ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Siam Cowboy - คาวบอยสยาม

    ลำดับตอนที่ #10 : ตอนที่ 7 : แผนล้างแค้น

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 134
      7
      3 ส.ค. 63

    เช้าวันต่อมา ทองสุกตื่นขึ้นมาในยามเช้า เพื่อเริ่มวันใหม่ที่เขาไม่ค่อยอยากจะเจอเท่าไหร่ ตัวเขาเดินเข้าไปในห้องน้ำ จากนั้นก็ไปล้างหน้าล้างตาเพื่อเริ่มวันใหม่ และในระหว่างที่เขากำลังทำธุระส่วนตัวของเขา ในตอนนั้นเองเขาก็ได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้น

    “ก๊อกๆๆ”

    ทองสุกรีบเดินไปดูในทันทีว่าใครมาเคาะประตู เมื่อเปิดประตู เขาก็พบกับคุณป้ามอร์กาน่าที่กำลังยืนรออยู่ที่หน้าห้องพร้อมกับถาดอาหารถาดหนึ่ง

    “อาหารเช้าจ้า!!”

    “ขอบคุณมากนะจ๊ะ เดี๋ยวฉันไปเอาเงินมาให้นะจ๊ะ!!”

    “ไม่เป็นไรหรอก เธอกินไปก่อนเถอะ เดี๋ยวเจสสิก้ากับแคลิเฟอร์ก็คงจะมาแล้วหล่ะ!!” ป้ามอร์กาน่าพูดขึ้น จากนั้นก็เดินออกจากห้องไป ส่วนตัวของทองสุกก็เดินกลับเข้าไปกินอาหารเช้าด้านใน เขากินมันจนหมด และในตอนนั้นเอง เขาก็ได้ยินเสียงประตูดังขึ้นมาอีกครั้ง ในคราวนี้เขาเปิดออกมา พบกับเจสสิก้าและแคลิเฟอร์ที่กำลังยืนรอเขาอยู่หน้าห้อง

    “ไง เข้าไปได้นะ??”

    เจสสิก้าพูดขึ้น จากนั้นพวกเธอทั้งคู่ก็เดินเข้าไปด้านในห้องของทองสุกในทันที จากนั้นพวกเธอก็ไปนั่งที่เก้าอี้ไม้ซึ่งใช้สำหรับรับรองแขก จากนั้นก็พูดคุยกับทองสุกในทันที

    “นี่ พวกเธอสองคนเป็นไงกันบ้างหล่ะ??”

    “ฉันสบายดี ส่วนเจสสิก้าก็กลับไปดูที่บ้านเธอแล้วหล่ะ” แคลิเฟอร์พูดขึ้น

    “ใช่ พวกมันไปบุกไร่บ้านฉัน แต่โชคดีแม่ฉันไม่เป็นอะไร” เจสสิก้าพูดขึ้น

    “พวกมันต้องชดใช้แน่ เชื่อข้าเถอะ” ทองสุกพูดขึ้น

    “ฉันว่านายควรจะใช้คำพูดที่ทันสมัยแบบพวกเราหน่อยนะ จะได้ไม่ผิดสังเกต ว่าแต่ นายจะทำอะไรต่อล่ะวันนี้??” เจสสิก้าถามทองสุกไป

    “ง่ายๆ ก็ตามฆ่าพวกมันให้สิ้นยังไงหล่ะ” ทองสุกพูดขึ้น

    “นี่ ฉันว่านายใจเย็นก่อนดีกว่า พวกมันมีตั้งเยอะ นายมีแค่ดาบกับปืนไม่กี่กระบอกจะทำอะไรได้??” แคลิเฟอร์พูดปรามทองสุกไป

    “แล้วจะให้ฉันทำไงหล่ะ??” ทองสุกถามไป

    “รอดูนายอำเภอก่อนว่าเขาจะเอายังไง หรือไม่ก็ค่อยๆเล่นงานพวกมันทีละคน ทำจากเล็กไปใหญ่ยังไงหล่ะ” เจสสิก้าพูดขึ้น

    “แล้วฉันต้องเริ่มจากตรงไหนกันหล่ะ??” ทองสุกถามไป

    “ในเขตไวท์ยอร์กหน่ะ ได้ยินว่ามันมีหมู่บ้านเล็กๆน้อยๆรวมถึงค่ายเล็กที่กระจัดกระจายกัน มันพยายามจะขยายเขตอิทธิพลของมันเข้ามา Black Maple แต่ว่ายังติดที่นายอำเภอนี่หล่ะ” เจสสิก้าพูดขึ้น

    “ถ้าอย่างงั้น เราคงต้องเริ่มจากค่ายเล็กๆของพวกมันก่อน” ทองสุกพูดขึ้น

    “ใช่ เราจะทำลายมัน เพื่อไปก่อกวนพวกมันไงหล่ะ” แคลิเฟอร์พูดขึ้น

    “ถ้าอย่างงั้นอย่าช้าเลย เราไปกันดีกว่า” ทองสุกพูดขึ้น จากนั้นก็เหน็บดาบกับปืนของเขาติดไว้กับตัว แล้วก็แต่งตัวเพื่อเตรียมออกรบในทันที

    “เอาหล่ะ รีบตามมาแล้วกัน!!”

    ทองสุกพูดขึ้น จากนั้นทั้งเจสสิก้าและแคลิเฟอร์ก็รีบตามทองสุกออกมาที่ด้านนอกในทันที

     

    ที่ทำการนายอำเภอ สถานีตำรวจประจำเมือง 

    ในวันนั้นเองนายอำเภอก็จัดการระดมคนเพื่อเตรียมตอบโต้กลุ่มโจรที่มาโจมตีเมืองของพวกเขา ซึ่งตำรวจที่พวกเขาระดมมามีราว 100 กว่านาย มีทั้งอาวุธครบมือและพาหนะอีกมากมาย โดยที่ปีเตอร์จะเป็นคนนำการโจมตีในครั้งนี้

    “ปีเตอร์ ตอนนี้กำลังคนของเรามีเท่าไหร่หล่ะ??” นายอำเภอถามไป

    “เท่าที่พอจะเอาไปได้ก็ประมาณร้อยกว่าคนครับ เราต้องแบ่งที่เหลือให้คุ้มกันเมืองครับ!!” ปีเตอร์รายงานไป

    “แล้วทำไมเราไม่ไปลุยที่ใจกลางไวท์ยอร์กเลยหล่ะคะ??” มีน่าถามไป

    “คงได้เจอการปะทะอย่างหนักแน่ๆ เราจะเล่นงานค่ายหลักมันก่อน บีบให้ไอ้รูเบ็นออกมา” บอริสพูดขึ้น

    “เอาหล่ะ ทุกคนมาทางนี้!!”

    นายอำเภอพูดขึ้น จากนั้นก็ชี้ให้ทุกคนดูแผนที่ของเขตไวท์ยอร์กที่เขาเตรียมไว้ ซึ่งด้านในระบุตำแหน่งพิกัดของกลุ่มโจรไว้มากมาย นายอำเภอรีบจัดการประชุมในทันทีเพื่อวางแผนการ

    “เอาหล่ะ เราแน่ใจว่าค่ายใหญ่ของพวกมันจะอยู่ในละแวกนี้ เขตหมู่บ้านนี้ จะมีโกดังใหญ่อยู่ เราเชื่อว่าเป็นแหล่งกักเก็บเสบียงของพวกมัน ถ้าเล่นงานที่นี่ได้ พวกมันไม่อยู่เฉยแน่ๆ” นายอำเภอพูดขึ้น

    “แล้วทำไมเราไม่จัดการไปจับพวกมันในเขตหมู่บ้านตรงๆหล่ะครับ??” ปีเตอร์ถามไป

    “ถามได้ดีปีเตอร์ พวกมันชอบเอาชาวบ้านเป็นโล่มนุษย์ เราไม่อยากให้มีการสูญเสียหน่ะ” บอริสพูดขึ้น

    “แล้วเราจะทำแค่ทำลายโกดังนี่เหรอคะ??” มีน่าถามไป

    “เราทำได้แค่ก่อกวนและล่อให้พวกมันออกมา เมื่อมันออกมา เราจะจับมันทันที” นายอำเภอพูดขึ้น

    “งานนี้คงต้องทำให้เงียบนะครับ เพราะถ้าพวกมันเอากำลังมาเสริม พวกเราลำบากแน่ครับ” ปีเตอร์พูดขึ้น

    “ไม่ต้องห่วง งานนี้ฉันระวังหลังให้เอง อีกอย่าง พวกมันคงระดมคนไปเก็บเกี่ยวอาหารที่อื่นหน่ะ” บอริสพูดขึ้น

    “ยังไงก็ขอให้โชคดีกันนะคะทุกคน!!” มีน่าบอกกับทุกคนไป

    “ไม่ต้องห่วง ฉันจะรีบกลับมา!!” ปีเตอร์พูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็รีบไปขึ้นม้าในทันทีเพื่อตรียมออกเดินทาง โดยปีเตอร์จะเป็นคนนำในการต่อสู้ครั้งนี้ พวกเขาไม่รอช้าควบม้าเดินทางไปยังเขตไวท์ยอร์กในทันทีเพื่อโจมตีตอบโต้กลุ่มโจรที่มาปล้นเมืองของพวกเขา ในครั้งนี้พวกเขาสาบานว่าจะตามล่าหัวพวกมันให้ถึงที่สุดให้ได้

     

    และด้านในเมือง วันนั้นโฮมุระก็กลับมาเปิดร้านตามปกติเช่นเคย หลังจากที่เธอซ่อมแซมความเสียหายของร้านเธอจนเสร็จเรียบร้อย ในวันนั้นเอง จอห์นและเอ็ดเวิร์ดก็มาเยี่ยมเยือนเธอด้วยความเป็นห่วงด้วย 

    “เฮ้ คุณโฮมุระ เป็นยังไงบ้างครับ??” จอห์นตะโกนถามเธอไป

    “สวัสดีค่ะทุกคน ตอนนี้ไม่มีอะไรแล้วค่ะ” โฮมุระพูดขึ้น

    “โห คุณเก็บร้านเร็วเหมือนกันนะครับเนี่ย” เอ็ดเวิร์ดพูดขึ้น และในระหว่างนั้นเอง โทมัสและวิลเลี่ยม ซึ่งมาจากโรงพยาบาลก็มาที่ร้านของโฮมุระด้วย

    “สวัสดีทุกๆคน ผมมีหมอคนใหม่มาแนะนำพวกคุณหน่ะครับ!!” โทมัสพูดขึ้น

    “สวัสดีครับ ผมวิลเลี่ยม แล้วนี่น้องสาวผม มิเชล พวกเรามาจากอังกฤษครับ!!” วิลเลี่ยมพูดขึ้น

    “อ้อ ถ้างั้นก็ยินดีที่ได้รู้จักครับ” เอ็ดเวิร์ดพูดขึ้น

    “ไม่ทราบว่าที่นี่มีใบชาขายหรือเปล่าคะ??” มิเชลถามไป

    “มีจ้ะ อยากได้ชาแบบไหนก็เลือกเลยนะจ๊ะ!!” โฮมุระพูดขึ้น

    “นี่ ฉันเห็นนายอำเภอกับตำรวจของเขานำกำลังไปที่ไหนก็ไม่รู้ด้วยสิวันนี้” จอห์นพูดขึ้น

    “ผมว่า น่าจะไปตามล่าคนที่มาโจมตีพวกเรานั่นแหละ” โทมัสพูดขึ้น

    “ว่าแต่ พอจะรู้หรือเปล่าครับว่ามันเป็นพวกไหน??” วิลเลี่ยมถามคนอื่นๆไป

    “คุณคงมาใหม่ น่าจะไม่รู้จักพวกไวท์ยอร์ก เดอะแคลนสินะ ไอ้พวกนี้มันระยำ” จอห์นพูดขึ้น

    “ในเขตนั้น ใครไม่ใช่คนขาวอาจไม่มีสิทธิ์ได้ออกมาด้วยหล่ะ” เอ็ดเวิร์ดพูดขึ้น

    “ฉันเองเคยเกือบตายตอนเก็บสมุนไพรในเขตนั้นหน่ะค่ะ” โฮมุระพูดขึ้น

    “ดูท่าจะน่ากลัวจริงๆนะคะเนี่ย แล้วหนูอยากถามอีกอย่างนะคะ พอรู้จักหนุ่มเอเชียคนใหม่ในเมืองนี้หรือเปล่าคะ??” มิเชลถามทุกคนไป ทำเอาทุกคนถึงกับเงียบไปเลย

    “ได้ยินว่าเขาย้ายมาอยู่ในเมืองนี้ด้วยนี่ โรงแรมแถวนี้เอง เจสสิก้าพาเขาไปหน่ะ” โทมัสพูดขึ้น

    “น่าสนใจ ผมอยากรู้จักเขา อยากรู้เกี่ยวกับประเทศของเขาเหมือนกัน” วิลเลี่ยมพูดขึ้น

    “นั่นสิ เขามาจากอะไรนะ สยามใช่หรือเปล่า ผมกำลังหาข้อมูลเขียนหนังสืออยู่เลย” จอห์นพูดขึ้น

    “เอาเถอะ ว่าแต่เราจะไม่ซื้ออะไรของคุณโฮมุระเหรอ??” เอ็ดเวิร์ดถามไป

    “เออใช่ คุยเพลินเลย เดี๋ยวฉันขายของก่อนนะ!!” โฮมุระพูดขึ้น จากนั้นก็รีบขายของให้กับแขกที่มาเยือนในทันที

     

    และอีกด้านหนึ่งในเมือง วันนั้นเองซูซี่ก็ไปเดินเที่ยวในเมืองเพื่อผ่อนคลาย ในตอนนั้นเอง ซูซี่เกิดอยากไปเดินที่ตลาด เธอเลยไปเดินเล่นดูตามร้านของฝากต่างๆ แต่มีสิ่งที่เธอสนใจ ก็คือ ร้านขายของพื้นเมืองของลิงซ์ ซึ่งในวันนี้เอามาขายเช่นเดิม และในตอนนั้นเอง ลูกค้าของลิงซ์ก็ยังไม่มี เธอเลยไปดูที่ร้านของลิงซ์ในทันที

    “สวัสดีค่ะ ขอดูของได้หรือเปล่าคะ??” ซูซี่ถามไป

    “ได้ค่ะ ยังไงก็ดูได้นะคะ” ลิงซ์ตอบไป และในขณะเดียวกันนั้นเอง เจเรมี่ซึ่งในตอนนั้นมาเดินตลาด เขาเดินทางมาที่ร้านของลิงซ์ จากนั้นเขาก็วางอะไรบางอย่างบนโต๊ะร้านขายของลิงซ์ จากนั้นก็พูดกับเธอในทันที

    “หวัดดี ได้ยินว่าเธออยากได้นี่หน่ะ!!”

    “งั้นเหรอ ราคาเท่าไหร่หล่ะ??” ลิงซ์ถามไป

    “ทั้งหมด 300 ดอลล่าห์นะ อ้าว สวัสดีคุณผู้หญิง คุณคือดาวยั่วในบาร์ใช่หรือเปล่า??” เจเรมี่หันไปถามซูซี่ที่กำลังดูของของลิงซ์อยู่

    “ฉันจะดูอะไรก็เรื่องของฉันค่ะ” ซูซี่พูดขึ้น

    “อ้อ ขอโทษทีน้องสาว!!” เจเรมี่พูดขึ้น

    “นี่ อย่าไปยุ่งกับลูกค้าเลย!!” ลิงซ์พูดขึ้น

    “อ้อๆ ได้เลย ฉันได้ยินว่าตอนนี้กลุ่มของนายอำเภอเดินทัพไปตามล่าพวกโจรที่มาโจมตีเมืองแล้วหล่ะ” เจเรมี่พูดขึ้น

    “งั้นเหรอ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉันหล่ะ??” ลิงซ์ถามไป

    “ก็ไม่มีอะไร เผื่อว่าเธออยากจะทำอะไรสนุกๆอ่ะ” เจเรมี่พูดขึ้น

    “อืม เอาเป็นว่าไว้วันหลังแล้วกัน” ลิงซ์พูดขึ้น

    “ขอโทษนะคะ สร้อยนี่เท่าไหร่คะ??” ซูซี่ถามในขณะที่เธอชูสร้อยกระดูกเส้นหนึ่งให้ลิงซ์ดู

    “อันนั้น 5 ดอลล่าห์ค่ะ” ลิงซ์พูดขึ้น

    “งั้นฉันเอาอันนี้ค่ะ!!” ซูซี่พูดขึ้น จากนั้นก็วางเงินไว้ให้ลิงซ์ 

    “ขอบคุณมากนะคะ” ลิงซ์พูดขึ้น จากนั้นซูซี่ก็เดินถือสร้อยเดินออกไปในทันที 

    “เอาหล่ะ แล้วเจอกันนะ!!” เจเรมี่พูดขึ้น จากนั้นเธอก็ยื่นเงินให้กับเจเรมี่ก่อน แล้วเจเรมี่เดินออกจากร้านไปในทันที

     

    ณ เขตป่าแห่งหนึ่ง ในเขตไวท์ยอร์ก ในวันนั้นเองเนย์มาร์ก็เดินขึ้นมาเนินเขาแห่งหนึ่ง เขาขุดเดินไปมา เหมือนกับว่าเขากำลังหาของอะไรบางอย่าง เขาขุดไปขุดมา เขาก็พบกับเหรียญทองคำส่วนหนึ่ง ซึ่งเขาหยิบมาหนึ่งเหรียญของนำมาเช็ดเพื่อดูมูลค่าของมัน

    “โห หลายพันปีแล้วนะเนี่ย!!”

    เนย์มาร์หยิบเหรียญที่เหลือมาแล้วเก็บใส่ถุงไป แต่ในระหว่างที่เขากำลังเก็บเหรียญอยู่นั้นเอง จู่ๆเขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของม้าเคลื่อนพลไปมาอยู่ใต้เนินเขา และในตอนนั้นเองเขาก็ชะโงกลงไปดูด้านล่างในทันที เขาก็พบกับชายชุดขาวกลุ่มหนึ่งขี่ม้าเคลื่อนกำลังคนนับสิบคนเดินทางไปที่ไหนซักแห่ง

    “ไอ้พวกนั้นมัน KKK หรือเปล่าวะ??” เนย์มาร์คิดในใจ จากนั้นก็ชักปืนออกมา

    “ไปจากที่นี่ดีกว่า!!”

    เนย์มาร์พูดขึ้น จากนั้นตัวเขาก็รีบวิ่งไปขึ้นม้าของเขาในทันที แล้วรีบควบม้าลงจากเขาเพื่อหนีจากการตามล่าของกลุ่มชุดขาว แต่ในระหว่างที่เขากำลังควบม้าอยู่นั้น เขาก็ได้ยินเสียงอะไรบางอย่างไล่ตามเขา

    “ปังๆๆ”

    กลุ่มชายชุดขาวสามคนขี่ม้าไล่ตามเนย์มาร์ พวกมันพยายามจะไล่ล่าเนย์มาร์ แต่ในตอนนั้นเองเนย์มาร์ก็ชักปืนลูกโม่ของเขาออกมา

    “กินลูกปืนซะ!!”

    “ปังๆๆ”

    เนย์มาร์ยิงสวนพวกมันกลับไป ในตอนนั้นเองพวกมันก็รีบหาที่หลบกันให้วุ่น แต่พวกมันก็ยังไม่ละความพยายามในการตามล่าตัวเนย์มาร์

    “ตามตื้อจริงๆไอ้พวกนี้!!”

    เนย์มาร์ตะโกนออกมา จากนั้นก็หยิบไดนาไมท์มาหนึ่งลูก จากนั้นก็จุดไฟในทันที จากนั้นก็ขว้างไปในทันที

    “ตู้ม!!”

    เสียงระเบิดดังกึ่กก้องไปทั่ว พวกชุดขาวพากันแตกกระเจิงกันไปคนละทาง ทั้งคนทั้งม้าพากันกระจายออกไป จากนั้นเนย์มาร์ก็รีบควบม้าหนีออกจากเขตไวท์ยอร์กในทันที

     

    กลับมายังบาร์แห่งเดิมที่ซิ่วอิงทำงานอยู่ ในวันนั้นเธอต้องทำความสะอาดร้านหลังจากที่มีแขกมาดื่มเหล้ากัน หลังจากที่เจ้าของร้านที่เธอทำงานด้วยไปซื้อเหล้ามาขายเรียบร้อยแล้ว ในตอนนั้นเจ้าของร้านก็เดินไปหาเธอเพื่อคุยกับเธอในทันที

    “ซิ่วอิง เมื่อวานไม่เป็นไรนะ??”

    “ไม่เป็นไรค่ะ แค่ตกใจนิดหน่อยค่ะ” ซิ่วอิงตอบไป

    “ความจริงเธอยิงพวกนั้นซะบ้างก็ดีนะ”

    "ไม่เป็นไรค่ะ หนูพอรับมือคนพวกนั้นได้ค่ะ" ซิ่วอิงตอบไป

    “ว่าแต่ หมอนั่นหน่ะ เขายังมาที่นี่บ้างหรือเปล่า??”

    “เนย์มาร์เหรอคะ ก็มาบ้างค่ะ มาดื่มเหล้าหน่ะค่ะ” 

    “อืม ไม่รู้ว่าหมอนั่นมาทำอะไรที่เมืองนี้ ฉันเองก็ไม่ค่อยคุ้นเคยกับเขาเท่าไหร่” เจ้าของร้านพูดขึ้น

    “เขาคงแค่มาหาสมบัติหน่ะค่ะ ครั้งหนึ่งเขาเคยให้เหรียญโบราณหนูมาดูด้วย” ซิ่วอิงพูดขึ้น

    “งั้นเหรอ ก็ดีแล้วหล่ะ ถ้าหมอนั่นไม่ได้มาร้ายหน่ะ”

    “ว่าแต่ เรื่องที่เมืองโดนปล้นนี่คุณจะเอายังไงต่อคะ??” ซิ่วอิงถามไป

    “ต่อไปนี้เราคงต้องระวังตัวกันหน่อย เธอก็เหมือนกัน ไปไหนมาไหนก็พกปืนไปด้วยหล่ะ”

    “ได้ค่ะ!!” ซิ่วอิงตอบไป

    “ฉันอยากรู้จริงๆไอ้คนที่มันเหยียบจมูกนายอำเภอมันเป็นใคร” ชายเจ้าของร้านบ่นพึมพำ

    “อาจจะเป็นพวกกลุ่มโจรธรรมดาๆหล่ะมั้งคะ??”

    “ไม่ใช่หรอก ถ้ามันกล้าเล่นงานนายอำเภอ มันต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ” เจ้าของร้านพูดขึ้น แต่ซิ่วอิงในตอนนั้นไม่ได้สนใจมากนัก ก็ทำได้แค่กวาดร้านต่อไป

     

     กลับมายังเขตแบล็คเวอร์จิเนีย ซึ่งในตอนนั้นเอง คารีนก็ได้จัดเตรียมกองกำลังในการปล้นขบวนรถไฟของกลุ่มเดอะแคลน ที่กำลังจะขนอาวุธมายังภูมิภาคนี้ คารีนฝึกให้ทาสผิวดำใช้ปืนและการต่อสู้ชั้นสูง เพื่อเป็นกองกำลังในการโจมตีครั้งนี้ โดยที่คารีนก็ได้ดูการฝึกด้วยตัวเองด้วย

    “อืม คุณคาเตอร์ พวกเขาฝึกกันทุ่มเทมาก!!”

    “ใช่ครับ ดูเหมือนพวกเขาอยากจะล้างแค้นพวกนายทาสผิวขาวหน่ะครับ” คาเตอร์พูดขึ้น

    “นายหญิงครับ วันมะรืนนี้ขบวนรถไฟกำลังจะมาถึงแล้ว ท่านคิดว่าเราจะฝึกพวกเขาทันเหรอครับ??” นาธานถามคารีนไป

    “ฉันเชื่อในแววตาของพวกเขา พวกเขาไม่มีแววตาของความกลัวเลย” คารีนพูดขึ้น

    “อืม พวกเขามีดีก็จริง แต่ฝีมือตอนนี้ยังเป็นรองพวกมันอยู่มาก” คาเตอร์พูดขึ้น

    “นั่นสิครับ แถมพวกเดอะแคลนคงจัดกองกำลังมือดีเตรียมคุ้มกันขบวนรถไฟนี่แน่นอนครับ” นาธานพูดขึ้น

    “ก็ลองให้พวกเขาพิสูจน์ตัวเองก่อนสิ ฉันเชื่อว่าพวกเขาต้องทำได้” คารีนพูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง ลูกน้องของเธอคนหนึ่งก็วิ่งมารายงานอะไรบางอย่างกับเธอในทันทีที่ได้ข่าว

    “ท่านครับ มีรายงานมาครับ!!”

    "ว่ามาได้เลย” คารีนพูดขึ้น

    “ทางเราได้ข่าวมาว่าขบวนรถไฟได้เดินทางออกจากสถานีต้นทางแล้วครับ”

    “มาเร็วกว่าที่คิด ไม่แน่มันอาจจะมาถึงวันมะรืนตอนเช้าก็ได้” คาเตอร์พูดขึ้น

    “ถ้าอย่างงั้น ผมขอกำลังคนไปดูต้นทางเองครับ” นาธานพูดขึ้น

    “ไม่ต้องหรอก ทำตามแผนเดิม เราจะรอจนกว่ารถไฟจะมา จากนั้นก็ลงมือ เราจะเดินทางกันคืนพรุ่งนี้ วันนี้ฝึกและพักผ่อนกันให้เต็มที่ เพราะวันต่อไปเราเจอศึกใหญ่แน่ๆ” คารีนพูดขึ้น 

     

    กลับมายังค่ายของรูเบ็น หลังจากเขาเจรจาธุรกิจกับชายชาวเอเชียสองคนเรียบร้อยแล้ว ตัวเขาก็เดินมาส่งชายสองคนกลับไปในทันที

    “หวังว่าเราจะได้ร่วมงานกันเรื่อยๆนะครับ!!” ชายเอเชียคนหนึ่งพูดขึ้น

    “แน่นอน แต่คุณต้องรู้ไว้ ที่ผมยอมให้คุณมาทำธุรกิจที่นี่ ก็เพราะคุณจ่ายเงินผม” รูเบ็นพูดขึ้น

    “แน่นอน แล้วผมรับรองว่าผลตอบแทนต้องดีแน่ๆ” ชายเอเชียอีกคนพูดขึ้น

    “เอาหล่ะ ขอให้โชคดีนะครับ!!” รูเบ็นพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็ส่งชายเอเชียสองคนกลับไปในทันที และในขณะเดียวกันนั้นเอง ชายคนหนึ่งซึ่งเป็นลูกน้องของรูเบ็น เขาก็วิ่งมารายงานอะไรบางอย่างกับเขาในทันที

    “ท่านครับ มีข่าวจากสถานีรถไฟมาครับ!!”

    “มีอะไรหล่ะ ว่ามาเลย??” รูเบ็นถามไป

    “ตอนนี้ขบวนรถไฟได้ออกจากสถานีแล้วครับ!!”

    “มาเร็วกว่าที่คิด ถ้างั้นเราต้องเตรียมกำลังพลหล่ะ” รูเบ็นพูดขึ้น 

    “ท่านครับ มีข่าวว่าร็อกกี้กับมาร์ค สมาชิกสภาชั้นสูงจะเดินทางมาด้วยครับ!!”

    “งั้นเหรอ แบบนี้ได้สองต่อเลย เราต้องตามล่าตัวมันให้ได้” รูเบ็นพูดขึ้น

    “ว่าแต่ เราจะจับหมอนี่มายังไงครับ??”

    “เราจะตามหาทุกขบวนรถไฟไปเลย พวกมันต้องซ่อนอยู่ที่ไหนซักที่ในรถไฟแน่ๆ” รูเบ็นพูดขึ้น

    “ได้ครับผม!!”

    “เตรียมกำลังพลของเราให้พร้อม พวกมันต้องลงมือแน่ๆ” รูเบ็นพูดขึ้น

    “ได้ครับผม!!” ลูกน้องของเขาพูดขึ้น

    “ถ้าเราได้อาวุธล็อตนี้ ก็ไม่ต้องเกรงใจไอ้นายอำเภอนั่นอีกต่อไป!!” รูเบ็นพูดกับตัวเองไป

     

    กลับมายังเขตของกองกำลัง AUS ซึ่งคลีฟแลนด์ในตอนนั้นก็ตรวจสอบกองกำลังของตัวเอง ก่อนที่จะเตรียมพร้อมในการโจมตีเพื่อชิงอาวุธจากขบวนรถไฟ คลีฟแลนด์รู้สึกภูมิใจที่เห็นกองกำลังของตัวเองพร้อมสำหรับการโจมตีในครั้งนี้

    “อืม ตอนนี้กองกำลังของเรามีเท่าไหร่กันหล่ะ??” คลีฟแลนด์ถามไป

    “ที่พร้อมจะรบในตอนนี้ มีประมาณ 100 กว่าคนครับ”

    “อืม ยังมีน้อยไปหน่อย แต่ว่าแต่ละคนก็มากไปด้วยฝีมือ” คลีฟแลนด์พูดขึ้น

    “ใช่ครับ พวกเขาเป็นทหารมือดีที่สุดครับ!!”

    “เราจะต้องโจมตีอย่างฉลาด ไม่อย่างงั้นพวกเราอาจจะตายกันหมดก็ได้” คลีฟแลนด์พูดขึ้น

    “นั่นสิครับ พวกมันมีเยอะกว่าเรามากครับตอนนี้”

    “ว่าแต่ ตอนนี้ได้ข่าวเกี่ยวกับขบวนรถไฟหรือเปล่าหล่ะ??” คลีฟแลนด์ถามไป

    “ครับ เราได้ข่าวมาว่าขบวนรถไฟเดินทางออกมาแล้วครับ” 

    “แล้วไอ้ร็อกกี้กับมาร์คมันจะมาหรือเปล่า??” คลีฟแลนด์ถามต่อ

    “สายข่าวบอกมาว่า สองคนนั้นจะมาด้วยครับ!!”

    “ดี เราจะตามฆ่ามัน ไม่อย่างงั้นประเทศนี้ได้ถึงกาลวิบัติแน่ๆ” คลีฟแลนด์พูดขึ้น

    “แน่นอนครับ พวกเราจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นแน่ๆ” 

    “ป่านนี้พวกมันคงส่งข่าวไปให้กองทัพเรืออังกฤษเตรียมเล่นงานเราระลอกสองแน่ๆ แต่เสียดายที่เรายังไม่มีหลักฐานมากพอ” คลีฟแลนด์พูดขึ้น

    “นั่นสิครับ ไม่แน่เราอาจจะลากไส้พวกมันออกมาได้หมดก็ได้”

    “ถ้าจับมันได้ เอาตัวมันมาให้ฉัน ฉันจะสอบพวกมันด้วยตัวเองก่อน ถ้ามันไม่พูด เราก็เล่นมันเลย” คลีฟแลนด์พูดขึ้น 

     

    กลับมายังคฤหาสน์บ้านของลอร่า หลังจากที่เธอไปสืบข่าวในเมือง Black Maple เรียบร้อยแล้ว ในวันนั้นเองเธอก็กลับมาที่บ้านของเธอ เธอรีบไปคุยกับพ่อบ้านของเธอในทันทีหลังจากที่ได้ข่าวเพิ่มเติม

    “คุณพ่อบ้านคะ ฉันได้ข่าวใหม่มาค่ะ” ลอร่าพูดขึ้น

    “งั้นเหรอครับ ข่าวอะไรเหรอครับ??”

    “ยังจำหนุ่มเอเชียที่ฉันเคยบอกได้หรือเปล่าคะ ฉันสืบทราบมาว่าเขาอยู่ในโบสถ์นอกเมืองค่ะ” 

    “งั้นเหรอครับ แล้วทำไมถึงไม่ไปตามหาเขาหล่ะครับ??”

    “นั่นก็มาพร้อมกับข่าวร้าย ทางตำรวจบอกว่าโบสถ์ถูกกลุ่มหัวรุนแรงเผาไปแล้วค่ะ” ลอร่าพูดขึ้น

    “เฮ้อ น่าเศร้าจังเลยครับ!!”

    “แต่ว่า หนูได้ยินมาว่าเขาหนีมาพักที่ Black Maple ด้วยนะคะ แต่หนูยังตามหาเขาไม่เจอเลยค่ะ หนูว่าจะลองไปถามชาวบ้านแถวนั้นค่ะ” ลอร่าพูดขึ้น

    “อ้อครับ คุณหนูครับ แล้วเรื่องขบวนรถไฟที่กำลังจะมาที่นี่จะว่ายังไงครับ??” 

    “เราก็เตรียมกำลังไว้สิคะ รถไฟคงจะมาถึงในวันมะรืนตอนเช้า คงต้องรีบกันหน่อยหล่ะค่ะ” ลอร่าพูดขึ้น

    “ครับ ถ้างั้นผมจะไปเตรียมกำลังคนเลยนะครับ!!”

    “งานนี้เราต้องเล่นอย่างฉลาดนะคะ พวกมันอาจจะวางกำลังคนคุ้มกันเอาไว้ค่ะ” ลอร่าพูดขึ้น

    “ครับ ผมจะบอกให้คนของเราจัดการเองครับ”

    “ถ้าพวกมันได้อาวุธไป แผ่นดินคงลุกเป็นไฟแน่นอน แล้วสิ่งที่คุณพ่อของฉันทำมาทั้งหมดจะสูญเปล่า” ลอร่าบอกกับพ่อบ้านของเธอไป

     

     ณ เขตไวท์ยอร์ก ป้อมปราการแห่งหนึ่ง ซึ่งกลุ่มชายฉกรรต์ผิวขาวกลุ่มหนึ่งกำลังเฝ้าป้อมปราการนี้อย่างแข็งขัน และในขณะเดียวกัน เจสันก็ได้นำกำลังทหารของเขาไปตรวจสอบป้อมปราการนั้นในทันที เขาส่องกล้องไปมองที่ป้อมนั้น เมื่อมองไปจนทั่ว เขาก็เก็บกล้องไปในทันที

    “เอาหล่ะ ตอนนี้พวกมันยังไม่ทันระวังตัว เราน่าจะเล่นงานพวกมันได้” เจสันพูดขึ้น

    “เราจะเอายังไงต่อหล่ะครับ??” 

    “เราจะยิงปืนครกถล่มที่ป้อม จากนั้นก็พังประตูเข้าไปเลย!!” เจสันพูดขึ้น จากนั้นก็ให้สัญญาณทหารของเขาในทันที

    “ตู้ม!!”

    กองทัพของเจสันยิงปืนครกใส่ป้อมปราการของข้าศึก ลูกปืนตกใส่ป้อมทำเอาพวกมันถึงกับพะวะพะวง และทำอะไรไม่ถูก และในตอนนั้นเอง เจสันก็นำคนของเขาบุกไปที่หน้ากำแพงในทันที

    “ข้าศึกบุก!!”

    พวกมันตกใจมากรีบส่งสัญญาณเตือนให้คนอื่นๆในทันที พวกมันพยายามจะขึ้นมาบนกำแพง แต่ถูกคนของเจสันยิงสกัดเอาไว้ เจสันวิ่งไปที่หน้ากำแพง จากนั้นก็วางไดนาไมท์ที่หน้าประตูสามลูก จากนั้นตัวเขาก็จุดชนวนในทันที

    “รีบไปเร็ว!!”

    “ตู้ม!!”

    ไดนาไมท์สามลูกทำลายกำแพงจนแหลกเป็นจุล และในตอนนั้นเอง เจสันก็นำกำลังบุกเข้าไปในป้อมทันที

    “ฆ่าพวกมันให้หมด!!”

    ทหารสหรัฐนำกำลังบุกถล่มป้อมปราการนั้นอย่างรวดเร็ว พวกมันพยายามสกัดทัพเอาไว้แต่ก็ไม่เป็นผล ทหารของเจสันจัดการคนพวกนั้นจนเหี้ยน พวกมันบางส่วนก็พยายามหนีออกไป หลังจากที่เอาชนะพวกมันได้เรียบร้อยแล้ว พวกเขาก็รีบเคลียร์พื้นที่ในทันทีอย่างรวดเร็ว

    “เก็บอาวุธและของมีค่าไปให้หมด!!” เจสันสั่งทหารของเขาไป และในขณะเดียวกันนั้นเอง ทหารคนหนึ่งของเจสันก็ลากชายคนหนึ่งมาหาเจสันในทันที

    “ท่านครับ ไอ้บ้านี่มันมีข้อมูลสำคัญด้วยครับ!!”

    “งั้นเหรอ เอาตัวมันไปสอบปากคำซะ!!” เจสันพูดขึ้น

    “ตอนนี้พวกมันหนีไปกันหมดแล้ว แต่ทิ้งอาวุธเอาไว้เยอะแยะเลยครับ”

    “ไม่ต้องตามมันไปหรอก เราจะตัดกำลังพวกมันไปทีละเล็กละน้อย จนกว่าจะถึงตัวใหญ่เลย” เจสันพูดขึ้น

    “รับทราบครับท่าน!!” ทหารของเจสันพูดขึ้น จากนั้นเขาก็ลากเชลยที่จับตัวมาได้ไปสอบปากคำในทันที

     

    ณ เส้นทางรถไฟสายตะวันออก ท่ามกลางทะเลทรายอันร้อนระอุ ซึ่งไร้เงาของสิ่งมีชีวิตในบริเวณ แต่ชายขี่ม้าชุดทหารฝ่ายใต้สีเทากลุ่มหนึ่งซึ่งกำลังสอดส่องอะไรบางอย่างบนเนินเขาทะเลทรายแห่งนั้น 

    “นี่ เราเจอวี่แววอะไรบ้างหรือยังครับ คุณแฟรงค์เก้น??”

    “อืม เส้นทางที่รถไฟจะเดินทางมายังปกติอยู่”

    “แล้วพวกมันจะไม่มาทางนี้เหรอครับ??” 

    “มาแน่นอน แต่เส้นทางแบบนี้ พวกมันมาได้ทุกที่” แฟรงค์เก้นพูดขึ้น

    “ถ้าอย่างงั้นกำลังของเราไม่พอแน่นอนครับ แล้วเราจะอธิบายคุณรูเบ็นยังไงครับ??”

    “ฉันคุยเอง ไม่ต้องห่วงน่า”

    “ครับผม ผมแค่เป็นห่วงคนของเราหน่ะครับ”

    “เอาน่า ฉันไม่ยอมให้คนของฉันตายฟรีหรอกน่า!!” แฟรงค์เก้นพูดขึ้น

    “ครับ ผมเข้าใจครับท่าน!!”

    “ตอนนี้คนของเราพร้อมจะรบหรือเปล่าหล่ะ??” แฟรงค์เก้นถามไป

    “ขอแค่ท่านสั่ง พวกเราพร้อมจะรบครับ!!”

    “ดี ตอนนี้เรารีบกลับไปพักก่อน แล้วค่อยว่ากันทีหลัง” แฟรงค์เก้นพูดขึ้น จากนั้นเขาก็ควบม้าและพาคนของเขากลับไปในทันที

     

    ณ ศาลประจำรัฐของ Black Maple ซึ่งในศาลก็เต็มไปด้วยชายหญิงกลุ่มหนึ่งที่มานั่งฟังการพิจารณาคดี โดยคดีนี้เป็นคดีที่ชายผิวดำคนหนึ่งถูกกล่าวหาว่าฆาตกรรมเด็กหญิงผิวขาวคนหนึ่ง ในวันนั้นเอง ผู้พิพากษาคนหนึ่งก็ขึ้นมานั่งบนบัลลังก์พิพากษา จากนั้นการพิจารณาคดี ก็เริ่มขึ้นในทันที

    “ขณะนี้ ท่านผู้พิพากษาฟิโอน่าผู้เที่ยงธรรมได้มาถึงแล้ว!!” เสียงประกาศของผู้ช่วยผู้พิพากษาดังขึ้น

    “เอาหล่ะ คดีนี้ จำเลยมีความผิดในข้อหาฆาตกรรมเด็กสาวอย่างโหดเหี้ยม พยานหลักฐานมีพร้อม จำเลยจะมีอะไรแก้ตัวหรือเปล่า??” ผู้พิพากษาหญิงคนนั้นถามไป

    “ไต้เท้า ผมถูกใส่ร้าย ผมไม่ได้อยู่ที่นั่นเลย มีคนขาวกลุ่มหนึ่งไปที่บ้านผมแล้วจับผมมาไม่มีปี่มีขลุ่ยเลย!!”

    “พยานหลักฐานมีพร้อม ยังจะมาปฏิเสธอีก และเนื่องด้วยจำเลยยอมจำนนต่อหลักฐาน ด้วยอำนาจแห่งศาลซึ่งได้รับมาตามรัฐธรรมนูญ ศาลขอพิพากษษประหารชีวิตชายผู้นี้ เลิกศาล!!”

    ผู้พิพากษาสาวคนนั้นเคาะค้อนไปบนโต๊ะ จากนั้นตำรวจก็ลากชายผิวดำคนนั้นออกไปในทันที

    “ไอ้ศาลระยำ พวกแกมันก็พวกเดียวกับคนขาวระยำนั่นแหละ ฉันจะไปเจอพวกแกในนรก…” จำเลยคนนั้นตะโกนออกมาอย่างบ้าคลั่งไปทั่วศาล และเมื่อการพิจารณาคดีเสร็จสิ้นแล้ว ผู้พิพากษาฟิโอน่าก็เดินลงจากบัลลังก์ แล้วรีบไปที่ด้านหลังศาลในทันที จากนั้นก็เดินไปหาชายคนหนึ่งที่กำลังรอเธออยู่ ชายคนนั้นเมื่อเห็นเธอก็ยื่นเงินให้กับเธอในทันที

    “ยินดีที่ได้ทำธุรกิจด้วยไต้เท้า!!”

    “คุณกล้าจ่าย ฉันก็กล้าทำ!!” ฟิโอน่าตอบไป

    “ทางองค์กรของเราซาบซึ้งใจมาก ถ้ามีอะไรให้พวกเราช่วย ก็บอกได้นะครับ”

    “ก็ดี แล้วเราจะได้ร่วมงานกันอีก” ฟิโอน่าพูดขึ้น

    “เอาแบบนี้ดีกว่า ธุรกิจเหมืองที่ผมมีส่วนด้วย ผมจะยกผลประโยชน์ให้คุณด้วยแล้วกัน”

    “แบบนี้สิค่อยน่าทำงานด้วยหน่อย!!” ฟิโอน่าตอบชายคนนั้นไป 

     

    กลับมายังไร่ของตระกูลฟรอสต์ ในวันนั้นเอง ครอบครัวของพวกเขาก็นั่งทานอาหารด้วยกันหลังจากที่ผ่านเรื่องร้ายๆในวันนี้มา บนโต๊ะอาหารดูเหมือนจะเต็มไปด้วยความสุข แต่สิ่งเดียวที่ยังไม่โอเค ซึ่งก็คือชาร์ล็อตในตอนนี้ ทินส์ถามชาร์ล็อตในทันที

    “ลูกพ่อ มีอะไรหรือเปล่าลูก??” 

    “นั่นสิ เห็นหน้าอมทุกข์มาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว??” ริแอนน่าถามไป

    “คือว่า หนูรู้สึกไม่สบายใจเรื่องวันนี้เท่าไหร่ค่ะ” ชาร์ล็อตพูดขึ้น

    “ทำไมเหรอ มีอะไรหรือเปล่า บอกพี่ได้นะ??” อเล็กซ์ถามไป

    “มันบอกไม่ถูกหน่ะค่ะพี่” ชาร์ล็อตพูดขึ้น

    “ลูกกังวลเรื่องอดีตใช่หรือเปล่าหล่ะ??” ทินส์ถามไป

    “คุณคะ จะไปรื้อฟื้นมันอีกทำไมกันคะ??” ริแอนน่าถามไป

    “ไม่ต้องหรอกค่ะพ่อ หนูไม่อยากรู้เรื่องอะไรหรอกค่ะ” ชาร์ล็อตพูดขึ้น

    “เอาอย่างงี้ ไว้ว่างๆพี่พาไปเที่ยวในเมืองแล้วกัน” อเล็กซ์พูดขึ้น

    “พี่พูดจริงนะ??” ชาร์ล็อตพูดอย่างตื่นเต้น

    “แหม่ ดูเหมือนจะจบด้วยดีนะเนี่ย!!” ทินส์พูดขึ้น

    “เอาหล่ะ กินกันเถอะ เดี๋ยวมันจะเย็นหมดนะ” ริแอนน่าพูดไป จากนั้นเธอก็แจกขนมปังให้กับทุกๆคนในบ้านในทันที เพื่อให้ทุกคนอิ่มหน่ำกันถ้วนหน้า

     

    ตกเย็น ในวันนั้นเองทองสุกและสาวสวยอีก 2 คนก็ได้เดินทางผ่านเขตไวท์ยอร์ก ซึ่งเส้นทางที่พวกเขาผ่านเป็นหอสังเกตการณ์หอใหญ่ซึ่งมีรั้วไม้เล็กๆขวางอยู่ ทองสุกเดินขึ้นไปบนเชิงเขา จากนั้นก็สังเกตการณ์ไปรอบๆหอคอยในทันที เพื่อดูว่าเขาจะโจมตีหอคอยอย่างไร

    “มีคนอยู่ 6 คนได้ เท่าที่ฉันเห็นนะ!!” ทองสุกพูดขึ้น

    “มันต้องอยู่ในหอคอยแน่ๆ” เจสสิก้าพูดขึ้น

    “ใช่ หรือไม่พวกมันอาจจะกำลังเปลี่ยนเวรยามก็ได้” แคลิเฟอร์พูดขึ้น 

    “ถ้าอย่างงั้นตามฉันมาเลย!!”

    ทองสุกพูดขึ้น จากนั้นเขาก็ชักดาบออกมา จากนั้นก็รีบลงจากเขา และลงไปหาพวกมันในทันที และที่ด้านล่าง ชายสองคนกำลังนั่งเตรียมจุดไปป์สูบ เนื่องจากว่าอยู่ในช่วงเวลาพักของพวกเขา

    “เฮ้ย จุดให้หน่อยดิ!!”

    “เออๆ รอเดี๋ยว!!”

    “ฉึก!!”

    “เฮ้ย อะไรวะ??” ชายคนหนึ่งพูดขึ้น ในขณะที่เขาเห็นเพื่อนของเขาโดนดาบปักที่หัว ชายคนนั้นชักปืนออกมา แต่ในตอนนั้นเองทองสุกก็ดึงดาบออกมา จากนั้นก็ฟันเข้าที่แขนของหมอนั่น 

    “อ๊าค แขนกู!!”

    “หัวมึงก็จะไปด้วย!!”

    “ฉึก!!”

    ทองสุกตัวหัวหมอนั่น จากนั้นเขาก็รีบเก็บดาบไปในทันที จากนั้นเขาก็เตรียมพร้อมโจมตีป้อมสังเกตการณ์ของพวกมันต่อในทันที

    ===============================================================

    ทองสุกจะรบกับพวกมันต่ออย่างไร และเหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป อย่าลืมติดตามชมต่อในตอนหน้าจ้า

    ขอคนละเม้นท์ด้วยเน้อ

    https://www.youtube.com/channel/UCEzIY9j4fuPDx4Ofz8U0Fig?view_as=subscriber ซับแนลหนูด้วย

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×