ตอนที่ 8 : 6. Beauty and the Beast
Beast ขี้สงสัย 555 น่าสงสารจังเลย (แต่น่ารัก)
6. Beauty and the Beast
ผมบอกเธอว่าจะไปใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อยก่อน เธอนั่งรอผมอยู่ที่เดิมไม่ขยับเขยื่อนไปไหนราวกับตุ๊กตาตั้งโต๊ะ คราวนี้ผมนำกล่องปฐมพยาบาลของตัวเองออกมาด้วย สิ่งที่ผมไม่เคยแตะเลยตั้งแต่ย้ายมาอยู่ที่นี่ แค่เก็บไว้ในกรณีฉุกเฉินเท่านั้น ผมนั่งลงข้างเกริดาแล้วหันหน้าเข้าหาเธอ
“คุณดื่มจัดรึเปล่าคะ ถึงสู้เขาไม่ได้” เธอถาม มันยิ่งชัดเจนมากยิ่งขึ้น เธอรับรู้หมดทุกอย่าง ออทัมคงจะเล่าให้เธอฟัง
“ผมสู้ใครไม่ค่อยเก่งเรื่องใช้กำลังเว้นเสียแต่ว่า...” ผมมองดูลำคอของเกริดาที่ยังมีคิสมาร์กของผมประทับอยู่ เธอน่าจะเห็นมันด้วยแล้วเช่นกัน
“เว้นอะไรคะ” เธอถามขณะเปิดฝากล่องปฐมพยาบาลขึ้น
“ไม่มีอะไร” อันที่จริงผมอยากจะบอกว่า สิ่งที่ผมสู้ได้มีแค่การลากผู้หญิงขึ้นเตียงเท่านั้น แม้ว่าเกริดาจะไม่ได้แสดงท่าทีเป็นไก่ตื่น แต่ผมไม่อยากทำเสียแผน ตอนนี้ถือเป็นโอกาสสำคัญแล้วที่ผมจะต้องฉวยเอาไว้
เกริดานั่งอ่านยาฆ่าเชื้ออย่างขมักเขม้น คิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากัน เธอพลิกขวดเพื่อตรวจสอบวันหมดอายุของยา จากนั้นก็พึมพำอยู่คนเดียวว่ายาตัวไหนใช้ได้ วางพวกมันไว้ข้างๆ กล่องปฐมพยาบาลแล้วเตรียมผ้าก็อซออกมาตัดพับเป็นแผ่นเล็กๆ ใช้อุปกรณ์หนักๆ ตัวอื่นวางทับไว้ไม่ให้มันคลาย จากนั้นก็ใช้สำลีชุบยาฆ่าเชื้อมาเช็ดบาดแผลบริเวณหน้าผากให้ผมอย่างเบามือ
“อดทนหน่อยนะคะ เพราะอาจจะแสบอยู่เหมือนกัน แต่ตัวนี้น่าจะอ่อนสุดแล้วสำหรับผิวหน้า”
“ผมไม่ใช่เด็กแล้วนะ ผมรู้ว่าต้องอดทนเวลาล้างแผลน่ะ”
“ไม่อยากให้คุณคิดว่าฉันจงใจทำให้คุณเจ็บปวดนี่คะ” เธอบอก ส่งยิ้มให้ผม
“หึ” ผมถอนหายใจออกมาเบาๆ ไม่ใช่เพราะรำคาญ แต่มีอะไรบางอย่างในการกระทำที่อ่อนโยนของเธอทำให้ผมไม่เข้าใจความรู้สึกของตัวเองในตอนนี้ เหมือนมีความอบอุ่นที่หาได้จากการกระทำของเธอ ทำให้ผมปรารถนาเธอมากยิ่งขึ้น
ผมไม่ได้ตกหลุมรักเธอใช่ไหม ผมรู้ว่าตัวเองอาจจะผิดปรกติในเรื่องนี้อยู่บ้าง เพราะผมตกหลุมรักผู้หญิงง่าย ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ทว่าผมไม่ได้ตั้งใจจะตกหลุมรักเกริดาสักหน่อย ให้ตายเถอะ...มันก็แค่การตกหลุมรัก ไม่ได้มีความสำคัญเท่าคำว่า ‘รัก’ เลยด้วยซ้ำ แล้วผมจะมานั่งคิดให้มันยุ่งยากทำไม เป้าหมายของผมคืนทำให้เธอกลายมาเป็นของผมไม่ใช่เหรอ
“คุณกินอะไรมารึยัง” ผมถามขึ้น มองผ่านช่องระหว่างมือไปยังใบหน้าของเธอที่ตอนนี้หยุดชะงัก ดวงตาคู่นั้นตวัดมามองผมก่อนเธอจะค่อยๆ ลดมือลงต่ำ
“แค่อาหารเช้าค่ะ” เธอบอกแล้วหันไปหยิบผ้าก็อซอีกอันขึ้นมา แปะแผลบนโหนกแก้มผมเบา
“ปวดหัวจากการดื่มรึเปล่า”
“ไม่เท่าไหร่ค่ะ หากฉันนอนหลับไปเต็มที่ก็จะไม่ปวดค่ะ”
“จะอยู่กินอะไรกับผมก่อนไหม”
“อันที่จริงฉันต้องรีบกลับ...” เธออธิบาย ผมมองเธอหน้านิ่ง เกริดาปิดปากลงชั่วคราวโดยไม่ละสายตาไปจากผม “...ก็ดีค่ะ เริ่มรู้สึกหิวแล้วเหมือนกัน”
“แต่ผมต้องทำก่อน” ผมบอกเธอ
“คุณทำอาหารได้เหรอคะ”
“ได้สิ...” ผมนึกถึงครั้งแรกที่ผมเข้าครัวพร้อมกับคุณพ่อ ตอนนั้นผมอายุแค่เจ็ดขวบ และสนใจทุกสิ่งทุกอย่างที่พ่อผมทำ สิ่งง่ายๆ ที่ผมทำได้ในตอนนั้นคือการผสมน้ำสลัด เมื่อโตขึ้นมาหน่อยพ่อผมจึงอนุญาตให้ใช้ทำอาหารบนเตาเป็นครั้งแรกโดยมีท่านคอยควบคุม
“คุณมักมีเรื่องให้ฉันแปลกใจอยู่เรื่อยเลย” เธอยิ้มเหมือนชื่นชม นี่เธอลืมไปแล้วรึไงว่าผมเกือบจะทำให้เธอต้องเสียสาวไปตั้งแต่เมื่อคืน ผมจะถือว่านี่เป็นข้อดีสำหรับผมก็แล้วกัน
“น่าเสียดายที่เรื่องน่าแปลกใจบางเรื่องผมไม่สามารถสานต่อจนสำเร็จให้คุณรู้สึกถึงหรือสัมผัสได้” ผมบอกเธอ ใบหน้าของเกริดาเจือนรอยยิ้มเล็กน้อย แสดงว่าเธอเข้าใจว่าผมหมายถึงอะไร ทำไมผมรู้สึกหงุดหงิดอย่างนี้นะ หงุดหงิดที่เอ่ยประโยคนั้นออกไป “การที่ผมทำอาหารได้เป็นเรื่องแปลกนักรึไง”
“เปล่าค่ะ ฉันแค่ไม่คิดว่าคุณจะทำเท่านั้น คุณไม่เหมือนผู้ชายที่จะขลุกอยู่ในครัว”
“หน้าผมคงเหมือนผู้ชายที่ชอบใช้เวลาขลุกอยู่ในห้องนอนทั้งวันทั้งคืนสินะ”
“ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นนะคะเอ็ดเวิร์ด” เกริดายกมือขึ้นมากุมคอบริเวณที่เคยถูกผมจูบแล้วรีบเอาออกทันทีที่สังเกตเห็นว่าสายตาผมมองตามมือของเธอไป “ฉันแค่รู้สึกเหมือนกับว่าคุณเหมาะที่จะเป็นนักเขียนมากก็เท่านั้น”
“คุณเอาอะไรมาตัดสินว่าผมเหมาะที่จะเป็นนักเขียน” ผมถาม นึกประหลาดใจขึ้นมา น้อยคนนักที่จะทักผมแบบนี้
“ความรู้สึกของฉันบอกเอาไว้แบบนั้นค่ะ” เธอเอียงหัวพลางหรี่ตามองราวกับกำลังพิจารณาใบหน้าของผม “อยากอ่านผลงานของคุณจังเลยค่ะ”
“ผมไม่ได้เขียนอะไรทั้งนั้นนอกจากงานส่งมหาวิทยาลัย”
“ฉันอ่านได้ไหมคะ” เธอถามกระตือรือร้น
“คุณชอบอ่านรึไง” ผมถาม
“มากในระดับหนึ่ง แต่ตอนนี้ฉันแค่มีความรู้สึกแปลกๆ ว่าคุณจะทำอะไรพวกนี้ เลยอยากอ่านผลงานของคุณ”
“งั้นคุณก็รออ่านข่าวในนิตยาสารท้องถิ่นแล้วกัน” ผมแนะนำ “งานชิ้นแรกของผมน่าจะลงวันศุกร์นี้หากผมส่งงานทันในวันพรุ่งนี้ แต่ผมยังทำงานไม่เสร็จ”
“หากว่าฉันรบกวนคุณเกินไป ฉันไม่กินอาหารที่นี่ก็ได้นะคะ คุณจะได้ไม่ต้องทำ”
“ผมไม่ได้ลำบากทำเพื่อคุณคนเดียวสักหน่อย คุณนั่งอยู่นี่แหละ ผมทำไม่นานหรอก” ผมบอกเธอ จากนั้นก็เข้าไปในครัว จัดการต้มมันฝรั่ง แล้วรื้อเนื้อหมูออกมาสองชิ้น ใช้ที่ทุบเนื้อทุบจนทั่วก่อนปรุงเครื่องแล้วชุบด้วยไข่และแป้ง นำไปทอดบนกระทะที่ตั้งเตาไว้ เนื้อหมูชนิทเซิล(Schnitzel)สุกพร้อมกับมันฝรั่งพอดี ผมตักมันออกมาวางไว้บนจาน แล้วรีบจัดการกับมั่นฝรั่ง โดยการนำมาหั่นเป็นชิ้นขนาดพอเหมาะ ผสมน้ำสลัดราดพลางคลุกเคล้าคนเจ้ากัน อาหารมื้อเที่ยงแบบรวดเร็วที่สุดก็เสร็จสรรพพร้อมเสิร์ฟ
เมื่อผมยกจานออกมาเพื่อจะนำไปวางบนโต๊ะกินข้าวในห้องที่ถัดจากห้องโถงไป ก็เหลือบไปเห็นร่างบางนอนราบไปกับโซฟาที่เธอนั่งเมื่อก่อนหน้านั้นเรียบร้อยแล้ว โดยที่อุปกรณ์ปฐมพยาบาลถูกเก็บใส่กล่องอย่างไม่ขาดตกบกพร่องด้วยเช่นกัน ผมหยุดมองอยู่ครู่หนึ่ง แล้วผ่านเธอไปเพื่อนำของไปวาง เสร็จแล้วก็ย้อนกลับมานั่งลงเบื้องหน้าเกริดา
“ท่าทางคุณจะไม่ถูกกับแอลกอฮอล์มากเสียด้วย ถึงกับหลับได้ในถ้ำเสือโดยไม่ห่วงชีวิตตัวเองแบบนี้ แต่จะว่าอะไรกับฤทธิ์แอลกอฮอล์ ปรกติแล้วคุณเองก็ไม่ค่อยจะระวังตัวอยู่แล้วใช่ไหม เกริดา”
คิ้วสวยขมวดเข้าหากัน เปลือกตาของเธอขยับเหมือนจะเปิดขึ้น แต่กลับปิดแน่นกว่าเดิม ผมกวาดตามองดูเรือนร่างของเธอ เอวที่คอดกิ่ว การนอนตะแคงข้างช่วยเน้นให้เห็นสะโพกสวยๆ ของเธอได้อย่างชัดเจน เรียวขาเนียนเรียบที่ผมได้สัมผัสมาแล้ว เมื่อเอื้อมมือไปปัดผมออกจากคอเธอเบาๆ รอยจูบที่ถูกซ่อนไว้ก็เผยให้เห็นเด่นชัด ทำให้ผมนึกถึงรสชาติหอมหวานที่ติดอยู่ในปากและปลายลิ้น
ผมโน้มตัวเขาหาเธอ อ้อยอิ่งอยู่บริเวณใบหน้า กำลังคิดว่าจะจูบเธอดีไหม เกริดาขยับเล็กน้อยเหมือนจงใจเชิดหน้าขึ้นรอรับจูบจากผมโดยเฉพาะ ทว่าเธอดันหลับตาพริ้มอย่างสงบสุขเหมือนเด็กเล็ก กลิ่นหอมที่อยู่บนตัวเธอคราวนี้แตกต่างไปจากทุกครั้ง ผมนึกแปลกใจแต่ก็พอคิดได้ว่าหากเมื่อคืนเธอโดนอุ้มไปเสียขนาดนั้น เธอคงจะไปอยู่กับออทัมมาทั้งคืน เนื่องจากว่าเธอคงไม่มีกุญแจสำรองอื่นเพื่อเข้าไปบ้านอย่างแน่นอน ไม่เช่นนั่นเธอคงไม่กลับมาที่ ที่สำคัญเกริดาเกือบจะมาตัวเปล่า หากไม่นับว่าเธอยังสวมอะไรมาอยู่
“เอ็ดเวิร์ด” เสียงเล็กครางเรียกชื่อผมเบาๆ มันเซ็กซี่เสียผมอยากจะกระโดดขึ้นไปอยู่บนตัวเธอ ทว่าผมกลับตวัดสายตาจากสะโพกมามองหน้าและสบตาเกริดาแทน ริมฝีปากเล็กเผยอเล็กน้อย ยั่วยวนผมให้อยากจะลิ้มลองจริงๆ แล้วผมก็หยุดตัวเองไม่ได้
ผมค้ำมือกับโซฟา เหนือบริเวณหน้าอกเธอเป็นการล็อกเอาไว้ในตัว ทว่าเกริดาไม่ได้พยายามหนี จากนั้นผมก็จูบเธออย่างนุ่มนวลแผ่วเบา มันอบอุ่นแตกต่างจากเมื่อคืนจริงๆ เมื่อรู้สึกได้ว่าเกริดารับจูบผมตอบกลับมา...อย่างเต็มใจ ผมเลื่อนมือมาดันหลังเธอ ให้ร่างนั่นขยับเข้ามาใกล้ตัวผมกว่าเดิม รู้สึกได้ถึงข้อมือเล็กที่คั่นระหว่างตัวเราสองคน นั่นทำให้ผมรู้สึกเสียดายอยู่ไม่น้อย เพราะผมอยากรู้สึกได้มากกว่านั้น อยากรู้สึกถึงส่วนเว้าสวนโค้งบนตัวเกริดา อยากสัมผัสได้ด้วยผิวหนังที่ปราศจากเสื้อ อยากกอดรัดเธอเอาไว้ หรือแม้แต่รู้ว่าจะรู้สึกยังไงหากเรากลายเป็นหนึ่งเดียวกัน
“เอ็ด...” เสียงเล็กพูดได้แค่นั้นผมก็ก้มลงจูบเธอต่อ จนกระทั่งเจ้าตัวไม่พยายามพูดอะไรอีกเลย
“ลงโทษที่คุณหลับไปแล้วปล่อยให้ผมรอรับประทานอาหาร ผมบอกคุณแล้วใช่ไหมว่าผมหิว” ผมบอกเธอ เกริดาหลบตาผมราวกับกำลังคิดอะไรแล้วเงยหน้าขึ้นมอง
“คะ ฉันไม่รู้ว่าตัวเองหลับไปนานแค่ไหน”
“ช่างมันเป็นไรว่าคุณหลับไปนานแค่ไหน ผมประทับใจการตอบสนองของคุณเมื่อครู่นี้มากจนอยากจะให้อภัยคุณทั้งหมดเลย” ผมรู้สึกแบบนั้นจริงๆ
“ก็คุณลงโทษฉันไปแล้วนี่คะ ก็ต้องให้อภัยด้วยสิ” เธอทวงตาแป๋ว
“อย่างนั้นเหรอ” ผมสอดแขนไปใต้ลำตัว อุ้มเธอให้ลุกขึ้นพร้อมกับผม
“ค่ะ” เกริดาค่อยๆ หย่อนขาลงจากโซฟา จัดแจงตัวเองให้ดูเรียบร้อย ผมมองดูความพยายามของเธอ เป็นภาพที่ให้ความรู้สึกแตกต่างออกไปจากเวลาที่ผมทอดมองอลิเซีย อลิเซียจะลุกจากที่นอนหรือเตียงด้วยท่าทางกระฉับกระเฉงเซ็กซี่ ทว่าเกริดาจะลุกออกจากที่ๆ เธอเคยนอนอย่างละเอียด นุ่มนวล สมกับบุคลิกของเธอ และก็ไม่น่าเชื่อด้วยว่า ผมกำลังรู้สึกชื่นชอบการนั่งสังเกตพฤติกรรมของเกริดา
เธอเลื่อนตัวลงมานั่งกับพื้น ใช้มือจัดหมอนให้เข้าที่เข้าทาง ปัดโซฟาที่เคยมีรอยนอนทับจนกระทั่งพื้นที่สูงในระดับเดียวกัน ผมของเธอยุ่งเหยิงพันกันเล็กน้อยด้านหลัง ผมจึงเอื้อมมือไปจัดการกับมันอย่างระมัดระวังและเบามือที่สุด เกริดาหันมามองผมหน้านิ่ง ดวงตาของเธอฉายแววฉงน
“ขอบคุณค่ะ หัวฉันคงยุ่งมากเลยสินะ” เธอยิ้ม ผมส่ายหน้าเป็นคำตอบ
“ผมแค่คิดว่ามันน่าจะถูกจัดให้ดูเข้าที่เข้าทางมากกว่านี้” ผมหรี่ตามองเธอ คิดว่าตัวเธอเองก็น่าจะถูกจัดให้เข้าที่เข้าทางกว่านี้ด้วยเช่นกัน
“ฉันจะพยายามนะคะ” เธอทำแบบนั้นจริงๆ พยายามจะใช้นิ้วสางผมให้เข้าที่เข้าทาง แล้วเก็บทุกเส้นผมที่ร่วงลงสู่พื้น ถามผมว่าเธอจะนำไปทิ้งได้ที่ไหนบ้าง
ผมบอกจะจัดการให้ เกริดาแสดงสีหน้าลังเลแต่ก็ส่งมันให้ผมแต่โดยดี ผมจึงบอกเธอไปนั่งโต๊ะรอ เมื่อทิ้งผมของเกริดาไปแล้วจึงย้อนกลับมานั่งฝั่งตรงข้าม มองดูเรือนผมอ่อนนุ่มของเกริดา คิดถึงครั้งสุดท้ายที่ผมได้อยู่ใกล้ชิดแม่มากที่สุดจนสามารถรู้สึกได้ว่าผมของท่านอ่อนนุ่มน่าหลงใหลขนาดไหน ตอนนั้นผมอายุแค่ห้าขวบ ความทรงจำเกี่ยวกับความใกล้ชิดเพียงอย่างเดียวที่หลงเหลืออยู่ จากนั้นก็ไม่มีอีกเลย มันอาจจะเกิดขึ้นหลายหนก็ได้ ทว่าผมไม่สามารถจดจำอะไรดีๆ เกี่ยวกับท่านได้มากนักหลังจากที่ผมได้เห็นแต่สิ่งเลวร้ายที่ท่านทำต่อสภาพจิตใจของเด็กผู้ชายผู้ขึ้นชื่อว่าลูกของเธอคนหนึ่ง
“ไว้วันหลังฉันจะเอาชาแก้ช้ำในมาหยอดไว้ในตู้จดหมายนะคะ ฉันไม่รู้ว่าร่างกายของคุณในส่วนที่ถูกไมเคิลต่อยจะช้ำในรึเปล่า” เมื่อเกริดาพูดออกมาแบบนั้นผมก็ตื่นจากความคิดทันที
“คุณเป็นห่วงผมขนาดนั้นเลยรึไง” ผมถาม ลึกๆ ปรารถนาอยากได้ยินแบบนั้นจริงๆ การมีใครสักคนที่เป็นห่วงเรามันดีไม่ใช่เหรอ
“ฉันไม่ต้องการให้ใครต้องมาบาดเจ็บเดือดร้อนเพียงเพราะฉันเป็นตัวต้นปัญหา” เธอบอก
ผมกัดฟันแน่น ที่เธอทำไปได้อย่างมากก็คงจะมีแค่ความใจดีกับกลัวคนอื่นเดือดร้อนเพราะเธอเท่านั้น แม้ส่วนหนึ่งจะทำให้ผมหงุดหงิดจนอยากจะกระชากเธอขึ้นเตียงเสียเดียวนี้เลย แต่ว่าความดีของเธอนี่แหละที่หยุดผมเอาไว้ เธอทำให้ผมรู้สึกว่าบางครั้งนั่นอาจจะไม่ใช่สิ่งที่ผมต้องการจริงๆ ก็ได้ การมีอะไรกับเกริดา...เพื่อแสดงให้อลิเซียเห็นว่าผมอยู่ได้โดยไม่มีเธอ ซึ่งแม้ว่าผมจะเริ่มอยู่ได้โดยปราศจากอลิเซียก็จริงในตอนนี้ ทว่าผมเริ่มถามตัวเองแล้วว่า ไม่ใช่เพราะออทัมหรอกเหรอ ที่ทำให้ผมว้าวุ่นจนแทบจะไม่นึกถึงอลิเซีย ไม่ใช่เพราะเกริดาหรอกเหรอ ที่ทำให้ผมได้เห็นมุมที่แตกต่างออกไปของผู้หญิง แต่ใครจะไปรู้ เธออาจจะเป็นงูพิษในคราบนางฟ้าก็ได้ ผมไม่ควรจะใจอ่อนเพราะการกระทำของเธอ ผมรู้ว่าจุดอ่อนของตัวเองคือสามารถหลงใหลผู้หญิงคนหนึ่งได้จนหัวปักหัวปำ มันจะต้องไม่เกิดขึ้นอีก
“คุณรู้ว่าผมมีส่วนทำให้ปัญหามันเกิดขึ้นด้วย” ผมเกริ่นเรื่อง เกริดาเบิกตากว้าง ตกประหม่า “คุณรู้ว่าผมจะทำอะไรคุณ คุณคิดอะไรอยู่...เกริดา ทำไมคุณไม่กลัว”
“ฉันกลัวคุณ” เธอสารภาพ กลืนน้ำลายด้วยท่าทางยากลำบาก ผมคิดว่าอย่างน้อยเธอก็พูดจาตรงดี
“ทำไมถึงยังกล้ามาที่นี่”
“กุญแจบ้านฉันอยู่ในกระเป๋าเสื้อค่ะเอ็ดเวิร์ด ฉันเข้าบ้านไม่ได้ถ้าไม่มีกุญแจ”
นี่ผมพยายามจะคาดคั้นอะไรจากเธอ ผมอยากฟังอะไรกันแน่ ถ้าเธอได้กุญแจบ้านไปแล้วไอ้การจูบเมื่อครู่นี้ก็จะไม่มีความหมายใช่ไหม
“งั้นคุณก็รีบกินแล้วก็รีบกลับไปเสียเถอะ” ก่อนที่ผมจะหัวเสียไปมากกว่านี้จนไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป ถึงจะต้องการเธอขนาดไหนวันนี้ผมก็ไม่ได้มีเวลามากพอสำหรับเรื่องแบบนั้น
เกริดาก้มหน้ารับประทานอาหารของผมอย่างว่าง่าย เธอเอ่ยปากชมด้วยท่าทางร่าเริงสดใสตามสไตล์ของเธอ ขณะที่ผมต้องสะกดอารมณ์เอาไว้
“รองจากฝีมือการทำอาหารของไดม่อนกับออทัมแล้ว นี่ต้องเป็นสลัดมันฝรั่งที่อร่อยที่สุดเท่าที่ฉันเคยกินมาเลยค่ะ น่าเสียดายเหมือนกันที่เมื่อเช้านี้ฉันไม่สามารถกินอาหารที่พวกเขาสองคนทำได้ เพราะยังรู้สึกไม่ค่อยดีอยู่ ก็เลย...” เธอหยุดชะงัก “...ขอโทษค่ะ”
“เรื่องอะไร” ผมถาม “จะขอโทษที่คุณเป็นเพื่อนพวกเขาแล้วพูดชื่นชมพวกเขาต่อหน้าผมอย่างนั้นเหรอ”
เท่าที่ฟังเกริดาเล่า ผมก็มองออกทันทีว่าพวกเขาอยู่ด้วยกัน และดูเหมือนว่าพวกเขาจะอยากปกป้องเกริดาจากผมเสียเหลือเกิน น่าเสียดายที่พวกเขาอาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอมาที่นี่หลังจากได้รับความช่วยเหลือจากพวกเขา เธอเดินเข้ามาหาผมเองถึงบ้าน
“ฉันรู้ว่าคุณชอบเธอ เรื่องแบบนี้อาจจะกระทบจิตใจคุณได้” เธอเม้มริมฝีปากแน่น
“ผมอาจเปลี่ยนความคิดไปแล้วก็ได้ คุณก็รู้สึกได้นี่ว่าเราจูบกันอย่างดูดดื่มขนาดไหน คุณก็จูบผมตอบไม่ใช่เหรอ”
เกริดาหน้าแดงก่ำ มือที่จับมีดและส้อมเมื่อก่อนหน้านี้ปล่อยทั้งสองอย่างให้หลุดลงข้างๆ แล้วเธอก็คว้ามันขึ้นมา
“ใช่ค่ะ” เธอยอมรับ เม้มริมฝีปากแน่น “ฉันตอบสนองจูบของคุณ”
“กินอาหารต่อเถอะ ผมไม่อยากคุยเรื่องของพวกเขาตอนนี้” มันริแต่จะทำให้ผมหัวเสียเปล่าๆ ที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือ ตอนนี้ผมสงสัยความคิดของเกริดาเสียมากกว่า
เกริดารับประทานอาหารในจานที่ผมเป็นคนตักให้จนเกลี้ยง สมกับที่เธอเอ่ยปากชมว่ามันอร่อยขนาดไหน ส่วนผมสิรับประทานอาหารของตัวเองไม่ค่อยลงตั้งแต่ได้ยินเรื่องของออทัมและไดม่อน ผมจึงหยุดแล้วเก็บของกลับเข้าไปในครัว เธอเสนอจะมาล้างจานช่วยแต่ผมบอกเธอว่าไม่จำเป็น จากนั้นผมก็บอกว่าจะพาเธอกลับบ้านเอง ตอนแรกเธอตั้งท่าว่าจะปฏิเสธ แต่กลับตอบตกลงอย่างว่าง่ายเมื่อผมจ้องเธอจริงจังตอนที่บอกกับเธอไปว่า ‘หากผมขับรถไปส่งเธอจะถึงบ้านไวกว่านะ’
“ขอบคุณนะคะเอ็ดเวิร์ด” เธอหันมาบอกตอนที่ผมจอดรถไว้หน้าบ้านเธอ
“วันศุกร์ที่จะถึงนี้คุณว่างรึเปล่า” ผมถาม
“ฉันยังไม่แน่ใจค่ะ ต้องดูปฏิทินก่อน มีอะไรเหรอคะ”
“ผมจะชวนออกไปกินข้าวนอกบ้าน” ผมตอบ “ผมยังรอคำตอบจากคุณอยู่นะ เรื่องที่ผมถามเอาไว้เมื่อคืน”
“แล้วฉันจะโทรกลับไปบอกนะคะว่าว่างรึเปล่า ลาก่อนค่ะเอ็ดเวิร์ด” เกริดายิ้มให้แล้วปิดประตูลง
ผมนั่งมองดูเธอเดินเข้าบ้านไปพลางนึกถามตัวเองว่าผมบ้ารึเปล่าที่คอยตามเธอแบบเรียบง่ายโดยไม่มีอะไรเกินเลยไปกว่าการจูบและสัมผัสเป็นระยะเวลานานร่วมสองเกือบจะสามอาทิตย์ ผมต้องการรู้คำตอบจากปากเธอด้วยเช่นกันว่าเธอจะตอบตกลงรึปฏิเสธ
อนาคินปกออกแล้วค่ะ
http://www.facebook.com/album.php?aid=26331&id=127991307270262#!/photo.php?fbid=134390449963681&pid=214655&id=127991307270262
แต่สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
http://my.dek-d.com/sandee-publish
ใครเล่นเฟสบุ๊คสนใจติดตามรายละเอียดที่นั่นได้ที่
http://www.facebook.com/pages/สำนักพิมพ์แสนดี/127991307270262
สามารถพบกับนิยายของแสนดีได้ที่บูธ V10 โซนพลาซ่า ตรงข้ามกับบูธซีเอ็ด วันที่ 25 มีนาคม ถึง 6 เมษายน พ.ศ. 2554 ค่ะ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

กร๊าก มันตื่นเองนะ ก็เลยมา>O<
เอ็ดก็ยังปันป่วนหัวใจหนูอีกแล้ว
เดี๋ยวน่ารัก เดี๋ยวน่าฆ่าทิ้ง
ก็เลยเดี๋ยวรัก เดี๋ยวเกลียด(คงไม่ถึงขนาดเกลียดหรอกแค่หมันไส้มาก55)
รู้สึกเหมือนหัวใจตัวเองถูกทำร้ายเพราะเอ็ดเลย
เพราะคาดหวังว่าเขาจะไม่ทำ
แต่เขาทำ
ที่มันน่าเจ็บใจไปกว่านั้นก็คือ ไม่ว่าเอ็ดจะร้ายยังไงก็ยังรักอยู่ดี
เฮ้อ!
รักเอ็ดนะตัวเอง
แต่เค้าไม่สงสารเลยที่เอ็ดเวิร์ดเจ็บตัว
ปัจจุบันนี้เอ็ดน่าสงสารจริงๆนี้ถ้าไม่รู้ความคิดคงไม่สงสาร(แต่พอดีเป็นคนอ่านเลยรู้ 55+)
ยิ่งตอนคิดถึงช่วงเด็กๆยิ่งสงสาร เจอเหตุการณ์แบบนั้นเป็นใครก็คงรับไม่ได้
แล้วนี้แสดงว่าเกริดาเสร็จเอ็ดจอมหื่นแล้วใช่มัยเนี้ย แถมไม่เต็มใจอีก
สมควรละที่จะหนี้ไป ไม่งั้นเอ็ดคงไม่รู้ใจตัวเองสักที ชิชิ
เคืองแทนเกริดา แต่คิดภาพเอ็ดเป็นสุำภาพบุรุษไม่ออกอะ 555+
สงสัยชินกับความหื่น >0<
แหะๆ จริงๆแล้วความเห็นมันไม่ได้ยาวอะไรมากมายขนาดนั้นหรอกค่ะ ^^;
ที่เห็นเยอะๆนั่นคาดว่าแปรผันตรงมาจากนิสัยชอบพูดมากเป็นพิเศษ เหอๆๆ
เอ็ดสุดยอดดดด~~~
ถึงจะไม่ใช่คนไทยก็เถอะ
แต่สำหรับคนทั่วไปแล้วมันก็ยากมากกกกกก
ที่จะยอมรับสิ่งที่ตัวเองเห็น
ยิ่งกว่านั่นคือช่วงวัยรุ่นน่ะกำลังหัวเลี้ยวหัวต่อ
ไม่รุ้ว่าแม่เอ็ดคิดยังไงนะ ที่ทำแบบนั้น
แต่ถ้าเราเป็นเอ็ด เราก็ยอมรับไม่ได้
ไม่แปลกใจเลยที่พอเอ็ดเจอเหตุการณ์แบบนี้เข้าอีกครั้งแล้วยอมไม่ได้
ลองมาคิดๆดูว่าถ้าตัวเองเป็นเอ็ดตอนนั้นจะรู้สึกยังไง
นับถือเอ็ดมากที่ข่มความรู้สึกได้
เพราะถ้าเป็นตัวเองก็คงทำอะไรลงไปสักอย่าง
ที่จะทำให้ทุกอย่างแย่ลงกว่าเดิม
และคงไม่ยอมทนถึงครึ่งปีหรอก
เพราะความรู้สึกมันไม่เหมือนเดิม
อาจเป็นเพราะเราเป็นผู้หญิง แถมยังเป็นคนไทยมั้ง
ส่วนเหตุผลของพ่อเอ็ดที่นิ่งเฉย..
อาจเพราะรัก
หรือถ้าไม่อย่างนั้นคงเพราะอยากประคับประคองครอบครัวให้ตลอดรอดฝั่ง
หลังจากเคยแตกร้าวมาแล้วรอบนึงมั้ง?
อ่านตอนนี้แล้วรู้สึกว่าเอ็ดรักและผูกพันกับพ่อมากนะ
รู้สึกเหมือนทั้งคู่สนิทสนมและรู้จักกันดีราวกับอยู่ด้วยกัน
คงเป็นเพราะความเป็นพ่อ-ลูกที่เชื่อมโยงถึงกันอยู่ล่ะมั้ง?
ดีใจจจจจจจจจ~~~~
ที่ในที่สุดเอ็ดก็รู้สึกว่าตัวเองรักเกริดา
และรู้ตัวว่าสิ่งที่ตัวเองทำนั้นมันผิด
แถมยังต้องการความมั่นคงเพื่อตัวเองและเกริดาอีก
อ่านตอนนี้แล้วชอบประโยคนี้นะ
" พ่อไม่สามารถมอบความไว้วางใจให้กับบุคคลที่ไม่มีแม้แต่ความอดทนต่อคนรักของเขาเองได้ "
ชอบพ่อของเอ็ดมากกกก~
เป็นคนที่พยายามทำความเข้าใจทุกอย่างและมีเหตุผลสูง
แถมยังใจเย็นมาก
แม้จะแอบรู้สึกว่ามากเกินไปสำหรับเราก็เหอะ
(นี่อาจเป็นเหตุผลที่แม่ของเอ็ดลดความรุ้สึกที่มีต่อพ่อเอ็ดก็ได้นะ
บางครั้งอะไรดีๆที่มากเกินไปก็ไม่ไหวเหมือนกัน)
รู้สึกได้ว่าพ่อฉลาดและมีความคิด ประมาณว่ารอบคอบ
ชอบที่พ่อเอ็ดให้ลองทำงานดูก่อน
เหมือนมันจะบอกอะไรได้หลายๆอย่างนะ -0-
ปล. เรียกว่า "ไนซ์" ก็ได้ค่ะ ^^ (อันนี้คือชื่อเล่นจริงๆ)
แต่ยังน้อยไป=..=
รักแกมชังอย่างรุนแรงงงง
เพราะ ธันวาช๊อบบบบ แม่หนู เกริดา ม๊ากกมาก
ทำให้ พ่อเอ้ดเวริดที่ ทำร้ายน้องหนู ถูกหมั่นไส้
และโดนแมวบ้ารักแกด้วย คอมเม้น555555
เอ็ดทำตัวดีๆนะจ๊ะ
รักแม่หนูเกริดาเยอะ...ทำตัวน่ารักๆ
ชดเชยความน่าหมั่นไส้อย่างแรง จากเรื่องของออทัม
และเรื่องนี้!
จริงๆ เอ็ดก็ไม่ได้เลวร้ายมากนะ สามารถ หลงรักได้
แค่ เอ้ดทำร้าย เกริดา แสนดี TT'
ฮิฮิ
พี่นาตสู้ๆ
น่าฟัดมากกกกพี่นาต
ฟัดให้กระจายยเลยย
แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 8 มีนาคม 2554 / 11:27
ความหลังของเอ็ดเวิร์ดมีแต่ความเจ็บปวดTOT
แต่ก็ไม่ควรโกรธคุณพ่อเลยนะนายนะ คุณพอแสนดีขนาดนั้น
คุณแม่ต่อให้คิดแง่ไหน จะบอกว่าเธอมีเหตุผลที่ทำแบบนั้นเหรอ
ไม่มีเลย ร้ายกาจที่สุดเลยคุณแม่=..=
ปลาบปลื้มแทนเกริดา หญิงสาวแสนวิเศษ
รักเกริดามากสินะ>_<
ชอบเอ็ดบทนี้จัง น่ารัก>///<
อดใจรอตอนเอ็ดทำตัวเป็นสุภาพบุรุษไม่ไหวแล้ว
อ๊าย อยากเห็นมากๆๆ เลย>_<
ถึงตอนนั้นอาจมีอิจฉาริษยาเกริดา5555
เดอะบีสจะกลายเป็นเจ้าแล้วนะ>________<
ไม่อยากหลงรักแต่กอดหลงรักไม่ได้อยู่ดี
คำพูดคุณพ่อทำให้ค้างคาใจอย่างรุนแรงO_o
เอ็ดไปทำอะไรเกริดาไว้กันนนนนนน=..=
คืนนั้น คืนนั้น คืนนั้น คืนนั้น คืนไหนนนน??????
กร๊าก หน้าตาใสๆ ไร้เดียงสา หึ หึ
บทนี้ไม่หื่นจริงๆ นะ (จะสักเท่าไหร่เชียว)
นี่สาวๆ เห็นว่าไม่หื่นก็อย่าเพิ่งเดินหนีกันเซ่
แน่จริงมาอ่านต่อให้จบสิคะ (ท้าเสียเลย) 555
(นาตบ้าไปแล้ว) 555