4วันผ่านไป
ตอนนี้ก็ผ่านมาสี่วันแล้วหลังจากที่เมลโลได้รับบทลงโทษ และมีข่าวออกมาว่าองค์ราชาแห่งอาณาจักรวินเซนต์พาเมลโลกับเกรเทลกลับอาณาจักร แต่ก่อนกลับก็ไม่วายทิ้งปัญหาเอาไว้เพราะหลังจากงานเลี้ยงจบลง องค์ราชาแห่งอาณาจักรวินเซนต์ก็ไปคุยกับองค์ราชาริโด้เรื่องปัญหาในอาณาจักรวินเซนต์
เรื่องที่ว่าก็ไม่ใช่อะไร แค่ที่อาณาจักรวินเซนต์มีปัญหาเกิดขึ้นนิดหน่อยแล้วดันไม่มีใครสามารถแก้ปัญหานี้ได้เลยสักคน ก็เลยต้องขอความช่วยเหลือจากองค์ราชาริโด้ แต่เพราะองค์ราชาริโด้นั้นมีงานที่ต้องจัดการในฐานะองค์ราชาเหลืออยู่อีกมาก จึงได้ส่งดยุควาเรนเซียไปแทนและจะได้เป็นการให้วันหยุดกับท่านดยุคไปด้วยในตัวเพราะที่อาณาจักรวินเซนต์นั้นอยู่ติดทะเลซึ่งแน่นอนว่าที่นั่นเป็นสถานที่ที่สวยงาม
และเพราะตอนนี้เป็นช่วงปิดเทอม ท่านดยุควาเรนเซียก็ไม่ลืมที่จะพาลูกรักทั้งสามคนไปด้วยเช่นกัน ซึ่งนั่นเป็นเหตุผลให้โรสต้องนั่งอยู่ในรถม้าเป็นเวลาหลายชั่วโมงเพื่อเดินทางจากอาณาจักรเฟอร์เดียไปยังอาณาจักรวินเซนต์
กึกๆๆ ตุบ!
เพราะถนนบางส่วนนั้นยังไม่ได้รับการปรับปรุลแก้ไขให้ดี จึงมีบ้างที่ถนนจะขรุขระเป็นบางช่วง รถม้าจึงต้องสะดุดบ้างบางครั้ง
" อีกครึ่งชั่วโมงก็น่าจะถึงแล้วนะครับ" เซบาสเตียนที่นั่งอยู่ด้านนอกกับคนขับรถม้าส่งเสียงบอกเจ้านายทั้งสี่คนที่อยู่ภายในรถม้
" อืม" ดยุควาเรนเซียครางตอบออกไป
พวกเขาออกเดินทางจากคฤหาสน์วาเรนเซียตั้งแต่เช้าจนตอนนี้พระอาทิตย์ก็จวนเจียนจะตกดินแล้ว ก็ยังไปไม่ถึงอาณาจักรวินเซนต์สักที
ครึ่งชั่วโมงต่อมา
พระราชวังอาณาจักรวินเซนต์
" แคสเซียส เป็นยังไงบ้าง?" เมื่อมาถึงพระราชวัง คนจากตระกูลวาเรนเซียก็พบกับองค์ราชาแห่งอาณาจักรวินเซนต์ที่ด้านข้างมีองค์ราชินีกับเจ้าชายเจ้าหญิงบางส่วนมายืนรอต้อนรับอยู่
" พระองค์ไม่จำเป็นต้องมาต้อนรับกระหม่อมเลยพ่ะย่ะค่ะ" ดยุควาเรนเซียตอบอีกฝ่ายไปด้วยรอยยิ้ม
" อะไรกัน เจ้าเป็นเพื่อนข้านะ เอาล่ะ พวกเจ้าคงจะเหนื่อยจากการเดินทาง ข้าให้คนจัดห้องไว้ให้เรียบร้อยแล้วล่ะ" องค์ราชาแห่งอาณาจักรวินเซนต์พูดอย่างเป็นกันเองก่อนจะให้คนนำทางพวกเขาไปยังห้องพัก
" เชิญค่ะ ท่านหญิง" เมดสาวที่นำทางให้โรสผายมือเชิญให้เธอเข้าไปในห้องก่อนจะให้คนยกกระเป๋าของเธอตามเข้ามา
" ตั้งไว้ตรงนั้นนะแล้วก็ออกไปเถอะ ถ้ามีอะไรฉันจะเรียกเอง" โรสบอกพร้อมชี้นิ้วให้คนยกกระเป๋าของเธอไปตั้งไว้ตรงมุมหนึ่งก่อนจะบอกให้ทุกคนออกไป
" เห้อ" เมื่อทุกคนออกไปแล้ว เธอก็ทิ้งตัวลงบนเตียงหลังใหญ่ทันที เธอรู้สึกเหนื่อยกับการเดินทางครั้งนี้สุดๆ ถึงจะแค่นั่งอยู่ในรถม้าก็เถอะแต่ทันก็เมื่อยตัวนี่นา
ก๊อกๆๆ
ล้มตัวลงไปได้ไม่นานก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น เธอจึงฝืนลุกพาร่างกายที่เหนื่อยอ่อนจากการเดินทางไปเปิดประตูเพื่อดูว่าใครเป็นคนมารบกวนเวลาพักผ่อนของเธอ
" ไปคุยเป็นเพื่อนฉันหน่อยได้มั้ย?" เป็นเกรเทลที่ปรากฏสู่สายตาของเธอก่อนที่เขาจะพูดต่อด้วยนํ้าเสียงไม่ค่อยดีนัก
และโรสก็ไม่ได้ปฏิเสธคำชวนของอีกฝ่าย เธอเดินตามเขาไปจนถึงสถานที่ที่น่าจะสวนอุทยานของพระราชวังซึ่งใจกลางสวนเป็นศาลาขนาดใหญ่สีขาวสะอาดตา และเขาพาเธอไปนั่งลงตรงนั้น รอไปสักพักก็มีเมดนำของว่างและชามาเสิร์ฟก่อนที่เหรเทลจะโบกมือส่งสัญญาณให้ทุกคนถอยออกไป
" เรื่องเมลโล?" โรสพูดทำลายความเงียบหลังจากที่ผ่านมาสักพักแล้วอีกคนก็ยังไม่ปริปากพูดอะไรเลยแม้แต่น้อย
"..." เขาไม่ตอบแต่พยักหน้าช้าๆ
" นายไม่อยากจะยอมรับเธอเป็นน้องสาว?" เธอลองถามหยั่งเชิงดูอีกครั้งและอีกฝ่ายก็พยักหน้าเช่นเดิมแต่ติดที่ว่าครั้งนี้มีนํ้าสีใสไหลเอ่อคลอเต็มดวงตาคมของเขาด้วย
" เห้อ" โรสถอนหายใจพลางส่ายหัวน้อยๆ
" เกรเทล นายเศร้าไปก็ไม่ได้อะไร อีกอย่าง..." เธอพูดเรียกสติอีกฝ่ายแล้วพูดเว้นช่วงไว้เล็กน้อยและนั่นทำให้คนที่กำลังก้มหน้าอยู่ต้องเงยหน้าขึ้นมามองเธอ
"..."
" เป็นผู้ชายอย่าเสียนํ้าตากับเรื่องแค่นี้ ที่สำคัญ...นํ้าตาน่ะ ไม่เหมาะกับหน้าหล่อๆของนายหรอกนะ" เธอพูดต่อและนั่นก็ทำให้คนฟังเริ่มได้สติ
"..."
" ตอนนายร้องไห้น่ะ มันไม่น่าสงสารหรอกนะ...มันตลกมากกว่า! ดูสิ รูปร่างหน้าตาก็ดี ท่าทางก็ออกจะดูเข้มแข็งแต่พอร้องไห้ดันเหมือนกับผู้หญิงอกหักอย่างนั้นแหละ!"
" โรส!" คนได้ฟังถึงกับฉุนขาด
" ฮ่าๆๆ นั่นไง ไม่ร้องแล้ว"
" นี่เธอกำลังจะปลอบใจฉันใช่มั้ย?" เกรเทลถาม จะบอกว่าโรสปลอบเขาก็เหมือนจะไม่ใช่จะบอกว่าแกล้งเขาก็ไม่เชิง
" เปล่า ฉันหลอกด่านายอยู่ต่างหาก" เธอตอบ
อันที่จริง เธอไม่ค่อยถนัดปลอบใจคนแบบทั่วๆไปอย่างการลูบหลังแล้วบอกว่าอย่าร้องอะไรเทือกนั้นสักเท่าไหร่ เพราะถ้าจะให้ปลอบคนคนหนึ่งก็คงจะทำได้เพียงแค่พูดให้อีกฝ่ายได้คืนสติก่อนจะให้เขาคิดเอาเองว่าต้องทำยังไงต่อ ง่ายๆคือเฝ้ามองอยู่ข้างหลังคอยเป็นแรงผลักดันให้อีกฝ่ายได้ก้าวเดินไปข้างหน้าด้วยตัวเอง เพราะถ้าใครมีหรือสร้างปัญหาคนคนนั้นก็ต้องแก้ปัญหาด้วยตัวเอง จะให้คนอื่นมาแก้ไม่ได้
"..." เขาเงียบไปเมื่อโรสบอกว่ากำลังหลอกด่าเขา
" แล้วที่นายซึมๆไปเนี่ย คงไม่ใช่เพราะเรื่องไม่ยอมรับเมลโลเป็นน้องสาวอย่างเดียวหรอกนะ" โรสถามต่อ
เพราะคนตรงหน้าคงไม่ได้มีเรื่องให้คิดแค่เรื่องที่เธอพึ่งพูดไปอย่างเดียวแน่นอน แล้วไหนจะการที่อีกฝ่ายทนไม่ไหวจนต้องร้องไห้ออกมาอีก และเรื่องของคุณนางเอกก็คงจะไม่ใช่เรื่องที่ทำให้เกรเทลร้องไห้ได้อย่างแน่นอน
" เธออ่านใจคนได้รึไง?" เขาถามราวกับต้องการเบี่ยงประเด็น
" ตอบมา" โรสยํ้า
" ก็ได้ เธอพูดถูก ฉันรู้ว่าเธอไม่ชอบเมลโล แต่ตอนนี้เมลโลก็กลายมาเป็นน้องสาวของฉันแล้ว ฉันกลัวว่าเธอกับคนอื่นๆจะพลอยไม่ชอบฉันไปด้วย แล้วฉันก็กลัวว่า ถ้าเมลโลใช้ประโยชน์จากฐานะเจ้าหญิงรังแกเธอกับทุกคน และถ้าเป็นแบบนั้น ฉันกลัวว่าทุกคนจะพากันไม่ชอบฉัน" เขาระบายออกมา
ตลอด4วันที่เขากลับมาที่อาณาจักรบ้านเกิด เขากังวลเรื่องพวกนี้มาก มากถึงขั้นแทบจะกินอะไรไม่ได้ แล้วไหนจะเรื่องของเมลโลที่พอท่านแม่ของเขาหรือก็คือองค์ราชินีแห่งอาณาจักรวินเซนต์รู้เข้า ท่านก็ยอมรับไม่ได้แต่ก็ไม่อาจจะทำอะไรได้ด้วยเช่นกัน เพราะท่านพ่อของเขาได้ตัดสินใจไปแล้ว
" เกรเทล นายเห็นฉันกับคนอื่นๆเป็นคนยังไงกัน? เมลโลกับนายไม่ใช่คนคนเดียวกันสักหน่อย อีกอย่าง นายมีค่ามากเกินกว่าที่พวกเราจะเอานายไปเหมารวมกับเมลโลนะ ทุกคนเองก็คงคิดแบบนี้" โรสพูดตามความจริง
เกรเทลไม่ใช่คนอย่างพี่อลัน ถึงจะคล้ายเรื่องการทำงานเพื่ออาณาจักรของตัวเอง แต่เรื่องนิสัยนั้นไม่เหมือน เกรเทลนั้น ค่อนข้างจะอ่อนไหวในเรื่องการทีความสัมพันธ์กับคนอื่น เธอคิดว่าอาจจะเป็นเพราะการที่เขาต้องจากอาณาจักรบ้านเกิดของตนเองไปยังอาณาจักรอื่นเพื่อเรียน ทำให้เขาห่างไกลจากครอบครัว ส่วนเพื่อน ตอนที่เขายังเป็นฮาเร็มของคุณนางเอกอยู่ เธอก็ไม่เห็นว่าเขาจะมีเพื่อนเลยสักคน ซึ่งนั่นก็คงจะทำให้เขาขาดความรัก
แต่พอมาอยู่กับเธอ เขาก็มีเพื่อนมากขึ้นและบวกกับการที่เขาไม่ค่อยจะมีเพื่อนมาก่อน เธอกับทุกคนที่เป็นเพื่อนของเขาจึงกลายเป็นสิ่งที่มีค่าสำหรับเกรเทล และเขาก็คงกลัวว่าความสัมพันธ์ระหว่างทุกคนกับเขาจะต้องยุติลงเพราะเมลโล ง่ายๆก็คือ เหมือนเด็กกำลังจะเสียของเล่น
" เธอพูดจริงใช่มั้ย?" สิ้นสุดคำพูดของเธอ เขาก็มีท่าทางที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
" ฉันเหมือนคนชอบพูดล้อเล่ารึไง?" เธอถามกลับแบบกวนๆ
" ขอบคุณนะ" เขาพุดออกไป
" ขอเป็น...พาเดินเที่ยวอาณาจักรของนายแทน" เธอนิ่งไปสักพักก่อนจะตอบออกมา
ตอนนี้ท่านพ่อของเธอก็คงจะคุยเรื่องงานอยู่กับองค์ราชาแห่งวินเซนต์ ส่วนท่านพี่ทั้งสองของเธอก็คงจะกำลังพักผ่อนอยู่ในห้อง
" ก็ได้ แต่ตอนนี้เย็นแล้ว เอาไว้พรุ่งนี้ก็แล้วกันนะ จริงสิ! อีกไม่กี่วันในเมืองจะมีการจัดงานเทศกาลด้วยล่ะ" เกรเทลพูด
" เทศกาลอะไร?" โรสถามอย่างสนใจ
" เทศกาลพระจันทร์สีเงินไง" เกรเทลตอบอย่างสงสัยและนั่นก็ทำให้โรสนึกได้ถึงบางสิ่ง
ในโลกนี้จะมีอยู่เทศกาลหนึ่ง นั่นก็คือเทศกาลพระจันทร์สีเงิน มันเป็นเทศกาลที่จัดขึ้นในวันที่พระจันทร์เต็มดวงและเป็นสีเงินยวงมีสีฟ้าอ่อนๆผสม เป็นเทศกาลที่จัดขึ้นในทุกๆที่ ไม่เว้นแม้แต่ดินแดนเทพหรือแดนปีศาจ ซึ่งเทศกาลนี้จะจัดขึ้นเพียงหนึ่งครั้งต่อปี นับได้ว่าเป็นเทศกาลที่น่าสนใจทีเดียว
" ฉันจำได้แล้ว" โรสตอบไปหลังจ่กที่นึกได้
" ขออภัยเพคะ องค์ราชินีให้หม่อมฉันมาตามเจ้าชายไปพบ" เมดคนหนึ่งเดินเข้ามาแล้วพูดขึ้น
" ข้าจะไปเดี๋ยวนี้แหละ ฉันไปก่อนนะ" เขาตอบเมดคนนั้นไปก่อนที่จะหันมาบอกกับโรสซึ่งเธอก็พยักหน้ารับเบาๆ
และเมื่ออีกผ่ายจากไป โรสก็เดินกลับไปที่ห้องพักของตัวเองเพื่ออาบนํ้าเปลี่ยนชุดทันที เพราะเธอออกเดินทางตั้งแต่เช้าและรถม้าก็แทบจะไม่ได้หยุดพักเลย มันทำให้เธอค่อนข้างเหนื่อยล้าเอามากๆ
" เห้อ" หลังจากอาบนํ้าเสร็จ เธอก็เดินมาทรุดตัวลงที่เตียงหลังใหญ่พลางผ่อนลมหายใจอย่างสบายตัวที่ได้อาบนํ้าสระผม
" ก๊อกๆ" เสียงเลียนการเคาะประตูดังขึ้นเรียกความสนใจจากเธอให้หันไปมอง
" ทิ้งฉันมาเที่ยวเหรอ?" ราฟพูดพลางยกยิ้มมุมปาก
" นายนั่นแหละ เป็นสโตกเกอร์รึไง?" โรสย้อนก่อนจะเช็ดผมที่เพิ่งจะสระเสร็จต่อโดยไม่สนใจผู้มาใหม่
ถ้าให้เธอเดา เขาคงจะใช้เวทมนต์พาตัวเองมาที่นี่และเรื่องที่เธอจะมาอาณาจักรวินเซนต์เองก็ไม่ใช่เรื่องที่คนอื่นไม่รู้ เพราะเรื่องที่ท่านพ่อของเธอมาช่วยอาณาจักรวินเซนต์แก้ไขปัญาแล้วพาเธอกับท่านพี่ทั้งสองมาด้วยนั้นเป็นเรื่องที่ทุกคนรับรู้กัน
" ฉันไม่ได้เป็นสโตกเกอร์สักหน่อย" เขาเถียงก่อนจะเดินไปนั่งขัดสมาธิข้างหลังโรสก่อนจะแย่งผ้าขนหนูผืนเล็กในมืออีกฝ่ายมาแล้วเป็นฝ่ายเช็ดผมให้เธอแทนส่วนอีกคนก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร ดีสะอีก ไม่ต้องเมื่อยแขนมานั่งเช็ดเอง
" แล้วนายมาที่นี่ทำไม?" เธอถามจุดประสงค์ของอีกฝ่าย
" มาเฝ้าเด็กไม่ให้หนีเที่ยว"
" นายแก่กว่าฉันแค่ไม่เท่าไหร่ อย่ามาบอกว่าฉันเด็กนะ" เะอเถียงกละบไปทั้งๆที่ยังคงหันหลังให้เขาเช็ดผมอยู่
" เด็กกว่าฉันล่ะกัน" เขายังคงพูดต่อ
และแล้วสงครามนํ้าลายก็เกิดขึ้นเมื่อต่างฝ่ายต่างไม่มีใครยอมใคร พวกเขาเถียงกันไปเถียงกันมาเรื่อยๆอย่างสนุกสนานจนกระทั่ง...
" ท่านหญิงโรซาเรียค่ะ องค์ราชาให้ฉันมาเชิญท่านหญิงไปร่วมโต๊ะอาหารเย็นค่ะ" ฟังจากเสียงแล้วคงเป็นเมดสักคน
" ได้ เดี๋ยวฉันจะตามไป" โรสตอบออกไปให้อีกฝ่ายได้ยินก่อนจะลุกขึ้นมาแต่งตัวให้เป็นทางการเล็กน้อย
" ฉันอยู่โรงแรมR.ในเมืองนะ" ราฟพูดขึ้นในขณะที่โรสกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ในห้องนํ้าซึ่งเขาก็เดินตามไปพูดถึงหน้าห้องนํ้าเช่นกัน
" นายจะอยู่อีกกี่วัน?" เธอถามกลับทั้งๆที่ยังคงอยู่มนห้องนํ้า
" ก็บอกแล้ว ว่าอยู่เฝ้าไม่ให้เด็กหนีเที่ยว เด็กกลับตอนไหน ฉันก็กลับตอนนั้นนั่นแหละ" เขาตอบก่อนที่ต่อมาเธอจะเปิดประตูออกจากห้องนํ้าด้วยชุดที่ค่อนข้างจะเป็นทางการแต่ไม่ใช่กระโปรง
" ไปล่ะ" เขาบอกก่อนทำท่าใช้เวทมนต์หายตัวไป
" เดี๋ยว อย่าลืมกินข้าวด้วย" เธอเตือนเขา
" ครับ" เขาตอบเสียงยานคางก่อนจะหายตัวไปจริงๆ ส่วนอีกคนก็เดินออกจากห้องไปก่อนจะให้เมดนำทางไปยังห้องอาหาร
" ถวายพระพรองค์ราชา องค์ราชินีเพคะ" โรสย่อตัวลงทำความเคารพทั้งสองอย่างสง่างามเสียจนได้รับสายตาพึงพอใจและเอ็นดูจากองค์ราชาและองค์ราชินีแห่งอาณาจักรวินเซนต์
" ลุกขึ้นเถอะ อย่าสนใจมารยาทอะไรพวกนั้นเลย แคสเซียสเองก็เป็นเพื่อนคนหนึ่งของข้า" องค์ราชาพูดอย่างไม่สนมารยาท
" โรสมานั่งตรงนี้สิ" ดยุควาเรนเซียเองก็ท่าว่าจะไม่สนใจมารยาทอะไรพวกนั้นเหมือนกันเพราะยังไงเขากับองค์ราชาแห่งอาณาจักรวินเซนต์ก็สนิทกันมากๆอยู่แล้ว
โรสเดินไปนั่งตรงด้านข้างท่านพ่อของเธอที่นั่งอยู่ฝั่งซ้ายมือขององค์ราชาที่นั่งอยู่ตัวโต๊ะ ด้านหนึ่งของเธอเป็นท่านพ่อส่วนอีกด้านเป็นท่านพี่ทั้งสอง ส่วนฝั่งตรงข้ามหรือฝั่งขวามือขององค์ราชาเป็นองค์ราชินีถัดมาก็ป็นเกรเทลที่สีหน้าดีขึ้นมากจากตอนที่เจอกับเธอแล้วถัดไปอีกก็เป็นเจ้าชายอีกหนึ่งคนตามด้วยเจ้าหญิงอีกสองคน
" ทานเถอะ" สิ้นสุดคำพูดขององค์ราชา ทุกคนก็เริ่มทานอาหารกันทันที
บรรยาการศบนโต๊ะอาหารเป็นไปอย่างไม่เคร่งเครียดเพราะมีองค์ราชา องค์ราชินีและดยุควาเรนเซียคอยพูดคุยกัน ทำให้โต๊ะอาหารไม่เงียบจนน่าอึดอัด
" ท่านหญิงโรซาเรีย ข้าได้ยินมาว่าเจ้าเองก็เป็นเพื่อนกับเกรเทล ข้าต้องขอบคุณเจ้ามากๆเลยนะ ที่ยอมเป็นเพื่อนกับลูกของข้า" องค์ราชินีหันมาพูดกับโรสด้วยความจริงใจ
" ไม่เป็นไรหรอกเพคะ เกรเทลเองก็เป็นคนดีไม่น้อย คอยช่วยเหลือหม่อมฉันกับทุกคนตลอดเพคะ องค์ราชินี" เธอหยุดทานอาหารแล้วตอบออกไป
" ราชินีอะไรกัน เรียกข้าว่าท่านน้าแล้วก็ไม่ต้องใช้คำราชาศัพท์ด้วยนะ" องค์ราชินีพูดพร้อมส่งรอยยิ้มจริงใจมาให้เธอ
" เรียกข้าว่าท่านน้าด้วยนะ พวกเจ้าสองคนก็ด้วย" องค์ราชาพูดเสริมและยังหันไปพูดกับแดนและคริสอีกด้วย
" ขอบคุณค่ะ/ครับ" ทั้งสามตอบรับอย่างไม่อิดออด
แต่ในขณะที่องค์ราชินีกับองค์ราชากำลังมีความสุขกับเด็กสาวตรงหน้า พ่อของเด็กส่วที่พวกเขาเอ็นดูอย่างดยุควาเรนเซียกลับไท่พอใจเสียนี่
แค่เจ้าริโด้กับภรรยามันที่มาแย่งความรักจากลูกสาวตัวน้อยของเขาไม่พอรึไง พระเจ้าถึงได้ส่งเจ้าสองคนนี้มาเพิ่มอีก ไม่ได้ เห็นทีว่าเขาคงจะต้องรีบจัดดารปัญหาที่อาณาจักรนี่ให้จบเร็วๆเสียแล้ว เขาจะได้กลับไปทำคะแนนต่อที่บ้าน
" องค์ราชาเพคะ" เมดคนหนึ่งเดินเข้ามา ขัดขวางการร่วมโต๊ะอาหารของทุกคน
" อะไร?" องค์ราชาแห่งวินเซนต์ถามด้วยนํ้าเสียงที่ไม่ค่อยจะพอใจ
" เจ้าหญิงเมลโลทรงฟื้นแล้วเพคะ" เมดสาวรีบรายงานทันทีเมื่อสัมผัสได้ถึงความไม่พอใจในนํ้าเสียงของเจ้านาย
" แคสเซียส ข้าขอไปดูลูกสาวก่อนนะ" เมื่ออีกฝ่ายพูดจบ องค์ราชาแห่งวินเซนต์ก็หันไปพูดกับเพื่อนรักทันที
" คนในครอบครัวของนาย ฉันไม่ห้าม" ดยุควาเรนเซียตอบ นํ้าเสียงคาดเดาไม่ได้ว่าเขาคิดอะไรอยู่
" องค์ราชินี เจ้าดูแลแขกด้วยนะ" พูดจบก็หมุนตัวเดินจากไปทันที
" เกิดอะไรขึ้นกับอดีตสามัญชนคนนั้นกัน?" ดยุควาเรนเซียถามขึ้นหลังจากที่เพื่อนรักจากไป
ถึงจะไม่อยากรับรู้ว่าคนที่ทำให้ลูกสาวของเขาต้องเจ็บปวดนั้นเป้นตายร้ายดียังไง เขาก็ยังคงต้องรู้เอาไว้บ้าง เผื่อว่ามันจะมีประโยชน์ถ้าลูกสาวตัวน้อยของเขาต้องการทำอะไรบางอย่าง
" หลังจากที่โดนเฆี่ยนจากอาณาจักรเฟอร์เดีย เสด็จพ่อก็พาตัวเธอกลับมารักษาตัวที่อาณาจักรวินเซนต์เมื่อ4วันก่อน แต่เธอก็สลบไปทั้ง4วัน พึ่งจะฟื้นก็ตอนที่เมดคนเมื่อกี๊มาบอกครับ" เกรเทลตอบ
เพราะเขารู้ดีว่าถ้าให้เสด็จปม่ของเขาเป็นคนพูด ก็จะเป็นการยํ้าเตือนถึงความเจ็บปวดของท่าน เสด็จแม่ของเขาเศร้าเสียใจมากที่เสด็จพ่อลอบไปมีลูกสาวกับเมดชั้นตํ่า แต่จะทำอัไรก้ไม่ได้ เพราะเสด็จพ่อของเขาเอ่ยปากพูดทุกอย่างออกไปจนหมดแล้ว ซึ่งเรื่องของเสด็จแม่ก็เป็นอีกเรื่องที่ทำให้เขาเป็นห่วงจนแทบจะกินไม่ได้ นอนไม่หลับถึง4วันตั้งแต่กลับมาที่อาณาจักรวินเซนต์
" อ่อ" ดยุควาเรนเซียพยักหน้ารับรู้แต่ก็ยังคงท่าทางไร้อารมณ์เอาไว้เช่นเดิม
" แล้วพิธีแต่งตั้งจะจัดขึ้นเมื่อไหร่เหรอครับ?" แดนถามถึงพิธีแต่งตั้งที่จะจัดขึ้นสำหรับเมลโล
" ยังไม่ทีกำหนดการออกมาหรอก เพราะตอนนี้ภายในอาณาจักรยังมีปัญหาอยู่แถมอดีตสามัญชนคนนั่นก็ยังไม่หายจากอาการบาดเจ็บเลยด้วย" องค์ราชินีตอบ
" ปัญหาที่ว่าคืออะไรเหรอครับ? ใช่เรื่องที่ทำให้ท่านพ่อต้องมาที่นี่รึเปล่า?" คริสถามขึ้น เพราะปัญหาที่ท่านพ่อของเขาต้องมาแก้ไข เขาเองก็ยังไม่รู้ว่ามันคืออะไร
" ใช่" องค์ราชินีตอบสั้นๆ
เมื่อได้ยินคำตอบก็ไม่ทีใครเอ่ยปากพูดอะไรอีก ต่างฝ่ายต่างก้มหน้าทานอาหารกันต่อไปอย่างเงียบๆ มีบทมนทนาเล้กๆเกิดขึ้นบ้างเล็กน้อย และเมื่อการร่วมโต๊ะอาหารจบลง ทุกคนก็แยกย้ายกันกลับห้องและทำธุระส่วนตัวกัน
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ค้างจ้าาา
//หลบรองเท้าแปบบบบบ
//หลบดาบ
รอนะคะ