กาลครั้งหนึ่ง ย้อนกลับไปเมื่อยุคแรกเริ่มที่ยังไม่มีจักรวาลหรือมิติใดเลย ได้มีชายหญิงคู่หนึ่งอาศัยอยู่ ทั้งคู่อยู่มานานจนถึงขนาดที่ว่าพวกเขาเองยังจำอายุขัยที่แท้จริงของตัวเองไม่ได้
จนกระทั่งพวกเขาเกิดความเบื่อหน่าย จึงได้สร้างมิติมากมายขึ้นมา รวมถึงเหล่าสิ่งมีชีวิตด้วย ซึ่งเหตุผลที่สร้างขึ้นมาก็ง่ายๆ นั่นคือทั้งสองหวังว่าการเฝ้าดูชีวิตของสิ่งมีชีวิตในหลายๆมิติจะสามารถลดทอนความน่าเบื่อหน่ายของตนเองลงไปได้บ้าง
แต่เพราะแต่ละมิตินั้นช่างดูวุ่นวายเสียเหลือเกิน ชายหญิงที่สร้างทุกอย่างขึ้น หรือก็คือคนที่ถูกขนานนามว่าองค์จักรพรรดิกับองค์จักรพรรดินีในภายหลัง ทั้งสองได้เล็งเห็นถึงความวุ่นวายต่างๆ แต่ก็ไม่อยากจะสอดมือเข้าไปยุ่งเกี่ยว แต่จะให้ปล่อยปัญหาเหล่านี้ทิ้งเอาไว้ก็ไม่ได้ ทั้งสองจึงได้สร้างผู้ดูแลมิติขึ้นทั้งหมด5คนเพื่อดูแลมิติที่มีมากมาย ซึ่งผู้ดูแลเหล่านั้น ถ้าจะเรียกตามสิ่งที่คนในมิติต่างๆเคารพนับถือก็คงจะเป็นพระเจ้า
และพระเจ้าคนที่สนิทกับองค์จักรพรรดิทั้งสองมากที่สุดก็คงจะหนีไม่พ้นลีออนและนาธาน ทั้งสองจะมีสองหน้าที่หลักๆนั่นคือการดูแลมิติที่ตนเองได้รับผิดชอบและการอยู่ดูแลรับใช้องค์จักรพรรดิทั้งสองอย่างใกล้ชิด
" ฝ่าบาท ชาได้แล้วครับ" เสียงร่าเริงติดกวนประสาทดังขึ้นพร้อมกับร่างของชายผมขาวที่ในมือมีถาดใส่ชากับของว่างวางอยู่เดินเข้ามาในสวนขนาดกลางอันงดงาม
" ขอบใจ" หญิงและชายผมขาวที่นั่งอยู่ในศาลากลางสวนตอบรับแต่ดวงตาสองคู่ที่ข้างหนึ่งมีสีแดงดุจเลือดและอีกข้างที่เป็นสีนํ้าเงินเข้มดั่งทะเลลึกกลับยังคงจดจ้องไปยังของบางอย่างที่ตั้งอยู่บนโต๊ะ
" ไข่นั่นมีอะไรผิดปกติเหรอ?" ลีออนถามต่อเมื่อเห็นเจ้านายสองคนให้ความสนใจกับของบนโต๊ะมากเหลือเกิน
ของที่วางอยู่บนโต๊ะนั่นคือไข่ ไข่ที่มีขนาดเท่ากับเด็กทารกสองใบ ใบหนึ่งมีสีม่วงเข้มจนเกือบดำ มีลายเป็นรูปเกล็ด แถมเกล็ดบางส่วนนั้นมีสีแดงส่องแสงออกมาราวกับอัญมณี ส่วนไข่อีกใบก็ไม่ต่างกันนัก แต่ไข่ใบนี้กลับเป็นสีขาว ส่วนลายเกล็ดบางส่วนเป็นคล้ายกับคริสตัลที่ส่องแสงแวววาว ซึ่งไข่สองใบนี้เกิดจากพลังของชายหญิงคู่หนึ่ง หรือก็คือจักรพรรดิกับจักรพรรดินี
" น่าจะใกล้ฟักแล้ว" คราวนี้เป็นชายผมขาวที่ตอบมาส่วนลีออนก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป ืำเพียงแค่เฝ้ามองไข่บนโต๊ะไปด้วยอีกคน จนกระทั่งหลายนาทีผ่านไปก็มีบุคคลมาใหม่เข้ามา
" ถวายพระพรฝ่าบาท"
" มีอะไร?" เสียงของผู้มาใหม่เรียกความสนใจจากชายหญิงที่นั่งอยู่บนโต๊ะได้
" ไม่มีอะไรครับ ผมแค่ว่างก็เลยแวะมาเยี่ยมพวกท่านเฉยๆ"
" หึ! มาบอกว่าว่าง งานการไม่ทำมัวแต่ร่อนไปร่อนมามากกว่าน่ะสิ" ลีออนบ่น
" ถ้าข้าร่อนไปร่อนมาจริง ก็คงจะเป็นเหมือนกับเจ้านั่นแหละ" นาธานตอกกลับไปทันที
" เหมือนข้า? อย่ามาพูดบ้าๆ ข้ามาอยู่รับใช้ฝ่าบาทต่างหาก เจ้านั่นแหละ งานไม่ทำแล้วยังจะมาพาลใส่ข้าอีก" จากนั้นสงครามนํ้าลายก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง ส่วนชายหญิงผมขาวที่นั่งอยู่บนโต๊ะก็ไม่ได้ทำอะไร ทั้งสองเพียงแค่เฝ้ามองดูไข่บนโต๊ะเท่านั้น เพราะรู้นิสัยของลูกน้องสองคนนี้ดี ถ้าเถียงกันไปเรื่อยๆจนน่ารำคาญมากเกินไปเมื่อไหร่ เดี๋ยวพวกเขาค่อยห้ามเอาก็ได้
" เจ้านั่นแหละ!"
" เจ้าสิ!"
หลายนาทีผ่านไป ชายสองคนก็ยังคงทะเลาะกันไปเรื่อยๆ แต่แล้วพวกเขาก็ต้องหุบปากฉับเพราะได้ยินเสียงคล้ายอะไรบางอย่างปริแตก ก่อนจะมีเท้าเล็กๆถีบออกมาจากไข่สีม่วงเข้มจนเปลือกไข่กระเด็นออกไปตั้งอยู่บนโต๊ะไม่ไกลมากนัก และต่อมาเปลือกไข่ใบนั้นก็ปริแตกจนหมด เผยให้เห็นสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กที่อยู่ภายใน
" กร๊าว~"
มันส่งเสียงออกมาเบาๆพร้อมกับดวงตาเล็กๆสีม่วงทรงพลังที่ถูกเปิดออก แต่จู่ๆมันก็ทำในสิ่งที่ค่อนข้างจะน่าแปลกใจสำหรับอีกสองคนที่เฝ้ามองอยู่ นั่นคือการที่เจ้าตัวเล็กสีม่วงเกือบดำกำลังก้าวออกมาจากเปลือกไข่ที่ห่อหุ้มส่วนลำตัวของตัวเองไว้ แล้วจัดการใช้เท้าทั้งสี่ของตัวเองกระทืบลงไปยังเปลือกไข่ที่มันเพิ่งจะฟักออกมาจนละเอียดเป็นชิ้นเล็กๆ
" หึๆๆ น่ารักจริงๆเลยนะ" หญิงผมขาวหัวเราะออกมาอย่างชอบใจและเอ็นดูในความน่ารักของเจ้าตัวน้อย
" ถ้าโตอีกหน่อยคงจะซนน่าดู" ชายผมขาวที่นั่งอยู่บนโต๊ะเองก็มีท่าทางไม่ต่างกัน
แต่ท่าทางของพวกเขาสองคนจะค่อนข้างแตกต่างจากอีกสองคนมากนัก เพราะในตอนนี้ลีออนกับนาธานกำลังยืนทำหน้าแปลกๆเหมือนกันอยู่
ฝ่าบาทของพวกเขามองว่าเจ้าตัว...ตัวอะไรไม่รู้ที่รูปลักษณ์ถึงจะดูสวยงาม แต่พอออกมาจากไข่ก็ทำการกระทืบไข่ของตัวเองทิ้งนี่ว่าน่ารักได้ยังไง เพราะไม่ว่าจะดูยังไง ในสายตาของพวกเขา มันก็ดูบ้าพลังมากกว่าจะน่ารัก หรือจะเป็นเพราะฝ่าบาทของพวกเขามีรสนอยมแปลกประหลาด?
" เจ้าตัวน้อย จะทำอะไร?" ผู้หญิงผมขาวพูดพร้อมรอยยิ้มมุมปาก เมื่อเจ้าตัวสีม่วงเกือบดำกำลังเดินได้อย่างคล่องแคล่วไม่เหมือนสัตว์เกิดใหม่และตรงไปยังไข่สีขาวอีกใบที่วางอยู่ใกล้ๆกัน ก่อนที่มันจะ...
" เฮ้ย!"
ลีออนและนาธานถึงกับตะโกนออกมาเพราะเจ้าตัวประหลาดสีม่วงกำลังใช้เท้าหน้าเล็กๆทั้งสองข้างตะกุยเข้าไปที่เปลือกไข่อีกใบ ซึ่งเล็บสีแดงเป็นประกายที่เท้าเล็กๆของมันก็คมมาก จนไข่ใบสีขาวเริ่มมีรอยร้าวและในที่สุดมันก็แตกออกไปส่วนหนึ่ง ก่อนที่ต่อมาส่วนต่างๆของไข่จะแตกออกตามมาเพราะว่าเจ้าตัวที่อยู่ในไข่เริ่มขยับและดิ้นจะออกมาสู่โลกภายนอก แถมยังมีเจ้าสัตว์ประหลาดตัวน้อยสีม่วงคอยทำลายไข่อยู่ภายนอก จนในที่สุด ไข่สีขาวก็กลายเป็นเพียงแค่เศษซากไม่ต่างจากอีกใบ และบนโต๊ะก็มีเจ้าสัตว์ประหลาดตัวเล็กเท่าเด็กเพิ่งเกิดนั่งอยู่ ดวงตาเล็กๆสองคู่มองไปยังคนทั้งสี่ที่กำลังมองมาที่พวกมันเช่นกัน
" ฝ่าบาท นี่มันตัวอะไรเหรอ?" ลีออนถามเจ้านายที่นั่งอยู่
" เจ้าตั้งชื่อให้เจ้าตัวนั้น ส่วนตัวนี้ข้าตั้งเอง" แต่สิ่งที่ลีออนได้รับมาคือการเมินพร้อมกับคำพูดของหญิงสาวหนึ่งเดียวที่นั่งอยู่ตรงนี้พร้อมกับการจัดแจงอย่างเรียบร้อยว่าใครจะได้ตั้งชื่อเจ้าสัตว์ประหลาดน้อยตัวไหน
" ถ้างั้นข้าจะเรียกเจ้าว่าคาลอส" ชายผมขาวตาสองสีพูดพลางชี้ไปยังเจ้าตัวน้อยสีม่วงเข้มเกือบดำหรือก็คือเจ้าสัตว์ประหลาดที่กระทืบไข่ของตัวเองจนเละตั้งแต่ออกมาจากไข่ และเมื่อเจ้าตัวน้อยได้รับชื่อของตัวเอง มันก็ส่งเสียงออกมาคล้ายตอบรับ
" ส่วนเจ้าก็ชื่อเนฟาทีละกัน" หญิงสาวอีกคนพูดต่อ
" พาพวกมันไปหาอะไรกินกันเถอะ จักรพรรดินี" ชายที่มีดวงตาสองสีเรียกหญิงอีกคน
" เจ้าคิดดี จักรพรรดิ"
ทั้งสองพูดคุยและเรียกอีกฝ่ายตามปกติ หรือก็คือการเรียกอีกฝ่ายว่าจักรพรรดิหรือจักรพรรดินี ซึ่งเรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด เพราะสองคนนี้หรือก็คือคนที่ถูกเรียกว่าองค์จักรพรรดิทั้งสองไม่มีชื่อจริงอยู่แล้ว ทั้งสองใช้ชีวิตด้วยกันมาแบบเพื่อน และต่างเรียกอีกฝ่ายว่า 'เธอ จักรพรรดินี/ เขา จักรพรรดิ' เท่านั้น ไม่มีการตั้งชื่อหรืออะไรทั้งสิ้น เพราะในสายตาของพวกเขา ชื่อมันก็เป็นเพียงสิ่งที่ถูกสมมติขึ้นมาเท่านั้น ถึงไม่มีก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร
ห้องโถง
" ถวายพระพรองค์จักรพรรดิ องค์จักรพรรดินีพ่ะย่ะค่ะ/เพคะ"
ขณะนี้กำลังมีคนห้าคนกำลังคุกเข่าอยู่ที่พื้น และเบื้องหน้าก็คือบันไดที่ยกสูงขึ้นเล็กน้อยและเป็นที่ตั้งของบัลลังก์ขนาดใหญ่สองตัว และบนบัลลังก์นั้นก็มีชายหญิงคู่หนึ่งนั่งอยู่
" ลุกขึ้น"
" ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ/เพคะ"
" วันนี้มีอะไรอีกล่ะ?" ชายที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ถามด้วยความเบื่อหน่าย ในขณะที่มือก็ลูบเกล็ดลื่นๆของเจ้าสัตว์ประหลาดสีม่วงที่อยู่บนตักไปด้วย
" เห้อ ฝ่าบาท พวกท่านจะเบื่อจนลืมว่างันนี้เป็นวันครบรอบที่พวกเราจะต้องมารายงานผลของแต่ละมิติไม่ได้นะครับ" เทรเลอร์ หรือก็คือหนึ่งในพระเจ้าทั้งห้าพูดขึ้น
อย่างที่รู้กันว่าพระเจ้าทั้งห้ามีหน้าที่ดูแลมิติต่างๆ และจะมีการตั้งกฎให้ทั้งห้าคนมารวมตัวกันเมื่อถึงเวลาเพื่อรายงานผลว่ามิติที่ตัวเองดูแลอยู่มีความเรียบร้อยดีหรือไม่ ซึ่งแน่นอนว่าแค่ฟังดูมันก็น่าเบื่อสำหรับองค์จักรพรรดิทั้งสองแล้ว และผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสองก็คงจะไม่อยากมานั่งฟังรายงานน่าเบื่อแน่ๆ แต่เพราะพระเจ้าทั้งห้ารบเร้าอย่างหนัก จักรพรรดิทั้งสองจึงต้องตอบตกลงให้มีการรายงานผลของแต่ละมิติเมื่อถึงเวลาเพื่อตัดปัญหา
" ฝ่าบาท นั่นตัวอะไรเหรอคะ?" เสียงหวานของลิเลียน่าหรือหนึ่งในพระเจ้าทั้งห้าดังขึ้นเมื่อเธอสังเกตุเห็นเจ้าสองตัวที่อยู่บนตักของเจ้านายทั้งสองมาตั้งแต่ตอนที่เข้ามาในห้องโถงแต่ยังไม่มีโอกาสได้ถาม
" ไม่รู้สิ" คนบนบัลลังก์ทั้งสองตอบมาพร้อมกัน
" ตัวประหลาด" ลีออนพูดพลางจ้องเจ้าตัวน้อยสีม่วงเข้มเขม็ง
" บ้าพลังด้วย" นาธานพูดเสริม
" เอ๋?"
" เจ้าตัวน้อยนี่เนี่ยนะ? บ้าพลัง?" เอ็ดน่าหรือก็คือพระเจ้าหญิงอีกคนพูดต่อ
" ใครบ้าพลังกัน?!" คาลอสหรือก็คือเจ้าตัวประหลาดบ้าพลังพูดขึ้นเมื่อทนฟังตนเองโดนนินทาไม่ไหว
" หึ! ก็เจ้าตัวไหนล่ะ? ที่กระทืบไข่ของตัวเองเสียแหลกน่ะ" ลีออนพูดเสียงยียวน
" หึ! ก็ยังดีกว่าเจ้าคนที่กวนประสาทชาวบ้านไม่เว้นวันนั่นแหละ!" คาลอสตอบเสียงแข็ง และแล้วหนึ่งพระเจ้าหนึ่งสัตว์ประหลาดก็เถียงกันต่อไปเรื่อยๆ
" ฝ่าบาท แล้วพวกมันอายุเท่าไหร่แล้วเหรอคะ?" ลิเลียน่าถามต่อ แต่สิ่งที่ได้เห็นคือการที่คนที่นั่งอยู่บนบัลลังก์หันมามองหน้ากัน
" ไม่รู้สิ จำไม่ได้แล้ว" จักรพรรดินีตอบกลับมา
" จักรพรรดินี ท่านจำอายุของข้าไม่ได้งั้นเหรอ? แบบนี้ข้าน้อยใจนะ" เนฟาทีที่นอนหมอบอยู่บนตักของจักรพรรดินีเงยหน้าขึ้นมองเจ้านายพร้อมพูดด้วยนํ้าเสียงงอนๆทันที
" ก็มันผ่านมานานแล้วนี่" จักรพรรดินีตอบกลับไป
ถ้านับๆดูก็น่าจะราวๆหลายแสนปีแล้วล่ะมั้ง?...แสนกว่าปีงั้นเหรอ? อาจจะฟังดูยาวนานสำหรับสิ่งมีชีวิตต่างๆที่ใช้ชีวิตได้แค่ช่วงสั้นๆ แต่มันช่างแสนสั้นสำหรับเธอและจักรพรรดิเหลือเกิน อาจจะเพราะอยู่มานาน
" พวกเจ้าอายุตั้งเท่าไหร่แล้ว ทำไมยังชอบทำตัวเป็นเด็กอยู่อีก?" จักรพรรดิหนุ่มหันมาพูดกับสัตว์ประหลาดที่อยู่บนตักของตนเองและสหายสาวที่อยู่ด้วยกันมานา และเรื่องที่เขาบอกว่าเจ้าสัตว์ประหลาดสองตัวนี้ชอบทำตัวเป็นเด็กก็อย่างเช่นการที่จริงๆแล้วเจ้าสัตว์ประหลาดสองตัวนี้นั้นมีร่างกายที่ใหญ่โตพอๆกับปราสาทเพราะอยู่มานานจนถึงวัยเจริญเติบโต แต่กลับชอบทำตัวเองให้อยู่ในร่างเล็กๆแล้วก็เข้ามาคลอเคลียเขากับสหายสาว
" ฝ่าบาท ต้องให้พวกข้าบอกอีกกี่ครั้ง ต่อให้พวกเราจะดูแก่เพราะอยู่มาเป็นแสนๆปี แต่มันก็เป็นแค่ช่วงเวลาสั้นๆสำหรับพวกท่านเท่านั้น เพราะฉะนั้น พวกข้าก็ยังดูเด็กอยู่ดี ถ้าเทียบกับอายุของพวกท่าน" เนฟและคาลอสเถียงกลับทันที ส่วนจักรพรรดิทั้งสองก็ไม่มีใครตอบอะไรอีก
" ฝ่าบาท ช่วงนี้พวกท่านรู้สึกเบื่อใช่มั้ย?" เทรเลอร์พูดขึ้นและเรื่องที่เขาพูดก็เรียกความสนใจจากผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสองได้ไม่ยาก
" ข้าเห็นเจ้าสองตัวนี้แล้วก็นึกขึ้นได้ ทำไมพวกท่านไม่ลองสร้างสัตว์สายพันธุ์ต่างๆขึ้นมาดูล่ะ? บางทีมันอาจจะพอทำให้พวกท่านสนุกขึ้นมาบ้างก็ได้นะ"
และนั่นก็เป็นที่มาของสัตว์ในจินตนาการต่างๆหลากหลายสายพันธุ์ รวมถึงมังกรก็ด้วย ซึ่งเนฟาทีและคาลอสถูกเปลี่ยนจากเจ้าสัตว์ประหลาดให้กลายเป็นมังกร ซึ่งก็แน่นอนว่าไม่ใช่มังกรธรรมดาๆสายพันธุ์ทั่วไป แต่เป็นราชาและราชินีของมังกรและสัตว์เผ่าอื่น
" จักรพรรดิ ข้าเริ่มเบื่ออีกแล้ว" หญิงสาวในชุดนอนและกำลังนั่งอยู่บนเตียงหันไปบอกชายหนุ่มอีกคนที่อยู่ในห้อง
นับตั้งแต่ตอนที่เทรเลอร์เสนอให้สร้างสัตว์วิเศษขึ้นมาก็ผ่านมาหลายแสนหรืออาจจะเข้าหลายล้านปีแล้ว และตอนนี้ความเบื่อก็เข้าครอบงำเธออีกครั้ง
" งั้นก็แสดงว่าเจ้ามีความรู้สึกไม่ต่างจากข้า" ชายหนุ่มที่ใส่เพียงกางเกงขาสั้น เผยร่างกายอันน่าหลงใหลท่อนบนที่ยังคลมีหยดนํ้าเกาะพร่างพราวเพราะเพิ่งจะอาบนํ้าเสร็จตอบกลับมาพลางเดินมานั่งบนเตียงและส่งผ้าให้อีกคนบนเตียงก่อนจะนั่งหันหลังให้เธอ ส่วนอีกคนก็รู้หน้าที่ ใช้ผ้าผืนที่ถูกส่งมาเช็ดผมสั้นสีขาวให้อีกคนอย่างเคยชิน
" ช่วงนี้ข้าเริ่มคิดแปลกๆ อยากจะลองลงไปใช้ชีวิตในมิติต่างๆดูบ้าง อยู่อย่างสุขสบายและเฝ้ามองทุกอย่างเหมือนเป็นเป็นผู้ควบคุมเดียวมันน่าเบื่อเกินไป" ริมฝีปากอวบอิ่มเอ่ยออกมา
" ความคิดไม่เลว สมแล้วที่เจ้าเป็นยอดรักของข้า" จักรพรรดิหนุ่มหันกลับมาและจับหญิงสาวคนงามกดลงกับเตียงอย่างว่องไว
" เห้อ เจ้าเนี่ยนะ ชอบทำเป็นปากหวานอยู่เรื่อย" หญิงสาวถอนหายใจด้วยความเบื่อหน่าย
เธอกับสหายที่อยู่ด้วยกันมานานคนนี้จริงๆก็เป็นกันแค่สหายรัก ไม่มีอะไรเกินเลย แต่ดูท่าว่าสหายรักของเธอคนนี้จะไม่คิดแบบนั้น ชอบหยอดชอบทำเป็นปากหวาน พูดจาราวกับหนุ่มเจ้าชู้จีบสาว และถ้าหนักหน่อยก็จะมีการกระทำเข้ามาเกี่ยวข้อง อย่างเช่นตอนนี้ที่เธอถูกจับกดลงกัลเตียง เรื่องแบบนี้ใช่ว่าไม่เคยเกิด แต่เกิดบ่อยจนเธอรู้สึกชินชาแล้วต่างหาก...แต่ลึกๆแล้ว การทำแบบนี้มันก็ทำให้ใจเธอสั่นไหวอย่างแปลกๆ
" หึๆๆ ปากข้าหวาน แต่คงหวานไท่เท่าตัวเจ้าหรอก" ชายหนุ่มตอบกลับพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ แถมยังเผยให้เห็นเขี้ยวเล็กๆที่คล้ายกับแวมไพร์ บวกกับร่างกายที่เปลือยเปล่าท่อนบน เชื่อว่าถ้ามีหญิงหรือชายใดได้มาเห็นก็คงจะอดหน้าแดงหรือเป็นอะไรมากกว่านั้นไม่ได้แน่ แต่น่าเสียดายที่คนที่เห็นภาพนี้คือจักรพรรดินีที่เห็นแบบนี้มาตั้งหลายปีแล้ว
" เอาเถอะ คืนนี้ข้าจะปล่อยเจ้าไปก่อน" เมื่อเห็นง่าอีกคนทำหน้าบูคบึ้งอย่างไม่มีอารมณ์ร่วม จักรพรรดิหนุ่มก็ยอมล่าถอยแต่โดยดี และเดินไปปิดไฟก่อนจะกลับมานอนที่เตียงและดึงอีกคนให้เข้ามาอยู่ในอ้อมกอดตามปกติ
ก็ปกติจริงๆนั่นแหละ องค์จักรพรรดิทั้งสองนั้นนอนห้องเดียวกันอย่างนี้มาตั้งแต่ตอนที่พวกมิติต่างๆยังไม่ถูกสร้างขึ้น และการนอนกอดกันแบบนี้ราวกับคู่รักก็เป็นเรื่องปกติอีกนั่นแหละ
" จริงสิ ถ้าหากว่าตอนที่ลงไปในมิติพวกนั้นแล้วเกิดมีคนมาจีบเจ้า ข้าจะทำยังไงดีล่ะ?" ชายหนุ่มยังคงไม่หยุดหยอกล้ออีกคนต่อ
" ก็ปล่อยไปสิ ให้ข้าได้เจอชายคนอื่นบ้าง ที่ผ่านมาข้าเธอแต่เจ้าจนเบื่อขี้หน้าแล้ว" หญิงสาวหยอกล้อกลับไป
" หึ! ถ้างั้นข้าก็จะทำให้ชายที่มาเข้าใกล้เจ้าหายไปให้หมดจนเหลือแค่ข้า เอาให้เจ้าเห็นข้าเพียงคนเดียวไปตลอดกาลเลย เป็นยังไง?" เขาพูดพลางสวมกอดอีกคนให้แน่นขึ้นกว่าเดิม
" แล้วแต่เจ้าเถอะ!" คนถูกถามสะบัดเสียงใส่ ต่างจากอีกคนที่หัวเราะร่าอย่างมีความสุข
" ว่าแต่เจ้าจะไม่ใส่เสื้อจริงๆเหรอ? คืนนี้มันหนาวนะ" หญิงสาวพูดต่อด้วยนํ้าเสียงเป็นกังวล
มิติที่พวกเขาอยู่ตอนนี้เป็นมิติเล็กๆที่มีพื้นที่เพียงแค่ไม่มาก เป็นมิติศูนย์กลางที่มีเพียงแค่จักรพรรดิทั้งสองและพวกพระเจ้าทั้งห้าเท่านั้นที่อาศัยอยู่ นอกนั้นก็มีแค่พวกสัตว์วิเศษที่ถูกสร้างขึ้นมา แต่ถึงจะเป็นมิติเล็กๆยังไงก็ยังมีการกำหนดให้มีฤดูกาล และตอนนี้ก็เป็นฤดูหนาว ถึงแม้ว่าในห้องจะมีการจุดเตาผิงเพื่อให้ความอบอุ่นแต่มันก็ยังหนาวอยู่ดี
" เจ้าห่วงข้าเหรอ?" ชายหนุ่ทถามนํ้าเสียงยียวน
" อื้ม ข้าห่วง" หญิงสาวตอบตามที่คิดอย่างไม่อาย
" ฮ่าๆๆ ไม่แปลกใจเลยที่ข้าจะรักเจ้า" เขาหัวเราะเล็กน้อยก่อนจะพลิกตัวให้อีกคนหันหน้ามาหาแล้วประทับจุมพิตลงไปที่หน้าผากมน
_________(ตัด)
ผมมีข่าวที่ไม่รู้ว่าร้ายหรือดีมาบอกครับ คือตอนนี้ผมมาแต่งนิยายบ่อยไม่ได้แล้วเพราะติดเรียน ถ้าตามตารางปกติผมจะเลิกเรียนตอนบ่ายสามโมง แต่ส่วนมากจะโดนครูเรียกไปทำงานต่อจนถึงราวๆสี่โมงเย็น หลังจากนั้นผมก็มีเรียนพิเศษดนตรีไทย กลับถึงบ้านก็หกโมงเย็น กว่าจะทำธุระส่วนตัว กินข้าว ทำงานบ้าน ก็ปาไปหนึ่งทุ่มกว่าแล้ว ต่อมาก็ทำการบ้านที่มีเป็นภูเขา ถ้าไม่มากก็อาจจะแค่สองทุ่ม ถ้ามากก็สามทุ่มยาวไป
แล้วหลังจากนั้นสมองผมก็ล้าเกินกว่าจะแต่งนิยายแล้ว ผมรู้ดีว่าถ้าตัวเองสมองล้า ตัวผมเองจะคิดอะไรไม่ออกเลย ถ้าฝืนแต่งนิยายไปก็มีแต่จะน่าเบื่อ เนื้อเรื่องยํ่าอยู่กับที่ พาลให้คนอ่านไม่สนุกไปด้วย
ผมจึงมีเวลาว่างและเวลาที่เหมาะสมสำหรับการแต่งนิยายแค่ช่วงวันหยุดเสาร์อาทิตย์เท่านั้น และนั่นก็หมายความว่าถ้าผมแต่งนิยายเสร็จทันเวลาที่คิดไว้ ผมก็จะได้อัพนิยายแค่1ตอนต่อหนึ่งอาทิตย์เท่านั้น ถ้าจะให้ฝืนก็คงไม่ไหว ต้องขอโทษด้วยจริงๆนะครับ
และสุดท้ายก็ต้องขอขอบคุณนักอ่านทุกท่านที่คอยเป็นกำลังใจและติดตามนิยายเรื่องนี้มาโดยตลอดด้วยนะครับ ขอบคุณจริงๆ
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย