Age Of War - นิยาย Age Of War : Dek-D.com - Writer
×

    Age Of War

    ดวงวิญญาณของเอรีสได้ถูกขโมยโดยเทพทั้งสาม เธอถูกทำให้ตื่นขึ้นในโลกแห่งสงครามที่ไร้อารยธรรม เพื่อการอยู่รอดของตัวเองและเพื่อนร่วมสายพันธุ์นับล้านชีวิต การสร้างสังคมมนุษย์นับแต่ยุคหินจึงได้เริ่มต้นขึ้น

    ผู้เข้าชมรวม

    9,307

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    56

    ผู้เข้าชมรวม


    9.3K

    ความคิดเห็น


    110

    คนติดตาม


    159
    หมวด :  สงคราม
    จำนวนตอน :  127 ตอน (จบแล้ว)
    อัปเดตล่าสุด :  8 ส.ค. 62 / 21:59 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    ปฐมบท


    ณ โลกแห่งความตาย

    เหล่าเทพเจ้าระดับล่างผู้เบื่อหน่าย ต่างกำลังเคลื่อนไหวร่างกายอย่างเชื่องช้า

    ทิวแถวของดวงวิญญาณ ต่างยังคงเข้าเรียงอย่างเป็นระบบระเบียบดั่งเช่นเคย

    ไม่มีวิญญาณตายดวงไหนจะโง่งมพอต่อต้านเหล่าผู้คุมที่เป็นเทพเหล่านี้

    ดังนั้นนี่จึงเป็นงานที่น่าเบื่อยิ่งนัก

    “ไม่มีอะไรสนุกให้ทำเลยดอกหรือ? ”

    เทพผู้ไร้หน้าได้เอยอย่างเลื่อนลอย

    “ดูโลกคนเป็นแก้เซ็งไหมละ? ”

    เทพผู้ไร้แขนอีกตนได้เสนอความเห็น

    “หรือว่าจะสร้างภัยพิบัติเล่นดี? ”

    เทพผู้ไร้ขาได้เสนออีกความเห็นด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม

    แต่เทพทั้งสามองค์กลับรู้สึกว่าไม่มีสิ่งใดในข้อเสนอเหล่านั้นที่น่าสนใจเลยสักนิด

    ระหว่างที่เทพไร้หน้าจ้องมองทิวแถวของดวงวิญญาณชั้นต่ำ เขาก็ได้ไอเดียบางอย่างขึ้นมา

    “พวกแกคิดว่าสิ่งมีชีวิตใดแข็งแกร่งที่สุดในจักรวาล? ”

    เป็นเทพไร้หน้าที่ยิงคำถามขึ้นมา

    “ข้าเองก็ไม่รู้”

    “งั้นพวกเรามาสร้างโลกจำลอง แล้วให้ไอดวงวิญญาณพวกนั้นมาทำสงครามเล่นกันดีไหม? ”

    “น่าสนใจดีนี่”

    แทพไร้ขาตอบรับเห็นด้วยกับความคิดนี้

    “เดียวเทพระดับสูงก็ได้เล่นงานพวกเราหรอก”

    แต่เทพไร้แขนรีบส่ายหัวอย่างหวาดกลัว

    “กลัวไปได้เอ็ง ดวงวิญญาณจากโลกคนตายมีนับพันล้านไม่อาจนับไหวจากทั่วทั้งจักรวาล พวกเราแค่หยิบสุ่มมาเผ่าละล้านดวงวิญญาณ แล้วสร้างโลกจำลองให้พวกมันทำสงครามเพื่อหาสุดยอดสิ่งมีชีวิตกันดีกว่า? ”

    “ใช่ ๆ ดึงสุ่มมาสักหกเผ่าพันธ์ุ ผู้ทรงปัญญาสอง ผู้เปี่ยมไปด้วยพลังสอง และผู้คงชีวิตได้ทุกสภาวะแวดล้อมอีกสองเป็นยังไงละ? ”

    “เออ ข้า…”

    ““น่าสนุกออก! ””


    ด้วยการรบเร้าของเทพทั้งสององค์ เลยทำให้เทพไร้แขนยอมรับข้อเสนอของเทพทั้งสอง

    พวกเขาได้หลบเลี่ยงสายตาของเทพระดับสูง

    ใช้อำนาจสร้างโลกจำลองขนาดเล็กขึ้นมา

    แสงสว่าง มายามิติ ธรรมชาติที่จำเป็นต่อชีวิต

    รวมไปถึงวางกฏเล็กน้อย เพื่อบีบบังคับให้ทั้งหกเผ่าที่พวกเขาสุ่มเลือก ต้องทำสงครามกันเอง

    เกิดแสงสว่างปกคลุมไปทั่วท้องฟ้า

    โลกที่มีรูปร่างแบนราบ และถูกสร้างมาอย่างหยาบได้ถือกำเนิดขึ้น

    คริสตั้นทั้งหกอันเป็นบ่อกำเนิดชีวิตของทั้งหกเผ่าได้ถูกวางรากฐานลงไปบนโลกนั้น

    ผืนทะเลได้ถูกจัดวางลงไปอย่างไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบ

    อากาศ อาหาร และสิ่งแวดล้อมจำเป็นได้ถูกสร้าง เพื่อให้เผ่าทั้งหกอาศัยอยู่ได้

    เผ่าทั้งหกได้ถูกเลือกสรรค์ แล้วส่งลงไปถือกำเนิด

    มอบร่างที่ไม่มีวันแก่ และคงรูปลักษณ์ในช่วงวัยที่เหมาะแก่การต่อสู้ให้พวกเขา

    มอบความทรงจำ เพื่อให้พวกเขารู้จักต่อสู้นับแต่ที่ก่อกำเนิด

    เพื่อไม่ให้เหล่าเทพระดับสูงรู้ เกิด แก่ เจ็บ ตาย จึงได้ถูกสร้างให้เป็นวัฐจักรปิดภายในโลกแห่งนี้

    ไม่มีซึ่งอวกาศ และกาลเวลาของโลกภายนอก

    เป็นเสมือนมิติที่แปลกแยกออกมาอย่างชัดเจน

    ไม่มีการถือกำเนิดของบุตร เพราะดวงวิญญาณที่ถูกฆ่าตาย จะก่อร่าง สร้างใหม่ด้วยคริสตั้นทั้งหกที่เทพไร้หน้า เทพไร้แขน และเทพไร้ขาได้รังสรรค์สร้างเอาไว้

    เพื่อให้เผ่าทั้งหกต้องเข่นฆ่าทำสงครามกัน เหล่าเทพทั้งสามจึงตั้งกฏอันน่ากลัวขึ้น


    หนึ่งคือการวางระบบทรัพยากรณ์

    แผ่นดินของโลกนี้ มิใช่ทรงกลม หากแต่เป็นโลกที่แบนราบ

    หากวิ่งออกนอกขอบเขตมิติ มันผู้นั้นจะถูกแรงดันมหาศาลบีบอัดจนตายลง

    และแต่ละเผ่าก็มีการกิน และความต้องการทรัพยากรณ์ที่แตกต่างกัน

    รวมไปถึงสภาพแวดล้อมของการดำรงชีพ

    เพราะแต่เดิมก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่มาจากดวงดาวที่ต่างกันอยู่แล้ว

    ดังนั้น หากใครครองดินแดนได้มาก พวกเขาก็จะมีทรัพยากรณ์ในการดำรงชีพมากตาม

    การแก่งแย่งจึงบังเกิด

    ไม่มีใครยอมให้เผ่าพันธุ์ตัวเองอดยากแร้นแค้นแน่นอน


    สองคือการกำหนดวันสิ้นโลก

    ดินแดนทั้งหกจะถูกแบ่งออกเป็นสัดส่วนเท่า ๆ กัน

    ทั้งแม่น้ำ อากาศ และหุบเขา

    แผ่นดิน ผืนป่า และผืนทะเล

    แผ่นดินทั้งหก จะถูกกรัดกร่อนให้ลดลง

    พวกเขาจะถูกบีบคั้นให้ทำสงครามเพื่อแย่งชิงแผ่นดินซึ่งกันและกัน


    สามคือการเปิดทางรอด

    เทพทั้งสามได้แสดงปาฏิหาริย์ของเทพให้พวกสัตว์ผู้ทรงภูมิปัญหาทั้งหกเผ่า

    ทำให้หลงเชื่ออย่างโง่งมว่าตัวเองต้องทำลายศัตรูต่างเผ่า

    “หนทางการหยุดยั้งจุดจบของโลก มีเพียงแค่ทำลายคริสตั้นแห่งชีวิตของต่างเผ่าเท่านั้น เพราะพลังของคริสตั้นทั้งหก มีมากเกินไปจนกลืนกินแผ่นดินของโลกนี้”

    นั่นคือสิ่งที่เหล่าเทพทั้งสามได้แสดงปาฏิหาริย์ลงไป

    ด้วยความที่โลกนี้มิอาจให้กำเนิดบุตรตามธรรมชาติได้ เพราะถูกอำนาจของเทพเข้าขัดขวาง

    คริสตั้นแห่งชีวิตจึงเปรียบได้ดั่งชีวิตของพวกเขา

    พวกเขาจะปกป้องคริสตั้นของตนอย่างสุดชีวิต

    และในเวลาเดียวกัน พวกเขาก็จะทำสงครามอย่างสุดชีวิตเพื่อทำลายคริสตั้นของศัตรูต่างเผ่าพันธ์ุ


    เมื่อวางรากฐานทุกอย่างพร้อมแล้ว เทพไร้หน้า เทพไร้แขน และเทพไร้ขาก็ได้ส่งดวงวิญญาณของทั้งหกเผ่าลงไปถือกำเนิดพร้อมความทรงจำ


    เผ่า [มนุษย์] จากดาวที่ชื่อว่าโลก ตัวแทนของสิ่งมีชีวิตเลี้ยงลูกด้วยนมสองขา ที่ทรงภูมิระดับกลาง

    เผ่า [ภูติ] จากดาวสีเขียวในอีกระบบกาแล็คซี่ ตัวแทนของสิ่งมีชีวิตเลี้ยงลูกด้วยนมสองขา ที่ทรงภูมิระดับสูงซึ่งร่างกายอ่อนแอ

    เผ่า [ยักษ์] จากดาวที่แห้งแล้งและโหดร้าย ตัวแทนของสิ่งมีชีวิตเลี้ยงลูกด้วยนมสองขา ที่ทรงภูมิระดับกลางซึ่งมีร่างกายอันแข็งแกร่งเป็นจุดขาย

    เผ่า [อาร์โธรโพดา] จากดาวที่เต็มไปด้วยดิน ตัวแทนของสิ่งมีชีวิตประเภทสัตว์ขาปล้อง (แมลง)

    เผ่า [เผ่าปักษา] จากดาวที่เต็มไปด้วยมหาสมุทร ตัวแทนของสิ่งมีชีวิตที่ครอบครองท้องฟ้า

    และสุดท้าย เผ่า [โพรแคริโอต] ตัวแทนของสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวที่ไร้ซึ่งสติปัญหาและความแข็งแกร่ง


    “แด่เหล่าวิญญาณผู้ถูกเลือกทั้งหลาย จะมีเพียงเผ่าเดียวเท่านั้น ที่จะได้รับชีวิตใหม่”

    “พวกเจ้าคือผู้ที่ตายลง เป็นวิญญาณบาป และมิอาจได้รับชีวิตใหม่”

    “นี่คือบทลงโทษของบาปที่พวกเจ้าได้ก่อเอาไว้”

    “จงต่อสู้เพื่อชีวิต”

    “หากไม่ต่อสู้ ก็จงจมสู่ห้วงลึกแห่งขุมนรก มิอาจได้ผุดได้เกิดอีกต่อไป”


    เวทีสงครามได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น