนเพิ่มหรือเปล่าคะ??” มิเชลถามวิลเลี่ยมไป

    “คงต้องซื้อหล่ะ ยังไงเธอก็ดูให้หน่อยแล้วกัน” วิลเลี่ยมตอบมิเชลไป

     

    และอีกด้านหนึ่งของเมือง บาร์มาเรีย ในวันนั้นเองลิงซ์ก็มาดื่มเหล้าหลังจากที่ขายของป่ามาได้เรียบร้อย ในระหว่างที่เธอกำลังดื่มเหล้า ในตอนนั้นเอง ตำรวจนายหนึ่งก็เดินเข้ามาในร้าน จากนั้นก็เดินตรงมาหาลิงซ์ในทันที เพื่อเจรจาอะไรบางอย่างกับเธอ

    “ลิงซ์ เอาของมาขายอีกแล้วเหรอ??”

    “ก็เหมือนเดิมนั่นแหละ จะให้ฉันทำงานอะไรอีกหล่ะ??” ลิงซ์ถามไป

    “นายอำเภอรู้เรื่องของเธอเมื่อวานแล้ว เธฮทำได้ดีมาก วันนี้ฉันแค่มาบอกภารกิจใหม่กับเธอหน่ะ” 

    “จะให้ฉันทำอะไรหล่ะ??” ลิงซ์ถามไป

    “ฉันอยากให้เธอไปสืบข่าวที่เขตไวท์ยอร์ก เธอคุ้นเคยพื้นที่ดี เธอน่าจะทำได้”

    “จะให้ฉันสืบอะไรหล่ะ??” ลิงซ์ถามต่อไป

    “สืบมาว่าพวกที่โจมตีเมืองของเราเป็นใคร ใช่รูเบ็นหรือเปล่า เขาอยากยืนยันเป้าหมายหน่ะ” ตำรวจคนนั้นพูดขึ้น

    “อืม ฉันจะลองดู แต่ไม่รับปากนะ” ลิงซ์พูดขึ้น

    “เยี่ยม ฉันจะไปบอกนายอำเภอ ยังไงก็โชคดีหล่ะ” ตำรวจคนนั้นพูดขึ้น จากนั้นตัวเขาก็เดินออกจากบาร์ไปในทันที และอีกด้านหนึ่งของบาร์ ในห้องพักส่วนตัวของซูซี่ ในวันนั้นเองเธอก็เตรียมตัวสำหรับการแสดงโชว์ในวันนี้ เธอคุยกับช่างแต่งหน้าไปด้วยเพื่อแก้เบื่อ

    “นี่ เธอไปสืบเรื่องของชายคนนั้นมาให้ฉันหรือยัง??” ซูซี่ถามไป

    “ค่ะ ได้ยินว่าเขาชื่อทอดด์ มาจากสยามหน่ะค่ะ”

    “สยามเหรอ ฉันเคยได้ยินนะ ว่าแต่เธอไปรู้มาจากไหนหล่ะ??”

    “ฉันไปถามตำรวจที่รู้จักหน่ะค่ะ” ช่างแต่งหน้าของเธอพูดขึ้น

    “ดีมาก ฉันอยากรู้ว่าเขาเป็นใคร” ซูซี่พูดขึ้น จากนั้นเธอก็ฉีดน้ำหอมไปด้วยเพื่อประทินผิวของเธอไป

    “กลิ่นนี้หอมมากเลยนะคะ”

    “ของแพงมาก จากฝรั่งเศสเลยเชียวนะเนี่ย” ซูซี่อวดช่างแต่งหน้าของเธอไป

     

    กลับมายังบาร์ชานเมือง Black Maple ซึ่งในวันนั้นเองเนย์มาร์ก็ขี่ม้าเดินทางไปยังร้านแห่งนั้น เพื่อไปเยี่ยมซิ่วอิงว่าเป็นยังไงบ้าง และเมื่อเขาเข้ามาในบาร์ เขาก็เจอกับซิ่วอิงที่กำลังเสิร์ฟเหล้าให้กับลูกค้าในบาร์อยู่ เขาไม่รอช้ารีบไปคุยกับเธอในทันที

    “อ้าว ซิ่วอิง คุณเป็นยังไงบ้าง??”

    “คุณเนย์มาร์ สวัสดีค่ะ ฉันไม่เป็นไร เชิญนั่งก่อนสิ!!” ซิ่วอิงพูดขึ้น และเขาก็ไปนั่งต่อหน้าซิ่วอิงในทันที

    “คุณปลอดภัยนะครับ แล้วนี่เจ้าของร้านไปไหนครับ??” เนย์มาร์ถามไป

    “อ้อ เขาป่วยหน่ะค่ะ กำลังไปซื้อยาในเมืองค่ะ” 

    “อ้อ เข้าใจหล่ะ เออนี่ ผมเอาที่นมาให้คุณครับ!!” เนย์มาร์พูดขึ้น จากนั้นเขาก็หยิบเอาเหรียญทองเหรียญหนึ่งซึ่งไม่ใช่เงินของสหรัฐ ซิ่วอิงหยิบมันมาดูในทันทีอย่างตื่นเต้น

    “มันคืออะไรคะ??” ซิ่วอิงถามอย่างสงสัย

    “มันคือเหรียญโบราณหน่ะครับ มีค่ามากๆ ผมไปเจอมา รับไปสิครับ” เนย์มาร์พูดขึ้น จากนั้นก็ให้เหรียญกับเธอ

    “สวยมากเลยค่ะ ขอบคุณมากเลยนะคะ” ซิ่วอิงพูดขึ้น

    “ผมขอเบียร์ให้ผมซักแก้วสิครับ” เนย์มาร์พูดขึ้น

    “ได้ค่ะ สักครู่นะคะ” ซิ่วอิงพูดขึ้นจากนั้นก็ไปเอาเบียร์มาให้ แต่ในตอนนั้นเอง จู่ๆชายคนหนึ่งก็เอามือไปแตะที่ตูดของซิ่วอิง ทำเอาซิ่วอิงตกใจและหันไปหาชายคนนั้น

    “อะไรกันจ๊ะ น้องสาว??” ชายคนนั้นพูดด้วยอาการมึนเมา 

    “คุณทำแบบนี้ได้ยังไง??”

    “แล้วจะให้ทำแบบไหนหล่ะจ๊ะ??” ชายคนนั้นถามไป แต่ในตอนนั้นเอง เนย์มาร์ก็จับคอเสื้อของชายคนนั้น จากนั้นก็ลากออกมาแล้วเหวี่ยงออกไปจากร้านในทันที

    “ไปเมาที่อื่นไอ้ระยำ!!” เนย์มาร์พูดขึ้น จากนั้นตัวเขาก็กลับไปนั่งที่ แล้วก็รอเบียร์ของซิ่วอิงมาเสิร์ฟให้กับเขา

     

    กลับมายังเขตแบล็คเวอร์จิเนีย กลุ่มของคารีน ซึ่งในตอนนั้นเอง วันที่ขบวนรถไฟจะเดินทางมาถึงเพื่อลำเลียงอาวุธไปยังเขตไวท์ยอร์กที่จะมาในไม่กี่วัน คารีนรีบวางแผนการในทันทีเพื่อชิงอาวุธพวกนั้นก่อนที่พวกเดอะแคลนจะได้ไป

    “เอาหล่ะ รถไฟจะมาตามเส้นทางนี้ เราจะดักรออยู่ที่จุดนี้ จุดที่เราวางไม้ขวางทางไว้ และเมื่อรถไฟหยุด พวกเราจะรีบไปขนอาวุธโดยเร็ว แล้วเอาอาวุธใส่เกวียนแล้วหนีไปทันที” คารีนพูดขึ้น

    “แต่ที่ผมกังวลก็คือ พวกมันอาจจะเอากำลังมาคุ้มกันขบวนรถไฟแน่นอนครับ” คาเตอร์พูดขึ้น

    “พวกเราคงต้องไปอย่างรวดเร็ว และยิงสกัดพวกมันแค่ไม่ให้พวกมันตามมาได้” นาธานพูดขึ้น

    “พวกมันคงไม่รู้หรอกว่าเราจะโจมตีจุดไหน ถ้าพวกมันมา ก็ยิงกับพวกมันเลย หรือไม่ก็ระเบิดรถไฟให้เป็นจุล ไม่ให้พวกมันเอาอาวุธไปใช้ได้” คารีนพูดขึ้น

    “ครับ ผมจะเตรียมไดนาไมท์ไปด้วย รับรองว่ามากพอระเบิดรถไฟแน่นอน” คาเตอร์พูดขึ้น

    “ดี นาธาน นายนำกำลังพลบางส่วนไปซุ่มบนเขา แล้วยิงพวกมันจากด้านบน” คารีนพูดขึ้น

    “รับทราบครับผม!!” นาธานพูดขึ้น

    “งานนี้เราหันหลังกลับไม่ได้แล้ว ถ้าพวกมันได้อาวุธไป พวกเราคงตายกันหมดแน่” คารีนพูดขึ้น

    “แล้วเรื่องเหมืองแร่เถื่อนในเขตไวท์ยอร์กนี่จะเอายังไงครับ??” คาเตอร์ถามไป

    “อย่าเพิ่งทำอะไร รอดูไปก่อนแล้วกัน” คารีนพูดขึ้น

    “ครับ ถ้าอย่างงั้นผมจะไปเตรียมปืนสำหรับโจมตีนะครับ” นาธานพูดขึ้น

     

    กลับมายังเขตไวท์ยอร์ก ในตอนนั้นเองรูเบ็นและกองกำลังของเขาก็ได้วางแผนในการขนส่งอาวุธจากรถไฟเช่นเดียวกัน แล้วเขาก็ได้คุยกันเรื่องการโจมตีเมืองที่เกิดขึ้นเมื่อวานไปด้วย เพื่อหาทางจัดการเรื่องที่เกิดขึ้นใหม่ 

    “พวกมันประหารคนของเราไปสองคนแล้ว ฉันรับรองว่าพวกนั้นจะไม่ตายเปล่า” รูเบ็นพูดขึ้น

    “จะให้เราไปปล้นหมู่บ้านต่อหรือเปล่าครับ??”

    “ยังก่อน ช่วงนี้เงียบไปซักพักก่อน ที่เราทำมันก็เสี่ยงมากพอแล้ว” รูเบ็นพูดขึ้น

    “รับทราบครับ ว่าแต่ เรื่องรถไฟที่จะมาขนส่งของจะว่ายังไงครับ??” 

    “อืม จัดเตรียมคนไปรับอาวุธที่สถานีด้วย แล้วก็ให้หน่วยลาดตระเวนของเราตระเวนตามรางรถไฟ ฉันเชื่อว่าพวกมันต้องมาชิงอาวุธแน่ๆ” รูเบ็นพูดขึ้น

    “แล้วพวกมันจะชิงของที่ไหนหล่ะครับ??”

    “ฉันก็ไม่รู้ พวกนายพอรู้หรือเปล่า ว่าที่ไหนพอเป็นไปได้บ้าง??” รูเบ็นถามกลับไป ทำเอาไม่มีใครตอบกลับมาเลย

    “เอาเป็นว่า พวกนายลาดตระเวนไปก่อน ถ้าที่ไหนมีเสียงปืน ฉันจะยกกำลังไปช่วยเอง” รูเบ็นพูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง ลูกน้องของเขาคนหนึ่งก็วิ่งมาหาเขา แล้วรายงานอะไรบางอย่างกับเขาในทันที

    “ท่านครับ มีข่าวมาจากโบสถ์ครับ!!”

    “มีอะไรเหรอ ว่ามาเลย??” รูเบ็นถามไป

    “คนที่เราส่งไปเผาโบสถ์นิโกรนั่น กลับมาแค่คนเดียวครับ!!”

    “อะไรกันวะ ฉันส่งไปตั้งสิบกว่าคน มีปืนด้วย ตายกันหมดเลยเหรอ??” รูเบ็นถามไป

    “ได้ยินว่า ชายเอเชียคนหนึ่งจัดการพวกเขาครับ”

    “ผมว่า เป็นคนเดียวกับที่เล่นงานเราในเมือง แล้วก็ครั้งก่อนด้วยครับ” ลูกน้องอีกคนออกความเห็นไป

    “ตามจับไอ้ระยำนั่นให้ได้ ฉันอยากรู้ว่ามันเป็นใคร” รูเบ็นพูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง ลูกน้องอีกคนของเขาก็มารายงานข่าวกับเขาเพิ่มเติม

    “ท่านครับ ตัวแทนจากเหมืองที่จะมาคุยกับเรา มาถึงแล้วครับ!!”

    “งั้นเหรอ ให้พวกเขาไปเจอฉันในบ้าน ฉันอยากรู้ว่าพวกเขามีข้อเสนออะไรดีๆบ้าง” รูเบ็นพูดขึ้น

     

    กลับมายังที่มั่นของหน่วย AUS ซึ่งในตอนนั้นเองคลีฟแลนด์ก็กำลังวางแผนเพื่อชิงอาวุธจากรถไฟเหมือนกัน เธอได้คุยกับคนของเดอะแคลนเรียบร้อยแล้วว่าพวกเขาต้องทำยังไง คลีฟแลนด์เมื่อได้แผนการมาแล้วก็รีบมาคุยกับลูกน้องคนอื่นๆในทันทีเพื่อเตรียมเริ่มงานของพวกเธอ

    “เอาหล่ะ ตอนนี้เราได้แผนการมาเรียบร้อยแล้ว พวกเราต้องนำกำลังไปคุ้มกันรถไฟตามเส้นทางนี้หน่ะ” คลีฟแลนด์พูดขึ้นจากนั้นก็ชี้แผนที่ให้กับลูกน้องคนอื่นๆดู

    “โห ทางยาวมากเลยนะครับเนี่ย คนของเราอาจไม่พอนะครับ??”

    “เราแค่สำรวจละแวกนี้ ส่วนที่เหลือพวกเดอะแคลนจัดการเอง” คลีฟแลนด์พูดขึ้น

    “แล้วพวกที่จะมาชิงของบนรถไฟเป็นใครกันเหรอครับ??”

    “ไม่รู้สิ อาจจะพวกโจร หรือไม่ก็ทหารก็ได้” คลีฟแลนด์พูดขึ้น

    “จริงด้วย ที่เราโจมตีพวกมันเมื่อวันก่อน พวกมันอาจจะเหนื่อยกันก็ได้นะครับ??” 

    “ไม่หรอก พวกนั้นไม่ยอมง่ายๆหรอก ยิงผู้กองเจสันมาเองด้วย หมอนี่ตัวอันตรายเลยหล่ะ” คลีฟแลนด์พูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง ลูกน้องของเธอคนหนึ่งก็วิ่งมารายงานสถานการณ์อะไรบางอย่างกับเธอ

    “ท่านครับ มีข่าวมาครับ!!”

    “มีอะไรหล่ะ??” เธอถามไป

    “ตอนนี้เราได้กำหนดการณ์ของไอ้ร็อกกี้กับมาร์คที่จะมา Black Maple แล้วครับ”

    “'งั้นเหรอ พวกนั้นจะมาถึงกี่วันหล่ะ??” คลีฟแลนด์ถามไป

    “ไม่กี่ 2 วันครับ ได้ยินว่าพวกเขาผ่านแคนซัสมาแล้ว” 

    “ดี ถ้าอย่างงั้นก็จัดเตรียมกำลังคนต้อนรับพวกมันหน่อย” คลีฟแลนด์พูดขึ้นอย่างโกรธแค้น

     

    กลับมายังบ้านของลอร่า ในวันนั้นเองเธอก็เพิ่งกลับมาจากการตามล่าบ้านที่สนับสนุนกลุ่มสมาพันธรัฐ เธอกลับมานั่งแช่น้ำในอ่างอาบน้ำของเธอ และในตอนนั้นเอง เธอก็เรียกพ่อบ้านของเธอมาคุยในทันที ในระหว่างที่เธอนั่งแช่น้ำไปด้วย

    “วันนี้เป็นยังไงบ้างคะ??” ลอร่าถามอย่างสงสัย

    “ตอนนี้ยังปกติครับผม”

    “แล้วมีข่าวอะไรเพิ่มเติมหรือเปล่าคะ??” ลอร่าถามอีกครั้ง

    “ก็ได้ยินมาว่าจะมีการขนอาวุธผ่านทางรถไฟครับผม ดูท่าทางจะเป็นอาวุธล็อตใหญ่ด้วยครับ”

    “อืม แล้วพวกเราจะไม่ไปมีเอี่ยวหน่อยเหรอ??” ลอร่าถามไป

    “เรากลัวว่ากำลังคนของเราจะไม่พอหน่ะครับ”

    “ไม่ต้องห่วง เราจะซุ่มดูสถานการณ์เงียบๆไปก่อน จากนั้นเราค่อยลุยเมื่อถึงโอกาส” ลอร่าพูดขึ้น

    “ถ้าอย่างงั้น พรุ่งนี้ผมจะระดมคนเพื่อวางแผนครับ”

    “ดี แล้วเรื่องที่เกิดขึ้นในเมือง แล้วชายหนุ่มที่ฉันให้ไปสืบมาหล่ะ??” ลอร่าถามอีกครั้ง

    “ครับ ได้ยินว่าเขาเป็นชาวสยาม เดินทางมาไม่นานนี่เองครับ สภาพในเมืองตอนนี้ ชาวเมืองกำลังหวาดกลัวอย่างหนักเลยครับ นายอำเภอท่าทางจะเจองานหนักแล้ว” 

    “นั่นสิ ความจริงฉันอยากไปที่ Black Maple เหมือนกัน อยากไปเที่ยวในเมืองเหมือนกัน” ลอร่าพูดขึ้น จากนั้นตัวเธอก็ลุกขึ้น แล้วก็ใส่เสื้อคลุมในทันที ส่วนพ่อบ้านของเขาก็หันหน้าเพื่อไม่มองเธอ

    “ฉันอยากเดินทางไปเที่ยวในเมืองเย็นนี้หน่อย ฉันจะไปเงียบๆนะ” ลอร่าพูดขึ้น

    “จะไม่ให้คนคุ้มกันไปเหรอครับ??”

    “ฉันไม่อยากให้ใครสังเกตหน่ะ เอาเป็นว่า ฉันจะรีบกลับมาก็แล้วกัน” ลอร่าพูดขึ้น จากนั้นตัวเธอก็ไปเช็ดตัวให้แห้ง แล้วเปลี่ยนเสื้อต่อในทันที

     

     กลับมายังค่ายทหารภาคตะวันออก เจสันหลังจากที่ถูกโจมตีจากกลุ่มโจรและไปดูสถานการณ์ในเมือง Black Maple พวกเขาก็รีบวางแผนเพื่อตามล่ากลุ่มคนที่เล่นงานพวกเขา รวมถึงคนที่มาโจมตีเมือง Black Maple ด้วย ในวันนั้นเอง ทหารของเขาก็มารายงานความคืบหน้าเพิ่มเติมไปด้วย

    “ท่านครับ เราตามสืบพวกมันได้แล้วครับ!!”

    “งั้นเหรอ เป็นยังไงบ้างหล่ะ??” เจสันถามไป

    “กลุ่มคนที่มาโจมตีพวกเรา พวกนั้นมีสัญลักษณ์ของทหารฝ่ายใต้ด้วย รวมถึงพวกที่มาโจมตี Black Maple ด้วย พวกมันเป็นพวกเดอะแคลน กลุ่มอาชญากรที่ทางการกำลังตามล่าตัวอยู่ครับ” ทหารของเขารายงานไป

    “ไอ้พวกระยำนั่นเหรอ พวกฝ่ายใต้คิดว่าจะตายห่ากันหมดแล้วซะอีก” เจสันพูดขึ้น

    “แล้วเราจะเอายังไงต่อหล่ะครับ??” 

    “ตามสืบรังของพวกมันไปก่อน กำลังทหารตอนนี้ของเรามีน้อย เราทำได้แค่โจมตีจุดเล็กๆไปก่อน แล้วนี่ เรื่องขอกำลังจากวอชิงตันนี่ไปถึงไหนแล้วหล่ะ??” เจสันถามไป

    “เราพยายามอยู่ครับ”

    “งั้นก็พยายามอีก ถามเราไม่อยากตายกันหมด” เจสันพูดขึ้น

    “รับทราบครับผม!!” ลูกน้องของเขาตอบไป

     

    กลับมายังไร่ของตระกูลฟรอสต์ ในวันนั้นเองพวกเขาก็รีบมาตรวจสอบความเสียหายที่เกิดขึ้นกับไร่ของเขา ซึ่งเมื่อเขาตรวจสอบแล้วก็พบว่าพืชผลเสียหายแค่บางส่วน กับโรงเรือนที่ถูกทำลายไม่กี่หลัง และในช่วงเวลาเดียวกัน ริแอนน่ากับชาร์ล็อตก็กลับมาจากเมืองพอดี โดยที่ทินส์และอเล็กซ์กำลังรออยู่ที่บ้านพอดี

    “อ้าว คุณ กลับมาแล้วเหรอ??” ทินส์ถามไป

    “ใช่ค่ะ ในเมืองเสียหายหนักมาก แต่ตอนนี้พวกมันถอยไปหมดแล้วค่ะ” ชาร์ล็อตพูดขึ้น

    “ว่าแต่ เจสสิก้าปลอดภัยดีหรือเปล่า??” รีเบคก้าถามไป

    “ปลอดภัยดีค่ะ ชายหนุ่มเอเชียช่วยเธอไว้” ชาร์ล็อตพูดขึ้น

    “ได้ยินว่าไอ้หนุ่มหน้าใหม่นี่เล่นงานพวกมันจนยับเลยแหะ” ทินส์พูดขึ้น

    “งานนี้เราคงต้องระวังตัวกันหน่อย คงต้องจัดเวรยามกันเพิ่มขึ้น ให้อาวุธกับคนของเราด้วย” อเล็กซ์พูดขึ้น

    “ส่วนพวกที่มาเล่นงานเรา ได้ยินว่าเป็นพวกไวท์ยอร์กค่ะ” ริแอนน่าพูดขึ้น

    “อ้อ ไอ้พวกสวะ KKK สินะคะแม่” ชาร์ล็อตพูดขึ้น

    “ถ้าเป็นไอ้พวกนี้ เราต้องระวังตัวกันให้หนักเลยหล่ะ” อเล็กซ์พูดขึ้น

    “ใช่ ให้คนงานแอฟริกันของเราระวังตัวให้มาก พวกมันอาจจะมาลักพาตัวไปก็ได้” ทินส์พูดขึ้น

    “ได้ครับพ่อ ตรงนี้ผมจัดการเอง” อเล็กซ์ตอบกลับไป

     

    กลับมาในเมือง Black Maple ซึ่งเจสสิก้าและแคลิเฟอร์ได้พาทองสุกมาหาที่อยู่ใหม่ เนื่องจากว่าโบสถ์ที่เขาอาศัยอยู่ถูกเผาทำลายแล้ว ในตอนนั้นเอง เจสสิก้าก็ได้พาทองสุกไปยังโรงแรมแห่งหนึ่ง ซึ่งดูภายนอกก็เป็นเหมือนโรงแรมธรรมดา ที่พอจะนอนได้ 

    “เจ้าจะให้ข้าพักที่นี่งั้นหรือ??” ทองสุกถามไป

    “ใช่ ฉันรู้จักกับเจ้าของโรงแรมหน่ะ” เจสสิก้าพูดขึ้น จากนั้นเธอก็พาทองสุกเดินเข้าไปด้านในทันที ซึ่งในตอนนั้นเอง หญิงแก่คนหนึ่งกำลังกวาดพื้นอยู่ แคลิเฟอร์ไม่รอช้าเดินไปสะกิดหญิงแก่คนนั้นในทันที

    “คุณป้ามอร์กาน่า!!”

    “อ้าว พวกเธอสองคนเองเหรอ มีอะไรหรือเปล่า??”

    “ป้าคะ ฉันจะพาเพื่อนฉันคนหนึ่งมาพักที่นี่ค่ะ พอมีห้องว่างหรือเปล่าคะ??” เจสสิก้าถามไป

    “อ้อ มีสิ ว่าเธอ ใครจะพักงั้นเหรอ??”

    “อ้อ กระผมเองขอรับ!!” ทองสุกพูดขึ้น จากนั้นก็เดินไปหาคุณป้ามอร์กาน่า

    “อ้าว นี่พ่อหนุ่มที่ช่วยเมืองนี้ไว้ใช่หรือเปล่า??”

    “ใช่เลยค่ะป้า คนนี้เลย อยู่หมัด!!” แคลิเฟอร์พูดขึ้นพลางสะกิดทองสุก

    “แล้วคิดค่าเช่าคืนละเท่าไหร่ครับ??” ทองสุกถามเธอไป

    “อ้อ สำหรับพ่อหนุ่มฉันไม่คิดหรอก พ่อหนุ่มอยู่ที่นี่ไปก่อนก็ได้นะ” มอร์กาน่าพูดขึ้น

    “โห คุณป้าใจดีจังเลย!!” เจสสิก้าพูดขึ้น

    “ยังไงก็อยู่ตามสบายเลยนะจ๊ะ นี่ห้องของเธอจ้ะ!!” ป้ามอร์กาน่าพูดขึ้น จากนั้นก็ยื่นกุญแจให้กับทองสุก ซึ่งมีหมายเลขห้องติดมาด้วย เจสสิก้าไม่รอช้าพาทองสุกข้นไปบนห้อง เพื่อดูว่าห้องของทองสุกอยู่ห้องไหน พวกเขาเดินไปเรื่อยๆ จนมาถึงห้อง 304 

    “เดี๋ยวฉันไขให้นะ!!” เจสสิก้าพูดขึ้น จากนั้นเธอก็ไขประตูห้องให้กับทองสุกไป ซึ่งเมื่อเปิดเข้ามา ในห้องก็ดูสะอาดสะอ้าน ราวกับว่ามันเป็นห้องที่ทำความสะอาดมาแล้วโดยเฉพาะ 

    “โห ท่าทางป้าแกจะทำห้องนี้แล้วนะ!!”

    “อืม ขอบใจนะที่พาข้ามาส่งหน่ะ” ทองสุกพูดขึ้น

    “ไม่เป็นไรหรอก นายก็อยู่ที่นี่ไปพลางๆก่อนก็แล้วกัน พรุ่งนี้ค่อยว่ากันว่าจะเอายังไงกันต่อ โชคดีนะ!!” เจสสิก้าพูดขึ้น ส่วนทองสุกก็กลับเข้าไปในห้องของเขา เพื่อไปพักผ่อนตอในทันที เนื่องจากว่าเขาบาดเจ็บทั้งร่างกายและจิตใจมามากแล้ว

    ==============================================================

    ทองสุกจะตามล่ากลุ่มคนที่ทำร้ายตัวเขาและบาทหลวงมอริสันได้หรือไม่ และเหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป อย่าลืมติดตามชมต่อในตอนหน้าจ้า

    ขอคนละเม้นท์ด้วยเน้อ แหะๆ

    https://www.youtube.com/channel/UCEzIY9j4fuPDx4Ofz8U0Fig?view_as=subscriber ซับแนลหนูด้วย!!

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×