16:00น.
" ฉันจะไปทำธุระสักหน่อย" เธอหันไปบอกคนด้านข้างในขณะที่กำลังเดินกลับหอพักหลังจากเรียนคาบบ่ายเสร็จ
" ไปด้วย!" คนอื่นๆพูดออกมาพร้อมกัน
" ตามใจ แต่ฉันจำได้ว่าพวกนายสองคนต้องไปซ้อมดนตรีนี่" เธอหันไปพูดกับซีน่อนและซีเวล เจ้าสองคนนี้โดนอาจารย์วิชาดนตรีรบเร้าให้ไปแข่ง แล้วเจ้าสองคนนี้ก็ตกลงเลยต้องไปซ้อมทุกวันหลังเลิกเรียนยกเว้นวันหยุด
" ส่วนนายก็ต้องไปช่วยอาจารย์เดวิดหลังเปลี่ยนชุดเสร็จ" คราวนี้เธอหันมาพูดกับฮานส์ คนที่อาจารย์เดวิดเรียกให้มาช่วยเป็นประจำ หนึ่งในนั้นคือฮานส์
" และนายก็ต้องไปจัดการกับเอกสารของอาณาจักรต่อ" คนต่อมาคือเกรเทล หมอนี่มีงานของอาณาจักรตัวเองเป็นประจำอยู่แล้ว
ส่วนพี่อลันกับวิลล์ก็แยกกับพวกเธอไปตั้งแต่หลังเรียนเสร็จแล้ว เห็นว่าเรื่องงานในอาณาจักรมีปัญหาอะไรสักอย่าง ท่านลุงเลยเรียกตัวเข้าวังกะทันหัน ส่วนราฟ หมอนี่ก็แยกออกไปพร้อมกับพี่อลัน เพราะต้องไปจัดการอะไรสักอย่าง เธอเดาว่าเป็นเรื่องงานที่แดนปีศาจ
"..."
" ผมไม่มีงานครับ"
" ลิลลี่ก็ไม่มีค่ะ" เมื่อโรสหันไปมองอีกสองคนที่เหลือ ลิลลี่และมาร์ตินก็ชิงพูดตัดหน้าเธอทันที
" อืม" เธอตอบรับ ทำเอาคนที่ไม่ได้ไปหน้ามุ่ยไปตามๆกัน แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะตนยังมีงานที่ต้องทำอยู่
เมื่อกลับไปถึงหอพัก พวกเขาก็เปลี่ยนชุดแล้วแยกกันเพื่อไปทำธุระของตน ส่วนโรสกับลิลลี่และมาร์ตินก็ไปขึ้นรถม้าเพื่อไปที่ห้าง ธุระที่เธอว่าคือการนำแบบเครื่องประดับไปส่งให้เจ๊ลิส อย่างที่เคยบอกว่าถ้าเธอว่าง เธอจะนำแบบเครื่องประดับไปส่งด้วยตัวเอง
" อ้าว! ท่านหญิง นำแบบเครื่องประดับมาส่งเหรอค่ะ?" พนักงานที่เคาเตอร์ถามขึ้นเมื่อเธอเดินเข้าไปในร้าน ทุกคนในร้านนี้รู้จักกันทุกคน แล้วก็ดูจะชอบเธอมากเพราะโรสเป็นชนชั้นสูงไม่กี่คนที่จะมีมารยาทกับสามัญชน ถึงจะเย็นชาไปบ้างแต่ทุกคนในร้านก็รักและดูแลเธอเป็นอย่างดี
" ค่ะ แล้วเจ๊ลิสอยู่มั้ยค่ะ?" เธอตอบก่อนจะถามหาเจ๊ลิส
" เจ๊ลิสไม่อยู่ค่ะ ไปตรวจดูร้านสาขาอื่น" พนักงานอีกคนตอบ อืม...มิน่าล่ะ เพราะถ้าเธอมาถึงร้านทีไร เจ๊ลิสก็จะออกมาต้อนรับเธอคนแรก แต่เหตุการณ์แบบนี้ก็ไม่ได้เกิดขึ้นครั้งแรก เพราะถึงยังไง ร้านsnowdew ก็ไม่ได้มีแค่สาขาเดียว เจ๊ลิสก็ต้องไปตรวจสอบสาขาอื่นอยู่บ่อยๆ แถมร้านที่อยู่ใกล้อควาเรสอย่างร้านนี้ก็เป็นสาขาย่อย อันที่จริง เจ๊ลิสอยู่ที่สาขานี้มากกว่าสาขาหลักสะอีก
" ถ้างั้นฝากนี่ไว้ให้เจ๊ลิสด้วยนะค่ะ" เธอยื่นแบบเครื่องประดับส่งให้พนักงานอย่างทุกทีที่เจ๊ลิสไม่อยู่ เธอก็จะฝากไว้กับพนักงานตลอด ซึ่งอีกฝ่ายก็รับมาด้วยรอยยิ้ม
หลังจากที่ฝากของไว้กับพนักงานเสร็จ โรสก็เดินเข้าไปในร้านเพื่อตามหาลิลลี่กับมาร์ติน ตอนเข้ามาในร้าน ลิลลี่บอกว่าขอเดินดูสักหน่อยก่อนจะลากมาร์ตินไปด้วย ซึ่งเธอก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะยังไง ผู้หญิงก็คงอยากจะเดินดูเครื่องประดับหรือชุดบ้าง ยิ่งพวกเธอที่อยู่ห้องAก็มีงานมากจึงไม่ค่อยได้ออกมานอกโรงเรียน
" อ๊ะ! ท่านพี่ มาพอดีเลย ชุดนี้เป็นยังไงบ้างคะ?" เมื่อเดินลึกเข้าไปในร้านได้สักพัก เธอก็ได้ยินเสียงเรียกมาจากด้านหนึ่ง และเมื่อมองไป เธอก็พบกับลิลลี่ที่กำลังเลือกชุดอยู่ ส่วนมาร์ตินก็ยืนอยู่ไม่ไกลมากนัก
" ชุดมันฟูไปหน่อยมั้ย?" เธอพูดพลางเดินเข้าไปหา ชุดที่อยู่ในมือของลิลลี่เป็นชุดกระโปรงสีแดงที่ออกจะฟูไปหน่อย เห็นแล้วทำเอาเธอนึกถึงชุดที่ฟูฟ่องของลิลลี่ในวันที่ย้ายของมาไว้ที่หอพักก่อนจะเปิดเทอม
" งั้นเหรอค่ะ" ลิลลี่พูดก่อนจะมองดูชุดในมืออย่างพิจารณาอีกครั้ง
" ลิลลี่จะซื้อไปใส่ที่ไหนเหรอครับ?" มาร์ตินถามขึ้น
" อีกไม่นานก็จะถึงวันเกิดขององค์ราชาแล้ว ฉันเลยหาชุดใส่ไปวันนั้นน่ะ" ลิลลี่ตอบ นั่นสิ อีกหนึ่งเดือนก็จะถึงวันเกิดของท่านลุงแล้วนี่
" มันไม่เร็วไปหน่อยเหรอครับ?" มาร์ตินถาม เพราะถึงยังไงมันก็ยังเหลือเวลาอีกตั้งเดือนกว่า
" ไม่หรอก เพราะงานก่อนหน้านี้ ฉันก็จะเตรียมตัวล่วงหน้าสักหนึ่งเดือนตลอด ผู้หญิงคนอื่นๆก็เหมือนกัน" นับถือ เธอนับถือผู้หญิงในยุคนี้เลยจริงๆ
" ลิลลี่ เธอชอบชุดฟูๆเหรอ?" โรสถาม
" ไม่รู้สิค่ะ เพราะผู้หญิงชนชั้นสูงส่วนมากก็ใส่ชุดแบบนี้กัน ลิลลี่ก็ติดมาจากท่านแม่เหมือนกัน" ลิลลี่หยุดคิดไปสักพักก่อนจะตอบออกมา
อ่อ แบบนี้นี่เอง ในงานวันเกิดของลูเซียนเมื่อหลายเดือนก่อน เธอก็เห็นว่าผู้หญิงส่วนมากใส่ชุดแบบฟูๆเหมือนกัน อันที่จริงมันฟูเพราะมันเป็นชุดแบบสุ่มไก่ต่างหาก ยังดีที่ชุดของลิลลี่มันฟูเพราะผ้าไม่ใช่สุ่มไก่ และส่วนน้อยก็ใส่ชุดราตรีแบบเธอ ว่าแต่...ผู้หญิงพวกนั้นทนใส่สุ่มไก่ไปได้ยังไงกันนะ? เป็นเธอถึงตายก็ไม่ใส่หรอก
" ลิลลี่ ถ้าฉันทำชุด ไม่สิ เครื่องประดับให้ด้วย เธอจะว่ายังไง?" ยังไงซะ ลิลลี่ก็ไม่ใช่คนอื่น อีกอย่างคือเธอไม่อยากให้เพื่อนคนนี้ต้องใส่ชุดฟูๆที่มันออกจะดูแปลกๆหรอกนะ
แล้วการจะทำชุดสักชุดก็ไม่ได้ยากเกินไปสำหรับเธอ เพราะถึงยังไงซะ ในมิติของเธอก็มีอุปกรณ์กับผ้าชั้นดีอยู่แล้ว
" ท่านพี่พูดจริงเหรอคะ?!" ลิลลี่ถามออกมาด้วยความตกใจ เพราะเธอรู้ว่าโรสออกแบบเครื่องประดับกับชุดให้ร้านsnowdew ซึ่งเป็นร้านที่ชนชั้นสูงมักจะมาตัดชุดกันที่นี่ และการที่จะเป็นนักออกแบบของที่นี่ได้ก็ต้องมีความสามารถสูง อีกอย่างคือเธอเคยเห็นชุดที่โรสออกแบบและมันก็สวยมากๆ
แล้วถ้ายิ่งคนที่ออกแบบชุดให้เธอใส่เป็นคนที่ร้านsnowdewให้การยอมรับ แถมยังเป็นท่านพี่ที่เธอเคารพรักอีกจะไม่ดีได้ยังไงล่ะ?
" ฉันเหมือนคนชอบโกหกรึไง?" เมื่อเห็นอีกฝ่ายทำท่าตกใจ โรสจึงอดจะพูดเย้าแหย่ไปไม่ได้
" โธ่ ท่านพี่ล่ะก็ ลิลลี่แค่ดีใจมากเกินไปนิดเดียวเองนะ" ลิลลี่พูดเสียงอ่อน
" แล้วสรุปจะให้ฉันทำชุดให้มั้ย?" เธอถามยํ้า
" แน่นอนอยู่แล้วค่ะ ท่านพี่นี่ทั้งเก่งทั้งสวยทั้งมีความสามารถ ลิลลี่ดีใจจริงๆเลยที่มีท่านพี่แบบนี้" ลิลลี่พูดอย่างเอาใจแต่สิ่งที่เธอพูดมาก็ไม่ได้เกินจริงเลยสักนิด
" เอาล่ะ ในเมื่อเสร็จธุระแล้ว ก็กลับกันเถอะ" โรสพูดตัดบท
" เดี๋ยวสิค่ะ พวกเราไปเดินห้างกันสักหน่อยดีกว่า จริงมั้ย?" ลิลลี่พูดขึ้นก่อนจะหันไปหาแนวร่วมอย่างมาร์ติน
" ก็ดีนะครับ พวกเราไม่ได้มาห้างนานแล้วด้วย จะได้ซื้อของฝากไปให้คนที่หอพักด้วย" คนที่เงียบมานานเสนอความคิด
" ไปนะค่ะ" เมื่อได้แนวร่วม ลิลลี่ก็หันไปพูดกับโรสอีกครั้ง
" เห้อ ก็ได้" เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายมีท่าทางร่าเริง เธอจึงไม่อยากจะขัด ถือซะว่าพักผ่อนจากการเรียนล่ะกัน
" ถ้างั้นไปที่ไหนก่อนดีครับ?" มาร์ตินถามขึ้น
" อืม...ไปที่ไหนก่อนดีล่ะ?" ลิลลี่ทำท่าครุ่นคิด
" เดินไปเรื่อยๆก่อนล่ะกัน" โรสเสนอและอีกสองคนก็เห็นด้วย ทั้งสามคนจึงมากันออกจากร้านและเดินดูในห้างไปเรื่อยๆ เมื่อเจอร้านที่น่าสนใจก็แวะเข้าไปดูและซื้อของฝากให้กับคนอื่นๆด้วย ถึงระหว่างทางจะตกเป็นป้าสายตาของคนอื่นๆในห้าง ก็ไม่ได้ทำให้ความสนุกของการเที่ยวครั้งนี้ลดลงไปเลย และเมื่อมาดูอีกที ของฝากก็เต็มมือของทั้งสามคนแล้ว พวกเขาจึงหยุดการเที่ยวห้างไว้เพียงเท่านี้ ก่อนจะกลับไปที่รถม้าเพื่อเดินทางกลับอควาเรส
19.15น.
หอพักA
" กลับมาแล้วครับ" มาร์ตินพูดขึ้นเมื่อเข้ามาในห้องนั่งเล่น ปรากฏว่าทุกคนอยู่กันพร้อมหน้าและก็มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน
" เป็นอะไรไป? ทำไมหน้าบูดกันขนาดนี้?" โรสถามและเธอคิดว่าตัวเองน่าจะพอรู้คำตอบ...คงงอนที่ไม่ได้ไปด้วยล่ะสิ
" หึ!" พวกเขาแค่นเสียงอย่องงอนๆ ถึงพวกเขาจะมีงานแต่ก็อยากไปด้วยนี่นา
" เห้อ ไม่มีคนพูดด้วยแบบนี้ก็คงไม่มีคนทานเค้กที่ซื้อมาแล้วสิ ไปทานเค้กกันสามคนดีกว่านะ มาร์ติน ลิลลี่" เธอแกล้งพูดออกมาอย่างเสียดายพลางหยิบของกินในมือที่ซื้อมาฝากคนอื่นๆขึ้นชูสูงๆ ก่อนจะหันไปพูดกับอีกสองคนในตอนท้าย แล้วทำท่าจะเดินไปในครัวจริงๆ
" เดี๋ยว! ซื้อมาเยอะขนาดนี้เดี๋ยวก็กินไม่หมดกันพอดี"
" นั่นสิ กินไม่หมดก็เสียดายของ"
" เดี๋ยวพวกเราช่วยกินเอง"
" พวกเราเอาไปจัดใส่จานเอง พวกเธอไปอาบนํ้าเถอะ"
หลังจากที่เะอทำท่าจะเดินไป เจ้าพวกคนที่กำลังทำเหมือนงอนเธออยู่ก็รีบเข้ามารับของในมือเธอแล้วเดินหายเข้าไปในครัวทันที เหลือเพียงแค่พี่อลันกับวิลล์เท่านั้น
เจ้าพวกเห็นแก่กินเอ๊ย!!
หลังจากนั้นเธอกับมาร์ตินและลิลลี่ก็ขึ้นมาอาบนํ้าเปลี่ยนชุดอีกครั้ง ก่อนจะลงไปทานข้าวพร้อมกันที่ห้องนั่งเล่นแต่ก่อนที่โรสจะได้ลงไปก็พบคนบางคนเสียก่อน...
" งานเป็นไงบ้าง?" เธอถามราฟ ดูเหมือนว่าเขาเพิ่งกลับมาเพราะชุดที่เขาใส่อยู่ตอนนี้ยังคงเป็นชุดนักเรียนอยู่
" ก็เหมือนเดิม น่าเบื่อ" เขาไม่แปลกใจที่เธอจะรู้ว่าที่เขาหายไปเพราะมีงานจากแดนปีศาจ เพราะมีไม่กี่เหตุผลเท่านั้นที่จะทำให้เขาห่างจากคนตรงหน้า และเรื่องงานก็เป็นเหตุผลที่เกิดขึ้นบ่อยที่สุด
" นายไปอาบนํ้าแล้วค่อยลงไปทานข้าวข้างล่างล่ะกัน ฉันซื้อของกินมาจากห้าง" เธอบอกเขาก่อนจะเดินลงไปข้างล่าง
" ไม่เลวนี่" เมื่อลงมาข้างล่างเธอก็พบว่าอาหารถูกจัดใส่จานเรียบร้อยแล้ว และฝีมือการจัดจานของเจ้าพวกนี้ก็นับว่าดีอยู่
" เมื่อกี๊คุณราฟพึ่งกลับมาน่ะครับ" มาร์ตินหันมาบอกเธอ
" เจอแล้ว เดินสวนกันพอดีน่ะ" เธอตอบ
" รอราฟมาก่อนแล้วค่อยทานล่ะกัน" เกรเทลพูดขึ้นและทุกคนก็เห็นด้วย
15นาทีผ่านไป
" ทำไมไม่ทานล่ะ?" เขาถามขึ้นมาอย่างแปลกใจหลังจากเดินลงมาจากห้องพัก
" พวกเรารอนายอยู่น่ะ" อลันตอบแทน
" อืม วันหลังพวกนายไม่ต้องรอก็ได้" เขาพูด
" เอาเถอะ ทานกันได้แล้ว" โรสพูดตัดบทก่อนที่ทั้งกลุ่มจะเริ่มทานอาหารร่วมกัน ทำให้คนบางคนหวนนึกไปถึงเพื่อนของตนอีก4คน
ลีออนบอกว่าอีกไม่นานเธอจะได้เจอกับเพื่อน แต่พอมาคิดๆดูอีกที เธอก็มีเรื่องอยากจะถามหมอนั่นอีกเรื่อง นั่นคือเรื่องตำแหน่งจักรพรรดิของเธอกับราฟ เราสองคนลองเรียกหมอนั่นดูแล้วแต่กลับไม่เห็นแม้แต่เงา ทั้งๆที่ปกติก็ชอบแวะมาทั้งๆที่ไม่มีใครเรียกแท้ๆ
" อลัน วันนี้มีเรื่องอะไรรึเปล่า? ฉันเห็นนายทำหน้าเหมือนคิดอะไรมาตั้งแต่เมื่อกี๊ แล้วไหนจะเรื่องที่นายต้องเข้าวังกะทันหันพร้อมๆกับช่วงที่ราฟหายไปอีก" เกรเทลพูดขึ้นหลังจากที่พวกเขาทานข้าวเสร็จ
" เห้อ ฉันดูออกง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ?" อลันถามอย่างไม่ต้องการคำตอบ
"..."
" คุยตรงนี้ไม่ได้" อลันพูดต่อ เรื่องที่เขากำลังจะพูดยังไม่อาจให้ใครรู้ได้ แถมตอนนี้พวกเขาก็อยู่ที่ห้องนั่งเล่นที่มีคนมากสะด้วย
" ไปที่ห้องฉันก็ได้" เกรเทลเสนอก่อนที่ทั้งกลุ่มจะเดินขึ้นไปที่ชั้น3ของหอพักตามเจ้าของห้องไป
" บอกได้รึยัง?" ฝาแฝดถามขึ้นเมื่อทุกคนอยู่ในห้องของเกรเทลเรียบร้อยแล้ว ห้องที่เคยใหญ่โตเมื่อมีคนจำนวนมากมาอยู่รวมกันก็ดูจะเล็กลงไปถนัดตา
" มีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นน่ะสิ ราฟ นายเองที่หายไปก็เพราะทางแดนปีศาจติดต่อมาใช่มั้ย?" เขาพูดต่อด้วยนํ้าเสียงเคร่งเครียดพลางหันไปถามคนที่นั่งข้างน้องสาวไม่แท้ของเขาอยู่
" อืม ก็น่าจะเรื่องเดียวกับนายนั่นแหละ" ราฟตอบด้วยนํ้าเสียงเบื่อหน่าย
" ช่วยอธิบายให้มันชัดเจนกว่านี้หน่อย" ฮานส์พูดขึ้น
" พวกนายรู้ใช่มั้ยว่าศิลาเวทมนต์คืออะไร?" อลันไม่ตอบแต่ถามต่อ
" รู้จัก"
ศิลาเวทมนต์ คือหินพิเศษที่ทุกอาณาจักรและทุกเผ่าจะต้องมีอยู่ที่ละหนึ่งก้อน มันเป็นหินขนาดเล็กสีรุ้ง แต่หินขนาดล็กนั้นเป็นแค่ศิลาย่อย ศิลาหลักที่เป็นแท่นหินจะอยู่ที่อาณาจักรแห่งเวทมนต์ และศิลาย่อยกับศิลาหลักนั้นจะเชื่อมต่อกัน โดยศิลาหลักนั้นจะแสดงถึงเวทมนต์ของอาณาจักรแห่งเวทย์มนตร์ ยิ่งทั้งเมืองมีพลังมาก แท่นศิลาก็จะมีพลังมากขึ้นไปด้วยโดยจะแสดงผ่านแสงที่ส่องออกมาจากแท่นหิน แสงมากพลังก็มาก
แต่ประเด็นมันอยู่ที่ ถ้าแท่นหินหลักส่องแสงมากหรือน้อย ศิลาย่อยก็จะมีแสงส่องออกมามากน้อยตามไปด้วย และนั่นทำให้อาณาจักรต่างๆรู้ถึงพลังเวทมนตร์ของอาณาจักรที่ไม่มีใครย่างกรายเข้าไปได้ และเมื่อชาวเมืองได้หลับใหลไปเมื่อหลายปีก่อน พลังของอาณาจักรก็ได้หมดไปด้วย ทำให้แท่นศิลาหลักไม่ส่องแสงอีกต่อไป ศิลาย่อยจึงพลอยหมดแสงตามไปด้วย
" แต่เมื่อวานตอนเย็นน่ะสิ ศิลาย่อยของอาณาจักรเฟอร์เดียจู่ๆส่องแสงออกมา และนั่นแสดงว่าอาณาจักรแห่งเวทมนตร์ได้กลับมาสู่สภาวะปกติแล้ว" อลันเล่าต่อ
" อาณาจักรเวทมนต์?"
" อาณาจักรที่สาปสูญนั่นน่ะนะ?" ทั้งห้องพูดขึ้นมาพร้อมกันยกเว้นคนที่รู้ข่าวอยู่ก่อนแล้ว
" ใช่ ตอนแรกเสด็จพ่อก็คิดว่ามันคงเป็นเรื่องบังเอิญแต่ยังไงก็ปล่อยผ่านไม่ได้ เลยเรียกตัวฉันเข้าวังด่วน ราฟ นายก็เป็นใช่มั้ย?"
" อืม แต่ของฉันแค่ส่งคนมาบอกข่าวเรื่องนี้กับสั่งงานเรื่องส่วนตัวนิดหน่อย" ราฟพูดอย่างเบื่อหน่าย ยิ่งนึกถึงตอนที่ได้รับข่าวนี้มาจากคนส่งสารก็ยิ่งเบื่อ เหอะ! เจ้าชายหัวแก้วหัวแหวนทำงานไม่สำเร็จก็เลยโยนงานมาให้เขาทำ แถมยังให้ทำเสร็จภายในเย็นนี้อีก ถ้าไม่เพราะเห็นแก่ประชาชนชาวเมืองแดนปีศาจ เขาไม่มีทางเสียเวลาอันมีค่าไปทำงานอันน่าเบื่อแบบนั้นหรอกนะ คิดแล้วก็ให้สงสัยว่าราฟคนก่อนทนเรื่องแบบนี้ไปได้ยังไง
" แล้วไงต่อคะ?" โรสถามต่อด้วยนํ้าเสียงเบื่อหน่าย
" เสด็จพ่อของฉันบอกว่าถ้าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง ไม่แน่ว่าอีกไม่นานทางฝั่งอาณาจักรเวทมนต์จะส่งราชทูตมาที่นี่" อลันพูดต่อ
อันที่จริง มันแทบจะเป็นไปไม่ได้ด้วยซํ้าในความคิดของทุกคนในห้อง อย่าลืมว่าเหตุผลที่ชาวเมืองของอาณาจักรเวทมนต์ต้องหลับใหลไป ก็เป็นเพราะถูกตามล่าจากทั้ง3เผ่า แล้วจะให้ส่งราชทูตมาเจรจาด้วยก็แทบจะเป็นไปไม่ได้
แต่ทว่า...ในขณะที่ทั้ง3เผ่าต่างตามล่าชาวเมืองของอาณาจักรที่เร้นลับ กลับมีเพียงไม่กี่อาณาจักรเท่านั้นที่ไม่ได้ทำ ตั้งแต่นานมาแล้ว องค์ราชาของอาณาจักรเหล่านั้นได้ออกกฎหมายห้ามทำร้าย ฆ่า หรืออะไรก็แล้วแต่กับชาวเมืองเวทมนต์ที่ออกมานอกอาณาจักรของตน ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นที่รู้กันดีในอาณาจักรเวทมนต์ และหนึ่งในเมืองเหล่านั้นก็มีอาณาจักรเฟอร์เดียรวมอยู่ด้วย
ดังนั้นในความคิดของโรสกับราฟ จึงออกไปในทำนองที่ว่า ก็ไม่แปลกที่ทางอาณาจักรเวทมนต์จะส่งราชฑูตมาที่อาณาจักรเฟอร์เดีย
" แล้วมันก็จริง เพราะเมื่อเช้านี้มีจดหมายปริศนาส่งมาที่ราชวัง มันมีตราของอาณาจักรเวทมนต์ประทับอยู่ด้วย" คราวนี้เป็นวิลล์ที่เล่า
"..." พวกเขาเงียบเพื่อให้เล่าต่อ
" ในนั้นเขียนไว้ว่าจะส่งราชทูตมาร่วมงานวันเกิดขององค์ราชาในอีกหนึ่งเดือน เรื่องนี้คนที่รู้ยังมีแค่ฉัน เสด็จพ่อ ดยุคทั้ง5 กับขุนนางอีกไม่กี่คน แล้วก็พวกนายนี่แหละ" อลันพูดเป็นนัยให้คนที่เหลือเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับก่อน แต่ที่เขายอมบอกเรื่องนี้กับทุกคนก็เพราะยังไงทุกคนตรงนี้ก็ต้องรู้เรื่องอยู่แล้ว
อย่างโรส ซีน่อน ซีเวล กับลิลลี่ ก็ป็นลูกของดยุคที่รู้เรื่องนี้แล้วทั้งนั้น ฮานส์ก็เป็นลูกของราชทูตของเผ่าสวรรค์ เกรเทลกับราฟ ก็ป็นเจ้าชายคนสำคัญของอาณาจักร ส่วนมาร์ตินที่ถึงจะเป็นสามัญชนแต่พ่อของเขาก็ป็นเศรษฐีที่ทำการค้ากับราชวังแถมยังเป็นเพื่อนคนหนึ่งอีก
แต่ถ้าสิ่งที่อยู่ในจดหมายปริศนาเป็นจริง ทุกคนก็ต้องรู้เรื่องนี้อยู่ดีเพราะคนที่จะมาร่วมงานวันเกิดของเสด็จพ่อของเขาก็มีมากมาย ซึ่งแน่นอนว่าทุกคนต้องเห็นว่ามีราชทูตจากอาณาจักรเวทมนต์มาร่วมงานอด้วยอยู่แล้ว และดูเหมือนข่าวในจดหมายปริศนาก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะเป็นจริง เพราะจดหมายนั่นมีตราประทับของอาณาจักรเวทมนต์อยู่ ซึ่งตราประทับนั่นก็ไม่ใช่ว่าจะทำเลียนแบบได้ซะด้วยสิ
มันอาจจะดูเหมือนไม่มีอะไรให้เครียด แต่เบื้องลึกของมันต่างหากล่ะที่น่ากลัว ถ้าเอาเข้าจริงๆ ชาวเมืองอาณาจักรเวทมนต์1คนสามารถเอาชนะคนของทั้ง3เผ่าได้ แต่ก็เอาชนะได้ถ้าอีกฝ่ายมีจำนวนน้อยเท่านั้น และการที่ชาวเมืองเหล่านั้นออกมาอยู่ที่โลกภายนอก ส่วนมากก็จะอยู่ตัวคนเดียวจึงไม่แปลกที่3เผ่าจะจับชาวเมืองเหล่านั้นได้อย่างง่ายดาย
และการที่ราชทูตจะมาที่นี่ แน่นอนว่าต้องมากันหลายคนแน่นอน สิ่งที่น่ากังวลก็คือว่าการมาของราชทูตเหล่านั้น มีจุดประสงค์เพื่ออะไร? จะมาเพื่อแก้แค้นที่ชาวเมืองโดนจับไปเมื่อหลายปีก่อนโดยเริ่มแก้แค้นจากอาณาจักรเฟอร์เดียรึเปล่า?
" นายกังวลว่าทูตที่จะมามีจุดประสงค์ร้ายในการมาครั้งนี้ใช่มั้ย?" ราฟมองความกังวลของอลันออก
" ใช่ คนของอาณาจักรเวทมนต์ไม่เหมือนกับอาณาจักรหรือเผ่าอื่นๆ เพราะเราแทบจะไม่มีข้อมูลของพวกเขาเลย การจะเดาความคิดของพวกนั้นจึงไม่ง่าย"
" ถ้างั้นพี่อลันก็ไม่มีอะไรให้ต้องกังวลหรอกค่ะ" โรสพูดออกไป ถ้าลองคิดๆดูแล้ว ก็มีแค่เธอกับราฟที่รู้จักนิสัยของชาวเมืองอาณาจักรเวทมนต์ พวกเขารู้ดีว่าชาวเมืองนั้นรักสงบแค่ไหนและไม่มีทางที่จะทำร้ายคนอื่นแน่นอน ดังนั้นจึงไม่มีอะไรให้ต้องห่วง
" ก็อย่างที่โรสว่านั่นแหละ ฉันจะกลับห้องแล้ว เธอล่ะ?" ราฟลุกขึ้นก่อนจะหันมาถามคนด้านข้าง
" ฉันไปก่อนล่ะ ราตรีสวัสดิ์" เธอไม่ตอบแต่หันไปบอกคนอื่นๆก่อนจะตามเขาไป
ตึง
" สองคนนั้นแปลกๆแหะ" วิลล์พูดกับคนอื่นๆเมื่อเสียงปิดประตูดังขึ้น ซึ่งทุกคนรู้ดีว่า แปลก ของวิลล์นั้นหมายถึงเรื่องอื่น ไม่ใช่เรื่องที่ทั้งสองพูดไว้ก่อนจะไป
" ก็คงจะเป็นความสัมพันธ์แบบพี่น้องธรรมดาละมั้ง?" ลิลลี่ตอบ
" เห้อ พวกเราก็แยกกันบ้างเถอะ" เจ้าของห้องอย่างเกรเทลเสนอ
" อลัน นายก็อย่าไปเครียดมากเลย" เกรเทลที่ออกมาส่งทุกคนที่หน้าห้องพูดกับอลันที่ด้านข้างมีวิลล์ยืนอยู่ข้างๆ ยังดีที่ตอนนี้ไม่มีใครเดินผ่านทางเดิน พวกเขาจึงพูดเรื่องนีได้
" อืม" ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังมีความกังวลอยู่ดี
" เห้อ ถึงจะแปลกไปหน่อย แต่ฉันเชื่อว่าที่โรสกับราฟพูดอาจจะเป็นความจริง" คราวนี้เขาลองยกสิ่งที่โรสกับราฟพูดขึ้นมาบ้าง
" เห้อ นั่นสิ กังวลตอนนี้ก็ยังเร็วไป ราตรีสวัสดิ์" อลันยอมคลายความกังวลลง ดูเหมือนว่ากุหลาบน้อยจะมีอิทธิพลต่อเขามากขึ้นนะ
อีกด้านหนึ่ง
" นายคิดยังไง?" โรสถามขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ซึ่งราฟก็รู้ดีว่าเรื่องที่เธอพูดคือเรื่องอะไร
" พวกเราคงจะต้องกลับไปที่อาณาจักรเวทมนต์อีกครั้ง" เรื่องการมาครั้งนี้แน่นอนว่าไม่ได้มีจุดประสงค์ไม่ดี แต่พวกเขาก็ยังไม่รู้จุดประสงค์จริงๆเสียหน่อย
" แต่ก่อนไปคงต้องไปถามเรื่องทั้งหมดกับลีออนก่อน" จะให้ไม่รู้ข้อมูลอะไรเลยก็คงไม่ได้ หนังสือในมิติก็ไม่มีข้อมูลอะไรเลยด้วย พวกเขาถึงต้องรอเค้นความจริงจากปากของลีออน
" ถึงแล้ว ราตรีสวัสดิ์" พอดีกับที่พวกเขาเดินมาถึงห้องพอดี โรสจึงหันมาพูดกับอีกคนก่อนจะเดินเข้าห้องไป แต่แล้ว
" เดี๋ยวสิ" เขาจับแขนข้างหนึ่งของเธอไว้ก่อนจะออกแรงดึงให้เธอตกเข้ามาอยู่ในอ้อมกอด
" อะไร?" เธอเงยหน้าขึ้นมองเขา ถ้าเป็นคนอื่นที่ทำแบบนี้กับเธอ ไม่ต้องรอให้จับแขนเธอได้ก็ตายไปแล้ว แต่นี้คือเขา เธอถึงยอมให้ขนาดนี้
" ฝันดี" เขาพูดก่อนจะก้มหน้าลงมาหอมแก้มเธอเร็วๆก่อนจะหนีเข้าห้องของตัวเองไปด้วยรอยยิ้ม
" อะ ไอ้..." โรสที่เพิ่งรู้สึกตัวว่าโดนขโมยหอมแก้ม ก็ได้แต่ยืนกระฟัดกระเฟียดอยู่หน้าห้องของคนฉวยโอกาส ทั้งยังสาปแช่งก่นด่าอยู่ในใจ เพราะชาติที่แล้วเธอไม่เคยเจอผู้ชายที่กล้าทำแบบนี้กับตัวเองมาก่อน การตอบสนองจึงค่อนข้างจะช้า แต่มีสิ่งหนึ่งที่เธอคิดได้
หมอนี่...ยิ่งรู้จักยิ่งน่าหมั่นไส้
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ตตอนแรกก็ว่าจะปล่อยผ่าน
แต่อยากให้ไรท์แก้คำ คะ ค่ะ นะคะ
ให้ถูกต้องดีกว่า
ผิดเยอะมากกกแทบทุกประโยคที่มีเลย
พยายามปล่อยผ่านๆมาทุกตอนแต่คืออ่านแล้วมันอึดอัดจริงๆค่ะ
ติเพื่อก่อนะไรท์
สู้ๆก่อนพิมพ์ก็ลองอ่านเสียงตามอ่ะจะช่วยได้ค่ะ
จะความแตกตอนไหนน้อราฟเนี่ย