*เนื้อหาอาจรุนแรง ซาดิสม์ และมีความไม่เหมาะสม ผู้อ่านไม่ควรนำไปทำตามหรือคิดว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน*
" อืม เอาแบบไหนดีล่ะ? ทรมานให้เจียนตายแล้วค่อยรักษาให้หายแล้วก็จับมาทรมานอีก? หรือว่าจะทำให้เธอจิตหลอนแล้วคิดว่าตัวเองอยู่ในเหตุการณ์ที่ไม่ชอบ ทำให้ทุกข์ทรมานทางจิตใจ? แต่ก็มีอีกหลายวิธีเลยนะ! เห้อ! เลือกไม่ถูกเลยแฮะ" โรสทำหน้านิ่วคิ้วขมวด มือเรียวก็ยกขึ้นมากอดยกอย่างคนใช้ความคิด ทำเอาราฟอดยิ้มออกมากับท่าทางสุดแสนน่ารักน่าเอ็นดูนั่นไม่ได้
" ถ้าเลือกยากก็ทำทั้งหมดไปเลยสิ" เขาพูดขึ้น ส่วนโรสก็หันมามองเขาพร้อมยิ้มกว้าง
" นายพูดถูก! อย่างแรกก็ต้องให้เธอได้รับความทรมานทางร่างกายเสียก่อน ทหาร! เอาเครื่องทรมานมา!"
ทหารรีบยกทั้งโต๊ะและอุปกรณ์ต่างๆเช้ามาทันที ส่วนโรสก็เดินไปดูบรรดาอุปกรณ์ต่างๆที่อยุ่บนโต๊ะนั้น ก่อนจะพยักหน้าออกมาอย่างพึงพอใจ เพราะอุปกรณ์พวกนี้ล้วนเป็นของดี แถมยังสะอาดสะอ้านดีด้วย ส่วนทหารที่เห็นท่าทางพึงพอใจของเจ้านายสาวก็ลอบมองหน้ากันก่อนจะหันไปมองเจ้านายหนุ่ทอีกคนที่ยังคงนั่งจิบชาอย่างสงบอยู่ ก่อนจะลอบคิดพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมายว่า
องค์จักรพรรดิช่างรักและดูแลองค์จักรพรรดินีเป็นอย่างดีจริงๆ
อันที่จริง คุกหลวงแห่งนี้ไม่ได้มีสภาพดีเหมือนตอนนี้หรอก เดิมทีมันก็อยู่ในระดับที่เหมาะสมสำหรับการเป็นที่คุมขังของนักโทษอยู่แล้ว แต่ก็ยังถือว่าสะอาดอยู่ในระดับหนึ่ง อาจมีบ้างที่มีฝุ่นกับหยากไย่ กรงก็ไม่ได้ขึ้นเงาหรือดูใหม่อะไรเพราะถูกใช้มาหลายปี ส่วนที่เป็นห้องขังก็อาจจะสกปรกกว่าส่วนทางเดินเล็กน้อย ส่วนที่เป็นทางเดินก็แย่กว่าตอนปัจจุบันนี้
แต่เพราะอะไรก็ไม่รู้ หลังจากที่มีนักโทษจากแดนมนุษย์คนหนึ่งถูกส่งมาคุมขังที่นี่และมีคำบอกเล่าว่าอีกไม่นานองค์จักรพรรดิทั้งสองจะเสด็จมาที่นี่เพื่อสำเร็จโทษนักโทษที่มาจากแดนมนุษย์ พวกเขาก็ได้รับคำสั่งให้ทำความสะอาดที่นี่ รวมถึงอุปกรณ์ลงโทษต่างๆให้หมดจด ห้ามมีฝุ่นเกาะแม้แต่น้อย ซึ่งนี่ก็เป็นคำสั่งจากองค์จักรพรรดิ ตอนนั้นพวกเขาก็ไม่รู้หรอก ว่าทำไมต้องถึงขั้นทำความสะอาดทุกอย่างทั้งหมด...แต่ตอนนี้พวกเขาเข้าใจแล้ว
องค์จักรพรรดินีเป็นคนรักสะอาด
องค์จักรพรรดิเลยสั่งให้ทำความสะอาดทุกอย่าง แถมยังสั่งให้เตรียมนํ้าชากับชุดโต๊ะเอาไว้สำหรับองค์จักรพรรดินีด้วย
" โอ้! นายว่าเริ่มจากอันนี้ดีไหม?" โรสหยิบของชิ้นหนึ่งขึ้นมาก่อนจะหันมาถามราฟด้วยนํ้าเสียงสดใส...ใช่ นํ้าเสียงสดใส คุณอ่านไม่ผิด ไม่ใช่แค่นํ้าเสียง แต่ริมฝีปากของเธอก็แต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้ม ท่าทางของเธอเป็นราวกับเด็กน้อยที่กำลังเล่นของเล่น
" ไม่เลว" ราฟพูดอย่างเห็นด้วยพร้อมส่งรอยยิ้มแบบเดียวกับอีกคนกลับไป
ไม่ว่าเธอจะเลือกอะไร เขาก็ว่าดีทั้งนั้นแหละ ขอเพียงแค่มันทำให้เธอยิ้มก็พอ
ท่าทางของราฟในตอนนี้เองก็หนักไม่ต่างจากโรสนัก นั่งจิบชาพร้อมใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้มบางๆ ขาที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อวางไขว้กันอย่างสบายๆ ท่าทางเป็นราวกับพี่ชายที่กำลังนั่งมองน้องสาวสุดที่รักเล่นของเล่นอย่างสนุกสนานด้วยท่าทางผ่อนคลาย แต่ก็คอยคุมเชิงและเตรียมตัวจะช่วยเธอเสมอ ถ้าหากว่าเกิดปัญหาอะไรขึ้น
" สมแล้วที่เป็นนาย" โรสวางอุปกรณ์ที่เธอหยิบขึ้นมาวางลงบนโต๊ะตามเดิม ก่อนจะเดินมาให้รางวัลอีกคนโดยการใช้เข่าข้างหนึ่งแยกขาเขาให้กว้างขึ้น แล้วชันเข่าข้างหนึ่งไปตรงกลางหว่างขาเขาบนเก้าอี้ ก่อนจะก้มลงไปฝังใบหน้างามลงบนแก้มสากข้างหนึ่ง
" ขี้อ้อนแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันคะ? เด็กดี" ราฟถามด้วยนํ้าเสียงหยอกล้อ มือหนาวางถ้วยชาลงก่อนจะใช้มันพลิกตัวคนด้านบนให้หันหลังแล้วนั่งลงบนตักเขาแทน
" ก็ตั้งแต่ที่หนูรักพี่นั่นแหละค่ะ" โรสเงิยหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มขึ้นมองอีกคนพร้อมเล่นไปตามนํ้าอย่างไม่สนใจคนรอบข้าง
" ลงโทษนังชั้นตํ่านี่ซะ!" โรสเปลี่ยนมาใช้นํ้าเสียงเย็นเยียบสั่งการทหาร พร้อมทั้งชี้ไปยังอุปกรณ์ที่เธอเพิ่งจะวางลง
ทหารที่ได้รับคำสั่งก้าวออกมาจำนวนหนึ่ง ก่อนที่สองในนั้นจะพากับเดินไปหยิบแส้ที่โรสเคยหยิบแล้ววางเอาไว้ซึ่งมีอยู่สองชิ้นขึ้นมา แล้วเดินไปที่เมลโลที่ตอนนี้เนื้อตัวสั่นเทาและพยายามหนี แต่ก็ถูกทหารจับให้นอนราบไปกับพื้น ในปากมีผ้ายัดเอาไว้
" เฆี่ยนได้!"
สิ้นคำสั่ง แส้หนังสองชิ้นก็สลับกันฟาดลงไปบนแผ่นหลังบางของเมลโลทันที และไม่นานนักก็มีเลือดสีแดงฉานไหลซึมออกมาจากบาดแผลเรื่อยๆ เพราะแส้ที่ใช้เฆี่ยนนั้นทำมาจากวัสดุพิเศษ แถมส่วนที่ใช้เฆี่ยนก็มีหนามเล็กๆมากมาย เวลากระทบกับแผ่นหลังของเมลโลจึงก่อนให้เกิดบาดแผลและเลือดได้ในเวลาไม่นาน และในระหว่างที่บทลงโทษเริ่มขึ้น เมลโลก็ส่งเสียงอืออาอย่างเจ็บปวดอยู่ในลำคอ เพราะไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้ ส่วนโรสก็มองภาพตรงหน้าด้วยรอยยิ้ม แต่ดวงตาสีแดงทับทิมกลับทอประกายวาวโรจน์ ผิดกับราฟที่เอาแต่จ้องมองเธอที่นั่งอยู่บนตักเขาด้วยสายตาเอ็นดูและรักใคร่ ไม่สนใจเสียงเฆี่ยนหรือกลิ่นเลือดที่เริ่มลอยมาแตะจมูกเลยแม้แต่น้อย
" เงียบชะมัด" โรสบ่นน้อยๆ เวลาทรมานคนมันก็ต้องมีเสียงประกอบด้วยสิ เงียบอย่างกับสุสานแบบนี้จะไปสนุกอะไร!
และดูเหมือนคนรอบข้างจะเข้าใจความคิดของเธอ ทหารคนหนึ่งจึงนำผ้าที่ชุ่มไปด้วยนํ้าลายออกมาจากปากของเมลโล ทำให้เกิดเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดทรมานตามที่โรสต้องการเหมือนก่อนหน้านี้ ส่วนคนที่ได้รับการเอาใจก็เผยยิ้มกว้าง นั่งมองภาพตรงหน้าอย่างรื่นเริง หูก็คอยรับฟังเสียงเล็กแหลมกรีดร้องไปเรื่อยๆด้วยความสบายใจ แต่ต่อมาดวงตาทับทิมก็เริ่มสอดส่ายมองอุปกรณ์ทรมานต่างๆบนโต๊ะต่อ ก่อนจะพบกับของบางอย่างที่ดูน่าสนใจพอๆกับแส้ที่กำลังถูกใช้ฟาดเมลโลอยู่
" เอาคีมนั่นมา"
" เชิญพ่ะย่ะค่ะ" คาลเวิร์ดรีบส่งมันให้กับเจ้านายสาวทันที ส่วนโรสก็รับคีมที่ใหญ่กว่ามือเธอเล็กน้อยแต่พอดีกับมือของผู้ชายตัวโตๆมาไว้ในมือ ก่อนจะพลิกไปพลิกมาพร้อมสำรวจมันไปด้วย
" ใช้ตรงไหนก่อนดี?" ใบหน้าสวยเงยขึ้นถามคนที่เธอนั่งทับอยู่
ก็นะ เธอคิดเอาไว้เยอะแยะเลยแหละ ว่าจะใช้เจ้าอุปกรณ์นี่กับส่วนไหนบ้างของเมลโล แต่บังเอิญว่าเธอคิดเอาไว้มากเกินไป ก้เลยตัดสินมจเลือกยากก็แค่นั้น
" สัตว์เดรัจฉานตัวนั้นเคยใช้มือสกปรกนั่นชี้เธอ" ราฟก้มหน้าลงพูดกับคนในอ้อมกอดพลางลูบเรือนผมนุ่มนิ่มสีขาวไปด้วย และคำพูดของเขาก็ช่วยโรสตัดสินใจได้ด้วยเช่นกัน
" ใช้คีมนี่ถอดเล็บของสัตว์ตัวนี้ออกมาให้หมด ลืมเล็บเท้าก็ด้วย อ่อ แล้วก็ทำช้าๆล่ะ ฉันอยากเห็นมันดิ้นไปนานๆ" เธอพูดพลางส่งคีมคืนให้กับคาลเวิร์ด ส่วนคาลเวิร์ดก็ส่งต่อมันให้กับทหารคนหนึ่ง แล้วหลังจากนั้นก็มีทหารหลายคนหยิบคีมอีกหลายอันขึ้นมา แล้วเดินไปยังเมลโลเพื่อถอดเล็บของเธอตามคำสั่งของผู้เป็นนาย
" มะ ไม่! ไม่! อะ ออกไปนะ! ออกไป!" เมลโลกรีดร้องและออกแรงดิ้นอย่างหนักอีกครั้ง แต่มันก็ยังคงไม่ได้ผลเช่นเดิม และเสียงกรีดร้องของเธอก็ดังขึ้นมากกว่าเดิม เมื่อเล็บของเธอค่อยๆถูกถอดออกไปทีละอันอย่างเชื่องช้าตามคำสั่งของโรส เพราะเธอต้องการให้เมลโงที่ในสายตาของเธอเป็นแค่สัตว์ตัวหนึ่งได้เจ็บปวดไปนานๆ ส่วนทหารอีกสองคนที่ในมือถือแส้อยู่ก็ยังคงเฆี่ยนเมลโลต่อไปด้วยท่าทางแข็งกระด้าง เพราะในสายตาพวกเขา เมลโลคือคนที่บังอาจมาท้าทายเจ้านายของพวกเขา
" อ๊ากกกก! ขะ ขอร้อง! ดะ ดะ ได้โปรด! มะ หม่อมฉันขอร้อง! ขอร้องล่ะ! โอ๊ย! จะ เจ็บ! องค์จักรพรรดินี!" ในที่สุดเมลโลก็ยอมพูดขอร้องอ้อนวอน และนั่นยิ่งทำให้โรสแสยะยิ้มมุมปาก
" หยุดก่อน" ทหารหยุดมือทันที ส่วนเมลโลก็รีบยกยิ้มกว้างทันที
" เธอขอร้องฉันเหรอ?"
" อึก พะ ซี๊ด เพคะ"เมลโลพูดไปซู๊ดปากด้วยความเจ็บแผลไป ถึงตอนเด็กจะเคยลำบาก แต่ก็ไม่เคยได้รับความทรมานแบบนี้มาก่อน
" ก็ได้ ฉันจะลองเมตตาเธอดูสักครั้ง"
" จะ จริงนะเพคะ!" เมลโลดวงตาสดใสขึ้นทันที
" หึ! เดิมทีฉันก็แค่เบื่อ สุดท้ายเลยถอดวิญญาณมาอยู่ในร่างของโรซาเรีย แต่ดูเหมือนเธอจะทำให้โรซาเรียคนก่อนโดยดูถูกเอาไว้เยอะนะ" โรสพูดออกไป แต่ก็เป็นความจริงแค่บางส่วน
ก็แล้วมันเรื่องอะไรที่เธอจะต้องบอกทุกอย่างกับสัตว์ตัวนี้ล่ะ?
" มะ หม่อมฉันขออภัย" เมลโลกลับมามีเนื้อตัวสั่นเทาอีกครั้งทันที
" เอาเถอะ ฉันจะยอมอภัยให้เธอก็ได้ แต่เธอต้องทำบางอย่างตามที่ฉันสั่งก่อนนะ"
" พะ เพคะ! พระองค์จะให้หม่อมฉันทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น" วินาทีนี้ความเจ็บปวดใดๆก็ไม่ทีผลกับเธออีกต่อไป เพียงเพราะความหวังที่จะได้รอดพ้นจากความทรมาน
" หึ! กราบเท้าฉันสิ" เมลโลรีบทำตามทันที เพราะตอนนี้ คนที่อยู่ตรงหน้าเธอก็คือองค์จักรพรรดินีผู้สูงศักดิ์ แค่การหมอบกราบที่เป็นเหมือนการแสดงความเคารพจะไปหนักหนาอะไร...แต่น่าเสียดายที่โรสไม่ได้หยุดแค่นี้
เมื่อเมลโลทำตามคำสั่งของเธอ โรสก็ยกเท้าทั้งสองข้างไปเหยียบไว้บนมือของเมลโลที่อยู่บนพื้นพร้อมออกแรงบดขยี้ไม่ยั้ง และเพราะรองเท้าที่เธอใส่ตอนนี้เป็นรองเท้าส้นตึก มันเลยยิ่งยํ้าความเจ็บปวดให้กับเมลโลได้เป็นอย่างดี แต่ถึงจะเจ็บแค่ไหน เธอก็กัดฟันไม่ร้องออกมา ทั้งๆที่เนื้อตัวสั่นเทาไปหมด ส่วนโรสที่เห็นแบบนั้าก็ยิ่งพอใจ เธอยกเท้าขึ้นแล้วใช้เท้าทั้งสองข้างเสียดสีกันไปมาเพื่อถอดรองเท้าทั้งสองข้างออกโดยไม่ใช้มือ แล้วสลัดรองเท้าสีขาวสะอาดนั่นให้อยู่ด้านข้างเมลโล ก่อนที่ริมฝีปากอวบอมชมพูจะขยับน้อยๆเพื่อเอ่ยสิ่งหนึ่งออกมา
" เลียรองเท้าของฉันสิ ทั้งสองข้างเลยนะ"
"!!!"
" เป็นอะไรไป? หรือเธอจะไม่ทำ? แต่จะเอาแบบนั้นก็ได้นะ ฉันเองก็ไม่มีปัญหาอะไร ทหาร! ทรมานต่อได้" โรสพูดพลางยักไหล่ด้วยท่าทางสบายๆ
" มะ ไม่เพคะ! มะ หม่อมฉันทำได้!" ทันทีที่ทหารเดินเข้ามาใกล้ เมลโลก็หายจากอาการตกตะลึงแล้วรีบละลํ่าละลักพูดขึ้นทันที ก่อนจะเอื้อมมือที่มีเลือดไหลออกมาจากนิ้วไปคว้ารองเท้าข้างหนึ่งที่โรสวางเอาไว้ขึ้นมา ทำท่าจะเลียมันจริงๆ แต่แล้วเธอก็หยุดแล้วกลืนนํ้าลายแทน
" รีบทำซะ! อย่าให้องค์จักรพรรดินีรอนาน!" ทหารคนหนึ่งพูดขึ้น ส่วนเมลโลก็ค่อยๆแลบลิ้นออกมา แล้วจรดมันลงไปบนรองเท้าสีขาวของโรสอย่างช้าๆด้วยท่าทางจำยอม
" หึ! รีบเลียเร็วๆเข้าสิ!" โรสเร่ง ส่วนเมลโลก็จำใจรับคำสั่งแล้วเลียรองเท้าสีขาวนั่นไปจนทั่ว ไม่เว้นแม้แต่พื้นรองเท้า เพราะถึงแม้มันจะแย่และน่าเศร้าสำหรับเธอแค่ไหน แต่เธอก็ทำอะไรหรือขัดขืนไม่ได้อยู่ดี
จนในที่สุดเมลโลก็เลียรองเท้าของโรสจนทั่วทั้งสองข้างแล้ววางมันลงที่พื้นตามเดิม
" มะ หม่อมฉันทำเสร็จแล้วเพคะ"
" เยี่ยม! ทหาร! เอามันไปทรมานต่อได้"
"!!!"
"..."
" นะ ไหนพระองค์บอกว่าจะปล่อยหม่อมฉันไปยังไงล่ะเพคะ!" เมลโลรีบพูดทันทีที่ถูกทหารลากกลับไปนอนควํ่าและตรึงร่างไว้ที่เดิม
" ปล่อย? ฉันพูดแบบนั้นเหรอ?" โรสเอียงคอเล็กน้อย ท่าทางราวกับเด็กน้อยที่กำลังมีข้อสงสัยบางอย่าง
" ถ้าจำไม่ผิด ฉันพูดแค่ว่าจะ 'เมตตา' เธอเฉยๆนะ แต่จะเมตตา 'แบบไหน' มันก็อีกเรื่อง" ประโยคนี้ที่มาพร้อมกับรอยยิ้มมากเล่ห์ทำเอาเมลโลหมดแรงเสียดื้อๆ
" เอาล่ะ เฆี่ยนต่อเถอะ"
แล้วเสียงแส้กระทบกับผิวหนังและเสียงกรีดร้องก็ดำเนินต่อไปเรื่อยๆ ส่วนทหารที่ทำหน้าที่ถอดเล็บเมลโลก็ทำหน้าที่ต่อไป
" โอ๊ย! จะ เจ็บ! โอ๊ย! ได้โปรด!"
" หนวกหูชะมัด" โรสบ่นเบาๆ ตอนแรกเธอก็อยากได้ยินเสียงอยู่หรอก แต่พอฟังเสียงแหลมบาดแก้วหูนานเข้าก็เริ่มรู้สึกว่าหูจะดับขึ้นมาเสียดื้อๆแทน
" ตัดลิ้นมันซะ" ราฟพูดด้วยนํ้าเสียงอบอุ่น เพราะดวงตาของเขาเอาแต่จ้องมองมาที่คนในอ้อมแขน แต่คำพูดของเขากลับฟังดูเลือดเย็นเสียเหลือเกิน...แต่พอคิดๆดู มันก็ไม่ได้เลือดเย็นอะไร เพราะคนที่ได้รับผลกระทบจากคำพูดของเขาก็สมควรได้รับบทลงโทษตามที่เขาพูดแล้ว
" พ่ะย่ะค่ะ!" ทหารที่รอคำสั่งนี้มานานรีบทำตามคำสั่งทันที มีทหารคนหนึ่งบับกรามให้เมลโลคอยอ้าปาก ส่วนอีกคนก็ดึงลิ้นของเมลโลออกมาแล้วตัดด้วยมีดอย่างไม่ถนอมแต่อย่างใด
ก็แน่ล่ะ พวกเขารำคาญเสียงของเมลโลมาสักพักแล้วนี่นา
" ฉันชอบนายจัง" โรสเงยหน้าขึ้นพูดกับคนที่เธอนั่งทับอยู่อีกครั้ง
" หึๆๆ ชอบก็ให้รางวัลฉันหน่อยสิ"
" ได้ทีแล้วเอาใหญ่เลยนะ" ถึงจะพูดไปด้วยความหมั่นไส้ แต่สุดท้ายเธอก็ยอมยื่นหน้าไปหอมแก้มเขาอีกรอบ
" ฝ่าบาท เสร็จแล้วพ่ะย่ะค่ะ" คาลเวิร์ดพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าทหารถอดเล็บของเมลโลออกจนหมดแล้ว
" อืม คราวนี้ก็ตัดนิ้วมันทีละนิ้ว แล้วค่อยตัดมือกับเท้าของมันต่อ เพราะมันเคยใช้มือสกปรกนั่นกระชากโรสจนเธอมีแผล" ราฟพูดไปก็ลูบเรียวแขนเล็กของโรสไปด้วยสัมผัสปลอบโยน
เขาจำได้ดี มีอยู่ครั้งหนึ่งที่เจ้าสัตว์ชั้นตํ่านี่กระชากโรสจนเธอเป็นรอยแผลถลอก แถมหลังจากนั้นเด็กดีของเขาก็ดันต้องนอนซมอยู่บนเตียงเพราะพิษที่อยู่ในตัวเกิดอาการกำเริบขึ้นมาอีก
ส่วนคนฟังอย่างเมลโลเบิกตาโพลง อยากกรีดร้องหรือพูดประท้วงแต่ก็ทำไม่ได้ อยากดิ้นหนีขัดขืนแต่ก็ทำไม่ได้ ง่ายๆคือในตอนนี้เธอทำอะไรไม่ได้เลย ทำได้เพียงหอบหายใจและนอนนิ่งๆรับความทรมานต่อไปอย่างจำยอมและไม่อาจทำอะไรไปได้มากกว่านี้
" อ๊ากกกก!"
เสียงที่แหบแห้งและเต็มไปด้วยความทุกข์ทรมานกับความเจ็บปวดยังคงดังต่อไปเรื่ิอยๆพร้อมกับการทารุณอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เพราะต่อมาโรสก็สั่งให้ตัดแขนและขากับอวัยวะอื่นๆอย่างเช่นหูของเมลโลต่อ ส่วนดวงตาทั้งสองข้างก็สั่งให้ทหารควักออกมาอย่างไม่ปราณี ก่อนจะให้คนบีบมันจนแหลกเหลวแล้วนำไปยัดปากของเมลโลพร้อมปิดปากเอาไว้จนเธอต้องยอมกลืนดวงตาของตัวเองลงไป และในที่สุด เมลโลก็ได้กลายเป็นคนพิการอย่างแท้จริงแล้ว แถมสภาพของเธอก็ชวนให้คนดูต้องรู้สึกสะอิดสะเอียนและคลื่นไส้อยากอาเจียนขึ้นมากะทันหัน เพราะบนแผ่นหลังของเธอเต็มไปด้วยรอยแส้กับเลือดสีแดงฉาน บริเวณอื่นก็มีร่องรอยของการใช้อุปกรณ์มากมายทารุณอย่างหนัก รอบข้างมีอวัยวะของเธอเองที่ถูกตัดออกมาวางไว้เกลื่อนกลาด แถมระหว่างการทนมาน เมลโลก็ทนพิษความเจ็บปวดไม่ไหว สลบไปหลายต่อหลายรอบ แต่เธอก็ต้องฟื้นขึ้นมารับรู้ความเจ็บปวดต่อเรื่อยๆ เพราะเมื่อใดที่เมลโลสลบไป ก็จะมีคำสั่ง
" เอาน้ำมาสาดเธอ!" ดังมาจากโรสทันที แถมน้ำที่โรสสั่งให้คนเอามาสาดใส่เมลโลก็ไม่ใช่น้ำธรรมดา แต่เป็นน้ำเกลือผสมด้วยเครื่องเทศรสแสบร้อนอีกมากมาย และเมื่อรวมกับบาดแผลตามตัว น้ำที่มีฤทธิ์ร้ายแรงก็ซึมลึกเข้าไปในบาดแผล ทำให้เกิดความเจ็บแสบเป็นตะวกระตุ้นให้เมลโลต้องสะดุ้งแล้วตื่นขึ้นมา
แต่ถ้าถามว่าทำไมเมลโลถึงยังไม่ตาย ทั้งๆที่โดนทารุณไปหนักถึงขนาดนี้แล้ว คำตอบของคำถามนี้ก็ง่ายเพียงนิดเดียว นั่นคือโรสกับราฟ เพราะทั้งสองเคยเป็นนักฆ่าและเคยทรมานคนมาก่อน พวกเขาจึงรู้ดีว่าถ้าทรมานมากเกินไป เหยื่อของพวกเขาอาจตายก่อนที่พวกเขาจะหายเบื่อเสียก่อน ทั้งสองจึงคอยสั่งให้คนนำยาต่างๆมาป้อนให้เมลโลเป็นระยะ เพื่อที่เมลโลจะได้ไม่ตายไปเสียก่อน แต่ก็ดูเหมือนความอดทนและร่างกายของเมลโลจะเดินทางมาถึงขีดจำกัดแล้ว เพราะจู่ๆขงร่างของเธอก็ชักเกร็งแล้วแน่นิ่งไป
" ทูลฝ่าบาท มันตายแล้วพ่ะย่ะค่ะ" โรสกับราฟพยักหน้ารับเบาๆก่อนจะค่อยๆยื่นมือออกไปข้างหน้า ออกแรงขยับมือของตัวเองเล็กน้อย แล้วชิ้นส่วนกับร่างของเมลโลก็เรืองแสงออกมาจนสว่างวาบ ทำให้ทหารที่อยู่ตรงนั้นต้องหลับตาลงเพราพแสงที่จ้าเกินไป และเมื่อแสงนั้นกับลง พวกเขาก็พบกับร่างของเมลโลที่กลับมาเป็นเหมือนเดิม รวมถึงลมหายใจและชีวิตของเธอด้วย
" มะ ไม่จริง! กรี๊ดดดด!" เมลโลที่พบว่าตัวเองยังไม่ตาย ไม่สิ ตายแล้วแต่กลับมามีชีวิตอีกครั้งกรีดร้องออกมาอย่างสุดเสียง
ถ้าจะให้เธอฟื้นมาจากความตายเพื่อพบเจอกับความทรมานแบบนี้ก็อย่าให้เธอฟื้นขึ้นมาเลยดีกว่า!
" ปิดปากมันซะ" โรสจิ๊ปากอย่างหงุดหงิดกับเสียงกรี๊ดแปดปรอทนั้น
" พักเรื่องทรมานเดรัจฉานตัวนี้ไว้ก่อน" ราฟพูดขึ้น จนความสงสัยเกิดขึ้นในใจโรส เธอจึงเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยแววตาสงสัย ราฟจึงก้มลงพูดกับคนในอ้อมแขนพลางลูบหัวเธอไปด้วยราวกับกำลังพูดกับน้องสาวตัวน้อยที่ทำหน้าไม่เข้าใจเมื่อตนเองโดนบอกให้หยุดเล่นของเล่นก่อน
" เธอต้องไปกินข้าว ตอนนี้บ่ายแล้ว"
" บ่ายแล้ว?" คนตัวสูงพยักหน้า
อา...เธอเริ่มทรมานเมลโลตั้งแต่ตอนสายๆจนตอนนี้ก็บ่ายนิดๆแล้ว คงจะต้องไปกินข้าวเที่ยงก่อนอย่างที่ราฟว่า แถมตอนเช้าเธอก็ยังไม่ได้กินข้าวเลยด้วย เพราะตอนนั้นมัวแต่คิดว่าจะลงโทษเมลโลแบบไหนดี ก็เลยตื่นเต้นจนแทบจะกินอะไรไม่ลง
แต่แล้วคิ้วเรียวก็ต้องขมวดขึ้น
ถ้าจะหยุดเล่นกับเมลโลตอนนี้มันก็อารมณ์ขาดตอนอยู่นะ แถมเธอก็ไม่ชอบให้อะไรมันค้างคาซะด้วยสิ
และคล้ายว่าจะเป็นอีกครั้งที่ราฟอ่านความคิดของเธอออก เขาเลยช่วยเสนอทางเลือกหนึ่งขึ้น
" เอายาให้สัตว์ตัวนั้นกินซะ แล้วเราก็ไปทานข้าวกัน ตอนพวกเรากลับมา ยาน่าจะออกฤทธิ์ได้ที่พอดี"
" อื้ม! ไม่เลว คาล เอายานี่ให้เธอกินซะ แล้วก็จับเธอโยนเข้าไปในนี้" โรสส่งยาเม็ดหนึ่งไปให้กับคาลเวิร์ดพร้อมชี้นิ้วไปทางประตูมิติที่เธอเป็นคนเปิดมันขึ้นมา
คาลเวิร์ดรีบรับยามาจากเจ้านายสาวแล้วให้ทหารยัดมันใส่ปากของเมลโลอีกที ก่อนจะผลักเมลโลให้เข้าไปในประตูมิติที่โรสสร้างมันขึ้นมาทันที
" ดีมาก!" โรสชื่นชมในการทำงานอย่างรวดเร็สของคนใต้บังคับบัญชา
" ฝ่าบาท เครื่องเสวยพร้อมแล้วพ่ะย่ะค่ะ" คาลเวิร์ดที่หายตัวไปสักพักเพื่อจัดการเรื่องอาหารของเจ้านายทั้งสองรายงานทันทีที่กลับมา แต่โรสกลับมึนงงว่าอีกฝ่ายหายไปตอนไหน เพราะเธอมัวแต่สนุกกับเมลโล จนไม่ทันสังเกตว่ามีอยู่ช่วงหนึ่งที่ราฟหันไปสั่งให้คาลเวิร์ดไปเตรียมอาหารให้เขากับเธอ
ราฟอุ้มคนบนตักขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะเดินไปยังสวนในวัง เพราะที่นั่นมีศาลาอยู่ และเขาก็สั่งให้คนตั้งอาหารไว้ที่นั่น
ถึงคุกหลวงจะไม่ได้สกปรกหรือมีกลิ่นอับ แต่เพราะมันไม่มีช่องอากาศระบายลม ทำให้กลิ่นคาวเลือดของเมลโลลอยคละคลุ้งชวนสะอิดสะเอียน และถึงเขาและโรสจะชินกับอะไรแบบนี้ แต่การไปทานข้าวท่ามกลางธรรมชาติก็คงจะช่วยให้เจริญอาหารได้มากกว่าการไปกินในห้องตามปกติ
" ฝีมือคนที่นี่ไม่เลวเลย" เสียงหวานพูดขึ้นหลังจากที่ทานอาหารคำแรกเข้าไป
" แล้วอร่อยกว่าฉันทำมั้ยล่ะ?" ราฟถามอย่างหยอกล้อ
"..."
" ว่าไง? แต่บอกไว้ก่อนนะ ว่าถ้าเธอโกหก...ฉันจะลงโทษปากเธอ" ราฟใช้มือจับคางของอีกคนไว้เบาๆ ก่อนจะใช้นิ้วหัวแม่มือไล้เกลี่ยสัมผัสริมฝีปากบางเบาๆ
"...ด้วยปากฉัน"
" นายนี่มัน..." เธอกัดริมฝีปากตัวเองที่ถูกไล้อยู่เบาๆ
เธอชินแล้วกับอะไรแบบนี้ แต่คนอื่นน่ะสิ...ตอนนี้เธอหับเขาอยู่ในศาลาสีขาวกลางสวนก็จริง แต่ก็มีทั้งทหาร ทั้งพ่อบ้านและเมดตามมารับใช้ด้วย ถึงจะให้พวกเขาถอยไปอยู่ไกลๆ แต่ก็ไม่ได้ไกลจนถึงขั้นไม่ได้ยินและเห็นในสิ่งที่เกิดขึ้น แถมดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่ค่อยชินกับการที่เธอและราฟแสดงอะไรแบบนี้กัน ก็เลย...พวกทหารกับพ่อบ้านน่ะไม่เท่าไหร่ อย่างมากก็แค่หน้าแดงและก้มหน้าลงตํ่ากว่าเดิม แต่พวกเมดเนี่ยสิ บางคนถึงขั้นบิดตัวจะเป็นเกลียวอยู่แล้ว
" ว่าไง? ทีนี้ตอบฉันได้รึยัง?" แต่ดูเหมือนว่า องค์จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่จะไม่ค่อยสนใจคนอื่นสักเท่าไหร่ เพราะสิ่งที่เขาต้องการ คือการหยอกล้อกับองค์จักรพรรดินีคนงามของตัวเอง
" พอได้แล้วน่า นายอยากให้ฉันรีบกินข้าวไม่ใช่รึไง?" โรสเบี่ยงหน้าให้หลุดจากมือของเขาก่อนจะทานข้าวต่อ
" ก็ได้ๆ ไว้คืนนี้เรามาเล่นกันต่อนะ" ไม่วายหยอกล้อคนตรงหน้าต่อ แต่โรสกลับไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไร ผิดกับคนรอบข้างที่ก้มหน้าลงตํ่ากว่าเดิมจนแทบจะลงไปหมอบอยู่กับพื้น ไม่ก็บิดตัวเป็นจะปูเกลียว
แล้วการทานข้าวของสองผู้ยิ่งใหญ่ก็ดำเนินต่อไป โดยที่บางช่วงจะมีเสียงหยอกล้อดังขึ้นให้ได้ยิน บางช่วงทั้งคู่ก็ตักอาหารให้กัน ท่าทางราวกับคู่รักแสนหวานชื่น ซึ่งพวกเขาก็เป็นแบบนั้นกันจริงๆ
25นาทีผ่านไป
สวนหลวง
ศาลาสีขาวในสวนอุทยานหลวงมีขนาดใหญ่อยู่พอสมควร มันจึงมีพื้นที่มากพอที่จะตั้งชุดโต๊ะเหล็กดัดชุดเล็กๆได้หนึ่งชุด แล้วยังเหลือพื้นที่อีกไม่น้อยให้นำผ้ามาปูเพื่อนอนเล่นได้อีกด้วย และเพราะเป็นอย่างนั้น หลังจากที่ทานอาหารเที่ยงเสร็จ โรสกับราฟจึงให้คนนำผ้านุ่มๆมาปู แล้วโรสก็นอนราบลงไปโดยใช้ตักของราฟเป็นหมอนหนุน ด้านข้างมีโต๊ะตัวเล็กๆที่วางชั้นขนมเอาไว้ะร้อมกับนํ้าชาและนํ้าหวานรสเลิศที่เข้ากันได้ดีกับขนมบนชั้นวาง
" ให้ตายสิ คลาดสายตาไปไม่ถึงชั่วโมงก็กลายเป็นบ้าไปซะแล้ว ช่างไม่มีความอดทนเอาซะเลย" โรสส่งเสียงขัดใจเบาๆในลำคอเมื่อเห็นบางอย่างที่เกิดขึ้นผ่านหน้าจอตรงหน้าที่เกิดจากเวทมนต์
ในจอเวทมนต์เล็กๆกำลังฉายใหเห็นถึงภาพของเมลโลที่กำลังกรีดร้องอย่างบ้าคลั่งในมิติเล็กๆอันว่างเปล่าแห่งหนึ่งที่โรสสั่งให้คนผลักเมลโลเข้าไป แต่น่าแปลก ทั้งๆที่ไม่มีอะไรอยู่รอบๆตัวเมลโลเลย แต่เธอกลับกรีดร้องและออกตัววิ่งไปสะเปะสะปะราวกับกำลังหนีอะไรบางอย่าง ทั้งๆที่ก็ไม่มีอะไรมาทำอันตรายเธอเลยแม้แต่น้อย ซึ่งเหตุผลที่เป็นแบบนี้ ตัวการอย่างโรสกับราฟรู้ดีที่สุด
ยาที่พวกเขาเอาให้เมลโลกินเข้าไปก่อนจะผลักให้เธอเข้าไปในอีกมิติคือยาที่ทำให้เกิดอาการประสาทหลอนอย่างรุนแรง ซึ่งสิ่งที่ทำให้เมลโลเป็นราวกับคนบ้าในตอนนี้ก็คงจะเป็นเพราะสิ่งที่เธอได้เห็นและได้ยินที่เกิดจากฤทธิ์ยา ซึ่งตามปกติแล้ว คนภายนอกอาจมองไม่เห็นสิ่งที่เมลโลกำลังพบเจอ แต่บังเอิญว่าพวกเขาไม่ใช่แค่คนธรรมดาเนี่ยสิ...
ว่าไงนะ? อยากรู้เหรอ? ว่าเมลโลกำลังเจอกับอะไร? ก็ได้ๆ งั้นพวกเขาจะยกตัวอย่างให้ก็ได้ อย่างเช่น...
" โรสคนก่อนเคยโดนรุมประณาม โดนนินทา โดนว่าร้ายสารพัด แล้วไหนจะข่าวลือเสียๆหายๆอีก พอลองให้ยัยนั่นโดนแบบนั้นบ้างก็ไม่เลว"
เธอได้รับความทรงจะส่วนหนึ่ของโรสคนก่อนมา และหนึ่งในนั้นก็มีสิ่งที่เธอเพิ่งจะพูดออกไปปนรวมอยู่ด้วย และมันก็เป็นความทรงจะที่เลวร้ายมากทีเดียว สำหรับโรสคนก่อน ซึ่งเหตุผลที่เธอต้องมาเจอกับอะไรแบบนี้ก็เพราะเมลโล แต่ตอนนี้ตัวต้นเหตุก็กำลังเจอเหตุการณ์แบบเดียวกันกับที่โรสคนก่อนเคยโดนบ้าง แบบนี้ก็คงจะทำให้โรสคนก่อนสบายใจไปอีกขั้นแล้วล่ะ
" ฮ่าๆๆๆ สัตว์เวทย์ตัวนั้นออกจะหน้าตาน่ารัก! แถมยังเป็นสัตว์เหมือนกัน แล้วสัตว์ชั้นตํ่าอย่างมันจะวิ่งหนีทำไมน่ะ"
อันที่จริง สิ่งที่เมลโลได้เจอในตอนนี้ก็ดูท่าจะหนักกว่าสิ่งที่โรสคนก่อนเคยเจอด้วยซํ้า เพราะถึงจะพูดว่าสิ่งที่เมลโล กำลังเจออยู่ในตอนนี้จะเป็นเพราะฤทธิ์ยา แต่โรสกับราฟก็สามารถควบคุมระดับความรุนแรงของยาและสิ่งที่เมลโลจะต้องเจอได้เช่นกัน ซึ่งแน่นอนว่าทั้งโรสและราฟต่างก็เร่งฤทธิ์ยามากขึ้น จนเมลโลบ้าคลั่งจนฉีกทึ้งผมของตัวเองอย่างรุนแรง พยายามเอามือลูบไปตามตัวของตัวเองราวกับกำลังไล่บางอย่างที่ไต่อยู่ตามตัวเธอออกไปจนผิวของเธอแดงไปหมด แถมเล็บของเธอยังจิกเข้าเนื้อตัวเองจนเลือดไหลซิบหลายจุด
" ของเล่นชิ้นนี้ดีจริงๆ ถึงจะหมดประโยชน์แล้ว แต่พอเอามาทรมานต่อก็ยังสนุกเหมือนเดิม นายว่ามั้ย?" โรสหันไปถามคนที่นั่งให้เธอหนุนตักอยู่
" เธอว่าไง ฉันก็ว่างั้น" มุมปากของเขายกขึ้นน้อยๆจนเกิดเป็นรอยยิ้มอันแสนอ่อนโยนจนทำให้คนมองตาพร่า
" นั่นสินะ...ก็นายรักฉันนี่"
" รู้แบบนั้นก็ดีแล้ว ว่าแต่เธอล่ะ...รักฉันมั้ย?"
" หึ! ร้ายนักนะ" ทั้งๆที่เขารู้คำตอบอยู่แล้ว แต่ก็ยังจะถามเธออีก
" แล้วรักมั้ยล่ะ?" เขาถามยํ้าพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
" ยิ่งความเจ้าเล่ห์ของนายมีมากเท่าไหร่ ฉันก็รักนายมากเท่านั้น"
" ถ้างั้นเธอก็คงรักฉันมากจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้"
" จริงเหรอ?"
ทั้งสองหยอกล้อกันต่ออยู่อีกสักพัก ก่อนจะหยุดลงเพราะภาพที่ปรากฏขึ้นบนหน้าจอเวทมนต์
" ว้า~ แย่จัง ตายซะแล้ว" ถึงคำที่เธอพูดออกมาจะฟังดูเหมือนเสียดาย แต่นํ้าเสียงและดวงตาของเธอกลับพราวระยับและสดใสราวกับดวงดาวในท้องฟ้ายามคํ่าคืนที่เปล่งประกายท่ามกลางความมืดมิด
ดูเหมือนว่าคุณนางเอกจะทนไม่ไหว จนในที่สุดก็เกิดอาการช็อกตายไปอีกครั้ง แต่คราวนี้ดูท่าว่าสภาพจะดีกว่าคราวก่อนที่โดนตัดอวัยวะของร่างกายไปเล็กน้อย เพราะคราวนี้เมลโลมีแค่อาการตัวแข็งเหมือนหิน ตาปูดโปนจนแทบจะถลนออกมาจากเบ้า ฟองนํ้าลายฟูมปาก ตามตัวและเสื้อผ้ามีรอยข่วนจากเล็บของตัวเองเล็กน้อยเท่านั้น อาการก็เป็นเหมือนคนที่เสียสติหรือไม่ก็เหมือนถูกผีหลอกจนกลายเป็นบ้าแล้วช็อกตายนั่นแหละ
" ก็สัตว์ตัวนี้มันไร้ความอดทนนี่นา เห็นทีพวกเราคงจะต้องคืนชีพให้เธอวันละไม่ตํ่ากว่าสิบรอบซะแล้วล่ะมั้ง" คราวนี้ราฟพูดบ้าง แต่นํ้าเสียงของเขากลับแฝงความเบื่อหน่ายเอาไว้
คนที่จะคืนชีพให้สัตว์ชั้นตํ่าตัวนี้ได้มีเพียงแค่เขากับโรส แล้วถ้าเป็นแบบนั้นจริง เขากับโรสก็ต้องเปลืองพลังในการคืนชีพให้สัตว์ตัวนี้กันเยอะเลยน่ะสิ แต่ที่หนักกว่านั้นก็คงเป็นเรื่องเวลา เพราะแน่นอนว่าเขากับโรสตั้งใจจะเก็บเมลโลเอาไว้ทรมานอีกนานๆ ส่วนสถานที่ก็แน่นอนว่าต้องเป็นอาณาจักรเวทมนต์แห่งนี้ แต่พวกเขาก็ยังคงต้องใช้ชีวิตในโลกภายนอกอีก และถ้าเป็นแบบนั้น พวกเขาก็ต้องเสียเวลาเดินทางไปมาระหว่างโลกภายนอกและอาณาจักรเวทมนต์เพื่อมาทรมานเมลโลน่ะสิ และถึงมันจะใช้เวลาไม่มาก แต่มันก็ยังเสียเวลาที่เขาจะเล่นกับโรสอยู่ดี
" เอาล่ะ ไปกันเถอะ"
" นั่นสินะ...บทลงโทษมันยังไม่จบนี่"
__________(ตัด)
ไปๆมาๆเหมือนแต่งให้ราฟกับโรสเขาจีบกัน =_=
ส่วนที่มีเนื้อหารุนแรง(ฉากเล่นกับเมลโล)ยังไม่จบนะครับ เพราะถ้าจะเขียนให้จบในตอนเดียว(อย่างที่เคยตั้งใจไว้)มันจะยาวเกินไป ผมเลยตัดส่วนที่เหลือไปไว้ในอีกตอนหนึ่งแทน
ขอบคุณนักอ่านทุกท่าน
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ชอบอ่าาาาา // รออ่านต่อนะคร้าาา
...
ไม่รู้ทำไม...ผมนํ้าตาแทบจะไหลกับเม้นท์นี้ ขอบคุณนะครับ :D
น่าร้ากกก ไม่รู้ทำไมแต่ชอบมากกกกกสะใจด้วยยยย// นะคร้าาาาชอบมากกกกก จะรออ่านคร้าาา