ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ธุรกิจ...สื่อรัก : Chapter One : แรกพบ
ธุรกิจ...สื่อรัก
Chapter One : แรกพบ
ยามค่ำคืนที่มืดมิด หากแต่มีดวงดาวพร่างพรายอยู่บนฟากฟ้ามากมาย และจันทราราชีนีแห่งค่ำคืนที่เด่นหล้าอยู่ก็มิอาจช่วยให้สว่างไสวได้ ตามถนนสายน้อยใหญ่มีเพียงเสาไฟฟ้าที่ส่องสว่างริบหรี่จะดับแหล่มิดับแหล่ พร้อมกับความเงียบสงบที่บ่งบอกได้เลยว่า บริเวณแถวนี้มีแต่เพียงการหลับใหลสู่ห้วงนิทราเท่านั้นเว้นเสียแต่
“แฮ่ก แฮ่ก” เสียงหอบอย่างอ่อนแรงของใครคนหนึ่งดังขึ้นในยามค่ำคืน ซึ่งเป็นเพียงเสียงเดียวที่ทำลายความสงบนี้ได้ ร่างบางนั้นกึ่งเดินกึ่งวิ่งอย่างอ่อนแรง ราวกับวิ่งหนีบางอย่างมา มือเล็กนั่นพยายามที่จะหาที่จับเกาะเพื่อยึดร่างบางของตนให้เดินต่อไปเอาชนะความเหน็ดเหนื่อยนี่
‘ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยด้วย’ เสียงที่ดังกึกก้องอยู่กลางใจ แต่มิอาจเอื้อนเอ่ยขึ้นมาได้ เพราะความเหนื่อยที่ทับถมเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
“เอ๊ะ” เสียงหวานร้องด้วยความตกใจระคนหวาดกลัว เมื่อแขนของตนข้างหนึ่ง ถูกดึงให้ย้อนกลับไปทางเดิม พร้อมใบหน้าหวานนั้นหันไปต้องเผชิญกับบุคคลที่ตนหนีอยู่นั่นเอง
“แกจะหนีไปไหน หึ ยังไงซะ ก็หนีฉันไม่พ้นหรอ หึ” เสียงเข้มเอ่ยขึ้นพลางยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ให้ร่างบาง ตากลมโตมีน้ำใสๆเอ่ออยู่ก่อนที่จะไหลลงมาอาบแก้มนวลพร้อมเสียงสะอื้นที่ดังอยู่แผ่วเบา
‘นี่ เขาวิ่งแทบตายแต่ก็ไม่พ้นหรือนี่’ ร่างบางคิดอย่างเจ็บใจที่ไม่อาจจะหนีคนตรงหน้าได้ สักพักเขาเหลือบไปเห็นบางอย่างราวกับเงามืดผ่านหลังของชายหนุ่มตรงหน้าไป เขาไม่ได้เอ๊ะใจอะไรก่อนที่จะรู้ว่า
“พลั่ก!?” ใบหน้าคมคายของชายตรงหน้าหันไปตามแรงกระแทกที่เข้ามาอย่างไม่ทันตั้งตัว ด้วยความเจ็บปวดจึงเผลอปล่อยมือที่จับแขนของร่างบางไปทันทีก่อนจะหันไปเผชิญกับแขกไม่รับเชิญ ก็ต้องพบกับชายหนุ่มใบหน้าคมคายเช่นกัน แต่รูปร่างสูงใหญ่กว่าเล็กน้อย
“แกอย่ามาเสือ-กไม่เข้าเรื่องได้มั้ย คนเขากำลังจะเคลียร์เรื่องกันอยู่” น้ำเสียงคำรามออกมาจากปากหนุ่มตรงหน้าที่จับเขาไว้
“อ้องั้นหรอ นึกว่าจะทำอย่างอื่นซะอีกที่แท้ก็ แกร็ก” น้ำเสียงที่บ่งบอกเหมือนประชดประชันแต่มีหรือเขาจะเชื่อกับคนที่ทำอย่างอื่นที่ไม่เหมือนกับคำพูดล่ะ
ปืน.45 Remington Rand inc. จ่อหัวของชายตรงหน้าทันที ใบหน้าคมคายนั่นหรี่ตามองด้วยความสมเพชใส่ชายอีกคนราวกับจะดูถูกดูแคลน ชายผู้ถูกเอาเปรียบหน้าเสียไปทันที
“แกจะรีบไปตอนนี้หรือ ” ร่างสูงตรงหน้าลากเสียงยาวเหมือนบอกเป็นนัยๆในอีกคนเข้าใจ ก่อนที่อีกคนจะรีบกุลีกุจอนรีบวิ่งไม่คิดชีวิตหนีไปทันทีที่ขาดคำขู่นั่น ร่างสูงตรงหน้าเก็บปืนลงไปอย่างกับเป็นเรื่องธรรมดา “เอ่อ คุณเป็นอะไรมั้ยครับ” ร่างสูงเอ่ยขึ้นหลังจากชายอีกคนหนีไปไม่นาน
“อ่ะ เอ่อ มะ ไม่เป็นอะไรครับ” ร่างบางเอ่ยขึ้นตะกุกตะกัก ก่อนจะลุกขึ้น “อะ โอ๊ย” น้ำเสียงแม้จะเบาแต่ก็พอให้ร่างสูงตรงหน้าได้ยิน
“เอ่อ เป็นอะไรไปหรอครับ เจ็บตรงไหนรึเปล่า” น้ำเสียงอ่อนโยนเอ่ยขึ้น
“สงสัยจะขาเคล็ดน่ะครับ” ร่างบางยิ้มแห้งๆให้ ก่อนจะพยายามพยุงตัวขึ้นอีกครั้งโดยใช้กำแพงเป็นที่ยันตัวขึ้นมา
“ผมช่วยครับ” ร่างบางหันมายิ้มให้เป็นคำตอบ เขาจึงช่วยพยุงอีกแรง
“จะให้ผมไปส่งที่บ้านให้มั้ยครับ ป่านนี้ก็ดึกมากแล้ว” เขาเอ่ยขึ้น ซึ่งดูเหมือนร่างตรงหน้าเขาจะพยักหน้าเพียงอย่างเดียว “งั้นไปที่รถผมเลยแล้วกัน”
“เอ่อ ขอบพระคุณมากนะครับ เอ่อคุณ !?” เสียงหวานเอ่ยขึ้น
“อ๋อ ผมนวพล เรียกผมว่าพลก็ได้ครับ” เขาเอ่ยพลางยิ้มให้ก่อนจะถามต่อ “แล้วคุณชื่ออะไรครับ”
“ผมดลชาติครับ เรียกผมว่าดลก็ได้ครับ” เอ่ยพลางยิ้มหวานให้ “ว่าแต่คุณจะไปส่งผมที่บ้านจริงหรือครับผมเกรงว่าจะรบกวนคุณเปล่าๆ” ใบหน้าหวานนั้นดูท่าทางไม่สบายใจเอามากๆเลย
คุณพลหัวเราะเบาๆก่อนจะพูดขึ้น “อ๋อ เรื่องแค่นี้เองครับ ไม่เป็นไรหรอกครับ ไม่ต้องเกรงใจหรอก” เขาเอ่ยอย่างเป็นมิตรให้
“แต่ ” ยังไม่ทันที่ร่างบางจะได้เอ่ยแย้งอะไร ก็โดนชายร่างสูงลากไปที่รถของเขาเสียแล้ว “เอ่อ ยังไงก็ขอบคุณนะครับ”
“หึ เรื่องแค่นี้ไม่เป็นไรหรอกครับ” ว่าพลางดันเขาให้นั่งลงที่เบาะข้างคนขับทันที “ว่าแต่บ้านคุณอยู่แถวนี้รึเปล่าครับ”
“อ๋อ อยู่แถวนี้ล่ะครับไม่ไกลหรอก” ร่างบางเอ่ยขึ้น ก่อนจะเอ่ยทางไปอย่างช้าๆชัดๆให้อีกคนเข้าใจ
แสงไฟสาดส่องเข้ามาภายในรถเบนซ์รุ่นใหม่ล่าสุดสีดำคันหรูที่ขับไปตามถนนใหญ่ตามคำบอกเล่าของอีกคนที่โดยสารเขาอยู่ ร่างบางเบือนหน้าออกไปมองด้านนอก บัดนี้มีเพียงรถไม่กี่คันเท่านั้นที่ยังแล่นไปมาอยู่ คงไม่แปลกเพราะตอนนี้เวลาบอกเวลาตีหนึ่งเสียแล้ว ภายในรถเงียบสงบ แต่ไม่ใช่ความรู้สึกที่อึดอัดแต่เป็นความรู้สึกที่ยังไม่คุ้นเคยกันเท่านั้น ต่างฝ่ายต่างเงียบไม่มีใครเอ่ยอะไรขึ้นมาเลย
“เอ่อ เดี๋ยวเลี้ยวไปทางขวานะครับ ก็จะถึงบ้านผมแล้ว” ดลเอ่ยขึ้นทันทีที่จะถึงซอยตรงหน้า เขาเองก็เลี้ยวรถตามที่บอกทันที
“ว้าว บ้านคุณดลนี่ใหญ่จังนะครับ” หลังจากไม่นานที่เลี้ยวรถเข้ามาก็พบกับบ้านหลังใหญ่ พร้อมกับรถมากมายที่จอดเรียงรายอย่างเป็นระเบียบ ภายในบ้านเปิดไฟสว่างรอการกลับมาของใครสักคน คงจะเป็นคนที่นั่งข้างๆเขาก็ได้
“อ๋อ ไม่ใหญ่หรอกครับ พอดีอยู่กันหลายคนเลยต้องหลังใหญ่หน่อย” ดลเอ่ยอย่างถ่อมตัว ถึงแม้บ้านเขาจะอยู่กันสองคนก็เถอะ เขาไม่กล้ารับคนชมของใครหรอก
“เอ่อ ขอบคุณมากๆเลยนะครับที่มาส่งถึงที่บ้านเลย ยังไงก็รบกวนเข้ามานั่งพักก่อนดีมั้ยครับ” เขาเอ่ยเชื้อเชิญผู้มีพระคุณเข้าบ้าน
“อย่าเลยดีกว่าครับ จะเป็นการรบกวนคนที่บ้านคุณเปล่าๆ ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว ผมว่าผมกลับบ้านดีกว่านะครับ” พลเอ่ยปฏิเสธอย่างสุภาพเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายเสียหน้า
“เอางั้นก็ได้ครับ กลับบ้านระวังตัวด้วยนะครับ ราตรีสวัสดิ์นะครับ” ดลเอ่ยคำอำลาทันทีเพราะไม่อยากเซ้าซี้ร่างสูงนัก กลัวเขาจะไม่ได้พักผ่อนเอา
“ราตรีสวัสดิ์เช่นกันครับ” เขาเอ่ยยิ้มๆแล้วเริ่มแล่นรถออกไปทันที
ดลเดินเข้ามาในบ้านทันที เพราะเขาเองก็อยากพักผ่อนเต็มทีเหมือนกัน วันนี้เจอเรื่องร้ายๆมา ก็จะแย่อยู่แล้ว ภายในบ้านที่ใหญ่ราวกับวิหารกลางเมืองหลวง นี่เป็นบ้านของตระกูลธรรมจิตเจริญ นักธุรกิจร้อยล้านที่กำลังโด่งดังก็คือตัวเขาเอง ซึ่งได้รับหน้าที่ต่อจากพ่อของตน โดยดำรงตำแหน่งประธานบริษัท และประสบความสำเร็จด้วยอายุเพียงยี่สิบหกปีเท่านั้น ส่วนรองประธานนั้นเป็นน้องชายแท้ๆของเขา ที่อายุห่างกันแค่สองปี แต่เขาล่ะอิจฉาน้องตัวเองอย่างหนึ่งนั่นคือรูปร่างที่สมชายชาตรีของน้องเขา ซึ่งเขานั้นรูปร่างบอบบางเหมือนผู้หญิงยังไม่พอ ใบหน้าหวานนี่ได้จากแม่โดยตรงซึ่งเขาพยายามออกกำลังกายเท่าไรก็ไม่ทำให้ตัวเองมีรูปร่างเหมือนชายทั่วๆไปได้เลย
“อ้าว พี่ดลกลับมาแล้วหรอครับ ผมรอตั้งนานเลย” น้องสุดที่รักเดินเข้ามา ทำให้เขาดูตัวเล็กลงไปทันที เพราะความสูงที่แตกต่างกันเอามากๆ จนทุกคนต่างเห็นพ้องกันว่าเขาควรจะเป็นน้องชายมากกว่า
“เฮ้อ พี่ล่ะกลุ้มจริงๆ ตอนเย็นไปผับมาดันเจอพวกขี้เหล้าจะมาลวนลามเอา โชคดีที่มีคนมาช่วยไว้ทันนะเนี่ย” ดลเริ่มบ่นให้ ชาติ หรือสมชาติน้องชายของเขาฟัง
“พี่ล่ะก็ ผมว่าพี่เอาบอดี้การ์ดมั้ย เดี๋ยวผมจะจัดให้” ผู้เป็นพี่ยกมือขึ้นปฏิเสธอย่างไม่ใส่ใจ
“ไม่ต้องหรอก ยิ่งมีบอดี้การ์ดก็ยิ่งยุ่งยาก เฮ้อ พี่ไปนอนล่ะ จริงสิ พรุ่งนี้มีประชุมแต่เช้านี่นา แล้วทำไมยังไม่ไปนอนอีกล่ะ”
“แหม พี่ก็ผมรอพี่ไง พูดอย่างนี้ผมน้อยใจนะ” ไม่วายยังเบือนหน้าหนีทำเป็นงอนอีก ลำบากพี่ต้องง้อเอา ทั้งที่ยังไม่หายเหนื่อยเลย
“โอ๋ๆ ไม่ว่าละ งั้นไปนอนได้แล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้จะตื่นสายเอาหรอก”
“คร้าบ พี่ก็นอนได้แล้วนะคร้าบ” ว่าแล้วเจ้าตัวดีก็วิ่งขึ้นบันไดพูดเสียงล้อเลียน ทำตัวเป็นเด็กไปได้
“คร้าบ คุณน้องสุดที่รัก” แล้วเขาก็เดินขึ้นบันไดตามไป และเข้าห้องนอนทันที
เสียงรถขับเข้ามาพร้อมกับคนสวนเข้ามาเปิดประตูรั้วให้ทันที รถขับเข้ามาแทบจะทันทีที่ประตูรั้วเปิดเต็มที่ รถเบนซ์คันหรูขับไปตามทางที่ถูกจัดสรรไว้ น้ำพุที่เปิดตลอดเวลาทำให้เกิดเสียงกระทบของน้ำอยู่แผ่วเบา ชายร่างสูงลงมาจากรถทันทีเมื่อจอดไว้ในโรงจอดรถ ก่อนจะเดินเข้าไปในตัวบ้านหลังใหญ่พอๆกับบ้านที่เขาเพิ่งจากมา เพียงแต่เล็กกว่าหน่อย ภายในบ้านมืดมิดต่างกับอีกบ้านลิบลับ เขาค่อยเดินเข้ามาอย่างเงียบกริบเพื่อไม่ให้รบกวนคนในบ้าน
ภายในบ้านยามค่ำคืนของบ้านตระกูลวชิวรรณรงค์ (วะ-ชิ-วัน-นะ-รง) ของนักธุรกิจร้อยล้านเช่นกัน เป็นพันธมิตรกับตระกูลธรรมจิตเจริญ ถึงแม้จะเป็นนักธุรกิจด้วยกัน แต่ไม่เคยมีข่าวถึงการเยื้อแย่งลูกค้าหรอแขกคนสำคัญเลย ราวกับมาการตกลงไว้ว่า ของใครของมัน ปัจจุบันผู้ดำรงตำแหน่งประธานบริษัทตอนนี้คือพ่อของเขา ซึ่งเขาเองก็เป็นถึงรองประธาน โดยตอนนี้เขามักจะถูกนักข่าวแต่งข่าวกันจ้าละหวั่น ซึ่งพอๆกับคุณดลเลยทีเดียว แต่เรื่องข่าวน่ะเรื่องเล็ก ที่ใหญ่สำหรับเขาคืองานที่ และตำแหน่งที่รอรับเขาอยู่นั่นเอง
“อ้าว ป้าน้ำ ยังไม่นอนหรอครับ” เขาเอ่ยขึ้นหลังจากเดินเข้ามาในบ้านทั้งที่ยังมืดอยู่ เพราะไม่ได้เปิดไฟ แต่เขาก็เดาได้เพราะป้าน้ำนั้นมีรูปร่างอ้วนท้วมเพียงคนเดียวในบ้าน เธอเป็นแม่ครัวที่ทั้งเลี้ยงเขาตั้งแต่ยังเล็ก
“แหม ป้าเห็นคุณพลไม่กลับมาซักที ป้าก็เลยเป็นห่วง นึกว่าจะเกิดอะไรขึ้นซะอีก” ป้าเอ่ยเสียงแสดงความห่วงใย
“ป้าครับ ที่บอกว่ากลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้น มันเกิดแล้วล่ะครับ แต่ไม่ได้เกิดกับผม” ชายหนุ่มพูดทีเล่นทีจริง
“ต๊าย คุณพลคะ แล้วเป็นอะไรรึเปล่า” น้ำเสียงบ่งบอกความตกใจเอ่ยขึ้น
“ผมน่ะไม่เป็นไรหรอกครับ แต่ผมไปช่วยคนมา เป็นผู้ชายแต่หน้าหวานยังกับผู้หญิงเลย” น้ำเสียงประโยคหลังเบาลง ราวกับพูดกับตัวเอง แต่ป้าน้ำยังพอได้ยินบ้าง
“เฮ้อ เรื่องมันผ่านไปแล้ว คุณพลไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วล่ะค่ะ ไปนอนเถอะค่ะ พรุ่งนี้มีประชุมที่บริษัทธรรมจิตเจริญนะคะ” ป้าน้ำพูดพลางผลักให้พลเดินขึ้นบันไดไป
“ครับ เดี๋ยวป้าเอาน้ำเปล่าแก้วนึงไปวางไว้ที่หัวเตียงผมทีนะครับ” เขาเอ่ยพลางเดินขึ้นบันไดไป
“ค่ะ” ว่าแล้วเธอก็เดินหายเข้าไปในห้องครัว
ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด
เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้น แล้วหยุดลงทันทีที่เจ้าของกดปุ่มปิดมัน ร่างบางบนเตียงค่อยลุกขึ้นมา ผมที่ยุ่งเหยิง ดวงตาที่ยังปิดสนิทอยู่ เสื้อนอนที่อยู่ในสภาพยับยู่ยี่ บอกได้ตรงๆเลยว่าหมดสภาพของประธานบริษัท ร่างบางหาวพลางลุกขึ้นจากเตียงและเดินหายเข้าไปในห้องน้ำส่วนตัว
ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูไม้บานใหญ่สีขาววะอาดดังขึ้น ก่อนที่บุคคลหลังประตูจะเอื้อนเอ่ยเรียกขึ้น
“พี่ครับ ตื่นยังครับ” หนุ่มร่างสูงเรียกพี่ของตน แต่ไม่ได้ยินเสียงตอบกลับจึงเคาะประตูให้ดังขึ้น และตะโกนเรียกอีกครั้ง
“อื้อ พี่เพิ่งอาบน้ำเสร็จเอง ไปรอที่ห้องอาหารเถอะ เดี๋ยวพี่ก็ลงไปแล้วล่ะ” ร่างบางตะโกนกลับหลังจากออกมาจากห้องน้ำ และเพิ่งได้ยินเสียงน้องชายของตนเรียก
“ครับ” ว่าเสียงฝีเท้าก็ดังขึ้น และเริ่มเบาลงเรื่อยๆ แสดงถึงการเดินออกไป
แสงแดดสาดส่องเข้ามาภายในห้องที่ถูกจัดสรรอย่างเป็นระเบียบ ห้องสีครีมอ่อนจนออกขาวมีบุคคลนอนอยู่บนเตียงนุ่มสีขาว เมื่อแสงอรุณสาดส่องเข้ามาถึงร่างที่นอนขดตัวอยู่ในผ้าห่มผืนหนาก็กระพริบตาสองสามทีก่อนจะปรือนัยน์ตาขึ้นรับแสงยามเช้า
“อืม...” เสียงครางในลำคอดังขึ้นก่อนที่เจ้าของร่างจะพาตัวเองลุกขึ้น ทำภารกิจส่วนตัวยามเช้า
เวลาผ่านไปไม่นานนักร่างสูงแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยก็เดินลงไปตามบันไดของตัวบ้าน และต้องพบกับพ่อของตนเข้า
“พ่ออรุณสวัสดิ์ครับ” ชายหนุ่มทักทายพร้อมรอยยิ้มเช่นทุกวัน
ชายวัยกลางหันมาใบหน้าที่ริ้วรอยที่บ่งบอกถึงอายุได้ประมาณสี่สิบกว่าปีเกือบๆห้าสิบปีได้ “ไง เจ้าพลตื่นแต่เช้าเชียวนะ ป้าน้ำบอกว่าแกกลับมาดึกนี่ ตื่นซะเช้าเดี๋ยวก็ง่วงเอาหรอก”
“โธ่ พ่อครับ ผมก็ไม่ได้ง่วงอะไรนี่ครับ ว่าแต่ตอนเช้ามีประชุมนี่ครับ พ่อทานข้าวกันเถอะ” ชายหนุ่มเอ่ยชักชวนพ่อที่นั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นอ่านหนังสือพิมพ์อยู่
“ไปสิ เจ้าพลแกนี่นะ ตั้งแต่แม่เสียไปแกก็เปลี่ยนไป เริ่มรู้จักช่วยเหลือตัวเองได้” สิทธิ์ หรือสิทธิศักดิ์ ผู้เป็นพ่อเอ่ยนึกถึงอดีตที่ผ่านมานานหลายปี
“พ่อครับ เรื่องอดีตช่างมันเถอะ ที่ผมเปลี่ยนไปเพราะผมคิดได้น่ะสิครับ ว่าผมต้องมุ่งทำงาน”
“แกนี่น้า มุ่งแต่งานเดี๋ยวก็โสดไม่มีแฟนหรอก” ว่าแล้วก็หัวเราะ
“โห่ พ่อครับถึงผมจะมุ่งแต่งานยังไงซะผมก็ต้องหาคู่ครองให้ได้ล่ะครับ” ไม่ว่าเปล่ายังทำน้ำเสียงทะเล้นทีเล่นทีจริงเล่นตาประสาพ่อลูก
“คุณชาย คุณพลคะ ทานข้าวเช้าได้แล้วค่ะ” เสียงที่ดังขัดขึ้นของป้าน้ำ เรียกให้ชายทั้งสองหันไปพยักหน้าก่อนลุกขึ้นเดินไปห้องอาหาร
อาคารสูงสามสิบชั้นตั้งตงาดอยู่ตั้งหน้าก่อนที่คนขับรถจะเลี้ยวเข้าไปจอดที่ประตูหน้าทางเข้าบริษัท และตามมาด้วยรถอีกคันของรองประธานบริษัท ประตูรถเปิดผางออกเผยอให้เห็นผู้นั่งอยู่ในรถเป็นเพียงชายหนุ่มร่างเล็ก ก้าวออกจากรถด้วยทีท่าที่งดงาม และเมื่อประตูรถปิดลงรถก็ขับออกไปจอดประจำที่ลานจอดรถ รถของรองประธานประตูเปิดผางออกในเวลาต่อมา ชายร่างสูงใบหน้าคมคายค่อยเดินออกมาอย่างสง่างาม และเดินตรงไปหาพี่ชายของตนทันที
“พี่ครับ เดี๋ยวประธานบริษัทและรองประธานของบริษัทวชิวรรณรงค์ จะมาเข้าประชุมด้วย พี่ไปเตรียมตัวนะครับ” น้องชายที่ทุกวันนี้ทำหน้าที่เหมือนเลขาประจำตัวยังไงยังงั้นเอ่ยขึ้น เขาเพียงแค่พยักหน้าก่อนจะเดินตรงเข้าบริษัททันที
ตึกนี้ถูกจัดแบ่งเป็นสั-ดส่วน ตั้งแต่ชั้นแรกขึ้นไปถึงชั้นที่ยี่สิบเป็นที่สำหรับพนักงานตามแผนกต่างๆ ส่วนชั้นที่ยี่สิบเอ็ดถึงชั้นที่ยี่สิบห้าสำหรับแขกที่มาติดต่องาน ชั้นที่ยี่สิบหกถึงชั้นที่ยี่สิบแปดนั้นสำหรับห้องประชุมทั้งใหญ่และเล็ก ชั้นยี่สิบเก้าสำหรับรองประธานทั้งชั้น และเลขาส่วนตัวอีกสามคน ซึ่งมีห้องพักส่วนตัวด้วย และชั้นที่สามสิบสำหรับประธานโดยเฉพาะ และเลขาส่วนตัวอีกสามคน และห้องพักส่วนตัวด้วยเช่นกัน
เอี๊ยด!
เสียงรถเบนซ์ที่ดำคันหรูจอดนิ่งที่ประตูทางเข้าบริษัทธรรมจิตเจริญ ไม่นานนักประตูรถเปิดผางออกหนุ่มร่างสูงลุกขึ้นจากเบาะในรถ และเดินออกมาพร้อมกับยื่นมือไปช่วยใครอีกคนในรถให้ลุกขึ้น และอีกไม่นานก็ปรากฏร่างของชายวัยกลางลุกขึ้นมาและประตูก็ปิดลงเกือบทันทีที่ชายวัยกลางเดินออกห่างจากรถ และทั้งสองก็เดินเข้าบริษัทไป และตามด้วยเลขาส่วนตัวอีกสามคน
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ตอนที่ 2 จวนจะเสร็จแล้วนะครับ รอสักนิด เพราะผมกะนู๋แอสคิดกันไม่ออกอ่ะครับ
รู้สึกว่าจะงอนผมด้วย เหอๆ รอไปก่อนนะครับ
                                                                                                        Ac\' & As\'
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น