ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Chapter :: 4 :: “อะไรกัน? จนป่านนี้พี่ก็ยังอายอยู่อีกหรอ?”
Fiction : Obajicon 4
Pairing : YunhoXJaejoong, YuchunXJunsoo
Genre : Romantic Comedy
Author : Deumbeui
Author’s note : “อะไรกัน? จนป่านนี้พี่ก็ยังอายอยู่อีกหรอ?”
Warning : PG-15, อ่านเรื่อง Shotacon ก่อนนะคะ ไม่งั้นงงแน่นอนค่ะ มันเป็นฟิกภาคต่อกันเน้อ
หลังจากที่วางสายจากแจจุงได้ไม่นาน...ประตูห้องที่จุนซูนั่งเฝ้าอยู่ก็เปิดออก...คนตัวเล็กกระเด้งตัวลุกขึ้นเมื่อทันทีเมื่อเห็นหมอเดินออกมาจากห้อง...
“เขาเป็นยังไงบ้างครับ?”
“กระดูกแขนหักครับ แต่หมอเข้าเฝือกให้แล้ว..ประมาณสองเดือนก็คงจะหายดีครับ”
“สะ..สองเดือนเลยหรอครับ?..”
คุณหมอวัยยังหนุ่มยิ้มใจดีให้.. “ครับ ถ้ายังไงเดี๋ยวหมอขอตัวไปจัดการเร่องเอกสารก่อนนะครับ”
“เอ่อ...เรื่องค่าใช้จ่ายเดี๋ยวผมรับผิดชอบเองทั้งหมดนะครับ...แล้วยังไงเดี๋ยวผมจะติดต่อผู้ปกครองของเขาเองด้วย..”
“ได้ครับ...ถ้างั้นหมอขอตัวนะครับ”
คิม จุนซูยืนอยู่ด้านหน้าประตูหลังจากที่คุณหมอเดินจากไปได้สักพักแล้ว...ตาเรียวลอบมองคนด้านในผ่านกระจกบานเล็กบนประตู...ปากเล็กกระจับถูกกัดขณะที่กำลังคิดหนัก...มือกลมที่จะเคาะประตูถูกชักกลับอย่างกล้าๆกลัวๆหลายครั้ง ไม่เคาะสักที...
เอาวะ! เป็นไงเป็นกัน!
เสียงเคาะประตูตามหลังมาด้วยบานประตูถูกเปิดออกดึงความสนใจคนที่กึ่งนั่งกึ่งนอนบนเตียง...มือข้างซ้ายถูกเข้าเฝือกไว้พร้อมกับสายคล้องกับคอและกำลังคุยโทรศัพทอยู่..เด็กหนุ่มชายตามามองนิดหนึ่งก่อนจะหันกลับไปคุยโทรศัพท์ต่อ..
“เดี๋ยวค่อยคุยกันนะ..เอาเป็นว่ายังไงก็ฝากบอกอาจารย์ให้หน่อยละกัน..เออ...บาย..”มือหนากระแทกปุ่ม End Call บน iPhone4 ราคาแพงก่อนจะหันหน้ามาทางชายหนุ่มร่างเล็กที่ยืนอยู่ที่ข้างเตียง...
“เอ่อ...เป็นยังไงบ้าง?”จุนซูตัดสินใจถามอย่างกล้าๆกลัวๆเมื่อเห็นว่าอีกคนเอาแต่จ้องหน้าเขาแต่ไม่พูดอะไร...
“.........”
อีกฝ่ายยังคงเงียบทำเอาจุนซูใจไม่ดี...ตาเรียวคมของอีกฝ่ายก็เอาแต่จ้องๆเขาจนเขาเองต้องเป็นฝ่ายหลบตา.. “เดี๋ยวเรื่องค่าใช้จ่ายไม่ต้องห่วงนะ ฉันจัดการให้...แล้วก็...นี่กระเป๋าตังค์ของนาย...”จุนซูวางกระเป๋าเงินสีดำขลับลงบนเตียงใกล้ๆกับเด็กหนุ่ม.. “เอ่อ..นายติดต่อที่บ้านรึยัง?”
“รถผมเป็นยังไงบ้าง?”
“หะ...หา??”จุนซูตั้งตัวแทบไม่ติดเมื่อประโยคแรกที่เขาได้ยินจากปากของผู้เสียหายไม่ได้สอดคล้องอะไรกับที่เขาพูดด้วยเลยสักนิด...
“ผมถามว่ามอเตอร์ไซด์ผมเป็นยังไงบ้าง?”เด็กหนุ่มย้ำเสียงต่ำอีกรอบ...
“อ๋อ...ประกันโทรมาบอกว่าเคลียร์เรียบร้อยแล้ว..ตอนนี้รถนายคงอยู่ที่อู่ซ่อมรถน่ะ..”
เด็กหนุ่มในชุดเครื่องแบบนักเรียนม.ปลายชื่อดังคว้ากระเป๋าเงินใส่กระเป๋ากางเกงแล้วลุกลงจากเตียงมายืนประจันหน้ากับจุนซู..
อยากจะบอกว่าคือเขาต้องเงยหน้ามองเด็กมันเด้วยเหอะ....
ตัวโคตรจะสูง...
“พาผมไปที่อู่ที่ว่า เดี๋ยวนี้เลย”
“หะ หา?????”
“นี่คุณหูไม่ดีรึไง? ผมบอกให้พาไปที่อู่ที่รถผมซ่อมอยู่ไง”
“ตะ..แต่นายจะไม่บอกที่บ้านหน่อยหรอ?..”
“ที่บ้านผมไม่มีใครอยู่ทั้งนั้นแล่ะ..ไปเมืองนอกกันหมด...แจ้งไปก็เท่านั้น...หรือคุณจะรอให้แม่ผมบินกลับมาที่นี่ไหมล่ะ?”
“อ๊ะ เดี๋ยวสิ..”ยังไม่ทันจะได้ตอบอะไร อีกคนก็เดินดุ่มๆไปทางประตูห้องอย่างรวดเร็ว..ขาสั้นป้อมจึงรีบวิ่งตามอีกคนออกไป...
...........
......................
หลังจากที่จัดการเรื่องที่โรงพยาบาลเสร็จ เขาก็ต้องรีบบึ่งพาไอ้เด็กใจร้อนไปที่อู่ซ่อมรถทันที...ตลอดทางที่นั่งกันมา เด็กมันไม่พูดอะไรกับเขาสักคำเดียว...ยิ่งพอเด็กมันเห็นสภาพรถมอเตอร์ไซด์ สีหน้าก็ยิ่งเครียดบึ้งตึงเข้าไปอีก...ด้านข้างของตัวรถเป็นรอยยาวทั้งแถบไปเกือบครึ่งคัน...มือข้างที่ไม่เป็นอะไรถูกยกขึ้นกุมขมับ...
“เรื่องค่าใช้จ่ายของรถนาย...ไม่ต้องห่วงนะ..เดี๋ยวฉัน...”
“ใครบอกผมเครียดเรื่องนี้กัน?”
“.....”
“คุณรู้ไหมว่ารถคันนี้น่ะมันเป็นรุ่นลิมิเตทเลยนะ! ทั้งสีแล้วก็ลายน่ะ ผมพ่นแล้วก็แต่งเองทั้งนั้น!”น้ำเสียงต่ำขึ้นเสียงดังเล็กน้อยตามแรงอารมณ์...
“ฉะ...ฉันขอโทษ....”
“ง่ายไปหน่อยไหมคุณ? ทั้งแขนผม รถผม คำขอโทษไม่ได้ช่วยให้อะไรมันดีขึ้นหรอกนะ”
จุนซูฉุนปรี๊ดกับประโยคที่ได้ยิน... “ก็แล้วจะให้ฉันทำยังไงเล่า! ฉันก็เสียหายเหมือนกันนะ..ยังไม่เห็นต้องโวยวายเป็นเด็กเหมือนนายสักหน่อย อีกอย่าง...นายเองก็ผิดเหมือนกันไม่ใช่รึไง..ที่ออกมาไม่ดูตาม้าตาเรือน่ะ...เป็นแค่เด็กม.ปลายปีสองแท้ๆ..มีใบขับขี่รึยังก็ไม่รู้!”เสียงหวานแว๊ดขึ้นสูงเพราะฟิวส์ขาด...หนอย..ไอ้เด็กเมื่อวานซืน...เกลียดนักล่ะ พวกที่ชอบพูดว่า คำว่าขอโทษช่วยอะไรไม่ได้...มีใครเขาอยากให้เกิดอุบัติเหตุรึไงกัน?? นี่เขาเองก็ทำดีที่สุดแล้วนะ!!
ยูชอนเลิกตาขึ้น..น้ำเสียงกับมาราบเรียบเหมือนเดิม... “คุณรู้ได้ไง?..”
“รู้อะไร?!!”เสียงหวานเหวี่ยงกลับ...
“รู้ว่าผมอยู่ม.ปลายปีสอง..”
จุนซูที่ตอนแรกโมโหจนตัวโยนไปไม่เป็นกันเลยทีเดียว..ตาเรียวหลุบต่ำลงหลีกเลี่ยงการสบตาพลางอ้าปากจะพูดอะไรแต่ก็ไม่มีเสียงออกมา...
“ว่าไงล่ะ??”
“ก็..ก็...พอดี...ฉันเห็นจากบัตรนักเรียนนายน่ะ”
“หึ..นอกจากจะขับรถไม่ได้เรื่องทำให้คนเขาเดือดร้อนแล้ว ยังมีนิสัยเสียอยากรู้อยากเห็นเรื่องของคนอื่นด้วยอย่างนั้นหรอ? นี่อะนะผู้ใหญ่...อายุเยอะซะเปล่า...”
“มันไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย!!”
มันชักจะมากไปแล้วนะ ไอ้เด็กบ้า!
จุนซูสะบัดหน้าไปทางพนักงานที่กำลังตรวจดูความเสียหายของรถและกำลังจดรายละเอียดลงบนกระดาษ... “ขอโทษนะครับ..ไม่ทราบว่าจะซ่อมให้เสร็จเร็วที่สุดนี่ต้องใช้เวลากี่วันครับ?”
“ก็เท่าที่ดู..อาจจะต้องใช้เวลาสักหน่อยน่ะครับ...รถคนนี้มีหลายส่วนไม่เหมือนคันอื่นๆ..อย่างที่เขาว่า มันเป็นรุ่นลิมิเตท อะไหล่ก็เลยหายากน่ะครับ...”พนักงานในอู่เงยหน้าขึ้นจากคันรถ..
“นานแค่ไหนครับ? ผมจ่ายไม่อั้น จะได้ให้มันเสร็จๆเร็วๆ คนแถวนี้จะได้เลิกทำตัวเป็นเด็กไม่รู้จักโตสักที...”ตาเรียวสะบัดไปมองขณะที่พูดประโยคประชดประชัน...
“ใครกันแน่ไม่รู้จักโต...คิดหน่อยได้ไหม ว่าถึงผมได้รถกลับมาเร็วๆแล้วมันจะมีประโยชน์อะไร ในเมื่อแขนผมเป็นแบบนี้?”ยูชอนว่าพลางยกมือซ้ายข้างที่ใส่เฝือกขึ้น... “อีกอย่างนะ...ไม่ต้องหามันหรอกอะไหล่บางชิ้นนะ...เพราะมันก็เป็นลิมิเตทเหมือนกัน ไม่มีขายแล้ว..และที่คุณบอกว่าผมเองก็ผิดเหมือนกัน...กล้าขึ้นโรงพักไหมล่ะ? ผมพนันเลยว่าความเร็วคุณตอนชนผมน่ะเกินสปีทลิมิตแน่นอน...”
จุนซูฟึดฟัดอย่างไม่สบอารมณ์... ทำมาเป็นอ้างโรงพัก! ต่อให้เขาความเร็วไม่เกินก็ไม่เอาด้วยหรอก...ขืนเป็นข่าวขึ้นหน้าหนึ่งพ่อเขาเอาเขาตายแน่...“แล้วจะเอาไง...หมอก็พาไปหาแล้ว รถก็ซ่อมให้แล้วจะต้องการอะไรอีกไม่ทราบ?”
“นั่นสิ...เพราะผมเองก็ยังไม่มีใบขับขี่ขับรถยนต์อีกต่างหาก..ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะไปเรียนยังไง”
คิ้วเรียวสวยขมวดเป็นปม...เหมือนมีลางไม่ดีตะหงิดๆยังไงก็ไม่รู้แฮะ... “แล้วไง?..”
“จนกว่าแขนผมจะหาย...คุณก็ไปส่งผมไปเรียนหน่อยก็แล้วกัน...ระดับอย่างคุณน่ะ..”ยูชอนไล่สายตามองตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าของจุนซู... “เข้างานสายคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง..ดูท่าไม่ใช่เป็นแค่ระดับลูกจ้างนินะ..”
จุนซูพูดอะไรไม่ออก...นี่มันไม่ได้ไปรู้จักมักจี่อะไรกับเขาตอนไหนใช่ไหม? ทำไมมันถึงได้รู้ล่ะ?? และดูสายตาที่เด็กมันมองมาที่เขาสิ...เหมือนจะสื่อให้รู้ว่าดูเขาออกทะลุปรุโปร่งทุกอย่าง...เห็นแล้วน่าโมโหชะมัด...!!
“ถึง..ถึงงั้นก็เหอะ..!! แล้วฉันไม่ต้องทำมาหากินรึไงกัน??!! จะให้ฉันเข้างานสายมันเดือนสองเดือนเลยรึไง???!!”
“ไม่เห็นยาก คุณก็ตื่นให้มันเช้าหน่อยสิ...”
คนตัวเล็กกัดปากแน่น..ตาเรียวปิดลงพลางถอนหายใจพยายามระงับอารมณ์ไม่ให้พลุ่งพล่าน...ไอ้เด็กนี่มันต้องการอะไรกันแน่!!??? แล้วนิดนึงเหอะนะ...นี่มันใช่คำพูดที่พูดกับคนอายุมากกว่าเกือบสิบปีรึไง!!??
“ผมรู้นะว่าคุณก็ไม่ได้ตั้งใจจะชนผม แต่ปกติแล้วว่ากันด้วยกฎหมายจริงๆ.. ต่อให้ไม่ใช่เรื่องความเร็ว...รถใหญ่น่ะยังไงก็ผิดอยู่ดี แถมนี่ก็ดีแค่ไหนแล้วที่ผมเจ็บแขนซ้าย คุณก็แค่ไปรับไปส่งผมจนกว่าแขนผมจะหาย..ถ้าเป็นแขนขวาล่ะก็...คุณอาจจะต้องไปช่วยผมเล็กเชอร์ในห้องเรียนด้วยนะ”
“โอ้ย!! พอแล้ว!! ตกลงๆ!! พอใจยัง??!! บ้านนายอยู่ไหนล่ะ!!?”
............
..........................
กว่าจะเลิกประชุมเสร็จก็ปาไปเกือบสิบเอ็ดโมงกว่า...แจจุงเดินออกมาจากห้องด้วยอาการมึนไม่น้อย..ก็จะไม่ให้เขาปวดหัวได้ยังไงล่ะ? นี่เขาแทบจะเหมือนคนมีลูกไปแล้วจริงๆเหอะ...นอกจากจะประชุมผู้ปกครองอะไรนี่แล้ว..ผลสอบกลางภาค ปลายภาคของไอ้เด็กนี่ เขาก็ต้องมารับอีก...แถมอาจารย์ยังบอกกับเขาอีกว่า..ถึงแม้ยุนโฮขะได้เพื่อนที่เคยเรียนที่อเมริกามาก่อนแต่เพื่อนสองคนที่ว่านั่นย้ายกลับมาเกาหลีตั้งแต่ม.ต้น ยังไงซะอาจารย์ก็เลยอดเป็นห่วงยุนโฮไม่ได้...และเน้นย้ำว่าจะดูแลให้ดีที่สุด ซึ่งจะต้องขอความร่วมมือจากผู้ปกครองด้วย...
เห้อ~ นี่เขาน่าจะให้แม่เขามารับหน้าที่นี้แทนมากกว่ามั้ง...เจ้าตัวคงเต็มใจทำอยู่แล้วล่ะ..อยากได้ลูกชายแบบยุนโฮจะแย่นี่นะ...แต่ก็เอาเถอะ...ตอนนี้มันยังไม่ได้เหนือบากกว่าแรงอะไรนี่...ดูไปอีกหน่อยก็แล้วกัน...ถ้าไม่ไหวยังไง ค่อยว่ากันอีกที...
อะไร? เขาไม่ได้หาข้ออ้างอะไรทั้งนั้นนะ!!...ก็..ก็เด็กมันอุตส่าห์ขอความช่วยเหลือเขาทั้งที...จู่ๆจะโยนไปให้คนอื่นรับผิดชอบแทน เดี๋ยวเด็กมันก็อาจจะเสียใจก็ได้นี่น่า...
“พี่แจจุง..”
ร่างบางที่กำลังหมกมุ่นอยู่กับความคิดตัวเองชะงักเท้าที่กำลังจะก้าวและหันไปตามเสียงเรียก.. “อ้าว ยุนโฮ..”
“เป็นยังไงบ้างครับ?”
“ก็ไม่มีอะไรมากนะ...อาจารย์เขาก็แค่เป็นห่วงเรื่องเรียนเรานิดหน่อยน่ะ..”
“อ๋อ...แหะๆ..”ยุนโฮเกาท้ายทอยแก้เขินพลางหลุบตาลงต่ำ.. “ผมมีปัญหาวิชาวรรณคดีเกาหลีน่ะ...คำศัพท์โบราณผมไม่ค่อยรู้จักแต่วิชาอื่นก็ไม่มีปัญหาอะไรนะ...”
“อืมพี่เข้าใจ...เอาเป็นว่า..ถ้ามีอะไรให้พี่ช่วย...ก็บอกละกัน..”
เด็กหนุ่มพยักหน้ารับรู้...“เอ่อ...พี่แจจุง”
“หืม?”
“เอ่อ...ดึกหน่อยวันนี้พี่ว่างมั้ย?”
“??”
“คือผมอยากให้พี่สอนทำอาหารให้น่ะ...พอดีอาทิตย์ที่แล้วยุ่งๆ ผมก็เลยไม่ได้ติดต่อพี่เลย..”
“อะ..อ๋อ...ก็...ก็ได้นะ...”
“แต่ว่าดึกหน่อยนะ..พอดีผมต้องแวะไปหาเพื่อนคนหนึ่ง..เมื่อเช้าเขามีอุบัติเหตุนิดหน่อย..ก็เลยว่าจะไปเยี่ยมที่บ้าน...”
“แล้วเราไปเองเป็นรึเปล่า? จะให้พี่ขับรถไปส่งมั้ย?”
“ไม่ต้องหรอก ผมจะไปกับเพื่อนอีกคนน่ะ ที่ผมเล่าให้พี่ฟังไงว่าผมได้เพื่อนที่เคยเรียนที่อเมริกามาก่อนสองคน...เขาสองคนนั้นเป็นเพื่อนกัน..”
แจจุงพยักหน้ารับรู้...ยุนโฮล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงก่อนจะหยิบกระเป๋าเงินและคว้าเอาการ์ดบางอย่างออกมา...
“นี่คีย์การ์ดห้องผมนะ...พี่เลิกงานแล้วไปก่อนเลยก็ได้...”
แจจุงยื่นมือออกไปรับ...
“ผมคิดว่าพี่น่าจะเลิกงานก่อน...กว่าผมจะถึงบ้านก็น่าจะประมาณทุ่มสองทุ่ม...พี่แจจุงไปรอที่ห้องก่อนเลยน่าจะดีกว่า...”
“โอเค..”
“แล้วเจอกันนะครับ”เด็กมันฉีกยิ้มกว้างโชว์เขี้ยวเสน่ห์ให้อีกคนใจเต้นก่อนจะหมุนตัวจากไป...
แจจุงหันหลังบ้างพลางก้มหน้าลง เป่าลมแรงๆออกจากปากหวังเผื่อมันจะช่วยระบายความร้อนภายในร่างกายได้บ้าง...มือขาวบางถูกยกขึ้นเพื่อพัดเอาลมแถวนั้นเข้าช่วยด้วยอีกแรง...
เพลียเหลือเกินกับไอ้เด็กหล่อคนนี้!!!!
.......
........................
ตกเย็นวันนั้นหลังจากเลิกงานแจจุงก็แวะเข้าซุปเปอร์มาร์เกตใกล้บ้านยุนโฮเพื่อซื้อของที่จะทำเป็นมื้อเย็น...วันนี้ทั้งวันเขาไม่ได้เจอจุนซู ตอนเลิกงานโทรไปเจ้าตัวรับแต่ก็คุยได้แป๊ปเดียว เห็นบอกว่ายุ่งอยู่...แต่ก็มีบอกเรื่องรถชนว่าเคลียร์เรียบร้อยดี แล้วยังไงวันพรุ่งนี้จะมาอัพเดทให้ฟัง...
ร่างบางเข็นรถเข็นไปตามทางเรื่อยๆ...ในหัวก็พลางคิดว่าจะทำอะไรให้ยุนโฮกินดี...จริงๆเขาก็อดแปลกใจไม่ได้เถอะ...วันก่อนได้คุยกับพ่อแม่ของยุนโฮที่โทรมาขอบคุณเขาที่ช่วยดูแลลูกชายให้...ทั้งคู่พูดถึงเรื่องการกินของเด็กมันว่าจะชินกับอาหารเกาหลีไหม...เพราะบางอย่างยุนโฮเองก็ไม่ชินปาก...กินเผ็ดก็ไม่เก่ง...ยุนโฮเป็นเด็กที่เรียกได้ว่าเติบโตมาเหมือนเด็กอเมริกันอย่างแท้จริง...คนเป็นพ่อเป็นแม่ก็เลยอดที่จะห่วงไม่ได้...
แล้วทำไมวันนั้นถึงไม่ยอมซื้ออะไรที่เป็นอาหารฝรั่งเลยนะ...ถึงจะบอกว่ามาอยู่เกาหลีก็ต้องกินอาหารเกาหลีก็เถอะ..แต่ถ้ามันยังไม่ชินขนาดนั้นก็น่าจะมีซื้อไว้บ้าง...แถมกิมจิจิกเกะที่เขาทำให้เด็กวันนั้นก็กินซะเกลี้ยง...ทั้งๆที่ก็เห็นนะ ว่าเด็กมันก็แสดงออกว่าเผ็ด...
........
..........................
พอกลับถึงคอนโด...แจจุงก็เสียบคีย์การ์ดเข้าไปในห้อง....มือขาวกดเปิดไฟก่อนจะเดินเข้าห้องครัว..จัดแจงวางข้าวของลงกับเคาน์เตอร์...ร่างบางเดินไปเปิดตู้เย็นเพื่อจะหาน้ำดื่ม...เขาคว้าขวดน้ำที่วางอยู่ข้างประตูด้านล่างสุดในตู้เย็นออกมาพลางมองเข้าไปในตู้เย็น...และเมื่อเห็นความว่างเปล่าในนั้นก็อดแปลกใจไม่ได้...แจจุงเปิดดูตามตู้ต่างๆก็พบว่าว่างเปล่าเช่นกัน...
นี่แสดงว่าตั้งแต่ที่เขาทำอาหารให้เด็กมันกินอาทิตย์ก่อน เด็กมันไม่ได้ซื้ออะไรเข้ามาเลยหรอเนี่ย?? แล้วที่ผ่านมากินอะไรไปบ้างล่ะ??? หรือกินมันข้างนอกตลอด??
ขณะที่กำลังคิดสะระตะอยู่นั้น จู่ๆฟ้าก็ร้องเสียงดังพร้อมๆกับที่ฟ้าแลบตามมาติดกันหลายครั้ง...แจจุงเดินไปที่หน้าต่างห้องรับแขกแง้มม่านออกดูก็เห็นว่าข้างนอกฝนกำลังเทกระหน่ำลงมาอย่างหนัก...
แย่ล่ะ!! แล้วยุนโฮอยู่ไหนแล้วเนี่ย??!!
แจจุงรีบวิ่งกลับเข้าไปในครัวพลางหยิบมือถือโทรหาอีกคนทันที...
“ฮัลโหล! นี่เราอยู่ไหนแล้ว?? ”
“ผมใกล้จะถึงแล้วครับพี่แจจุง”
“ตอนนี้ข้างนอกฝนตกหนักมากเลยนะ...”
“ผมรู้ครับ จู่ๆก็เทลงมาตอนผมกำลังจะข้ามถนน...นี่อีกบล๊อกเดียวก็ถึงคอนโดแล้ว”
ร่างบางถอนหายใจ... “เร็วๆเข้าล่ะ..”
หลังจากวางสายไปไม่ถึงสิบนาที....เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น...แจจุงถลาวิ่งไปเปิดประตูขณะกำลังล้างผัก...
สภาพคนตรงหน้าเป็นอย่างที่เขาคิดไว้ไม่มีผิด...เปียกมะลอกมะแลกยังกับลูกหมาตกน้ำเลยน่ะสิ!!
“รีบๆไปอาบน้ำเลย เดี๋ยวก็ไม่สบายกันพอดี..”แจจุงว่าพลางคว้าเอากระเป๋านักเรียนมาแล้วก็ช่วยยุนโฮถอดสูทตัวนอกที่เป็นส่วนหนึ่งของเครื่องแบบนักเรียนออก...พอยุนโฮหมุนตัวกลับมาเผชิญหน้า ร่างบางก็แทบจะพูดไม่เป็นคำไม่เป็นภาษากันเลยทีเดียว...
รู้สึกเกลียดความจริงที่ว่าเสื้อนักเรียนมันสีขาวก็วันนี้แล่ะ!!!..
ก็เพราะว่าเสื้อขาวแล้วเปียกแบบนี้....มันก็เห็นไปถึงไหนๆน่ะสิ!!! แถมไปยืนห่างๆหน่อยก็ได้!!!!!!! จะขยับเข้ามาใกล้ๆทำไมเล่า!!??
“วันนี้พี่แจจุงจะทำอะไรหรอ?”
มือขาวบางคว้าคอเสื้อของอีกคนที่เดินผ่านโดยเบียดเขาซะชิดก่อนจะมุ่งไปทางครัว.. “ไปอาบน้ำก่อนเลยนะ...เดี๋ยวก็ได้หวัดกินหรอก...”
ยุนโฮว่าง่ายแต่โดยดี...มือใหญ่คลายเนคไทด์ออกแล้วส่งให้แจจุงก่อนจะดึงชายเสื้อที่สอดอยู่ในกางเกงออกมาและทำท่าจะถอดเสื้อมันซะตรงนั้น...
“นี่ทำอะไรน่ะ!!?? ไปถอดในห้องน้ำสิ!!”
เด็กหนุ่มชะงักมือที่กำลังแกะกระดุมเสื้อเม็ดที่สอง...ก็กว่าแจจุงจะมีสติเรียกยุนโฮ กระดุมเม็ดแรกก็ถูกถอดออกไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว...และตอนนี้ส่วนหนึ่งของแผ่นอกกว้างที่เปียกชื้นก็มาลอยเด่นอยู่ตรงหน้าเขาแล้วเนี่ย!!
ยุนโฮกดยิ้มเล็กน้อย... “อะไรกัน? จนป่านนี้พี่ก็ยังอายอยู่อีกหรอ?”
“อะ...อายบ้าอายบออะไรล่ะ??!! ไม่เห็นรึไงว่าพื้นเปียกหมดแล้วเนี่ย!!! รีบๆเข้าห้องน้ำไปเลยนะ!!”แจจุงไม่เปิดโอกาสให้ยุนโฮได้ต่อความอะไรทั้งสิ้น..พอพูดจบก็ดันแผ่นหลังกว้างของอีกคนไปยังห้องน้ำทันที...
เมื่อประตูห้องน้ำปิดลง...ร่างบางก็ก้มหน้าซบกับสูทในมือทันที...
โอ้ย ตอนเห็นเด็กมันเปลือยตอนนั้น เขาก็เป็นเอามากซะขนาดนั้น...
แล้วถ้ามาเห็นเอาตอนนี้ เขาไม่หัวใจวายเฉียบพลันตายเลยรึยังไงกัน??
ไอ้เด็กบ้า!!!!
2BC
Talk
มาแล้ววววว รีบมาลงให้ก่อนจะหนีไปอ่านรายงาน(อีกแล้ว T_T) คราวนี้ต้องอ่านเกือบสี่สิบหน้าแล้วตัวอักษรก็นะ...คนที่เคยอ่าน Text น่าจะรู้กันนะคะว่ามันเล็กขนาดไหน... คือว่าจะแบบอ่านก่อนแล้วมาลงฟิก แต่ก็ไม่ได้อะ ทำใจไม่ได้ ๕๕๕๕ ไม่มีอารมณ์อ่านแน่ๆ ใจมันอยากจะเขียนอยู่ตลอดเวลา ไปไหนมาไหนพกกระดาษกับปากกา เวลานั่งรถไฟใต้ดินไม่มีไรทำ นึกอะไรได้จะได้จดมันลงไป ๕๕๕ เรื่องนี้แต่งแล้วมีความสุข เขียนไปเขินเองซะงั้น ๕๕๕๕๕ อยากได้ผู้ชายแบบนี้บ้างอะไรบ้าง...
จากตอนที่แล้วทุกคนคงเดาได้แล้วว่าปาร์คกับยุนโฮเป็นอะไรกัน แต่มันยังมีอีกคนอยู่นะ...ยุนโฮไม่ได้มีเพื่อนแค่คนเดียวนะเออ... มีใครเดาออกแล้วบ้างป่าวว่าเป็นใคร?? ๕๕๕๕ ใบ้ให้ว่าอยู่ในฟิกอันๆแทบทุกเรื่อง (ยกเว้น Short Fic) เองมั้ง...(คนอ่านคงแบบ ใครอยากรู้ฟระ ไม่ได้ถามสักหน่อย ๕๕)
ไปละคะ ไว้มาใหม่เน้อ ไม่รับปากอีกเช่นกันว่าจะมาเมื่อไร ๕๕๕๕ แต่จะรีบปั่นให้เร็วที่สุดเน้~
ปล. ช่วงนี้เหมือนตัวเองขี้เกียจมากขึ้นทุกที เรียนแค่สองวัน แต่ทำไมรู้สึกเวลาผ่านไปเร็วก็ไม่รู้ ๕๕๕ เอาแต่นอนทั้งวันด้วยนะจริงๆแล้ว ก๊ากกก
ปล.2 กำลังคิดว่าจะโชว์บินกลับไทย ชักจะไม่ไหวละ อันๆไม่ได้ตามทงบังมาสี่ปี ไม่ได้เจอหน้า ชชม ที่รักมาสี่ปีแล้วววววว แล้วดูดิเอะอะๆ ทั้งห้าคนเลยอะ ไปไทยบ่อยมากกกกกก จนอันๆคิดว่านี่กูมาทำอะไรที่ไต้หวันฟระ = =” เคยคิดว่าอยู่นี่น่าจะตามง่ายกว่า แต่ขอบอกว่าไทยน่ะดีสุดละ มันไปบ่อยมากกว่าตอนกลับเกาหลีอีกเหอะ เหอๆๆ เอสเจที่ไทยเราก็ตามง้ายง่าย ที่นี่อย่าหวัง... เหอะๆ บอกแม่ว่าจะบินกลับไปแฟนมีทมินโฮได้ไหม แม่แทบจะโบก ๕๕๕๕๕ คือถ้าอันๆชอบอีกสามตัวก็ดีสิ มีทเจวายเจมันเป็นอาทิตย์สอบมิดเทอมพอดี แล้วอันๆไม่มีสอบในตารางเลย แค่พรีเซ้นก่อนอาทิตย์สอบแค่นั้น... แบบนั้นจะได้บินกลับไปแล้วอยู่นานหน่อย แม่ก็คงโอเคกว่าแบบบินไปเพื่อมีทแล้วกลับ เหอๆๆ (แม่ถามจะให้บอกพ่อว่าอะไร? อันๆบอกก็จะไปนอนบ้านอาม่าแทน ไม่กลับบ้านก็แล้วกัน ๕๕) แต่ก็อีกล่ะ เจวายเจมันให้ซื้อมือถือนี่ป่ะ? ขืนซื้อมือถืออีก คราวนี้แม่คงเขวี้ยง 3310 มาให้ใช้แทนละ...เห้อ เอาเป็นว่าความเป็นไปได้ต่ำมาก เพราะตั๋วแพง T_T ถ้ามีแบบแต่ก่อน ตั๋วแอร์เอเชียไรเงี้ย ไม่คิดมากละ บินกลับทุกอีเว้นท์ ๕๕๕๕
ปล.3 ปล.2 จะยาวไปไหน?? = =”
Pairing : YunhoXJaejoong, YuchunXJunsoo
Genre : Romantic Comedy
Author : Deumbeui
Author’s note : “อะไรกัน? จนป่านนี้พี่ก็ยังอายอยู่อีกหรอ?”
Warning : PG-15, อ่านเรื่อง Shotacon ก่อนนะคะ ไม่งั้นงงแน่นอนค่ะ มันเป็นฟิกภาคต่อกันเน้อ
หลังจากที่วางสายจากแจจุงได้ไม่นาน...ประตูห้องที่จุนซูนั่งเฝ้าอยู่ก็เปิดออก...คนตัวเล็กกระเด้งตัวลุกขึ้นเมื่อทันทีเมื่อเห็นหมอเดินออกมาจากห้อง...
“เขาเป็นยังไงบ้างครับ?”
“กระดูกแขนหักครับ แต่หมอเข้าเฝือกให้แล้ว..ประมาณสองเดือนก็คงจะหายดีครับ”
“สะ..สองเดือนเลยหรอครับ?..”
คุณหมอวัยยังหนุ่มยิ้มใจดีให้.. “ครับ ถ้ายังไงเดี๋ยวหมอขอตัวไปจัดการเร่องเอกสารก่อนนะครับ”
“เอ่อ...เรื่องค่าใช้จ่ายเดี๋ยวผมรับผิดชอบเองทั้งหมดนะครับ...แล้วยังไงเดี๋ยวผมจะติดต่อผู้ปกครองของเขาเองด้วย..”
“ได้ครับ...ถ้างั้นหมอขอตัวนะครับ”
คิม จุนซูยืนอยู่ด้านหน้าประตูหลังจากที่คุณหมอเดินจากไปได้สักพักแล้ว...ตาเรียวลอบมองคนด้านในผ่านกระจกบานเล็กบนประตู...ปากเล็กกระจับถูกกัดขณะที่กำลังคิดหนัก...มือกลมที่จะเคาะประตูถูกชักกลับอย่างกล้าๆกลัวๆหลายครั้ง ไม่เคาะสักที...
เอาวะ! เป็นไงเป็นกัน!
เสียงเคาะประตูตามหลังมาด้วยบานประตูถูกเปิดออกดึงความสนใจคนที่กึ่งนั่งกึ่งนอนบนเตียง...มือข้างซ้ายถูกเข้าเฝือกไว้พร้อมกับสายคล้องกับคอและกำลังคุยโทรศัพทอยู่..เด็กหนุ่มชายตามามองนิดหนึ่งก่อนจะหันกลับไปคุยโทรศัพท์ต่อ..
“เดี๋ยวค่อยคุยกันนะ..เอาเป็นว่ายังไงก็ฝากบอกอาจารย์ให้หน่อยละกัน..เออ...บาย..”มือหนากระแทกปุ่ม End Call บน iPhone4 ราคาแพงก่อนจะหันหน้ามาทางชายหนุ่มร่างเล็กที่ยืนอยู่ที่ข้างเตียง...
“เอ่อ...เป็นยังไงบ้าง?”จุนซูตัดสินใจถามอย่างกล้าๆกลัวๆเมื่อเห็นว่าอีกคนเอาแต่จ้องหน้าเขาแต่ไม่พูดอะไร...
“.........”
อีกฝ่ายยังคงเงียบทำเอาจุนซูใจไม่ดี...ตาเรียวคมของอีกฝ่ายก็เอาแต่จ้องๆเขาจนเขาเองต้องเป็นฝ่ายหลบตา.. “เดี๋ยวเรื่องค่าใช้จ่ายไม่ต้องห่วงนะ ฉันจัดการให้...แล้วก็...นี่กระเป๋าตังค์ของนาย...”จุนซูวางกระเป๋าเงินสีดำขลับลงบนเตียงใกล้ๆกับเด็กหนุ่ม.. “เอ่อ..นายติดต่อที่บ้านรึยัง?”
“รถผมเป็นยังไงบ้าง?”
“หะ...หา??”จุนซูตั้งตัวแทบไม่ติดเมื่อประโยคแรกที่เขาได้ยินจากปากของผู้เสียหายไม่ได้สอดคล้องอะไรกับที่เขาพูดด้วยเลยสักนิด...
“ผมถามว่ามอเตอร์ไซด์ผมเป็นยังไงบ้าง?”เด็กหนุ่มย้ำเสียงต่ำอีกรอบ...
“อ๋อ...ประกันโทรมาบอกว่าเคลียร์เรียบร้อยแล้ว..ตอนนี้รถนายคงอยู่ที่อู่ซ่อมรถน่ะ..”
เด็กหนุ่มในชุดเครื่องแบบนักเรียนม.ปลายชื่อดังคว้ากระเป๋าเงินใส่กระเป๋ากางเกงแล้วลุกลงจากเตียงมายืนประจันหน้ากับจุนซู..
อยากจะบอกว่าคือเขาต้องเงยหน้ามองเด็กมันเด้วยเหอะ....
ตัวโคตรจะสูง...
“พาผมไปที่อู่ที่ว่า เดี๋ยวนี้เลย”
“หะ หา?????”
“นี่คุณหูไม่ดีรึไง? ผมบอกให้พาไปที่อู่ที่รถผมซ่อมอยู่ไง”
“ตะ..แต่นายจะไม่บอกที่บ้านหน่อยหรอ?..”
“ที่บ้านผมไม่มีใครอยู่ทั้งนั้นแล่ะ..ไปเมืองนอกกันหมด...แจ้งไปก็เท่านั้น...หรือคุณจะรอให้แม่ผมบินกลับมาที่นี่ไหมล่ะ?”
“อ๊ะ เดี๋ยวสิ..”ยังไม่ทันจะได้ตอบอะไร อีกคนก็เดินดุ่มๆไปทางประตูห้องอย่างรวดเร็ว..ขาสั้นป้อมจึงรีบวิ่งตามอีกคนออกไป...
...........
......................
หลังจากที่จัดการเรื่องที่โรงพยาบาลเสร็จ เขาก็ต้องรีบบึ่งพาไอ้เด็กใจร้อนไปที่อู่ซ่อมรถทันที...ตลอดทางที่นั่งกันมา เด็กมันไม่พูดอะไรกับเขาสักคำเดียว...ยิ่งพอเด็กมันเห็นสภาพรถมอเตอร์ไซด์ สีหน้าก็ยิ่งเครียดบึ้งตึงเข้าไปอีก...ด้านข้างของตัวรถเป็นรอยยาวทั้งแถบไปเกือบครึ่งคัน...มือข้างที่ไม่เป็นอะไรถูกยกขึ้นกุมขมับ...
“เรื่องค่าใช้จ่ายของรถนาย...ไม่ต้องห่วงนะ..เดี๋ยวฉัน...”
“ใครบอกผมเครียดเรื่องนี้กัน?”
“.....”
“คุณรู้ไหมว่ารถคันนี้น่ะมันเป็นรุ่นลิมิเตทเลยนะ! ทั้งสีแล้วก็ลายน่ะ ผมพ่นแล้วก็แต่งเองทั้งนั้น!”น้ำเสียงต่ำขึ้นเสียงดังเล็กน้อยตามแรงอารมณ์...
“ฉะ...ฉันขอโทษ....”
“ง่ายไปหน่อยไหมคุณ? ทั้งแขนผม รถผม คำขอโทษไม่ได้ช่วยให้อะไรมันดีขึ้นหรอกนะ”
จุนซูฉุนปรี๊ดกับประโยคที่ได้ยิน... “ก็แล้วจะให้ฉันทำยังไงเล่า! ฉันก็เสียหายเหมือนกันนะ..ยังไม่เห็นต้องโวยวายเป็นเด็กเหมือนนายสักหน่อย อีกอย่าง...นายเองก็ผิดเหมือนกันไม่ใช่รึไง..ที่ออกมาไม่ดูตาม้าตาเรือน่ะ...เป็นแค่เด็กม.ปลายปีสองแท้ๆ..มีใบขับขี่รึยังก็ไม่รู้!”เสียงหวานแว๊ดขึ้นสูงเพราะฟิวส์ขาด...หนอย..ไอ้เด็กเมื่อวานซืน...เกลียดนักล่ะ พวกที่ชอบพูดว่า คำว่าขอโทษช่วยอะไรไม่ได้...มีใครเขาอยากให้เกิดอุบัติเหตุรึไงกัน?? นี่เขาเองก็ทำดีที่สุดแล้วนะ!!
ยูชอนเลิกตาขึ้น..น้ำเสียงกับมาราบเรียบเหมือนเดิม... “คุณรู้ได้ไง?..”
“รู้อะไร?!!”เสียงหวานเหวี่ยงกลับ...
“รู้ว่าผมอยู่ม.ปลายปีสอง..”
จุนซูที่ตอนแรกโมโหจนตัวโยนไปไม่เป็นกันเลยทีเดียว..ตาเรียวหลุบต่ำลงหลีกเลี่ยงการสบตาพลางอ้าปากจะพูดอะไรแต่ก็ไม่มีเสียงออกมา...
“ว่าไงล่ะ??”
“ก็..ก็...พอดี...ฉันเห็นจากบัตรนักเรียนนายน่ะ”
“หึ..นอกจากจะขับรถไม่ได้เรื่องทำให้คนเขาเดือดร้อนแล้ว ยังมีนิสัยเสียอยากรู้อยากเห็นเรื่องของคนอื่นด้วยอย่างนั้นหรอ? นี่อะนะผู้ใหญ่...อายุเยอะซะเปล่า...”
“มันไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย!!”
มันชักจะมากไปแล้วนะ ไอ้เด็กบ้า!
จุนซูสะบัดหน้าไปทางพนักงานที่กำลังตรวจดูความเสียหายของรถและกำลังจดรายละเอียดลงบนกระดาษ... “ขอโทษนะครับ..ไม่ทราบว่าจะซ่อมให้เสร็จเร็วที่สุดนี่ต้องใช้เวลากี่วันครับ?”
“ก็เท่าที่ดู..อาจจะต้องใช้เวลาสักหน่อยน่ะครับ...รถคนนี้มีหลายส่วนไม่เหมือนคันอื่นๆ..อย่างที่เขาว่า มันเป็นรุ่นลิมิเตท อะไหล่ก็เลยหายากน่ะครับ...”พนักงานในอู่เงยหน้าขึ้นจากคันรถ..
“นานแค่ไหนครับ? ผมจ่ายไม่อั้น จะได้ให้มันเสร็จๆเร็วๆ คนแถวนี้จะได้เลิกทำตัวเป็นเด็กไม่รู้จักโตสักที...”ตาเรียวสะบัดไปมองขณะที่พูดประโยคประชดประชัน...
“ใครกันแน่ไม่รู้จักโต...คิดหน่อยได้ไหม ว่าถึงผมได้รถกลับมาเร็วๆแล้วมันจะมีประโยชน์อะไร ในเมื่อแขนผมเป็นแบบนี้?”ยูชอนว่าพลางยกมือซ้ายข้างที่ใส่เฝือกขึ้น... “อีกอย่างนะ...ไม่ต้องหามันหรอกอะไหล่บางชิ้นนะ...เพราะมันก็เป็นลิมิเตทเหมือนกัน ไม่มีขายแล้ว..และที่คุณบอกว่าผมเองก็ผิดเหมือนกัน...กล้าขึ้นโรงพักไหมล่ะ? ผมพนันเลยว่าความเร็วคุณตอนชนผมน่ะเกินสปีทลิมิตแน่นอน...”
จุนซูฟึดฟัดอย่างไม่สบอารมณ์... ทำมาเป็นอ้างโรงพัก! ต่อให้เขาความเร็วไม่เกินก็ไม่เอาด้วยหรอก...ขืนเป็นข่าวขึ้นหน้าหนึ่งพ่อเขาเอาเขาตายแน่...“แล้วจะเอาไง...หมอก็พาไปหาแล้ว รถก็ซ่อมให้แล้วจะต้องการอะไรอีกไม่ทราบ?”
“นั่นสิ...เพราะผมเองก็ยังไม่มีใบขับขี่ขับรถยนต์อีกต่างหาก..ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะไปเรียนยังไง”
คิ้วเรียวสวยขมวดเป็นปม...เหมือนมีลางไม่ดีตะหงิดๆยังไงก็ไม่รู้แฮะ... “แล้วไง?..”
“จนกว่าแขนผมจะหาย...คุณก็ไปส่งผมไปเรียนหน่อยก็แล้วกัน...ระดับอย่างคุณน่ะ..”ยูชอนไล่สายตามองตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าของจุนซู... “เข้างานสายคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง..ดูท่าไม่ใช่เป็นแค่ระดับลูกจ้างนินะ..”
จุนซูพูดอะไรไม่ออก...นี่มันไม่ได้ไปรู้จักมักจี่อะไรกับเขาตอนไหนใช่ไหม? ทำไมมันถึงได้รู้ล่ะ?? และดูสายตาที่เด็กมันมองมาที่เขาสิ...เหมือนจะสื่อให้รู้ว่าดูเขาออกทะลุปรุโปร่งทุกอย่าง...เห็นแล้วน่าโมโหชะมัด...!!
“ถึง..ถึงงั้นก็เหอะ..!! แล้วฉันไม่ต้องทำมาหากินรึไงกัน??!! จะให้ฉันเข้างานสายมันเดือนสองเดือนเลยรึไง???!!”
“ไม่เห็นยาก คุณก็ตื่นให้มันเช้าหน่อยสิ...”
คนตัวเล็กกัดปากแน่น..ตาเรียวปิดลงพลางถอนหายใจพยายามระงับอารมณ์ไม่ให้พลุ่งพล่าน...ไอ้เด็กนี่มันต้องการอะไรกันแน่!!??? แล้วนิดนึงเหอะนะ...นี่มันใช่คำพูดที่พูดกับคนอายุมากกว่าเกือบสิบปีรึไง!!??
“ผมรู้นะว่าคุณก็ไม่ได้ตั้งใจจะชนผม แต่ปกติแล้วว่ากันด้วยกฎหมายจริงๆ.. ต่อให้ไม่ใช่เรื่องความเร็ว...รถใหญ่น่ะยังไงก็ผิดอยู่ดี แถมนี่ก็ดีแค่ไหนแล้วที่ผมเจ็บแขนซ้าย คุณก็แค่ไปรับไปส่งผมจนกว่าแขนผมจะหาย..ถ้าเป็นแขนขวาล่ะก็...คุณอาจจะต้องไปช่วยผมเล็กเชอร์ในห้องเรียนด้วยนะ”
“โอ้ย!! พอแล้ว!! ตกลงๆ!! พอใจยัง??!! บ้านนายอยู่ไหนล่ะ!!?”
............
..........................
กว่าจะเลิกประชุมเสร็จก็ปาไปเกือบสิบเอ็ดโมงกว่า...แจจุงเดินออกมาจากห้องด้วยอาการมึนไม่น้อย..ก็จะไม่ให้เขาปวดหัวได้ยังไงล่ะ? นี่เขาแทบจะเหมือนคนมีลูกไปแล้วจริงๆเหอะ...นอกจากจะประชุมผู้ปกครองอะไรนี่แล้ว..ผลสอบกลางภาค ปลายภาคของไอ้เด็กนี่ เขาก็ต้องมารับอีก...แถมอาจารย์ยังบอกกับเขาอีกว่า..ถึงแม้ยุนโฮขะได้เพื่อนที่เคยเรียนที่อเมริกามาก่อนแต่เพื่อนสองคนที่ว่านั่นย้ายกลับมาเกาหลีตั้งแต่ม.ต้น ยังไงซะอาจารย์ก็เลยอดเป็นห่วงยุนโฮไม่ได้...และเน้นย้ำว่าจะดูแลให้ดีที่สุด ซึ่งจะต้องขอความร่วมมือจากผู้ปกครองด้วย...
เห้อ~ นี่เขาน่าจะให้แม่เขามารับหน้าที่นี้แทนมากกว่ามั้ง...เจ้าตัวคงเต็มใจทำอยู่แล้วล่ะ..อยากได้ลูกชายแบบยุนโฮจะแย่นี่นะ...แต่ก็เอาเถอะ...ตอนนี้มันยังไม่ได้เหนือบากกว่าแรงอะไรนี่...ดูไปอีกหน่อยก็แล้วกัน...ถ้าไม่ไหวยังไง ค่อยว่ากันอีกที...
อะไร? เขาไม่ได้หาข้ออ้างอะไรทั้งนั้นนะ!!...ก็..ก็เด็กมันอุตส่าห์ขอความช่วยเหลือเขาทั้งที...จู่ๆจะโยนไปให้คนอื่นรับผิดชอบแทน เดี๋ยวเด็กมันก็อาจจะเสียใจก็ได้นี่น่า...
“พี่แจจุง..”
ร่างบางที่กำลังหมกมุ่นอยู่กับความคิดตัวเองชะงักเท้าที่กำลังจะก้าวและหันไปตามเสียงเรียก.. “อ้าว ยุนโฮ..”
“เป็นยังไงบ้างครับ?”
“ก็ไม่มีอะไรมากนะ...อาจารย์เขาก็แค่เป็นห่วงเรื่องเรียนเรานิดหน่อยน่ะ..”
“อ๋อ...แหะๆ..”ยุนโฮเกาท้ายทอยแก้เขินพลางหลุบตาลงต่ำ.. “ผมมีปัญหาวิชาวรรณคดีเกาหลีน่ะ...คำศัพท์โบราณผมไม่ค่อยรู้จักแต่วิชาอื่นก็ไม่มีปัญหาอะไรนะ...”
“อืมพี่เข้าใจ...เอาเป็นว่า..ถ้ามีอะไรให้พี่ช่วย...ก็บอกละกัน..”
เด็กหนุ่มพยักหน้ารับรู้...“เอ่อ...พี่แจจุง”
“หืม?”
“เอ่อ...ดึกหน่อยวันนี้พี่ว่างมั้ย?”
“??”
“คือผมอยากให้พี่สอนทำอาหารให้น่ะ...พอดีอาทิตย์ที่แล้วยุ่งๆ ผมก็เลยไม่ได้ติดต่อพี่เลย..”
“อะ..อ๋อ...ก็...ก็ได้นะ...”
“แต่ว่าดึกหน่อยนะ..พอดีผมต้องแวะไปหาเพื่อนคนหนึ่ง..เมื่อเช้าเขามีอุบัติเหตุนิดหน่อย..ก็เลยว่าจะไปเยี่ยมที่บ้าน...”
“แล้วเราไปเองเป็นรึเปล่า? จะให้พี่ขับรถไปส่งมั้ย?”
“ไม่ต้องหรอก ผมจะไปกับเพื่อนอีกคนน่ะ ที่ผมเล่าให้พี่ฟังไงว่าผมได้เพื่อนที่เคยเรียนที่อเมริกามาก่อนสองคน...เขาสองคนนั้นเป็นเพื่อนกัน..”
แจจุงพยักหน้ารับรู้...ยุนโฮล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงก่อนจะหยิบกระเป๋าเงินและคว้าเอาการ์ดบางอย่างออกมา...
“นี่คีย์การ์ดห้องผมนะ...พี่เลิกงานแล้วไปก่อนเลยก็ได้...”
แจจุงยื่นมือออกไปรับ...
“ผมคิดว่าพี่น่าจะเลิกงานก่อน...กว่าผมจะถึงบ้านก็น่าจะประมาณทุ่มสองทุ่ม...พี่แจจุงไปรอที่ห้องก่อนเลยน่าจะดีกว่า...”
“โอเค..”
“แล้วเจอกันนะครับ”เด็กมันฉีกยิ้มกว้างโชว์เขี้ยวเสน่ห์ให้อีกคนใจเต้นก่อนจะหมุนตัวจากไป...
แจจุงหันหลังบ้างพลางก้มหน้าลง เป่าลมแรงๆออกจากปากหวังเผื่อมันจะช่วยระบายความร้อนภายในร่างกายได้บ้าง...มือขาวบางถูกยกขึ้นเพื่อพัดเอาลมแถวนั้นเข้าช่วยด้วยอีกแรง...
เพลียเหลือเกินกับไอ้เด็กหล่อคนนี้!!!!
.......
........................
ตกเย็นวันนั้นหลังจากเลิกงานแจจุงก็แวะเข้าซุปเปอร์มาร์เกตใกล้บ้านยุนโฮเพื่อซื้อของที่จะทำเป็นมื้อเย็น...วันนี้ทั้งวันเขาไม่ได้เจอจุนซู ตอนเลิกงานโทรไปเจ้าตัวรับแต่ก็คุยได้แป๊ปเดียว เห็นบอกว่ายุ่งอยู่...แต่ก็มีบอกเรื่องรถชนว่าเคลียร์เรียบร้อยดี แล้วยังไงวันพรุ่งนี้จะมาอัพเดทให้ฟัง...
ร่างบางเข็นรถเข็นไปตามทางเรื่อยๆ...ในหัวก็พลางคิดว่าจะทำอะไรให้ยุนโฮกินดี...จริงๆเขาก็อดแปลกใจไม่ได้เถอะ...วันก่อนได้คุยกับพ่อแม่ของยุนโฮที่โทรมาขอบคุณเขาที่ช่วยดูแลลูกชายให้...ทั้งคู่พูดถึงเรื่องการกินของเด็กมันว่าจะชินกับอาหารเกาหลีไหม...เพราะบางอย่างยุนโฮเองก็ไม่ชินปาก...กินเผ็ดก็ไม่เก่ง...ยุนโฮเป็นเด็กที่เรียกได้ว่าเติบโตมาเหมือนเด็กอเมริกันอย่างแท้จริง...คนเป็นพ่อเป็นแม่ก็เลยอดที่จะห่วงไม่ได้...
แล้วทำไมวันนั้นถึงไม่ยอมซื้ออะไรที่เป็นอาหารฝรั่งเลยนะ...ถึงจะบอกว่ามาอยู่เกาหลีก็ต้องกินอาหารเกาหลีก็เถอะ..แต่ถ้ามันยังไม่ชินขนาดนั้นก็น่าจะมีซื้อไว้บ้าง...แถมกิมจิจิกเกะที่เขาทำให้เด็กวันนั้นก็กินซะเกลี้ยง...ทั้งๆที่ก็เห็นนะ ว่าเด็กมันก็แสดงออกว่าเผ็ด...
........
..........................
พอกลับถึงคอนโด...แจจุงก็เสียบคีย์การ์ดเข้าไปในห้อง....มือขาวกดเปิดไฟก่อนจะเดินเข้าห้องครัว..จัดแจงวางข้าวของลงกับเคาน์เตอร์...ร่างบางเดินไปเปิดตู้เย็นเพื่อจะหาน้ำดื่ม...เขาคว้าขวดน้ำที่วางอยู่ข้างประตูด้านล่างสุดในตู้เย็นออกมาพลางมองเข้าไปในตู้เย็น...และเมื่อเห็นความว่างเปล่าในนั้นก็อดแปลกใจไม่ได้...แจจุงเปิดดูตามตู้ต่างๆก็พบว่าว่างเปล่าเช่นกัน...
นี่แสดงว่าตั้งแต่ที่เขาทำอาหารให้เด็กมันกินอาทิตย์ก่อน เด็กมันไม่ได้ซื้ออะไรเข้ามาเลยหรอเนี่ย?? แล้วที่ผ่านมากินอะไรไปบ้างล่ะ??? หรือกินมันข้างนอกตลอด??
ขณะที่กำลังคิดสะระตะอยู่นั้น จู่ๆฟ้าก็ร้องเสียงดังพร้อมๆกับที่ฟ้าแลบตามมาติดกันหลายครั้ง...แจจุงเดินไปที่หน้าต่างห้องรับแขกแง้มม่านออกดูก็เห็นว่าข้างนอกฝนกำลังเทกระหน่ำลงมาอย่างหนัก...
แย่ล่ะ!! แล้วยุนโฮอยู่ไหนแล้วเนี่ย??!!
แจจุงรีบวิ่งกลับเข้าไปในครัวพลางหยิบมือถือโทรหาอีกคนทันที...
“ฮัลโหล! นี่เราอยู่ไหนแล้ว?? ”
“ผมใกล้จะถึงแล้วครับพี่แจจุง”
“ตอนนี้ข้างนอกฝนตกหนักมากเลยนะ...”
“ผมรู้ครับ จู่ๆก็เทลงมาตอนผมกำลังจะข้ามถนน...นี่อีกบล๊อกเดียวก็ถึงคอนโดแล้ว”
ร่างบางถอนหายใจ... “เร็วๆเข้าล่ะ..”
หลังจากวางสายไปไม่ถึงสิบนาที....เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น...แจจุงถลาวิ่งไปเปิดประตูขณะกำลังล้างผัก...
สภาพคนตรงหน้าเป็นอย่างที่เขาคิดไว้ไม่มีผิด...เปียกมะลอกมะแลกยังกับลูกหมาตกน้ำเลยน่ะสิ!!
“รีบๆไปอาบน้ำเลย เดี๋ยวก็ไม่สบายกันพอดี..”แจจุงว่าพลางคว้าเอากระเป๋านักเรียนมาแล้วก็ช่วยยุนโฮถอดสูทตัวนอกที่เป็นส่วนหนึ่งของเครื่องแบบนักเรียนออก...พอยุนโฮหมุนตัวกลับมาเผชิญหน้า ร่างบางก็แทบจะพูดไม่เป็นคำไม่เป็นภาษากันเลยทีเดียว...
รู้สึกเกลียดความจริงที่ว่าเสื้อนักเรียนมันสีขาวก็วันนี้แล่ะ!!!..
ก็เพราะว่าเสื้อขาวแล้วเปียกแบบนี้....มันก็เห็นไปถึงไหนๆน่ะสิ!!! แถมไปยืนห่างๆหน่อยก็ได้!!!!!!! จะขยับเข้ามาใกล้ๆทำไมเล่า!!??
“วันนี้พี่แจจุงจะทำอะไรหรอ?”
มือขาวบางคว้าคอเสื้อของอีกคนที่เดินผ่านโดยเบียดเขาซะชิดก่อนจะมุ่งไปทางครัว.. “ไปอาบน้ำก่อนเลยนะ...เดี๋ยวก็ได้หวัดกินหรอก...”
ยุนโฮว่าง่ายแต่โดยดี...มือใหญ่คลายเนคไทด์ออกแล้วส่งให้แจจุงก่อนจะดึงชายเสื้อที่สอดอยู่ในกางเกงออกมาและทำท่าจะถอดเสื้อมันซะตรงนั้น...
“นี่ทำอะไรน่ะ!!?? ไปถอดในห้องน้ำสิ!!”
เด็กหนุ่มชะงักมือที่กำลังแกะกระดุมเสื้อเม็ดที่สอง...ก็กว่าแจจุงจะมีสติเรียกยุนโฮ กระดุมเม็ดแรกก็ถูกถอดออกไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว...และตอนนี้ส่วนหนึ่งของแผ่นอกกว้างที่เปียกชื้นก็มาลอยเด่นอยู่ตรงหน้าเขาแล้วเนี่ย!!
ยุนโฮกดยิ้มเล็กน้อย... “อะไรกัน? จนป่านนี้พี่ก็ยังอายอยู่อีกหรอ?”
“อะ...อายบ้าอายบออะไรล่ะ??!! ไม่เห็นรึไงว่าพื้นเปียกหมดแล้วเนี่ย!!! รีบๆเข้าห้องน้ำไปเลยนะ!!”แจจุงไม่เปิดโอกาสให้ยุนโฮได้ต่อความอะไรทั้งสิ้น..พอพูดจบก็ดันแผ่นหลังกว้างของอีกคนไปยังห้องน้ำทันที...
เมื่อประตูห้องน้ำปิดลง...ร่างบางก็ก้มหน้าซบกับสูทในมือทันที...
โอ้ย ตอนเห็นเด็กมันเปลือยตอนนั้น เขาก็เป็นเอามากซะขนาดนั้น...
แล้วถ้ามาเห็นเอาตอนนี้ เขาไม่หัวใจวายเฉียบพลันตายเลยรึยังไงกัน??
ไอ้เด็กบ้า!!!!
2BC
Talk
มาแล้ววววว รีบมาลงให้ก่อนจะหนีไปอ่านรายงาน(อีกแล้ว T_T) คราวนี้ต้องอ่านเกือบสี่สิบหน้าแล้วตัวอักษรก็นะ...คนที่เคยอ่าน Text น่าจะรู้กันนะคะว่ามันเล็กขนาดไหน... คือว่าจะแบบอ่านก่อนแล้วมาลงฟิก แต่ก็ไม่ได้อะ ทำใจไม่ได้ ๕๕๕๕ ไม่มีอารมณ์อ่านแน่ๆ ใจมันอยากจะเขียนอยู่ตลอดเวลา ไปไหนมาไหนพกกระดาษกับปากกา เวลานั่งรถไฟใต้ดินไม่มีไรทำ นึกอะไรได้จะได้จดมันลงไป ๕๕๕ เรื่องนี้แต่งแล้วมีความสุข เขียนไปเขินเองซะงั้น ๕๕๕๕๕ อยากได้ผู้ชายแบบนี้บ้างอะไรบ้าง...
จากตอนที่แล้วทุกคนคงเดาได้แล้วว่าปาร์คกับยุนโฮเป็นอะไรกัน แต่มันยังมีอีกคนอยู่นะ...ยุนโฮไม่ได้มีเพื่อนแค่คนเดียวนะเออ... มีใครเดาออกแล้วบ้างป่าวว่าเป็นใคร?? ๕๕๕๕ ใบ้ให้ว่าอยู่ในฟิกอันๆแทบทุกเรื่อง (ยกเว้น Short Fic) เองมั้ง...(คนอ่านคงแบบ ใครอยากรู้ฟระ ไม่ได้ถามสักหน่อย ๕๕)
ไปละคะ ไว้มาใหม่เน้อ ไม่รับปากอีกเช่นกันว่าจะมาเมื่อไร ๕๕๕๕ แต่จะรีบปั่นให้เร็วที่สุดเน้~
ปล. ช่วงนี้เหมือนตัวเองขี้เกียจมากขึ้นทุกที เรียนแค่สองวัน แต่ทำไมรู้สึกเวลาผ่านไปเร็วก็ไม่รู้ ๕๕๕ เอาแต่นอนทั้งวันด้วยนะจริงๆแล้ว ก๊ากกก
ปล.2 กำลังคิดว่าจะโชว์บินกลับไทย ชักจะไม่ไหวละ อันๆไม่ได้ตามทงบังมาสี่ปี ไม่ได้เจอหน้า ชชม ที่รักมาสี่ปีแล้วววววว แล้วดูดิเอะอะๆ ทั้งห้าคนเลยอะ ไปไทยบ่อยมากกกกกก จนอันๆคิดว่านี่กูมาทำอะไรที่ไต้หวันฟระ = =” เคยคิดว่าอยู่นี่น่าจะตามง่ายกว่า แต่ขอบอกว่าไทยน่ะดีสุดละ มันไปบ่อยมากกว่าตอนกลับเกาหลีอีกเหอะ เหอๆๆ เอสเจที่ไทยเราก็ตามง้ายง่าย ที่นี่อย่าหวัง... เหอะๆ บอกแม่ว่าจะบินกลับไปแฟนมีทมินโฮได้ไหม แม่แทบจะโบก ๕๕๕๕๕ คือถ้าอันๆชอบอีกสามตัวก็ดีสิ มีทเจวายเจมันเป็นอาทิตย์สอบมิดเทอมพอดี แล้วอันๆไม่มีสอบในตารางเลย แค่พรีเซ้นก่อนอาทิตย์สอบแค่นั้น... แบบนั้นจะได้บินกลับไปแล้วอยู่นานหน่อย แม่ก็คงโอเคกว่าแบบบินไปเพื่อมีทแล้วกลับ เหอๆๆ (แม่ถามจะให้บอกพ่อว่าอะไร? อันๆบอกก็จะไปนอนบ้านอาม่าแทน ไม่กลับบ้านก็แล้วกัน ๕๕) แต่ก็อีกล่ะ เจวายเจมันให้ซื้อมือถือนี่ป่ะ? ขืนซื้อมือถืออีก คราวนี้แม่คงเขวี้ยง 3310 มาให้ใช้แทนละ...เห้อ เอาเป็นว่าความเป็นไปได้ต่ำมาก เพราะตั๋วแพง T_T ถ้ามีแบบแต่ก่อน ตั๋วแอร์เอเชียไรเงี้ย ไม่คิดมากละ บินกลับทุกอีเว้นท์ ๕๕๕๕
ปล.3 ปล.2 จะยาวไปไหน?? = =”
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น