" หึ หึๆๆ ใช่จริงๆด้วย คิดอยู่แล้วว่าเธอต้องเป็นเหมือนฉันน่ะ " เขาหัวเราะในลำคอก่อนจะพูดขึ้น ดวงตาก็พราวระยับไปด้วยความเจ้าเล่ห์
" ดูนายจะไม่ตกใจเลยนะ" เธอเห็นเขาไม่ตกใจแถมยังทำราวกับเป็นเรื่องสนุกก็อดที่จะหมั่นไส้ไม่ได้
" เธอเองก็ด้วยไม่ใช่รีไง? อีกอย่าง ฉันคิดมาสักพักแล้วว่าเธอน่ะไม่เหมือนกับคนในโลกนี้ พอมารู้ก็เลยไม่ตกใจน่ะสิ" นํ้าเสียงของเขาตอนนี้แม้จะยังเหลือความเย็นชาอยู่ แต่มันก็น้อยกว่าตอนแรกมาก
" แล้วเธอล่ะ มาที่นี่ได้ยังไง?" จู่ๆเขาก็ถามเธอขึ้นมา
" ก็เหมือนนายนั่นแหละ อยู่ดีๆไอ้พระเจ้าก็มาถามว่าอยากจะไปโลกใหม่มั้ย แล้วฉันก็เลยมาที่นี่น่ะ " พูดแล้วก็ยังแค้นไม่หายที่โดนหมอนั่นถีบเข้ามาในมิตินี่งนี้น่ะ
" ทำไมถึงอยากมาที่โลกอื่นล่ะ" ดูจากสิ่งที่เธอทำ ทั้งการควบคุมอารมณ์ ทั้งการวางตัว เธอก็คงจะเป็นคนที่มีหน้ามีตาในสังคมน่าดู แล้วทำไมถึงอยากมาในที่ที่ไม่รู้ว่าตัวเองจะลำบากรึเปล่า ทั้งๆที่ชีวิตในปัจจุบันก็น่าจะดีอยู่แล้ว
" ชีวิตฉันในตอนนั้นมันน่าเบื่อเกินไป มีพร้อมทุกอย่างแต่กลับไม่มีเรื่องสนุกให้ทำน่ะสิ "
" หึ เธอน่าสนใจจริงจริงๆนั่นแหละ"
" ฉันเคยมีคนรู้จักอยู่ หมอนั่นก็น่าสนใจเหมือนนาย แต่หมอนั่นไม่มีทางที่จะมาคุยดีๆกับฉันแบบนายได้หรอก" ใช่ และมันก็คงจะไม่มีวันนั้น
" ทำไม?"
" หมอนั่นน่ะ ตายไปแล้วน่ะสิ"
" คนรักของเธอ?" เขาอดที่จะถามไม่ได้ เพราะนํ้าเสียงใช้ที่เธอพูดถึงคนคนนั้นมันเต็มไปด้วยความรู้สึกภาคภูมิใจแต่แฝงความเศร้าเอาไว้
" ห้ะ! 555 อย่าพูดให้ขำเลย คนรักงั้นเหรอ? แค่เพื่อนฉันกับเขาก็ยังเป็นไม่ได้เลย" เธอพูดกลั้วหัวเราะ
หลังจากนั้นพวกเขาก็พูดคุยกันพร้อมกับจิบไวน์ไปเรื่อยๆจนหมดไป2ขวด ก่อนจะต่างฝ่ายต่างแยกกันไปพักผ่อน
05.00น.
ตอนนี้เธอตื่นขึ้นมาเปลี่ยนเป็นชุดออกกำลังกายก่อนจะออกไปวิ่งอย่างปกติทุกวัน แต่มันมีบางอย่างที่ไม่ปกติอยู่อย่างหนึ่ง ก็คนที่อยู่ตรงหน้าเธอไงล่ะ
" มีอะไรอีกล่ะ" เธอพูดเสียงเรียบพร้อมจ้องมองอีกฝ่าย จะใครล่ะ? ถ้าไม่ใช่คนที่เธอใช้เป็นเครื่องมือไม่ให้เหล่าตัวเอกเข้ามายุ่งกับเธอน่ะ
" ขอโทษ"
" เรื่อง?" เขาเคยทำอะไรให้เธอด้วยเหรอ ก็มีแต่เธอที่ไปใช้เขาเป็นเครื่องมือนี่
" ทุกเรื่อง พอฉันลองคิดๆดูแล้วเธอก็ไม่ได้ผิดไปทุกเรื่องแต่เป็นพวกฉันที่เข้าใจไปเอง" เขาคงรักเมลโลมากจนลืมคิดเรื่องต่างๆให้ดี พอฟังเธอพูดเมื่อครั้งที่แล้วเขาถึงจะคิดได้
" อ๋อ ช่างมันเถอะ จริงสิ ถ้านายลองวางตัวเป็นคนนอกดู นายอาจจะได้เห็นอะไรดีๆก็ได้นะ" ยังไงเขาก็คิดได้แล้ว ถ้าเธอจะช่วยเขาให้ออกจากมารยาของแม่นางเอกอีกสักนิดคงไม่เป็นไร และเธอก็วิ่งผ่านอีกฝ่ายไป
แต่เธอก็ไม่ได้คิดอะไรกับเรื่องที่เขาทำเอาไว้กับยัยหนูโรสเมื่อก่อนหรอก เพราะเธอถือว่าเรื่องมันก็ผ่านไปแล้วแก้อะไรไม่ได้อยู่ดี จะให้ไปแก้แค้น เธอก็ทำไม่ลงเพราะคนที่โดนน่ะ ไม่ใช่เธอ ก็เลยจะให้ไปเอาคืนมันก็ยังไง ยังไงอยู่ อย่างที่เธอบอกว่าถ้าไม่มายุ่งกับเธอ เธอก็จะไม่ยุ่ง
กับอีกฝ่าย
ก็คงจะมีแค่ไม่กี่เรื่องที่เอาเธอไปเกี่ยวกับพวกนั้น อย่างเรื่องที่คุณนางเอกชอบมาหาเรื่องเธอก่อน ถ้าเป็นเรื่องนี้ฝ่ายที่ผิดก็คงไม่ใช่เธอ กับอีกเรื่องคือเวลาเธอเบื่อ เหล่าตัวเอกจะเป็นเครื่องมือแก้เบื่อชั้นดีของเธอน่ะสิ ก็มีแค่เรื่องพวกนี้แหละที่จะดึงพวกเราเข้ามาเกี่ยวกัน
" ไม่คิดว่าจะตื่นไหว" เสียงหนึ่งดังขึ้นและปลุกเธอออกจากภวังค์ เมื่อหันไปมองก็พบกับเพื่อนคนใหม่ของเธอ
" ทำไมล่ะ?" เธอถามเขานํ้าเสียงราบเรียนปนสงสัย
" เมื่อคืนเกือบ3ขวดนี่" เขาตอบเธอกลับมาในขณะที่ยังวิ่งอยู่ เขาเคยเห็นเธอมาวิ่งตั้งแต่เปิดเทอม ราฟคนเดิมปกติก็ออกกำลังกายแต่ยังไม่มากเท่าเขาหรอก
" แค่3ขวด สบายๆ แล้วปกตินายมาวิ่งด้วยเหรอ?" ยัยนี่ ให้ตายสิ
" ปกติฉันก็มาแต่เธอไม่เห็นฉันมากกว่า"
" นายพูดเยอะขึ้นนะ แต่ก็ดี" เมื่อก่อนเขาพูดอย่างประหยัดถ้อยประหยัดคำ จนเธออดคิดไม่ได้ว่าดอกพิกุลจะร่วงออกจากปากเขาหรืออะไร
" เธอมาจากโลกเดียวกันกับฉัน ฉันก็เลยคุยกับเธอได้มากกว่าคนอื่น เพราะไม่ว่าฉันจะพูดอะไรเธอก็เข้าใจหมดไม่เหมือนกับคนอื่นน่ะสิ"
" แล้วนิสัยเย็นชาที่เปลี่ยนแบบกะทันหันล่ะ?" ดูเขาจะไม่เหลือเค้าโครงความเย็นชาให้เห็นแล้วนะ
" นิสัยฉันขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมกับคนรอบข้าง" หลังจากนั้นก็เหมือนกับเธอไล่ต้อนถามคำถามเขา ราวกับจะหาว่ามีคำถามไหนบ้างที่เขาตอบไม่ได้
เธอกับเขาวิ่งกันจนถึง6โมง และเธอกับเขาก็แทบจะวิ่งแข่งกันตอนกลับมาที่หอ ก่อนจะไปอาบนํ้าแล้วลงมาเจอกันที่ห้องนั่งเล่น ดีที่วันนี้ไม่มีคนมาเล่นหนังสดกัน พวกเธอจึงคุยเล่นกันได้
" ตอนมาที่นี่ฉันได้ขอพรมา5ข้อ นายได้ขอพรอะไรมั้ย" พูดกันไปเรื่อยๆเธอก็ถามขึ้นเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ได้
แต่เขากลับส่ายหัวน้อยๆก่อนจะพูดต่อ "หมอนั่นให้พรฉันมา5ข้อเลย ไม่ได้ให้ฉันขอ" แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้คิดอะไร เพราะไม่ว่าจะได้พรมามั้ย เขาก็ไม่สนอยู่ดี
" นายได้พรอะไรมาบ้าง" เขาได้พร5ข้อเหมือนเธอ แต่สิ่งที่ได้จะเหมือนกันมั้ยล่ะ?
" มีพลังทุกอย่าง อ่านอะไรทีเดียวก็จำได้หมด คุยกับสัตว์และพืชได้ มีเลือดเป็นพิษกับยาถอนพิษ แล้วก็มีมิติส่วนตัว" เหอะ! อย่าบอกนะว่าพระเจ้านั่นให้เธอขอพรแต่กลับเลือกพรให้ราฟเลย เดี๋ยวสิ!
" นายได้พรเหมือนกับฉันทุกข้อ ถ้างั้นนายก็มีโทรศัพท์กับรถอยู่ในมิติใช่มั้ย?" เธอโพล่งขึ้นเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ได้
" มี มันทำได้ทุกอย่างเหมือนตอนอยู่ที่โลกเดิม แต่ฉันติดต่อใครไม่ได้แล้วก็ไม่มีข่าวเรื่องที่ฉันหายตัวไปด้วย เธอล่ะ?" เมื่อได้ยินเขาถามมาแบบนั้น เธอก็ได้แต่ส่ายหัว
เพราะถึงเธอจะมีโทรศัพท์และติดตามข่าวสารการอัพเดตต่างๆของโลกเดิมได้ แต่เธอกลับไม่สามารถคุยแชทหรือโทรออกได้เลย และไม่มีข้อความหรือมีใครโทรเข้าเครื่องเธอได้เลย ข่าวการหายตัวไปของเธอก็ไม่มี ไม่มีแม้แต่ข่าวว่าเธอตายไปแล้วไง ราวกับว่าเธอไม่เคยมีตัวตนอยู่ในโลกนั้น และเธอไม่เห็นข่าวของเพื่อนๆเลย มีแต่ข่าวเกี่ยวกับคุณพ่อเท่านั้น
" พวกเราคงถูกตัดการติดต่อกับโลกนั้น แล้วก็เหมือนกับถูกลบตัวตนออกไปจากที่นั่นแล้วสินะ" เธอพูดขึ้น
" พระเจ้านั่นคงอยากให้เรากลายเป็นคนของโลกนี้โดยสมบูรณ์" จริงอย่างที่เขาพูด
" ใช่แล้ว พวกเจ้าคิดได้ถูกแล้ว" ทันใดนั้น เสียงที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นและเมื่อมองไปรอบๆตัว พวกเขาก็พบกับที่ที่เจอกับพระเจ้าครั้งแรก
" จะพามาก็บอกกันก่อน" เธอพูดด้วยนํ้าเสียงที่ไม่ต้องฟังก็รู้ว่าหงุดหงิด
" เอาน่า เข้าเรื่องดีกว่า เมื่อพวกเจ้ามาอยู่ที่นี่แล้ว ข้าก็จะสร้างคนอีกคนขึ้นมาทดแทนพวกเจ้าในโลกนั้น และลบพวกเจ้าออกไปจากความทรงจำของคนที่อยู่ในโลกนั้น แบบนี้มันอาจจะดีกว่าการที่ปล่อยให้พวกเจ้าเหลืออยู่ในความทรงจำของคนที่ยังอยู่ในโลกนั้นนะ"
นั่นสิ มันอาจจะดีแล้วจริงๆก็ได้ การที่เธอหายตัวมาโดยไม่บอกอาจจะทำให้พวกเขาเป็นห่วงก็ได้ ถึงเธอจะเจ็บปวดอยู่บ้างที่จะต้องหายไปจากความทรงจําของพวกเขา แต่มันก็ดีกว่าให้พวกเขามาเจ็บปวดแทนเธอ
" งั้นเราก็ติดต่อพวกเขาไม่ได้ด้วยใช่มั้ย?" คราวนี้เป็นราฟที่ถามขึ้น
" ก็ต้องเป็นแบบนั้น เพราะถึงพวกเจ้าติดต่อได้ สำหรับพวกเขาเจ้าก็เป็นแค่คนแปลกหน้า แต่เจ้าก็ยังติดตามข่าวเกี่ยวกับพวกเขาได้อยู่นะ" ติดตามได้?
" นายบอกว่าติด...อะ ไอ้!" เธอกำลังจะถามหมอนั่น แต่พอมาดูอีกทีก็กลายเป็นว่าเธอดับราฟก็กลับมาอยู่ที่ห้องนั่งเล่นแล้ว เธอจึงได้แต่สบถเสียงเย็น
" เธอจะถามอะไรหมอนั่นน่ะ?" เขาถามขึ้น
" หมอนั่นบอกว่าพวกเราติดตามข่าวคนในโลกนั้นได้ แต่ฉันไม่เห็นมีข่าวเกี่ยวกับเพื่อนของฉันเลย" เธอเจอแต่ข่าวของคุณพ่อ ส่วนเพื่อนของเธออีก4คนไม่มี ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้เลยเพราะเจ้าพวกนั้นเป็นนางเเบบ นักร้อง ดาราชื่อดังกันทั้งนั้น มีข่าวให้เห็นกันอยู่ทุกวัน ถึงขั้นที่ว่าเธอเปิดโทรทัศน์ช่องไหนก็เห็นแต่หน้าของเจ้าพวกนั้นจนเธอรู้สึกเบื่อ
" เพื่อนของเธอดังขนาดนั้นเลยเหรอ?"
" เพื่อนฉันมี4คน ชาย2 เป็นนายแบบกับนักร้องไอดอล หญิงอีก2 เป็นนางแบบกับนักแสดง เก่งระดับแนวหน้าของโลก" เขาเคยคิดว่าเธอคงจะเป็นคนที่พอจะมีหน้ามีตาอยู่บ้าง แต่ถ้าเธอรู้จักกับเพื่อนแบบนั้นจริงก็แสดงว่าเธอก็คงจะดังน่าดู
" เมื่อก่อนธอเป็นอะไร?" เขาอดที่จะถามไม่ได้
" นักธุรกิจล่ะมั้ง?"
" ละมั้ง? หมายความว่าไง"
" หึๆๆ ก็หมายความว่าฉันทำงานหลายอย่างมากเกินไป แต่หลักๆก็มีอยู่แค่2อย่างคือนักธุรกิจกับ..." เธอเว้นช่วงไว้แล้วเขาก็ยกคิ้วขึ้นเล็กน้อยคล้ายกำลังรออยู่ ทั้งที่สงสัยอยู่แท้ๆ ยังจะทำหน้าเย็นชาได้อีก
" ไม่รู้สิ แล้วนายทำอะไรล่ะ? "
" ฉันก็เป็นนักธุรกิจ" เขาทำหน้าคล้ายหงุดหงิดเล็กน้อยก่อนจะตอบเธอด้วยใบหน้าเย็นชาเหมือนเดิม
" อายุล่ะ ฉัน24 เกิดเดือนมิถุนา วันที่15" เธอยังไม่รู้เลยว่าเขาหรือเธอแก่กว่ากัน
" 24ปี เกิดเดือนมิถุนา วันที่1" เขาตอบด้วยนํ้าเสียงแปลกใจเล็กน้อย วันที่15 เดือนมิถุนา งั้นเหรอ?
" นายเเก่กว่าฉันแค่15วันงั้นสิ" เห้อ เหมือนกันแม้กระทั่งเดือนเกิดเลยเหรอเนี่ย
" เธอต้องเรียกฉันว่าพี่" พี่ราฟ คำนี้จะไม่มีวันออกมาจากปากเธอแน่
" ถึงตายก็ไม่เรียก แล้วชาติที่แล้วนายชื่ออะไรล่ะ บางทีเราอาจจะเคยร่วมงานกันก็ได้" เขาเป็นนักธุรกิจ ส่วนเธอก็เป็นนักธุรกิจ แล้วเธอก็ทำธุรกิจแทบทุกด้านด้วยสิ เป็นไปได้ว่าเธอกับเขาอาจเคยเจอกัน ถ้ารู้ชื่อเขา เธออาจจะจำเขาได้ก็ได้
" ชื่องั้นเหรอ? เรากลายเป็นคนของโลกนี้โดยสมบูรณ์แบบแล้ว จะยึดติดกับชื่อเก่าไปทำไมล่ะ? เพราะฉะนั้นมันก็ไม่จำเป็นอีก" เขาพูดพึมพำก่อนจะพูดขึ้นเสียงเย็นต่างจากตอนแรกจนเธออดขนลุกไม่ได้
ชื่อที่ผู้ชายคนนั้นตั้งให้น่ะ เขาไม่อยากได้ยินหรอก ถ้าไม่ใช่เพราะคุณแม่ขอไว้ เขาก็ยอมเป็นคนไม่มีนามสกุลดีกว่าใช้นามสกุลของชายคนนั้น ชายคนที่แม่ของเขามอบความรักให้หมดใจ ให้อย่างไม่มีเงื่อนไข แต่ชายคนนั้นกลับเหยียบยํ่ามันซํ้าแล้วซํ้าเล่า ชื่อที่ชายผู้ให้กำเนิดเขา ชื่อที่ชายผู้ขึ้นชื่อว่าพ่อแท้ๆตั้งให้ ชื่อที่ตั้งโดยพ่ออย่างคนคนนั้นน่ะ เขาไม่อยากมีหรอก
เพราะฉะนั้น อย่าเรียกชื่อนั้นอีกเลย เขาไม่อยากได้ยินมันอีกแล้ว
" จริงของนาย พูดไปก็ชวนแต่จะให้นึกไปถึงเรื่องเก่าๆ เพราะงั้น ชื่อของพวกเราในโลกนี้นี่เเหละดีที่สุด" พอเธอพูดถึงเรื่องชื่อในโลกเดิมแล้วเขาก็มีท่าทีแปลกไป เธอก็รู้ได้ทันทีว่าเขาคงมีอดีตที่เลวร้ายอยู่ เธอจึงเลือกที่จะไม่พูดต่อ
ตึกๆๆ
มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นมาในโสตประสาทของเธอกับเขา ทำให้พวกเธอหยุดพูดคุยกันและแล้วท่าทางให้เป็นแบบปกติ ถ้าเป็นคนทั่วไปก็อาจจะไม่ได้ยิน แต่นักฆ่าอย่างเธอได้ยินแน่ ส่วนราฟ ถึงเธอจะแปลกใจนิดหน่อยที่เขาได้ยินเหมือนเธอ แต่มันก็ไม่น่าแปลกอะไร เพราะสำหรับญาติผู้พี่ของเธอคนนี้ เขาก็มีความลับมากมายอยู่แล้ว เพิ่มเรื่องมีประสาทสัมผัสที่ดูจะดีพอๆกับเธอเข้าไปอีกสักอย่าง ก็คงจะไม่มีอะไรน่าแปลกใจ
" อ้าว! ท่านหญิง ตื่นเช้าจังนะคะ" มีผู้หญิงสามสี่คนเดินลงมาจากบันไดฝั่งเดียวกันเดินเข้ามาทักเธอ เธอจึกพยักหน้าน้อยๆเพื่อตอบรับ
" จะ เจ้าชายราฟาเอล กะ ก็ด้วยนะ พะ เพคะ" นักเรียนหญิงอีกคนพูดขึ้นด้วยนํ้าเสียงตะกุกตะกัก พร้อมกับใบหน้าที่แดงกํ่า
เธอไม่แปลกใจ เพราะญาติผู้พี่ของเธอคนนี้มีใบหน้าที่หล่อเหลา ถึงตอนนี้เขาจะทำหน้าเย็นชาอยู่ตลอดแต่มันกลับเป็นสเน่ห์อย่างหนึ่งที่เสริมให้เขาดูน่าค้นหาขึ้น ดังนั้นมันก็ไม่แปลกที่จะมีสาวน้อยสาวใหญ่อยากรู้จัก แต่ดูจากการที่เขายังคงนิ่งเฉยไม่แสดงออกว่ารำคาญหรือตื่นเต้นอะไร ก็แปลว่าเขาคงเคยชินกับเหตุการณ์แบบนี้
หลังจากที่เขาพยักหน้าน้อยๆเพื่อเป็นการตอบรับเหมือนเธอ ผู้หญิงพวกนั้นก็ทำท่าเขินอายบิดตัวไปบิดตัวมา จนเธออดยิ้มนิดๆและส่ายหัวไม่ได้ ไม่ใช่เพราะเธอสมเพชหรืออะไร แต่เพราะเธออดจะรู้สึกดีใจแทนผู้หญิงพวกนี้ไม่ได้ เพราะตอนที่เธออายุเท่าผู้หญิงพวกนี้ เธอก็ไม่มีรอยยิ้มหรือมีชีวิตที่สดใสร่าเริงแบบนี้เหมือนผู้หญิงทั่วไป เธอไม่อยากให้ใครต้องมีชีวิตมืดมนเหมือนเธอหรอกนะ
" เป็นอะไร?" เขาถามขึ้นเมื่อเห็นเธอมีอาการแปลกๆอย่างการยิ้มออกมานิดๆ ชนิดที่ว่าถ้าไม่สังเกตคงไม่ห็น
" เปล่า" พอรู้ตัวว่ากำลังยิ้มออกมานิดๆอยู่ เธอก็กลับมาทำหน้าเย็นชาเหมือนเดิม จริงๆแล้ว รอยยิ้มสำหรับเธอถือว่าหาได้ยาก เพราะถ้าไม่มีเรื่องที่ดีและมีความสุขจริงๆเธอก็จะทำหน้าเย็นชาตลอดเวลา
คงจะมีแต่การแสยะยิ้มเท่านั้นแหละที่เธอทำได้บ่อยที่สุด ถามว่าแสยะยิ้มเพื่ออะไรน่ะเหรอ? ก็คงจะเป็นเวลาที่เธอได้ทำลายศัตรูของเธอให้ย่อยยับ และพินาศลงน่ะสิ จะหาว่าเธอโรคจิตก็ได้ เพราะมันคือเรื่องจริง
" อรุณสวัสดิ์ค่ะ ท่านหญิง จะ เจ้าชาย" หลังจากกลุ่มที่พวกผู้หญิงเมื่อกี้ไปได้ไม่นาน ก็มีคนเข้ามาทักทายเธออีกครั้ง ทายซิ เสียงเหวานๆ กับคำพูดเพราะๆ และมีหางเสียงแบบนี้ คือใคร?
3
2
1
ปิ๊งป่อง คุณนางเอกไงล่ะ เธอกับราฟนั่งกันอยู่ตรงโซฟาที่ติดกับหน้าต่าง แล้วผู้หญิงกลุ่มเมื่อกี้ก็เดินไปนั่งกันที่โซฟาตัวใหญ่กลางห้อง และคุณนางเอกก็เดินเข้ามาทักทายเธอพร้อมกับเหล่าตัวเอกและลูกสมุน ซึ่งสิ่งที่เธอกับราฟทำมีเพียงแค่การมองออกไปนอกหน้าต่างราวกับไม่ได้ยินเสียงพวกเขา
" เอ่อ ท่านหญิงค่ะ" เมื่เห็นอีกฝ่ายทำราวกับไม่ได้ยินตน จึงยังคงเรียกต่อไป
" นกที่ไหนมันร้องกันนะ" เมื่อเห็นคุณนางเอกยังคงเรียกเธอต่อ เธอก็เริ่มรู้สึกรำคาญขึ้นมา
ปกติเธอไม่ใช่คนหงุดหงิดง่ายแต่ที่เธอรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาง่ายๆแบบนี้ คงจะเป็นเพราะนํ้าเสียงที่คุณนางเอกใช้เรียกเธอมันเต็มไปด้วยความเสแสร้งจนเธอรู้สึกเอียนขึ้นมาล่ะมั้ง บางครั้งการแก้ปัญหาก็ไม่ใช่การหลีกหนีแต่เป็นการสู้กับมัน
" ร้องจนฉันเริ่มรำคาญแล้วด้วยสิ" เมื่อเห็นเธอเริ่ม เขาก็ไม่รอช้า ร่วมผสมลงโรงไปด้วย เขาก็รำคาญเหมือนเธอนั่นแหละ เขาไม่ชอบเสียงแบบนี้เพราะมันทำให้ระคายหู
" ว้าย! ตายแล้ว คนเขาบอกว่ารำคาญยังจะเสนอหน้าอยู่อีก ด้านเนอะ" หนึ่งในนักเรียนหญิงที่เข้ามาทักพวกเธอพูดขึ้น อืม...เธอชอบนะ
" นี่! เมลโลไปทำอะไรให้พวกเธอนักหนา! ทำไมต้องว่ากันด้วย" แล้วก็เป็นไรเดอร์ที่ออกตัวคนแรก พร้อมกับทำท่าจะเดินเข้าไปหาเรื่องผู้หญิงกลุ่มนั้น แล้วมันก็ทำให้พวกเธอเริ่มกลัวขึ้นมาเพราะถึงยังไง ไรเดอร์ก็เป็นลูกชายของหัวหน้าองครักษ์ เขาก็ต้องฝึกการต่อสู้มาบ้าง
น่าสนใจนะว่ามั้ย? เธอหันไปถามคนที่ยังคงทำหน้าเย็นชาด้านข้างเธอผ่านทางสายตา แต่เขาก็ยักไหล่น้อยๆ เป็นเชิงว่าไม่ค่อยน่าสน เธอคงต้องพิสูจน์แล้วล่ะมั้ง? ว่าหมอนี่น่าสนใจรึเปล่า แน่นอนว่าเรื่องที่เธอสนใจคือฝีมือในการต่อสู้ของเขา พูดถึงเรื่องนี้.....
เธอยังไม่รู้เลยนี่ ว่าราฟมีฝีมือแค่ไหน ดูแล้วเขาก็คงเก่งมากแน่ๆ
" เป็นผู้ชาย จะไปรังแกผู้หญิง มันไม่ไร้ยางอายเกินไปหน่อยรึไง?" และเมื่อเธอพูดอย่างนั้นออกไป เขาก็หยุดแล้วหันกลับมามองหน้าเธออย่างหาเรื่อง จริงๆเธอก็ไม่มีสิทธิ์ไปว่าคนอื่นเรื่องไร้ยางหรอก เพราะเธอน่ะ...หน้าหนายิ่งกว่ากำแพงไงล่ะ
" เราไม่มีเรื่องต้องคุยกัน เพราะฉะนั้น...ต่างคนต่างอยู่" เธอพูดขบก็เดินออกมาจากหอพัก แล้วก็มีราฟเดินตามมาไม่ห่างแต่ก็ไม่ใกล้กันมาก ระยะห่างกำลังพอดี พอจะให้คนอื่นเห็นว่าเธอและเขาไม่รู้จักและไม่สนิทกัน
เธอกับเขารู้ดี ถ้าให้คนอื่นเห็นว่าพวกเธอสนิทกัน มันอาจจะไม่ค่อยส่งผลดีนัก เธอพึ่งจะถอนหมั้นถ้าใกล้ชิดกับเขามากเกินไป มันอาจจะทำให้มีข่าวออกมาว่า เธอถอนหมั้นเพราะหลงรักราฟ ถึงจะยากเพราะทุกคนรู้ดีว่าเธอ ไม่สิ โรสคนก่อนรักลูเซียนแค่ไหน
แต่ก็ใช่ว่ามันจะเป็นไปไม่ได้ที่จะมีข่าวออกมา ข่าวลือมันเร็วยิ่งกว่าไฟลามทุ่ง เธอจะไม่สนก็ได้เพราะถึงมันจะทำลายชื่อเสียงของเธอแค่ไหน เธอก็ไม่สนเรื่องชื่อเสียงอยู่ดี แต่เธอจะลืมไม่ได้ว่าเธอไม่ได้ตัวคนเดียว คนที่ได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้ยังมีท่านพ่อ ท่านพี่ และตระกูลวาเรนเซียอีก แล้วอีกหนึ่งคนที่จะมีอยู่ในข่าวลือคงหนีไม่พ้นญาติผู้พี่ของเธอ
ถึงเขาจะไม่สนชื่อเสียงตัวเองเหมือนเธอ แต่ยังไงเขาก็เป็นถึงเจ้าชายแดนปีศาจ ถึงจะไม่ได้เป็นรัชทายาทแต่มันก็ส่งผลต่อราชวงศ์ทาทารอส และแดนปีศาจอยู่ดี เธอกับเขาต่างก็มีสิ่งที่ต้องห่วง
ถึงจะมาจากต่างโลก ไม่ได้อยู่กับเรื่องพวกนี้มาตั้งแต่เกิด ถึงจะไม่อยากสนใจ แต่มันก็ต้องทำเพราะตอนนี้พวกเขาเป็นคนของโลกนี้ แล้วก็มีหน้าที่ที่ต้องทำ
เธอกับเขาต่างรู้ข้อนี้ดี
แต่สำหรับเธอน่ะ หน้าที่ในโลกนี้ของเธอมันก็แค่การปกป้องครอบครัวและคนที่เธอรัก เพราะฉะนั้น เธอเต็มใจที่จะทำหน้าที่นี้และต่อให้มันไม่ใช่หน้าที่ เธอก็จะทำ
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ลูกพี่ลูกน้องก็สนิทกันได้ไม่ใช่เหรอ หรือคนอื่นไม่รู้ว่าสองคนนี้เป็นพี่น้องกัน
ต่ออออออออออ
อยากให้คู่กันจริงๆแล้วก็ขอให้สอบตกเอ้ย!ได้คะแนนดีๆน้าา
เพราะถูกลบตัวตนเหมือนกัน
เป็นกำลังใจให้สอบได้คะแนนดีๆนะคะ