19:00น.หอพักA
" ฮ้า~ / อิ่ม" ซีน่อนกับซีเวลพูดขึ้นพลางล้มตัวลงบนโซฟา ตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ห้องนั่งเล่นของหอพัก
" จะไม่ให้อิ่มได้ไงล่ะ ก็ดูที่พวกนายกินเข้าไปสิ" วิลล์บ่น เจ้าพวกนี้ทานข้าวเสร็จก็ต่อด้วยขนม แถมยังแย่งส่วนของเขาไปกินอีก
" ก็โรสกับราฟทำอาหารอร่อย"
" ดังนั้น จะมาโทษพวกเราไม่ได้" ฝาแฝดเถียงออกไป
" พวกนายเนี่ยนะ" ฮานส์พูดพลางถอนหายใจ
" แต่คุณโรสกับคุณราฟก็ทำอาหารอร่อยจริงๆนั่นแหละครับ" มาร์ตินพูดอย่างอารมณ์ดี
" ใช่ ท่านพี่กับท่านราฟทำอาหารอร่อยที่สุดเลยล่ะ" ลิลลี่พูดขึ้นมาบ้าง หลังจากที่เธอได้มาอยู่กลุ่มนี้ เธอก็ได้ทานอาหารฝีมือราฟกับโรสพร้อมกันกับพวกมาร์ติน
" ขนาดอาหารในวังยังอร่อยไม่เท่าเลยล่ะมั้ง" อลันพูดขึ้นบ้าง
" ที่อาณาจักรฉันก็อร่อยไม่เท่า" เกรเทลพูดต่อ
ตอนนี้พวกเขาพึ่งจะทานข้าวเย็นเสร็จ หลังจากนั้นก็มานั่งชมฝีมือคนทำอาหารกันต่อที่ห้องนั่งเล่นโดยไม่สนใจสายตาของคนอื่นๆในหอพักเลยสักนิด ว่าคนเหล่านั้นจะนั่งนํ้าลายยืดกันตั้งแต่ได้เห็นพวกเขาทานอาหารน่าอร่อย ไปจนถึงตอนที่พวกเขามานั่งชมฝีมือการทำอาหารของคนบางคน
ตัดภาพมาที่คนทำอาหารซึ่งได้รับคำชื่นชมเป็นอย่างมากทั้งสองคน พวกเขายังคงนั่งที่มุมโซฟาริมหน้าต่างมุมเดิม ตรงนี้นับเป็นมุมประจำของพวกเขา เรื่องนี้คนทั้งหอพักรู้ดี ถึงขนาดที่แม้แต่เวลาที่ทั้งสองคนไม่อยู่ ก็ไม่ทีใครกล้าไปนั่งตรงนั้นเป็นอันขาด
" กินยาลืมเขย่าขวดรึไง?" โรสถามคนข้างๆ
" เปล่า" ราฟตอบอย่างผ่อนคลาย ทำเอาคนถามได้แต่ทำหน้าไม่สบอารมณ์
จะไม่ให้เธอเป็นแบบนี้ได้ยังไงล่ะ ก็หมอนี่ทำเหมือนกับถูกรางวัลล็อตเตอรี่ที่1อย่างงั้นแหละ ถึงหน้าตาจะยังคงราบเรียบและเย็นชาเหมือนเดิม แต่ก็คล้ายกับกำลังอมยิ้มอยู่ มันเป็นแบบนี้มาตั้งแต่ตอนที่เธอตอบคำถามหมอนี่ หลังจากนั้นก็ดูจะอารมณ์ดีเสียจนน่าหมั่นไส้
" ราฟ"
" หืม?"
" เมื่อก่อนนายมีเพื่อนที่สนิทมากๆรึเปล่า?"
" ทำไมถึงถามแบบนี้ล่ะ?" เขาไม่ตอบแต่เป็นฝ่ายถามกลับ
" ฉันถาม นายก็ตอบมาเถอะน่า" เธอพูดเสียงหงุดหงิด
" ก็...มี" เขาตอบ
" แล้วนายไม่คิดถึงคนคนนั้นบ้างเหรอ?" เพราะคำถามที่เขาถามเมื่อตอนเที่ยง เธอเลยจำได้ว่าเขาไม่เคยเล่าถึงเพื่อนคนไหนเลย แล้วก็มีอีกอย่างที่เธอสงสัยอยู่ด้วย
" คิดถึงแน่นอน" เขาตอบอย่างมั่นใจ
" ผู้หญิงหรือผู้ชายเหรอ?"
" ทายสิ!" เขาพูดออกมาพร้อมกับดวงตาที่พราวระยับไปด้วยความเจ้าเล่ห์
" ผู้หญิง?" เธอลองเดา
" ทำไมถึงคิดแบบนั้นล่ะ?" ดูคนตรงหน้าเขาจะเริ่มน่าสนใจอีกแล้วสิ เพราะดูยังไงก็ไม่มีทางที่เขาจะมีคนสนิทเป็นผู้หญิง แล้วทำไมเธอถึงตอบแบบนี้อีกล่ะ
ยังคงทำให้เขาสนใจได้ทั้งเมื่อก่อนและตอนนี้เลยนะ
" ถ้าเป็นเมื่อก่อนฉันคงไม่ตอบแบบนี้ เพราะขนาดจะเข้าใกล้ผู้หญิง นายยังไม่ทำถ้าไม่จำเป็น แล้วจะให้มีเพื่อนสนิทเป็นผู้หญิงก็คงจะยาก และนั่นก็เป็นอาการปกติสำหรับผู้ชายที่ไม่ชอบผู้หญิง
แต่นายต่างกับคนอื่น เพราะฉะนั้นมันก็อาจจะไม่แปลกที่นายมีเพื่อนสนิทเป็นผู้หญิง แล้วสรุปว่าฉันคิดถูกมั้นล่ะ?" เธออธิบายก่อนจะวกเข้าเรื่องเดิมที่ยังค้างคาอยู่
" อืม เธอคิดถูก เพื่อนที่ฉันสนิททั้งเมื่อก่อนและตอนนี้เป็นผู้หญิง" เขาเฉลย
" ตอนนี้? ใครเหรอ?" เธอถามออกไปอย่างสงสัย ใครกันนะ ที่สามารถทำให้ผู้ชายคนนี้ไว้ใจได้ แต่เธอก็ไม่เคยเห็นราฟไปกับใครเลยนี่ แถมหมอนี่ก็อยู่กับเธอแทบจะตลอดเวลาเลยด้วย
" ก็คนด้านหน้าฉันไง" เขาพูดอย่างสบายๆ แต่อีกคนกลับขมวดคิ้วมุ่นพร้อมหันไปมองด้านหลัง เพราะตอนนี้ราฟกับเธอหันหน้าเข้าหากัน ถ้าเธออยากจะหาคนตรงหน้าราฟก็ต้องหันไปมองด้านหลัง แต่เธอกลับไม่พบใครเลย
" ไหนอ่ะ? ไม่เห็นมีเลย" เธอหันกลับมาบอกเขา
"..." เขาไม่ได้พูดอะไรแต่กลับหยิบกระจกขนาดเล็กออกมาจากมิติแล้วส่งให้เธอแทน
"..." เธอรับมาแล้วมองของในมือเล็กน้อยก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างสงสัย
" ส่องดูสิ" เธอหยิบมันขึ้นมาทำตามที่เขาบอก "นั่นไง...คนสนิทของฉัน" เมื่อได้ยินแบบนั้น เธอก็เข้าใจทันทีว่าคนสนิทของเขาคือใคร แต่เธอก็อยากจะลองแกล้งเขาสักนิด
" ไม่เห็น" เธอพูด คิ้วสวยที่เพิ่งจะคลายลงก็ขมวดขึ้นอีกครั้งอย่างตั้งใจ
" คนคนนี้ไง" เขาพูดขึ้นอีกครั้งแล้วยกนิ้วขึ้นมาชี้ที่เธอ
" คนไหน?" เธอยังคงแกล้งไม่เข้าใจ
" เธอไง"
" เธอไหน?"
"..." คราวนี้เป็นเขาที่เริ่มขมวดคิ้วขึ้นมาบ้าง ส่วนเธอก็เลิกแกล้งไม่เข้าใจแล้วยิ้มกรุ้มกริ่มไปทางเขา พร้อมกับดวงตาที่แสดงออกอย่างชัดเจนว่ากำลังสนุกสนาน
เมื่อเห็นอาการของคนตรงหน้า เขาก็เข้าใจทันทีว่าตัวเองกำลังถูกแกล้ง
" ว่าไง? คนไหนล่ะ?" เธอยํ้าพลางยื่นหน้าเข้าไปใกล้เขาอีกนิด
"..." เขาไม่ตอบแต่กลับก้มหน้าลงมาหอมแก้มเธอแล้วผละออกไปอย่างรวดเร็ว เพราะใบหน้าของเธอกับเขาอยู่ห่างกันไม่มาก เขาจึงกระทำการอุกอาจได้อย่างงายดาย และดูเหมือนเขาจะรู้สึกอารมณ์ดีขึ้นหลังจากได้ทำอะไรบางอย่างเพื่อเป็นการเอาคืนคนตรงหน้าแล้ว
แต่ในขณะที่คนกระทำการกำลังอารมณ์ดี คนถูกกระทำกลับยังคงตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น อาจเป็นเพราะเธอไม่ทันคิดว่าเขาจะเอาคืนแบบนี้ แถมตอนนี้พวกเขาก็ไม่ได้อยู่กันสองคนอีกด้วย
" ทำอะไรเนี่ย?" เธอถามเขาสียงขุ่นมัวหลังจากที่ตั้งสติได้แล้ว
" ทำโทษ" นํ้าเสียงและใบหน้าของเขายังคงราบเรียบแต่ดวงตากลับฉายแววเจ้าเล่ห์ออกมา
" ฉันแกล้งนายนิดเดียวเองนะ!" เธอเถียง
" ไม่นิดมั้ง?" เรื่องที่ทิ้งเขาไว้ที่โลกก่อน เรื่องที่ทิ้งเขาแล้วมามีความสุขกับเพื่อนใหม่ในโลกนี้ มันไม่ใช่เรื่องเล็กๆเลยนะ
" หืม? มีเรื่องอื่นอีกเหรอ?" เธอเคยก็แค่แกล้งเขานิดๆหน่อยๆเหมือนอย่างตอนนี้ ถ้าเป็นเรื่องใหญ่ก็ไม่มีนี่นา
" ช่างเถอะ ไปนอนได้แล้ว" เขาพูดตัดบท ก่อนจะพาอีกคนที่คล้ายจะแสดงอาการงอแงไม่อยากนอนเหมือนเด็กขึ้นห้องไปพักผ่อน
เช้าวันต่อมา
11:20น.
สองร่างที่เดินไปตามทางเดินของอาคารเรียนเรียกความสนใจจากทุกคนได้เป็นอย่างดี แต่บุคคลทั้งสองก็ยังคงเดินตรงไปยังจุดหมายของตนเอง แต่แล้ว...
" แหมๆๆ ดูสิว่าใคร?" นักเรียนหญิงกลุ่มหนึ่งเดินมาขวางทางพวกเขาเอาไว้ และหนึ่งในนั้นก็พูดขึ้น แน่นอนว่าทุกคนตรงนั้นก็เริ่มหันมาสนใจกันด้วย
" อุ๊ย! ท่านหญิงโรซาเรีย วาเรนเซียนี่นา!" อีกคนตอบรับเพื่อนของตน
" เอ๊ะ! ท่านหญิงจริงเหรอ? ฉันนึกว่าผู้หญิงที่เอาแต่อ่อยผู้ชายไปวันๆ" คนที่สามพูดขึ้นบ้าง
" ฉันได้ยินว่าเธอหลอกให้เจ้าชายราฟาเอลหอมแก้มต่อหน้าคนทั้งหอพักเลยนี่"
" ว๊ายยย จริงเหรอคะ?" ผู้หญิงอีกคนหันมาถามเธอ
เห้อ เธอพึ่งจะทานข้าวเที่ยงเสร็จแล้วกำลังจะกลับห้องไปเอาของ ดันมาเจอเจ้าพวกนี้เข้าซะได้ และเธอก็คาดการณ์เรื่องบางเรื่องถูก
เมื่อคืนที่ราฟหอมแก้มเธอ แน่นอนว่าต้องมีคนอื่นเห็น เพราะตอนนั้นพวกเขาไม่ได้อยู่ในห้องพักของตัวเอง แถมเธอกับราฟก็มักจะถูกจับตามองอยู่ตลอด
คิดแล้วก็รู้เลยว่าใครเป็นตัวต้นเหตุ เธอจึงหันไปตวัดสายตาไม่พอใจให้คนด้านข้าง แต่เขากลับทำเพียงแค่ส่งสายตาล้อเลียนมาให้ เหอะ! สร้างเรื่องให้เธอแล้วยังจะมีหน้ามาอารมณ์ดีได้อีกนะ!
เอาเถอะ! เรื่องข่าวลือของเธอกับราฟก็ใช่ว่าจะไม่มี ออกจะไปทางมีมากแล้วก็มีมานานแล้วได้ซํ้า วันนี้จะได้ถือโอกาสจัดการให้สิ้นเรื่องสิ้นราวไปเลยละกัน
" แล้วพวกเธอคิดว่ายังไงล่ะ?" เธอถามกลุ่มผู้หญิงตรงหน้า
" ก็คิดว่ามันไม่เหมาะสมไงค่ะ ท่านหญิงกับเจ้าชายไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย จะมาทำแบบนี้มันก็ไม่ดีนะค่ะ"
" ใช่ค่ะ พวกอุตส่าห์เราเป็นห่วงชื่อเสียงของท่านหญิงนะค่ะเนี่ย"
" อ๋อ พี่น้องกันทำแบบนี้ไม่เหมาะสมเหรอ?" เมื่อได้ฟังคำตอบ เธอก็สวนกลับไปทันที และดูเหมือนสิ่งที่เธอพูดไป จะทำให้คนตรงนั้นที่ทั้งเกี่ยวข้องและไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นชะงักไป
" พี่น้อง? ท่านหญิงพูดอะไรกันคะ?"
" นั่นสิค่ะ ท่านหญิงกับเจ้าชายไม่ได้เกิดจากพ่อแม่เดียวกันสักหน่อย" กลุ่มผู้หญิงตรงหน้าเหมือนจะเป็นตัวแทนถามความสงสัยภายในใจของทุกคน
" ฉันกับโรสไม่ได้เกิดจากพ่อแม่เดียวกันก็จริง แต่แม่ของโรสเป็นน้องสาวของพ่อฉัน เรียกง่ายๆคือ แม่ของโรสเป็นอาของฉัน แล้วโรสกับฉันก็เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน ดังนั้น มันก็ไม่ต่างจากการที่พวกเราเป็นพี่น้องกัน" เป็นราฟที่พูด ดี! อย่างน้อยเขาก็ไม่ปล่อยให้เธอจัดการคนเดียว
"..."
"!!!"
" ว่ายังไงต่อเอ่ย?" เธอถามต่อเมื่อเห็นคนตรงหน้าเงียบไปอีกครั้ง
" อะ เอ่อ..."
" เร็วสิ" เธอเร่ง
" พวกฉันรอคำตอบอยู่นะ"ราฟพูดขึ้นบ้าง ท่าทางที่ดูผ่อนคลายเมื่ออยู่กับคนสนิทถูกสลัดหายไป เหลือเพียงแค่เจ้าชายสูงส่งผู้เย็นชา
" พะ พวกเรา กะ ก็แค่เป็นห่วงชื่อเสียงของท่านหญิงนะคะ"
" ชะ ใช่ๆๆ พวกเราแค่เป็นห่วงมาเกินไปหน่อย" เมื่อมีคนพูดนำ คนอื่นๆก็ค่อยๆแก้ตัวตาม
" อ๋อ เป็นห่วงฉัน?" หึ! ฉลาดดีนี่ ที่เลือกใช้ข้ออ้างว่าเป็นห่วงเธอ...แต่ก็ยังไม่มากพออยู่ดี
" ชะ ใช่ค่ะ" หนึ่งในนั้นตอบ
" ถ้างั้นก็ต้องขอบใจด้วย ที่เป็นห่วงฉัน"
" มะ ไม่เป็นไรค่ะ" พวกเธอเริ่มมีสีหน้าที่ดีมากขึ้น แต่แล้ว...
" แต่ห่วงตัวเองก่อนจะดีกว่านะ"
"!!!"
" ได้ข่าวว่าพวกเธออยู่ห้องCนี่ เพราะฉะนั้น ตั้งใจเรียนแล้วก็มีคะแนนสอบที่ดีกว่านี้ให้ได้ก่อนนะ ค่อยมาเป็นห่วงฉันน่ะ" เธอพูดพลางยิ้มบางๆ ถ้าเป็นเวลาอื่นมันก็คงจะดูสวยงามมาก แต่ตอนนี้มันกลับดูอันตรายมากกว่า และเมื่อพูดจบ เธอก็เดินออกมาจากจุดนั้นทันที
ก็ไม่ใช่ว่าเธอกำลังอารมณ์ไม่ดี ถึงต้องเอาไประบายกับคนบางกลุ่มเมื่อครู่ แต่เป็นเพราะสิ่งที่คนกลุ่มนั้นพูดออกมาต่างหาก ก็แค่ผู้หญิงที่เอาแต่อ่อยผู้ชายไปวันๆ งั้นเหรอ? เหอะ! พวกผู้ชายที่ถูกยกมาพูด ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าต้องเป็นพวกลูกหมาแน่ๆ! สรุปคือเรื่องนี้เธอไม่ผิด แล้วต้องมาโดนด่าเนี่ยนะ! ถ้ายอมก็ไม่ใช่เธอแล้วล่ะ ดังนั้น เธอเลยต้องสั่งสอนว่าอะไรควร อะไรไม่ควร ส่วนคนที่คิดจะทำลายชื่อเสียงของเธอและตระกูลก็คงจะได้เหตุการณ์ในวันนี้เป็นตัวอย่าง คงต้องเรียกว่า เชือดไก่ให้ลิงดูล่ะนะ
" อย่ายิ้มแบบนั้น" เสียงของคนบางคนเรียกเธอให้ตื่นจากภวังค์ความคิด
" ทำไม? น่าขนลุกเหรอ?" เธอหันไปถามเขา เอาอีกแล้วสินะ ไอ้นิสัยเสียที่ว่าเจอเรื่องสนุกแล้วจะเผลอแสยะยิ้มน่ะ
" เปล่า สวยดีแต่ถ้ายิ้มให้ฉันคนเดียวจะดีกว่า" เขาตอบได้อย่างไม่อายปาก ถ้าเปลี่ยนเป็นผู้หญิงคนอื่นที่ได้รับประโยคนี้จากเขา ก็คงจะเขินอายแน่นอน แต่เขาดันพูดด้วยสีหน้าราบเรียบมากนี่สิ สิ่งที่ควรจะมีก็เลยไม่มี
แต่บังเอิญว่าคนที่ได้รับประโยคนี้ไม่ใช่ผู้หญิงทั่วไป...
" อืม พอนายพูดแบบนี้ก็น่ารักดีนะ" เธอพูดพลางอมยิ้ม
" แล้วดีมั้ยล่ะ?" เขาถามต่อ
" แน่นอนว่าดี อืม เมื่อกี๊นายบอกว่าให้ฉันยิ้มให้นายคนเดียวสินะ" เธอทำท่าครุ่นคิดก่อนจะหันไปถามเขา
"..." เขาไม่ตอบแต่พยักหน้าแทน
" ฉันจะทำตามก็ได้ แต่มีข้อแม้ว่านายก็ต้องห้ามไปพูดกับคนอื่นแบบน่ารักๆเหมือนเมื่อกี๊อีกนะ พูดได้แค่กับฉันคนเดียว"
อะไรก็ไม่รู้ดลใจให้เธอพูดออกไป เอาเถอะ ถ้าเขาอยากให้เธอยิ้มให้เขาคนเดียว เธอก็ทำได้ เพราะยังไงก็คงมีแค่เขาคนเดียวที่ทำให้เธอยิ้มได้กว้างๆ แต่ถึงยังงั้นก็คงจะต้องมีข้อแลกเปลี่ยนกันหน่อยล่ะนะ
" ก็เอาสิ ฉันสัญญา" เขายื่นนิ้วก้อยออกไปส่วนเธอก็ยื่นนิ้วมาเกี่ยวกับเขา เธอก็เป็นแบบนี้แหละนะ ไม่ยอมเสียเปรียบแม้แต่เรื่องเดียว แต่ก็พราะอย่างนี้อีกนั่นแหละ ที่เขาชอบเธอน่ะ จะให้พูดแบบนั้นกับเธอน่ะเหรอ? ถึงไม่บอก เขาก็จะพูดแบบนี้กับเธอคนเดียวอยู่แล้วล่ะ
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ส..สะ.สดชื่น~~