" รุ่นพี่ครับ ตอนที่รุ่นพี่มาสอบเข้าเนี่ย มีคนที่ได้เข้าเรียนกี่คนเหรอครับ?" มาร์ตินหันไปถามแดนกับคริสที่เขาเรียกว่ารุ่นพี่ด้วยความสงสัย
" คนที่ผ่านการสอบพาคทฤษฎีมีประมาณสี่ร้อยกว่าคน แต่ที่ได้เข้าเรียนมีแค่สองร้อยกว่าๆ" แดนทำท่าครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะตอบออกมา
" น้อยมากเลยนี่นา" วิลล์พูดขึ้น
" ใช่ เพราะแค่ข้อสอบภาคทฤษฎีก็หนักหนามากแล้ว แต่ละปีแนวข้อสอบจะคล้ายๆกันก็จริง แต่มันก็ไม่เคยมีใครทำได้เกิน800ข้อมาก่อนตั้งแต่วาซีรสถูกก่อตั้งขึ้น จะมีก็แต่รุ่นนี้หรือก็คือพวกนายนั่นแหละ" คริสพูดตอบ
" ใช่ ส่วนการสอบภาคปฏิบัติก็ไม่น้อยหน้า ทุกปีการสอบภาคปฏิบัติก็คือการให้เอาสัตว์เวทย์มาเป็นคู่พันธสัญญาให้ได้ และถึงจะบอกว่าสัตว์เวทย์ที่ถูกเรียกมาจะมีพลังเหมาะสมกับเรา แต่มันก็ยากจะจัดการอยู่ดี เพราะคนส่วนมากมักจะไม่ค่อยได้ฝึกการต่อสู้สักเท่าไหร่ เวลาต้องมาต่อสู้กับสัตว์เวทย์เลยค่อนข้างลำบาก
แต่ถ้าจะให้ใช้วิธีเจรจาก็คงจะยากอีกนั่นแหละ เพราะอย่างที่รู้กันดีว่าสัตว์เวทย์ที่ยังไม่ได้ทำพันธสัญญาจะไม่สามารถคุยกับมนุษย์ ปีศาจหรือเทพรู้เรื่อง ต้องให้ทำพันธสัญญากันก่อนถึงจะสามารถสื่อสารกันได้ เวลาจะเจรจาเลยต้องใช้ท่าทางเอา ซึ่งมันก็ไม่ค่อยจะมีใครใช้วิธีนี้แล้วล่ะ เพราะสัตว์เวทย์มันไม่ได้ยอมเจรจากับเราง่ายมากขนาดนั้น บางตัวถูกอัญเชิญมาก็เอาแต่จะต่อสู้ท่าเดียว" แดนพูดเสริม
" แล้วรุ่นพี่ทำยังไงถึงได้อเดล/กับซานมาเป็นคู่หูล่ะครับ?" ฝาแฝดถามด้วยดวงตาเป็นประกาย
" ฮ่าๆๆๆ มันก็ง่ายๆอยู่นะ ของฉันเนี่ย เพราะตอนที่ฉันสู้กับอเดล เจ้านั่นมันถูกใจในความเร็วของฉันน่ะ ก็เลยยอมทำพันธสัญญากันง่ายๆ" คริสเล่าก่อน
" ส่วนของฉันเป็นเพราะตอนที่ฉันต่อสู้กับซาน ฉันใช้ผงยาพิษที่ปรุงขึ้นเองเข้ามาช่วยด้วย แล้วซานที่เป็นงูพิษอยู่แล้วเลยชอบอกชอบใจเลื้อยเข้ามาให้ฉันทำพันธสัญญาได้ง่ายๆน่ะ" แดนเล่าบ้าง
" จะว่าไปก็เหมาะกันดีนะครับ" อลันพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าใครมีอะไรเหมือนกัน
" งั้นเหรอ? แต่บางวันเจ้าอเดลมันก็พูดมากจนฉันไม่ชอบนะ" คริสพูดพลางนึกถึงตอนที่เขาอยู่ที่หอแล้วทำการบ้านอยู่ เจ้าอเดลก็ออกมาจากมิติแล้วมาบ่นนู่นบ่นนี่ให้เขาฟังไปเรื่อย
" ไม่หรอก อเดลพูดมากน่ะดีแล้ว จะได้คุยเป็นเพื่อนกับพี่แล้วพี่จะได้ไม่ต้องมารบกวนผมไง" แดนพูดขึ้น
" แล้วพวกนายอยากได้สัตว์เวทย์แบบไหนล่ะ?" คริสหันไปถามเหล่าว่าที่รุ่นน้อง
" ขอที่ช่วยปรุงยาได้" ฮานส์ตอบอย่างคนที่ไม่ต้องคิดอะไรทำเอาคนอื่นๆได้แต่หัวเราะในความตรงไปตรงมาของเพื่อนหนุ่ม
" แล้วน้องอยากได้สัตว์เวทย์แบบไหนเหรอ?" คริสหันไปถามโรส แต่เธอกลับไม่ได้ตอบอะไร ทุกคนจึงหันไปมอง
" โรส?" นํ้าเสียงของคริสฟังแปลกๆไปเมื่อเขาเห็นโรสกำลังซบไหล่ของราฟอยู่
" หลับน่ะ" ราฟตอบออกมา
นํ้าเสียงของเขาราบเรียบและนิ่ง นิ่งมากจนคริสและแดนต้องระงับอารมณ์ความหมั่นไส้...แค่เจ้าหมอนี่มันได้เป็นหมอนให้โรสได้ซบก็มากเกินพอแล้ว แต่นี่กลับทำตัวน่าหมั่นไส้อีก พวกเขาอยากจะพุ่งเข้าไปต่อยเจ้าหมอนี่สักทีจริงๆ ถ้าไม่ติดว่าโรสจะตื่นขึ้นมาน่ะนะ
" อ๊ะ! เริ่มแล้ว" ลิลลี่พูดขึ้นเมื่อมีนักเรียนคนแรกถูกเรียกลงไปบนสนามด้านล่าง
แต่แล้วพวกเขาก็ต้องเผยสีหน้าแปลกๆออกมา เมื่อสัตว์เวทย์ที่ถูกเรียกออกมาตัวแรกเป็นเพียงแค่สัตว์เวทย์ธรรมดาๆ รูปร่างไม่ได้ต่างอะไรไปจากสัตว์ปกติทั่วไปมากนักและพลังของมันก็ธรรมดามาก ซึ่งนั่นก็แสดงว่ามันเป็นสัตว์เวทย์ชั้นล่าง
สัตว์เวทย์นัั้นทีหลากหลายเผ่าพันธุ์และทุกเผ่าพันธุ์ก็จะถูกจำแนกออกเป็น3ประเภท คือ
สัตว์เวทย์ชั้นล่าง เป็นสัตว์เวทย์ที่รูปร่างเหมือนกับสัตว์ทั่วๆไปแต่สามารถใช้พลังเวทย์ได้ แต่พลังของมันก็ไม่ได้มากอะไร เป็นสัตว์เวทย์ธรรมดาๆที่หาได้ทั่วไป
สัตว์เวทย์ชั้นกลาง เป็นสัตว์เวทย์ที่จะหายากขึ้นมาระดับหนึ่ง พลังของมันก็แน่นอนว่าจะเพิ่มขึ้นมาด้วยเช่นกัน
สัตว์เวทย์ชั้นสูง เป็นสัตว์เวทย์ที่หายากเอามากๆ และยากต่อการที่จะได้มันมาครอบครอง แต่ถึงอย่างนั้นพลังของมันก็มีสูงมากๆเช่นเดียวกัน
" รุ่นพี่ครับ สัตว์เวทย์ในปีที่รุ่นพี่มาสอบมีแบบนี้มากมั้ยครับ?" เกรเทลหันมาถามแดนและคริส
" เห้อ เอาจริงๆนะ ปีของพวกเราน่ะ มีแค่ราวๆเกือบห้าสิบคนที่ได้สัตว์เวทย์ชั้นกลาง ส่วนชั้นสูงก็มีไม่ถึงห้าคน แต่ที่มันเป็นแบบนี้ก็ไม่ใช่แค่ปีของพวกเราหรอกนะ พวกชั้นปีอื่นๆก็ด้วย" คริสตอบด้วนความเหนื่อย
แต่ถ้าคิดว่าที่วาซีรอสมีคนที่ได้สัตว์เวทย์หายากมีน้อยแล้วล่ะก็ คงต้องขอบอกว่าคิดผิดอย่างยิ่ง เพราะอย่าลืมว่าวาซีรอสนั้นเป็นถึงโรงเรียนชั้นปลายอันดับ1 ถ้าที่นี่มีน้อย ที่อื่นก็อาจจะไม่มีเลยก็ได้ เด็กทุกคนต่างวาดหวังว่าจะได้เข้าเรียนที่นี่ ดังนั้นที่นี่จึงเป็นสถานที่ที่เด็กจากทั้งสามเผ่ามาอยู่รวมกัน แถมวาซีรอสยังมีระบบการสอนที่ยอดเยี่ยม จึงมีเด็กที่มีความสามารถหลายคนที่มาเรียนที่นี่ ดังนั้นวาซีรอสจึงกลายเป็นศูนย์กลางที่รวบรวมเหล่าอัจฉริยะที่มีความสามารถเอาไว้
หลังจากนั้นพวกเขาก็นั่งชมการต่อสู้ไปเรื่อยๆ เพราะแน่นอนว่าไม่ทีใครคิดที่จะใช้วิธีเจรจาอย่างแน่นอน แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีคนบางกลุ่มที่ยังไม่ยอมแพ้ พยายามจะเจรจากับสัตว์เวทย์เหล่านั้นผ่านการสื่อสารด้วยท่าทาง แต่ถึงอย่างนั้นกลับไม่มีใครที่ดูเหมือนว่าจะทำสำเร็จเลย
และคราวนี้ก็ดูท่าว่าทางวาซีรอสจะไม่ได้กลั่นแกล้งอะไรกับพวกอลันมากนัก เพราะเมื่อนักเรียนหลายๆคนถูกเรียกไปลงสนามได้สักพัก ก็เริ่มมีเสียงเรียกชื่อคนในกลุ่มของพวกเขาดังขึ้นมาเรื่อยๆติดๆกันเหมือนตอนวัดพลังเวทย์ ซึ่งก็ไม่ได้ผิดคาดอะไรมากนัก เพราะพวกเขาทุกคนล้วนได้แต่สัตว์เวทย์ชั้นสูงกันทั้งนั้น เรียกได้ว่าเป็นที่อิจฉาของเด็กคนอื่นๆเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากพวกเขาจะได้สัตเวทย์ที่หายากและมีพลังมากแล้ว ยังสามารถทำคะแนนสอบภาคทฤษฎีได้เป็นอันดับต้นๆอีก
เพราะถ้าจะให้พูดจริงๆแล้ว นักเรียนคนอื่นๆอย่างมากก็ได้คะแนนที่ขึ้นต้นด้วยเจ็ดร้อย แต่กลุ่มของโรส ทุกคนกลับได้คะแนนที่ขึ้นต้นด้วยแปดร้อยหรือมากกว่านั้นกันทั้งสิ้น เรียกได้ว่าเป็นการทุบสถิติอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนเลยก็ได้ แต่เพราะคะแนนของโรสกับราฟมันน่าทึ่งเกินไป จึงไม่ค่อยจะมีใครได้มาสังเกตุคะแนนของคนอื่นๆในกลุ่มของโรสก็เท่านั้น
" ยินดีด้วย ได้สัตว์เวทย์ดีๆกันทุกคนเลย" คริสพูดพลางส่งนิ้มไปให้เหล่ารุ่นน้องที่กำลังจะเข้าเรียนที่วาซีรอส
" ขอบคุณครับ/ค่ะ"
" แต่ท่านพี่กับราฟยังไม่ได้ไปลงสนามเลยนะค่ะ" ลิลลี่ขัดขึ้น และนี่ก็ทำให้ทุกคนเริ่มมีความคิดที่ว่ามันเริ่มจะแปลกๆแล้ว เพราะขนาดตอนวัดพลังเวทย์ พวกโรสกับราฟก็ได้วัดเป็นสองคนสุดท้าย คงไม่ใช่ว่าทางวาซีรอสจะเลือกให้ทั้งสองคนลงไปเรียกสัตว์เวทย์เป็นคู่สุดท้ายอีกหรอกนะ?
" ดีแล้ว โรสจะได้หลับนานๆหน่อย" ราฟพูดขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย และนํ้าเสียงของเข่ก็บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าไม่ได้พูดเล่น
หลังจากนั้นพวกเขาก็กลับมานั่งชมการต่อสู้ในสนามอีกครั้งอย่างสงบเช่นเดิม จนกระทั่งมีใครบางคนที่ถูกเรียกชื่อลงไปในสนามประลองและนั่นทำให้ราฟต้องหักใจปลุกโรสขึ้นมาโดยไม่มีใครห้ามเพราะเห็นด้วยกับเขา
" เมลโล?" เป็นไปตามคาด จากตอนแรกที่โรสยังคงมีท่าทางงัวเงียเล็กน้อยก็ดูจะสนใจอะไรมากขึ้น
" ยูนิคอร์น?" โรสพูดออกมาไม่เบาไม่ดัง
สัตว์เวทย์ที่คุณนางเอกเรียกมาได้คือยูนิคอร์นตัวสีขาว มีหางและแผงคอสีชมพูพาสเทล ตรงเขาสีขาวมีสีฟ้าอ่อนๆแซมอยู่ตรงปลายเขา จะบอกว่ามันพิเศษกว่าตัวอื่นก็ได้ เพราะมันเป็นสัตว์ในจินตนาการ แต่มันก็ยังคงธรรมดามากอยู่ดีเมื่อเทียบกับสัตว์เวทย์ของคนอื่นๆในกลุ่มของเธอ ว่าแต่...เจ้าพวกนี้โดนเรียกไปมีสัตว์เวทย์ตอนไหน? หรือว่าตอนที่เธอหลับ?
" ธรรมดามาก" คริสพูดขึ้นทำให้พวกอลันหันมามองด้วยความสนใจ
" ทำไมล่ะครับ?" มาร์ตินถามแทนทุกคน
เพราะในสายตาของพวกเขา ยูนิคอร์นก็ดูหายากเหมือนกับสัตว์เวทย์ที่พวกเขาได้มา เพราะมันไม่ได้เป็นสัตว์ที่หาได้ทั่วๆไป และแดนกับคริสก็เข้าใจในความคิดของพวกเขาดี
" ยูนิคอร์นอาจจะดูหายากและพิเศษ แต่มันก็ไม่ได้หายากเท่าสัตว์เวทย์ที่พวกเธอได้มาหรอกนะ พลังของมันอาจจะมากกว่าสัตว์เวทย์ชั้นล่างก็จริง แต่ถ้าจะเอามาเทียบกับสัตว์เวทย์ของพวกเธอและของฉันกับพี่คริสที่เป็นสัตว์เวทย์ชั้นสูง แน่นอนว่าเจ้ายูนิคอร์นนั่นจะดูด้อยลงไปอย่างชัดเจน ง่ายๆคือมันอยู่ในสัตว์เวทย์ระดับกลาง" แดนอธิบาย
" ใช่ๆ สัตว์เวทย์ของพวกเรานับว่าเป็นสัตว์เวทย์ชั้นสูง และในวาซีรอสก็มีแค่ไม่กี่คนที่จะมีแบบนี้" คริสพูดเสริม
" ยัยนั่นทำอะไรน่ะ?" ฮานส์พูดขึ้นเมื่อเขาสังเกตุเห็นว่าเมลโลกำลังเข้าไปใกล้ยูนิคอร์นโดยไม่ได้ใช้พลังเวทย์เลยแม้แต่น้อย
" จะเจรจาเหรอ?" ลิลลี่พูดออกมาเมื่อเห็นเมลโลทำปากขมุบขมิบคล้ายกำลังพูดอยู่ แต่เพราะพวกเขาอยู่ไกลเกินไป จึงไม่รู้ว่าเมลโลพูดอะไรบ้าง แต่ไม่ใช่สำหรับโรสและราฟที่มีประสาทสัมผัสดีกว่าคนอื่นๆ
" หึๆๆ" โรสดับราฟหัวเราะในลำคอเบาๆแต่คนอื่นๆก็ได้ยิน
" มีอะไรรึเปล่า?" เกรเทลถามแทนทุกคน
" อยากจะหัวเราะให้ฟันร่วงชะมัด" โรสไม่ได้ตอบคำถามแต่กลับพูดอะไรที่ทำให้คนอื่นไม่เข้าใจออกมาแทน
" ก็อย่างที่ลิลลี่ว่า ยัยนั่นพยายามจะเจรากับยูนิคอร์นทั้งๆที่รู้อยู่แล้วว่าฟังภาษากันไม่รู้เรื่อง แต่ก็ยังดันทุรังจะพูดให้ได้" ราฟอธิบาย
" แล้วพวกนายรู้ได้ยังไง?" วิลล์ถามอย่างไม่เข้าใจและสองแฝดก็พูดเห็นด้วยอีกทีแต่สิ่งที่ได้กลับมาคือการเมินจากอีกสองคน พวกเขาจึงหันกลับไปชมในสนามต่อ
ในสนาม
" นี่ เจ้าม้า มาเป็นสัตว์เวทย์ของฉันเถอะ" เมลพูดและพยายามจะเอื้อมมือไปลูบที่ตัวของยูนิคอร์น แต่มันกลับเบี่ยงตัวหลบพร้อมพ่นลมหายใจดังพรืด
" เป็นอะไร? หรือว่าแกอาย? ไม่ต้องอายหรอกนะ" เมลโลพูดอีกครั้งพลางส่งยิ้มไปให้ โดยที่ไท่ได้รู้เลยว่ามีแต่เธอคนเดียวที่เข้าใจไปเอง
" นี่! เจ้ามนุษย์! เจ้าพูดอะไรมิทราบ?"
" พูดอะไร! ข้าไม่เข้าใจ!...ข้าเริ่มจะรำคาญแล้วนะ!"
ทว่าเมลโลที่คิดว่ายูนิคอร์นตรงหน้าพ่นลมหายใจพร้อมส่งเสียงออกมาเป็นเพราะตอบรับในคำพูดของเธอ เธอจึงยังคงเดินหน้าพูดต่อไปโดยไม่สนใจท่าทางยูนิคอร์นสีขาวตรงหน้าที่แสดงออกมาว่ากำลังรู้สึกรำคาญและหงุดหงิดเธอมากแค่ไหน
แต่ในขณะที่คนภายในสนามกำลังถกเถียงหรือเจรจากัน คนด้านนอกสนามกลับมองลงไปในสนามด้วยความตกใจ เพราะในสายตาของพวกเขานั้น เมลโลเหมือนกับสามารถพูดคุยกับยูนิคอร์นได้เข้าใจ แต่แล้วทุกคนก็กระจ่างและรู้ว่าพวกเขาคิดไปเองเมื่อ...
ผัวะ!
" โอ๊ย!"
ยูริคอร์นสีขาวสะอาดตัวนั้นได้หันหลังและใช้เท้าหลังถีบเมลโลด้วยความรวดเร็ว เพราะมันไม่สามารถทนต่อความน่ารำคาญได้ คนภายนอกสนามเองก็ได้รับคำตอบแล้วเช่นกัน เพราะถ้าทั้งคู่คุยกันรู้เรื่องและเข้าใจกันจริง เหตุการณ์แบบนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น ส่วนพวกกลุ่มของโรสนั้น...
" ฮ่าๆๆๆ" ฝาแฝดหัวเราะออกมาอย่างไม่กลัวสายตาคน
" โรส! เธอพูดถูก ตอนนี้ฉันอยากจะหัวเราะให้ฟันร่วงเลยล่ะ!" วิลล์พูดก่อนจะหัวเราะตามสองแฝด
" ไม่เอาน่า คนอื่นๆหันมามองกันแล้วนะ" อลันห้ามเพราะคนรอบๆเริ่ทหันมามองพวกเขากันแล้วแต่รอยยิ้มอ่อนโยนบนใบหน้าของเขาก็ยังคงปรากฏอยู่
" ฉันยังไม่อยากโดนเหมารวมว่าบ้าเหมือนพวกนายนะ!" ลิลลี่พูดขึ้นบ้างแต่ทว่าริมฝีปากของเธอก็มีรอยยิ้มประดับอยู่อย่างอารมณ์ดีจนเกรเทลอดใจไม่ไหว เขาก้มลงไปหอมแก้มลิลลี่ทันทีส่วนลิลลี่ก็ฟาดแขนของเกรเทลพร้อมต่อว่าเขาเล็กน้อยแต่ในขณะเดียวกันใบหน้าของเธอก็มีรอยสีแดงพาดผ่านเช่นกัน
" โอ๊ย! ไปหวานกันที่อื่น!" ฝาแฝดพูดด้วยความหมั่นไส้
" โอ๊ยๆ! มดกัด มดกัด ใครเอานํ้าตาลมาราดเอาไว้เนี่ย" วิลล์เองก็ไม่น้อยหน้า ทำท่าราวกับถูกตัวอะไรกัดเป็นท่าประกอบส่วนคนอื่นๆก็เฝ้ามองทั้งสามเย้าแหย่คู่รักของกลุ่มอย่างอารมณ์ดีและไม่คิดจะห้ามปราม
" เอ่อ ดูการประลองกันก่อนดีกว่าครับ" มาร์ตินขัดขึ้นและนั่นก็ทำให้พวกเขาหันกลับมาสนใจภายในสนามอีกครั้ง
" ยังไงก็หนีไม่พ้นต้องสู้สินะ" โรสยิ้มมุมปาก
ยูนิคอร์นตัวนั้นไม่ได้สนใจอีกแล้วว่าเมลโลจะพูดอะไร มันเอาแต่ตั้งหน้าตั้งตาโจมตีเพียงอย่างเดียว และนั่นก็ทำให้เมลโลต้องต่อสู้เพราะต้องป้องกันตัวเอง จนในที่สุดเธอก็ได้รับสัตว์เวทย์เป็นยูนิคอร์นตัวนั้น ถึงสภาพหลังจากที่เธอต่อสู้เสร็จมันจะไม่ค่อยน่าดูชมสักเท่าไหร่ก็เถอะ
หลังจากนั้นการอัญเชิญสัตว์เวทย์ก็ยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆโดยไม่มีเสียงเรียกชื่อของโรสกับราฟเหมือนกับตอนวัดพลังเวทย์เช่นเดิม แต่ทั้งสองก็ยังคงไม่ทุกข์ร้อน นั่งชมการต่อสู้ไปเรื่อยๆเพราะพวกเขาต้องการดูการต่อสู้ของคนในโลกนี้ นับว่าเป็นการแสดงแก้เบื่อได้เป็นอย่างดี และเมื่อทุกคนถูกเรียกลงไปในสนามประลองกันจนครบทุกคนแล้ว ก็เป็นอีกครั้งที่โรสและราฟถูกเรียกลงไปบนสนามพร้อมกันเป็นสองคนสุดท้าย
" เจ้าชายราฟาเอล ทาทารอส! และท่านหญิงโรซาเรีย วาเรนเซีย!"
พวกเขาเดินลงไปในสนามด้วยท่าทางนิ่งสงบ ไม่มีวี่แววของความตื่นเต้นเลยแม้แต่น้อย ทำให้ได้รับความชื่นชมจากอาจารย์หลายๆคน และเมื่อพวกเขาลงไปบนสนาม ก็มีประตูมิติเกิดขึ้นเช่นเดียวกับเมื่อตอนที่คนอื่นๆลงมาในสนาม เพราะมันเป็นประตูที่จะอัญเชิญสัตว์เวทย์ออกมา แต่ครั้งนี้มันต่างออกไปตรงที่ว่าประตูมิติมันมีขนาดใหญ่มาก ใหญ่ขนาดที่ว่าเกือบจะทะลุออกไปนอกบาเรียที่กางเอาไว้
"!!!"
ทุกสายตาต่างเบิกโพลงเมื่อเห็นสิ่งมีชีวิตที่โผล่ออกมาจากประตูมิติ พวกมันส่งเสียงคำรามออกมาดังลั่น ดวงตาขนาดใหญ่ทั้งสองคู่กวาดมองไปรอบๆก่อนจะมาหยุดอยู่ตรงเบื้องหน้าที่มีสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กทั้งสองกำลังมองมาที่พวกมันอย่างเฉยเมย ก่อนที่พวกมันทั้งสองตัวจะหลับตาพร้อมก้มหัวลงด้วยความเคารพ สร้างความตื่นตะลึงให้กับคนภายนอกเป็นอย่างยิ่ง
ภาพที่พวกเขาเห็นคือมังกร ใช่! มังกรจริงๆ มังกรเองก็นับเป็นสัตว์เวทย์เช่นกัน แต่มันไม่ได้อยู่ในสัตว์เวทย์ชั้นใดทั้งสิ้นหรือก็คือมันเป็นสัตว์เวทย์ในตำนาน
สัตว์เวทย์จะมีอยู่อีกหนึ่งประเภทที่ไม่ถูกนับรวมอยู่ในสัตว์เวทย์ชั้นล่าง ชั้นกลาง และชั้นสูง นั่นคือสัตว์เวทย์ในตำนาน ซึ่งสัตว์เวทย์จำพวกนี้จะมีอยู่เพียงแค่ไม่กี่สายพันธุ์เท่านั้น ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าตำนาน แน่นอนว่าย่อมหายากและมีพลังมากที่สุด แต่สัตว์เวทย์ในตำนานเหล่านี้ก็หายสาปสูญไปพร้อมๆกับอาณาจักรเวทมนต์ ซึ่งหนึ่งในสัตว์เวทย์ในตำนานเหล่านั้นก็แน่นอนว่านับรวมมังกรเข้าไปด้วย
และสิ่งที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าของคนในสเตเดี้ยมก็คือภาพที่สัตว์เวทย์ในตำนานอย่างมังกรแถมยังมีถึงสองตัวกำลังก้มหัวให้กับคนสองคนที่ดูเหมือนจะมีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่
" ฝ่าบาท"
" ไม่เจอกันนานนะ" ราฟพูดขึ้นก่อนจะเอื้อมมือไปลูบที่หัวขนาดใหญ่ของมังกรตัวหนึ่งส่วนอีกตัวก็มีโรสคอยลูบหัวอยู่เช่นกัน
มังกรทั้งสองตัวนี้คือมังกรที่โรสและราฟเคยเลี้ยงไว้ตอนยังเป็นองค์จักรพรรดิ แถมเจ้าสองตัวตรงหน้านี้ก็คือราชาและราชินีของเผ่ามังกรในแต่ละสายพันธุ์อีก แต่ในบรรดามังกรทั้งหลายสายพันธุ์นั้น โรสกับราฟสร้างเจ้าสองตัวนี้ขึ้นมาก่อนใครเพื่อน พวกมันทั้งสองตัวจึงกลายเป็นมังกรตัวโปรดของโรสกับราฟ และตอนนี้โรสกับราฟก็จำพวกมันได้จากความทรงจำครึ่งหนึ่งที่ได้คืนมา
" ไว้คุยกันทีหลังเถอะ ตอนนี้พวกเรามาทำพันธสัญญากันอีกครั้งดีกว่า" โรสพูดต่อเพราะเธอรับรู้ถึงสายตาของคนในสเตเดี้ยมและคิดว่ากำลังจะมีเรื่องมากมายประดังเข้ามา ส่วนอีกสองตัวและหนึ่งคนก็เข้าใจ พวกเขาจึงเริ่มทำพันธสัญญากัน
แต่เพราะมังกรนั้นมีสองตัวและในสมัยที่โรสกับราฟเป็นยังเป็นองค์จักรพรรดิ พวกเขาไม่ได้แบ่งกันว่ามังกรตัวไหนเป็นของใคร เพราะพวกเขาล้วนเป็นเจ้านายของพวกมันร่วมกัน แต่ตอนนี้พวกเขาต้องทำพันธสัญญากับพวกมัน จึงต้องแบ่งกันคนละตัว และใช้เวลาไม่นานนักพวกเขาก็ทำพันธสัญญาเสร็จสิ้น ซึ่งหลังจากที่ทำสัญญากับสัตว์เวทย์แล้ว เจ้าของจะต้องตั้งชื่อใหม่ให้กับสัตว์เวทย์ด้วย ราฟและโรสจึงเลือกที่จะให้มังกรทั้งสองใช้ชื่อในสมัยที่พวกเขายังเป็นองค์จักรพรรดิตั้งให้
มังกรของราฟนั้นมีเกล็ดสีดำมันวาว มีเขาขนาดใหญ่และกรงเล็บกับบางส่วนของร่างกายเป็นคริสตัลสีแดงอ่อนเกือบม่วง ดวงตาขนาดใหญ่สีม่วงเรืองแสงฉายแววเย็นชาไม่ต่างจากเจ้าของ และชื่อของมันก็คือ คาลอส
ส่วนมังกรของโรสนั้นเป็นมังกรมีปีกเช่นกันแต่ของโรสจะเป็นสีขาวบริสุทธิ์ บางส่วนของร่างกายเป็นคริสตัลสีนํ้าเงินไล่ไปจนถึงม่วงเปล่งประกายงดงามเมื่อต้องแสงอาทิตย์อันเจิดจ้า ชื่อของมันคือ เนฟาที
" ถ้าท่านต้องการก็เรียกพวกเราได้ทุกเมื่อ" เป็นเนฟาทีที่เอ่ยขึ้นส่วนโรสกับราฟก็พยักหน้ารับ คาลอสและเนฟาทีที่เป็นว่าทุกอย่างเรียบร้อยแล้วจึงห่ยตัวกลับเข้าไปในมิติของตนเอง
" คงต้องเตรียมตัวรับศึกหนักกันหน่อยล่ะนะ" ราฟพูดติดตลก
" แล้วก็ต้องรอดูอีกทีด้วยว่าที่ทุ่มเทลงไปมันจะคุ้มรึเปล่า" โรสตอบเขาไป
การที่สัตว์เวทย์ในตำนานอย่างมังกรแถมยังมีถึงสองตัวปรากฏขึ้นจากการอัญเชิญของเด็กอายุ16ปีสองคนแน่นอนว่าถ้าเป็นที่อื่นคงจะได้มีข่าวดังกันโครมคราม แต่เพราะที่นี่คือวาซีรอส ที่ที่สามารถควบคุมข่าววารต่างๆได้อย่างง่ายดาย แน่นอนว่าไม่มีทางที่วาซีรอสจะปล่อยให้ข่างนี้หลุดรอดออกไปอย่างแน่นอน ดังนั้นความวุ่นวายจะยังคงมีไม่มากนัก แต่ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่าจะไม่มีเลย
เพราะคนที่เห็นเหตุการณ์ในวันนี้ใช่ว่าจะมีน้อยๆ แค่พวกอาจารย์และรุ่นพี่ที่มาช่วยในการสอบเข้าก็ว่ามากแล้ว แต่นี่กลับมีเด็กที่มาสอบเข้าและผ่านการสอบภาคทฤษฎีอีกตั้งหลายร้อยคน แล้วก็เป็นที่แน่นอนอีกว่าชีวิตของโรสกับราฟคงจะสงบไม่ได้ง่ายๆแน่นอน
และที่พวกเขายอมลงทุนทำพันธสัญญากับสัตว์เวทย์ในตำนานอย่างมังกรโดยที่ไม่ต้องต่อสู้เลยก็ย่อมกลายเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์สำหรับคนอื่นๆ และนั่นก็หมายความว่าพวกเขายอมให้ชีวิตของตัวเองไม่สงบสุข แต่ผลที่ได้กลับมามันจะมีอะไรบ้างและมันจะคุ้มกับที่พวกเขาเสียไปรึเปล่า? อันนี้ก็ต้องรอดูอีกที
" พวกนาย..."
" นั่งเงียบๆไป พวกเราก็ไม่รู้อะไรทั้งนั้นแหละ" ยังไม่ทันที่ใครจะได้ถามอะไร ราฟกับโรสที่กลับมานั่งที่แล้วก็พูดขึ้นทำให้คนอื่นๆที่กำลังจะเอ่ยปากถามเรื่องต่างๆต้องปิดปากลงทันที
" กะ การสอบภาคปฏิบัติจบลงแล้ว ละ และขอเชิญผู้เข้าสอบทุกท่านกลับไปได้เลย ส่วนใครที่สอบผ่านและได้เข้าเรียนที่วาซีรอสแห่งนี้ จะมีจดหมายจากวาซีรอสส่งไปให้พวกท่านถึงที่บ้านเกี่ยวกับรายละเอียดต่างๆที่เกี่ยวกับการเข้าเรียน แค่นี้แหละครับ"
หลังจากนั้นทุกคนก็ออกจากสเตเดี้ยมด้วยอาการที่ยังคงตื่นตะลึงไม่หายและมองไปยังบุคคลกลุ่มหนึ่งที่เต็มไปด้วยเหล่าอัจฉริยะ โดยเฉพาะบุคคลที่มีเรือนผมสีขาวสะอาดตาทั้งสอง...
" ไปล่ะ"
" กลับบ้านกันดีๆ"
พวกเขาทุกคนบอกลากันเล็กน้อยก่อนจะขึ้นรถม้าของพวกเขาที่มารับกลับไปที่บ้าน
" ถึงจะจ้องไปโรสก็ตอบอะไรไม่ได้อยู่ดีหรอกค่ะ" โรสพูดขึ้นในรถม้าเพราะพี่ชายของเธอเอาแต่จ้องเธอตั้งแต่ออกมาจากสเตเดี้ยม
" เห้อ น้องพูดถูก พี่ขอโทษนะ"
" ไม่เป็นไรค่ะ" เธอตอบอย่างเข้าใจ
กลับบ้านไปพวกเขาคงจะมีเรื่องให้เซอร์ไพรท่านพ่ออย่างดยุควาเรนเซียหลายเรื่องเลยทีเดียว... ถ้าท่านไม่สลบไปตั้งแต่เซอร์ไพรเรื่องแรกที่ลูกสาวสุดที่รักทำข้อสอบสุดยากของวาซีรอสได้คะแนนเต็มน่ะนะ
_________ตัด
คาลอส
(กรงเล็บ เขา บางส่วนของลำตัวที่เป็นสีแดงให้คิดว่าเป็นคริสตัลสีแดงอ่อนๆผสมสีม่วงนะครับ)
เนฟาที
ผมอยู่กับโทรศัพท์มากเกินไปบวกกับความที่เดิมผมเป็นคนที่มีโลกส่วนตัวสูงอยู่แล้ว คนรอบข้างเลยกลัวว่าผมจะไม่ค่อยได้เข้าสังคม ผมจึงอยากจะหยุดเล่นโทรศัพท์ไปสักพักและเพราะผมแต่งนิยายในโทรศัพท์ จึงต้องหยุดแต่งนิยายไปด้วย เลยจะมาขอลาหยุดและหายไปสักพัก แต่ไม่เกิน2อาทิตย์จะกลับมาแน่นอนครับ :)
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
หน้าตา55555+